หางเครื่อง ตอนที่ 13
ป้อมเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายอยู่หน้าห้องทำงานเสี่ยวาทิน แก้วมองมายิ้มอย่างสะใจ แกล้งหันไปเม้าท์กับคนอื่นต่อ
“เฮ้อ เดือนจะเป็นยังไงบ้างน้า น่าสงสารจัง”
ป้อมหันมาจ้องแก้ว ขมุบขมิบปากด่า
“นี่ดูสิ คนเข้ามาด่ากันเต็มเลย แต่จะว่าไปก็ดีไปอย่างนะ ไม่ต้องอะไรมากคนก็มาฟอลโล่ หลายหมื่นแล้วเนี่ย” ทีมงานคนหนึ่งบอก
“แต่ ที่ที่ลงในยูทูบคนก็กดไม่ชอบเต็มเลยนะ” แก้วพยายาหาข้อเสีย แต่ทีมงานไม่ฟังที่แก้วพูด
“อย่างนี้ก็เข้าทางเสี่ยเลย เดี๋ยวจะมีงานคอนเสิร์ตแล้วด้วย ประหยัดค่าโปรโมทไปอีกเยอะเลย”
“จะว่าไปมันก็แปลกอยู่นะ อยู่ๆ จะหาเรื่องให้คนด่าทำไม เอ๊ะหรือจะมีคนแกล้ง” ทีมงานอีกคนบอก แก้วหน้าเสีย สะดุ้งเล็กน้อย รีบแก้ตัว
“โอ๊ย ไม่มีใครเค้ามาแกล้งหรอก”
“นี่ๆ พวกเธอ มีคนเอาไปตั้งกระทู้ในเว็บเด็กแรดแล้วเธอ”
ทีมงานคนอื่นๆ ต่างวิ่งกันเข้าไปดู แก้วทำหน้าระแวง กลัวคนจะเริ่มสงสัย
ในห้องทำงานเสี่ยวาทิน ทีมงานคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“อาจเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการดิสเครดิตจากคู่แข่งเราก็ได้นะครับ เพราะผมเองก็รู้สึกแปลกๆ”
เสี่ยวาทินนิ่งไปจ้องเดือนสลับกับชูเกียรติ
“งั้นไอ้เรื่องนี้คุณก็จัดการแถลงไปในหน้าเพจของบริษัทก็ได้ บอกว่าเดือนโดนแฮ็กหรืออะไรก็ว่าไป” ชูเกียรติ เริ่มยิ้มออก “แต่ส่วนเรื่องแอบรับงานนอก เราคงปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้” ชูเกียรติหุบยิ้มทันที ก้มหน้าแอบชายตามองดูเสี่ยวาทินที เดือนที “เอาอย่างนี้ ให้พักงานทุกอย่างไปก่อนซักเดือน จนกว่าจะถึงงานคอนเสิร์ต ระหว่างนี้ให้ซ้อมอย่างเดียว ห้ามรับงานใดๆ ทั้งสิ้น”
“แต่วันนี้มีงานแถลงข่าวเรื่องงานคอนเสิร์ตนะครับเสี่ย”
“เฮ้อ งั้นวันนี้ก็ให้ไปก่อน แต่ตั้งแต่พรุ่งนี้ ก็ตามนั้น”
ชูเกียรติหน้าเสียไม่พอใจ แต่ไม่กล้าพูดอะไร เดือนจ้องหน้าชูเกียรติ ก่อนจะหันมาพยักหน้ารับกับเสี่ย
“ค่ะ เดือนทำผิดก็ต้องยอมรับ” เดือนชายตาไปมองชูเกียรติ
“แล้วงานที่รับๆ ไว้แล้วล่ะครับ” ชูกียรติถาม เสี่ยวาทินตะคอกเสียง
“ก็แคนเซิลเค้าไปสิ ไม่ก็ให้หนูแก้วไปแทน ไปๆๆ พวกคุณออกไปกันได้แล้ว เห็นหน้าแล้วหงุดหงิด”
“แต่ว่า เสี่ยครับ”
“ออกไปได้แล้ว”
ชูเกียรติหน้าเสีย จะเดินออก เดือนหันมามอง ส่ายหน้ามองอย่างดูถูกแล้วเดินสะบัดออกไปก่อน
เดือนปิดประตูเดินนำออกมา ป้อมรีบเข้ามาหาทันที
“เป็นไงมั่งเดือน”
ชูเกียรติวิ่งมาดักหน้าเดือน
“เดี๋ยวก่อนสิเดือน เดือน ฟังพี่ก่อน”
เดือนเชิดหน้าขึ้น จ้องหน้าชูเกียรติ
“พี่เกียรติมีอะไรจะพูดอีกเหรอคะ หรือว่ามีงานนอกจะให้เดือนไปอีก เอาสิคะ ไหนๆ ตอนนี้ก็ว่างอยู่ โดนพักงานตั้งเดือนนึง”
“อะไรนะ โดนพักงานเหรอเดือน นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ” ป้อมถามอย่างแปลกใจ
ชูเกียรติหน้าเสีย พยายามจะอธิบาย
“โธ่ เดือน พี่จำเป็นนะ ถึงต้องบอกเสี่ยเค้าไปแบบนั้น”
“จำเป็นเหรอคะ พี่เกียรติมีความจำเป็นอะไรมากเหรอคะ ถึงต้องโยนความผิดเรื่องรับงานนอกมาให้เดือน ทั้งๆ ที่พี่เองเคยบอกกับเดือนว่าพี่แจ้งบริษัทแล้ว” เดือนเสียงดัง
คนอื่นๆ เริ่มหันมามอง แก้วเอามือปิดปากหัวเราะอยู่ ชูเกียรติมองไปรอบๆ แล้วก็เริ่มอาย
“เบาๆ สิเดือน ฟังพี่อธิบายก่อน”
“พอเถอะค่ะ เดือนกินข้าวค่ะ ไม่ได้เล็มหญ้า ถือซะว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน” เดือนหันไปบอกป้อม “ไปพี่ป้อม เดือนต้องไปซ้อมละ จะซ้อมให้เต็มที่เลย ไหนๆ ก็มีเวลาว่างเยอะแล้วเนี่ย”
ป้อมเดินมาเกาะแขนเดือน หันไปมองค้อนชูเกียรติ
“ก็ดีเดือน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพาเราไปซื้อของ ไปหาดูกระโปรงหรือไม่ก็ผ้าถุง เผื่อใครบางคนแถวนี้อยากจะใส่”
พูดจบเดือนกับป้อมก็พากันเดินไป ชูเกียรติหันไปมองคนอื่น เห็นจ้องมาอยู่ แก้วก็หัวเราะเยาะเย้ย ชูเกียรติเลยทำหน้าไม่ถูก
เย็นวันเดียวกันนั้นที่วงของเทพ นภากาศยืนซ้อมร้องเพลงอยู่ เทพมองตาแป๋วเต้นโยกย้ายตาม แถมส่งสายตาให้ตลอดเวลา
“เอ้า มันๆ กันหน่อย งานและเงินรอเราอยู่ เอ้าๆ นักร้องคนนั้นชื่อไรอ่ะ น่าร็อคอ่ะ”
นภากาศมองค้อน ส่ายหน้า ถึงท่อนดนตรีนภากาศเต้นโยกตามจังหวะ ศิริพรถือไมค์เตรียมเข้ามาแจม เสียงแซ็กโซโฟนเพี้ยนๆ ค่อมจังหวะออกมา ทุกคนหันไปมองรวิ ที่เป่าแซ็กอย่างเหม่อลอยเรื่อยเปื่อย จนทุกคนค่อยเบาเสียงลงจนเงียบในที่สุดหันมาจ้องมองรวิที่ยังคงเป่าไปเรื่อย ศิริพรเรียกรวิให้รู้ตัว
“รวิ รวิ เป่าผิดแล้ว รวิ”
รวิเงยหน้าขึ้นเบลอๆ ปากคาบแซ็กอยู่ หันไปมองทุกคน
“จบแล้วเหรอ อืม เพลงต่อไปอะไรล่ะ”
เทพมองรวิตาปริบๆ
“เอ่อ ชั้นว่าพักกันก่อนดีกว่านะ สงสัยเราจะซ้อมกันหนักไปหน่อย”
ทุกคนพยักหน้ารับ แยกย้ายกันไปนั่งพัก ศิริพรเดินไปเกาะรวิพาไปนั่งด้วยกัน
“เป็นอะไรน่ะ รวิ เหนื่อยเหรอ” รวิพยักหน้า ไม่พูดอะไร “งั้นชั้นไปหาน้ำมาให้นะ”
ศิริพรลุกขึ้นจัดแจงเดินไปหาน้ำ นภากาศเดินเข้ามา ยืนกอดอกมองรวิ
“มืออาชีพน่ะนะ เค้าแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเวลางานออกจากกันนะ” รวิเงยหน้าขึ้นมามองนภากาศอย่างละอาย “ชั้นไม่รู้หรอกนะว่าเธอเป็นอะไร แต่นี่คือเวลาซ้อม ช่วยจริงจังกับมันหน่อย อย่าให้คนอื่นเค้าต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ขอโทษครับ”
“หึ ถ้าให้เดาก็คงเรื่องเดือนล่ะสิ”
รวิมองหน้านภากาศ สีหน้าดูโกรธเมื่อได้ยินชื่อเดือน
“เค้าจะเป็นยังไงก็ช่างเค้าเถอะครับ ผมไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับเค้าอีกแล้ว”
นภากาศยักไหล่ ทำไม่สนใจ
“ได้ยิน? งั้นก็แสดงว่ายังไม่เห็น ยังไม่รู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง แต่กลับมานอยด์เองเนี่ยนะ”
ศิริพรถือน้ำเดินกลับมาพอดี เห็นนภากาศยืนคุยกับรวิก็ไม่พอใจ
“พี่นภา มีอะไรเหรอคะ”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“เกี่ยวสิคะ ก็ตอนนี้ชั้นกับรวิ เรา...”
