xs
xsm
sm
md
lg

สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 4

คุณหญิงพรรณรายพยายามค้นหาอะไรบางอย่างในอัลบั้ม สีหน้าเคร่งเครียด

“มันหายไปไหนนะ บ้าจริง”
“หาอะไรคุณหญิง” นายพลกันต์สงสัย
“รูปลูกพรรณวดีค่ะ ใครมาดึงออกไป คุณหรือเปล่าคะ”
นายพลกันต์นิ่งไม่ตอบเพราะแอบดึงไปจริงๆ กมลกันต์เดินมา เอื้อเดินตามหลัง
“นายเอื้อมาลาครับ คุณพ่อคุณแม่”
เอื้อยกมือไหว้ลาทั้งสามคน
“ผมขอประทานโทษอย่างมากที่ต้องลาออกทั้งทีไม่อยากลาออก แต่พ่อผมไม่สบายมากต้องการคนดูแลตลอดเวลา”
นายพลกันต์พยักหน้ารับ
“ฉันเข้าใจ จ่าพ่อของนายเอื้อรับใช้ดูแลขับรถมานานมาก ตอนนี้เขาเจ็บไข้ได้ป่วยสมควรแล้วที่นายเอื้อต้องไปดูแลเขา”
“นี่เงินฉันให้ไปเป็นรางวัลที่ทำงานให้พวกฉันมาตั้งแต่จ่าจนถึงนายเอื้อร่วมสามสิบปี” คุณหญิงพรรณรายส่งเงินให้
“ถ้ามีปัญหาอะไรเรื่องเงินทอง ฉันยินดีช่วยเหลือทั้งจ่าและนายเอื้อ” กมลกันต์บอกบ้าง
เอื้อหน้าเสียไปนิดหนึ่ง อึกอัก
“ขอบพระคุณมากครับ ผมกราบลาอีกครั้ง จะไม่มีวันลืมพระคุณของทุกท่านขอรับ”
เอื้อไหว้ลาสามคนอีกครั้ง

ภายในผับหรูไฮโซ อิฐและนักธุรกิจฝรั่งลูกค้าของอิฐ ดื่มคุยกันอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์
ลูกค้าสองคนของอิฐเต้นตามจังหวะเพลง ทั้งสามคนสนุกสนานกันได้ที่ ก็พยักหน้าให้กัน เตรียมจะกลับ
“Shall we”
“อือฮึ”
อิฐยิ้มให้ หันไปสั่งบริกร
“น้อง... เช็คบิลด้วยครับ”
“ครับผม”
พนักงานเดินแยกไป

ในครัวอิริน่าช่วยศรีทำอาหารอย่างสนุกสนาน ทุกคนสนุกตามไปด้วย
“แกงสีเขียวเรียกว่าแกงเขียวหวาน แกงสีแดงเรียกว่าแกงเผ็ดหรือแกงแดง แล้วมีแกงสีเหลืองไหมคะ”
อิริน่าสงสัย เจตรินเดินมาพอดี อมยิ้มเอ็นดูอิริน่ามาก
“มีสิอิริน่า เขาเรียกว่าแกงเหลืองยังไงเล่า”
“ถ้าอย่างนั่น น่าจะมีแกงชมพูแกงฟ้า แกงม่วงด้วยสิคะ”
“มีค่ะ แต่เป็นข้าวกับขนมค่ะ มีทุกสีค่ะ นี่ถ้าจะหิวข้าวใช่ไหมคะ” ศรียิ้มให้
“ค่ะ อิริน่าอยากกินจังเลยค่ะ”
“จริงสิคะ คุณอิริน่ายังไม่ได้ทานอาหารเย็นเลยนะคะ”
“นี่แปลว่าไม่มีใครจัดอาหารให้คุณอิริน่าสิ บ้าจริง”
“เอ้อ.. ค่ะอิริน่าไม่ไปกินเองค่ะ อิริน่าอยากทำกินเองในครัวค่ะ”
เจตรินหน้าตึงรู้ดีว่าอิริน่าโดนแกล้งไม่ให้กินข้าว
“ไม่ต้องทำแล้ว ผมจะพาไปกินนอกบ้านทุกวันให้มันรู้กันไปว่าไม่มีใครหาข้าวให้ภรรยาเจ้าของบ้านกิน”
อิริน่าหันมายิ้มให้เจตรินดีใจ
“ขอบคุณมากค่ะ ใจดีจังเลยค่ะ ทุกคนอิริน่าไปก่อนนะคะ จะไปกินข้าวเจ็ดสี”
เจตรินจูงมืออิริน่าพากันเดินออกไป พวกสาวใช้มองตาม
“น่ารักน่าเอ็นดูแต่ดูดีๆ ไม่เหมือนผัวเมียเลยนะ ให้ตาย”
“เหมือนพี่ชายกับน้องสาวจริงๆ พับผ่าสิ” จิ๋มออกความเห็น
“มีแต่ทำน่ารักน่าเอ็นดูแต่ไม่มีกุ๊กกิ๊ก ไม่เหมือนข้าวใหม่ปลามัน” แจ๋วเสริม
“พวกแกชอบนินทาเจ้านาย ดูสิคุณหญิงกับคุณอารดากีดกันไม่ให้เธอกิน ข้าวด้วย โชคดีที่คุณเจตเธอกลับมาไม่ดึกเกินไป บ้านนี้มันอะไรกันนักกันหนา” ศรีถอนใจ
“อ้าว.. ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ชอบแอบดูเจ้านาย”
สามคนหัวเราะขำๆ

อิฐและลูกค้าออกมาจากผับ คนขับรถขับรถตู้มาจอดเทียบ แล้ววิ่งลงมาเปิดประตูรถให้ อิฐผายมือเชิญให้ลูกค้าขึ้นก่อน ทันใดเสียงจิตรดาราดังลั่นแบบเมาสุดขีด ขาดสติออกมาจากผับพร้อมสามหนุ่ม
“วู้...สนุกจริงโว้ย... วู้ๆ แล้วนี่จะพาฉันไปต่อไหนเนี่ย”
“ไปต่อสวรรค์ชั้นสามสิบสองของพี่สิจ๊ะน้องจิตรดารา” หนุ่มคนหนึ่งบอก
สามหนุ่มและจิตรดาราหัวเราะชอบใจ ที่รถอิฐคนขับกำลังจะปิดประตู มืออิฐดันไว้ อิฐรีบลงจากรถ เพราะได้ยินชื่อจิตรดารา เขามองไปเห็นสามหนุ่มกำลังประคองจิตรดาราซึ่งอยู่ในสภาพเมามาก เห็นแล้วรู้เลยว่าจะพาไปต่อบนเตียง จิตรดาราเมาทั้งเหล้าทั้งยา อิฐมองเขม็ง
“จำได้แว่วๆ..ที่อาจารย์สอน...สวรรค์มีแค่หกชั้นเอง คอนโด พ.ศ.นี้สูงกว่าสวรรค์แล้วงั้นสิ” จิตรดาราหัวเราะชอบใจ
อิฐหันไปบอกลาลูกค้า และบอกให้คนรถไปส่งที่โรงแรม ให้ดูแลให้ดี ทันทีที่รถเลื่อนออกไป อิฐเดินตรงมาที่กลุ่มจิตรดารา
ชายหนุ่มหัวเราะสนุก หันไปบอกเพื่อน
“เออสิวะ เห็นหรือยังว่ามนุษย์กับเทวดาใครแน่กว่ากัน...”
กลุ่มจิตรดารา หัวเราะกันเว่อร์มากเพราะเมา
“เหนือเทวดายังมี...” จิตรดาราจิ้มอกหนุ่มทีละคน “แก...แก...และ...แก” จิตรดารา จิ้มอกอิฐ “แก...เฮ้ยตะกี้มีสาม ทำไมตอนนี้มีสี่...ว้าย...”
อิฐกระชากจิตรดารา อย่างแรง หลุดจากสามหนุ่ม อิฐทำเสียงเข้ม
“กลับบ้านจิต”
“เฮ้ยป๋า อย่ามั่วตีมึนแฮ้ปชิ้นปลามันกันหน้าด้านๆ สิ กว่าพวกผมจะตกปลาตัวนี้ได้งัดวิชากันหมดพุง”
“วิชามารน่ะสิ ไอ้เด็กนรก”
“พูดงี้สวยเลยป๋าพี่อิฐ...สามคนหกคู่ รองเท้าเบอร์แปดครึ่งนะสู้ไหวเหรอ หนูอีกคู่เบอร์ห้า...”
จิตรดาราหัวเราะสนุก แล้วกระทืบเท้าอิฐแต่พลาด อิฐรู้แกวหลบเท้าทัน ระหว่างนั้นหนุ่มคนหนึ่งเดินไปที่รถ แล้วกลับมาพร้อมปืน
“มุกกระทืบเท้าอีกและเก่าไปมั้ยน้อง กระทืบก็ไม่โดน เตะหน้าแข้งเอาคืนซะดีมั้ยนี่ เมาจนหมาเมิน ไป...” อิฐพูดพร้อมกระชาก
“ไม่ไป ปล่อยนะ ยังเที่ยวไม่มันส์เลย” จิตรดาราโวย
ชายหนุ่มยกปืนเล็งอิฐ สองหนุ่มตกใจเห็นเพื่อนเล็งปืน แต่จิตรดาราชอบใจ เพราะเมาจัด
“เฮ้ย...”
“ปล่อยน้องจิตนะเว้ยไอ้ป๋าบ้ากาม ฉันไม่รับรองความเร็วกว่าแสงของนิ้วฉันนะเว้ย”
“โอ้...แมนสุดๆ ยิงเลย...ยิงเล้ย...ฮ่าๆ”
จิตรดารา จะจับอิฐให้เป็นเป้าแต่จับไม่ถนัดเพราะเมา และเพราะแสงไฟหน้ารถเลี้ยวสาดจ้าเข้ามารถพุ่งมาที่กลุ่มอิฐ เปิดไฟสูงต่ำสลับกันถี่ยิบ กดแตรยาวดังลั่น ท่าทางมุ่งพุ่งชนสามหนุ่ม มันคือรถตู้ของอิฐนั่นเอง อิฐกระชากจิตรดาราไปทาง สามหนุ่มกระโดดเด้งไปคนละทางสองทาง
“เฮ้ย...”
เสียงปืนลั่นนัดหนึ่งเพราะความตกใจ ไม่ได้ตั้งใจยิง ประตูรถตู้เปิดผาง นักเที่ยวออกมาดู พวกที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุวิ่งหนีบ้าง นั่งลงหลบข้างรถบ้าง ลูกค้าเรียก

“Hurry, Khun Itti.”

อิฐดันจิตรดาราขึ้นรถ ลูกค้าช่วยดึง หนุ่มคนที่มีปืนวิ่งไล่ยิง คนขับเห็นรีบออกรถ อิฐยังคาประตู ลูกค้าช่วยดึงสุดฤทธิ์ ประตูรถปิด หนุ่มยังไล่ยิงหมดแม็กแต่ไล่ไม่ทัน
 
ระหว่างนั้น รปภ.ของผับวิ่งระวังๆ มาเป่านกหวีด อีกคนแกล้งตะโกนโทรมือถือ แจ้งเหตุร้าย สามหนุ่มวิ่งหนีไปที่รถของตัวเอง รถอิฐลับไปแล้ว

รถตู้ของอิฐค่อยๆ ชะลอจอด แถวๆที่มีต้นไม้ใหญ่ ประตูรถตู้เปิด อิฐลากจิตรดาราลงจากรถแล้วปิดประตู จิตรดาราโวยวายรถตู้แล่นออกไป เธอยังเมาเละ เซไปซบ อิฐมองหาแท็กซี่ไปด้วย จับจิตรดาราให้ยืนตรงๆ ไปด้วย ซึ่งทำไม่ได้ง่ายๆ อิฐสุดระอาปรารภกับตัวเอง
“เป็นน้องฉันละชกหมกชักโครกไปแล้ว”
จิตรดาราคลื่นไส้ แล้วอ้วกพรวดใส่ อิฐหลบไม่ทัน
“เฮ้ย” อิฐก้มลงมองดูเสื้อผ้าแล้วเซ็ง “หมดกัน”
จิตรดาราปรือตามองชอบใจ
“สมน้ำหน้าคนชอบกิน......เผือก”
จิตรดาราอ้วกอีก ไม่ได้ตั้งใจเช่นเคย อิฐจับศีรษะจิตรดาราให้หันไปอ้วกอีกทาง
“ไอ้อิฐเอ๊ย...เกิดชาติภพไหนอย่าได้เกี่ยวข้องดองเค็มกับผู้หญิงเยี่ยงนี้เป็นอันขาด”
“ทำไม...จิตเสียหายตรงไหน”
“โอย...ยังไม่รู้ตัวอีก เสียหาย อสงไขยโกฏิ นับไม่ได้ยิ่งกว่าเม็ดทรายทั้ง โลกรวมกันอีกอ่ะ”
“ไอ้พี่อิฐทุเรศ ไอ้พี่อิฐก่อผนังส้วม”
จิตรดาราเหวี่ยงหมัดเต็มเหนี่ยวแต่ไม่โดน แล้ววูบหลับไป อิฐรับทัน
“อ้าว...ซะงั้น เวรของกรรม กรรมของตู”
อิฐมือหนึ่งยันจิตรดาราติดต้นไม้ไว้ อีกมือโบกเรียกแท็กซี่

เจตรินหน้านิ่ง ยืนกอดอกพิงขอบระเบียง อิริน่าหันไปถาม
“ฮือ...ยังยืนอยู่อีก ไม่เมื่อยขารึไงยืนเป็นชั่วโมงๆ แล้ว”
“ก็ช่างขาเธอสิ ไปอาบน้ำนอนเหอะ ตอนนี้ผมง่วงสุดๆ จนสามารถยืนหลับได้ในเสี้ยววินาทีนี่เลย”
“เว่อร์”
“ไงล่ะ ทำไมไม่ไปอาบน้ำ”
“ก็...เอ้อ...ถ้าคุณไม่ออกไปจะไปให้ไปอาบที่ไหน”
“ก็อาบห้องนี้ไง พูดตั้งร้อยหนแล้ว”
“ก็บอกตั้งร้อยหนแล้วเหมือนกันว่าไม่ชอบอาบ ห้องน้ำบ้าอะไรไม่มีประตู”
“ตามใจ” เจตรินหาวเสียงดัง “ไปนอนดีกว่า”
เจตรินเดินถึงเตียง คว่ำหน้าที่ขอบเตียงหลับไปเลย
“เฮ้ย หลับง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ดีจัง หลับเหมือนตายไปเลยยิ่งดี”
อิริน่าค่อยๆ ย่องๆ ไปเข้าห้องน้ำ เจตรินแอบหรี่ตามองยิ้มๆ ทำเสียงกรนครอกๆ

อิริน่าอาบน้ำโดยเอาผ้าขนหนูมาเป็นกระโจมอก ค่อยๆ อาบทีละส่วน ล้างหน้าก่อนแล้วมาที่เท้า แล้วไล่จากเท้ามาที่น่อง หัวเข่า และ ขา ทันใดนั้นเสียงเจตรินดังขึ้น
“อาบน้ำแบบลวกๆ ชุ่ยๆ มันจะสะอาดได้ยังไง”
ผ้าหล่นมากรอมเท้า พร้อมกับเสียงที่กรีดร้องของอิริน่า
“ว๊าย...”
อิริน่า ตกใจ
“อ๊าย...ไอ้บ้ามาแอบดูฉันอาบน้ำแถมทำผ้าฉันหลุด”
อิริน่าดึงเอาผ้าม่านกันน้ำมาปิดตัวไว้มือหนึ่งอีกมือหนึ่งฉวยที่ทำความสะอาดชักโครกทิ่มใส่เจตริน ที่ยืนหัวเราะชอบใจ
“แหม...ก็ฉันปวดฉี่นี่นา ใครจะไปคิดว่าจะมีคนอาบน้ำภาคพิสดารแบบนี้”
“ออกไปนะ...ออกไป...ไม่ออกจะ...”
“จะทำไม จะออกมาเผชิญหน้ากันหรือ มามะออกมา มาให้ดูอะไรอะไร ให้ครบถ้วน เมื่อกี้ตอนผ้าหลุดดูไม่ทัน ดูไม่เต็มตา”
อิริน่าแทบจะร้องให้
“ไอ้บ้า ฉันเกลียดคุณ เอาผ้าเช็ดตัวฉันคืนมานะ”
เจตรินก้มลงไปหยิบผ้าเช็ดตัวโยนไปครอบหัวอิริน่า
“ฉันจะไปฉี่ที่อื่นแล้วจะล๊อคประตูไว้ให้ เชิญเธอแก้ผ้าอาบน้ำให้สะอาดหมดจด ตั้งแต่หัวจรดเท้า เดี๋ยวจะมาเคาะเรียก”
อิริน่าโกรธอายจนน้ำตาไหล เจตรินเดินหายออกไป ได้ยินเสียงประตูห้องดังเหมือนเปิด อิริน่าเบ้หน้า
“จ้างให้ก็ไม่เปิด ไปนอนห้องยัยอารดาหน้าอัพซีลิโคนสิ”

อารดาแอบอยู่หน้าห้องเอาหูแนบฟังเห็นประตูเปิด
“มันทำอะไรกันนะเสียงวี๊ดว๊าย เจต”
เจตรินตกใจเช่นกัน
“อารดา นี่นี่คุณมาแอบดูอะไร”
“เปล๊า...ดามา...เอ้อ...มา...ผ่านมาพอดีต่างหาก เจตออกมากก็ดีแล้วค่ะ มาคุยกับดานะคะ”
“ผมไม่ได้จะออกมา แต่ผมเอ้อ...รู้สึกว่ามีใครมาแอบหน้าห้องนึกว่าคนร้ายเลยมาเปิดดู ผมกลับเข้าห้องดีกว่า”
“ไม่ดีค่ะ ดาอยากคุยกับคุณเรื่องนังลูกโสเภณีที่มันชอบรังแกดา”
“อย่าเรียกภรรยาผมด้วยคำพูดเช่นนั้นอีก ส่วนเรื่องรังแกอยากถามว่าใครเริ่มก่อน ถ้าเขาไม่ได้เริ่มแปลว่าเขาแค่ป้องกันตัว ผมขอตัว”
“พาดาไปหาอะไรจิบเล่นนอกบ้านนะคะ”
อารดาไม่พูดเปล่าแต่ดึงเจตรินให้ออกมาทั้งตัว เจตรินพยายามฝืนตัวถอยหลังกลับ ยื้อกันไปยื้อกันมา ผลุบเข้าผลุบออกเหมือนชักเย่อ

ในบ้านใหญ่โตรโหฐาน กมลกันต์นั่งซึม นึกถึงเหตุการณ์ที่พบกับจีรณัทย์วันก่อน แต่โดนแม่ของเธอกีดกัน กมลกันต์ถอนใจพึมพำ
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่พรรณวดี จงใจยิงคุณอาจิรายุ”
เสียงกรีดร้องของคุณหญิงพรรณรายดังมาจากในห้อง กมลกันต์ตกใจ
“คุณแม่”

