อย่าลืมฉัน ตอนที่ 12
เขมชาติขับรถเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านสุริยง สีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่สุริยง ที่นั่งคุยกับเอื้อแบบนิ่งๆ ยิ้มๆ เหมือนไม่มีอะไรในใจ แต่ก็ไม่วายถามเหมือนตั้งใจจะหยั่งเชิง
“มีใครเล่าอะไรให้ฟังอีกคะ”
“วนิตา เขาเป็นเพื่อนกับอร เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แล้วเขาก็เห็นเขมชาติดูแลคุณอย่างดี ดีจนผิดสังเกต
“แล้ว?”
“แล้วผมก็เลยกลัวว่าคุณจะหวั่นไหว”
สุริยงยิ้มนิดๆ แอบโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องในอดีต
“เรารู้จักกันมานานนะคะ คุณเอื้อน่าจะรู้ หนูเล็กเป็นคนยังไง แค่การดูแลอย่างดี ไม่ว่าจะดีแค่ไหน ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้หนูเล็กหวั่นไหว”
สุริยงมองหน้าเอื้อ แววตาหนักแน่น เอื้อฟังแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ เพราะตัวเอง ก็อยู่ในข่ายทำดีเท่าไหร่ก็ไม่หวั่นไหวเหมือนกัน
“ใช่ ผมรู้ ผมรู้ว่าหนูเล็กเป็นคนยังไง แต่ผมไม่รู้ว่าเขมชาติเป็นคนยังไงกันแน่ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรและกำลังทำอะไร ผมแค่อยากเตือนให้ระวัง ผมเป็นห่วง”
สุริยงฝืนยิ้มเหมือนไม่มีอะไร
“ขอบคุณค่ะ”
เอื้อพยักหน้ารับคำขอบคุณ ทันใดนั้นเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ปิ๊งป่อง!
สุริยงได้จังหวะ รีบตัดบท
“ผู้อำนวยการคงมาแล้ว ฝากคุณเอื้อส่งคุณเกนด้วยนะคะ”
เขมชาติยืนร้อนรนใจ กำลังจะกดออดอีกครั้ง ประตูบ้านก็เปิดออก เกนหลงเดินออกมา พร้อมๆ กับเอื้อ ที่ถือถุงขนมตามมา
“มาแล้วค่ะ แหม ใจร้อนไปได้”
เอื้อกับเขมชาติประสานสายตากัน ต่างคนต่างรู้ ว่ามีความรู้สึกบางอย่างกรุ่นๆ อยู่ข้างใน
“สวัสดีครับคุณเขม”
“สวัสดีครับ อะไรครับเนี่ย?”
“ฝอยทองค่ะ คุณแม่คุณสุทำขาย อร่อยมาก เกนเลยเหมามาหมด มีของเขมด้วยนะคะ”
เขมชาติยิ้มรับ
“น่ารักจัง ขอบคุณมากครับ” พลางหันมารับจากเอื้อ “ผมจัดการเองครับ”
เขมจะเข้าไปเยี่ยมคุณสุหน่อยมั้ยคะ?”
เอื้อรอฟัง เขมชาติชะงักคิด แล้วก็ตอบยิ้มๆ
“ไม่ดีกว่าครับ ผมมาเพื่อมารับเกน ไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมใคร”
“พูดแบบนี้ เป็นเจ้านายที่ไม่น่ารักเลยนะคะ แต่คุณสุเขาไม่สนหรอกค่ะ เพราะเขามีพี่เอื้อคอยดูแลอย่างดี”
เอื้อยิ้มกว้างอย่างถูกใจ ในขณะที่เขมชาติสะอึก ฝืนยิ้มแห้งๆ
เกนหลงหันมาทางเอื้อ “เกนกลับก่อนนะคะ”
เอื้อยิ้มรับ เขมชาติหันมาเปิดประตูให้เกนหลงขึ้นรถไป ก่อนที่จะปิดประตู แล้วหันมาทางเอื้อ
“ขอบคุณที่ขับรถพาคุณเกนมาที่นี่ แต่คราวหน้า ผมขอเป็นคนดูแลเอง”
เอื้อชะงักกึก เขมชาติพูดต่อ
“ฝากบอกแม่เลี้ยงคุณด้วยว่า ผมให้พักจนกว่าขาจะหาย เรื่องงานผมจะให้คุณเกนดูแลเองขอบคุณครับ”
เขมชาติยิ้ม พยายามทำเหมือนไม่แคร์สุริยง แล้วก็เดินกลับไปที่รถ เอื้อมองตามคิด “ยังไงกันแน่?”
“ตกลงเขมชาติคิดยังไงกับนังสุริยงกันแน่”
อัมพิกาพูดด้วยความสงสัย
“พูดกับเราอีกอย่าง แต่ลับหลังทำอีกอย่าง ตกลงจะกิ๊กหรือจะเกลียดกันแน่”
อรทัยรีบตั้งข้อสังเกต
“ตอนแรกอาจจะเกลียด แต่พอเจอมารยาก็เลยเปลี่ยนใจอยากจะกิ๊กก็ได้นะคะ พี่เอื้อก็เคยเป็นมาแล้ว เมื่อก่อนเกลียดยังกะอะไรดี ดูตอนนี้สิคะ เฝ้าเช้าเฝ้าเย็น”
อัมพิกาพยักหน้าเห็นด้วย
“มันก็เป็นไปได้ถ้าเขมชาติเกิดตกหลุมนังสุริยงจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เราจะต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ และมันจะต้องใหญ่พอที่จะทำให้ความรักของเขมชาติ และเกนหลงต้องสะเทือน”
อัมพิกายิ้มร้ายอย่างมั่นใจ
เกนหลงกำลังตัดเป็นชิ้นเล็กใส่จาน เขมชาติยืนมองด้วยความชื่นชม
“น่าทานมากๆเลยครับ นี่คุณเกนตื่นมาอบขนมเค้กตั้งแต่กี่โมงครับเนี่ย”
“ตี 5 ค่ะ”
เขมชาติตาโต “โอ้ว จะเช้าไปไหน”
เกนหลงใช้ช้อนตักเค้กชิ้นเล็กที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ยื่นมาตรงหน้าเขมชาติ
“ลองชิมก่อน แล้วบอกสิคะ ว่าคุ้มหรือเปล่า ”
เขมชาติตักเค้กตรงหน้าเข้าปาก จากนั้นก็ชูนิ้วโป้งสองนิ้วให้เกนหลง เกนหลงยิ้มปลื้ม
“ถ้าชอบ ก้อนนี้ของคุณค่ะ ส่วนในกล่องนี่ก็ของคุณสมคิด กับคุณวิบูลย์ แล้วก็คุณมาลัย วันนี้วันหยุดเขมช่วยให้คนไปส่งให้ที่บ้านทีนะคะ จะได้ทานกับครอบครัว”
เขมชาติมองเกนหลงแจกจ่ายขนมอย่างมีความสุข ความเป็นคนมีน้ำใจที่ทำให้เกนหลงยิ่งน่ารัก
“ส่วนอันนี้ของครอบครัวคุณสุ”
เขมชาติหุบยิ้ม จากนั้นก็เลียบๆเคียงๆถาม
“ผมก็ลืมถาม ไปเยี่ยมแม่เลี้ยงคุณเอื้อมาเป็นยังไงบ้าง? ตอนผมโทร.ไปได้ยินเสียงหัวเราะกันสนุกสนานเลย”
“สนุกมากค่ะพ่อแม่คุณสุน่ารักมากไก่กับไข่ก็น่ารักยิ่งตอนอยู่กับพี่เอื้อยิ่งน่ารัก พากันเล่นเหมือนเด็กๆเลยค่ะ คุณสุรักลูกมาก เธอคงอยากได้ผู้ชายที่เข้ากับลูกได้ดี เกนยังนึกไม่ออกเลยนะคะ จะมีใครเข้ากับเด็กสองคนนั้นได้ดีกว่าพี่เอื้อ”
เกนหลงพูดแล้วก็สงสารเอื้อ ตรงกันข้ามกับเขมชาติ ที่ฟังแล้วอิจฉา