นภากาศหันไปมองรวิ รวิก้มหน้าไม่พูดอะไร
“เธอนี่น่าจะกลับไปเป็นพระเอกลิเกเหมือนเดิมนะ” รวิกับศิริพรมองนภากาศอย่างสงสัย “ก็พระเอกลิเกน่ะ ส่วนมาก ‘มักจะโง่กับเรื่องง่ายๆ’เสมอแหล่ะ”
พูดจบนภากาศก็สะบัดหน้าเดินกลับไป ศิริพรมองตามอย่างสงสัย หันมามองรวิแทน รวิหน้าซีเรียส ไม่รู้จะทำยังไง
อีกด้านหนึ่งที่สถานที่จัดงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต บนเวที พิธีกร และนักร้องหลายคนรวมถึงผู้จัด ต่างยืนถ่ายรูปอยู่บนเวทีอย่างพร้อมหน้า
“ค่ะ อย่าลืมนะคะ บัตรเริ่มจำหน่ายแล้ว เราจะได้ปลดปล่อยความสนุกกันให้เต็มที่ในคอนเสิร์ต เปิดดวงดาวกัน รีบๆ หน่อยนะคะ เพราะตอนนี้มีข่าวแว่วมาแล้วว่าบัตรอาจจะไม่พอค่ะ”
หน้าสถานที่จัดงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต เดือนยืนโพสต์ท่าให้แฟนๆ ถ่ายรูป เสร็จแล้วกำลังจะเดินออก
นักข่าววิ่งกรูกันเข้ามาสัมภาษณ์ ป้อมรีบเข้ามากันให้เดือน เดือนตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยืนยิ้มให้สัมภาษณ์
“น้องเดือนคะ เป็นยังคะกับคอนเสิร์ตแรกที่จะจัดขึ้นนี้”
“ค่ะ ก็ตื่นเต้นนะคะ เป็นคอนเสิร์ตแรกในชีวิตของเดือนเลย ที่สำคัญจะได้ร่วมงานกับพี่ๆ ที่เป็นนักร้องขวัญใจเดือนตั้งแต่สมัยที่ยังไม่เข้าวงการเลยค่ะ”
“แล้วข่าวที่ออกมาว่า คุณเดือนอาจจะโดนแบน เพราะเรื่องที่แอบรับงานนอกละคะ”
เดือนหน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็ฝืนยิ้มพูดต่อ
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า เดือนก็ได้อธิบายให้ผู้ใหญ่ฟังแล้ว”
นักข่าวหันไปซุบซิบกัน
“น้องเดือนคะ แล้วเรื่องข่าวที่มีการโพสต์ดูถูกแฟนคลับล่ะคะ”
เดือนเริ่มหงุดหงิดแต่พยายามทน
“เดือนยืนยันว่าไม่ใช่เดือนค่ะ เดือนไม่เคยเล่นโซเชียลพวกนี้ แล้วอีกอย่างเดือนเองก็รับไม่ได้กับข้อความพวกนั้นค่ะ จริงอยู่อาจจะมีบางคนว่าว่า แฟนคลับของเดือนเป็นพวกต่างจังหวัด บ้านนอก บ้าศิลปิน บ้าดารา แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เดือนเชื่อว่าทุกคนมีความคิดความอ่านที่ดีค่ะ”
“อีกเรื่องหนึ่งค่ะ กับข่าวลือว่าน้องเดือนแอบจิ้นกับดาราหนุ่ม ป.ปลาล่ะคะ”
เดือนถอนหายใจหมดความอดทน
“เดือนไม่มีอะไรจะเถียงค่ะ เพราะว่ามันไม่มีอะไร ขอโทษนะคะเดือนมีงานต่อค่ะ”
เดือนเดินฝ่าออกมาจากวงนักข่าว ป้อมรีบเข้ามาช่วยกัน
“เดี๋ยวสิคะ น้องเดือน”
ป้อมรีบพาเดือนเดินออกไป เหลือแต่นักข่าวที่ยืนซุบซิบกันอยู่
ที่คอนโดของเดือน ภาพบนจอทีวี เห็นเดือนยืนให้สัมภาษณ์อยู่
“แฟนคลับของเดือนเป็นพวกต่างจังหวัด บ้านนอก บ้าศิลปิน บ้าดารา..”
ภาพบนจอทีวีเปลี่ยนไป เหมือนมีใครกดเปลี่ยนช่อง ภาพบนจอทีวีอีกช่องเห็นเดือนยืนให้สัมภาษณ์อยู่
“อีกเรื่องหนึ่งค่ะ กับข่าวลือว่าน้องเดือนแอบจิ้นกับดาราหนุ่ม ป.ปลาล่ะคะ”
“เดือนไม่มีอะไรจะเถียงค่ะ...”
ภาพบนจอทีวีดับวูบลง ป้อมนั่งกดทีวีอยู่
“น่าเกลียดที่สุด ตัดเอามาเฉพาะส่วนแบบนี้ คนดูเค้าก็เข้าใจผิดกันหมดน่ะสิ อีพวกข่าวเฮงซวย”
เดือนเดินหน้าเสีย มานั่งลงข้างๆ ป้อม
“พี่ป้อม เดือนอยากกลับบ้าน กลับไปทำบุญให้แม่”
ป้อมโอบไหล่เดือน ดึงหัวเข้ามาชนกัน
“เอาสิเดือน ไหนๆมันสั่งพักงานเราแล้ว เราก็กลับไปเที่ยวบ้านกัน เอ๊ะ แต่เดือนต้องอยู่ซ้อมไม่ใช่เหรอ”
“ช่วงนี้เค้าต้องเทรนด์ให้แก้วก่อนน่ะ เดือนเลยขอเค้าหยุดซัก 2-3 วัน พี่ๆ เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“อืม ก็ดี เดือนจะได้พัก ทำงานหนักติดต่อกันมาเป็นเดือนแล้ว”
“กลับบ้านไปถึงแม้จะไม่มีแม่แล้วตอนนี้ แต่เดือนก็ยังมีพี่รวิอยู่”
ป้อมพยักหน้ารับ ลูบไหล่เดือนปลอบใจ สีหน้าเศร้าไปด้วย
กลางดึกคืนนั้น พิมุกเดินเข้ามาในบ้านเดือน เตี้ยกับบ่างเดินเกาะกันมาอยู่ข้างหลัง
“เอ้า พวกเอ็งทำอะไรอยู่วะนั่น”
“โธ่ พี่ ให้พวกเรามาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ ป่านนี้เนี้ย มืดก็มืด” เตี้ยบอกอย่างกลัวๆ
“ใช่ เนี่ยถ้าสว่างนะ มันคงไม่มืดแบบนี้หรอก”
พิมุกส่ายหน้า เอือมระอา
“ข้าจะมาดูว่าน้องเดือนกลับมาบ้านหรือเปล่า เห็นช่วงนี้มีข่าวเสียๆ หายๆ อยู่ ข้าว่ายังไงน้องเดือนก็ต้องกลับมาแน่”
“โธ่ แล้วทำไมพี่ไม่มาตอนกลางวันล่ะ มาทำไมเอาป่านนี้”
“ข้าก็มาดูเผื่อสิวะ ใครจะรู้ เผื่อน้องเดือนเสียใจรีบกลับมาตอนกลางคืน ข้าจะได้ช่วยปลอบใจไง”
“แต่ดูจากบบรรยากาศแล้ว ชั้นว่าเดือนเค้าคงยังไม่กลับมาหรอกพี่”
อ่านต่อหน้า 2
หางเครื่อง ตอนที่ 13 (ต่อ)
เตี้ยกับบ่าง มองรอบๆ อย่างหวาดระแวงยืนเบียดกัน
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ขึ้นไปดูบนบ้านให้แน่ใจดีกว่า”
พิมุกเตรียมจะก้าวขึ้นบันไดไป เสียงหมาหอนดังขึ้น เตี้ยกับบ่างกระโดดกอดกันแน่น พิมุกยืนชะงักกลืนน้ำลาย กลัวๆ กล้าๆ อยู่เหมือนกัน
“กลับเหอะพี่ เดือนยังไม่มาหรอก แต่ถ้าแม่ช้อยล่ะไม่แน่” เตี้ยหันไปตบปากบ่าง
“ไอ้บ่าง ไอ้ปากเสีย เค้าไม่ให้ทักถึงคนตาย เอ็งจะพูดชื่อแม่ช้อยทำไม เดี๋ยวถ้าแม่ช้อยได้ยิน แม่ช้อยก็โผล่ออกมาหรอก แม่ช้อยน่ะนะ...”