อิริน่าใส่ชุดนอนเดินเช็ดผมเอ้อระเหยออกมาแผ่ลงไปกลางเตียง
“สบายใจจังเลย เรานอนคนเดียวได้สักที”
แต่แล้วอิริน่าก็ต้องตกใจมาก ใต้ผ้าห่มที่อิริน่าแผ่ลงไปมีอะไรบางอย่างดิ้นขลุกขลักไปมา
“อะไรน่ะ”
ผ้าห่มตลบขึ้นมาปิดตัวอิริน่า เป็นเจตรินโผล่มาทั้งตัว
“ผมเอง...คิดว่าผมติดอยู่นอกห้องละสิ ไม่มีทาง...”
สองคนจมูกชนกัน เจตรินยิ้ม อิริน่ากัดจมูกทันที
“แกล้งตบตากันเหรอ”
“โอ๊ย…จมูกผม”
“ให้มันแหว่งไปเลย”
อิริน่าหัวเราะชอบใจ เจตรินไม่ยอมโดดมาสู้กันนัวเนียไปมา อิริน่าโดนจับมือไว้ทั้งสองข้าง เจตรินจับมือ อิริน่าอึ้งเงียบไปเลย
“ไหนว่าเก่ง ดิ้นให้หลุดสิ ดิ้นสิ จมูกผมกับคุณจะได้ชนกันแรงๆ”
“เออ...ไหนว่าคุณไปฉี่”
“ผมไม่ได้ปวดฉี่ แต่เปิดโอกาสให้เธออาบน้ำ”
“ขอบใจ...แต่ตอนนี้ฉันง่วงนอนมาก อยากนอน”
อิริน่ารีบฉวยผ้าห่ม กระชากมาแล้วพลิกตัวกลิ้งลงไปนอนด้านล่างทันทีก่อนเพลี่ยงพล้ำยอมให้เจตรินจูบ เจตรินยิ้มไม่ว่าอะไรลุกมานั่ง
“ผมจะไปนั่งทำงาน เธออยากนอนก็นอนไปสิ กู๊ดไนท์”

อิริน่าแอบยิ้ม

คุณหญิงพรรณรายน้ำตาซึม นายพลกันต์กับกมลกันต์ช่วยกันปลอบ

“แม่ไม่เชื่อว่าพรรณวดีจงใจยิงจิรายุ”
“ผมก็ไม่อยากจะเชื่อ” นายพลกันต์เห็นด้วย
“ผมไม่มีวันเชื่อ ผมมั่นใจว่าเป็นอุบัติเหตุ” กมลกันต์บอกอย่างมั่นใจ
“และแม่ก็ไม่เชื่อว่า พรรณวดีตาย”
นายพลกันต์ครุ่นคิด
“เขาเล่ากันว่าศพโดนพวกนั้นเอาไปเผาทำลาย”
กมลกันต์เห็นด้วยกับแม่
“ผมว่าบางทีที่คุณแม่หวังอาจเป็นจริงครับ พี่พรรณวดียังไม่ตาย”
นายพลกันต์สงสัย
“แล้วไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ส่งข่าวมาหาเราบ้าง”
“พี่วดีอาจกลัวความผิด พี่วดีอาจกลัวว่าจะไม่มีใครยอมอภัยให้” กมลกันต์ออกความเห็น
“พ่อแม่อย่างเราไม่มีวันไม่ให้อภัยลูก แต่ไม่จำเป็นต้องไปโพนทะนา” นายพลกันต์บอกเศร้าๆ
“ขอให้ลูกกลับมาหาแม่เถิดพรรณวดี ขอให้ลูกกลับมา แล้วคิดอะไรดีๆ บ้าง แม่อยากพบอิริน่าคนนั้นอีก กมลกันต์”
กมลกันต์ส่ายหน้า
“ยากครับ เธอเป็นสะใภ้บ้านคุณอาศรินทิพย์ ท่านไม่ยอมให้เราพบคนของท่านแน่”
คุณหญิงพรรณรายน้ำตาซึม

ค่ำนั้น เจตรินนั่งทำงานอยู่ในห้อง อิริน่านอนพลิกไปพลิกมาคิดถึงพ่อน้ำตาไหล พอเขาหันมามองรีบทำหลับตา เจตรินมองแล้วต้องข่มใจ เธอสวยจนใจปั่นป่วนเมื่อดูใกล้ๆ
“อิริน่า เธอร้องให้”
เจตรินประคองอิริน่ามาโอบกอดไว้ อิริน่าตกใจ คิดในใจ...
‘ตายแล้ว เขาจะแอบขโมยจูบเราแน่ๆ’
เจตรินก้มลงมาอีก
“ช่างน่าสงสาร”
“อย่านะ อย่ามาจูบฉันนะ”
“เฮ้ย...นี่เธอแกล้งหลับ”
“คุณยังแกล้งหลับได้ ฉันก็แกล้งบ้างสิ”
“เด็กเกเร กวนโอ๊ยมากชอบแกล้งคน เมื่อกลางวัน ก็กวนอารดาจนเขาต้องออกไปนอกบ้าน”
“ฉันว่าตอนนี้เขาก็ออกไปอีก ห่วงเขามากก็ไปตามสิคะ”
“ไม่ตามแต่จะกวนกับเธอ”
“มากวนฉันทำไมรีบไปตามเธอสิ นั่นคู่หมั้นนะนั่น”
เจตรินจะเล่นงาน อิริน่าหัวเราะวิ่งหนี
“ฉันจะกำหราบเธอก่อน”
“ฉันจะไปบอกกินเนสบุ๊กมาเอาไปจดสถิติไว้ ผู้ชายมีภรรยาแล้วยังมีคู่หมั้นอีกคน” อิริน่าหัวเราะ
“เดี๋ยวเถอะ ยายจอมแก่น”
เจตรินวิ่งไล่อิริน่าวิ่งหนี โดดขึ้นเตียงวิ่งข้ามไปลงอีกด้าน ท่าทางสนุกทั้งคู่ เจตรินจับอิริน่าได้ในท่ากอดกัน หน่อยๆ ยังไม่รู้จะทำอะไรดีก็ชะงัก เห็นอะไรบางอย่างหน้าบ้าน เจตรินชะเง้อมองออกไป อิริน่ามองๆ
“มีแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน รีบออกไปดูสิคะว่าใช่คู่หมั้นคุณมาหรือเปล่า”
“ทำไมมาแท็กซี่” เจตรินแปลกใจ

อิฐลงจากที่นั่งข้างคนขับ แล้วไปเปิดประตูหลัง จิตรดารานอนเหยียดยาว ยังหลับลึกมาก อิฐหันไปบอกคนขับ
“พี่ช่วยผมหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมเพิ่มค่าเสียเวลาให้”
“ได้ครับ”
อิฐลากจิตรดาราลุกนั่ง เธอยังหลับไม่รู้เรื่อง อิฐลากออกจากรถ
“เมาหลับกินประเทศเลยคุณน้อง ตัวก็หนักยังกับแท่งซีเมนต์”
อิฐลากจิตรดาราออกมาพ้นรถ พยุงเธอขึ้น คนขับช่วยพยุงอีกข้าง ไปที่หน้าประตู
“กองไว้นี่ละพี่”
คนขับแท็กซี่ขำ
“คุณพูดยังกับคุณเขาเป็นผ้าขี้ริ้ว”
“มันต่างกันตรงไหน ดูดิ”
อิฐปล่อยจิตรดาราลงนั่งกับพื้น พิงประตู จิตรดาราหลับคอพับคออ่อนหมดสภาพสุดๆ อิฐให้เงินแท็กซี่ห้าร้อย
“นี่ครับ”
“โอย เยอะไปครับ”
“เอาไปเถอะครับพี่ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย”
“ครับ”
แท็กซี่ขับออกไป อิฐลงนั่งค้นกุญแจในกระเป๋าสะพายของจิตรดารา ยังไม่ทันเจอเสียงเจตรินดังขึ้น
“นายเองเหรออิฐ”
อิฐลุกยืน เจตรินเข้ามายังไม่ทันมองจิตรดารา
“มีอะไรมาซะดึก”
อิฐบุ้ยใบ้ให้มองจิตรดาราที่พื้น เจตรินเห็นอึ้งสุดๆ อิริน่าที่ตามมาด้วย มองจิตรดาราอึ้งไปเหมือนกัน

เจตรินอุ้มจิตรดาราวางที่เตียง ปัดผมลูบแก้มน้องอย่างนิ่มนวล มองน้องที่หน้าตาดูไม่มีความสุข สักครู่จิตรดาราดิ้นแรงละเมอโวยวายเสียงดังไม่เป็นภาษาอย่างระบาย ความเครียดที่สะสมในใจ
“จิต...จิต...” เจตรินพยายามเรียก
จิตรดารายังดิ้นโวยวาย เจตรินช้อนตัวน้องขึ้นมากอดไว้อย่างรักและสงสาร
“จิตนี่พี่นะ พี่เจต”
เจตรินกอดน้องแบบถ่ายทอดความรักความห่วงใย จิตรดาราค่อยๆ สงบลง คล้ายได้ความอบอุ่น เมื่อจิตรดาราหายใจสม่ำเสมอ เขาค่อยๆ วางน้องลงนอนต่อ เขามองอย่างสงสารห่วงใยก้มจูบหน้าผากน้อง

เจตรินใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ เช็ดหน้า เช็ดคอ เช็ดแขนให้น้องอย่างเบามือ จิตรดารานอนหลับสนิท อิริน่าเข้ามายืนมอง รู้สึกตื้นตัน รับรู้ได้ถึงความรักมากมายที่เขามีให้น้องสาวที่ใครๆ ก็มองว่านิสัยแย่สุดๆ
“คุณอิฐอาบน้ำอยู่ที่ห้องพักแขกนะคะ คุณจิตอาเจียนใส่ ฉันเอาเสื้อยืดของคุณให้ยืมเปลี่ยนค่ะ”
“เดี๋ยวคุณช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้จิตหน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ” อิริน่าเต็มใจมาก
“ขอบคุณครับ”
เจตรินจะเอากะละมังไปเท อิริน่าห้ามไว้
“เดี๋ยวฉันทำให้ค่ะ”

เจตรินยิ้มอ่อนๆให้อิริน่าอย่างขอบคุณ สีหน้าท่าทางเหนื่อยในใจ อิริน่ามองตามอย่างเห็นใจ

อิฐอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมานั่งคุยกับเจตรินที่รออยู่

“ถ้าฉันไม่บังเอิญไปเจอ...ยายจิตจะบังเอิญได้สามีคืนเดียวพร้อมกันสามคน”
เจตรินบาดความรู้สึกมากเจ็บจี๊ด
“แกหยุดพูดได้มั้ย”
“ฉันไม่อยากพูดด้วยซ้ำ แต่ยายจิตลูกใคร น้องใคร...น้องแกก็เหมือนน้องฉัน แกตามไม่ทันเด็กสมัยนี้แล้วเจต แต่เมื่อรู้แล้วฉันก็หวังว่าแกกับคุณแม่จะทำอะไรสักอย่างนะ”
เจตรินอึ้งๆ
“เปิดใจรับนายตี๋นิกกี้นั่นก็ได้ ยายจิตจะได้ไม่ต้องเที่ยวผู้ชายไม่ซ้ำหน้า”
“นายกลับไปก่อนเถอะอิฐ วันนี้ฉันเกินจะรับไหวแล้ว ขอบใจมากที่ช่วยจิต”
“ความจริงบางอย่างมันก็สุดโหดนะเจต ฉันหรือแม้แต่แกคงไม่บังเอิญเจอน้องแกทุกครั้งที่เกิดเรื่องเลวร้ายหรอกนะ”
เจตรินมองอิฐอย่างขอร้อง อิฐเข้าใจโบกมือให้แล้วกลับไป เจตรินเศร้าและปวดใจมาก

จิตรดารานอนหลับสนิท หน้าตาสะอาดผ่องใสขึ้น ห่มผ้าห่มเรียบร้อย เจตรินเปิดประตูเข้ามาลงบนเตียงข้างน้องสาวอังแก้มแผ่วเบามองอย่างสงสาร
“พี่เหมือนใจร้ายกับจิตนะ แทบไม่เคยอยู่กับจิตเลย ไม่เคยรู้ปัญหาของจิต เหมือนไม่รู้จักน้องสาวของตัวเองเลย”
เจตรินมองจิตรดาราที่หลับสนิทอย่างสงสาร

กลางดึก จิตรดารารู้สึกตัวตื่น มองรอบๆอย่างงงๆว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แล้วรู้ว่าอยู่ที่ห้องตัวเอง
“กลับมาได้ไงเนี่ย”
จิตรดาราปวดหัวเพราะเหล้าด้วย นึกไม่ออกจริงๆด้วย เธอหันไปเห็นเจตรินนั่งหลับอยู่ที่โซฟา
“พี่เจต...” จิตรดารานึกได้เป็นฉากๆว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น “โอ๊ย...ตายๆ นายพี่อิฐต้องขายความลับฉันหมดแล้วแน่”
เสียงประตูเปิด อิริน่าโผล่หน้าเข้ามา เห็นจิตรดาราตื่นแล้ว ส่วนเจตรินยังหลับ
“อุ๊ย ขอโทษคะ นึกว่าคุณยังหลับ”
อิริน่าผลุบหายไป ปิดประตู เจตรินตื่นเพราะเสียงอิริน่าแว่วๆ และเสียงประตู มองที่จิตรดาราก่อนเลย
“จิต...”
เจตรินไปที่เตียง จิตรดาราลุกจากเตียง แฮงก์ เซ เจตรินประคองไว้ จับนั่งลงแล้วตัวเองนั่งด้วย
“อย่าเพิ่งลุกเลยจิต”
พี่น้องมองกันนิ่งไปสักครู่แบบต่างฝ่ายต่างประเมินกัน แล้วจิตรดาราลุกพรวดไปห่างๆ
“จะด่าอะไรจิตก็ด่ามาเลยค่ะ มีคนปากบอนมาขายข่าวให้พี่เจตแล้วนี่”
เจตรินอึ้งมาก

อารดากับพงษ์ธรนั่งดื่มอยู่ในเล้าจ์ของโรงแรมหรู บรรยากาศโปร่งๆ สบายตา
“ฉันเกลียดมัน”
“ดาพูดเป็นครั้งที่หมื่นแล้วมั้ง” พงษ์ธรขำ
“จะพูดอีก ฉันเกลียดมันๆ”
“ผมเชื่อตั้งแต่ดาพูดครั้งแรกแล้ว ไม่งั้นดาคงไม่ไปเรียนการต่อสู้หรอกมั้ง”
อารดาแค้นมาก
“ยังเรียนไม่ทันมัน พงษ์ธรนายต้องรีบลงมือให้ฉันแล้ว”
“จะให้ทำแค่ไหนล่ะ”
“คิดเอาเองสิ เรื่องแบบนี้นายมันเซียนอยู่แล้วนี่”
“จัดการอิริน่าผมไม่ได้อะไร ผู้หญิงคนนั้นคงมีแต่ตัว” พงษ์ธรยิ้มๆ ต่อรอง
“ก็ยัยจิตด้วยไง แล้วอย่าเข้าใจผิดนะว่ายัยอิริน่ามันไม่มีอะไรแล้วนายจะไม่ได้อะไร อย่างน้อยเจตก็มี ฉลาดวางแผนหน่อยนะว่าเธอจะถ่ายกระเป๋าเจตมาได้ยังไง ถ้าเธอทำได้ค่าจ้างฉันนายจะไม่อยากได้ด้วยซ้ำ มันเศษขี้เล็บที่นายจะได้จากเจต”
พงษ์ธรพูดขี้เล่น แต่ตั้งใจเอาจริง
“แต่เงินดาผมก็ยังอยากได้นะ อย่าน้อยก็เก็บไว้เป็นขวัญถุง อุ่นใจดี”
“ไอ้งก งกกระทั่งกับเพื่อน”
“นี่เรากำลังคุยธุรกิจกันอยู่นี่ แล้วการพรากภรรยาพรากสามีนี่มันง่ายซะที่ไหน ถ้าดาทำเองได้ดาคงไม่มาหาผม”
อารดาสีหน้า กลบเกลื่อน
“เออๆไอ้ปากโฮ่ง จะเอาเงินฉันแล้วยังกัดฉันอีก”
พงษ์ธรหัวเราะอย่างเก๊กหล่อไว้เสมอ
“ดาก็พูดเกินไป อย่างผมไม่มีทางกัดดา อีกแก้วไหม วันนี้ผมเลี้ยงเต็มที่”
อารดาทำอาการรับ พงษ์ธรโบกมือเรียกพนักงาน ทำสัญญาณขออย่างเดิมอีกสอง อารดาครุ่นคิดแค้น แต่เธอ ยังดูสวยมากๆ พงษ์ธรลอบมองอย่างสนใจ
“จ้องฉันซะน้ำลายยืดถึงพุงแล้วนะ” อารดาพูดโดยไม่มอง รู้ว่าพงษ์ธรจ้องอยู่
พงษ์ธรขำเก้อๆ
“เฮ้ย...รู้อีก”
อารดายิ้มๆ เหมือนขี้เล่น จ้องสบตาพงษ์ธร
“รู้นะว่าจ้องจะงาบฉันอยู่เลิกคิดได้เลย นายกินไม่เลือกที่ได้ แต่ฉันเพื่อนนายนะ เพื่อนไม่กินเพื่อนนะ”
พงษ์ธรเก้อ โดนจับได้ ยังปากแข็ง
“พูดอะไรอย่างนั้น”
พนักงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ สองคนหยุดพูดกัน อารดาชนแก้วกับพงษ์ธรแล้วดื่ม พงษ์ธรไม่วายลอบมอง เพราะอารดาสวยจริงๆ
“ผมขอจิตรดาราก่อนนะ เด็กใจแตกแบบนั้นง่ายหน่อย เป็นกระเป๋าเงินให้ผมต่อทุนทำอะไรได้อีกมากด้วย”
“ตามใจ” แรดายิ้มอย่างสะใจ