ส่วนสุริยง ที่อาการเริ่มดีขึ้น ก็คลายผ้าอีลาสติกออกจากข้อเท้า พลางขยับไปมา ก่อนที่จะลุกจากเตียงเดินเกือบปกติออกจากห้อง ลงมาที่ห้องนั่งเล่น เห็นอาทิตย์ นภา นั่งกินเค้กฝอยทองของเกนหลงอย่างเอร็ดอร่อย
“เค้กฝอยทองจากไหนคะเนี่ย? น่าทานจัง”
นภายังเคี้ยวตุ้ย พูดด้วยความตื่นเต้น
“เค้กฝอยทองของคุณเกน อร่อยมากเลยหนูเล็ก ชื่นตักให้คุณหนูเล็กเร็ว”
“ค่ะๆ” ชื่นรีบกุลีกุจอรีบตักให้ สุริยงยิ้ม ๆ เดินมาสมทบ
“คุณเกนทำเอง แล้วก็ให้เด็กเอามาส่งให้เมื่อกี๊นี้เอง”
อาทิตย์รีบเสริม
“ทำให้ฝอยทองของเราอร่อยขึ้นอีกเยอะเลย ผมก็ยังคิดอยู่ คุณเขาซื้อไปตั้งเยอะ จะเอาไปทำอะไร ที่แท้ก็เอาไปทำเค้ก แล้วยังมีน้ำใจส่งมาให้เราอีก”
สุริยงรับขนมเค้กจากชื่นมาชิม แล้วก็ยิ้ม
“อร่อยมากจริงๆ ไก่ กับ ไข่ ต้องชอบมากๆแน่ แล้วนี่..หายไปไหนกันคะเนี่ย? เงียบเลย”
ชื่นรีบตอบ
“คุณไก่ กับ คุณไข่ ไปว่ายน้ำที่บ้านคุณเขมชาติค่ะ”
สุริยงพยักหน้าแล้วก็ชะงักกึก
“ หะ? ไก่กับไข่ ไปไหนนะ”
สุริยงถามด้วยความตกใจอย่างแรง
ไก่ ไข่ ยืนหน้าประหม่าๆ นิดๆ ในขณะที่วิบูลย์ยืนอยู่ตรงกลาง กอดคอคู่แฝดไว้ ที่พื้นมีกระเป๋า แผ่นโฟม อุปกรณ์ว่ายน้ำของเด็กวางอยู่ เขมชาติยืนอยู่ตรงข้าม ท่าทางยังไว้ตัวนิดๆ
“มาแล้วครับ คุณไก่ กับ คุณไข่ มาพร้อมชุดว่ายน้ำตามคำสั่ง”
เขมชาติมองไก่ กับ ไข่ คู่แฝดมองตอบเขมชาติหันหน้าหนี
“แล้วที่บ้านเขาไม่ว่าอะไรเหรอ? อยู่ๆก็เอาลูกเขามาแบบนี้”
“อ้าว ผมก็บอกไปตามที่คุณเขมสั่งว่า คุณเกนหลงให้มารับเด็กๆ ไปเล่นน้ำที่บ้านคุณเขมเด็กๆก็ดีใจกันใหญ่ พอดีคุณสุทานยาแก้ปวด แล้วก็หลับอยู่ พ่อแม่คุณสุก็เลยเป็นคนตัดสินใจให้มาแทน”
“แล้วเรื่องให้มารับ”
“อ๋อไม่ลืมครับ ผมฝากบอกให้คุณสุมารับ แล้วก็ทิ้งแผนที่บ้านคุณเขมไว้แล้ว” เขมชาติแอบยิ้มสะใจ “ขอบใจมาก หมดธุระแล้ว กลับไปได้”
วิบูลย์รับคำ พลางเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ “เออ แล้วคุณเกนหลงหล่ะครับ?”
เขมชาติชะงักกึก “เอ่อ เดี๋ยวตามมา มีอะไร?”
“อ๋อ เปล่าครับ ผมแค่จะขอบคุณเรื่องขนมเค้กฝอยทอง อร่อยมาก กินกันทั้งบ้านเลยครับ ผมฝาก
บอกคุณเกนด้วยนะครับ”
เขมชาติพยักหน้า วิบูลย์หันมาทางเด็กๆ
“เล่นน้ำให้สนุกนะเด็กๆ”
ไก่ กับไข่ยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
วิบูลย์จับหัวคู่แฝดโยกไปมาด้วยความเอ็นดู แล้วเดินออกไป แต่ก็ม่าวายหยุดมองเกลับไป แอบหวั่นใจเล้กน้อย
“คุณเกนหลงก็ยังไม่มา ปล่อยคุณเขมอยู่เด็กตามลำพัง จะรอดมั้ยเนี่ย รายนี้เกลียดเด็กยังกะอะไรดี”
วิบูลย์ส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ต้องตัดใจ
“โชคดีนะเด็กๆ”
ไก่ กับ ไข่ หันมาซุบซิบกัน เขมชาติหันมาเห็น เผลอตัวส่งเสียงดุ
“ซุบซิบอะไรกัน”
คู่แฝดถึงกับสะดุ้ง เขมชาติรู้ตัว รีบฝืนทำใจดี
“ซุบซิบอะไรกันเหรอครับ บอกพี่เขมได้มั้ย”
ไก่กับไข่ มองหน้ากัน ไข่พยักหน้า ไก่ หันมาพูด
“ไก่ อยากว่ายน้ำครับ”
ไข่รีบเสริม “สระน้ำอยู่ไหนครับ”
เขมชาติเผลอตัว พูดกวนๆ ออกไป “อยู่แถวนี้แหละ กลัวจะไม่ได้ว่ายหรือไงหะ?”
ไก่กับไข่พยักหน้ายอมรับ เขมชาติยิ้ม แล้วก็ย่อตัวลง พยายามจะทำญาติดีด้วย
“ก่อนจะไปว่ายน้ำ พี่เขมว่า เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า คนไหนไก่”
ไก่ชี้หน้าไข่ ไข่ชี้หน้าไก่ แล้วก็หัวเราะกันคิกคัก เขมชาติชักสีหน้านิดๆ แต่พยายามข่มไว้
“แล้วคนไหน ไข่”
ทั้งสองคนยกมือขึ้นพร้อมกัน แล้วก็หัวเราะคิกคัก เขมชาติกัดฟันกรอด จากนั้นก็ลุกขึ้นพรวดแล้วก็กอดอกทำเข้ม
“ถ้าไม่บอกดีๆ ก็ไม่ต้องว่ายน้ำ เดี๋ยวให้คนไปส่ง กลับบ้านไปเลย”
ไก่กับไข่สะดุ้งสุดตัว เขมชาติสะใจ หันหลังให้ทำท่าจะเดินไป แล้วก็ชะงักขยับขาไม่ออก พลางก้มลงมองที่ขาตัวเอง เห็นไก่กับไข่เกาะขาอยู่
“เฮ้ย”
ไก่รีบบอก “ผมชื่อไก่ครับ”
ไข่เอาบ้าง “ผมชื่อไข่ครับ”
“พี่เขมให้เราว่ายน้ำนะครับ”
ไก่กับไข่ยิ้มประจบ ทั้งน่ารัก ทั้งน่าสงสาร จนเขมชาติอดยิ้มไม่ได้ แล้วก็ต้องรีบเก๊ก ทำขรึม
“ตามมา”
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 12 (ต่อ)
ไก่กับไข่ดีใจรีบปล่อยขา หัวเราะคิกคัก รีบวิ่งไปหยิบอุปกรณ์ว่ายน้ำ เขมชาติเดินนำไป ไก่กับไข่วิ่งมาหยิบของ แต่หยิบอันโน้น อันนี้ก็หล่น หยิบอันนั้น อันนี้ก็หล่น วิ่งไปของก็หล่นเรี่ยราดไป เขมชาติหันมามองก็ส่ายหน้า แล้วก็ต้องเดินย้อนกลับมาช่วยเด็กๆถือของที่ตกตามพื้น แล้วก็รีบเดินไป
เขมชาติมองแล้วก็ยิ้มๆ ไก่กับไข่หันมายิ้มตอบ บรรยากาศแห่งมิตรภาพงอกงามโดยฃเขมชาติไม่รู้ตัว
ในขณะเดียวกัน สุริยงก็กำลังขับรถมาบ้านเขมชาติ พลางมองดูแผนที่ และมองหาบ้านไปด้วยความร้อนใจ
ส่วนไก่ กับไข่ ยืนอยู่หน้าสระว่ายน้ำน้ำบ้านเขมชาติ คู่แฝดตะโกนร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ว้าว สวยจัง”
เขมชาติเห็นท่าทางของเด็กๆ แล้วก็ลืมตัว หลุดขำออกมา ไข่หันมาทางเขมชาติ แล้วถามประสาซื่อ
“ไข่โดดน้ำได้มั้ยครับ”
เขมชาติแกล้งทำเสียงดุ “ไม่ได้”