บ่างหันไปตบปากเตี้ยคืน
“ไอ้บ้า เอ็งน่ะ10 ช้อยแล้ว”
พิมุกจะเดินขึ้นไปต่อ แต่ก็ต้องชะงักกับเสียงหมาหอน
“สงสัยน้องเดือนยังไม่กลับ งั้นข้ากลับก่อนดีกว่า”
พิมุกหันหลังกลับเดินออกอย่างไว เตี้ยกับบ่างตะโกนเรียกแล้ววิ่งตาม
“อ้าวพี่ รอด้วยสิ ไอ้บ่างเอ็งอยู่เป็นเพื่อนแม่ช้อยไปเถอะนะ”
ทั้ง 3 คนวิ่งออกจากบ้านเดือนไป
บนบ้านเดือน กองหนังสือดาราหล่นกระจายที่พื้น รวิหันมามอง ในมือถือไม้กวาดอยู่ อีกมือหนึ่งถือกองหนังสือแนบไว้ที่อก
“เฮ้อ ซุ่มซ่ามจริงๆ ไอ้รวิเอ๊ย”
รวิวางไม้กวาด จัดแจงรวมกองหนังสือดาราต่างๆ แล้วเอาเข้าไปเก็บที่ เสร็จแล้วหยิบไม้กวาดมากวาดต่อ
รวิถอนหายใจเสร็จก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้
“ทำอะไรของเอ็งอยู่วะ ไอ้รวิ มายุ่มย่ามอะไรกับบ้านเค้า อีกหน่อยเค้าก็ไม่มาอยู่แล้วบ้านเล็กๆ แบบนี้ เฮ้อ”
รวินั่งพิงแหงนหน้าขึ้นเหม่อมอง เหมือนคิดอะไรอยู่
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ท่ารถ เดือนกับป้อมเดินลงจากรถ สีหน้าร่าเริง
“โอ๊ย บรรยากาศแบบนี้ล่ะที่คิดถึง” เดือนบอกอย่างมีความสุข
“ใช่ๆ ที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านเราหรอก” ผู้คนแถวนั้นเริ่มหันมามอง ชี้ไม้ชี้มือมาที่เดือน ป้อมหันไปมอง แล้วรีบบอกเดือน “เดือน พี่ว่าเรารีบไปกันเหอะ ก่อนที่จะวุ่นวาย”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ป้อม ชั้นว่าคนที่นี่ไม่ได้รู้เรื่องพวกนั้นเท่าไหร่”
“จะว่าไปมันก็จริง ที่นี่มันบ้านนอกคอกนา จะไปเล่นโซเชียลอะไรแบบนั้นได้ไง”
เดือนยิ้มออกมา
“แต่ชั้นว่า บางทีชีวิตแบบนี้อาจจะสงบสุขมากกว่าที่อื่นก็ได้นะ”
เดือนมองไปรอบๆ แล้วยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับป้อมแล้วพากันเดินไป
ขณะนั้นรวินอนคลุมโปงอยู่
“รวิ รวิจ๋า รวิโว้ย”
ขำวิ่งโครมครามเข้ามาในห้องรวิ จัดแจงขึ้นไปนั่งทับรวิ ดึงผ้าคลุมโปงออก รวิงัวเงียเงยหน้าขึ้นมามอง
“อ้าว ไอ้ขำ ราตรีสวัสดิ์” รวิเห็นเป็นขำก็เลยนอนต่อ ดึงผ้าขึ้นมาคลุมโปงใหม่ ขำรีบแย่งดึงออก “เฮ้ย จะนอน”
ไปถึงไหน ตื่นได้แล้ว”
“อะไรของแกวะไอ้ขำ ชั้นง่วง”
“ไม่ต้องง่งต้องง่วงอะไรทั้งนั้นล่ะ ข่าวดีๆ”
“ข่าวดีอะไรของแกวะ”
ขำทำยืดอกวางท่า
“อะแฮ่ม เมื่อคืนพี่ป้อมโทรมาบอกว่า จะกลับมาเที่ยวบ้านกับเดือน ชั้นจะโทรบอกแกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่แกไม่รับ เอ้าเร็ว ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวคงมาถึงกันแล้วมั้ง” รวิทำเหมือนคิดอะไรอยู่ แล้วก็ดึงผ้าขึ้นไปคลุมโปงเหมือนเดิม “อ้าว เฮ้ย เป็นอะไรของแกวะเนี่ย ไปเร็วๆ เลย ไปๆ”
ขำลากรวิออกมาจากผ้าห่มจนได้ แล้วดึงรวิขึ้นมาไล่ให้ไปอาบน้ำ ขำยืนเท้าเอว เอามือปาดเหงื่อมองรวิที่เดินหายเข้าห้องน้ำไป
“อะไรของมัน ทุกทีแค่บอกว่าเดือนมา ก็กระโดดแทบไม่ทัน”
ส่วนที่ตลาด ศิริพรเดินเลือกซื้อของอยู่อย่างอารมณ์ดี
“น้องพร วันนี้เอาอะไรดีจ๊ะ” แม่ค้าถาม ศิริพรทำท่าลังเล
“เอ เอาอะไรดีน้า รวิเค้าชอบหลายอย่างด้วยสิ เอามาอย่างละถุงละกัน”
“อู๊ยได้เลยจ้ะ ว่าแต่ซื้อไปฝากพ่อพระเอกลิเกเหรอ”
“จ้ะ เค้าชอบกิน”
แม่ค้าตักแกงไปปากก็พูดไป
“อ้าว แล้วแบบนี้แฟนเค้าไม่หึงแย่เลยเหรอ”
ศิริพรคิ้วขมวดไม่พอใจทันที
“แฟนเฟินที่ไหนกัน”
“อ้าว ก็น้องเดือน ที่ตอนนี้เป็นนักร้องไงล่ะ พูดแล้วก็ไม่น่าเชื่อนะ เห็นตามยัยช้อยมาขายของอยู่ไม่นานเนี้ย ตอนนี้เป็นนักร้องดังไปซะแล้ว” ศิริพรเบะปาก ไม่พอใจ “เนี่ยคงคิดถึงบ้านมั้ง วันนี้เลยกลับมาแต่เช้า”
“อะไรนะ เดือนมาเหรอ”
“ใช่ๆ เห็นอีพวกแถวท่ารถมันบอกว่ามากับกระเทย ไม่รู้ดูผิดหรือเปล่า”
ศิริพร ทำหน้าเจ้าเล่ห์
“เอ้านี่เงินจ้ะ ไม่ต้องทอน”
ศิริพรยิ้มออกมา ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก
เดือนกับป้อมเดินถือกระเป๋าขึ้นมาบนบ้าน ป้อมเอากระเป๋าวางแหมะเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่ง เดือนมองไปทั่วๆ อย่างแปลกใจ
“พี่ป้อมๆ แปลกๆ มั๊ย”
“อะไรแปลกเหรอเดือน พี่ว่าพี่แปลกสุดแล้วนะ”
“ไม่ใช่ เดือนหมายถึงบ้านน่ะ”
ป้อมทำหน้างงๆ มองไปรอบๆ บ้าน
“ทำไมเหรอ”
“ก็เราไม่อยู่กันตั้งหลายวันหลังจากงานชกมวยนั่น ทำไมบ้านมันสะอาดสะอ้านผิดปกติ ข้างล่างก็เหมือนกันต้นไม้ก็ไม่ระเกะระกะ”
“จะว่าไปก็จริงนะ เอ๊ะ หรือมีใครมาทำให้”
“ใครจะมาทำให้ล่ะ ขำเหรอ”
ป้อมส่ายหน้าอย่างเร็ว
“โอ๊ย ไม่มีทางหรอกเดือน บ้านมันเองมันยังไม่เคยถูเลย ไอ้ขำน่ะ”
“งั้นก็เหลืออยู่คนเดียว...” เดือนอมยิ้ม
“อ๋อ พ่อนักดนตรีสุดหล่อของเดือน”
เดือนยิ้มทำท่าอายๆ
“ไปกันเถอะ จะได้ชวนพี่รวิไปทำสังฆทานให้แม่ด้วย”
ป้อมหันมามองเดือนที่ยืนอมยิ้มอยู่แล้วก็หัวเราะ พากันลงจากบ้านไป
เดือนกับป้อมเดินลงมาจากบนบ้าน หัวเราะยิ้มแย้มกำลังจะเดินออกจากบ้านไป