เจตรินคุยกับจิตรดาราในห้องนอน
“พี่เจตไม่ต้องมาทำพูดดีหรอกค่ะ จิตรู้ว่าจิตเป็นปมด้อยของบ้านไม่มีอะไรดีเลย เก่งก็ไม่เก่ง สู้พี่เจตกับพี่จีไม่ได้”
“ไม่จริงหรอกจิต คนเรามีดีทุกคน แต่ต้องค้นหาตัวเองให้เจอ”
จิตรดาราเบื่อ ระบายอารมณ์พูดๆ ไป สักพักน้ำตาก็ไหล
“พอเถอะค่ะจิตไม่อยากฟังเทศน์ จิตไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น ทุกวันนี้จิตรู้สึกมีแม่มีพี่ก็เหมือนไม่มี จิตพูดอะไรกับใครไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครเข้าใจจิต มีแต่จะให้จิตเป็นอย่างที่ตัวเองคิด ไม่มีใครคิดให้จิตเป็นตัวของจิตเอง ทุกคนต่างคนต่างไป เจอกันก็ที่โต๊ะอาหาร จะพูดอะไรมากมายคุณแม่ก็ว่าอาหารจะไม่ย่อย จิตเหงาจิตก็ไปเที่ยวของจิต เจอเพื่อนเจอคนแปลกหน้า ชีวิตยังจะสนุกตื่นเต้นซะกว่าอยู่บ้าน แล้วจิตจะอยู่ทำไมคะ จิตพูดกับพี่เจตก็ไม่รู้เรื่อง พูดกับพี่จีก็มีแต่โดนห้ามโน่นผิดนี่ไม่ได้ นั่นไม่ดีนี่อย่าทำแล้วพี่เจตจะให้จิตคุยกับใครในบ้านนี้คะ”
เจตรินเข้ามากอดเช็ดน้ำตาให้น้อง
“พี่ขอโทษ พี่ทำตัวห่างเหินจิตมากไป จิตให้โอกาสพี่นะ ให้พี่ดูแลจิต ให้พี่มีโอกาสเข้าใจจิต”
จิตรดาราสะบัดตัว
“พี่เจตจะเอาเวลาที่ไหนมาคะงานพี่ก็มี เมียพี่ก็มีจิตไม่อยากยุ่งกับพี่เจตก็เพราะจิตเกลียดเมียพี่นี่ละ”
“อิริน่าเขา...”
“อย่าพูดถึงมัน”
“จิตพี่ขอร้องละ จิตลองมองอีกสังคมนึงได้ไหม สังคมคนทำงาน”
จิตรดาราเริ่มจะแหวะ รู้ว่าเจตรินจะพูดอะไร
“จะให้จิตไปทำงานน่ะเหรอคะ”
“ใช่...ไปทำงานที่บริษัทของเรา คุณแม่ต้องดีใจมากแน่ๆ”
“ไม่ค่ะ...จิตขี้เกียจ”
เจตรินแทบจะหมดใจ แต่ยังพยายามลองโยนหินถามทาง
“อิริน่าก็ไปฝึกงานอยู่นะ”
จิตรดารารู้ทัน
“พี่เจตไม่ต้องเอายัยนั่นมาล่อจิตไปทำงานหรอกค่ะ จิตไม่ไป จะเที่ยวใช้เงินไปวันๆ นี่ละใครจะทำไม เงินบ้านเรามีเท่าเทือกเขาสามร้อยยอดอะ จิตใช้บ้างเผาทิ้งบ้างจนจิตตายเงินก็ยังไม่แหว่งไปสักเท่าไหร่เลยมั้ง” จิตรดาราประชดอย่างเจ็บปวดมาก “พี่เจตไปบอกคุณแม่อย่าหยุดหาเงินละกัน คุณแม่มีหน้าที่หา จิตมีหน้าที่ใช้สบายแฮ” จิตรดาราเจ็บปวด น้ำตาคลอขึ้นมาอีก “พี่เจตกลับห้องไปเถอะค่ะ ป่านนี้คุณภรรยาของพี่รอแย่แล้ว”

จิตรดาราไปเข้าห้องน้ำปิดประตูปัง เจตรินอึ้งสุดๆ รับรู้อีกปัญหาของครอบครัวปัญหาใหญ่ด้วย เขาเดินซึมๆ ไปที่ประตูห้อง ส่วนจิตรดารายืนตรงที่อ่างล้างหน้า ร้องไห้

สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 4 (ต่อ)

อิริน่ายืนเหม่อคิดอะไรอยู่ที่หน้าต่างห้องนอน เจตรินเข้ามาในห้อง

            “อิริน่า”
            “คะ”
            เจตรินยิ้มกลบความเศร้าหมอง
            “คิดอะไรอยู่ คิดถึงบ้านหรือเปล่า”
            “ค่ะ คิดถึงปาปา คิดถึงแม่ คุณจิตเป็นไงบ้างคะ สบายขึ้นแล้วใช่ไหมคะ”
            “...ใช่” เจตรินจำต้องโกหก
            “ฉันดีใจด้วยค่ะ”
            “ขอบคุณ เรื่องพ่อแม่ของอิริน่าผมให้เจ้าหน้าที่ทางโน้นช่วยอยู่นะ เมื่อเรียบร้อยแล้วผมจะบินไปรับท่านด้วยตนเอง อิริน่าใจเย็นรอนิดนะ อีกไม่นานท่านได้มาเมืองไทยแน่”
            “ค่ะ ขอบคุณคุณเจตมากๆ ค่ะ”
            อิริน่ากราบที่อก เจตรินใจหวิวหน่อยๆ อิริน่าเงยหน้าขึ้น น้ำตาคลอนิดๆ
            “ยังไม่หายคิดถึง”
            อิริน่าหัวเราะทั้งน้ำตา เศร้าๆ
            “ค่ะ ไม่เคยจากปาปากับแม่มาไกลขนาดนี้เลยค่ะ แม่ก็ยังอ่อนแอ ปาปาก็สุขภาพไม่ดี ยังโดนมิคาอิลทารุณอีก”
            อิริน่าสุดฝืน น้ำตาร่วง เจตรินตัดสินใจกอด ปลอบโยนอย่างสุภาพ
            “เธอมีฉันเป็น...เพื่อน...นะ ฉันจะไม่ทอดทิ้งเธอ”
            อิริน่าอิงศีรษะกับไหล่เจตริน
 
            นิโคลัยกับพริมถูกขังอยู่ภายในห้องแคบๆ สองคนถูกใส่กุญแจมือไขว้หลังไว้กับเสา อยู่ห่างกันคนละฟากห้องแบบเอื้อมกันไม่ถึง พริมดูเหนื่อยล้ามาก นิโคลัยสงสารพริมพูดเบาๆ พร้อมกับเอาเท้าดันส้นรองเท้าอีกข้างไปด้วย
            “พริม อดทนหน่อยนะ ผมกำลังหาทางให้เราสองคนหนีออกไป”
            “ถ้าเราหนีมิคาอิลจะทำร้ายหรือฆ่าเราสิคะ แล้วอาจไปทำร้ายอิริน่าอีกด้วย คุณขอความเห็นใจเขาได้ไหมนิโคลัย คนอย่างมิคาอิลน่ะยาก”
            นิโคลัยดันส้นรองเท้าเลื่อนออกมาหน่อยหนึ่ง พริมตะโกน
            “มิคาอิล...มิคาอิล”
            “พริม” นิโคลัยตกใจร้องห้าม
            ลูกน้องมิคาอิลเปิดประตูเข้ามา นิโคลัยรีบดันส้นรองเท้ากลับที่
            “มีอะไร”
            “จะเข้าห้องน้ำ”
            นิโคลัยชิงพูด มองพริมอย่างขอร้องอย่าทำอะไร
            “ทั้งสองคนเหรอ” ลูกน้องถามเสียงเข้ม
            “ไปซะเลยมั้ยครับพริม”
            พริมสะกดกลั้นความกลัว
            “ค่ะ”
 
            นิโคลัยกับพริม ถูกคุมตัวมาที่หน้าห้องน้ำ แยกกันเข้าคนละห้อง ลูกน้องคุมคนละคน...ลูกน้องคนหนึ่งลากนิโคลัยไปที่โถชักโครก ไขกุญแจมือข้างหนึ่งเอาไปล็อกไว้กับท่อ แล้วเดินไป นิโคลัยเคาะส้นรองเท้ากับพื้น เพื่อให้ส้นเลื่อนออก
            “เดี๋ยว”
            นิโคลัยก้มลงอย่างเร็ว ลูกน้องหยุดเดิน หันมา นิโคลัยโผเข้าหา สะบัดมือเร็วมากไปที่คอ ลูกน้องคนนั้นหงายเงิบ ไม่ทันได้ร้องสักแอะ นิโคลัยรับไว้ไม่ให้ล้มเสียงดัง เขาพิงลูกน้องคนนั้นไว้กับโถชักโครกตายสนิท เลือดที่คอค่อยๆ ไหลเลอะเสื้อผ้า นิโคลัย วางมีดพับขนาดจิ๋ว เอาปืนของลูกน้องมาเหน็บหลัง แล้วล้วงกระเป๋าลูกน้องเพื่อจะเอากุญแจ
 
            พริมยืนพิงประตู กลัวมาก หน้าห้องที่มีลูกน้องยืนเฝ้า ประตูห้องน้ำของนิโคลัยค่อยๆ แง้มออก นิโคลัยค่อยๆ โผล่หน้าออกมาอย่างระมัดระวัง ลูกน้องหันมองประตูห้องน้ำพริม นิโคลัยพรวดออกมา ถึงตัวล็อกคอเชือด นิโคลัยยังล็อกตัวลูกน้องอยู่ เคาะประตูห้องน้ำพริมเบาๆ
            “พริม...พริม...”
            พริมรีบเปิดประตู ออกมา เห็นสภาพลูกน้องเลือดไหลโชก พริมช็อค กลัวมาก ปิดปากแน่นไม่ให้ร้อง ไม่กล้ามองอีก พริมยังมีกุญแจมือห้อยอยู่ที่มือข้างหนึ่ง นิโคลัยเอาปืนมาเหน็บหลังเอากระเป๋าเงินมาด้วยแล้วยัดลูกน้องเข้าห้องน้ำล็อกประตู วิ่งไปล็อกห้องน้ำของตัวเอง แล้ววิ่งมาลากพริมวิ่งไป ทางด้านหลังนิโคลัยรู้จักทางในบ้านนี้ดี พริมกลัวจนสติแทบแตก น้ำตาไหลพราก
            “มาทางนี้เร็วพริม”
            นิโคลัยพาพริมวิ่ง
 
            ลูกน้องถือถาดอาหารสำหรับสองคนจะมาให้นิโคลัยกับพริม ถึงหน้าห้องก็สงสัย ไม่มีใครเฝ้า
            “หายไปไหนกันหมด”
            ลูกน้องเปิดประตูแล้วชะงัก ห้องโล่งไม่มีใครอยู่เลย ลูกน้องวางถาดอาหารแล้วเดินหา
 
            นิโคลัยจูงพริมวิ่งลงอุโมงค์ พริมแทบไม่ไหว นิโคลัยเองก็เริ่มจะแย่เริ่มอยากยา
            “ฉันไม่ไหวแล้วนิโคลัย”
            “อดทนหน่อยพริม รีบไปหาแคทเธอรีน”
            นิโคลัยประคองพริมวิ่ง
 
            นิโคลัยประคองพริมขึ้นบันไดออกมาจากอุโมงค์แล้วหยุด พริมเหนื่อยจนลงนั่ง นิโคลัยเอากระเป๋าที่ฉกมาจากลูกน้องมิคาอิล 2 ใบออกมา ดึงออกมาเฉพาะเงิน กระเป๋าทิ้งถังขยะ นิโคลัยแบ่งเงินให้พริม
            “พริมเอาเงินนี่ไว้ แล้วรีบไปหาแคทเธอรีน”
            “แล้วคุณล่ะคะ”
            “ผมจะตามไป ขอไปทำธุระก่อน ไม่นาน”
            พริมมองหน้า รู้ว่านิโคลัยจะไปซื้อยาเสพติด พริมฉุดนิโคลัยไว้
            “ไม่นะนิโคลัย ฉันไม่ให้คุณไปซื้อยาเสพติด คุณต้องไปกับฉัน”
            “พริม...ผมขอ...”
            ลูกน้องมิคาอิลโผล่มา ยังอยู่ระยะห่าง
            “มันอยู่นั่น”

            นิโคลัยลากพริมวิ่งหนีไปที่ถนนใหญ่ ลูกน้องวิ่งตามเป็นพรวน  นิโคลัยและพริมวิ่งข้ามถนนมุ่งไปที่คิวแท็กซี่ ลูกน้องมิคาอิลวิ่งตามแล้วหยุดกึก รถสายตรวจตำรวจวิ่งมาพอดี นิโคลัยกับพริมได้แท็กซี่เฉียดฉิว แท็กซี่ออกไป ตีคู่ไปกับรถสายตรวจ ลูกน้องมิคาอิลโมโห ตามไม่ทัน

มิคาอิลโกรธยิงข้าวของกระจุย ยิงระบายอารมณ์ ไม่ได้ตั้งใจฆ่าลูกน้อง แต่ใครอยู่ในทางปืนก็ช่วยไม่ได้ ลูกน้อง2-3 คนหลบไม่ทัน โดนเข้าที่แขนบ้างที่ขาบ้าง ถากๆ ไม่ถึงสาหัส ลูกน้องที่โดนนิโคลัยฆ่านอนเรียงกันอยู่ที่พื้นห้อง
  “พวกแกฉีกหน้าฉันแหลกยับ มันมีกันแค่สองคนผัวเมีย  ผัวติดยาเมียป่วย พวกแกเป็นฝูงยังให้มันหนีไปได้”
            มิคาอิลยิงๆ ลูกน้องโดดหลบกันแทบไม่ทัน
            “ฉันไม่ได้แคร์ไอ้สองผัวเมียนั่น แต่ฉันเสียหน้าเว้ย”
 
            นิโคลัยอยากยามากกำลังจะลงแดง ดิ้นพราดๆ คนสวนกับคนขับรถของแคทเธอรีนช่วยกันจับแทบจะไม่อยู่   พริมร้องไห้ แคทเธอรีนจริงจังเด็ดขาด แม่บ้านกำลังเอาเครื่องดื่มมาให้ ตกใจถาดหล่นแก้วแตกกระจาย รีบขอโทษ  รีบเก็บ ลนลานไปไม่รู้ว่านิโคลัยติดยา นึกว่าคลั่งเพราะเสียสติ
            “เอาไปไว้ในห้องใต้ดิน สามีฉันได้ยินละเรื่องใหญ่แน่” แคทเธอรีนสั่ง
             สองชายลากนิโคลัยไป
 
            นิโคลัยโดนมัดมือมัดเท้าอยู่ในห้องน้ำในห้องใต้ดิน นอนดิ้นในอ่าง ใต้น้ำฝักบัวแรงมาก พริมร้องไห้กอดนิโคลัย
            “ถึงจะเป็นเพื่อนรัก ฉันก็จับเธอส่งตำรวจได้นะนิโคลัย” แคทเธอรีนขู่
            “ช่วยเขาด้วยเถอะค่ะมาดาม” พริมขอร้อง
            “ผมจะไปหาลูกที่เมืองไทย” นิโคลัยโวยวาย
            แคทเธอรีนสวน
            “ไปให้ลูกเห็นสภาพอย่างนี้น่ะหรือ ครอบครัวผู้ดีของสามีลูกเขาจะรังเกียจจนส่งลูกคืนน่ะสิ”
            นิโคลัยเป็นห่วงลูก
            “ลูกผมอยู่ในอันตราย มิคาอิลกำลังจะไปเมืองไทย”
            “สามีเขาดูแลได้ คุณต้องเข้าบำบัดการติดยาก่อนนิโคลัย ไม่อย่างนั้นฉันไม่ให้คุณยืมเงินไป เมืองไทย แล้วจะจับคุณส่งตำรวจด้วย”
            พริมเกลี้ยกล่อม
            “นะคะนิโคลัย เชื่อมาดามนะคะ”
            นิโคลัยหลับตาลงอย่างอ่อนล้า พริมยังกอดซบหน้าร้องไห้กับศีรษะเขา แคทเธอรีนมอง
  อย่างเวทนา พริมกับนิโคลัยอยู่กลางสายน้ำฝักบัว
 
            เช้าวันรุ่งขึ้น...จิตรดาราตื่นแล้วแต่ยังนอนอยู่ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดถึงเรื่องเจตรินในคืนที่ผ่านมา สักครู่มีเสียงเคาะประตู จิตรดาราเปิดประตู เจตรินยิ้มให้
            “จิตสบายขึ้นหรือยัง”
            “จิตปกติแล้วค่ะ”
            “ถ้าจิตเหงาลองไปบริษัทกับคุณแม่มั้ย”
            จิตรดาราขำแบบแค่นๆ
            “พี่เจตพยายามจังนะคะ เอาเถอะค่ะจิตจะพยายาม เห็นแก่ความพยายามของพี่เจตสักครั้ง”
            “ขอบใจจ้ะ เย็นนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันนะ”
            “ไม่รับปากค่ะ”
            จิตรดาราปิดประตู ถอนใจเฮือกเบื่อๆ
 
            เจตริน อิริน่า และจีรณัทย์ลงบันไดมาด้วยกัน เดินคุยกันมา อิริน่า ช่วยถือกระเป๋าเอกสารและแฟ้มงานของทั้งคู่ เดินผ่านกลุ่มศรีและสาวใช้ที่กระจายกันทำความสะอาด บางคนกำลังเก็บโต๊ะอาหารเช้า เจตรินหันไปสั่ง
            “น้าศรีดูอาหารเช้าให้คุณจิตด้วยนะครับ ลองไปถามดูว่าจะทานบนห้องหรือเปล่า”
            “ค่ะ...คุณเจต”
            จีรณัทย์แปลกใจและยินดี
            “ยัยจิตตื่นแล้วเหรอนี่”
            “ครับ ผมไปดูน้องที่ห้องเมื่อสักครู่นี้เอง”
            “พี่ดีใจนะเจต ยัยจิตต้องรู้สึกดีมากๆ แน่ กำพร้าพ่อมาตั้งแต่แรกเกิดมีพี่ชายมาอยู่ใกล้ใส่ใจขนาดนี้”
            “ครับ” เจตรินขรึมลงนิด
            “มีอะไรหรือเปล่าเจต” จีรณัทย์สังเกตได้
            เจตรินยังนึกว่าจะตอบอย่างไร คุณหญิงศรินทิพย์ออกมาจากอีกห้อง
            “เดี๋ยวก่อน”
            ทุกคนหยุดรอฟัง
            “จี...วันนี้แม่ขอตัวเมียตาเจตไว้ทำอะไรให้แม่สักวัน”
            จีรณัทย์มองอิริน่า
            “ได้มั้ยจ๊ะอิริน่า”
            “อิริน่ายินดีมากค่ะ” อิริน่าเต็มใจมาก
            “เจตล่ะจ๊ะ ว่าไง” จีรณัทย์มองหน้าเจตริน
            คุณหญิงศรินทิพย์หมั่นไส้จัด
            “โอ๊ยขอนิดเดียวถามกันอยู่นั่นละ ฉันเป็นเจ้าของบ้าน ฉันจะขอให้คนอาศัยทำอะไรให้หน่อยนี่เรื่องใหญ่มากเลยใช่มั้ย จะต้องให้ฉันเอาธูปเทียนแพมากราบกรานขอใช่มั้ย”
            เจตรินตัดปัญหา
            “อิริน่าเต็มใจแล้วนี่ครับคุณแม่ เชิญครับ”
            เจตรินรับของจากอิริน่าไปถือเองพูดเบาๆ
            “อดทนนะ”
            “ค่ะ”

