xs
xsm
sm
md
lg

พายุเทวดา ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พายุเทวดา ตอนที่ 7

ด้านพัน ธง ศรซุ่มอยู่ มนต์ขี่รถมาก่อน ศรกับธงจะยิง แต่พันห้ามไว้

“อย่า”
ศรงง “ทําไมวะ”
มนต์ขี่รถเข้าวัดไปแล้ว ศรกับธงหัวเสีย มองอย่างเสียดาย
“ไอ้พัน มึงบอกสิว่าทําไม”
“พวกมึงแน่ใจเหรอว่าไอ้ปืนในมือมึงจะต้านพลังเทวดา ของมันได้ ขนาดมนตราปักษียังทําอะไรพวกมันไม่ได้เลย..ปล่อยให้เป็ นหน้าที่ของอาจารย์คล้ามกับไอ้ฤทธิ์ ดีกว่า”
ธงกับศรพยักหน้า “ก็จริงของมึงไอ้พัน” ศรบอก
สิงห์ขี่รถผ่านทั้งสามซึ่งซุ่มอยู่ข้างทางเข้าไปในวัดอีก
สามชั่วมองอย่างเสียดาย พันบอก “ข้าว่าเรากลับกันเถอะ...เราให้เวลาไอ้ฤทธิ์มากแล้ว ข้าอยากดูว่ามันจะมีน้ำยาทําอะไรบ้าง ฮึ ป่านนี้คงนอนอุตุไปแล้วมั้ง”
“ถ้าเป็นอย่างเอ็งว่า...กูนี่แหละจะส่องมันด้วยปืนกระบอกนี้” ธงว่า
ทั้งสามคนถือปืนวิ่งไปตามแนวที่ซุ่มอยู่ ท่าทางระวังตัว

ทุกคนคุยหารือกันอยู่ มนต์คิดแล้วเอ่ยขึ้น “มันจงใจหลอกเราแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าหลอกเพื่ออะไร”
สิงห์ฉงน “หมายความว่าไงวะมนต์”
“ถ้าไม่อยู่ตรงนี้ มันอาจทําร้ายหลวงปู่ แต่ถ้าเราอยู่พวกมันอาจไปก่อเรื่องที่อื่น” มนต์บอก
เดชคิดตาม “มนต์พูดน่าคิด ถ้างั้นเราต้องแบ่งกันเป็นสองฝ่าย”
“เห็นด้วยว่ะ ข้าจะอยู่ดูแลหลวงปู่ เอง อยู่กับน้าบุญกู้ก็ได้” ก้องว่า
สิงห์มองหน้าทุกคน “มนต์ นายมีพลังเวหา เรียกหมอกเรียกลมได้ นายไปกับเดชมันเถอะ..ข้าจะอยู่ทางนี้เอง”
มนต์ฉุกคิดหันไปบอกสิงห์ “ไอ้สิงห์...เอ็งกลับบ้านดีกว่า บางทีมันอาจจะลวงเราเพื่อหวังผลร้านพ่อตาเอ็งก็ได้”
สิงห์ได้คิดพยักหน้า “เออจริง”
เดชเห็นด้วย “เอ็งกลับไปเถอะสิงห์...ทางนี้ข้าอยู่กับไอ้ก้องเอง...ส่วนมนต์ นายก็กลับบ้าน ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ส่งกระแสจิตมา”
สิงห์กับมนต์พยักหน้า ต่างขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป เดช ก้อง และบุญกู้มองตามสีหน้ายังกังวลอยู่

สิงห์เปิดประตูเข้าร้านมา เปียเป็นคนเปิดประตูรับ กอดสิงห์ไว้แน่น
“พี่สิงห์”
“ไม่มีอะไรแล้วละ ไปนอนเถอะเปีย”
เปียกับสิงห์เดินไป เป้ายืนอยู่มุมหนึ่ง เปียหันไปถาม
“ฉันนึกว่าพ่อนอนแล้วซะอีก”
สิงห์เดินผละเข้าห้องนอนไป เป้าพูดกับเปีย “พ่อหวังว่าเอ็งจะไม่ทําอะไรให้พ่อเสียใจนะ”
“แต่ถ้ามันฆ่าพ่อล่ะ” เปียท้วง
“เกิดหนเดียวตายหนเดียว ทําไมต้องกลัว”
เป้าพูดอย่างไม่ยี่หระ มองหน้าเปีย แล้วเดินกลับเข้าห้องไป เปียยืนตะลึง

มนต์เข้ามาในบ้านสน ทั้งสามดีใจ แสงดาวทักก่อนใคร “พี่มนต์ เป็นไงบ้าง”
“มันยิงปืนขู่ ยังไม่รู้ว่าพวกไหน...แล้วต้องการอะไร” มนต์บอก
“จะพวกไหนล่ะ ก็พวกไอ้ฤทธิ์น่ะแหละ...นี่มันวิธีการของโจรแท้ๆ สันดานโจรมันถึงทําแบบโจรได้”สนว่า
แสงจันทร์เป็นห่วงมนต์ “พี่มนต์ไม่เป็นอะไรนะ”
“ไม่...แต่พี่ว่าเดี๋ยวจะออกไปข้างนอก”
แสงจันทร์กังวล “ทําไม...พี่ ไม่กลัวเหรอ”
มนต์ส่ายหน้า “เทวาไม่อยู่ พี่ฤทธิ์ก็หลงผิดไปเป็นพวกของมันแล้ว...เหลือพี่คนเดียวที่มีพลังเวหา พอจะช่วยคนอื่นได้ พี่ว่าจะออกไปลาดตระเวนดู ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะ...อยู่กับพ่อ อย่าออกไปไหนนะ”
มนต์ออกไป ทุกคนมองตามด้วยความเป็นห่วง
สนบ่นอุบ “นับวันเกาะมุกอยู่ยากขึ้นทุกที”

สิงห์นอนกอดเปียอยู่ในห้องนอน ส่วนเปียยังไม่หลับนอนมองเพดานหน้าเครียด สุดท้ายเปียค่อยๆ เอาแขนสิงห์ที่กอดตนอยู่ออกอย่างแผ่วเบา
สิงห์ยังคงนอนหลับสนิท เปียย่องออกมา
เปียเปิดประตูออกไป จูงมอเตอร์ไซค์ออกไป พอเลยบ้านไปจึงสตาร์ทเครื่องเพื่อไม่ให้พ่อกับสิงห์ได้ยิน