เตี้ย บ่าง เดินเข้ามาแยกซ้ายขวา ยืนเก๊กหล่อ เดือนกับป้อมชะงักไป ถอนหายใจอย่างระอา พิมุกเดินเข้าอยู่ตรงกลางทำเก๊กหล่อ
“ไงจ๊ะน้องเดือน เห็นคนที่ตลาดเค้าพูดกันว่าเดือนกลับมา ใจคอไม่คิดจะบอกพี่พิมุกคนนี้เลยเหรอจ๊ะ”
เดือนทำหน้าเบื่อหน่ายหันมาตอบ
“พี่มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“แหม พูดแบบนี้พี่เสียกำลังใจแย่เลย คนอุตส่าห์มาดูให้เป็นประจำ เสียใจเจงๆ”
เดือนกับป้อมทำท่าแปลกใจ
“พี่เนี่ยนะ มาทำยุ่มย่ามที่บ้านฉัน ดีเลย ชั้นจะได้แจ้งข้อหาบุกรุกและโจรกรรม” เดือนบอก
“อ้าว ไงงั้นล่ะคนอุตส่าห์หวังดี”
“หวังดีอะไร งัดบ้านเข้าไปเหรอไง กุญแจพี่ก็ไม่มี แล้วจะมาบอกว่าเข้าไปได้ยังไง หึ”
พิมุกหน้าเจื่อนลง เถียงไม่ออก
“พี่ด้อมๆ มองๆ อยู่แค่ข้างนอกอ่ะ ว่าแต่น้องเดือนจะไปไหนเหรอจ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้อง เดือนไปไหนมาไหนเองได้ ขอตัวนะ”
เดือนกับป้อมเดินฝ่ากลางพิมุกออกมา ป้อมหันไปทำสะบัดผมใส่ พิมุก เตี้ย บ่างมองตามอย่างโมโห
“ไม่เคยจะเห็นค่าของลูกพี่เลย”
“ใช่ๆ แล้วพี่ก็ยังจะโง่ไปจีบอยู่ได้”
พิมุกหันมาจ้องบ่างตาเขม็ง จนบ่างต้องหลบตาทำไปมองอย่างอื่น
“ไปเว้ย งั้นวันนี้กลับไปเตรียมแผนมาให้ดีๆ ก่อน หึ น้องเดือน หยิ่งอยู่ได้อีกไม่นานหรอก แล้วจะเธอต้องมาอ้อนชั้นแทน”
เดือนกึ่งวิ่งกึ่งเดิน รีบเข้ามาบ้านของรวิ
“พี่รวิ พี่รวิ อ้าว ขำ มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” เดือนถามเมื่อเห็นขำนั่งหน้าหงิกอยู่ เดือนกับป้อมรีบเดินเข้าไปหา
“เป็นอะไรของแกวะไอ้ขำ”
ขำถอนหายใจจ้องหน้าเดือนสลับกับป้อม
“ชั้นน่ะไม่เป็นไร แต่คนข้างบนนั่นสิ” ขำชี้นิ้วไปด้านหลัง
“พี่รวิเหรอ เป็นอะไร” เดือนตกใจ กำลังจะก้าวขึ้นไป แต่รวิเปิดประตูออกมาซะก่อน “พี่รวิ พี่...”
ศิริพรเดินตามออกมา ทำเป็นเกาะแขนรวิให้เดือนเห็น
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ เป็นไงมั่งเดือน เห็นมีข่าวแย่ๆ ออกมาเต็มเลยนี่”
เดือนไม่ตอบ ป้อมเลยพูดแทรกขึ้นแทน
“ไม่เห็นจะแย่ตรงไหน พวกคนเลวๆ ที่คอยหาเรื่องเดือนน่ะ เดี๋ยวมันก็แพ้ภัยตัวเองไป”
“พี่รวิ ชั้นมาชวนพี่ไปทำบุญให้แม่”
รวิไม่มองหน้า ยังคงเฉไฉมองไปทางอื่น
“พี่ไม่ว่าง เดี๋ยวจะไปกับศิริพร”
ศิริพรเกาะแขนรวิแน่นกว่าเดิม พยายามเบียดเข้าไปให้ใกล้ที่สุด
“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไม”
รวิไม่ตอบรีบเดินลงมาแล้วเดินออกจากบ้านไป โดยไม่ยอมมองหน้าเดือน ศิริพรวิ่งตามไปติดๆ ส่วนเดือนยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ไปสิเดือน ไปถามมันให้รู้เรื่อง พักนี้ดูมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้”
“อืม งั้นก็คุยกันให้รู้เรื่อง เดี๋ยวพี่ตามไป”
เดือนทำหน้าลังเล ก่อนจะตัดสินใจหันกลับเดินตามรวิออกไป
บรรยากาศอึมครึม ฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก เดือนวิ่งตามรวิมาพร้อมกับเรียกให้รวิหยุด ศิริพรพยายามกันท่าไว้
“เดี๋ยวก่อนสิพี่รวิ พี่เป็นอะไรทำไมพี่ต้องหนีชั้น ทำไมไม่มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
รวิหยุดเดิน แต่ไม่หันกลับมามองเดือน
“พี่ไม่อยากคุยกับเดือน”
“ทำไมล่ะ ทำไมพี่ถึงไม่อยากคุยกับเดือน เดือนทำอะไรให้พี่โกรธเหรอ พี่บอกเดือนสิ”
รวิหันหน้ามามองหน้าเดือน
“พี่ไม่รู้ว่าคำพูดของเดือน อันไหนคือความจริง อันไหนคือหน้ากาก”
เดือนหน้าสลดลง
“ทำไม ทำไมพี่คิดว่าเดือนเป็นแบบนั้น”
“เดือนรู้อยู่แก่ใจดีที่สุด แล้วพี่ก็ไม่แน่ใจแล้วด้วยว่าพี่ยังรู้สึกกับเดือนเหมือนเดิมหรือเปล่า”
เดือนอึ้งไป หน้าสลดลง น้ำตาคลอเบ้า
อ่านต่อหน้า 3
หางเครื่อง ตอนที่ 13 (ต่อ)
ป้อมกับขำกึ่งเดินกึ่งวิ่ง มองหาเดือนกับรวิอยู่
“โอ๊ยตายๆๆ ไปไหนกันเนี้ย ฝนก็กำลังจะตก” ป้อมบ่น
“นั่นไงๆ”
ป้อมมองตามขำแล้ว ทำท่าเหมือนมองเห็น รีบพากันเดินไป
เสียงฟ้าร้อง ฟ้ามืดครึ้มกว่าเดิม เมฆดำลอยหนามากขึ้น เดือนล้วงลงไปหยิบตุ๊กตาไม้ที่รวิทำให้ออกมาแล้วบอกเสียงสั่นเครือ
“ทำไมล่ะพี่รวิ ทั้งๆ ที่ชั้นเก็บความรู้สึกดีๆ ของเราไว้ตลอด”
รวิหันมาจ้องที่ตุ๊กตาที่เดือนถืออยู่นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขานั่งทำตุ๊กตาไม้ แล้วเอาให้เดือน รวิตัดสินใจเดินมาดึงมันออกไปจากมือของเดือน เดือนตกใจ ทำท่าจะแย่งคืน
“ไอ้ของแบบเนี้ย จะเก็บมันไว้ทำไม ในเมื่อความรู้สึกของเรามันไม่เหมือนเดิมกันแล้ว”
รวิเงื้อมือขึ้นทำท่าจะปามันลงพื้น
“อย่านะ”
รวิปาตุ๊กตาลงพื้นจนมันกระเด็นไปใกล้ศิริพร เดือนรีบวิ่งจะไปหยิบมันขึ้นมา ศิริพรแกล้งทำเป็นจะเดินก้าวเท้ามา เดือนรีบถลาเข้าไปคว้ามันไว้ศิริพรเลยเหยียบลงที่มือของเดือนพอดี ศิริพรทำหน้าสะใจ แกล้งเหยียบลงไปหนักกว่าเดิม
“อุ๊ย ขอโทษนะเดือน เอามืออกไปสิจ๊ะ”
เดือนมีสีหน้าเจ็บปวด พยายามจะดึงมืออกมา แต่ศิริพรแกล้งเหยียบหนักกว่าเดิม รวิกำลังจะเข้าไปช่วยแต่เสียงป้อมดังขึ้นก่อน