เด็กแฝดหน้าจ๋อย เขมชาติรีบพูดต่อ
“ต้องให้พี่เขมโดดด้วย ถึงจะโดดได้”
ไก่ กับไข่ ร้องออกมาพร้อมกัน “เย้”
จากนั้น 1 หนุ่มใหญ่ และ 2 หนุ่มน้อย ก็กระโดดลงสระพร้อมกัน ตูม! เสียงน้ำและเสียงหัวเราะดังลั่นสระ
ส่วนสุริยง ก็ขับรถมาจนถึงบ้านเขมชาติ มีแม่บ้านให้การต้อนรับ
“คุณเขมสั่งไว้ว่า ถ้าคุณมาแล้วให้พาไปที่สระว่ายน้ำ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
สุริยงเดินผ่านมุมต่างๆของบ้าน พลางมองอย่างพิจารณา ในใจนึกชื่นชมในความพยายามของเขมชาติ
สุริยงเดินตามมาเกือบถึงมุมหนึ่งของสระน้ำ เสียงไก่ ไข่ เล่นน้ำดังมา จึงหยุดยืนแอบมอง เห็นคู่แฝด เล่นน้ำกับเขมชาติอย่างสนุกสนาน แกล้งกันไป หัวเราะไป อย่างสนุกสนานเฮฮา ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั้งสระ สุริยงยืนมองแล้วก็ยิ้ม อย่างมีความสุข เป็นจังหวะเดียวกับที่เขมชาติหันมาเห็นพอดี ก่อนที่จะโบกมือพร้อมส่งยิ้มสดใสมาให้ อย่างน่ารัก สุริยงลืมตัวโบกมือตอบแล้วก็ยิ้มกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ ทว่าเมื่อรู้สึกตัวก็
รีบลดมือลง พร้อมกับหุบยิ้มลงเหลือแต่ครึ่งเดียว แล้วก็ยืนเก้อๆ เขินๆ อยู่ที่เดิม
เขมชาติหันหลังให้สุริยง แล้วก็ยิ้มร้าย พอใจกับอาการหลุดของสุริยง ในใจเริ่มคิดแผนบางอย่างส่วนสุริยง เมื่อนึกขึ้นได้ ก็รีบหันมาถามแม่บ้าน
“ป้าคะ แล้วคุณเกนหลงหล่ะคะ”
เกนหลงวางมือจากเครื่องทอผ้าไหม ก่อนที่จะหันขวับมาทางเอื้อที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พี่เอื้อ จะให้คุณสุลาออกจากบริษัทเขม”
“ใช่ พี่อยากให้เขามาช่วยงานที่โรงแรมของเรา อีกหน่อยมันจะต้องยุ่งมากๆ เราสองคนก็มีงานประจำ คงไม่มีเวลามาตามงานตลอด ถ้าพี่ชวนหนูเล็กมาเป็นคนดูแลโปรเจ็กต์ และประสานงานกับเราสองคน.เกน..โอเคหรือเปล่า”
“เกนโอเคอยู่แล้วค่ะ แต่เขม จะโอเคหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เอื้อคิด แล้วก็พูดตรงๆ
“เดี๋ยวพี่คุยเอง หนูเล็กเคยเล่าให้ฟังว่า ปกติคุณเขมก็หาเรื่องไล่ออกเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าจะออกจริงๆก็คงไม่ยาก”
เกนหลงยิ้มให้เอื้อ ก่อนที่จะพูดเหมือนเดาใจเขมชาติออก
“ทำเป็นพูดไปอย่างนั้นหล่ะค่ะสุดท้ายเขมก็ต้องการเลขาอย่างคุณสุอยู่ดี”
“แต่พี่ไม่ให้ เขมเขาก็มีเกนเป็นเลขาอยู่แล้ว จะเหนี่ยวหนูเล็กไว้ทำไม ถ้าเกนโอเคที่จะให้หนูเล็กมาทำงานกับเรา เรื่องเขมชาติ พี่จัดการเอง”
เอื้อพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่เกรงกลัว และไม่เกรงใจ เกนหลงหันมามองหน้า แล้วก็ยิ้ม
“เห็นนุ่มๆ สุขุม ใจเย็น บทจะบู๊ขึ้นมา ไม่ยอมใครเหมือนกันนะคะ ได้ค่ะ ว่าไงก็ว่าตามกัน ก่อนหน้านี้ที่เกนไม่ยอมให้คุณสุออก เพราะยังหางานใหม่ไม่ได้ แต่ถ้าพี่เอื้ออยากให้คุณสุมาช่วยงานเรา เกนก็ยินดีค่ะ”
เอื้อยิ้มรับ ดีใจ เกนหลงยิ้มตอบแล้วก็หันไปทอผ้าไหมต่อ เอื้อมองๆด้วยความสนใจ
“แล้วเกนทำอะไร?”
“ของขวัญวันเกิดเขมค่ะ” เกนหลงยิ้มภูมิใจ “อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดเขม เกนอยากให้ของที่ทำเอง เพราะเขาก็มีทุกอย่างแล้ว ซื้อไม่ถูก ก็เลยทอผ้าพันคอให้”
เอื้อพยักหน้า เกนหลงทอด้วยความตั้งใจ เอื้อมองๆ แล้วก็แอบสงสาร
“ไม่ใช่ง่ายนะเนี่ย เขมเขารู้หรือเปล่าว่าเกนทุ่มเทให้เขามากขนาดนี้”
เกนหลงหันมาย้อน
“แล้วที่พี่เอื้อต้องออกจากบ้านในวันหยุด เพื่อมาคุยกับเกน เรื่องงานใหม่ของคุณสุ ทุ่มเทขนาดนี้เธอรู้หรือเปล่าคะ?”
เกนหลงย้อน แบบยิ้มๆ เอื้อสะอึกนิดๆ
ไก่ กับ ไข่ วิ่งส่งเสียงร่าเริงเข้ามาในบ้านเขมชาติ เสียงสุริยงตะโกนตามหลัง
“ไก่ ไข่ อย่าวิ่งลูก เดี๋ยวลื่น เดินดีๆ”
คู่แฝด ยังวิ่งเล่น ไล่ตีกันสนุกสนาน ตัวเปียก ขาเปียก ไปตามทาง สุริยงรีบเดินตามเข้ามา หอบของพะรุงพะรัง
“รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับบ้านได้แล้วลูก เดี๋ยวค่อยกลับไปอาบน้ำที่บ้าน”
“อาบที่นี่ดีกว่า” เสียงเขมชาติดังมาจากข้างหลัง สุริยงหันมา เห็นเขมชาติ เดินตามมา ใส่เสื้อคลุม อาบน้ำ แอบเซ็กซี่
“อย่าเลยค่ะ จับเด็กอาบน้ำ ไม่ใช่ขำๆนะคะ บ้านคุณจะเละเทะมาก”
“ผมยอม นั่งรถตัวเปียกกลับบ้าน เดี๋ยวไม่สบายเปล่าๆ อาบที่นี่แหละ ผมให้แม่บ้าน ทำอาหารแล้วอาบเสร็จแล้วจะได้ทานข้าวกัน”
ไก่ กับไข่ หยุดวิ่ง หันขวับมาเลย
“แม่หนูเล็กไก่หิวข้าว”
“ไข่ก็หิวครับ”
สุริยงหันมาอึ้งๆ พูดไม่ออก เขมชาติเดินมาหยุดข้างๆ พูดยิ้มๆ
“คุณคงปฎิเสธไม่ได้แล้วหล่ะ อาบให้เด็กเสร็จแล้ว อาบให้ผมต่อได้มั้ย”
สุริยงหันขวับมา รีบทำตาดุ กลบความอาย
“ผมพูดเล่นหรอกน่า ทำหน้าดุไปได้ เชิญทางนี้”
เขมชาติพูดแล้วก็เดินนำไปเลย สุริยงมองตาม ระหว่างเดินไปเขมชาติตั้งใจถอดเสื้อคลุมออก สุริยงหันไปเห็นรีบเบือนหน้าหนีด้วยความอาย
หลังจากเห็นเกนหลงทอผ้าแล้ว เอื้อก็นึกครึ้มอยากลองฝีมือบ้าง แต่ยิ่งทำยิ่งงง เกนหลงหันมาดู
“พี่เอื้อคะ ใจเย็นๆสิคะ ใจเย็นๆค่ะ ค่อยๆทำ จังหวะการทอมันต้องให้สม่ำเสมอกันค่ะไหวมั้ยคะ?”