รถแล่นไปในความมืด

ขณะที่มนต์ขี่มอเตอร์ไซค์สวนทางกับเปีย เห็นว่าเปียร้องไห้

“เปีย...เปีย” มนต์ร้องเรียก
เปียไม่ยอมหันไปทําเป็นไม่ได้ยิน มนต์เหลียวมอง หน้าเสียไป

ฤทธิ์ยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน กอดอกดูเปียขี่รถเข้ามากระหยิ่มใจ
“ยินดีต้อนรับจ้าคนสวย”
เปียร้องไห้ น้ำตาไหลพราก เดินเข้าไปหาฤทธิ์กางแขนจะกอด เปียหยุด
“สัญญาได้มั้ยว่าถ้าฉันยอมพี่แล้ว พี่ต้องเลิกวุ่นวายกับพ่อฉันแล้วก็ที่ดินของฉัน”
“เดี๋ยวค่อยให้คําตอบได้มั้ย” ฤทธิ์บอกปัดๆ
เปียอึ้งไป ฤทธิ์เดินเข้าหาแล้วกระชากร่างของเปียเข้ามา กอดจูบ
พัน ธง และศร โผล่หน้าออกมาแล้วมองหน้ากัน
เปียดิ้นรนขัดขืน ฤทธิ์กอดรัด เปียจะร้อง ฤทธิ์ต่อยท้อง เปียทรุดลงไป หน้านิ่ว ทั้งเจ็บทั้งจุก ฤทธิ์อุ้มเปียขึ้น พัน ธง ศรออกมา
“นี่เหรอวะวิธีการได้ร้านไอ้เป้ามา” ศรแขวะ
“คิดจะเป็นลูกเขยไอ้เป้าเหรอวะไอ้ฤทธิ์” พันว่า
“กูจะคอยดูว่ามึงจะทํายังไง” ศรจ้องหน้า
ฤทธิ์มองหน้าทั้งสามคน “พวกมึงออกไป หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้ามาสอด”
ฤทธิ์อุ้มเปียผ่านหน้าทั ้งสามคนไป ทั้งสามมองตาม ด้วยสายตาหื่นๆ
“อิจฉามันว่ะ” พันว่า

ฟากสิงห์ตื่นขึ้นไม่เห็นเปียก็ร้องเรียกหา “เปีย...เปีย...”
สิงห์เดินออกมาตามหา

เป้าถามเสียงสั่นหน้าซีด “อะ...เอ็ง...เอ็งว่ายังไงนะ”
“ฉันบอกว่าเปียหายไป หาทั่วบ้านแล้ว...เปียไปไหน” สิงห์ว่า
เป้าร้องไห้โฮ “นังเปีย ทําไม...ทําไม..ฮือๆ”
สิงห์ตกใจ “เกิดอะไรขึ้นพ่อ...หา พ่อบอกฉันสิ”
เสียงเรียกของมนต์ดังขึ้น “สิงห์...ไอ้สิงห์...ไอ้สิงห์”
สิงห์ผลุนผลันจากเป้าออกไปหามนต์
สิงห์ตกใจเมื่อได้ฟังความจากมนต์ “จริงหรือมนต์”
“ข้าว่าเมียเอ็งไปบ้านพี่ฤทธิ์ รีบตามไปเถอะ”
ทั้งสองออกไปอย่างร้อนใจ เป้ายืนอยู่มุมหนึ่ง ร้องไห้ ใจจะขาดรอนๆ
“นังเปีย..ฮือๆๆ นังเปีย...พ่อเสียใจที่ปกป้องลูกไม่ได้เอ็งไปหามัน เพราะเอ็งรักพ่อ...เอ็งหลงกลไอ้คนชั่วพ่อเสียใจ...ฮือๆๆ”
เป้าครํ่าครวญไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ ทรุดนั่งร้องไห้

ฝ่ายสิงห์กับมนต์ขี่รถคู่กันมาตามถนนบนเกาะมุก
“คอยดูนะมนต์ ถ้าเปียเป็นอะไรไป ข้านี่แหละจะเป็นศัตรูกับไอ้ฤทธิ์ไปจนวันตาย” สิงห์บอก
เป้าสะอื้นจนตัวโยน โยนเชือกคล้องกับขื่อ ยืนอยู่บนเก้าอี้แล้ว

เป้าใช้ขาผลักเก้าอี้ล้มลง เห็นขาของเป้ากวัดแกว่งเหนือพื้นบ้านไปมา ไม่รู้เป็นหรือตาย
 
อ่านต่อหน้า 2

พายุเทวดา ตอนที่ 7 (ต่อ)

มนต์กับสิงห์ขี่รถเข้ามาในบ้านของฤทธิ์ พัน ธง ศรออกมาจากในบ้าน พร้อมปืนในมือ ศรขู่

“หยุดอยู่ตรงนั้นนะโว้ย ไม่งั้นละก็หัวระเบิด สมอง กระจายแน่”
ธงถาม “มาทําไมวะ”
สิงห์กับมนต์ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ สิงห์ตะโกนเสียงดัง
“เปีย...เปีย...ออกมาหาพี่ พี่มารับกลับบ้าน”
พัน ธง ศรหัวเราะกันครืน พันเยาะ “มาตามเมียเหรอวะ ทําไมมาตามที่นี่ล่ะวะ..เมียหาย...ก็เลยมาแจ้งกํานัน...โถๆๆๆ”
มนต์ตวาดสวนไปทันที “เปียอยู่ที่นี่...ข้าเห็น ข้าสวนทางกับเปียมัน..เอาเปียส่งมาที่นี่..เร็ว...ไอ้ฤทธิ์
อยู่ไหน”
สิงห์ตะโกนลั่น “ไอ้ฤทธิ์...ไอ้ฤทธิ์ ไอ้พี่นอกคอก...ออกมาสิวะ ไอ้ขี้ขลาดเอาเมียกูมา...ไอ้ฤทธิ์”

