ข่าวละคร "ธิดาแดนซ์"
"ยีนส์-เกวลิน" เตือนตัวเองอย่าหลงแสงสี
ชู "ธิดาแดนซ์" ให้มากกว่าความบันเทิง
ถือเป็นเด็กปั้นของ แดง-สุรางค์ เปรมปรีด์ ที่มีผลงานละครอย่างต่อเนื่อง สำหรับนางเอกหน้าหวาน ยีนส์-เกวลิน ศรีวรรณ กับบทบาทการแสดงละครเรื่องล่าสุด “ธิดาแดนซ์” ของค่ายเพ็ญพุธ ในเครือจันทร์ 25 ที่เธอต้องร้องเล่น เต้น แดนซ์แบบกระจาย งานนี้เธอไม่ได้มาเดี่ยว มีอีกสองสาวอย่าง เม-นิศาชล ต้วมสูงเนิน ในบท ชมบงกช และ เฟื้อง-รักชน พุทธรังสี ในบทสร้อยเพชร มาร่วมแชร์ความสนุกด้วย เรามีโอกาสได้พูดคุยกับสาวยีนส์กลางกองถ่ายละคร “ธิดาแดนซ์” ที่เธอบอกว่าเป็นละครที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่งของเธอเลยทีเดียว
นี่เป็นผลงานเรื่องที่ที่สามแล้วใช่มั้ย ?
"ใช่ค่ะ ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะมีความแตกต่างกันออกไป โดยเรื่องแรก “ลับลวงหลอน” ก็จะออกไปในแนวชอบแกล้งพระเอก คาแร็กเตอร์ฮาๆ ขำๆ แก่นนิดๆ แต่มาเรื่องสอง “มิสเตอร์บ้านนา” ก็จะประมาณคุณหนู ชอบแต่งตัว เอาแต่ใจตัวเอง ขี้เหวี่ยง พอมาเรื่องสามต่างกันลิบลับ เรื่องนี้รับบท “ฝน” เป็นผู้หญิงที่รักแม่ เรียบร้อยแต่ก็มีความร่าเริง ลักษณะมีความเป็นผู้นำต้องดูแลน้องสาวสองคน ตรงข้ามกับตัวจริงเลยซึ่งยีนส์ไม่ได้เรียบร้อยขนาดนี้ แต่ถ้าถามว่าเรื่องไหนใกล้เคียงยีนส์ที่สุด ตัวจริงยีนส์ติดห้าวนะ จะว่าไปไม่มีหรอกมันเหมือนเรื่องละนิดละหน่อยผสมกันมากกว่าค่ะ"
กับบทบาทใหม่ยากหรือลำบากมากน้อยแค่ไหน?
"ลำบากค่ะ ตอนแรกที่ถ่ายทำก็งงเหมือนกันว่าจะทำยังไงให้ตัวเองซอฟลง หวั่นใจเหมือนกันว่าเราจะแสดงได้มั้ย คนดูแล้วจะเชื่อเราเปล่า เพราะปกติจะโก๊ะมาก ท่าทางก็ไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่ ตอนแสดงก็พยายามเก็บนิดนึง ทำตัวให้เป็นผู้หญิงหน่อย แต่ใครๆ ก็บอกว่ายีนส์หน้าหวานนะ มันก็ช่วยกันได้ บวกกับคำพูดที่ออกจะเป็นหญิง มีความสละสลวยมันก็ช่วยเราได้เยอะนะ"
ตอนไหนที่เล่นมาแล้วรู้สึกยากที่สุด ?
"ตอนแรกๆ รู้สึกยากที่สุด เพราะเราต้องพยายามจูนให้เข้ากับตัวละคร พอรู้ว่าคาแร็กเตอร์ต้องเป็นยังไงมันก็เลยง่ายขึ้น เพราะปกติยีนส์จะถนัดกับแนวดราม่า พวกซีนอารมณ์ยีนส์จะทำได้เสมอไม่ค่อยมีปัญหา ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเมื่อเราเข้าใจกับบทแล้วเราจินตนาการตามไปเราก็จะไหลรื่นไปกับบทได้เลย ไม่ถึงนาทีน้ำตาก็ไหลออกมาได้แล้วค่ะ คือยีนส์จะพยายามเล่าเรื่องให้ตัวเองฟังแล้วก็คิดตามเดี่ยวน้ำตาก็ไหลออกมา แต่ชีวิตจริงยีนส์ไม่ขี้แงนะ อย่างเวลาดูซีรีส์เกาหลีตอนที่ต้องร้องไห้เราก็ไม่ร้องไห้ ดูละครเขานั่งร้องไห้กันเราก็นั่งมองเขาแต่เราก็ไม่ร้องยังงงเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ร้องนะ เหมือนเป็นคนตามทันอารมณ์ช้า ถ้าไม่ขำจริงๆ ก็ไม่ขำค่ะ"
ร่วมงานกับพระเอกใหม่ “พ้อยท์-ชลวิทย์” เป็นอย่างไรบ้าง ?
"มันคงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพ้อยท์แน่ เพราะตอนที่เราแสดงละครเรื่องแรก ยีนส์ก็รู้สึกว่ายากนะ ในขณะเดียวกันก็เกร็งว่านักแสดงที่เราร่วมงานด้วยจะมองว่าเราเป็นนักแสดงหน้าใหม่หรือเปล่า ซึ่งก็คิดว่าพ้อยท์ เขาก็คงต้องรู้สึกแบบนี้เหมือนกันแน่ ยีนส์ก็เลยพยายามจะจูนเข้าหากันต้องช่วยกันบ้างค่ะ อะไรที่ง่ายๆ ก็จะบอก อาทิ เรื่องมุมกล้อง เรื่องอย่าบังไฟอะไรแบบนี้ คือถ้าไม่พะวงเรื่องบล็อกกิ้งอย่างอื่นก็จะตรง แล้วก็บอกเขาอีกว่าเวลาเข้าฉากให้ปล่อยความคิดทุกอย่างให้หมด แล้วคิดว่าเราเป็นตัวละครตัวนั้นภาพรวมคืออะไรมันก็จะง่ายขึ้น ซึ่งพ้อยท์ก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยตลกนะคะเป็นคนที่จริงจังกับงาน อาจเป็นเพราะเป็นละครเรื่องแรกด้วยมั้ง บ่อยครั้งก็จะเห็นมุมเครียดของพ้อยท์บ่อยๆ แทบจะทุกซีน อย่างเวลาพูดไดอาล็อกถ้าติดจะเห็นชัดเลยว่าสีหน้าจะเกร็งแล้วจะนึกตลอดว่าต่อไปจะพูดอะไร สีหน้าจะเห็นชัดเจนว่าเครียดตึงเลย ยีนส์ก็จะพยายามช่วยบอกว่าขอเวลาแปบนึงสัก 5 วินาที ให้ได้หัวเราะหน่อยมันก็ช่วยได้ค่ะ เรื่องแบบนี้ไม่แปลกหรอกสำหรับนักแสดงหน้าใหม่นะ"
ในเรื่องนี้ “ฝน” ในตอนท้ายจะรู้ว่าใครคือแม่ตัวจริง ถ้าชีวิตจริงเจอเรื่องแบบนี้จะทำอย่างไร ?
"ก็คงตกใจช็อคเหมือนกันว่าทำไมหายไปนาน มาเจอกันก็โตแล้วๆก่อนหน้าทำไมตอนเล็กๆไม่ตามหากันเลยหรือ ทำไมมาตามหาตอนโตล่ะ เชื่อว่าในใจคงต้องมีคำถามแบบนี้แน่ แต่ในละครแม่ไม่กล้ามาแสดงตัวซึ่งในละครแรกๆโกรธนะ แต่ชีวิตจริงยีนส์ว่าถ้าเจอแบบนี้คงงงมากกว่าค่ะ"
และถ้าเจอผู้ชายมาโกหก ปิดบังตัวจริงว่าเราเป็นใคร เหมือนพระเอกในละครจะโกรธมั้ย ?
"โกรธสิ ยีนส์จะเกลียดมากเลยกับคนโกหก แต่ถ้ามีเหตุผลที่เรารับได้ก็พอจะให้อภัยได้ แต่หลังจากนั้นยังโกหกอีกยีนส์ก็ไม่เอาเหมือนกันผู้ชายแบบนี้ถ้ารู้ว่ายังหลอกเราอีก แม้จะรักยีนส์ก็สามารถตัดได้โดยง่ายดายนะเพราะยีนส์รับไม่ได้จริงๆ กับการโกหกกัน"
เป็นละครอีกเรื่องที่ต้องร้องเพลงอีกแล้ว ?
"ใช่ค่ะ นี่เป็นเรื่องที่ 3 แล้ว ที่ต้องร้องเพลง ในเรื่องได้เป็นนักร้องแต่งตัวเต็มยศอีก แต่ยีนส์ไม่เคยเรียนร้องเพลงเป็นเรื่องเป็นราว แต่ตอนก่อนลงประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ยีนส์ไม่เคยคิดจะร้องเพลงนะแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆไปลงประกวดเดอะสตาร์ 8 แล้วก็ได้เข้ารอบสุดท้าย 10 คนสุดท้ายที่จะชิงเป็นตัวแทนภาคกลาง ก็ยังงงว่าเข้ามาได้ยังไงแต่เมื่อเข้ามาแล้วเห็นคนอื่นเสียงดีกันทั้งนั้นก็เริ่มรู้สึกน่าหลงใหลแล้วล่ะ ซึ่งในตอนนั้นก็ได้รู้จักแกงส้ม (ธนฑัต) ก็ปรึกษาว่าจะร้องเพลงให้ดีต้องร้องยังไง แกงส้มก็บอกว่าเขาไปเรียนมาหลังจากนั้นก็มาฝึกเพิ่มเอง ยีนส์ก็เลยถามถึงวิธีการใช้เสียงปล่อยเสียงทำไง เป็นที่ปรึกษาเรื่องร้องเพลงได้ดีมากค่ะ ก็ไม่คิดว่าพอมาเล่นละครแล้วจะได้ร้องเพลงทั้ง 3 เรื่องเลย มันคงเป็นพรสวรรค์แต่ก็ไม่ได้เก่งมากหรอก"
แล้วที่ผ่านมาคนวิจารณ์เสียงร้องว่าอย่างไร ?