“ไหวๆ โทษที เมื่อกี๊แค่คิดอะไรมากไปหน่อย”
“คิดน้อยๆสิคะ ไม่คิดเลยยิ่งดี ตั้งสมาธิอยู่ที่เส้นด้ายนะคะ แล้วก็ทำตามที่เกนบอกเมื่อกี๊นะคะ ใส่กระสวยเข้าไปเบาๆ” พลางเอื้อมมือมาจับมือเอื้อ “มือนี้มันต้องแบบนี้ค่ะ” เอื้อทำตาม “อย่างนั้นหล่ะค่ะ โอเค ดีแล้วค่ะ ใช้ได้เลย ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะอย่าคิดมาก”
เอื้อยิ้มขำ “โอเคครับ ไม่คิด”
เอื้อตั้งใจทำอย่างมาก ดูสงบ และมีสมาธิ เกนหลงมองแล้วก็ยิ้มๆ เหมือนได้สัมผัสกับเอื้อในอีกมุมหนึ่ง
ไก่ กับไข่ วิ่งออกจากห้องน้ำ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะกันคิกคัก พลางวิ่งหนีไม่ให้สุริยงแต่งตัวสุริยงวิ่งตาม หัวเริ่มฟู แอบเหนื่อยหลังจากจับอาบน้ำสองคน
“ไก่ ไข่ มาทาแป้ง แต่งตัวก่อนลูก อย่าเพิ่งวิ่ง”
แต่ยิ่งห้าม ไก่ กับ ไข่ยิ่งวิ่งหนี พร้อมส่งเสียง หัวเราะ ดีใจได้แกล้งแม่ เขมชาติเดินออกมา อยู่ในชุดลำลอง ใช้ผ้าเช็ดตัว เช็ดผมที่ยังไม่แห้ง แล้วยืนดูสุริยงวิ่งไล่จับลูกแฝดสองคน
“มานี่เลย มาให้แม่ทาแป้งซะดีๆ อยู่เฉยๆ”
“ไม่ทา ไก่ไม่ทาแป้ง”
“ไม่หยุดใช่มั้ย ไม่หยุดนะ” พูดพลางใช้มือจี๋เอว ไก่หัวเราะร่วน ดิ้นไปมา
“ฮ่าๆ ไข่ ช่วยด้วย”
ไข่ย่องมาทางข้างหลัง แล้วก็จี๋เอวสุริยง สุริยงหันมาจับตัวไข่ ไก่ได้ทีวิ่งหนีไป เขมชาติยืนขำ หัวเราะตามอย่างมีความสุขโดยไม่ได้เสแสร้ง สุริยงหันมาเห็นพอดี เขมชาติยิ้มกว้างอย่างเต็มที่ ต่างจากเมื่อก่อน สุริยงเห็นแล้วก็ยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ และน่ารักระหว่างที่สุริยงหันไปสนใจเขมชาติ
ไก่หันไปหยิบกระป๋องแป้งที่อยู่ข้างตัวมา แล้วก็กดกระป๋อง เป่าแป้งใส่หน้าสุริยง แป้งฟุ้งออกมาใส่หน้าสุริยงจนขาวว่อก แล้วไก่กับไข่ก็หัวเราะ อย่างสนุกสนานเขมชาติหัวเราะออกมาอย่างสะใจ หันมาตีมือกับไข่ สุริยงหันมาจับตัวไก่ แล้วก็ถูหน้าที่เลอะแป้งลงที่พุง ไก่หัวเราะเสียงดังลั่น ไข่รีบวิ่งมาช่วย เสียงหัวเราะของสุริยง และลูกแฝด ดังอบอวลไปทั้งบ้าน แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผ้าพันคอที่ทอเสร็จจากเครื่องของเกนหลง ถูกดึงออกจากเครื่อง เกนหลงหยิบมาดูพิจารณา
“จะทออีกผืนแล้วต่อออกมาดีมั้ยนะ ไม่แน่ใจว่ามันจะเล็กไปสำหรับเขมหรือเปล่า เกนขอลองกับพี่เอื้อหน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้ครับ ลองยังไง”
“นั่งเฉยๆ ค่ะ”
พูดพลาง เกนหลงก็เอาผ้ามาคล้องที่คอเอื้อ แล้วก็ลองพับ ลองพัน ลองทับไปมา ในแบบต่างๆ
“เวลาไปพบลูกค้าที่ต่างประเทศ เขมจะชอบใส่สูทสีเข้ม สูทสั้น ถ้าพันแบบนี้ก็จะยาวพอดี แต่ถ้าหนาวมาก ก็อาจจจะเอาไม่อยู่”
เกนหลงพันไป คิดไป ขยับไปมา ในระยะประชิดกับเอื้อ แต่ไม่ได้มองหน้าเอื้อ เพราะมัวแต่สนใจอยู่กับผ้า เอื้อแอบมองเกนหลงในระยะใกล้ เห็นความใส่ใจ แล้วก็ถามออกมาด้วยความสงสาร
“เกน ถ้าวันหนึ่งเกนเกิดไปรู้ว่า เขมชาติเค้าแอบไปกิ๊กกับผู้หญิงคนอื่น ลับหลัง เกนจะรู้สึกยังไง”
เกนหลงขยับผ้าไป พูดไป
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะมันยังไม่เคยเกิดขึ้น ก็เลยเดาไม่ถูก เอาไว้ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว เกนจะบอกนะคะ ว่าแต่มันเกิดขึ้นหรือยังคะ ? “
คำถามของเกนหลงทำให้เอื้อถึงกับจุก สะอึกไป แล้วก็เฉไฉยิ้มกลบเกลื่อน
“หวังว่าคงยังไม่เกิด แล้วก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น พี่ก็แค่ถาม เพราะอยากรู้”
เกนหลงจับผ้าพันคอเข้าที่มองดูด้วยความพอใจ แล้วก็ยิ้ม
“จะว่าไป ผ้าผืนนี้ก็เหมาะกับพี่เอื้อเหมือนกันนะคะ”
เอื้อเลิกคิ้ว “จริงเหรอ” พลางหันไปดูที่กระจกแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย เกนหลงยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เอื้อคิดๆแล้วก็หันมาทางผ้าของตัวเองที่คาอยู่ในเครื่อง
“แล้วเกนคิดว่า ผ้าผืนนี้จะเหมาะกับหนูเล็กหรือเปล่า?”
จู่ๆ เอื้อก็คิดถึงสุริยงขึ้นมา
ไก่กับไข่นอนดูการ์ตูนในห้องนั่งเล่นบ้านเขมชาติอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่สุริยงกำลังเก็บโต๊ะอาหาร เขมชาติเดินมาหา
“ขาหายหรือยัง?”
สุริยงเก็บโต๊ะไปตอบไป “ปวดตึงๆนิดหน่อย แต่ก็เกือบหายแล้วค่ะ”
เขมชาติเดินมาจับมือ “ไม่ต้อง ผมมีแม่บ้าน เดี๋ยวเขาจัดการเอง”
สุริยงดึงมือกลับ
“งั้น ฉันพาลูกๆกลับเลยนะคะ ขอบคุณ”
ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี เขมชาติก็รีบพูดแทรกขึ้นมา
“ยัง ผมยังไม่ให้กลับ”
พลางหันมาจับมือสุริยงจะลากไป
“ผู้อำนวยการคะจะไปไหนคะ?”