            เจตรินกับจีรณัทย์เดินแยกไป

คุณหญิงศรินทิพย์ เรียกศรี และสามสาวใช้มาสั่ง  

            “ศรี...เดี๋ยวบอกเจ้าเมฆเอารถตู้ออก แล้วแกกับพวกแกทั้งหมดไปช่วยงานเลี้ยงที่บ้านคุณหญิงอาภา เจ้าเมฆกับเจ้าปลั่งด้วย อยู่จนงานเลิกช่วยเก็บข้าวของให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับ”
            “ค่ะ”
            “ไปเดี๋ยวนี้เลย”
            “ค่ะ”
            คุณหญิงศรินทิพย์หันมาเรียกอิริน่าให้ตามไปอีกห้องหนึ่ง ศรีกับบรรดาสาวใช้มองตาม
            “ฉันว่ามันต้องมีลับลมคมใน” จิ๋มสงสัย
            แจ๋วแปลกใจ
            “จะให้ไปช่วยงานใหญ่ยักษ์ขนาดบ้านคุณหญิงอาภา ไม่ยักบอกล่วงหน้า มาบอกเอาวันงาน”
            แหววพยักหน้า
            “ช่าย...คิวพวกเรารึก็ออกจะแน่นยิ่งกว่าคิวดารา  มันน่าสงสัยสุดๆ”
            “ฉันว่า...”
            จิ๋มยังพูดไม่จบศรีเคาะหัวเรียงตัวคนละที
            “ฉันว่า...ถ้าพวกแกช้าอีกวินาทีเดียว เงาหัวจะไม่มี”
            สามสาวพูดพร้อมกัน
            “ไปเดี๋ยวนี้จ้า...”
            สาวๆ วิ่งไป ศรีมองตามระอา แล้วหน้าเปลี่ยนเป็นสงสัยคาใจ
            “ฉันก็ว่า...มันน่าสงสัยจริงๆ”
 
            คุณหญิงศรินทิพย์นั่งบนโซฟาหรู อิริน่านั่งพับเพียบที่พื้น
            “ฉันจะวานเธอทำความสะอาดห้องที่จะให้อารดาอยู่หน่อย เขายังนอนห้องยัยจีที ยัยจิตที นานไปลูกๆ ฉันจะไม่สะดวกใจจะได้ไหม”
            อิริน่ารู้ว่าโดนแกล้งแน่ แต่รับ เพื่อหวังจะชนะใจคุณหญิงศรินทิพย์บ้าง
            “ได้ค่ะ”
            “ฉันให้คนขนเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างไปจัดไว้พร้อมแล้ว เหลือแค่ห้องยังไม่ได้ทำความสะอาดแค่นั้นเอง”
            อิริน่าพูดเบาๆกับตัวเอง
            “อ้าว นึกว่าห้องเปล่าๆ”
            “พูดอะไร”
            “พูดว่านึกว่าห้องเปล่าๆ ค่ะ หนูคิดว่าทำความสะอาดก่อนแล้วค่อยขนของเข้าจะง่ายกว่า”
            “ทำไม...มีของแล้วเธอจะไม่ทำงั้นเหรอ”
            “ทำค่ะ แต่เสร็จช้าคุณหญิงคงไม่ว่านะคะ”
            “ไม่รู้ ไปทำก่อน เธอรับปากฉันแล้ว”
            “ค่ะ รับปากแล้วไม่คืนคำค่ะ”
            คุณหญิงศรินทิพย์มองเขม่นหมั่นไส้ผสมแววสะใจแบบเป็นไปตามแผน  อิริน่าเริ่มคิดอะไรบางอย่างแบบรู้ทันศริน และหาทางแก้
 
            แหววแอบมารออิริน่าอยู่ อิริน่าออกมาจากห้อง
            “คุณหญิงให้คุณอิริน่าลางานทำไมกัน ไม่แปลกใจบ้างหรือคะ”
            “ไม่แปลกใจ ท่านให้ทำความสะอาดห้องคุณอารดา”
            “แหววนึกแล้ว...ว่าต้องเรื่องแกล้งกันอีกแล้วค่ะ โธ่...”
            “เฮอะ แต่ไม่รู้จักเราซะแล้ว...”
            แหววพูดพร้อมอิริน่า
            “ไม่รู้จักเราซะแล้ว...แปลว่าอะไรคะ”
            สองคนหัวเราะกัน
            “เราเอาอยู่นะ”
            “แหววขออยู่เบื้องหลังไม่ออกนนอกหน้าค่ะ สบายมาก บ้านนี้เครื่องมือเพียบเลย”
            “เหรอ...ที่ไหน”
            “อยู่ที่ห้องเก็บของ เดี๋ยแหววแอบไปขนมาค่ะ เอาให้แสบไม่รู้ลืมเลย”
            “เดี๋ยวไปช่วยขน ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แสบไม่รู้ลืม ฮ่าๆ”
            อิริน่ากับแหววแปะมือกัน
            “แหววจะรีบไปหาตัวช่วยแล้วรีบไปกับพวกนั้น และจะรีบกลับมาให้ไวที่สุดค่ะ ช่วยตัวเองไปก่อนนะคะ จนกว่าแหววจะกลับมา”
            “เยี่ยมมากแหวว ขอบคุณที่สุด” อิริน่ายิ้มออก
 
            ในห้องจีรณัทย์ อารดาแต่งหน้าเสร็จแล้วกำลังแต่งตัวมีสมรช่วย สักครู่หวินเข้ามา
            “พวกยัยศรีไปกันหมดแล้วค่ะ”
            “ดี...แกสองคนจัดการให้มันจดจำไม่มีวันลืม อยากจะอาสาเอาหน้าเอาใจคุณแม่ดีนัก”
            สมรกับ หวินรับคำ
            “ค่ะ...คุณดา”
            “เดี๋ยวฉันขับรถไปส่งคุณแม่ที่ทำงาน จะชวนยัยจิตไปช็อปต่อด้วยมันไม่มีพวกมันตัวคนเดียว พวกแกสบายอยู่แล้ว”
            สมรกับหวินลอบสบตากันไม่ค่อยแน่ใจ
            “...ค่ะ”
            “แต่นังพวกที่ไปช่วยงานบ้านคุณหญิงอาภาจะไม่กลับมาเร็วแน่นะคะคุณดา” สมรกังวล
            อารดามั่นใจ
            “แน่สิ”
 
            อารดาเดินพูดมือถือกับเพื่อน ลงบันได 2-3 ขั้นสุดท้าย
            “แล้วเจอกัน  ไปถึงแล้วโทรหาฉันละกัน บาย”
            อารดาตัดสาย เดินไปที่ห้องหนึ่งเคาะประตูแล้วเปิด
            “คุณแม่คะ”
            อารดาชะงัก ในห้องไม่มีคุณหญิงศรินทิพย์
            “อ้าว...ไปไหนนี่”
            อารดาปิดประตู หันมาเจออิริน่าหิ้วบันไดอลูมิเนียมมา อารดาหน้าเหยียดเยาะ
            “ทำห้องฉันให้สะอาดล่ะ ให้ทันฉันกลับมานอนคืนนี้ด้วย”
             อิริน่ารับยิ้มๆ ให้แบบรู้ทัน
            “พูดอย่างนี้แสดงว่าต้องคิดว่าอิริน่าทำไม่ทันแน่ ต้องรีบแล้วละสิเฮ้อ   ได้ยินคุณเจตว่าจะมาช่วยฉันด้วยอีกคน”
            อารดาชะงักกึก ปรี๊ด
            “อะไรกัน นี่บังอาจเรียกคุณเจตมาทำงานขี้ข้าเนี่ยนะ”
            อิริน่าหน้าตาท่าทางกวนมาก
            “อ้าว...ก็ภรรยาของคุณเจตยังทำงานขี้ข้าได้ ทำไมสามีถึงจะมาช่วยภรรยาทำไม่ได้ล่ะคะ”
            “นังมารร้ายกลายพันธุ์”
            “แล้วอีกอย่าง คุณเจตก็เต็มใจทำให้คู่หมั่นเป็นม่ายขันหมาก”
            อารดาปรี๊ดแตก
            “แก...ฉันจะเอาเลือดหัวแกออกมาถูพื้น”
            อารดาเงื้อมือถือจะขว้างใส่อิริน่ากะเอาหัวแตกหรือไม่ก็หน้าแหก อิริน่าหลบวูบ บันไดกระเด้งไปกระแทกเท้าอารดา แต่ไม่แรงนัก
            “อ๊าย...”
            อารดาเงื้อมือถือจะขว้างอีก อิริน่าก็หลบอีก แต่เสียงโทรศัพท์ดัง อารดาดูหน้าจอยังโกรธแค้นสุดๆ หน้าจอคือคุณหญิงศรินทิพย์โทรมา อารดารีบข่มอารมณ์ปรับสีหน้า กดรับสายพยายามยิ้ม
            “ดาค่ะคุณแม่”
            อิริน่าลอยหน้าลอยตาถือบันไดไปต่อ อารดามองตามอย่างโกรธแค้น
            “ได้ค่ะ ดากำลังจะออกไปพอดี ดาจะตามไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
            อารดามองตามอิริน่าที่เห็นแต่ด้านหลังกำลังขึ้นบันไดด้วยท่าทางที่กวนมาก
            “เดี๋ยวเจอคุณแม่ฉันจะแฉประวัติเน่าหนอนขึ้นของแกให้หมดเลย นังโสเภณี”

            แหววปลอมตัวโผล่มาพยักเพยิดแล้วมองไปหาอิริน่า หัวเราะกันคิกคัก

จีรณัทย์เตรียมเอกสารจะออกข้างนอก เสียงเคาะประตูเบาๆ คุณหญิงศรินทิพย์เปิดประตูเข้ามา ยิ้มแย้มผ่องใสมากเพราะจิตรดารามาด้วย
“ท่านประธานมีอะไรจะใช้หนูเหรอคะ”
“ดูซิใครมากับท่านประธาน”
จิตรดาราเข้ามา หน้าตาไม่ถึงกับบึ้งแต่ดูออกว่าไม่ชอบบรรยากาศที่แปลกไปจากธรรมชาติชอบในแบบซ่าส์ของตัวเอง จีรณัทย์ดีใจ
“จิต...อยากมาทำงานแล้วใช่มั้ย”
“ไม่อยากค่ะ มาส่งคุณแม่”
คุณหญิงศรินทิพย์ยังยิ้ม รักและตามใจลูกคนนี้มาก ไม่ค่อยคิดว่าจิตรดาราทำอะไรผิดหรือไม่ดี
“แม่พาน้องมาให้คุ้นกับบรรยากาศบริษัทก่อนน่ะ มาเรียนงานกับพี่เขาพลางๆ ก่อนมั้ยจิต”
“ไม่ละค่ะ มียัยสะใภ้ข้างถนนนั่นเรียนอยู่แล้ว จิตไม่ลดชั้นไปเหมือนมันหรอกค่ะ บริษัทของเรา เราก็ต้องเป็นผู้บริหารเท่านั้น”
“พูดง่ายนะจ๊ะจิต พี่ว่างานที่จิตจะเป็นผู้บริหารได้เลยทันทีก็ผับไง ให้คุณแม่เปิดให้สิ จิตบริหารละรุ่งแน่”
“จี” คุณหญิงศรินทิพย์ปราม “พูดกับน้องดีๆ หน่อย น้องยังเด็ก”
“น้องจบมหาวิทยาลัยมาเป็นปีแล้วนะคะคุณแม่”
“ก็นั่นละยังเด็ก จบแค่ปริญญาตรี”
“งั้นก็รีบให้ต่อโทต่อเอกเถอะค่ะ จะได้โตเป็นผู้ใหญ่ซะที”
“ไม่ต่อ ไม่เรียน” จิตรดาราสวน
“จะเที่ยวตะลอนๆไปตลอดชีวิต ว่างั้นเถอะ” จีรณัทย์มองหน้า
“ก็มีเงินเที่ยวตลอดชีวิตอะ แล้วพี่จีจะทำไมจิตมิทราบ”
“ทุเรศ”
“พี่จีสิทุเรศ”
คุณหญิงศรินทิพย์ตัดบท
“เอาละๆ อย่าทะเลาะกัน จีนี่ยังไงนะ ทะเลาะกับเด็กก็ได้”
“จีต้องไปพอดีค่ะ ต้องไปพบลูกค้า เดี๋ยวไปสาย จีไปนะคะ”
จีรณัทย์ฉวยซองเอกสาร กระเป๋าถือ ไป จิตรดารามองเขม่นหมั่นไส้

ในร้านอาหารหรู นายพลกันต์ คุณหญิงพรรณราย และกมลกันต์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร รอจีรณัทย์
“กมลกันต์คิดดีแล้วนะลูก เราจะไม่ทำให้หนูจีมีปัญหานะ” คุณหญิงพรรณรายถาม
“ผมก็เกรงจะเป็นอย่างคุณแม่ว่า ผมถึงขอให้คุณพ่อคุณแม่มาด้วยแต่ผมก็ไม่อยากให้จีเสียน้ำใจ”
“นี่ถ้าเขาไม่รวยมหาศาล พ่อจะยุให้ลูกสองคนแต่งงานกันเองเลย แต่นี่ขืนฝืนแต่งกันไป เขาจะว่าเราหวังจะเอาสมบัติเขา”
“อูย...คุณ แล้วถ้าหนูจีตัดสินใจแต่ง แล้วถูกตัดจากกองมรดก เราทำบาปใหญ่หลวงเลยนะคะ”
“ทรัพย์สินเราก็ไม่น้อยนะครับคุณแม่ ผมเลี้ยงจีได้สบายๆ” กมลกันต์บอกอย่างมั่นใจ
“แต่อะไรๆ ทางสังคมมันค้ำคออยู่จนคอเคล็ดแล้วเนี่ยซิ ลมปากคนมันก็แรงกว่าพายุอีกด้วย” นายพลกันต์เตือน
กมลกันต์หันไปเห็นจีรณัทย์
“จีมาแล้วครับ”
อีกด้านนิกกี้เดินอยู่กับลูกน้องจะมาหาอะไรกินกัน นิกกี้ชะงักมองไปที่กลุ่มกมลกันต์ จีรณัทย์กำลังไหว้นายพลกันต์กับคุณหญิงพรรณรายแล้วลงนั่ง กมลกันต์บังอยู่นิกกี้เลยไม่เห็นหน้าถนัด
“ชด”
“ครับคุณนิกกี้”
“เอ็งไปดูโต๊ะนั้นซิ ใช่พี่สาวของจิตรดารารึเปล่า เอามือถือถ่ายคลิปทั้งโต๊ะมาด้วย แล้วไปเจอกันที่ร้านข้าวมันไก่เจ้าเดิม”
“ครับ” ชดเดินแยกไป

อารดา เมทินี ลลิตาอยู่ในร้านกาแฟสวยทันสมัยของศูนย์การค้าศรินทิพย์
“ฉันจะแฉนังอิริน่าให้เป็นทอล์กอ๊อฟเดอะทาวน์ เป็นข่าวหน้าหนึ่งไปเป็นอาทิตย์เลย”
อารดายังหน้าบึ้ง อาฆาตแค้นอิริน่า เมทินีแปลกใจ
“นังนั่นมันมีอะไรให้แฉเป็นข่าวได้นานขนาดนั้นเลยเหรอ เพิ่งมาอยู่เมืองไทยเอง”
อารดาหน้าตาแบบกุมความลับสำคัญ
“มีก็แล้วกัน ขนาดมันต้องเด้งออกจากชีวิตเจตไปตลอดกาลเลย”
“แกเช็กให้ดีก่อนมั้ยว่าที่แกรู้มาน่ะมันเรื่องจริง เดี๋ยวแฉแล้วกลายเป็นแกต้องเอาหน้าซุกดินหรือบินหนีเพราะเป็นข่าวซะเอง อาจจะต้องหนีไปเมืองนอกอะไรงี้” ลลิตาเตือน
“แล้วแกจะเอาหน้าตาคุณเจตไปไว้ไหน แฉเมียก็เสียถึงผัวน่ะ แกไม่อยากจับคุณเจตแล้วเหรอ” เมทินีถามอย่างสงสัย
อารดาหงุดหงิด
“โอ๊ย...พูดมากกันจังปวดหัว ไม่แฉมันแล้วก็ได้”
“จริงอ้ะ” ลลิตามองหน้า
“ชั่วคราว” อารดาลดเสียงลง
เมทินีแหย่ที เล่นทีจริง
“แล้วเกิดมันมีลูกกับคุณเจตล่ะ”
อารดาชะงักกึกไปเลย
“เอ๊ะพวกแกนี่จะเอายังไง เดี๋ยวห้ามเดี๋ยวยุ ฉันเวียน หัวแล้วนะ”
เมทินีกับลลิตาหัวเราะกัน
“ล้อเล่น” เมทินีพูดขำๆ
อารดาวาบเข้ามาในความคิด หน้าใสขึ้นมาเลย
“ก็ให้มันมีไป มีลูกแล้วโดนแฉ พวกไอศูรย์ศรินทร์จะได้ยิ่งแสบไปถึงกระดูก เจตทำกับฉันไว้ไม่ใช่น้อย คุณแม่เจตก็ซ่อนมีดไว้ข้างหลังกับฉัน”
“วงแตกละ เม้าท์ถึงแม่เขาแล้ว ไม่เอาๆ เปลี่ยนเรื่องๆ” ลลิตาปราม
“แล้วนี่เจ้าพงษ์ธรเมื่อไหร่จะมา” เมทินีเปลี่ยนเรื่อง
อารดาหน้าบึ้ง คิดอะไรที่ไม่ดีๆ ไม่ได้ฟังที่เพื่อนพูด