"ส่วนมากก็บอกว่า “เนื้อเสียงดี” ให้ไปเรียนร้องเพลงให้เก่งเลยนะ อยากไปนะแต่เวลาเรียนมันต้องเรียนต่อเนื่องทุกอาทิตย์ความที่ไม่มีเวลาก็เลยยังไม่ไปเรียนสักที ถามว่าอยากเป็นนักร้องมั้ย ก็อยากนะ แต่ถ้าจะเป็นยีนส์คงต้องขอไปเรียนฝึกให้ดีกว่านี้หน่อย แล้วอยากร้องเพลงหลายๆ แนวถ้ามีโอกาสก็อยากออกอัลบั้มค่ะ"
ในละครต้องร้องพลงกี่เพลง ?
"ร้อง 3 เพลงค่ะ เป็นแนวเพลงลูกทุ่ง มีเพลงหนึ่งร้องกับพ้อยท์ อีกเพลงหนึ่งร้องคนเดียว และอีกเพลง “ธิดาแดนซ์” ร้องทั้งสามสาว มันร้องยากทีเดียวเพราะมีลูกเอื้อนด้วย ที่ร้องออกมาได้ผลก็มาจากครูพักรักจำอีกนะ กว่าจะได้เป็นเพลงก็ร้องอยู่นาน"
เห็นว่าใจจริงฝันอยากเป็นนักบิน ไม่เคยฝันอยากเป็นนักแสดงเลยหรือ ?
"ค่ะ อยากขับเครื่องบิน ไม่ก็หมอ เพราะยีนส์เรียนสายวิทย์ แต่ไหนๆ เมื่อก้าวเข้ามาสู่ตรงนี้แล้วถ้ามีโอกาสก็อยากทำให้ครบวงจรทั้งเป็นนักแสดง และเป็นนักร้องค่ะ"
คิดว่าละคร “ธิดาแดนซ์” คนดูแล้วจะได้อะไรบ้าง ?
"ก็น่าจะได้ในแง่ของการมีความทะเยอทะยาน คาดหวังสูง เมื่อใครก็ตามที่ได้ก้าวเข้ามาอยู่ตรงนี้ แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดหรอก มันขึ้นอยู่กับจังหวะชีวิตว่ามันจะมาหรือไม่มา แล้วมันสอนให้เรารู้ว่าจะต้องมีการเตรียมใจกันอย่าคาดหวังสูง แต่ถ้าเราสามารถคว้าโอกาสมาได้เราก็จะต้องรักษามันเอาไว้ให้ดี อย่าไปหลงเพราะทุกอย่างไม่มีอะไรยั่งยืน ซึ่งมันก็สอนยีนส์ได้เหมือนกันเพราะจำได้ว่าตอนเข้ามาในวงการใหม่ๆ ก็มีพี่ๆ ในวงการสอนเหมือนกันว่าอย่าไปหลงแสงสี มองว่าตัวเองเป็นดาราแล้วคนอื่นธรรมดาอย่ามายุ่งกับฉัน...ซึ่งก็มีคนนอกหลายๆ คนพี่ๆ น้องๆ ไม่กล้าเข้ามาคุยกับเรา ยีนส์เลยต้องพยายามปลดปล่อยให้เขาเห็นว่าเข้ามาคุยกับเราได้นะ อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ไปงานวันเกิดพี่คนหนึ่ง ยีนส์ก็เต้นบ้าๆ บอๆ ไม่มีแอ๊บ ปรากฏว่าทุกคนชอบกันใหญ่กล้าเข้ามาคุยกับเรามากขึ้น ทุกวันนี้เลยกลายเป็นที่รักของพี่ๆ กระเทยชอบใจกันใหญ่ ทั้งๆ ที่ทีแรกเขาบอกว่าแอนตี้ยีนส์มาก ดูละครเรื่องแรกที่เล่นยังงงว่ามาเป็นนางเอกได้ไง สวยก็ไม่สวย ออร่าก็ไม่มี แต่พอมาเจอในงานนั้นเขาบอกว่าเปลี่ยนใจมารักเราแล้ว แค่การกระทำบางอย่างมันก็สามารถเปิดใจทุกคนได้จริงๆ นะ อยากบอกว่าดูละครเรื่องนี้มันจะบอกอะไรคุณได้แน่ๆ นอกเหนือจากความบันเทิงค่ะ"