“ทำอะไรน่ะ”
ป้อมถลาเข้ามาผลักศิริพรจนล้มลงไป ขำหันมาจ้องหน้ารวิด้วยความโกรธ
“รวิ ทำไมแกปล่อยให้เดือนโดนรังแกแบบนี้”
ขำต่อว่ารวิ รวิทำอะไรไม่ถูก ป้อมหันไปจ้องศิริพรที่ล้มอยู่อย่างโกรธจัด
“อีงิ้วผี วันนี้ถ้าเลือดชั่วมึงไม่ออก อย่ามาเรียกกูว่าอีป้อม”
ป้อมวิ่งเข้าไปขึ้นคร่อมศิริพรตบซ้ายตบขวา ศิริพรกรี๊ดกร๊าดโวยวาย ขำเดินไปเอามืออุดปาก เดือนค่อยๆ ลุกขึ้น น้ำตานองหน้า มือเดือนที่ถือตุ๊กตาไม้ของรวิอยู่เป็นรอยแผล มีเลือดออกและช้ำ รวิเดินเข้ามาหาเดือน สีหน้ารู้สึกผิด สงสารเดือน
“เดือน เป็นอะไรหรือเปล่า ไปยอมเจ็บเพื่อมันทำไมกะอีแค่ตุ๊กตากระจอกๆ”
ฟ้าครึ้มหนัก เสียงฟ้าร้องดังสนั่น ฝนเม็ดใหญ่เทลงมา เดือนหันมามองหน้ารวิ น้ำตาอาบแก้ม
“ถ้าพี่รักชั้น เท่าที่ชั้นรักพี่ พี่จะรู้ว่าชั้นยอมเจ็บทำไม”
เดือนกุมตุ๊กตาไว้ในมือ ก่อนจะเมินหน้าไปทางอื่น เดินผ่านรวิไป รวิอึ้งไป พูดอะไรไม่ออก ท่ามกลางฝนที่เทลงมาอย่างหนัก
ช่วงสายที่บ้านรวิ รวินุ่งกุมมืออยู่ที่โต๊ะ
“เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ ที่ทำให้แกทำกับเดือนแบบนั้น” ขำถามขณะยืนกอดอกมองอยู่ “แค่แกฟังที่เค้าคุยโทรศัพท์กับยัยผีบ้านั่น แล้วแกก็สรุปว่าเดือนหลอกแกงั้นเหรอ”
“ก็มันชัดเจนอยู่แล้วนี่ เค้าพูดออกมาซะขนาดนั้นว่าเค้ามีอะไรกับไอ้ชูเกียรติ แล้วแถมคิดจะแย่งเสี่ยอะไรนั่นกับแก้วอีก”
ขำเดินมานั่งตรงข้ามกับรวิ
“แล้วแกคิดจะถามเดือนซักคำมั๊ย ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง”
รวิจ้องหน้าขำ สายตามองอย่างไม่เข้าใจ
“มันมีอะไรต้องถามอีก”
ขำถอนหายใจ ส่ายหน้า
“กี่ครั้งแล้วที่แกทะเลาะกับเดือนเพราะไม่ยอมคุยกันให้เข้าใจ” รวินิ่งเงียบมองไปทางอื่น ขำรอฟังคำตอบ พอรวิไม่พูดอะไร ขำก็หมดปัญญา “อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
ขำลุกขึ้นจะเดินออกไป รวิถามตามหลังมา
“แล้วนั่นแกจะไปไหนน่ะ”
ขำหันมามองอย่างหมั่นไส้
“เกี่ยวหญ้า ไม่ต้องถามนะว่าจะเอามาทำอะไร”
พูดจบขำก็เดินลงไป ทิ้งให้รวินั่งอยู่คนเดียว รวิหน้าเครียด ไม่รู้จะทำยังไง
เดือนกับป้อมมาทำบุญที่วัด เสียงพระสวดบทกรวดน้ำดังขึ้นขณะที่เดือนที่กำลังกรวดน้ำอยู่
ป้อมนั่งพนมมืออยู่ข้างๆ พระรูปหนึ่งนั่งอยู่บนอาสนะสวดมนต์อยู่ ขำเดินเข้ามา ยกมือไหว้พระแล้วนั่งลงข้างๆ พนมมือ
เดือนกรวดน้ำเสร็จทั้ง 3 ก้มลงกราบพระ ป้อมเอื้อมมือมาบีบไหล่ให้กำลังใจเดือน เดือนยิ้มให้ทั้งป้อมและขำ
เดือน ป้อม ขำเดือนคุยกันมา
“สรุปว่าพี่รวิเค้าโกรธชั้นเพราะเรื่องนั้น”
“แหม เพราะนังแก้วทีเดียว เจ็บใจนัก กลับไปนะ แม่จะจับมันกดชักโครก กดน้ำซัก 2-3 ครั้ง แล้วเอาไม้เขี่ยซ้ำ” ป้อมบอกอย่างเจ็บใจ
“ถ้าพี่รวิเค้าไม่เชื่อซักอย่าง ใครก็ทำอะไรไม่ได้ แต่นี่ เฮ้อ ช่างเหอะ ว่าแต่ขำบอกเค้าไปหรือเปล่า ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง”
ขำส่ายหน้าปฏิเสธ
“หึ ไม่ได้บอกน่ะ หมั่นไส้”
เดือนยิ้มพยักหน้ารับ
“ดีแล้ว ให้เค้าเข้าใจไปแบบนี้ล่ะ”
“พี่ว่านะ เดือนต้องจัดการกับอีพวกนั้นบ้างแล้วนะ ปล่อยให้มันทำอยู่ฝ่ายเดียวอยู่ได้” ป้อมบอก เดือนมอง
ป้อมยิ้มๆ
“ไปกันดีกว่า” เดือนบอก
“เดือนก็ใจอ่อนแบบเนี้ย” ป้อมบ่น
“ไปเอาคืนกัน” เดือนบอก
“แน่ะ ยังจะทำตัวเป็นนางเอกไปได้ ไม่คิดจะเอาคื...” ป้อมชะงักหันมามองหน้าเดือนที หันไปมองขำที “ตะ ตะกี๊เดือนว่าอะไรนะ”
เดือนยิ้มแล้วบอกป้อม
“เดือนบอกว่า ไป เอา คืน กัน” ป้อมกับขำหันมาจ้องหน้ากันอย่างแปลกใจ เดือนหัวเราะแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง “เดือนใช้ชีวิตแบบขาวๆ มาเยอะแล้วนะ ยังไม่วายเจอแต่คนคิดร้าย คราวนี้เดือนขอดำบ้าง ขาวบ้าง เอาแบบเทาๆ ละกัน ให้พวกนั้นได้รู้ว่าเวลาคนโดนทำร้าย มันรู้สึกยังไง”
ป้อมยิ้ม ถลาเข้ากอดเดือน
“ต้องอย่างนี้สิเดือน ถึงจะแซ่บเวอร์เจอราร์ด”
ป้อมปล่อยเดือนออกแล้วยังถามอย่างสงสัย
“ว่าแต่จะเอาคืนยังไงล่ะ”
เดือนยักคิ้วให้ ยิ้มๆ
ที่ค่ายเพลง แก้วยืนซ้อมร้องเต้นอยู่ท่ามกลางแดนเซอร์คนอื่นๆ แต่เต้นไม่ทันเค้า จึงทำหน้าบึ้งบิดซ้ายบิดขวา ชูเกียรติและทีมงานคนอื่นมองมาแล้วส่ายหน้า
“จะไหวไหมเนี่ย พูดก็พูดเหอะนะพี่ ให้ร้องก็ร้องเหมือนปลาบู่ขาดอากาศ พอให้เต้นก็เต้นยังกะนกกระยางป่วยตั้งแต่ผมทำงานที่นี่มายังไม่เคยมีใครทำได้เหมือนน้องแก้วเลยพี่”
ชูเกียรติหันไปมองหน้าอึ้งๆ แต่ก็แอบเห็นด้วย
“เอาน่า ซ้อมๆ กันไปก่อน พอถึงเวลาก็ให้เดือนร้องกลบเสียงแก้วเค้าไป” ชูเกียรติบอกแล้วเดินตรงมาที่แก้ว “แก้ว ตั้งใจหน่อยได้มั๊ย”
แก้วหยุดร้อง ยืนเท้าเอว จ้องหน้าชูเกียรติอย่างไม่พอใจ
“แก้วก็ตั้งใจที่สุดแล้วนะพี่เกียรติ จะอะไรกันนักกันหนา”
“ก็จนป่านนี้แล้วแก้วยังร้องเพลงเพี้ยนอยู่เลย แล้วไอ้เต้นนี่อีก ตามคนอื่นไม่ทันซักที”