เปียตกเป็นฤทธิ์นั่งร้องไห้ติดกระดุมอยู่ ฤทธิ์เปิดม่านห้องนอนดู เห็นมนต์กับสิงห์ยืนอยู่หน้าบ้าน ฤทธิ์หันมาหาเปีย
“ออกไปหามัน...แล้วก็บอกว่าเธอเป็นเมียฉันแล้ว เธอจะอยู่กับฉัน พูดยังไงก็ได้ที่ให้มันกลับไป ไม่งั้นเธอตายแน่”
เปียตกใจ เมื่อเห็นฤทธิ์จ้องหน้าดวงตาถมึงทึง ตวาดใส่หน้า
“ออกไป อย่าให้มันตะโกนด่าฉันมากนัก ฉันยังไม่อยากได้พรจากมัน...ไป”
เปียสะอึกสะอื้น ฤทธิ์โมโหกระชากแขนแล้วดันตัวออกจากห้อง
“อย่าเรื่องมาก”

เปียออกมา มีฤทธิ์คุมมาด้วย ฤทธิ์จับแขนเปียไขว้หลังแล้วดันตัวมา
“เปีย ไอ้ฤทธิ์ ปล่อยเมียกูมานะ..ปล่อยเมียกู”
สิงห์กระโดดขึ้นมา มนต์จับตัว แต่สิงห์สะบัด พัน ธง ศรยกปืนขึ้นพร้อมเหนี่ยวไก
ฤทธิ์กระซิบขู่เปีย “อยากเห็นผัวเก่าตายใช่มั้ย...เธอนี่มันร้ายน่าดูนะ...เกิดรักฉันขึ้นมาแล้วสิ”
สิงห์ยืดอกมองมาที่เปีย “เปีย มาหาพี่...มาสิ ไอ้ฤทธิ์มันทําอะไรเปีย บอกพี่พี่จะฆ่ามัน”
มนต์ตกใจ “สิงห์”
“มนต์ แกอย่ายุ่ง” สิงห์บอก
สิงห์ก้าวมา พัน ธง ศรเล็งปืนใกล้เข้า
เปียเอ่ยขึ้นเสียงสั่น “กลับไป...กลับไป” แล้วร้องไห้ออกมา “ไปสิ..ฉันไม่อยากอยู่กับพี่แล้ว พี่มันคนไม่มีอนาคต ไม่ทํางานทําการ ฉันมีผัวใหม่แล้ว”
สิงห์ตกใจ เช่นเดียวกับมนต์ ฤทธิ์หัวเราะหยัน “เป็นไงไอ้สิงห์ ผู้หญิงน่ะรักความสบายทั้งนั้นแหละ มึงมีอะไรล่ะ...ลอยชายไปมา วันๆ เอาแต่เกาะพ่อตากิน...นังเปียมันฉลาด มันรู้ว่าเป็นเมียไอ้ฤทธิ์แล้วจะสุขสบายไปทั้งชาติ”
สิงห์ไม่เชื่อ “เปีย ไม่จริงใช่มั้ย...มันข่มขู่เปียใช่มั้ย”
สิงห์ดึงดันเข้าไปหาเปียให้ได้ เปียร้องไห้ ตะโกนทั้งน้ำตา
“ไป...ไปสิ...ฉันเกลียดพี่...ฉันเกลียดพี่”
สิงห์ตกใจ “เปีย”
ฤทธิ์สะใจหัวเราะร่า มนต์มองอย่างไม่ไว้ใจกลุ่มของฤทธิ์
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยวะไอ้สิงห์ ผู้หญิงเขาบอกว่าเกลียดแล้ว เอ็งยังจะเอาเขากลับไปอีกทําไม..หรือว่าไม่ถือสาที่นังเปียมันเป็นเมียกูแล้ว”
“ไอ้ฤทธิ์”
สิงห์ชกหน้าฤทธิ์ โดยที่ฤทธิ์ไม่ทันได้ระวังตัว พัน ธง ศรเข้ามาเตะถีบ รุมสิงห์ มนต์กระโดดขึ้นไปชกต่อยสู้กับทั้งสามคน เปียร้องไห้โฮเสียใจที่ทําอะไรลงไป
“ที่รักจ๊ะ หมากัดกันจะยืนอยู่ให้เห็บหมัดมากระโดดมาเกาะหรือไง...ไป”

ฤทธิ์รวบตัวเปียไว้ในอ้อมกอด ลากกลับเข้าไปในบ้าน

สิงห์มองภาพนั้นด้วยความสะเทือนใจ

“เปีย”
เป็นจังหวะที่กลุ่มของพันอัดสิงห์จนลงไปกอง
“พอแล้ว..กูบอกให้พอ...สิงห์มึงจะยอมมันหรือไงวะ”
สิงห์ได้สติ โกรธจัด ต่อยพัน ธง ศร มีประกายไฟออกมาจากหมัด ทั้งหมดล้มลงไปกองที่พื้น มนต์ประคองสิงห์ออกมา
“ไหวมั้ยไอ้สิงห์”
สิงห์พยักหน้า หันกลับมาทางบ้านฤทธิ์
“ไอ้ฤทธิ์ มึงกับกูเป็นศัตรูกันตลอดชาติ”

พระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้าไกล ขณะมนต์กับสิงห์ขี่รถมาหน้าร้านเป้า สภาพสิงห์ยังร้องไห้อยู่ตาแดง ทั้งสองคนเห็นคนยืนออกันที่หน้าร้านของเป้าเต็มไปหมด
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
มนต์กับสิงห์จอดรถ เห็นชาวบ้านอุ้มศพของเป้าออกมา
สิงห์ตกใจสุดขีด “พ่อ...พ่อ ๆๆ พ่อเป็นอะไร”
นที แสงจันทร์ แสงดาว ประสิทธ์ยืนซึมอยู่
“น้าเป้าผูกคอตาย มีชาวบ้านไปแจ้งลุงสน พวกเราก็เลยรีบมา” หมอนทีบอก
สิงห์ร้องไห้โฮกอดศพเป้า “พ่อๆๆ ทําไมพ่อทําอย่างนี้”
สนสงสัย “แล้วนังเปี ยไปไหน”
มนต์ตัดบท “เรื่องมันยาวพ่อ...แต่ฉันไม่แน่ใจหรอกว่าเปียจะมางาน ศพพ่อตัวเองได้หรือเปล่า”
แสงจันทร์คาใจ “หมายความว่ายังไงพี่มนต์ เปียไปไหน..หา เปียไปไหน”
มนต์ไม่ตอบ “เอาศพน้าเป้าไปวัดก่อนเถอะ”
สิงห์ร้องไห้โฮๆ วิ่งเข้าไปในร้าน คว้าขวดเหล้ามาแล้วยกดื่มพรวดๆ
ประสิทธิ์ร้องห้าม “ไอ้สิงห์ เดี๋ยวเอ็งก็ตายอีกคนหรอก”
แสงดาวหันมาถามมนต์เสียงเครียด
“พี่มนต์ เปียมันไปไหน ทําไมมันถึงปล่อยให้พ่อผูกคอตาย...หา”
มนต์ซึมไป “อยู่บ้านกํานันฤทธิ์”
สนตกใจไม่ต่างจากกว่าคนอื่น “อะไรนะ อยู่กับไอ้ฤทธิ์ เรื่องมันยังไงวะมนต์”
สิงห์ครูดตัวลงกับพื้น ขวดเหล้ากลิ้งไปทางหนึ่ง เหล้าหมดขวด
“เปีย...เปีย เมียพี่ ทําไมถึงเป็นยังงี้ไปได้ พี่รักเปียนะ พี่จะไม่ยอมให้ใครเอาเมียพี่ไป..พี่จะฆ่ามัน..พี่จะฆ่ามัน”
ฤทธิ์นั่งอยู่ในเรือที่ลอยอยู่กลางทะเล ธง ทําหน้าที่ขับเรือ เปียถูกมัดมือนั่งอยู่ที่พื้น ร้องไห้จนตาบวม
พันกับศรมองเปียด้วยสายตาหื่นๆ พันถาม “ไม่ได้รักมันใช่มั้ยนายฤทธิ์” ฤทธิ์ไม่ตอบ “ถ้าไม่รักก็คงไม่หวง”
ศรว่า “นึกว่าแบ่งกันกิน...คงไม่เป็นไรนะนายฤทธิ์”
พัน ศร หัวเราะกัน ฤทธิ์หน้าเครียด ตวาดกลับไป
“เรื่องนี้ให้คุณหยาดตัดสินใจก็แล้วกัน...ฉันต้องรายงานทุกสิ่งทุกอย่างให้เสี่ยรู้ก่อน...อย่าทําอะไรนังเปียมัน”
ศรเย้า “อ้อ..หวง...” หันมาทางพัน “เฮ้ย..มันหวงโว้ย”
พันบอก “ยังไงก็ไม่มีทางรอดมือเราไปได้หรอก”
เปียโกรธจัด พันเข้ามานั่งข้างๆ เปีย เชยคางขึ้น
“น่ารักจริงๆ เลย”
ขาดคําเปียก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าพันทันที พันป้ายน้ำลายออกจากหน้าแล้วตบหน้าเปียอย่างแรง
เปียล้มลงไป ร้องไห้ พันจะตามซ้ำ ฤทธิ์เข้ามาห้าม
“พอ..บอกแล้วใช่มั้ยว่าส่งตัวนังเปียให้คุณหยาดก่อน”

พันสะบัดออกห่างจากฤทธิ์ มองฤทธิ์ตาขวาง อย่างประกาศตัวเป็นศัตรู

อ่านต่อหน้า 3

พายุเทวดา ตอนที่ 7 (ต่อ)

ทั้งสองคนพากันยืนรอดารินอยู่ที่สถานีขนส่ง เทวาออกอาการว้าวุ่นกระวนกระวาย ท่ามกลางผู้คนที่เดินไปมา เทวากับปลาดุกมีกระเป๋าเดินทางมาด้วย

“ทําไมยังไม่มาอีก” เทวาบ่น
ปลาดุกย้ำ “รินนัดตรงนี้”
“แน่นะ”
“เออสิ”
“อีกครึ่งชั่วโมง รถก็จะออกแล้ว ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพรุ่งนี้เลยนะ เอาไงดี”
ปลาดุกมองไปที่ตู้โทรศัพท์ “เดี๋ยวฉันมา”

โทรศัพท์มือถือของดารินที่อยู่ในบ้านดังขึ้น แต่ไม่มีคนรับ

ปลาดุกออกมาจากตู้โทรศัพท์ ตรงมาหาเทวา
เทวาหงุดหงิด “ถ้าเขาไม่มาก็ไม่น่าหลอกเรา...ไปขึ้นรถเถอะไม่รอแล้ว”
เทวาคว้ากระเป๋ าเดินนําไปก่อน ปลาดุกจําใจตามไป ปลาดุกยังเหลียวมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นแม้เงาของดาริน ปลาดุกบ่นเบาๆ
“ทําไมหลอกกันล่ะริน”

ที่แท้เวลาเดียวกันนี้ ดารินอยู่ที่โรงพยาบาล มองตามบุรุษพยาบาลเข็นเตียงของมณีเข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลตามไปติดๆ บุญเกิดยืนข้างๆ สีหน้าเศร้าพอกันมองประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดลง ดารินนั่งลงอย่างหมดแรง บุญเกิดนั่งลงข้างๆ
“แม่เป็นยังงี้ รินยังจะไปอีกเหรอ”
“รินนัดเพื่อนไว้ จะไปเกาะมุกด้วยกัน แต่เมื่อแม่ตกบันไดรินก็ต้องเลือกแม่ค่ะอาบุญเกิด”
“ดีแล้วละ...แม่ตื่นขึ้นมาจะได้เห็นหนู”
ดารินเหลียวมองไปที่ห้องฉุกเฉิน น้ำตาคลอ หันมาทางบุญเกิด พูดเสียงเครือ
“ถ้าแม่ไม่ถูกพวกมันทําร้าย แม่ก็ไม่ตาบอด ยิ่งคิดรินก็ยิ่งแค้นค่ะอา”
บุญเกิดระบายลมหายใจ ไม่รู้จะพูดยังไง