ในห้องทำงานของศรินที่บริษัท...จิตรดาราถามแม่อย่างสงสัย
“คุณแม่โทรตามพี่ดามาทำไมคะ จะให้เขาทำงานที่นี่เหรอคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์หยั่งใจลูก
“จิตว่าไงล่ะ”
“พี่ดาเขาก็มีเงินของเขานะคะ เราให้ที่อยู่ที่กินเขาสุขสบายสุดๆ แล้วยังต้องให้เงินเดือนเขาอีกเหรอคะ แล้วอย่างพี่ดาหากไม่ใช่ตำแหน่งบริหารเขาไม่ทำหรอกค่ะ แต่เราจะให้ตำแหน่งบริหารเขาทำไมล่ะคะ”
“แม่ก็ว่างั้นแหละ”
“คุณแม่อยากได้พี่ดาเป็นสะใภ้จริงๆ เหรอคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ชั่งใจสักครู่ว่าจะพูดหรือไม่พูดดี
“ไม่อยากได้แล้ว เห็นลายแล้วรับไม่ไหว”
“จิตก็คิดอย่างนั้นละค่ะ”
“นังเมียตาเจตแม่ก็เกลียด แต่ต้องเก็บมันไว้ก่อน เอาไว้เป็นกันชนตาเจตจากอารดา แล้วก็เอาอารดาเป็นกันชนเจตจากนังเมีย แม่จะหาผู้หญิงให้เจตใหม่ ให้เพียบพร้อมทุกอย่าง”
จิตรดาราแอบเหน็บแม่
“แล้วก็มาปิดคุณแม่จนมิดว่าทางบ้านล้มละลาย”
คุณหญิงศรินทิพย์แว้ดใส่ทันที
“ยัยจิต”
จิตรดารายิ้ม
“ล้อเล่นค่า...”
คุณหญิงศรินทิพย์ค้อนหมั่นไส้แกมเอ็นดู
“งั้นคุณแม่ก็ไม่ต้องพบพี่ดาดีมั้ยคะ จิตจะเป็นกันชนให้”

“ย้อนแม่นะเรา ตามใจจิตแล้วกัน”

สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 4 (ต่อ)

อารดา เมทินี ลลิตาคุยกันหัวเราะกัน พงษ์ธรเข้ามา
“มาแล้วคร้าบ...สาวๆ ขอโทษนะ มาสายไปหน่อย”
“ไม่หน่อยละ มาสายทั้งปี นี่ขนาดนัดให้มาดูตัวสาวนะ ยังจะสาย” อาราดาต่อว่า
“โดนเป็นชุดเลย” พงษ์ธรหันไปทักเมทินีกับลลิตา
“สวัสดีคร้าบสองสาวสวย”

“ย่ะ” เมทินีค้อน
“ด้วย” ลลิตายิ้มแย้ม
พงษ์ธรหันไปถามอารดา
“ไหนล่ะ สาวที่จะให้ดูตัวน่ะ”
“เดี๋ยวดิ ข้าวยังไม่ได้กิน จะกินเด็กและ”
“อูย...แรงไปมั้ย”
อารดากดมือถือโทรออก

จิตรดาราพูดมือถือกับอารดา
“คุณแม่เข้าประชุมแล้วค่ะ...พี่ดาอยู่ไหนคะ...อ๋อ...เดี๋ยวเจอกันค่ะ”
จิตรดารากดตัดสาย
“จิตไปเลยนะคะคุณแม่”
“จ้ะ ตอนกลับบ้านขับรถดีๆ ล่ะ”
“ค่ะ”
จิตรดาราหอมแก้มแม่แล้วเดินออกไป

นิกกี้กับลูกน้องอยู่ในร้านข้าวมันไก่ นิกกี้ดู คลิปภาพในมือถืออย่างสะใจ มีสองสามภาพ เห็นทุกคนในภาพชัดกำลังยิ้มแย้ม ภาพสุดท้ายจีรณัทย์กำลังดึง เอกสารออกจากซองมา
“แจ่มมากไอ้ชด แจ่มมาก ใช่พี่สาวของจิตจริงๆ ด้วย”
“คุณนิกกี้จะเอาไว้แบล็กเมล์หรือไว้ทำคะแนนกับคุณจิตไงครับ”
“ฮึ่ย พูดมาก ปากเหม็น กินๆ”
นิกกี้ส่งคลิปจากมือถือของชดเข้ามือถือตัวเอง แล้วกดดูให้แน่ใจ ว่าภาพมาแน่ ก่อนจะลบคลิปในมือถือของชดคืนให้ชดแล้วลงมือกิน

เมทินีและลลิตาลุกจากโต๊ะ
“ฉันสองคนไปก่อนละกัน” เมทินีบอก
“ไม่อยากอยู่เป็นก้างติดคอคน” ลลิตาเย้าแหย่
พงษ์ธรกระแอม
“ถึงว่า...คันคอตลอด”
“ทุเรศ ได้หญิงแล้วทิ้งเพื่อนนะแก” เมทินีค้อน
“ใครทิ้งใครกันแน่”
อารดาตัดบท
“ไปๆ แกสองคนรีบไปเลย เดี๋ยวยัยจิตมาจะเสียเรื่องหมด”
“โห...นี่แรงกว่าของจริง” ลลิตาตาโต
สองสาวเดินออกไป จิตรดาราเข้ามาอีกด้าน มองหา อารดาโบกมือ
“ทางนี้จิต”
จิตรดาราเห็น จึงเดินมาหา พงษ์ธรลุกยืนอย่างเป็นสุภาพบุรุษ เลื่อนเก้าอี้ให้
“เชิญครับ”
จิตรดาราเริ่มพอใจความหล่อและการเอาใจ
“ขอบคุณค่ะ”
จิตรดาราวางกระเป๋ามือถือวางบนกระเป๋า อารดาแนะนำ
“นี่จิตรดารา ไอศูรย์ศรินทร์ ลูกสาวคนสุดท้องของคุณหญิงศรินทิพย์ค่ะพงษ์...นี่คุณพงษ์ธร นฤมิตร เพื่อนซี้ของพี่จ้ะจิต” อารดาโกหก “ตอนนี้เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทอัญมณีจ้ะ”
จิตรดารายิ้มทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณพงษ์ธร”
“เช่นกันครับคุณจิตรดารา แต่ที่เป็นกรรมการผู้จัดการ ผมลาออกแล้วนะ ครับ” พงษ์ธรพูดตลกให้ดูดี “ตอนนี้ตกงานครับ”
จิตรดารายิ้มๆ
“อูย...มือระดับนี้ไม่ตกนานหรอกค่ะ”
อารดาลอบมองพงษ์ธรแบบกะล่อนได้ใจจริงๆ อารดารับมุข
“อ้าวลาออกไม่บอก ปล่อยฉันหน้าแตกเลย มีคนประมูลตัวไปบริหารที่ใหม่หรือยัง”
พงษ์ธรได้ทีแต่งเรื่องต่อ
“มีทาบทามสองสามบริษัทแต่ผมเบื่อ ว่าจะไปทำปริญญาเอกต่อ”
จิตรดาราตกหลุมพรางตื่นเต้นไปด้วย มือถือของเธอมีสัญญาณภาพเข้าจากนิกกี้ แต่จิตรดาราปรายตา
ดูแว๊บแล้วไม่ได้สนใจ กำลังตื่นเต้นกับหนุ่มหล่อคนใหม่ที่คิดว่าเป็นไฮโซ
“ดูข้อความก่อนมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คงเพื่อนๆ แหละค่ะ ส่งคลิปส่งเกมส์กัน” จิตรดาราหยิบมือถือใส่กระเป๋าระหว่างพูดโดยที่ตามองพงษ์ธร “คุณพงษ์ธรจะไปต่อเอกที่ไหนคะ อังกฤษหรืออเมริกา”
“อังกฤษ อเมริกาผมอยู่มาเจ็ดแปดปีแล้ว เบื่อแล้วครับ”
อารดาแอบขำ ยื่นหน้าไปกระซิบหลังศีรษะพงษ์ธร
“กะล่อนได้โล่จริงๆ แก”
ใต้โต๊ะ เท้าพงษ์ธรเตะเท้าอารดา
“ว่าจะไปต่อที่ฝรั่งเศสหรือไม่ก็เยอรมัน” พงษ์ธรรีบเปลี่ยนเรื่อง กลัวไปต่อไม่ไหว “คุยแต่เรื่องตัวเองชักเขินครับ คุณจิตรับอะไรดีครับ”
“ช็อกโกเลตเฟลปเป้ค่ะ”
พงษ์ธรลอบสบตากับอารดา
“โอ...ทานช็อกโกเลต ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย”
จิตรดาราอายๆ กึ่งจริงกึ่งทำเป็นอินโนเซ้นต์
“ไม่นะคะ”

พงษ์ธรกับอารดาสบตากัน ลูกแกะมาให้หมาป่าขย้ำแท้ๆ อารดามองจิตรดาราอย่างเหยียดๆ

นายพลกันต์ คุณหญิงพรรณราย กมลกันต์ จีรณัทย์ ยังคุยกันอยู่ในร้านอาหาร มีโฉนดวางอยู่บนโต๊ะ
“ที่ดินผืนนี้เป็นของจีคนเดียวเลยค่ะ คุณพ่อทำพินัยกรรมให้ที่ดินจีอยู่ 2-3 ผืน แต่ที่ตรงนี้สวยที่สุดค่ะ เหมาะจะทำโรงแรมที่สุด”
นายพลกันต์ขัดขึ้น
“หนูจีน่าจะเก็บไว้นะ”
“หากศรินทิพย์ทราบว่าหนูขายให้ตากมลกันต์ หนูโดนหนักเลยนะจ๊ะ น้าเป็นห่วง” คุณหญิงพรรณรายเตือน
“คุณแม่งานเยอะสมบัติเยอะ ไม่มีเวลาตามเช็กหรอกค่ะ” จีรณัทย์หันไปหากมลกันต์ “จีเต็มใจขายให้คุณจริงๆ นะคะ ถึงจีจะเก็บไว้ต่อ ก็เก็บไว้เพื่อขาย ขายคุณดีกว่าขายคนอื่น”
กมลกันต์ยิ้มรับ
“ขอบคุณนะครับจี”

สมรกับหวินกำลังสะสมขยะใส่ถุงดำใบโตเหงื่อไหลไคลย้อย คนหนึ่งเอาขยะจากถังขยะ ขนาดใหญ่ อีกคนเก็บเศษใบไม้ใบหญ้า ใกล้ๆกันมีถุงขยะที่มีขยะเต็มแล้วอีก 3-4 ถุง สมรปาดเหงื่อ
“โอ๊ย พอละยังเนี่ย เหนื่อยหลังจะหักแล้วนะ ขยะหมดบ้านแล้ว”
“ถ้าบอกว่ายังไม่พอ แกจะไปเอาจากถังขยะ กทม.ที่ตลาดหน้าปากซอยมั้ยล่ะ” หวินประชด
“เจ้าความคิดนักนะ แกสิไป ฉันไม่เอาละพอแค่นี้ละ”

ในห้องนอนของอารดา อิริน่าอยู่บนบันได กำลังเช็ดเพดานห้องจุดสุดท้ายเสร็จ แหววทำความสะอาดอยู่ในห้องน้ำ
“เสร็จไปหนึ่งละ” อิริน่าลงบันได
เสียงสมรดังมา
“อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด ขยะมาจากไหนนี่ มากมาย”
อิริน่าลงถึงพื้น เดินไปดู แล้วชะงัก เห็นสมรกำลังเทขยะจากถุงดำ กระจายไปทั่วบริเวณ เป็นขยะจากครัว เศษผัก ก้างปลา กระดูกไก่กระดูกหมู เปลือกไข่ เปลือกทุเรียน เปลือกกล้วยหอมและอื่นๆสารพัดจากครัว หวินกำลังเทใบไม้ สนุกกันใหญ่ สองถุงสามถุง ทำหน้าทำตาเย้ย อิรีนาโผล่หน้ามาดูนิดหนึ่งแล้วหัวเราะไม่มีเสียง
“โอ้โห สนุกกันใหญ่”
หวินกับสมรชอบใจมาก
“ทีนี้แหละมีหวังได้รางวัลจากคุณอารดาแน่ๆ ฮะๆ”
อิริน่าขำแต่ตาเอาเรื่อง
“โอ้ว...เล่นมุกนี้เลยเหรอ มีอีกมั้ย มีเท่าไหร่ไปเอามาเทให้หมด เดี๋ยวจะได้จัดการ...ทีเดียวเลย”
“ทีเดียวหมดมันจะไปสนุกอะไร” หวินย้อน
“ใช่...กับยัยลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน...” สมรด่า
อิริน่าหน้าเข้มทันทีที่โดนว่าถึงพ่อแม่ สมรด่าต่อ
“เที่ยวแย่งแฟนชาวบ้านหน้าด้านๆ มันต้องเจอจัดหนัก”
อิริน่าโกรธ
“อย่าพูดถึงพ่อแม่ฉัน”
หวินลอยหน้าลอยตาเย้ย
“จะพูด จะทำไม นังคนจรจัดเร่ขายของข้างถนน คอยจับผู้ชายรวยๆ”
อิริน่าพยายามข่มใจสุดๆ ด้านหลังอิริน่า แหววย่องมายืนสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ สมรด่าอีก
“นังลูกผู้หญิงขายตัวมีผัวฝรั่ง”
อิริน่าปรู๊ดเดียวถึงเปลือกทุเรียนรีบคว้ามาในพริบตา
“บอกว่าอย่าพูดถึงพ่อแม่ฉัน พวกปากขยะมันต้องเจอตบด้วยเปลือกทุเรียนจากถังขยะ”
สมรกับหวิน หวีดว้ายวิ่งหนี หวินวิ่งพลางด่าสมรพลาง
“นังบ้า เอาเปลือกทุเรียนมาทำบ้าอะไร”
“ก็ยกทั้งถุงมาจากถังขยะ จะเห็นมั้ยล่ะ...ว้าก”
สมรเหยียบเปลือกกล้วย ลื่นล้ม หวินสะดุดสมรล้มอีกทอด ทับกันจุกแอ้กๆ สมรอุทานบ้าจี้
“สี่แยก สะพานลอย ถนน พระราม9 พระราม 8 พระราม7 พระราม 6 พระราม 5”
หวินก็บ้าจี้
“อ๊าย มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟักแฟงแตงโมไชโยโห่ ฮิ้ว...”
สองสาวบ้าจี้พลางยักแย่ยักยันลุก อเล็กซ์วิ่งไปปิดประตูใส่กลอนชูไม้ขัดส้วม อิริน่ายักคิ้วเยิบๆ
“หรือจะสีฟันด้วยแปรงขัดส้วม ขัดมาใหม่ๆ ยังไม่ได้ล้างเลย”
สมรกับหวินปิดปากแน่น อิริน่าเงื้อเปลือกทุเรียนใส่สมร อเล็กซ์ชูไม้ขัดห้องน้ำใส่หวินแบบเล่นๆ ไม่คิดทำจริง สองคนหลับหูหลับตาร้องคำบ้าจี้พร้อมๆกันตามแบบของตัว อิริน่ากับอเล็กซ์หัวเราะกันแบบไม่มีเสียง

คนขับรถจอดรถในโรงรถ ทุกคนกรูกันลงมา หน้าตาเซ็ง
“ฮูย...เซ็งไม่เสร็จไปอีกเจ็ดวัน” แจ๋วบ่น
“บ่นไม่เสร็จไปอีกเจ็ดวันมากกว่ามั้งนังแจ๋ว” ศรีสวน
จิ๋มแปลกใจ
“คุณหญิงอาภาอาหารเป็นพิษเข้าโรงพยาบาล งานเลี้ยงงด ทำไมคุณหญิงเจ้านายเราไม่รู้อะป้า”
“ถ้าเทวดาไม่มาเข้าฝันบอก แล้วข้าจะรู้มั้ยล่ะ แกนี่ก็ถามไม่เข้าฝั่งเลยเชียว” ศรีค้อน
“แล้วเรื่องที่พวกเราสงสัยกันอยู่...ป้าไม่สนแล้วเหรอ” แหววถามขึ้น
ศรีตาวาบขึ้นมาแบบนึกได้ อยากรู้ แต่แล้วเก๊กวางฟอร์ม จิ๋มวิ่งจู๊ดเข้าตึก
“ฉันสน”
“ต่อมผู้ช่วยนางเอกของฉันก็เดินเครื่องเต็มสูบแล้วเหมือนกัน”
แจ๋วทำท่าวิ่งของนางรำ วิ่งปรู๊ดไป
“เฮ้ย ห้ามรุมนะ เดี๋ยวโดนคุณหญิงเล่นงาน”
ศรีรีบตามไปพูดเบาลงแบบพูดกับตัวเอง
“จะตบก็เข้าตบทีละคน”

อิริน่าโยนเปลือกทุเรียน สมรกับหวินตกใจ อุทานบ้าจี้
“ออกไปซะ ฉันจะทำงาน”
อิริน่าเดินจะไปเอาเครื่องดูดฝุ่น สมรฉวยโอกาสทีเผลอ จิกอิริน่ามาตบโครม
“นี่แน่ะ…”
อิริน่าไม่ทันตั้งตัวล้มไป สมรตามไปจิกอีก หวินตามไปจะช่วยรุม อเล็กซ์ตกใจ
“อิริน่า”
อเล็กซ์มาช่วยปกป้องอิริน่า หวินกระชากเหวี่ยงโครมไป กระแทกผนังอย่างแรง
“อย่าเจ๋อ ไอ้เด็กนรก”
อิริน่าโกรธเลือดเข้าตา
“แก..ด่าพ่อแม่ฉันแล้วยังทำร้ายเด็กอีก อย่าว่าฉันใจร้ายนะ”
อิริน่าเปิดเครื่องดูดฝุ่น เสียงเครื่องดังสนั่น ทิ่มปลายเครื่องใส่สมรกับหวิน สองคนวิ่งหนีกัน ร้องคำบ้าจี้ ผสมกรี๊ด ไปด้วย เสื้อด้านหลังของสมรโดนเครื่องดูดฝุ่นดูดซวบๆ

จิ๋ม แจ๋ว แหวว สุมหัวแนบหูที่ประตูห้อง เสียงกรี๊ด เสียงคำบ้าจี้ เสียงเครื่องดูดฝุ่นกระหน่ำปนกันฟังไม่ได้ศัพท์ ศรีลุ้นอยู่ห่างๆ แบบวางฟอร์ม แต่ก็มีทีเผลออยากรู้เข้ามาใกล้บ้าง มีถุงขยะอีก 2-3 ถุง วางอยู่ใกล้ๆ ประตูห้อง สักครู่มีเสียงทุบประตูพร้อมกับเสียงหวินดังมา
“เปิดประตู เปิดประตู”
สามสาวเด้งผึงพร้อมกันจากประตู งงสุดๆ แจ๋วบ่นๆ
“อ้าว มาเรียกเปิดประตู ก็ประตูมันล็อกข้างในไม่ใช่เหรอ”
“มันสติแตกอะดิ” จิ๋มบอก