“โอ๊ย เรื่องมาก พี่เกียรติมาเต้นแทนแก้วเลยมั๊ย จะใส่ชุดไหนล่ะมาเลือกไว้สิ”
“เอาขนนกสีแดงนั่นก็ได้ จะบ้าเหรอ” แก้วสะบัดหน้ากระฟัดกระเฟียดเดินออกไปทันที “อ้าว แล้วนั่นจะไปไหนอีกล่ะ แก้ว แก้ว”
ชูเกียรติชะเง้อมองตามแก้วที่เดินออกไป
อีกด้านหนึ่งที่ค่ายมวยพิมุก เตี้ยกับบ่างเดินวนรอบ เดือน ป้อม ขำ จ้องอย่างจริงจังมาก แถมยื่นจมูกเข้าไปสูดกลิ่นฟุดฟิด จนเดือนต้องเกาะป้อมแน่น
“อะไรของพวกเอ็ง ไอ้เตี้ย ไอ้บ่าง”
เตี้ยกับบ่างหันขวับไปหาพิมุกที่ยืนกอดอกมองอย่างเอือมๆ อยู่
“ตัวจริงพี่ กลิ่นหอมๆ ของน้องเดือน”
“และกลิ่นฟอร์มาลีนของเจ๊ป้อม รับรองได้ว่าตัวจริง”
ขำกับป้อมยกเท้าขึ้นถีบเตี้ยกับบ่างจนเซถลาเข้าไปหาพิมุก แต่พิมุกเอี้ยวตัวหลบเลยลงไปกองที่พื้น
“แหม ไอ้ปากเสีย น้ำหอมข้าน่ะ ของนอกเชียวนะเอ็ง”
พิมุกเดินอาดๆ เข้ามาจ้องเดือนหน้าตาหื่นๆ
“ว่าไง ทนคิดถึงพี่ไม่ไหวเหรอ”
เดือนยิ้มๆ ตอบกลับไป
“จ้ะ”
ป้อมกับขำ ทำหน้าแปลกใจก้มลงกะซิบกระซาบกับเดือน
“เดือน อะไรเนี่ย”
“นั่นน่ะสิ นี่อย่าบอกนะว่าจะมาประชดรวิมันด้วยวิธีนี้”
เดือนยังยิ้มให้พิมุกอยู่ แต่เอียงหัวมากระซิบกับป้อม ขำ
“เดือนไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า”
“อ้าว แล้วถ้างั้นเดือนมาหาไอ้พิมุกมันทำไม”
“ก็มาเอาคืนไงพี่ป้อม”
พิมุกมองมาเริ่มทำหน้าสงสัย
“มีอะไรกันหรือเปล่าจ๊ะน้องเดือน”
“อ๋อ เปล่าจ้ะ ชั้นบอกพี่ป้อมกับขำว่า วันนี้พี่ดูหล่อเป็นพิเศษเลยล่ะ ใช่มั๊ย” เดือนสะกิดป้อมกับขำ
“ชะ ใช่ ใช่ฮ่ะ วันนี้พี่พิล๊อ หล่อ” ป้อมบอกแล้วแอบหันไปเบะปาก
“หล่อ จ้ะ หล่อ ดูดีไปหมดตั้ง หน้าตาก็ขี้โกงได้รูปเชียว” ขำบอก เดือนศอกขำให้เงียบ
“ชั้นไปอยู่ที่โน่นตั้งนาน คิดถึงพี่นะ” พิมุกทำหน้าระแวง “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิจ๊ะ ชั้นพูดเรื่องจริง คือ...”
เดือนแกล้งทำเป็นไม่พูดต่อ พิมุกเลยรีบคะยั้นคะยอให้พูด
“เดือนมีอะไรก็พูดมาได้ตรงๆ เลยจ้ะ ถ้าเป็นเรื่องของเดือนน่ะ พี่เต็มที่เสมอ”
เดือนแกล้งเดินเข้าไปจับมือพิมุกขึ้นมา เล่นเอาทุกคนตะลึงไปทั้งตัว พิมุกเองด้วย
“จริงๆแล้วเดือนก็อยากจะบอกความรู้สึกกับพี่มาตั้งนานแล้ว แต่ติดตรงที่ว่า...”
“อะไรล่ะจ๊ะ เดือนรีบพูดมาสิ”
เดือนแกล้งตีหน้าเศร้า หันหลังให้
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ค่ายเพลง แก้วนั่งซับเหงื่อ ดูดน้ำอยู่ เสียงโทรศัพท์แก้วดัง แก้วทำหน้ารำคาญ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วทำหน้าไม่พอใจ
“ฮัลโหล หึ นึกยังโทรหาชั้นมิทราบ”
ส่วนที่ค่ายมวยพิมุก เดือนดึงมือพิมุกให้เดินห่างออกมาจากคนอื่น พิมุกเดินตามมาอย่างงงๆ
“พี่คิดยังไงกับชั้นกันแน่พี่พิมุก”
พิมุกจ้องหน้าเดือน ทั้งแปลกใจทั้งดีใจที่เดือนถามคำถามนี้
“ไม่น่าถาม เดือนก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าพี่รักเดือน แต่เดือนนั่นแหล่ะที่คอยหนีพี่ ไปหาไอ้รวินั่น”
เดือนทำหน้าเศร้าเดินเข้ามาใกล้พิมุกขึ้นอีก จ้องหน้า
“เดือนไม่อยากทำให้เพื่อนต้องเสียใจนี่จ๊ะ”
“เพื่อนเหรอ เดือนหมายถึงใคร”
“เฮ้อ ก็แก้วไงจ๊ะ แก้วเค้าบอกว่าเค้ากับพี่รักกัน”
พิมุกส่ายหน้าไม่พอใจ
“อะไรนะ ยัยแก้วมันพูดอย่างนี้เหรอ ไม่จริงนะเดือนอย่าไปเชื่อ”
เดือนยิ้ม แอบกดโทรศัพท์ตัวเอง กดส่งออก
อ่านต่อหน้า 4
หางเครื่อง ตอนที่ 13 (ต่อ)
ที่ค่ายเพลงเสียงโทรศัพท์มือถือแก้วดังขึ้น แก้วกดรับ จะอ้าปากพูดแต่แล้วก็ได้ยินเสียงเดือนรอดออกมาจากโทรศัพท์ที่เธอเอาเเนบหูอยู่
“แต่พี่ก็ มีอะไรกับแก้วแล้ว”
พิมุกเอื้อมมือมาจับไหล่เดือน ส่งสายตาให้ เดือนแอบทำหน้าแหยงๆ
“โธ่เดือน ผู้หญิงแบบนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับห้องน้ำสาธารณะ ไม่มีใครเค้าเอาจริงหรอก”
เดือนแอบไม่พอใจแต่ก็แกล้งฝืนยิ้ม
“งั้นพี่ช่วยพูดช้าๆ ชัดๆ อีกครั้งสิจ๊ะ ว่าพี่กับแก้วไม่ได้เป็นอะไรกัน”
พิมุกส่งสายตาหวานซึ้งมาให้ ดึงเดือนเข้ามาแนบ เดือนทำหน้าแหยงๆ แต่ยอมๆ ไปก่อน
“เดือนฟังพี่นะ พี่ไม่ได้รักแก้ว แล้วก็ไม่มีวันรักผู้หญิงแบบนั้นด้วย”
เดือนแอบยิ้มออกมาอย่างสะใจ ค่อยแกล้งดันพิมุกออก มองหน้ายิ้มๆ มือเดือนล้วงเข้าไปในกระเป๋า เดือนทำหน้าซึ้ง จ้องพิมุก
“ขอบคุณนะจ๊ะ พี่พิมุก เดือนสบายใจแล้ว งั้นวันนี้เดือนขอตัวกลับก่อนนะจ๊ะ”
“อ้าว เดี๋ยวสิจ๊ะ เดือน” เดือนรีบเดินไปหาป้อมกับขำแล้วรับจูงมือออกไปทันที พิมุกตะโกนตาม “เดือน พี่รักเดือนคนเดียวนะจ๊ะ เดือน”
พิมุกชะเง้อมองตาม เตี้ยกับบ่างยื่นหน้ามาจ้องพิมุก จนพิมุกต้องตบกะโหลกไปคนล่ะทีอย่างรำคาญ
มือแก้วที่บีบแก้วน้ำแน่นจนแก้วบุบน้ำเลอะออกมา แก้วยังถือโทรศัพท์แนบหูค้างอยู่ แก้วมีสีหน้าโกรธจัด น้ำตานองหน้า ปากสั่นมือสั่น
“นังเดือน”
เดือนจูงมือป้อมกับขำเดินออกมานอกค่ายมวยอย่างรวดเร็ว จนขำกับป้อมต้องช่วยกันเบรกไว้
“เดี๋ยว เดือน ไหนเล่ามาซิ ว่าเรื่องมัน...”