จากนั้นเขมชาติ ก็กึ่งลากกึ่งจูงสุริยงมาหยุดยืน แล้วก็มองไปที่บ้านหลังสวย
“บ้านหลังนี้มันสร้างมาจากความฝันเก่าๆของผม”
เขมชาติมองบ้าน แล้วก็พูดออกมาจากใจ
“ผมเคยฝันไว้ว่า อยากมีบ้านเพื่อผู้หญิงคนนึง ผมทำงานอย่างหนัก เพื่อสร้างบ้านหลังนี้ มาถึงวันนี้ ผมแค่อยากรู้ว่าสิ่งที่ “ไอ้โง่” คนนึง พยายามทำทั้งชีวิต เธอคนนั้นจะรู้สึกยังไง”
ทั้งที่ลึกๆ แล้วแอบสงสาร แต่สุริยงก็ยังพยายามตอบให้ออกจากตัวเอง พร้อมรอยยิ้ม
“เธอคนนั้นคงภูมิใจมั้งคะ และสิ่งที่คุณทำ มันก็ไม่ได้ “โง่” สักหน่อย”
เขมชาติหันมาถาม พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มน่ารัก
“ภูมิใจ จริงๆเหรอ ?”
เขมชาติมองสุริยง พลางรอคอยคำตอบ ด้วยแววตาเป็นประกาย สุริยงเขิน รีบเบี่ยงหน้าหนี แล้วก็รีบเบี่ยงประเด็น
“เสียดายที่วันนี้คุณเกนหลงรีบกลับไปซะก่อน เลยไม่ได้เจอกัน ไม่งั้นคงจะสนุกกว่านี้”
“ผมอยากให้คุณลืมเรื่องคุณเกน แล้วหันมาสนใจผมสักนาทีนึงก็ยังดี ผมอยากฟังจริงๆว่าคุณชอบบ้านหลังนี้หรือเปล่า คุณชอบมั้ย ?”
สุริยงมองแล้วก็หันมาตอบยิ้มๆ
“ถ้าดิฉันตอบว่า ชอบจะเป็นยังไงคะ?”
“ ก็แปลว่า ความฝันของผมเธอคนนั้นได้รับรู้แล้ว”
สุริยงยิ้มรับนิดๆ อย่างรักษาท่าที เขมชาติขยับเข้ามาและรุกต่อ
“วดี”
สุริยงยืนเกร็ง ตัวตรง ต่อต้านเบาๆ เขมชาติรู้ทัน
“ไม่ว่าคุณจะชื่ออะไรก็ตาม คุณช่วยสลัดความจริงทิ้งแล้วก้าวเข้ามาชื่นชมความฝันเป็นเพื่อนผมสักครู่ได้มั้ย?”
เขมชาติมองหน้าสุริยง ด้วยสายตาอ้อนวอน ที่มีทั้งความจริง และการแสดงแฝงเร้นอยู่ สุริยงนิ่งคิด แล้วก็ยอม
“ได้ค่ะ”
เขมชาติยิ้มอบอุ่น ค่อยๆ หันมามองบ้าน สุริยงหันตามยืนมองบ้านด้วยความชื่นชม เขมชาติมองดูสุริยงที่ยืนชื่นชมบ้านตัวเองอยู่ก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสะใจ ดูถูกและเย้ยหยัน
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 12 (ต่อ)
รูปคู่ของเขมชาติและสุริยงที่แอบถ่ายตอนนั่งตักกัน วางอยู่บนโต๊ะทำงานของคุณพจน์
“นี่มันเขมชาติกับ...”
อัมพิกา ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พูดพร้อมยิ้มหยัน
“เลขาที่ชื่อสุริยง”
คุณพจน์เงยหน้ามองอัมพิกา “คนที่เป็นภรรยาของเจ้าสัว แม่เลี้ยงคุณ?”
อัมพิกาเบ้หน้า
“อัมก็ไม่อยากใช้คำนั้น แต่มันก็ใช่ อัมได้รูปนี้มานานแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ให้คนอื่นดู เพราะมันจะเสื่อมเสียกันไปหมด แต่พออัมรู้ว่าน้องเกนกำลังคบอยู่กับเขมชาติ อัมก็เป็นห่วง ไม่อยากเห็นน้องเจ็บ อัมก็เลยตัดสินใจเอารูปนี้มาให้คุณพจน์ดู จะได้เตือนให้น้องเกนระวังตัว อย่าไว้ใจคน โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้”
คุณพจน์อึ้งๆ หยิบรูปมาดู หน้าเครียด อัมพิกาได้ทีรีบใส่ไฟต่อ
“ผู้หญิงทะเยอทะยาน ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผู้ชายที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อของอัม หรือใครก็ตามที่มีเงิน อัมไม่รู้ว่าเขมชาติเป็นคนยังไง แต่การที่เอาไฟมาไว้ใกล้ๆ ถ้าไม่ระวัง อาจจะโดนเผาโดยไม่รู้ตัว”
คุณพจน์ฟังแล้วคิดแล้ว แม้จะไม่เชื่อทั้งหมด แต่อดเป็นห่วงเกนหลงไม่ได้ อัมพิกามองคุณพจน์ที่นั่งหน้าเครียดอยู่ แล้วก็ยิ้มด้วยความสาแก่ใจ
“คุณพ่ออยากทานข้าวกับเขมเหรอคะ ?”
เกนหลงถามคุณพจน์ด้วยความแปลกใจ ระหว่างที่นั่งคุยกันในบ้าน ข้างหน้าเกนหลงมีกล่องของขวัญ ที่เพิ่งห่อเสร็จวางอยู่
“ใช่ ไม่ได้เจอกันนาน อยากจะอัพเดทชีวิตกันนิดหน่อย แล้วนี่ของขวัญใคร?”
“ของเขมค่ะ มะรืนนี้วันเกิดเขา เกนทอผ้าพันคอให้เองเลยนะคะ นั่งทำตั้งเกือบ 3 ชั่วโมง”
คุณพจน์เห็นลูกทั้งภูมิใจ ทั้งตื่นเต้น ก็แอบสะท้อนใจ
“อืม หวังว่าเขาจะเห็นคุณค่าของลูกพ่อ”
เกนหลงมองบิดาแปลกๆ คุณพจน์รีบเฉไฉ
“เอาเป็นว่าชวนเขมมากินข้าวกับพ่อในวันเกิดเขาเลยก็แล้วกัน ลูกคงไม่ว่านะ ถ้าพ่อจะขอร่วมวงฉลองวันเกิดด้วย”
“เกนจะว่าได้ยังไงคะ ดีใจมากกว่า ถ้าเขมรู้ก็ต้องดีใจเหมือนกัน”
เกนหลงยิ้มร่าเริง อย่างมั่นใจ เช่นเดียวกับเขมชาติ ที่คุยโทรศัพท์ด้วยความดีใจไม่แพ้กัน
“ด้วยความยินดีเลยครับ วันมะรืนผมว่างพอดี”
เกนหลงแกล้งหยั่งเชิง
“ว่างแน่นะคะ ไม่มีนัดฉลองกับใครแน่นะ”
“ฉลอง...เนื่องในอะไรครับ?”
เกนหลงยิ้มอย่างรู้ทัน “จำวันเกิดตัวเองไม่ได้ใช่มั้ยคะ ? “
“ เออใช่. วันมะรืนวันเกิดผมจริงๆด้วย คุณเกนนี่น่ารักจังเลย จำได้ทุกปี ผมเองที่จำไม่เคยได้ โอเคเลยครับ ผมจะเคลียร์งานทุกอย่าง แล้วอยู่กับคุณเกนทั้งวัน จะให้ผมทำอะไรบอกได้เลยนะครับ”
เกนหลงยิ้มพอใจ
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำตัวให้ว่างอย่างเดียวพอ เจอกันค่ะ”
เขมชาติยิ้มรับ “ครับ...เจอกัน”
เกนหลงวางสาย พลางมองกล่องของขวัญแล้วก็ยิ้มพอใจ ในขณะที่เขมชาติวางสายไปแล้วก็คิดแผนร้ายในใจ
เอื้อยื่นผ้าพันคอที่เทำเอง ส่งให้สุริยง สุริยงรับมาด้วยความประหลาดใจ
“คุณเอื้อทำเองเหรอคะ?”
“มันอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าที่ควร แต่ ใช่ครับ ผมทำเอง ผมให้”
“ขอบคุณมากค่ะ น่ารักจัง คิดไม่ถึงเลยนะคะ คุณเอื้อจะทำอะไรแบบนี้เป็น”
เอื้อยิ้มเขิน “ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน มีอีกเรื่อง ที่หนูเล็กก็คงคิดไม่ถึง ผมหางานใหม่ให้คุณได้แล้วนะ”
“งานใหม่?” สุริยงทวนคำ
“ใช่ ตอนนี้ผมกับเกนหลงลงทุนทำโรงแรมด้วยกัน เราต้องการผู้ช่วย และหนูเล็กคือคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด คุณเองก็บ่นๆว่าอยากจะลาออกจากบริษัทเขมชาติไม่ใช่เหรอ งานนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด”
สุริยงนิ่ง คิด แอบใจหาย เอื้อดักคอ
“หรือว่า หนูเล็กเปลี่ยนใจ ไม่อยากลาออกแล้ว”
สุริยงชะงักแล้วก็ตัดสินใจ
“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ หนูเล็กยังยืนยันที่จะลาออก ส่วนเรื่องงานใหม่ ขอคุยรายละเอียดก่อนตัดสินใจได้มั้ยคะ?”
เอื้อยิ้มดีใจ
“ได้เลยครับ อยากคุยเมื่อไหร่ นัดมาได้เลย ผมพร้อมเสมอ ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ บอกมาเลย ผมสู้ตาย ขอแค่คุณลาออกจากบริษัทเขมชาติ มาทำงานให้ผม แค่นั้นก็พอ”
เอื้อพูดย้ำเหมือนจะบอกเป็นนัยๆ สุริยงหนักใจอย่างแรง
สุริยงยืนสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้า หน้าผม ที่หน้ากระจก เพื่อเห็นว่าทุกอย่างทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็เตรียมหยิบกระเป๋าเดินออกไป หากเมื่อเหลือบไปเห็นปฎิทิน สุริยงก็ชะงักกึก เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ทว่าก่อนที่เธอจะทันคิดอ่านทำอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น สุริยงเห็นชื่อที่ปรากฏหน้าจอ ก็แอบตื่นเต้นนิดๆ ก่อนจะกดรับ
“สวัสดีค่ะ...”
เงียบ
“ผู้อำนวยการคะ”
เสียงเขมชาติ ทางปลายสายอ่อนแรงมาก
“วันนี้ผมคงไม่เข้าออฟฟิศ ผม...ผมปวดหัวมาก”
จากนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ตกลงพื้น พร้อมๆ กับเสียงเหมือนเขมชาติล้มลง ตึง!
สุริยงตกใจ “ผู้อำนวยการคะ ผู้อำนวยการ ฮัลโหล เขม”
สุริยงเผลอเรียกชื่อเขมชาติด้วยความตกใจ
สุริยงรีบเดินออกมาจากบ้าน พลางรีบเดินมาที่รถ ปิดประตูและสตาร์ทรถทันที แต่สตาร์ทอย่างไรก็ไม่ติด สุริยงร้อนใจ พยายามคิดว่าทำทำอย่างไรดี
รถแท็กซี่แล่นปราดเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านเขมชาติอย่างเร็ว สุริยงรีบลงจากรถ แล้วเดินเข้ามาในบ้านด้วยความร้อนใจ พลางมองหาเขมชาติด้วยความเป็นห่วง
“ผู้อำนวยการคะ....ผู้อำนวยการ “
หากไม่มีวี่แวว สุริยงคิด แล้วหันขวับไปที่ห้องนอนเขมชาติทันที
สุริยงเดินมาที่หน้าห้องนอน เห็นประตูเปิดอ้าอยู่ และเมื่อมองเข้าไปในห้อง ก็เห็นเขมชาตินอนคว่ำอยู่ที่พื้น สุริยงตกใจ จนแทบช็อก
“ผู้อำนวยการคะ”
สุริยงรีบวิ่งพรวดพราดเข้าไปหาทันที “ผู้อำนวยการคะ ผู้อำนวยการ”
สุริยงมาถึงตัวเขมชาติ แล้วก็รีบวางกระเป๋า และประคองตัวเขมชาติให้หันหน้ามา บัดนี้เขมชาติอยู่ในอ้อมแขนของสุริยง
“ผู้อำนวยการ”
เงียบ สุริยงลืมตัว “เขม เขม เป็นยังไงบ้าง? เขม”
เขมชาติ ค่อยๆลืมตาขึ้น “วดี...วดี”
“ฉันจะโทร.เรียกรถพยาบาลนะคะ”
สุริยงกำลังจะหันไปหยิบโทรศัพท์ หากเขมชาติรีบจับแขนไว้
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องผมไม่เป็นอะไรมาก”
“ไม่เป็นอะไรมาก แล้วทำไมมานอนอยู่ตรงนี้” สุริยงทำเสียงดุ
“ไปโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ”
เขมชาติดึงตัวสุริยงไว้ พลางกอดแน่นกว่าเดิม
“ผมไม่ไป ผมไม่อยากไปไหนทั้งนั้น ผมไม่เป็นอะไรจริงๆแค่หน้ามืด คุณช่วยพาผมไปนอนที่เตียงก็พอ”
เขมชาติทำทำเหมือนจะหมดแรง สุริยงไม่ค่อยจะเห็นด้วย แต่เมื่อเขมชาติไม่ยอม ก็จำใจ
“ค่อยๆ ลุกนะคะ”
สุริยงพยายามขยับท่าให้พยุงตัวถนัดๆ เขมชาติทำตัวหนักๆ ไม่ให้ความร่วมมือ มือไม้พาดเหมือนจะกอดนัวกันไปมา สุริยงยันตัวเขมชาติให้ลุกขึ้นมาได้สำเร็จ
“เดินไหวมั้ยคะ?”
เขมชาติพูดเสียงแผ่วๆ เหมือนคนไม่มีแรง
“ไหว”
เขมชาติพยายามจะพูด แต่พอพูดจบก็โถมตัวเหมือนหมดแรง และเหนี่ยวเอาสุริยงล้มลงไปบนเตียงด้วย
สุริยงตกใจร้องเสียงหลง“ว้าย”
เขมชาติทิ้งตัวลงบนเตียง สุริยงล้มตามลงมาร่างแนบกันอย่างใกล้ชิด สุริยงทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้น เมื่อนึกได้ว่าหน้าตัวเองจ่ออยู่ตรงหน้าเขมชาติ
สองคนประสานสายตากัน สุริยงรีบยันตัวลุกไปยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความตื่นเต้น
“ผมขอโทษ” เขมชาติทำเป็นรู้สึกผิด “อยู่ๆมันก็หน้ามืด ผมขอบคุณมากที่แวะมา แต่ผมไม่เป็นอะไรมาก คุณไปทำงานเถอะ”
พูดพลางแสร้งทำหน้าเหมือนเจ็บปวดมาก สุริยงเห็นแล้วก็ลังเล
“แล้วทานอาหารเช้าหรือยังคะ?”
เขมชาติส่ายหน้า
“ทานยาหรือยัง?”