“แสดงว่าตอนนี้นางเอกชนะ ผู้ช่วยนางเอกไม่ต้อง ฮ่าๆ” แหววหัวเราะ

อิริน่ากระชากกระบอกเครื่องดูดฝุ่น กระดุมเสื้อสมรหลุดเรียงเม็ดผึงๆ อย่างรวดเร็ว เสื้อตัวนอกของสมรโดนดูดผลุบหายไปในเครื่องดูดฝุ่น สมรเหลือสวมเสื้อเสื้อกล้ามเซถลาล้มโครมเพราะแรงดิ้นของตัวเอง หวินยังทุบประตู
“เปิดประตู เปิดประตู”
อิริน่าปิดสวิตช์ กระชากเสื้อของสมรออกจากเครื่องดูดฝุ่นโยนทิ้ง หวินเหลียวดูแบบหนาว สันหลังว่าถึงคิวฉันแล้ว
“เปิด - ประ - ตู”
อิริน่าเดินเครื่องต่อ
“ซ่าส์นัก เก่งนัก ก็อย่าร้องสิ”
อิริน่าทิ่มกระบอกดูดไป หวินร้องลั่น
“จ๊าก...”
พวกหน้าห้องฟังไปหัวเราะไป...กระบอกเครื่องดูดฝุ่นดูดผมหวิน อิริน่าสั่งเสียงเข้ม
“เปิดประตู”
หวินบ้าจี้
“จ้าๆ เปิดประตูจ้า”
หวินเปิดประตูผาง พวกหน้าประตูโดดกันโหยง แล้วพอเห็นภาพ ก็หัวเราะกันกลิ้งเว้นศรี
“ฮ่าๆ...นังหวิน...ฮ่าๆ”
ท่าหัวเราะของแต่ละคนทั้งชวนขำทั้งกวนประสาทสุดๆ ศรีแอบหัวเราะสะใจ ไม่ให้สาวๆ เห็น สามสาวเต้นยั่วกวนประสาทหวิน แบบเต้นเชียร์ลีดเดอร์ หวินแค้นแต่หัวก็ติดเครื่องดูดฝุ่นอยู่ ทันใดนั้นเสียงเสียงอเล็กซ์ดังขึ้น
“อิริน่าระวัง”
สมรวิ่งเข้าใส่ อิริน่าเหวี่ยงหวินถลาออกไปนอกห้อง ราวนกถลาลม อิริน่าหันขวับ เครื่องดูดฝุ่นยังส่งเสียงสนั่น สามสาวรับจับตัวหวินไว้ แบบทีมเชียร์ลีดเดอร์ออกท่ายิมนาสติก สมรเบรกพรืด หน้าตาหัวหูมอมแมม มีเศษขยะติด
“ฉันขอสงบศึก ฉันจะออกไปข้างนอก”
อิริน่าปิดเครื่องดูดฝุ่น
“ขอโทษก่อนถึงจะไปได้”
สมรพูดห้วนๆ
“ขอโทษ”
“พูดใหม่ ให้ดีๆเพราะๆ”
สมรแค้น แต่ก็พูดดี
“ฉันขอโทษค่ะ”
อิริน่าหน้าตาพอใจ สมรรีบออกไป หันหน้าหันหลังมองเครื่องดูดฝุ่นไปด้วยอย่างแหยงๆ กลัวอิริน่าตลบหลัง แหววดักสมรไว้
“มาเล้ย...มาเลย...ตานี้เป็นหน้าที่ผู้ช่วยนางเอก”
สามสาวล้อมกรอบผลักดันสมรกับหวินไป ศรีแอบขำแล้วมาหาอิริน่าพูดเป็นงานเป็นการขึ้น
“คุณอิริน่าไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ ป้าศรี”
อเล็กซ์โผล่มาแจม
“ฉันก็ไม่เป็นอะไรครับ”
อิริน่ากอดคออเล็กซ์ ศรีเห็นสภาพห้อง
“โอ้โฮ ห้องเละขนาดนี้ เดี๋ยวป้าให้เด็กๆมาช่วยทำความสะอาดค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหญิงให้อิริน่าทำ เดี๋ยวพี่ๆ จะโดนคุณหญิงลงโทษ แล้วอิริน่าจะเสียใจมาก”
“งั้นก็แล้วแต่ค่ะ ป้าขอไปดูเด็กๆ นะคะ กลัวจะแอบเล่นงานนังสองคนนั่นต่อ”
“ฝากบอกพี่ๆ ว่าอิริน่าขอนะคะ อย่าทำอะไรเขาอีก โดนคราวนี้คงเข็ดไปหลายวัน”
“ค่ะ”
ศรีออกไป อเล็กซ์หันมาถาม
“ห้องนี่เอาไงต่อละ”
“เดี๋ยวคิดดูก่อน”
อิริอิริน่ากับอเล็กซ์มองหน้ากัน สักครู่ระเบิดหัวเราะแบบขำสุดๆ พร้อมกัน หัวเราะจนลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น ขาไปเตะโดนถุงขยะ ใบไม้หล่นกระจายใส่ทั้งสองคนเต็ม
“เย้ย!”
สองคนลุกขึ้นมาปัดตัว
“ดีนะ เป็นใบไม้ ถ้าเป็นของเน่าเป็นเปลือกทุเรียนละ...ฮึ่ย”

สมรกับหวินอยู่ในตู้อบตัวคนละตู้ ทั้งสองหน้าเหยเกจะร้องไห้ ข้างในตู้โดนมัดมือมัดขาไว้ สามสาวกำลังช่วยกันหามุกแกล้งสมรและหวิน
“ดีดหูมันคนนึง” แหววบอก
แจ๋วเสริม
“ดีดจมูกอีกคนนึง เอ๊ะ...หรือจะเอาขนนกแยงจมูกให้มันจามดี”
“เอาดีดจมูกแหละ ไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริม” จิ๋มแนะ
“โอ๊ย ถามฉันละยังว่าฉันอยากจะเล่นด้วยมั้ย” สมรโวย
“ใช่ ฉันไม่เล่นเว้ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้...ปล่อย” หวินสั่งเสียงเข้ม
สมรหวินดิ้นกันขลุกๆ แหววมองหน้า
“พวกแกเป็นเชลย ไม่มีสิทธิเล่น พวกฉันนี่...ฝ่ายเล่น”
“เล่น...งานแก” จิ๋มหันไปถามเพื่อนๆ “ใครก่อน”
“เป่ายิ้งฉุบ เพื่อความยุติธรรม” แจ๋วแนะ
สามคนเป่ายิ้งฉุบกัน สมรกับหวินวี้ดๆ กัน
“ไม่เอา ปล่อยฉัน...ปล่อยฉัน” สมรโวยวาย
“เงียบ!” แหววตวาด
สมรกับหวินหุบปาก แหววทำหน้าโหด
“ฉันไม่เอาเตาแก๊สใส่ไปลนก้นห้อยๆ ของแกสองคนน่ะ นับว่าเมตตากรุณาปราณีเท่าไหร่แล้ว”
แหวนหันไปเป่ายิ้งฉุบต่อ สมรกับหวินร้องพร้อมกัน
“อ๊าย...มาว่าฉันก้นห้อย”
“คุณหญิงกับคุณดากลับมาฉันจะฟ้องให้พวกแกกระเด็นไปนอกโลกเลย” หวินโวยวาย
แหววเป่ายิ้งฉุบชนะ
“ฉันคนแรก”
แหววมองสมรกับหวิน ถูมือไปมา ซ้อมดีดลมขวับๆ
“ก่อนพวกฉันกระเด็นไปนอกโลก หูกับจมูกแกสองคนกระเด็นก่อน”
แจ๋วเสริม
“หูแหว่งจมูกวิ่นเป็นหกเขยเรื่องสังข์ทองอะ...ฮ่าๆ”
จิ๋มมองเยาะ
“แต่เรื่องจริงนี่เป็นผู้หญิงหน้าตาดีเหมือนผีลืมหลุมอะ โวะโฮ่ๆ”
สามสาวหัวเราะกันหน้าหงาย แล้วแหววก็ย่างสามขุม ทีละก้าว แบบเขย่าขวัญสุดฤทธิ์ นิ้วก็ดีดลมไปเรื่อย หวินกับสมรวี้ดว้ายกันไป แหววเดินถึงสมร เงื้อแขน กะดีดหูให้สุดแรงทั้งหมดที่มี สมรร้องคำบ้าจี้ของตัวเองออกมา ทันใดนั้นเสียงศรีดังขึ้น
“หยุดนะนังแหวว”
แหววค้างกึก สมรหยุดร้องดีใจมาก
“ป้าศรี...ช่วยพวกหนูด้วย”
แหววลูบปากแบบเช็ดน้ำลายเสียดายบ่นกับตัวเอง
“แหม่ ป้าศรี มาช้าอีกสักห้าวินาทีก็ไม่ได้”
แหวนเงื้อมือ สมรกับหวินร้องบ้าจี้ ศรีตวาดสมรกับหวิน
“หยุด”
สมรกับหวิน หยุดกึก ศรีหันไปสั่งสามสาว
“ไปปล่อยเขาออกมาเดี๋ยวนี้”
สามสาวเสียดาย ยังอิดออด ศรีเร่ง
“เร็ว คุณอิริน่าขอไว้ไม่ให้ทำอะไรสองคนนี้”
สามสาวไปที่ตู้อบ จิ๋มชี้หน้าสมรกับหวิน
“เงาหูเงาจมูกกลับคืนเพราะคุณอิริน่าเลยนะพวกแก”
“เล่นอะไรให้มันรู้เรื่องมั่ง ดูซิเอาไปใส่ตู้อบของคุณดาคุณจิต ถ้าเกิดนังสองคนนี่ถีบตู้พัง พวกแกจะมีปัญญาซื้อใช้มั้ย”
ซิปตู้รูดออก สมรกับหวินถูกมัดมือมัดเท้า ถูกยกตัวกระโดดด๊อกๆ ศรีแอบหันไปหัวเราะ สามสาวแอบบังสายตาศรี แอบจี้ สมรกับหวินสะดุ้งบิดซ้ายบิดขวา แต่ร้องบ้าจี้ไม่ออกเพราะโดนปิดปาก อู้อี้กันไป ศรีรีบหยุดหัวเราะ เก๊กหน้าหันมา
“ดูดู๊ เล่นพิเรนทร์จริงๆ แก้มัดเดี๋ยวนี้นะ”
สมรกับหวินพูดพร้อมกัน
“ให้ไว...ให้ไวเลย”
แหวขมุบขมิบด่าไม่ให้ศรีได้ยิน
“ทำเก่งขึ้นมาเชียว”
“ปีนึงมี 365 วันนะเว้ย ยังไงก็เจอกันอีกแน่” แจ๋วมองหยัน
“ไม่ต้องมาทำเงียบ เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวจะเงิบ” จิ๋มจ้องหน้า
สามคนแปลกใจที่สมรกับหวินเงียบ ดูไม่มีพิษสง ศรีชะโงกมากลางวง
“ใครจะเงิบ”
สามสาวก้นจ้ำเบ้า
“เย้ย”
“สม”
หวินกับสมร รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว สามสาวจะตาม ศรีชี้หน้า สามสาวชะงักกึก
“ไป-ทำ-งาน”

สามสาวอิดออด ศรีถลึงตาใส่ สามสาวรีบไป ศรีมองตามระอา

ในที่จอดรถของศูนย์การค้าของคุณหญิงศรินทิพย์...พงษ์ธร อารดา จิตรดารา เดินด้วยกัน จิตรดาราสนิทสนมกับพงษ์ธรมากขึ้น
“คุณจิตทิ้งรถให้คุณแม่ ถ้างั้นหนังเลิกแล้วผมไปส่งคุณจิตที่บ้านนะครับ”
“ อูย...รบกวนค่ะ จิตกลับกับพี่ดาได้”
“รถพี่ยัยเมกับยัยลิตาแฮ้บไป” อารดารีบบอก
“อ้าวซะงั้น”
จิตรดารามองพงษ์ธรตาวับๆ พงษ์ธรพูดมีนัย
“ผมเหมาสองสาวเลยครับ”
“ตามนั้นค่ะ”
ทั้งสามเดินถึงรถของพงษ์ธร ซึ่งเป็นรถหรูมาก ราคาแพงระดับแถวหน้า พงษ์ธรเปิดให้อารดานั่งหน้า จิตรดารานั่งหลังท่าทางสุภาพบุรุษสุดๆ
“เชิญครับ”
อารดายังไม่เข้ารถ ระหว่างจิตรดาราเข้า อารดากัดเบาๆ แบบรู้กัน ขำๆ
“เที่ยวนี้ทุ่มทุนสร้างนะยะ เช่ารถราคาแพงลิบเชียว”
“อ้าว...กะเล่นลูกสาวคุณหญิง น้อยกว่านี้ได้ไง ไปขึ้นรถ”
“นี่...พูดกับฉันดีๆ หน่อย ถุงเงินถุงนี้แกได้เพราะฉันนะ”
จิตรดาราโผล่หน้ามายิ้มหวานกับพงษ์ธร
“จะไปกันรึยังคะ”
“ครับผม เดี๋ยวนี้เลยครับ”

กมลกันต์กับจีรณัทย์ นั่งคุยกันสบายๆที่ศาลาบนที่ดินของจีรณัทย์ กันณ์กับคุณหญิงพรรณรายอยู่ด้านหลังห่างออกไป
“ที่สวยมากจริงๆ ด้วย จีไม่เสียดายหรือครับถ้าจะขาย”
“ไม่ค่ะ โดยเฉพาะเมื่อขายให้คุณเอาไปทำประโยชน์ ไม่ได้เอาไปขายต่อ ทำกำไร”
“จีสนใจลงทุนร่วมกับผมมั้ยละครับ”
“อย่าเลยค่ะ คุณพ่อเคยสอนจีไว้ อย่าเป็นลูกจ้างเพื่อนหรือคนรัก อย่าร่วมทุนธุรกิจกับเพื่อนหรือคนรัก มีแต่จะโกรธกันในที่สุด แล้วจีก็เคยเห็นมาแล้วด้วยค่ะ เพื่อนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนประถม ลงเอยถึงขั้นฟ้องร้องกัน ตัดขาดกันไปเลย จีอยากให้ความรักของเรายังคงสวยงามอยู่ตลอดไปค่ะ”
กมลกันต์มองจีรณัทย์อย่างรักมาก แตะเอวของเธอ จีรณัทย์อิงซบไหล่เขา
“ผมได้แต่หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ช่วยให้ครอบครัวของเรากลับไปเป็นเหมือนเดิม”
จีรณัทย์นิ่ง ตาเศร้า ชดอยู่นอกเขตที่ดินโผล่หน้าออกมาถ่ายคลิปวิดีโอจีรณัทย์กับกมลกันต์ ครู่หนึ่งกมลกันต์กับจีรณัทย์จูงกันเดินไปที่ นายพลกันต์กับคุณหญิงพรรณราย

นิกกี้นั่งอยู่ในรถ มือถือมีสัญญาณภาพเข้า นิกกี้หยิบมากดู พอใจมาก
“ทำงานดีมากเจ้าชด”
นิกกี้กดดูอีก 1-2 ภาพ แล้วกดส่งภาพไปเข้ามือถือจิตรดารา

อารดา จิตรดารา พงษ์ธรกำลังเข้าโรงภาพยนตร์ จิตรดาราปิดมือถือเอาใส่กระเป๋า หันไปคุยยิ้มแย้มอ่อนหวานตาฉ่ำหวานกับพงษ์ธร อารดามองจิตอย่างสมเพชเวทนาแกมสะใจ

เย็นนั้น คุณหญิงศรินทิพย์เซ็นเอกสารฉบับสุดท้าย
“อ้ะ...หมดแค่นี้ใช่มั้ย”
“ค่ะ ท่านประธาน”
เลขาปิดสมุดเสนอเซ็นอย่างนอบน้อม เอาไปวางรวมกับอีก 5-6 เล่ม แล้วหอบจะออกจากห้อง เสียงเคาะประคูเบาๆ แล้วเจตรินเปิดเข้ามา เลขากำลังเดินไปที่ประตูพอดี เจตรินยิ้มให้อย่างอ่อนโยนคุ้นเคย จับประตูห้องค้างไว้ให้ คุณหญิงศรินทิพย์หันไปมอง
“อ้าว เจต”
เจตรินยิ้มให้เลขา
“เชิญครับคุณสิรินภา”
“ขอบพระคุณค่ะ”
เลขาออกไป เจตรินปิดประตู
“ดีเลยเจตมา แม่จะได้ไม่ต้องตามเจ้าเมฆมาขับรถ จิตไปกับอารดาเลยทิ้งรถไว้ที่แม่ เจตมีอะไรกับแม่หรือเปล่า”
เจตรินหน้านิ่งตามปกติ
“มีครับ”
คุณหญิงศรินทิพย์รอฟัง รู้สึกเอะใจอยู่เหมือนกัน
“เรื่องจิตครับ”
คุณหญิงศรินทิพย์สะดุดใจ ลุกจากโต๊ะทำงานไปที่ชุดรับแขก เจตรินตามไป รอแม่นั่งแล้วตัวเองจึงนั่งตาม
“ยัยจิตทำไม นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตแม่นะที่จะได้ยินคนพูดกับแม่เรื่องยัยจิต ในทีท่าแบบที่เจตกำลังจะพูด มีอะไรคอขาดบาดตายงั้นเหรอ”
เจตรินตัดสินใจไม่พูดถึงความเหลวแหลกของจิตรดารา
“สำคัญอยู่นะครับ แต่ผมไม่อยากใช้คำคอขาดบาดตาย”
คุณหญิงศรินทิพย์ใจไม่ดี
“มีอะไรพูดมาเร็วๆเจต เดี๋ยวแม่อกแตกเพราะความใจร้อนซะก่อน”
“ผมอยากให้เรา...ใกล้ชิดจิตให้มากขึ้นครับ”
คุณหญิงศรินทิพย์ค่อยคลายลง
“หมายความว่ายังไง ทุกวันนี้แม่กับจิตก็เห็นกันวันละเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ไปไหนส่วนใหญ่ก็ไปด้วยกัน เงินทองก็ใส่บัญชีให้ทุกเดือน ใช้ยังไงก็ไม่มีทางหมด”
“แค่นั้นคงไม่พอชดเชยสิ่งที่จิตขาดไปนะครับ”
“ขาด...เจตหมายความว่ายังไง”
“จิตขาดความสุขครับคุณแม่ แล้วผมคิดว่า...”
คุณหญิงศรินทิพย์เกือบๆ ปรี๊ด ผุดลุกไปแบบทนไม่ได้ เจตรินลุกตามไปด้วย ไปยืนพูดกันต่อ
“อะไรกัน คนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทอง ยังจะขาดความสุข...เป็นไปได้ยังไง”
“เงินทดแทนทุกอย่างไม่ได้ครับคุณแม่ หากชีวิตไม่มีความสุข เงินเท่าไหร่ก็ถมไม่เต็มครับ”
คุณหญิงศรินทิพย์อึ้งมาก
“ตั้งแต่คุณพ่อเสีย แม่ทำงานหนักสืบทอดจากคุณพ่อ ทั้งหมดก็เพื่อลูกของแม่ทุกคน เมื่อแม่ทำสำเร็จ แม่ต้องมาฟังลูกของแม่บอกว่า...ขาดความสุข...มันอะไรกันเจต”
คุณหญิงศรินทิพย์น้ำตาซึมๆ เจตรินมองแม่อย่างเห็นใจ