เดือนเอานิ้วขึ้นมาจุ๊ปาก แล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาชูให้ป้อมกับขำดู ป้อม ขำ ยื่นหน้าเข้ามาดู ก่อนจะหันไปมองหน้ากัน อ้าปากจะร้องอ๋อ แต่เดือนจุ๊ๆ ไว้ เดือนดึงโทรศัพท์กลับมาแล้วกดวางสาย ป้อมเดินเข้ามาเกาะไหล่เดือน“ร้ายนะยะตัวเทอว์”
“เจอมุกเดียวกัน ป่านนี้ยัยผีบ้าคงกระอักเลือดตายแล้วมั้ง”
“ก็ดี เค้าจะได้รู้บ้าง ว่าคนอื่นรู้สึกยังไง”
เดือนเชิดหน้าเดินอย่างมั่นใจ แต่สะดุดล้มไป ก่อนจะรีบลุกพรวดโผล่ขึ้นมาใหม่ เดินเชิดต่อ
“สงสัยจะร้ายไม่ขึ้น เดือนเอ๊ย”
ป้อมกับขำส่ายหน้าแล้วเดินตามเดือนไป
วันเดียวกันนั้นวงดนตรีของเทพ เสียงคนร้องเพลงลูกทุ่งดังลอยออกมาจากห้องซ้อม เทพนั่งเช็กรายชื่อลูกค้าอยู่หน้ายิ้มแย้ม
“เสาร์หน้างานแต่งลูกสาวเสี่ยโชค พุธหน้างานวันเกิดเมียน้อยกำนัน ศุกร์สิ้นเดือน งานแต่งรอบที่ 3 ของยายจวง เอ มีงานไหนอีก”
ก้องชะโงกหน้าเข้ามา ค่อยๆ ย่องเดินมาแกล้งตบโต๊ะตะโกนใส่เทพ
“คุณเทพ”
เทพสะดุ้งตกใจสุดตัว อุทานไม่เป็นภาษา
“ปัดโธ่ ก้อง อะไรของนายเนี่ย มีอะไรมาแต่วันเนี่ย”
ก้องหัวเราะแหะๆ เดินถูมือเข้ามาหาใกล้ๆ เทพ
“คือ แบบว่า แบบว่า”
“จะเบิกตังค์ว่างั้น”
ก้องแกล้งทำตาโตตื่นเต้น
“โอ้โห คุณก้องรู้ได้ไงเนี่ย โอ๊ว สุดยอด นี่ถ้าไม่ใช่อัจฉริยะนี่ไม่มีทางรู้เลยนะเนี่ย”
เทพล้วงเงินในกระเป๋าออกมาส่งให้ก้อง
“ไม่ต้องมาอวยมาก เห็นหน้านายชั้นก็รู้ล่ะ เอาไปแค่นี้พอ งานยังไม่ได้เล่นเลย จะมาเบิกละ”
“แหม มันมีเรื่องให้ใช้จ่ายเยอะ ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ”
“ค่าเหล้า ด้วยใช่มั๊ย”
ก้องยิ้มเจื่อนๆ เถียงไม่ออก
“เอาน่า คุณเทพ พักนี้งานเรามีเข้ามาตลอดๆ อยู่แล้ว จะว่าไปต้องขอบคุณเดือนเค้านะเนี่ย”
เทพปิดสมุด ถอนหายใจ สีหน้าเครียดขึ้นมา
“พูดถึงเดือน ชั้นรู้สึกผิดขึ้นมาเลย ที่เดือนเค้าต้องเดือดร้อนไม่รู้เป็นเพราะเราหรือเปล่า เฮ้อ”
“ไม่หรอกมั้ง เดือนเค้าอาจจะแอบรับงานนอกที่อื่นอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับเราหรอก”
สีหน้าเทพดูเป็นกังวล
ที่หน้าบ้าน รวิสตาร์ทมอเตอร์ไซค์กำลังจะออกไปข้างนอก ศิริพรเดินยิ้มร่าเข้ามาหา หน้ายังมีผ้าก๊อตซ์ติดอยู่
“รวิ จะไปไหนน่ะ”
“จะแวะไปหาไอ้ขำน่ะ จะชวนมันไปกินข้าว อ้าว หน้าเธอ”
ศิริพรแกล้งทำน่าสงสาร เอามือขึ้นมาจับหน้าตัวเอง
“ก็แผลเมื่อวานก่อนที่เดือนกับเพื่อนเค้า” ศิริพรแกล้งบีบน้ำตา รวิทำหน้าแปลกใจ
“เดือนไม่ได้ทำนะ เอ๊ะที่เห็นมันเป็นรอยนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ”
ศิริพรทำหน้าเลิ่กลั่ก คิดมุกโกหกรวิ
“เอ่อ เอ่อ อ๋อ พอดีมันโดนน้ำน่ะ แผลมันก็เลยขยายจ้ะ” รวิทำหน้าแปลกใจรู้สึกว่ามันแปลก “แหะๆ เอ่อ ช่างมันเถอะจ้ะ ชั้นไม่ได้โกรธอะไรเค้าแล้ว”
รวิพยักหน้า พยายามจะเข้าใจ
“แล้วเธอจะไปไหนเนี่ย”
ศิริพรแอบยิ้ม
“อ๋อก็ว่าจะไปจองตั๋วรถทัวร์หน่อย อาทิตย์หน้าจะขึ้นกรุงเทพ”
“จะไปแล้วค่อยซื้อก็ได้มั้ง ไม่น่าจะเต็มมั้ง”
“ไม่เสี่ยงอ่ะ อาทิตย์หน้ามีหยุดยาวตั้งหลายวัน” รวิพยักหน้า รับรู้ ไม่คิดอะไร “แต่แดดมันก็ร้อนจังนะ รถก็ไม่มี เฮ้อ ทำยังไงดีน้า”
“ถ้างั้น...”