เขมชาติส่ายหน้า “ผมไม่เป็นอะไรมากจริงๆ คุณปล่อยผมไว้อย่างนี้แหละ เวลาป่วย ผมก็อยู่คนเดียวมาตลอด ผมชินแล้ว”
สุริยงมองด้วยความสงสาร แต่ก็พยายามทำใจแข็ง
“ถ้าอย่างนั้น ฉันเข้าออฟฟิศก่อนนะคะ”
เขมชาตินอนหลับตา พยักหน้าช้าๆ อย่างตั้งใจให้ดูน่าสงสารมากที่สุด สุริยงพยายามตัดใจ หันหน้าหนี แล้วก็เดินออกไป
สุริยงหยุดยืนคิด อยู่ที่หน้าห้อง
คล้อยหลังสุริยง เขมชาติก็ลุกพรวดขึ้นมา ชะโงกมอง เมื่อเห็นว่าสุริยงไปแล้วจริงๆ ก็ถึงกับอารมณ์เสีย
ทันใดนั้นประตูก็เปิดเข้ามา เขมชาติตกใจรีบล้มตัวลงนอนป่วยเหมือนเดิม พลางร้องโอดโอยเรียกคะแนนสงสาร
“โอย”
สุริยงเดินกลับเข้ามา แล้วก็พูดเหมือนจะไม่ใจอ่อน ทั้งที่จริงๆ ใจอ่อนยวบนานแล้ว
“เดี๋ยวฉันทำข้าวต้มให้ ทานข้าวแล้วก็จะได้ทานยาแก้ปวด”
เขมชาติแอบยิ้มทั้งที่ยังหลับตา สุริยงพูดจบแล้วก็หันหลังจะเดินออกไป
เขมชาติเงี่ยหูฟังจนแน่ใจว่าไปแน่ ก็ค่อยๆลุกขึ้นมองตามด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
สุริยงทำข้าวต้มอยู่ในห้องครัว พลางใช้ช้อนตักชิมน้ำแกง แล้ววางช้อนไว้ในอ่างล้างจาน ก่อนจะเทข้าวต้มใส่ชามแล้วยกออกไป
เขมชาติชะเง้อๆมอง พอได้ยินเสียงสุริยงเคาะประตู ก็รีบทิ้งตัวลงนอน
“โอย”
สุริยงเปิดประตู และเอาตัวดันประตูออก ก่อนจะเดินเข้ามาวางข้าวต้มไว้ที่หัวเตียง
“ข้าวต้มและยาแก้ปวดค่ะ”
เขมชาติแสร้งทำเป็นไม่มีแรง
“ขอบคุณมาก”
พลางทำทีพยายามจะลุกขึ้นมากิน แต่ก็ไม่มีแรง ล้มตัวลงไปนอนต่อ สุริยงมองแล้วก็สงสาร ใจอ่อนอีกจนได้ พลางเดินเข้ามาประคองเขมชาตินั่งพิงหัวเตียง แล้วหยิบชามข้าวต้มมา
“ฉันป้อนค่ะ”
เขมชาติลืมตาขึ้นมอง แววตาซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณมาก”
สุริยงตักข้าวต้มป้อนเขมชาติอย่างอ่อนโยน เขมชาติกินข้าวต้มไป มองหน้าสุริยงไป ฝ่ายถูกมองพยายามทำนิ่งๆ ไม่หวั่นไหว ทั้งที่ในใจเต้นโครมคราม
สุริยงกำลังจะป้อนอีกคำ เขมชาติจับมือไว้ แล้วพูดขึ้น
“ที่คุณทำดีกับผม เพราะคุณจำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรใช่หรือเปล่าวดี”
สุริยงไม่ยอมรับ
“ทานต่อเถอะค่ะ จะได้รีบทานยา”
พลางดึงมือออก จะป้อนต่อ เขมชาติ หันหน้าหนี ไม่ยอมกินและพูดต่อ
“ถึงคุณจะไม่ยอมรับว่าจำได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร แต่อย่างน้อยคุณก็ตอบคำถามผม คุณยอมรับว่าคุณคือ สุริยาวดี”
สุริยงชะงัก ลืมตัว
“และผมก็ชอบที่คุณเรียกผมว่า “เขม”
วันนี้ขอให้เรียกผมแบบนี้ทั้งวันได้หรือเปล่า”
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 12 (ต่อ)
เขมชาติทำเสียง อ้อน พร้อมกับเลื่อนมือสองข้างมาโอบเอวสุริยงไว้ เหมือนจะกอดหลวมๆ สุริยงผงะนิดๆ ทั้งเขิน ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้นระคนกัน
สุริยงพยายามเรียกสติกลับมา แล้วก็ยัดช้อนข้าวต้มพรวดใส่ปากเขมชาติ จนฝ่ายหลังแทบสำลัก รีบปิดปากงับช้อนแทบไม่ทัน
สุริยงพูดเขินๆ
“พูดเก่งนะคะ ดูท่าทางว่าจะดีขึ้นแล้ว งั้นทานเองก็แล้วกัน ฉันจะได้เข้าออฟฟิศ”
สุริยงวางชามข้าวต้มไว้ในมือเขมชาติ ที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไต่อดี สุริยงลุกขึ้น เตรียมจะเดินออกไป
เขมชาติ มองชามข้าวต้มในมือที่ยังร้อนๆ มีควันลอยจางๆ พลางตัดสินใจเอาไงเอากัน ก่อนที่จะกัดฟันหลับตา แล้วก็คว่ำชามข้าวต้มร้อนๆใส่ตัวเอง
เขมชาติร้องออกมาสุดเสียง
“อ๊าก”
ชามข้าวต้มตกลงพื้น สุริยงตกใจหันขวับมา เห็นข้าวต้มหกเต็มตัวเขมชาติ
“เขม”
สุริยงตะโกนด้วยความตกใจ
ในขณะเดียวกัน รถของเกนหลง ก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของเขมชาติ เจ้าของรถเดินลงมาพร้อมกับกล่องของขวัญ และกล่องขนมเค้ก หน้าตาสดใส ดูมีความสุข
สุริยงกำลังใช้ผ้าชุดน้ำซับๆตัวให้เขมชาติ ที่มีรอยผิวแดงเป็นทางจากความร้อน
“ผมขอโทษ พอดีมือมันไม่มีแรงคุณเลยต้องลำบาก”
“ไม่เป็นไรฉันผิดเองที่ส่งชามข้าวต้มร้อนๆให้ ดูสิแดงไปหมดเลย “
สุริยงค่อยๆใช้ผ้าซับที่แผ่นอกล่ำ ขาว ของเขมชาติเช็ดตัวสักพักก็เริ่มรู้สึกว่าใจเต้นแรงผิดปกติเขมชาติมองหน้าสุริยงในระยะใกล้ พลางยิ้มให้อย่างอบอุ่น
บัดนี้เจ้าของรอยยิ้มนั้น เริ่มแยกแยะไม่ได้ระหว่าง “ละคร กับ ความรู้สึกแท้จริง”
“วดี ที่เราได้กลับมาเจอกันและคุณอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?”
สุริยงชะงักมือเงยหน้ามองเขมชาติความคิดถึง ความห่วงหาอาลัยของทั้งสองคนถูกเผยออกมาอย่างยากจะปิด
เขมชาติจับใบหน้าสุริยงอย่างอ่อนโยน
“คุณคือความจริงและคุณไม่เคยลืมผมใช่หรือเปล่า?”
เขมชาติมองเข้าไปในดวงตาของสุริยงเหมือนจะค้นหาคำตอบ สุริยงหวั่นไหวสุดๆ คำว่า “ใช่” เกือบจะหลุดออกจากปาก
ในขณะเดียวกัน เกนหลง ก็กำลังเดินตรงมาที่ห้องนอนเขมชาติ เอื้อมมือเตรียมจะเคาะประตู หากก็นึกได้ รีบยั้งมือไว้ แล้วหันไปวางกล่องเค้กไว้ที่โต๊ะข้างๆ เปิดกล่องเค้กออก และหยิบเค้กออกมา ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์อย่างเต็มที่ พลางยิ้มอย่างมีความสุข
เขมชาติเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้สุริยงที่อยู่ในภาวะหวั่นไหว พลางมองลึกเข้าไปในดวงตาของสุริยง
“ผมขอแค่คำเดียว สำหรับวันสำคัญของผมในวันนี้ คำเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่าคุณไม่เคยลืมเรื่องระหว่างเรา”
เขมชาติอ้อนวอนด้วยสายตา ความเจ็บปวดและรอคอยเด่นชัด สุริยงใจอ่อนยวบ แล้วก็พ่ายแพ้ใจตัวเอง... หลบตาแล้วก็พูดออกมาเบาๆ
“สุขสันต์วันเกิดค่ะ”
เขมชาติแทบจะน้ำตาร่วง ทั้งดีใจ ทั้งสาแก่ใจ ทั้งรัก ทั้งเกลียด ระคนปนเปจนสับสนไปหมด พลางประคองใบหน้าของสุริยงไว้กำลังจะดึงเข้ามาจูบ
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงของเกนหลง
“เขมคะ”
ทั้งเขมชาติ และ สุริยงสะดุ้งสุดตัว ทั้งสองคนผละออกจากกันด้วยความตกใจ
“คุณเกน”.
สุริยงดีดตัวลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที สองคนมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะแก้สถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี
ในขณะที่เกนหลง ที่ยืนอยู่ที่หน้าห้อง ในมือถือเค้กที่จุดเทียนเรียบร้อย กล่องของขวัญหนีบไว้ข้างตัว พลางเคาะประตูอีกครั้ง
“เขม?”