ค่ำนั้น อิริน่ากำลังจัดที่นอน สักครู่มีเสียงเคาะประตู แล้วเจตรินเปิดเข้ามา หน้าตาไม่ค่อยสบายใจ อิริน่าไปรับ สังเกตและรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจของเขา แต่ก็ไม่คิดจะถาม อิริน่าถอดเสื้อนอกให้ เจตรินถอดเน็กไทออก อิริน่ารับไปเก็บ เจตรินเดินไปที่หน้าต่าง มองเหม่อออกไป อิริน่ามาหาพูดอ่อนโยน
“ท่าทางคุณเหนื่อย ฉันไปผสมน้ำอุ่นให้แช่นะคะ”
เจตรินยิ้มอ่อนๆให้

“ดีครับ ขอบคุณครับ”

สะใภ้หัวแดง ตอนที่ 4 (ต่อ)

คุณหญิงศรินทิพย์นั่งอยู่ที่ขอบเตียง รู้สึกอ่อนล้าอ้างว้างโดดเดี่ยวสุดๆ สักครู่เธอลุกไปกดกริ่ง แล้วยันผนังยืนนิ่งคอตกอยู่อย่างนั้น มีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วศรีเปิดเข้ามา ศรีหน้านิ่งลงแบบห่วงใย
 
“คุณหญิงคะ”
คุณหญิงศรินทิพย์ค่อยๆ หันมา
“ช่วยผสมน้ำอุ่นให้ฉันหน่อย”
“ค่ะ”
ศรีจะไป คุณหญิงศรินทิพย์พูดขึ้น
“แล้วคืนนี้แกมานอนเป็นเพื่อนฉัน”
“คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ศรีตกใจนิดๆ
ศรีจะเข้ามาหา คุณหญิงศรินทิพย์ยกมือห้าม
“ฉันไม่เป็นอะไร แค่อยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อน”
“ค่ะ...ค่ะ”
ศรีเดินไปที่ห้องน้ำ คุณหญิงศรินทิพย์นั่งลงที่เตียง

คุณหญิงศรินทิพย์นอนแช่น้ำในอ่าง หน้าตาเสียใจ นึกถึงที่พูดกับเจตรินแล้ว เธอหลับตาลงอย่างเจ็บปวด นึกถึง เหตุการณ์ที่คุยกับเจตรินเมื่อเย็น สองคนมองกัน
“จิตกลายเป็นเด็กใจแตก เที่ยวผับเที่ยวบาร์ทุกคืน”
“โอ้ย...เจตก็...สมัยนี้แล้ว โลกของผู้หญิงเปิดกว้างมากแล้ว แล้วจิตก็เกิดในครอบครัวที่ชาติตระกูลดีการศึกษาก็สูง น้องรู้คิดน่ะ ถึงจะเที่ยว ก็เลือกที่เที่ยวที่ดีๆ ไม่มีทางใฝ่ต่ำหรอก”
“คนเกิดในชาติตระกูลดี มีการศึกษา มีเงิน ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนดีเสมอไปนะครับ”
“เจต...นี่ว่าน้องเลวเหรอ แม่เลี้ยงน้องมากับมือนะ เท่ากับเจตว่าแม่ด้วย” คุณหญิงศรินทิพย์โกรธ
“ผมพูดเพราะเป็นห่วงน้องครับ”
“แกนั่นละตัวปัญหา แกหอบหิ้วนังเมียไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาให้บ้าน เราอับอายขายหน้าน่ะ ยังจะกล้าคิดว่าแกดีกว่ายายจิตเหรอ”
เจตรินอึ้งไปชั่วครู่ คุณหญิงศรินทิพย์มองอย่างเจ็บใจ
“เรื่องอิริน่ากับผม เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“ไม่อีกเรื่องละ แกพานังนั่นเข้าบ้าน ทำให้บ้านร้อนเป็นไฟ น้องมันถึงไม่อยากอยู่บ้าน”
เจตรินนิ่ง กำลังนึกว่าจะพูดต่อดีไหม
“แม่เชื่อในตัวยายจิตมากกว่าเมียแก ลูกชาติลูกตระกูล ชีวิตอยู่ในสังคมระดับสูง ถึงยังไงก็ไม่มีทางลงต่ำ”
“ถ้าคุณแม่พูดอย่างนี้แสดงว่าคุณแม่ตามยายจิตไม่ทัน” เจตรินนิ่งสุขุม
“แกอย่ามาว่าฉันนะนายเจต จิตเกิดมาพ่อตายไปตั้งแต่ยังแบเบาะ แม่ถึงต้องชดเชยทุกอย่างให้จิตให้มากที่สุด” คุณหญิงศรินทิพย์เสียหน้า
“นั่นละครับที่ทำร้ายจิต อะไรๆ ที่คุณแม่สุมให้จิต มันบังตาบังใจทั้งคุณแม่ทั้งจิต โดยเฉพาะจิตที่ยังเด็ก จะทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดเลยครับ จากความมีจนเกินพอดีของตัวเอง”
“เจต” คุณหญิงศรินทิพย์โกรธมาก
“คนที่มีพร้อมทุกอย่าง แต่ขาดสติที่จะยับยั้งชั่งใจ ชีวิตเสี่ยงจะหายนะทั้งนั้นละครับ ผมไม่อยากเห็นภาพตัวเองมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เกียรติยศ ได้ตำแหน่งสูง แต่เมื่อเหลียวหลังดูครอบครัวตัวเองแล้วเห็นความหายนะ ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะเกิดเลย ถ้าผมต้องลาออกจากราชการมาดูแลน้อง ผมก็จะทำ”
คุณหญิงศรินทิพย์โกรธสุดๆ
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะเจต แกเองยังหน้ามืดไปคว้าเมียข้างถนนมา แกอย่าบังอาจมาแตะต้องยายจิต ยายจิตลูกฉัน”

คุณหญิงศรินทิพย์ลืมตาขึ้นทันใด ยังนอนแช่น้ำในอ่าง หน้าตาเจ็บปวดสุดๆ
“ฉันไม่ดีหรือนี่ ฉันทำผิดมาตลอดหรือนี่...”

เจตรินนอนแช่น้ำในอ่าง สะบัดศีรษะนิดๆลืมตาแล้วชะงัก เมื่อเห็นอิริน่านั่งเท้าคางด้วยสองมืออยู่ใกล้ๆ อิริน่ามองเจตรินอยู่เพลินๆสะดุ้งเขินนิดหน่อยเมื่อเขาลืมตา เธอเลิกเท้าคางสำรวมกิริยา
“อีอิริน่า...นี่คุณ...มาเฝ้าผมเหรอครับ”
“ฉันรู้สึกว่าคุณอยู่ในห้องน้ำนานมาก กลัวคุณหลับแล้วจมน้ำค่ะ เลยมาดู”
เจตรินยิ้มอ่อนๆ รู้สึกดีมากๆ
“ขอบคุณมาก”
อิริน่าจะไป เจตรินเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ”
อิริน่ามองเชิงถาม
“นวดศีรษะให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“สบายอยู่แล้วค่ะ”
อิริน่านวดศีรษะให้เริ่มจากขมับ แล้วไปทั่วๆ ศีรษะ เจตรินหลับตารู้สึกผ่อนคลายมาก เจตรินยังหลับตาจับมืออิริน่าข้างหนึ่งไปแนบอกที่อยู่ใต้น้ำ อิริน่าหยุดนวดเขินหน่อยๆ ระวังตัว ไม่รู้เขาจะเอายังไง เจตรินหลับตานิ่งอยู่สักครู่...แล้วลืมตา เอาอีกมือวักน้ำรดแขนอิริน่าที่แตะอกเขาอยู่แบบไม่รู้จะทำอะไรอยากให้ใจตัวเองนิ่งลงจากเรื่องที่พูดกับแม่ อยากได้แค่เพื่อน และอิริน่าก็เป็นคนที่เขารู้สึกถูกใจเป็นพิเศษ อิริน่าใจหวิวๆ เสียวๆอยู่ว่าจะยังไง เจตรินไล้แขนอิริน่าที่ตัวเองวักน้ำรด เบาๆ แบบเผลอตัวเล่นเพลิน อิริน่าชักรู้สึกขนลุกสะกดใจแล้ววักน้ำรดศีรษะเขา เจตรินสะดุ้ง
“อ้าว”
อิริน่าจะดึงมือข้างที่เขาเอาแนบอกออก เจตรินดึงไว้มองหวานซึ้ง
“เดี๋ยวสิครับ”
อิริน่าเขิน
“หัวใจคุณเต้นแรงมากอะค่ะ ฉันว่า...มันจะอันตราย...”
เจตรินขำอ่อนๆ ยังดึงมือเธอไว้ มองหน้าอิริน่า รู้สึกว่าสวยมาก
“แต่คุณทำผมผมเปียก คุณต้องสระให้ผมละครับ”
“อุ๊ย...”
“ไม่อุ๊ยละ”
เจตรินจับมืออิริน่าข้างที่แตะอกอยู่มาวักน้ำรดศีรษะตัวเองอีก 2-3 ที
“เล่นขี้โกงนี่”
“น่า...นะ สระผมให้ผมหน่อยนะครับ”
เจตรินมองด้วยสายตาอ้อนเว้าวอนที่สุด อิริน่าเขินสุดๆ แต่ก็ช่วยสระผมให้เขา

คุณหญิงศรินทิพย์นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานชั้นล่าง มองออกไปภายนอกที่หน้าประตูใหญ่บ่อยๆรอจิตรดารา สักครู่มีรถแล่นมาจอด คุณหญิงศรินทิพย์รีบลุกไปมองที่หน้าต่าง
พงษ์ธรขับรถมาจอดริมถนนหน้าประตูใหญ่...พงษ์ธรเปิดประตูรถหน้าหลังสองบานพร้อมกันให้อารดาและจิตรดาราลง
“เชิญคร้าบ...คุณสุภาพสตรี”
จิตรดารายิ้มหวาน
“ขอบคุณมากนะคะ เลี้ยงหนังเลี้ยงข้าว แล้วยังมาส่งถึงบ้าน”
“ยินดีครับผม วันหลังขอโอกาสอีกนะครับ” พงษ์ธรหยั่งเชิง “ไปดริ๊งก์กัน ผมรู้จักผับชั้นดีเยอะเลยครับ”
จิตรดารายิ้มหวาน ไม่ตอบ ออกแนวไว้ตัวหน่อยๆ อารดาพูดขึ้น
“ฉันก็ขอบใจนะจ๊ะเพื่อนรัก กู๊ดไนท์กันเลยละกัน ฉันจะรีบพาเด็กดีไปนอนจ้ะ ไปจ้ะจิต”
จิตรดารายิ้มให้พงษ์ธรอีกครั้ง
“ไน้ท์ ไน้ท์ นะคะ”
พงษ์ธรยิ้มหวาน
“ฝันดีครับ”
อารดาแอบทำหน้าแหวะเลี่ยนขำๆ ใส่พงษ์ธร

อารดากับจิตรดาราเดินคุยกันไปตามทางเดินไปตึก จิตรดาราหน้าตาสดชื่นแบบพบรัก
“เป็นไง นายพงษ์ธร” อารดาถามหยั่งเชิง
“ป๋าไปหน่อยค่ะ แต่โดน สเป๊กจิตเลยละ ผู้ชายผิวขาวเป็นกระเบื้องเคลือบเนี่ย จิตชอบ”
“แบบนี้นายนิกกี้ก็ตกกระป๋องละสิ”
“ทำนองนั้นค่ะ แต่จิตอาจต่อวีซ่าให้อีกหน่อย เก็บไว้ดูเล่นก่อน พอดีตอนนี้ยังไม่ถึงกับเบื่ออะค่ะ นิกกี้เขาตลกดี อยู่ด้วยแล้วจิตอารมณ์ดี”
“ต๊าย จิต” อารดากัดหน่อยๆ เนียนๆ “เผื่อเลือกเกินไปรึเปล่า คนใหม่ก็จะเอา คนเก่าก็ไม่ทิ้ง ระวังพวกผู้ชายของจิตเขาเม้าท์ปอกเปลือกสาวไส้พุงจิตรดารากันสนุกไปเลยนะจ๊ะ”
จิตรดารากัดกลับ
“อุ๊ย...กลัวซะที่ไหน จิตยังสาวยังสวยยังรวยเลือกได้ จิตรู้ว่าใครเม้าท์ จิตก็เฉดทิ้งไป...ไว้จิตหนังหน้าหย่อนห้อยเงินเหลือไม่เต็มกระเป๋าแบบพี่ดาเมื่อไหร่ จิตค่อยคิดค่ะ”
จิตรดาราเดินเชิดสะใจทิ้งอารดาไปเลย อารดาโกรธมาก
“นังจิตรดาราฉันจะส่งแกลงนรกขุมที่ลึกที่สุดเลยเชียว” อารดานึกถึงชะตากรรมของตัวเอง “ให้แกรู้รสการตกนรกทั้งเป็นว่ามันทรมานขนาดไหน”

คุณหญิงศรินทิพย์ทำเป็นนั่งทำงานต่อ จิตรดาราเข้ามาชะโงกดู เห็นแม่แว้บๆ ในห้อง จิตรดาราเข้าไปหา อารดาเดิน ผ่านหน้าห้องไป หน้าตายังถมึงทึง จิตรดาราถลาไปกอดหอมแก้มประจบแม่ คุณหญิงศรินทิพย์ยิ้มแย้มที่ลูกกลับไม่ดึก
“คุณแม่ขา...ลูกสาวกลับมาแล้วค่ะ”
“ไปไหนกันมา หน้าสุขสำราญเชียว”
“ไปดูหนังกับพี่ดาแล้วก็เพื่อนพี่ดาค่ะ”
คุณหญิงศรินทิพย์โล่งใจ ลูกทำอะไรปกติ
“แค่นี้เอง”
“คุณแม่นึกว่าจิตไปเหลวไหลที่ไหนเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะเปล่า แม่รู้ว่าลูกสาวแม่เป็นเด็กดี”

จิตรดารากอดแม่นัวเนีย อ้อนประจบน่ารัก คุณหญิงศรินทิพย์โล่งใจมาก ความทุกข์หายไป

อารดาออกมาจากห้องน้ำ สมรกับหวินเข้ามา อารดาหน้าคลายบึ้งลงหน่อยเมื่อนึกถึงที่อิริน่าทำความสะอาดห้อง
“ไง...แกสองคนจัดการนังเด็กนั่นได้เรื่องไม่ได้เรื่องยังไงบ้าง”
สองคนไม่กล้าพูดความจริง
“พวกหนูรอคุณดามาตรวจดูเองค่ะ” สมรตอบเลี่ยงๆ
อารดาเดินต่อ หวินพูดขึ้น
“เดี๋ยวหนูไปเอากุญแจห้องก่อนค่ะ”
อารดาหยุดเดิน
“เอ๊ะ...ทำไมต้องเอากุญแจห้อง ไม่ได้อยู่ที่แกสองคนเหรอ”
“คุณ...เอ๊ย...นัง อิริน่าล็อกประตูแล้วให้พวกในครัวถือกุญแจไว้ บอกว่าคุณดามาแล้วถึงจะไปเบิกกุญแจมาได้ค่ะ”
อารดาปรี๊ด...เดินพูดไป
“นังอิริน่า แกนี่มันเยอะขึ้นทุกวัน คิดว่าแกเป็นใครกันฮะ นังข้างถนน”
หวินแยกไป สมรตามอารดา
“เขาคงกลัวพวกเราเข้าไปย่ำห้องแล้วโดนคุณดาให้ทำใหม่มั้งคะ”
อารดายังหน้าบึ้ง
“ก็ถ้ามันทำไม่ดี ฉันจะจิกมันทำแล้วทำอีกทั้งคืน”
สมรแอบบ่นกับตัวเอง
“อูย...ขอให้สะอาดกริบทีเถอะ ไม่งั้นเดือดร้อนนังหมอนนังหวินเฝ้าทั้งคืนอีก”

พื้นทางเดิน สะอาดสุดๆ เงาวับ อารดาเดินขึ้นบันได สมรตาม หวินถือกุญแจวิ่งตามมาทัน อารดาหยุดยืน
มองพื้นห้อง หน้าค่อยคลายลง ยิ้มออกแนวเยาะ
“ฝีมือมันไม่เลว สะอาดวับแลย ไปไขห้องซิหวิน”
“ค่ะ”
หวินรีบไป

เจตรินกำลังนวดศีรษะนวดขมับให้อิริน่าอย่างนิ่มนวล แบบคนนวดเป็น อิริน่าหลับตารู้สึกสบายผ่อนคลาย
“เป็นไง ทราบแล้วใช่มั้ยว่านวดแล้วสมองโปร่งแค่ไหน”
“อืม...รู้สึกดีมากค่ะ นวดไปเรื่อยๆ นะคะ”
“เมื่อยและ” เจตรินหยุดเลย
“อ้าว”
เจตรินลงนอน
“คุณนวดผมบ้าง”
“เย้ย” อิริน่าคิดทะลึ่งเล็กๆ
“อ๊ะๆ คิดอะไรน่ะ คิดอย่างไหนทำอย่างนั้นนะ”
อิริน่าลุกขึ้นยืนเหยียบน่องเจตริน เหยียบแบบนวด
“คิดอย่างนี้ค่ะ”
“โอ๊ะๆ จะรับน้ำหนักไหวมั้ยนี่” เจตรินแหย่
“ว่าฉันอ้วนเหรอ”
“เปล่า แค่รู้สึกว่าน้ำหนักเยอะน่ะ”
อิริน่าขึ้นไปโดดทั้งสองขาแกล้ง
“มันก็แปลอย่างเดียวกันแหละ นี่แน่ะๆ”
“โอ๊ยๆ”
ทันใดนั้น เสียงอารดากรี๊ดสนั่นลั่นโลก ก้องไปทั้งบ้าน เจตรินสะดุ้ง ลุกพรวด อิริน่าที่ยืนอยู่บนตัว ล้มโครม
“เสียงดานี่”
“โอ๊ย...”
เจตรินลงจากเตียง ฉวยเสื้อคลุมใส่พลางเดินไป อิริน่าขำสุดๆ รู้ว่าอารดากรี๊ดเพราะอะไร

คุณหญิงศรินทิพย์กับจิตรดาราผละออกจากกันและผุดลุกอย่างเร็วเพราะเสียงกรี๊ดของอารดา
“พี่ดากรี๊ดยังกับเจอผี”
จีรณัทย์เปิดประตูห้องพรวดตกใจออกมามองไปทางห้องอารดา