เทวากับปลาดุกนั่งคู่กัน เห็นเบาะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามว่างเปล่า รถเคลื่อนออก เทวามองไปที่ด้านนอก สีหน้าของเทวาบ่งชัดว่าไม่พอใจ
ปลาดุกพูดอย่างลําบากใจ “ฉันว่า...รินเขาต้อง...เจอปัญหาอะไรสักอย่าง...แทนที่นายจะหงุดหงิด นายน่าจะเป็นห่วงรินนะ”
เทวาหันมาพูด น้ำเสียงไม่พอใจ “แล้วจะมีปัญหาอะไรเอาวันนี้ล่ะ วันอื่นทําไมไม่มี”
ปลาดุกเซ็ง “อ้าว ไอ้หมอนี่..ไหงพูดยังงี้ล่ะวะ”
“ก็จะพูด มีไรหรือเปล่า” เทวาพาล
“ทําไมนายไม่คิดบ้างว่ารถที่รินนั่งมาเกิดอุบัติเหตุ เขาต้องไปโรงพยาบาล”
เทวานิ่งไป “แล้วทําไมแกไม่เอามือถือมาวะ”
ปลาดุกด่า “อ้อ ทีนี้คิดได้นะ...เรื่องอะไรจะเอาไป ขืนเอามือถือไปพ่อก็โทรตามได้ดิ”
เทวาถอนใจ เริ่มเห็นจริงตามที่ปลาดุกพูด
เทวาทําท่าจะลุกขึ้น ปลาดุกยื้อไว้ เทวาบอก “ห่วงรินนักก็ลงสิวะไอ้ดุก”
“รู้เหรอว่าจะไปตามรินที่ไหน บ้านอยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย”
เทวานั่งลงอย่างเดิม มองออกไปนอกหน้าต่างหน้าหมองไปถนัดตา

ที่บ้านคงคา หยาดฟ้าหัวเราะพอใจ ปรบมือให้ฤทธิ์

“เก่งมากจ้ะนายฤทธิ์...เก่งๆๆ เก่งจริงๆ”
ฤทธิ์ยิ้ม คงคาชม “มันต้องได้อย่างนี้สิวะ นี่ต้องเรียกว่าไม่ได้ด้วยมนต์ก็ ต้องเอาด้วยเล่ห์ เพราะใช้มนต์ดําก่อนแต่ไม่ได้ผลใช่มั้ย ว่าไปเล่ห์เหลี่ยมนายฤทธิ์นี่แพรวพราวไม่ใช่เล่น...ฉันไม่ ผิดหวังเลยที่ได้นายฤทธิ์มาทํางานร่วมกันกับฉัน...บอก ไว้ตรงนี้เลยนะ ผลประโยชน์บนเกาะมุก ถ้านายฤทธิ์คิด ว่าจะทําอะไรแล้วได้เงิน ทําเลย เอาเงินเข้ากระเป๋า ขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้”
ฤทธิ์ยกมือไหว้ “ขอบคุณเสี่ยมากครับ”
คํารณมองเขม่นฤทธิ์ด้วยสายตาไม่ค่อยไว้วางใจ

เสียงร้องไห้ของเปียดังมา คํารณถาม “แล้วนี่จะเอายังไงกับนังนี่..ร้องไห้น่ารําคาญ”
“คุณคํารณอย่าทําอะไรเปียนะครับ อย่างน้อยก็ให้งาน ศพพ่อเธอเรียบร้อยก่อน”
คงคางง “อะไรนะ ไอ้เป้าตายแล้วเหรอ”
หยาดฟ้าฉงน “ล้อเล่นหรือเปล่านายฤทธิ์”
ฤทธิ์บอก “ไม่ครับ ผมได้ยินคนที่ท่าเรือพูดกัน น้าเป้าผูกคอตาย”
หยาดฟ้าหัวเราะสะใจ “นี่ไงคะเสี่ย โบราณเขาถึงว่าแข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนานี่แข่งกันไม่ได้...เสร็จงานศพไอ้เป้าแล้ว ก็หาทางบีบมาเป็นของเราก็สิ้นเรื่อง”
“ผมเตรียมไว้กํานัลคุณหยาดแล้วครับ” ฤทธิ์มองสบตาหยาดฟ้า “หนังสือสัญญา ปลอมลายเซ็นน้าเป้าก็สิ้นเรื่อง เปียก็หายสาบสูญ”
คงคาหัวเราะพอใจ “ฉลาดสมกับเป็นกํานัน...หัวสมองแบบนี้สิ ถึงเรียกว่าหัวผู้นำ”
คงคาปรายตาไปทางฤทธิ์ สายตาตรงข้ามกับน้ำเสียงที่กล่าวชื่นชม เป็นสายตาของความไม่ไว้วางใจ

ต่อมาคํารณยืนดักพ่ออยู่
“ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ยินพ่อชื่นชมคนอื่นมากยังงี้ มันทําให้ผมอดน้อยใจไม่ได้ว่าผมไม่มีความสําคัญ”
“ทําไมคิดยังงั้นล่ะคํารณ”
“คุณพ่อไม่เคยวางใจผม ไม่เคยให้ผมได้ทํางานใหญ่ๆ ชีวิตนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้รับคําชมจากพ่อ” คำรณตัดพ้อ
คงคาแตะไหล่ลูก ลดเสียงลง “เชื่ออะไรกับคําพูดของพ่อล่ะ ไอ้คําหวานๆ น่ะ ฆ่าคนมานักต่อนักแล้ว คนอย่างไอ้ฤทธิ์ มันไม่มีหัวนอนปลายเท้า พ่อแม่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ความภาคภูมิใจในชีวิตมันไม่มี เมื่อไม่มีเราก็จัดให้...แค่นี้มันก็ศิโรราบเป็นทาสเรา ใช้ให้มันทําอะไรก็ได้”
คํารณยิ้มเหี้ยม พยักหน้า “ผมพอเข้าใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทําไมพ่อต้องชื่นชมมันถึงขนาดนั้น”
“คํารณ ลูกก็เห็นนี่ว่าวิชาของไอ้คล้ามมันไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย เสียแรงที่นับถือมันเป็นอาจารย์...ตอนนี้มันช่วยเราได้ ก็ชมๆๆ มันไปก่อน” เสี่ยถอนใจ “พ่อเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเชื่อวิชาอาคมของไอ้คล้ามได้แค่ไหน”