ศิริพรถลาเข้ามาใกล้
“รวิจะไปส่งชั้นเหรอ อะไรนะ จะไปส่งท่ารถด้วยกัน หา ขึ้นเลยไม่ต้องเกรงใจ โอเค ขอบใจจ้ะ”
พูดจบ ศิริพรโดดขึ้นซ้อนรวิทันที มือเกาะเอวแน่น รวิได้แต่อ้าปากค้างพูดไม่ทัน จำใจสตาร์ทรถ ขับออกไป
ขณะนั้นเดือนกับป้อมนั่งเม้าท์กันอยู่บนรถทัวร์
“จริงๆ เราน่าจะอยู่ต่อซักอีก 2-3 วันนะ ไหนๆ มันก็สั่งพักงานเราตั้งเดือนหนึ่ง”
“กลับน่ะดีแล้ว ไม่อยากเห็นหน้าคนบางคน อีกอย่างเดือนก็ต้องซ้อมงานคอนเสิร์ตด้วย”
“เอาให้เต็มที่เลยนะเดือน คอนเสิร์ตใหญ่แห่งปี”
เดือนยิ้มพยักหน้ารับ หยิบขนมขึ้นมากิน
“แน่นอน งานนี้ชั้นมีไอเดียจะเสนอพวกพี่เค้าด้วย”
“ต๊าย ที่เมื่อวานหายไปตอนเย็นเนี่ย ไปนั่งคิดงานมาเหรอจ๊ะ ขยันเกินหน้านะคะคุณน้อง” เดือนยิ้มๆ เปลี่ยนเรื่องพูด
“เออ พี่ป้อมเดี๋ยวไปถึงเราแวะซื้อของกันหน่อยนะ”
“พี่ก็มีของที่จะซื้อเหมือนกัน ตะกี๊ก็ดันลืม สงสัยต้องยืมของเดือนก่อนแล้วล่ะ”
“เอาสิ จะเอาอะไรเหรอ”
“ผ้าอนามัยน่ะ เผื่อไว้ แต่จริงๆ มันไม่มาตั้งหลายเดือนแล้วนะ พี่ล่ะกั๊วกลัวจะท้อง”
เดือนกับป้อมมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา เสียงดัดจริตๆ แทรกขึ้นมา
“เหมือนกันเลยเธอ ของชั้นไม่มาเป็นปีแล้วอ่ะ ท้องแน่เลย”
ขำโผล่หน้าขึ้นมาจากเบาะด้านหลัง ป้อมหันไปมองขำแล้วกลับมานั่งบ่นอุบอิบ
“ลืมไปเลย ว่ามันขอมาเที่ยวด้วย”
ขำจีบปากจีบคอ ทำตาปริบๆ เดือนหัวเราะแล้วส่งขนมให้ขำหยอกล้อเล่นกันไป 3 คน
“มีใครจะเข้าห้องน้ำมั้ย”
ป้อมกับขำส่ายหน้า
“เอาซะหน่อยดีกว่า อยู่กันดีๆ อย่าตีกันล่ะ”
เดือนเดินลงจากรถทัวร์ที่ยังจอดอยู่ที่ท่ารถ
เดือนเดินผ่านผู้คนไปเข้าห้องน้ำ หลายคนมองเดือนแบบจำได้ เดือนเดินยิ้มก้มหน้ามุ่งตรงไปยังห้องน้ำ
รวิเดินคู่มากับศิริพร
“รวิจะอยู่แถวไหน เดี๋ยวจะไปจองตั๋วรถที่ช่องขาย”
“ไปเหอะ เดี๋ยวดูหนังสืออยู่ที่แผงเนี่ย”
“ขอบคุณนะ อุตส่าห์มาส่ง” รวิพยักหน้าแบบไม่เต็มใจนัก “อ่ะๆ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวให้ก็ได้ เจ้าชู้นักเชียว”
ศิริพรหยิกแก้มรวิ ก่อนเดินจากไป รวิเนือยๆ เดินไปดูแผงหนังสือ เขาเห็นปกหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหน้าเดือน
รวิหยิบขึ้นมาอ่านดู เดือนเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว เดินย้อนกลับมา เห็นปกหนังสือหน้าตัวเอง เล่มสุดท้าย ที่รวิยกถือบังหน้าอยู่ เดือนเดินเข้าไปดูหน้าปกตัวเองใกล้ๆ รวิเอาหนังสือลง ทั้งคู่เห็นหน้ากันระยะใกล้ ต่างคนต่างทำหน้าไม่ถูกนัก ยังมีเรื่องค้างใจกันอยู่
“เดือน”
เดือนพยักหน้าหงึกหงัก
“จะไปไหนเหรอ” เดือนถาม
รวิเหินห่าง น้อยใจ ส่ายหน้า
“เปล่า”
“ท่ารถ คงไม่ได้ตั้งใจมาซื้อหนังสือล่ะมั้ง”
รวิมองหน้าปก
“ถ้าซื้อ คงซื้อเล่มอื่น”
เดือนน้อยใจ พยักหน้า
“งั้นเล่มนี้ขอซื้อไปอ่านบนรถนะ”
รวิพยักหน้า ส่งหนังสือให้เดือน เดือนเอาไปจ่ายสตางค์ เธอน้อยใจรวิ ต่างคนต่างนิ่งมองกัน เมื่ออีกฝ่ายมองมา อีกคนก็เมินไปทางอื่น
“กลับแล้วใช่มั้ย” เดือนส่ายหน้า
“ไป ไม่ใช่ กลับ บ้านเดือนอยู่ที่นี่”
“ใช่เหรอ”
เดือนกล้ำกลืนน้อยใจ ฝืนพยายามไม่พูดอะไร ศิริพรเดินถือตั๋รถกลับมา เห็นทั้งคู่ยืนเงียบอยู่ใกล้กัน ศิริพรรีบเดินเข้ามากอดเเขนรวิทันที
“มารออยู่นี่เอง ได้ตั๋วรถแล้ว”
เดือนมองรวิ
“มาซื้อตั๋วรถนี่เอง”
ศิริพรพยักหน้า
“คนเขามีน้ำใจ นี่ใจคอจะไม่บอกลากันซักคำ จะไปเลยเหรอ”
รวิชิงตอบเเทนเดือนที่กำลังจะตอบ
“กลับ ไม่ใช่ไป เดือนเขาไม่ใช่คนของที่นี่แล้ว”
เดือนกลืนน้ำลายน้อยใจ ศิริพรรู้ว่าตัวเองเป็นต่อจึงแกล้งถาม
“ใช่มั้ย”
เดือนนิ่งมองรวิ เธอพยักหน้าตอบเบาๆ
“ตอบยังไง ก็คงไม่มีความหมาย ก็ตั้งคำตอบเอาไว้ในใจตัวเองอยู่แล้วนี่”
รวิไม่พูดอะไร เดือนเดินจากไป ศิริพรมองตาม พอเดือนเดินพ้นรวิ เธอก็น้ำตาไหลออกมา เสียงเพลงจากร้านขายเทปแถวนั้น ดังเป็นเสียงร้องเพลงของเดือนที่เศร้าสร้อย รวิเองก็เดินออกไปอีกทางอย่างน้อยใจไม่แพ้กัน
บนรถทัวร์ ขำกับป้อมชะเง้อมองหาเดือน รถทัวร์สตาร์ทเครื่องแล้ว เพลงบนรถทัวร์ก็เป็นเพลงเดียวกับร้านขายเทป
“มันฉี่ หรือว่าอึกันแน่ นานเกิ๊น” ป้อมบ่น
เดือนเดินถือหนังสือขึ้นรถมา น้ำตานอง
“เป็นไร เดือน” ขำถามอย่างตกใจ เดือนส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรได้ไง ใครว่าอะไร”
เดือนถอนใจ มองออกไปข้างนอกรถ ไม่พูดอะไร
“อารมณ์นี้ จะสนุกมั้ยเนี่ย ไปกรุงเทพ”
“เดือนไม่ได้ไปกรุงเทพ เดือนกำลังกลับต่างหาก” เดือนแย้งและไม่พูดอะไรอีก ขำกับป้อมได้แต่มองหน้ากัน
รถทัวร์แล่นออกจากท่ารถ พร้อมกับเพลงเศร้า เพลงเหงาๆ ของเดือน
รวิขี่มอเตอร์ไซค์มาตามถนนโดยมีศิริพรซ้อนท้าย สีหน้าศิริพรยิ้มแย้มมีความสุข กอดรวิแน่นขึ้นอีก
“เอ่อ ศิริพร ไม่ต้องเกาะแน่นมากก็ได้ ชั้นหายใจไม่ออกนะ” รวิบอก
“อุ๊ย ขอโทษจ้ะ เผลอไปหน่อย”
รถเก๋งคนหนึ่งขับแซงทั้งคู่ไป ก่อนจะจอดกะทันหันแล้วถอยหลังมาขนาบข้างเปิดกระจกออก พิมุกโผล่หน้าออกมา
“โอ๊ะโอ กลางวันแสกๆ แนบเนื้อกันซะขนาดนี้” รวิขี่รถไปด้วยพยายามไม่สนใจ แต่พิมุกก็ขับขนาบข้างไปเรื่อยๆ “ไง ศิริพร ทำสำเร็จแล้วนี่ ดีใจด้วย แต่จริงๆ เธอต้องขอบคุณชั้นนะ”
“ทำไมชั้นต้องขอบคุณเธอ”
“ก็ขอบคุณชั้น ที่ทำให้น้องเดือนมาหลงรัก ทำให้เธอหมดคู่แข่งไง” รวิที่ขี่รถอยู่ หันขวับมามองหน้า พิมุกยักคิ้วอย่างยียวนใส่รวิ“เมื่อเช้า น้องเดือนเค้ามาสารภาพรักกับชั้นแล้ว แหมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก” รวิบิดรถเร็วขึ้นอีก พยายามแซงไป แต่พิมุกก็ยังจี้มาอีก “อ้าว จะรีบไปไหนเล่า รับความจริงไม่ได้เหรอไง”
“รวิ อันตรายนะชั้นกลัว”
ศิริพรแกล้งกอดรวิแน่นขึ้น แต่แอบส่งสายตาหยิ่งยโสมาให้พิมุก รวิขับเร็วขึ้นและตัดสินใจปาดหน้า จนพิมุกต้องหักหลบไปเสยเข้ากับข้างทาง ส่วนรวิขี่ออกไปอย่างไม่สนใจ
พิมุกหน้าซีดตกใจ เปิดประตูลงจากรถ มายืนเท้าเอวด้วยความโกรธ
“ไอ้รวิ ไอ้หมาบ้า”
อ่านต่อตอนที่ 14