อารดายืนเขย่งซอยเท้าอยู่กับที่แบบจะให้พ้นขยะ กรี๊ดอยู่ท่ามกลางขยะ ที่พื้นห้องเยอะมากๆ ชนิดเต็มพื้นที่ห้องเป็นขยะที่สมรกับหวินเก็บมาทั้งนั้น ไม่มีเพิ่ม ขยะบางส่วนยังอยู่ในถุงดำ แบบโยนๆ ไว้ ถุงดำที่ไม่มีขยะแล้วก็อยู่ครบ เกลื่อนในห้อง เจตรินวิ่งมาหน้าห้องแล้วชะงักกึกที่ประตูห้องเมื่อเห็นขยะ สักครู่คุณหญิงศรินทิพย์ จิตรดารา จีรณัทย์ วิ่งเข้ามาชะงักที่ประตูเมื่อเห็นขยะเช่นกัน อารดายังกรี๊ดไม่เลิก...สมรเปิดประตูห้องน้ำ ถุงขยะหล่นใส่หัว ขยะหลุดจากถุงกระจายเกลื่อน สมรตกใจ
“ว้าก”

ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น เจตรินกับคุณหญิงศรินทิพย์ ยืนเป็นประธานอยู่ อารดาหน้าบึ้งกอดแขนเจต ริน เขาพยายามปลด แต่ไม่สำเร็จเลยปล่อยเลยตามเลย อิริน่ามองหมั่นไส้ หมู่มวลคนใช้นั่งที่พื้น อเล็กซ์นั่งที่พื้น มีกระเป๋าสะพายขนาดย่อมสะพายอยู่ด้วย อิริน่ามาดึงมืออารดาออกจากเจตริน ดึงแบบคนมีวิชา มืออารดาหลุดจากเจตรินแล้วบิดไว้ อารดาเจ็บ แต่แก้ทางไม่ได้ อิริน่าเข้าไปแทรกระหว่างเจตรินกับอารดา มือที่ว่างอยู่กอดแขนเจตริน มืออิริน่าบิดมืออารดาไว้ อารดายุกยิกแก้ไม่หลุดมองอิริน่าถมึงทึง อิริน่ามองตอบแบบผู้ชนะ คุณหญิงศรินทิพย์ตวาด
“นี่จะมาแย่งผัวแย่งเมียอะไรกันตอนนี้หา...”
อิริน่าสวน
“สามีของหนูนี่คะ ปล่อยให้ผู้หญิงอื่นมากอดต่อหน้าต่อตา มันทิ่มแทงใจค่ะ”
สาวใช้กลุ่มศรีแอบสบตาหัวเราะชอบใจกันแบบไม่มีเสียง อารดาเสียหน้าโกรธมากแต่พยายามระงับ
“แล้วเค้าเป็นโจทก์หนูเป็นจำเลยก็ต้องอยู่ข้างๆ กันอยู่แล้ว...”
เจตรินปราม
“อิริน่า...”
อิริน่าหุบปาก คุณหญิงศรินทิพย์จะว่าอีก
“แต่...”
เจตรินปรามอย่างสุภาพ

“คุณแม่ครับ”

คุณหญิงศรินทิพย์หยุด เมินหน้าแบบยังเขม่นเจตรินอยู่จากที่ทะเลาะกัน
“เรื่องนี้จิตไม่เกี่ยว จิตไปก่อนนะคะ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย...เหม็นขยะตุๆ ด้วย” จิตรดารากัดอารดาเล็กๆ ปรายตายิ้มใส่
อารดาแค้น ต้องกัดฟันเก็บไว้สุดฤทธิ์ คุณหญิงศรินทิพย์แดกดันเจตริน จะหลบที่ตัวเองมีส่วนแกล้งอิริน่าด้วย
“ฉันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรในบ้านนี้ ไม่รู้จะอยู่ทำไม”
คุณหญิงศรินทิพย์จะไป จีรณัทย์ท้วงไว้
“คุณแม่คะ คุณแม่เป็นผู้ใหญ่สูงสุดในบ้าน คุณแม่อยู่เป็นประธานหน่อยเถอะค่ะ ให้เจตเป็นคนซักเอาความจริง”
“ก็ได้”
คุณหญิงศรินทิพย์เดินไปนั่งที่โซฟา จีรณัทย์ตามไปนั่งกับแม่
“อิริน่าเอาขยะไปใส่ห้องคุณอารดาทำไม คุณแม่ขอให้อิริน่าช่วยทำความสะอาดนี่”
“ฉันไม่ได้ใส่ค่ะ คุณหญิงขอให้ฉันทำความสะอาด ฉันก็ทำความสะอาด ไม่ได้ทำความสกปรก”
อารดาสะบัดมือหลุด แต่เป็นเพราะอิริน่าปล่อยด้วย
“ไม่ต้องมาปั้นคำ แล้วห้องฉันสกปรกขนาดนั้นได้ยังไง”
“คุณก็ถามคนของคุณดูสิคะ”
สมรกับหวินทำหน้าเบ้ กลุ่มแจ๋ว จิ๋ม แหวว เลยทำท่าจะจี้ให้สารภาพ สมรกับหวินร้องคำบ้าจี้ เจตรินเกือบหลุดขำ แต่ซ่อนปรับหน้าทัน คุณหญิงศรินทิพย์ดุ
“นังพวกนี้เดี๋ยวเถอะ ศรี แกพาลูกน้องแกไปนั่งมุมโน้นไป”
กลุ่มศรีไปนั่งห่างออกไป จีรณัทย์พูดขึ้น
“เป็นอันว่าไม่มีใครชี้แจงได้ใช่มั้ยว่าทำไมขยะเต็มห้องคุณอารดา ไม่อย่างนั้นฉันจะสรุปว่าอิริน่าผิดนะ”
อารดาหน้าตาสมใจสะใจ อิริน่าขัดขึ้น
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เจตรินหันไปมอง
“ว่าไงอิริน่า”
อเล็กซ์เอากล้องวิดีโอออกมาจากกระเป๋า ส่งให้อิริน่า สมรกับหวิน ซีดเลย หน้าตาเหมือนจะร้องไห้ อารดาเจื่อนไปหน่อยๆ เดาได้แล้วรีบปรับสีหน้าปกติ
“ฉันมีวีดีโอแสดง มีหลักฐานคนทิ้งขยะค่ะ”
จีรณัทย์ชะงัก
“ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันมาคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ ฉันต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อนค่ะ”
อิริน่าเปิดภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตังแต่ต้นจนถึงอิริน่าเอาเครื่องดูดฝุ่นเล่นงานสมรกับหวิน กลุ่มแจ๋ว จิ๋ม แหววเต้นเชียร์ลีดเดอร์ คุณหญิงศรินทิพย์เห็นภาพก็ชะงัก
“เอ๊ะ หยุดภาพก่อน”
อิริน่ากดหยุดภาพ คุณหญิงศรินทิพย์หันไปเล่นงานกลุ่มศรี กลุ่มนั้นรู้ตัวดีว่าจะโดน
“ฉันให้ไปช่วยงานบ้านคุณหญิงอาภา แล้วพวกแกแอบกลับมารุมเล่นงานคนของคุณอารดาเหรอ”
ศรีรีบบอก
“เปล่าค่ะ คุณหญิงอาภาอาหารเป็นพิษเข้าโรงพยาบาล งานเลี้ยงยกเลิกค่ะ พวกศรีก็ยังสงสัยว่าทำไมคุณหญิงไม่ทราบ”
คุณหญิงศรินทิพย์ปรี๊ด รู้สึกว่าโดนตอกหน้าแตก
“นี่ ฉันถามแค่ไหนก็ตอบแค่นั้น ไม่ต้องแสดงความเห็น”
ศรีหุบปากจ๋อยไป อารดาโวยวาย
“แต่พวกเธอก็ยังรุมคนของฉันอยู่ดี”
จีรณัทย์ขัดขึ้น
“ภาพยืนยันอยู่นะอารดา ว่าคนของคุณแม่แค่เต้นระบำ ไม่ได้ทำอะไรสมรกับหวิน”
คุณหญิงศรินทิพย์เห็นว่าขืนปล่อยยาวไปเรื่องจะพัวพันมาถึงตัว
“เอาละๆ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ก็เลิกแล้วกันซะ” คุณหญิงศรินทิพย์หันไปสั่งกลุ่มศรี “พวกแกทั้งหมด สมรกับหวินด้วย ไปช่วยกันทำห้องคุณอารดาให้สะอาดให้หมดคืนนี้เลย เอาน้ำยาฆ่าเชื้อโรคถูด้วย”
อารดารีบบอก
“แต่ดาไม่กล้านอนห้องนั้นแล้วนะคะคุณแม่ ดาขอห้องใหม่นะคะ”
กลุ่มแจ๋ว จิ๋ม แหวว แอบจีบปากจีบคอพูดเลียนอารดาโดยไม่มีเสียง โดนศรีหยิกแล้วดุดันให้ไป ทั้งกลุ่มออกไป สมรกับหวินตามหลังไปห่างๆ กลัวโดนจี้ คุณหญิงศรินทิพย์ซ่อนความรำคาญอารดา
“จีดูให้ด้วยแล้วกัน”
“ค่ะ...ไปจ้ะ ไปดูห้องใหม่กัน”
จีรณัทย์กับอารดาออกไป เจตรินหันไปสั่งอิริน่า
“อิริน่ากลับไปห้องก่อนนะเดี๋ยวผมตามไป”
“ค่ะ”
“อย่ามีเรื่องอีกนะครับ”
อิริน่าเหล่
“ผมขอร้อง”
“จัดให้...หนึ่งครั้ง”
อิริน่าออกไป เจตรินมองตามยิ้มเอ็นดูผสมระอา ในห้องเหลือคุณหญิงศรินทิพย์กับเจตรินสองคน เจตรินหันไปหาแม่ คุณหญิงศรินทิพย์เมิน เดินหนี
“คุณแม่ครับ”
คุณหญิงศรินทิพย์หยุดแต่ไม่หันมา เจตรินเดินไปประจันหน้า คุณหญิงศรินทิพย์เมินไม่มอง เจตรินมองแม่สักครู่แล้วคุกเข่าลงกราบเท้า คุณหญิงศรินทิพย์ใจอ่อนยวบแต่ยังยืนเฉย เจตรินเงยขึ้น
“ผมกราบขอโทษที่ล่วงเกินคุณแม่ คุณแม่อภัยให้ผมด้วยนะครับ”
คุณหญิงศรินทิพย์นิ่งสักครู่ ยังทำเสียงมึนชา แต่ใจยกโทษไปแล้ว
“แม่เป็นแม่นี่ จะไปอาฆาตจองเวรอะไรลูกล่ะ แล้วก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องลาออกจากงานให้ได้ยินอีกนะ”
เจตรินดีใจ ลุกขึ้นกอดแม่นิ่มนวล
“ขอบพระคุณครับคุณแม่”
คุณหญิงศรินทิพย์น้ำตาซึม

ทุกคนถืออุปกรณ์ทำความสะอาดคนละอย่างสองอย่าง
“ทำไมต้องเดือดร้อนเราด้วยว้า...มันต้องให้นังสองคนนั้นทำสิถึงจะถูก” แหวนบ่น
จิ๋มเสริม
“เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง ดันโดนคุณหญิงเอากระดูกเน่ามาแขวนคอพวกเราอีก”
ศรีตีปากจิ๋ม
“นี่แน่ะว่าเจ้านาย กระดูกแขวนคอยังดีกว่ากระดูกยัดปากมั้ยล่ะ”
แจ๋วท่าทางเบื่อๆ
“ทำถึงสว่างจะเสร็จมั้ยเนี่ย โฮ่ย...อะไรก็ไม่เซ็งเท่าอดดูละครอะ”
ทั้งหมดบ่นกันไปต่างๆนานา

ห้องใหม่ของอารดาเป็นห้องชุด มีห้องเล็กอยู่ติดกัน ประตูเปิดถึงกัน อารดาเดินสำรวจห้องอย่างพอใจมากมีกระเป๋าเดินทางวางเรียงกันอยู่แล้ว 6-7 ใบ สักครู่สมรกับหวินหิ้วกระเป๋าเข้ามาอีกคนละใบ
“ห้องนี้เป็นห้องชุด ดีเลยพวกแกจะได้มีห้องอยู่ไม่ต้องไปอยู่รวมกับพวกข้างล่างให้มันรุมจี้แกบ้าจี้จนช็อกตาย”
สมรกับหวินดีใจ
“ค่ะ”
“กระเป๋าฉันหมดหรือยัง”
สมรกับหวินปาดเหงื่อมันเยอะเหลือเกิน
“ยังค่ะ”
“งั้นก็รีบไปขนๆ มา ฉันจะอาบน้ำ ใครก็ได้คนนึงอยู่จัดเสื้อผ้าฉันเข้าตู้แต่ตอนนี้เอาชุดนอนกับเครื่องอาบน้ำล้างหน้าออกมาให้ฉันก่อน”
สมรกับหวิน เกี่ยงกันไปยกกระเป๋า แบบ แกไปสิ อีกคนก็แกไปสิ อารดาหันมาแว้ด
“นี่”
สมรกับหวินสะดุ้ง
“เกี่ยงกันนักก็ช่วยกันหาของให้ฉัน แล้วไปช่วยกันยกกระเป๋าต่อทั้งสองคน”
สมรกับหวิน แป่ว

จิตรดาราอยู่ในชุดนอนกำลังคุยมือถือกับเพื่อน หน้าตาฉ่ำชื่นแบบคนกำลังพบรักใหม่
“ทุกอย่างเป๊ะหมดเลยแก หล่อ รวย เก่ง อีกสักพักจะพาไปแนะนำ...ขออภัยในความไม่สะดวกล่วงหน้าละกัน คนกำลังอินเลิฟ ก็ต้องหายเงียบไปบ้าง ช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์นี่หว่า พวกแกต้องเข้าใจเพื่อนด้วย”

จิตรดาราลงนอนตาหวานฉ่ำมองเพดานห้อง ยังฟังเพื่อนพูด สุขยิ่งนัก

เจตรินเปิดประตูเข้าห้อง รู้สึกห้องเงียบ ไม่มีความเคลื่อนไหว เจตรินเรียกเบาๆ
“อิริน่า”
เจตรินเดินถึงข้างเตียงแล้วขำ อิริน่าหลับกองอยู่ที่พื้นห้อง เจตรินปลุก
“อิริน่า”
อิริน่าลุกพรวด เจตรินกระโดดโหยงหลบไว้ก่อน อิริน่าขำ
“กลัวฉันขนาดนั้นเลย”
“กลัวไม่กลัวก็หลบไว้ก่อน คุณมันสาวนักบู๊นี่ มือหนักด้วย เดี๋ยวฟาดมาแขนขาผมหักจะว่าไง”
อิริน่าวางหมอนบนเตียงแล้วทำท่าจะไป
“จะไปไหนครับ”
“ไปห้องพี่จีค่ะ”
เจตรินพูดนุ่มนวล ขอร้อง
“นอนห้องนี้ไม่ได้เหรอ”
อิริน่าทำท่าสยองน่ารักๆ เจตรินขำ
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า คุณอย่าทำอะไรผมก็แล้วกัน”
“จะทำ”
อิริน่าซัดเจตรินโครม เจตรินไม่ทันตั้งตัว โดนเข้าเต็มๆ เซ ฉวยอิริน่าด้วยสัญชาตญาณจะไม่ให้ตัวเองล้ม เลยล้มไปบนเตียงด้วยกันทั้งคู่ เป็นนอนตะแคงมองตากัน สองคนมองกันเหมือนต้องมนต์สักครู่ เจตรินเป็นฝ่าย ลุกออกก่อน
“ขอโทษ”
อิริน่ายิ้มให้แบบไม่เป็นไร
“ค่ะ”
“ตกลงนอนนี่นะ”
“ค่ะ...เอ๊ย พูดผิด”
“ไม่ทันแล้ว พูดใหม่ไม่ได้แล้ว ไม่รับฟัง”
เจตรินจัดหมอนแบบพิงพนักเตียง ตัวเองเอนกึ่งนั่งกึ่งนอน ตบๆ ที่ข้างตัวแบบให้อิริน่ามานอน
“สิครับ”
“ยังไม่ง่วงค่ะ”
“แล้วตะกี้ใครหลับ”
“ก็หลับไปบ้างแล้วสิคะถึงไม่ง่วง”
เจตรินหยิบรีโหมดที่หัวเตียงมากดเปิดทีวี
“งั้นมาดูทีวีกัน”
ภาพในจอเป็นการ์ตูน อิริน่าชอบ
“อุ๊ยๆ เอาช่องนี้แหละค่ะ ฉันชอบดูการ์ตูน”
อิริน่าไปนั่งขัดสมาธิข้างเจตริน ดูการ์ตูนอย่างชอบมาก เจตรินมองอิริน่ายิ้มเอ็นดู นับวันจะถูกใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้นๆ

เช้ามืด เจตรินกับอิริน่าหลับสบาย อิริน่านอนหนุนแขนเขากอดเขา เจตรินกอดแขนของเธอข้างที่กอดตัวเอง เสียงนาฬิกาปลุก สองคนตื่นพร้อมกัน เจตรินเอื้อมกดปิดเสียงนาฬิกา อิริน่ายังกอดเจตรินอยู่ เจตรินอมยิ้มชอบใจ รู้สึกสดชื่นสุขใจครึ้มใจ อิริน่าดีดตัวออกผึง โวย เมื่อรู้สึกว่าแนบชิดเจตรินมาก
“ฮึ้ย อะไรนี่ เรื่องไรต้องกอดฉันด้วย”
“อ้าวคุณ คุณนั่นละกอดผม นอนหนุนแขนผมทั้งคืนอีก เหน็บกินหมดแล้วเนี่ย จะกลายเป็นอัมพฤกษ์มั้ยเนี่ย”
“ไม่ต้องทำเป็นโวยเลย แช่งให้เป็นวันนี้เลย”
อิริน่าสำรวจตัวเองว่ามีอะไรสึกหรอหรือผิดปกติบ้างไหมเจตรินขำ รู้ว่าอิริน่าคิดอะไร
“โหย...คุณ ตอนหลับน่ะไม่รู้เรื่องกันหรอก ใครจะไปทำอะไรคุณได้ แต่ตอนตื่นนี่ละที่มันจะสป๊าร์ก”
อิริน่าอายมาก ปาหมอนใส่ เจตรินรับได้ โยนกลับมา อิริน่าปาหมอนอีก
“บ้า...คนบ้า”
เจตรินหนีเข้าห้องน้ำ ยังไม่ปิดประตู โผล่ออกมาอีก
“แล้วถ้าใครจะบึ้มใครอะนะ น่าจะเป็นคุณมากกว่า คุณกอดผมแน่นทั้งคืนเลย”
อิริน่าอายมาก
“คนผีทะเล”
อิริน่าเอาหมอนฟาด แต่ตัวเองเสียหลักเอง ตกเตียงโครม หน้าทิ่มพื้น ดีที่มีหมอนรอง
“เหวอ...เย้ย”

เจตรินขำสุดๆ หัวเราะเต็มที่ อิริน่าก็ขำตัวเอง นอนหัวเราะ สองคนหัวเราะสดชื่นสุดๆ
 
จบตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น