ในถ้ำที่เกาะหัวสิงห์ ศพของคล้ามลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หันมาสีหน้าน่ากลัว
“มึงไม่มีความเคารพกูเลย...คิดว่ากูไม่รู้เหรอ”
ร่างของคล้ามวูบไปที่ผนังถ้ำ เห็นแสงทองในถ้ำระยิบระยับราวกับมีชีวิต คล้ามร่ายเวทมนตร์ พลันงูจํานวนมากก็เลื้อยออกมา แล้วกลายเป็นเงาดําจํานวนมาก
“จงไปสิงอยู่ในบ้านของมัน...อย่าทําให้มันมีความสุขให้มันต้องพึ่งพาอาคมของข้าตลอดไป”

อาจารย์คล้ามเป่ามนต์ เงาดําวูบหายไปพลัน

ในขณะที่พร้อมกวาดบ้านอยู่ เห็นเงาดําวูบไปมา สีหน้าหวาดๆ

มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเปียดังมาเบาๆ พร้อมตัดสินใจวางไม้กวาดแล้วย่องขึ้นบันไดมา

เปียร้องไห้ไม่หยุด หวานใจโมโหเข้ามากดหัวเปียลงบนเตียง
“ถ้าแกไม่เงียบนะ ฉันจะบีบคอแกเดี๋ยวนี้”
เปียสะบัด “อย่ามายุ่งกับฉัน...ฉันจะกลับไปหาพ่อ”
หวานใจเยาะ “จะไปสวรรค์หรือนรกดีล่ะ ที่ไหนนะที่พ่อแกอยู่
เปียถีบหวานใจทันที “แกอย่ามาแช่งพ่อฉันนะ”
หวานใจโมโห “นังนี่วอน...ทํานังหวานเจ็บ อยากเจอดีใช่มั้ย”
หวานใจกระชากผมของเปียขึ้น จนหน้าเปียแหงนหงาย
“สวยนักใช่มั้ย...ถ้าขืนฤทธิ์มากละก็ ฉันจะเอามีด กรีดหน้าแกให้เสียโฉมเลย”
พร้อมผลักประตูเข้ามา “อะไรกัน”
พร้อมมองเปียด้วยความตกใจ หวานใจปล่อยมือจากเปีย
“นังเปียเป็ นเชลยของเสี่ย...ให้ฉันเอามันมาขังไว้ในห้องนี้รู้ยังงี้แล้วก็อย่ายุ่ง...ไป๊...ไปสิ”
พร้อมปิดประตูอย่างแรง แล้วเดินไป หวานใจหันมาขู่เปีย
“ถ้าแกขืนร้องไห้ หวังจะให้คนมาช่วยละก็คิดผิด นังเปีย”
หวานใจหันไปคว้าผ้าจะมาผูกปากเปีย แต่เปียถลาไปที่ประตู จะเปิดออกไป หวานใจดึงไว้ได้ทัน ผลักไปที่เตียง ตบหน้าซ้ายขวา ตะคอก “ถ้าแกเจอคุณหยาดนะ แกจะเจ็บตัวมากกว่านี้...จําไว้”
หวานใจใช้ผ้ามัดปากเปีย

ที่เรือนเล็กของกานดา สองบ่าวนายหารือกันสีหน้าทุกข์หนัก
กานดาหน้าเสียไปเมื่อได้ฟังจบ ส่ายหน้าระอาใจ “นับวัน บ้านฉันก็กลายเป็นซ่องโจรเข้าไปทุกที”
“ก็ตั้งแต่นํานายฤทธิ์เข้ามาอยู่ในบ้าน...เสี่ยก็สนับสนุนให้เป็นกํานันที่เกาะมุกนั่นแหละค่ะ...อิฉันรู้สึกว่ามีอะไร แปลกๆ ขึ้นทุกที” พร้อมเสียงเครือเศร้าไป “แม้กระทั่งไอ้พัน ของอิฉันมันก็โหดร้ายผิดมนุษย์มนา...จะทํายังไงกันดีคะคุณผู้หญิง”
กานดาบอก “เห็นทีฉันจะต้องพูดกับคุณคงคาให้เด็ดขาดแล้วละ”
พร้อมยิ้มบางๆ ดวงตาเห็นด้วยกับกานดา