เขมชาติลุกพรวดขึ้นจากเตียง รีบหยิบกระเป๋าสุริยงและลากตัวสุริยงไปหาที่ซ่อน ด้วยความร้อนรน
“หลบอยู่ในนี้ก่อน แล้วหาจังหวะหนีออกไป ตอนที่คุณเกนไม่เห็น”
“เอ่อ”
สุริยงยังไม่ทันได้พูดอะไร เขมชาติก็เปิดประตูตู้ แล้วดันตัวเข้าไป พร้อมกับหยิบเสื้อออกมาหนึ่งตัว
เกนหลงตัดสินใจไม่รอ ผลักประตูเข้ามาเลย เห็นเขมชาติ ที่ใส่เสื้อทันพอดียืนรออยู่
เกนหลง ยิ้มสดใส
“Happy Birthday ค่ะ”
เขมชาติ ทั้งดีใจและสะใจ เพราะรู้ว่าสุริยงแอบดูอยู่
ในขณะเดียวกัน สุริยงก็รู้สึกผิดวาบเข้ามา เหมือนตัวเองกำลังทำผิดลับหลังคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
เขมชาติยิ้มร่าเริง รับเกนหลง
“ขอบคุณมากครับ เซอร์ไพรส์มาก”
“เป่าเทียนเลยค่ะ จะละลายหมดแล้ว”
เขมชาติเป่าเทียน เกนหลงยิ้มสดใส และส่งของขวัญให้
“มีความสุขมากๆนะคะ”
เขมชาติยิ้มประทับใจมาก “ขอบคุณมากครับ”
เขมชาติมองเกนหลงแววตาประทับใจ และเมื่อนึกได้รีบโอบตัวเกนหลงพาเดินเข้ามาในห้อง
“เค้กน่าทานมากๆ เลยครับ”
เกนหลงเดินตามเขมชาติเข้ามาด้านใน พลางพูดอวด
“เกนทำเองนะคะ”
พอลับหลังเกหนหลง เขมชาติก็สะบัดมือ ส่งสัญญาณให้สุริยงหลบออกไป
“ งั้นต้องอร่อยแน่ๆเลยครับ”
“ทานก่อนแล้วค่อยตัดสินใจดีกว่าค่ะ”
สุริยงค่อยๆย่องออกจากตู้เสื้อผ้า แล้วค่อยๆเปิดประตูห้อง แล้วรีบหลบออกไป เสียงปิดประตูดังกริ๊ก
เกนหลงแปลกใจหันไปที่ประตูเขมชาติรีบเดินมายืนบังไว้ อย่างรู้ทาง
“งั้นเรามาทานเลยดีกว่าครับ”
เขมชาติยิ้มกลบเกลื่อน เหมือนไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น พลางยิ้มโล่ง เพราะคิดว่ารอดตัวแล้วเกนหลงเหลือบไปเห็นชามข้าวต้มที่วางอยู่ข้างเตียง พร้อมกับร่องรอยข้าวต้มหกที่ยังหลงเหลืออยู่
“เขมคะ “ เขมชาติชะงัก “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ?”
เขมชาติหันไปเห็นซากข้าวต้มหกก็ตกใจ “เอ่อ...”
ในขณะเดียวกันสุริยงเดินออกมาจากห้องนอนเขมชาติด้วยความรู้สึกผิดอย่างแรง
เกนหลงหยิบชามข้าวต้มมาถือไว้ แล้วก็บ่นๆด้วยความเป็นห่วง
“ไม่สบาย แล้วทำไมไม่บอกเกนคะ จะได้รีบมาดูแลตั้งแต่เช้า ดูสิ ทำข้าวต้มกินเองไม่อร่อย แล้วยังทำหกเลอะเทอะอีก วันนี้แม่บ้านก็ขอลา ถ้าเกนไม่แวะมาเซอร์ไพรส์ใครจะช่วยเก็บคะเนี่ย”
เขมชาติ รีบดึงชามมา “ผมก็เก็บของผมเอง ผมไม่ยอมให้คุณเกนทำแน่ๆ”
เกนหลง แย่งกลับมาอีก “เกนทำให้ด้วยความเต็มใจ วันนี้เป็นวันเกิดคุณ เดี๋ยวเกนดูแลเอง...เอางี้...เดี๋ยวเกนทำข้าวต้มให้ใหม่ ทานข้าวต้ม ทานเค้ก ทานยา แล้วก็นอนพัก เย็นนี้จะได้มีแรงไปทานข้าวกับคุณพ่อ”
“โอเคครับผม”
เกนหลงยิ้มรับและเดินออกไป พอคล้อยหลังเกนหลง เขมชาติก็รีบหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความทันที
สุริยงนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ หน้าตาครุ่นคิด เสียงข้อความเข้า เห็นเป็นข้อความจากเขมชาติ สุริยงหยิบมาอ่าน
“ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ความห่วงใยของคุณเป็นของขวัญวันเกิดที่มีค่ามากสำหรับผม”
สุริยงอ่านแล้วคิดหนัก พลางย้อนนึกถึงภาพตอนอยู่ระยะประชิดกับเขมชาติ และภาพตอนเกนหลงเข้ามา และตัวเองต้องหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้าเหมือนคนทำผิดที่ต้องหลบๆซ่อนๆ
สุริยงคิดหนัก พลางรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน ก่อนจะตัดสินใจกดโทรศัพท์หาเอื้อ
“คุณเอื้อคะ เรื่องงานที่คุยกันไว้ หนูเล็กตัดสินใจแล้ว หนูเล็กรับทำค่ะ และจะขอเริ่มงานให้เร็วที่สุด”
สุริยงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
เอื้อเดินคุยโทรศัพท์อยู่ในโรงแรมของคุณพจน์ พลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ด้วยความยินดีครับ ค่ำๆ ผมแวะไปหา จะได้คุยรายละเอียดกัน ผมดีใจที่หนูเล็กรับทำงานนี้ แล้วเจอกันครับ”
เอื้อวางสายไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ ก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องทำงานของคุณพจน์ เลขาเดินมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณเอื้อ คุณพจน์รออยู่ในห้องแล้วค่ะ”
เลขาเปิดประตูห้อง และเมื่อเอื้อเดินเข้าไป ก็เห็นพจน์นั่งรออยู่
“เชิญครับคุณเอื้อ ขอบคุณมากนะครับที่รับคำเชิญมาคุยกับผม”
“ด้วยความยินดีครับ คุณพจน์ต้องการทราบอะไรเกี่ยวกับสุริยง รัตนชาติ ถามมาได้เลยครับ”
เอื้อพูดด้วยความหนักแน่น คุณพจน์พยักหน้ารับ..และถามอย่างตรงไปตรงมา
“ผมมีแค่คำถามเดียว ผมอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่เลี้ยงของคุณ กับ เขมชาติ”
เอื้อชะงักนิดๆ ถึงจะเตรียมใจมา แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ คุณพจน์วางรูปเขมชาติกับสุริยงไว้บนโต๊ะ เอื้อเห็นแล้วก็ พอจะเดาเรื่องได้
“พี่อัมเป็นคนเอามาให้คุณอาใช่มั้ยครับ?”
คุณพจน์พยักหน้าช้าๆ ในขณะที่เอื้อพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“ผมมีคำอธิบาย คุณอาฟังแล้วก็ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าควรจะเชื่อใคร?”
เกนหลงเดินเข้ามาในครัว วางชามข้าวต้มในที่ล้างจาน เตรียมจะหันมาทำข้าวต้มชุดใหม่ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะเห็นช้อนที่สุริยงวางไว้ในอ่างล้างจาน พลางค่อยๆหยิบช้อนมาดู
ที่ช้อน มีรอยลิปสติกติดอยู่
เกนหลงนึกถึงคำพูดของเขมชาติที่อธิบายให้เธอฟัง
“พอดีผมไม่ค่อยสบายมึนๆหัว แม่บ้านก็ลา อยู่บ้านคนเดียว ก็เลยพยายามรวบรวมแรงลงไปทำข้าวต้มเอาขึ้นมาทานที่ห้องสงสัยจะฝืนตัวเองมากไป พอเดินมาถึงข้างบนก็หน้ามืดขึ้นมา ข้าวต้มก็เลยหกเลอะเทอะอย่างที่เห็น”
เขมชาติพูดอย่างน่าเชื่อถือ จนเกนหลงฟังคล้อยตาม
หากในขณะนี้ เกนหลงมองคราบลิปสติกที่ติดอยู่ที่ช้อนด้วยความสงสัย ความไม่วางใจเริ่มเกิดขึ้นมาในใจ
“รอยลิปสติกของใคร?”
จบตอนที่ 12