ทันทีที่กานดาเปิดประตูเข้าไปแล้วตกใจ เมื่อเห็นคงคานอนอยู่กับหยาดฟ้าบนเตียง
“อุ๊ย...”
หยาดฟ้าขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ หัวเราะเบาๆ
“ตกใจอะไรหรือคะคุณผู้หญิง”
“ก็ตกใจสิ ผัวฉันนอนกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เมียตัวเอง”
“อุ๊ย...ก็คงดีกว่าไปนอนกับผู้ชายมังคะ...อีกอย่างเคยนั่งนับบ้างหรือเปล่าว่าคุณผู้หญิงไม่ได้ค้างอ้างแรมกับเสี่ยมากี่ปี แล้ว...ยังจะกล้ามาทวงสิทธิ์”
“ไป..ไปให้พ้นหน้าฉัน คนไม่มียางอาย ไปสิ..หน้าด้าน”
หยาดฟ้าออกไป คงคาลุกขึ้นนั่งส่ายหน้า
“วันนี้นึกยังไงถึงขึ้นมาหาฉันบนนี้ได้ หรือว่าคิดถึง”
“ฉันอยากมาคุยกับคุณให้รู้เรื่อง”
“เรื่องอะไร ถ้าเรื่องหยาดฟ้า เธอสบายใจได้ ฉันไม่มีวันยกย่องเขาขึ้นมาแทนคุณหรอก”
“ฉันไม่ใส่ใจหรอกค่ะ ที่คุณจะยกผู้หญิงไม่มีหัวนอน ปลายเท้าคนหนึ่งมาเชิดชู...แต่ฉันอยากจะขอร้องคุณ เรื่องผู้หญิงคนนั้น”
“คนไหนอีกล่ะ”
กานดาบอก “ก็ที่เอามาขังไว้ไง...ถ้าตํารวจมาตาม จับคุณข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว มันจะไปกันใหญ่...นับวันคุณยิ่งเดินไปสู่ ทางตํ่ามากขึ้นแล้วนะคะ ทําตัวแบบคุณไม่มีใครเขาสรรเสริญหรอกค่ะ เขามีแต่ด่าลับหลัง”
คงคาไม่สน “ช่างมันปะไร..คนที่เธอควรใส่ใจคือลูกกับผัว ไม่ใช่ปากชาวบ้าน”
“ก็เพราะห่วงไงคะ ฉันถึงต้องพูดกับคุณเรื่องนี้”
คงคามองหน้ากานดาหน่ายๆ “กลับไปแล้วก็หายาระงับประสาทกินได้แล้ว”
“ฉันไม่ได้บ้า..ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั่งนั้น...นอกจากเกิดมา มีกรรม มีผัวเลวๆ เท่านั้น”
กานดาเดินออกไป คงคาหงุดหงิดรําคาญ
กานดาเดินมากับพร้อม พร้อมชี้ให้ดูห้องที่ขังเปีย
“ห้องนี้แหละค่ะ คุณหยาดให้นังหวานใจเฝ้าอยู่ค่ะ”
หวานใจกับหยาดฟ้าออกมาพอดี ทั้งสองมองพร้อมกับกานดา
“เสี่ยอนุญาตให้คุณผู้หญิงมาเพ่นพ่านที่นี่เหรอคะ”
“ทําไมต้องอนุญาต..ในเมื่อที่นี่เป็นบ้านของฉัน”
“ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย”
กะเทยหวานใจสอพลอ “หวานก็เหมือนกันค่ะคุณหยาด ตั้งแต่หวานมาอยู่ที่นี่ก็เห็นคุณผู้หญิงอยู่ที่เรือนเล็ก...เหมือนเรือนคนใช้”
พร้อมโมโห “หยุดนะนังหวาน..อย่าก้าวร้าวคุณผู้หญิง”
หวานใจหลบหลังหยาดฟ้า “คุณหยาดขา...หวานกลัวค่ะ นี่คนหรือนางยักษ์แปลงกายมากันคะ น่ากลั๊ว น่ากลัว”
“ฉันอยากรู้ว่าใครอยู่ในห้องนั้น” กานดาเอ่ยขึ้น
หยาดฟ้าเสียงแข็ง “ไม่มี”
“แต่พร้อมมันเห็น เสี่ยเองก็ยอมรับกับฉันแล้ว หลีกไป”
หยาดฟ้าขวางประตูไว้ หวานใจก็ผนึกกําลังกับหยาดฟ้า
“ถ้าไม่เชื่อกันละก็ นังหยาดพร้อมจะมีเรื่องตบเป็นตบดีเหมือนกัน จะได้รู้กันไปเลยว่าเสี่ยจะเลือกใคร...ระหว่างผู้หญิงแก่ๆ เป็นโรคประสาทกับผู้หญิงสวยๆ อย่างฉัน”
กานดามองหน้าหยาดฟ้า ถลึงตาใส่ ไม่กล้าทําอะไร จึงเดินกลับไปกับพร้อม

หยาดฟ้ากับหวานใจหัวเราะสะใจตามหลังไป

อ่านต่อหน้า 4 ไป

พายุเทวดา ตอนที่ 7 (ต่อ)

เย็นวันเดียวกัน คํารณ พัน ธง ศร แต่งตัวใหม่จะไปเที่ยว ฤทธิ์เดินมาพอดี พันยืนขวางไว้ มองหน้าฤทธิ์

“คุณคํารณมีเรื่องจะพูดกับแก นายฤทธิ์”
ฤทธิ์มองไปที่คํารณ “คุณคํารณมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือครับ”
“จําไว้นะ ไอ้ฤทธิ์ ต่อให้พ่อกับคุณหยาดชื่นชมเอ็งแค่ไหน เอ็งมันก็แค่หมารับใช้ที่พ่อข้าขุนไว้ใช้งาน เท่านั้นแหละ อย่าเผยอทําตัวเสมอข้าเป็นอันขาด”
ฤทธิ์น้อยใจ ก้มหน้าหลบตา “ครับ คุณคํารณ”
คํารณเดินไป พัน ธง ศรมองฤทธิ์ที่ก้มหน้านิ่งแต่ที่มือทั้งสองข้างเห็นฤทธิ์กําหมัดแน่น

ทั้งสองยืนอยู่ที่ชายหาดตรงข้ามเกาะมุกแล้ว ปลาดุกตื่นเต้น
“ทะเลสวยจัง...ไหนล่ะเกาะมุก”
“ต้องข้ามเรือไปอีก..ไปท่าเรือต้องเดินไปทางโน้น”
เทวาเดินนําไป ปลาดุก เดี๋ยว...” เทวาหันมา “จะข้ามเลยเหรอ รอรินก่อนเถอะ”
“เขาหลอกให้เราเดินทางมาทั้งวันแล้วนะ ยังจะรออะไร อีก คนแบบนี้เลิกคบได้เลย”
“ก่อนที่นายจะพูดอะไรออกมา..นายถามใจของนายก่อนหรือยัง”
“ทําไมต้องถาม เขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉันซะหน่อย”
เทวาเดินไป ปลาดุกตามไป ดักหน้าดักหลัง เทวาจะเลี่ยงเดินหนี แต่เดินไปทางไหน ปลาดุกก็ดักไว้หมด
ปลาดุกแก้ต่างแทน “บางทีรินอาจจะตกรถ แล้วก็กําลังนั่งรถตามเรามา เชื่อฉันสักครั้งเถอะ...นายคิดบ้างดิ ผู้หญิงแต่งตัวแบบรินคงเป็นเป้าสายตาคนทั้งหาด เผื่อโดนฉุดไปข่มขืนจะว่าไง นายบาปนะนายเทวา”
“บาปเรื่องอะไร”
ปลาดุกจิ้มที่หัวใจของเทวา “ก็บาปที่นายทิ้งให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องประสบเคราะห์กรรมยังงั้นน่ะสิ”
เทวาประชด “เขาออกจะเก่ง”
ปลาดุกเบ้ปากใส่ “นายก็เก่ง เป็นไง เข้ากรุงเทพฯ งงเป็ นไก่ตาแตก ถ้าฉันไม่ช่วยนายไว้ นายก็คงนอนคุกไปแล้วละ นายยังพลาดได้ แล้วรินล่ะจะไม่พลาดอย่างนายเหรอ”
เทวาอึ้งไป พยักหน้า “เออ รอก็รอ แล้วจะทําไง นอนไหน”
“บ้านนายนี่...ถามฉันทําไม” ปลาดุกว่า

เทวานั่งเหงาๆ อยู่หน้ารีสอร์ตเล็กๆ ริมหาดปลาดุกเดินมาหา
“คิดถึงรินเหรอ”
“เปล่า”
เทวาหันข้างให้ ถอนใจ ปลาดุกบอก “วันนี้ไม่มา พรุ่งนี้ก็คงมา”
เทวาหันมาทันที “นังดุก แกจะให้ฉันรอกี่วัน”
“ก็จนกว่ารินจะมา”
“เฮ้ย...”
ปลาดุกไม่ยอมให้เทวาพูดต่อ เดินหนีไปก่อน

ดารินกดโทรศัพท์รอสาย เสียงปลายสายกดรับ ดารินมีสีหน้าดีใจ
“ปลาดุกเหรอ...”
เป็นเสียงนิล “นังดุกมันไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป...มันกลัวพ่อมันโทร.ตาม หนูรินไม่ได้อยู่กับนังดุกเหรอ ถึงโทร.มาหาน้า...หนูริน...หนูริน”

เสียงนิลถามเป็นชุด ดารินถือโทรศัพท์ออกห่างลดลง สีหน้าเจื่อนไป

คืนนั้น โลงศพตั้งเด่นอยู่บนศาลาสวดศพในวัด มีรูปของเป้าติดอยู่ ทุกคนนั่งอยู่ในศาลาหน้าเศร้าตามๆ กัน

สิงห์กินเหล้าเมามาย ร้องไห้ครํ่าครวญอยู่มุมหนึ่ง มนต์ ก้อง เดชมองดูแล้วเศร้าใจ
มนต์เดินไปหา “สิงห์...หักห้ามใจบ้างเถอะวะ”
สิงห์เมามายเต็มที่ “เมียพี่ไม่ได้หายไปนี่หว่า..พี่จะเข้าใจอะไร ข้าวะ พี่มนต์...ถุย ชีวิตข้าทําไมถึงเป็นยังงี้วะ..ฮือๆๆ พ่อเป้า...พ่อเป้า ตามหานังเปียหน่อย ลูกสาวพ่อนะ ปล่อยให้มันหายไปได้ไงวะ”
ทุกคนมองสิงห์ด้วยความเวทนา สนครวญ “โธ่เอ๊ย ไอ้สิงห์...”
เดช ก้องตามมาสมทบ เดชบอก “ไอ้สิงห์ ข้ารับปากนะโว้ย ถ้าเสร็จงานศพแล้ว พวกเราไปตามหาเปียด้วยกัน”
สิงห์มองหน้าเดช แต่เห็นหน้าเดชเป็นภาพอันพร่าเลือน
“จริงนะ..”
สิงห์หัวเราะออกมาเบาๆ เรอออกมาดัง แล้วก็คอพับลง
ก้องส่ายหัว “ไปแล้วไอ้สิงห์”
นที แสงดาว แสงจันทร์ ประสิทธิ์มองไปที่โลงศพ
ประสิทธิ์เศร้าใจ “นังเปียคงไม่ได้เผาศพพ่อมันแน่”
แสงดาวกับแสงจันทร์น้ำตาคลอ แสงดาวแค้นเคืองสุดขีด “มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย มันถึงรังแกผู้หญิงได้
ถ้าคนทังเกาะยอมมัน ก็คงต้องตกเป็นเหยื่อมันเหมือนน้าเป้ากับเปียนี่แหละ
แสงจันทร์ พี่เห็นด้วย...เรายอมมันไม่ได้...คนราถ้ายอมให้คนอื่นตบหน้าได้ครั้งหนึ่ง มันก็ต้องมีครั้งต่อไป”
นทีลุกไปดูสิงห์ “ผมว่าอุ้มนายสิงห์ไปนอนตรงนั้นดีกว่า เดี๋ยวพระมาแล้วช่วยกันหน่อยครับ”
เดช ก้องและมนต์ช่วยกันประคองสิงห์ลุกขึ้น ทุลักทุเล

ฟากเทวานอนก่ายหน้าผากอยู่ ปลาดุกอยู่อีกเตียง นอนหันหลังให้
“ไม่หลับเหรอ คิดอะไรอยู่”
“จะรู้ไปทําไม”
ปลาดุกหันมา “เออ ไม่อยากรู้ก็ได้วะ”
ปลาดุกหันกลับไป ส่วนเทวานอนก่ายหน้าผากอยู่อย่างนั้น
ด้านดารินนอนเฝ้าแม่อยู่ในห้องพักฟื้น หมวดสาวลุกขึ้นเห็นแม่ขยับตัว ที่หัวมณีมีผ้าพันแผลพันอยู่
“ใคร...รินใช่มั้ยลูก..ใช่รินหรือเปล่า”
“ค่ะแม่ รินเอง”
มณียิ้มจับมือดาริน “อย่าหนีแม่ไปไหนนะ พ่อเขาก็ทิ้งแม่ไปคนหนึ่งแล้ว”
ดารินน้ำตาไหล ฝืนตอบ ไม่ให้เครือ “ค่ะแม่”
“รินรับปากแม่แล้วนะ”

ขณะเดียวกันฤทธิ์ยืนหน้าเครียดอยู่ที่ชายหาด มองดูคลื่นซัดเข้าสู่ฝั่ง คำพูดที่คํารณว่าตนเองเป็นแค่สุนัขที่คงคาขุนไว้ใช้งาน ผุดเข้ามาในห้วงคิด
“จําไว้นะ ไอ้ฤทธิ์ ต่อให้พ่อกับคุณหยาดชื่นชมเอ็งแค่ไหน เอ็งมันก็แค่หมารับใช้ที่พ่อข้าขุนไว้ใช้งาน เท่านั้นแหละ อย่าเผยอทําตัวเสมอข้าเป็นอันขาด”
“กูไม่ใช่หมา...และจะไม่มีวันซื่อสัตย์ยอมรับใช้ใครไปจนวันตายหรอก”
ฤทธิ์เครียด มองไปที่ทะเล แล้วตะโกนเสียงดัง
“อาจารย์คล้าม...อาจารย์คล้าม...อาจารย์คล้าม”

ทันใดนั้นเองแสงฟ้าฟาดสายลงมาทันที แล้วผ่าเปรี้ยง บนท้องฟ้าเห็นเงาร่างของคล้ามเป็นเงาจางๆ

อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น