xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 14

ภายในห้องพักตะวัน น้ำค้างทุบหัวตัวเองเบาๆ
“เลิกคิดๆ เลิกคิดได้แล้วน้ำค้าง เธอจะไปคิดถึงเค้าทำไม”
น้ำค้างคิดถึงตอนที่เธอกับตะวันเดินเข้าไปในสวนแล้วเห็นพีระกอดโรสริน ตะวันกับน้ำค้างถึงกับอึ้งนิ่งไป
ปัจจุบัน น้ำค้างพยายามจะลืมให้ได้
“บอกให้เลิกคิด ยังจะคิดถึงอีก เลิกคิดๆ” เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น “พี่ตะวันเหรอ”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นอีก น้ำค้างเดินไปเปิดประตูห้องแล้วก็ตกใจเพราะคนตรงหน้าคือพีระ
“นายพี”
น้ำค้างดันประตูให้พีระออกไป
“เดี๋ยวก่อน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะเคลียร์กับนาย”
“แน่ใจเหรอว่าไม่มี ถ้าไม่มีแล้วเธอจะหึงฉันทำไมน้ำค้าง”
พีระใช้แรงผลักประตูเข้ามาข้างในห้องจนได้ น้ำค้างจะหนีไป พีระขวางหน้าประตูไว้แล้วมองขู่
“หึหึ เธอหนีไปไหนไม่รอดหรอกน้ำค้าง”
น้ำค้างมองหน้าพีระอย่างหวั่นใจ เพราะไม่รู้ว่าพีระจะทำอะไรกันแน่

โรสรินไปถามหาตะวันกับพนักงานของโรงแรม
“ไม่เห็นคุณตะวันเลยครับ”
โรสรินเดินไปเจอพนักงานโรงแรมอีกคนหนึ่ง
“นายเห็นตะวันรึเปล่า เค้าอยู่ที่ไหน”
“ไม่เห็นเลยครับคุณโรส”
โรสรินเห็น รปภ.ของโรงแรมเดินผ่านเข้ามาจึงเดินเข้าไปหา
“นายไปเช็กกล้องวงจรปิดด้วย ดูว่าตะวันอยู่ที่ไหน ถ้าเจอตัวรีบมาบอกฉัน”
โรสรินมีสีหน้าห่วงใยความรู้สึกตะวันขึ้นมา

ภายในห้องพักตะวัน พีระเดินเข้ามาหาน้ำค้าง น้ำค้างผงะไปติดปลายเตียง
“อย่านะ นายจะทำอะไรฉัน”
“อยู่นิ่งๆ เถอะ ฉันใช้เวลาแค่แป๊บเดียว”
น้ำค้างคว้าแจกันดอกไม้เป็นอาวุธ
“อย่าคิดลามกกับฉันเด็ดขาด”
“ฉันไม่เคยคิดลามกกับเธอ ไม่เคยคิดอยากจะล่วงเกินเธอ แต่ฉันอยาก…”
“อยาก อยากอะไร”

พีระตัดสินใจเข้าไปกอดน้ำค้างเลย น้ำค้างมือไม้อ่อน ทำแจกันที่อยู่ในมือร่วงตกพื้น พีระกอดน้ำค้างรู้สึกไม่อยากปล่อยอ้อมกอดนี้เลยตลอดชีวิต
“ฉันแค่อยากกอดเธอ เพื่อความมั่นใจ”
น้ำค้างเขิน หมดแรง
“มั่นใจว่าอะไร”
“มั่นใจว่าฉันไม่อยากกอดใครอีกเลย ฉันขอกอดโรสรินเพื่อพิสูจน์ว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอแล้ว และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ” สีหน้าพีระจริงใจมากๆ “มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่ฉันกอดเธอไว้แบบนี้”
น้ำค้างซบที่อกอบอุ่นของพีระ คล้ายวิญญาณจะล่องลอยหลุดจากร่าง
“แล้วตอนนี้นายรู้สึกยังไง”
“จากใจเลยนะ โคตรมีความสุขเลย ถ้าฉันมีเธอข้างกายแบบนี้ฉันคิดไม่ออกว่าชีวิตฉันยังต้องการอะไรอีก”
น้ำค้างมองตาพีระอย่างอึ้งๆ
“เว่อร์”
“จริง ถ้าตอนนี้ใครเอามีดมาแทงฉัน ฉันก็ไม่ปล่อยมือจากเธอ”
น้ำค้างยิ้มเคลิ้มสุดๆ พลันโรสรินเปิดประตูผลัวะเข้ามา โรสรินอึ้งที่เห็นพีระกอดน้ำค้าง
“มีใครเห็นตะวันมั้ย”

โรสรินถามแต่ พีระไม่สนใจโรสริน ยังกอดน้ำค้างอยู่ น้ำค้างดันพีระ แต่พีระไม่ปล่อย
“ไม่ค่ะ พี ปล่อยสิ”
“ตามสบายนะ”
โรสรินปิดประตูห้อง น้ำค้างทุบพีระเบาๆ
“ปล่อยได้แล้ว”
“ขอต่อเวลาอีกห้านาที ฉันมีความสุขที่สุดเลยน้ำค้าง”
พีระกอดน้ำค้างไว้แบบนั้น น้ำค้างเอื้อมมือออกไปโอบแผ่นหลังของเขา จากเดิมที่พีระกอดน้ำค้างก็เลยกกลายเป็นพีระกับน้ำค้างกอดกันในที่สุด

บนดาดฟ้าของโรงแรม ตะวันกลิ้งแหวนในมือเล่น สายตาเหม่อมองทิวทัศน์เบื้องหน้า โรสรินเดินเข้ามาจากด้านหลัง
“ทำไมไม่ไปตามนัด หนีขึ้นมาทำไมที่นี่”
“มือคุณยังเหลือที่ว่างให้แหวนของผมรึเปล่า” ตะวันถามโดยไม่หันมา
โรสรินเดินไปขวางหน้าตะวันไว้ ชูมือให้ดู
“นายตะวันจอมเข้ม เดี๋ยวนี้รู้สึกจะหวั่นไหวง่ายจังนะ”
ตะวันมองตาโรสรินอย่างจริงใจที่สุด
“ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณไม่เคยหวั่นไหว ก็แค่ใจหายบ้างที่มีคนกอดสุดที่รักของผม”
“น่ารักจัง” ตะวันกอดโรสรินไว้จากด้านหลัง “พีระเค้าอยากพิสูจน์ว่าเค้ายังรักฉันอยู่รึเปล่า แต่คำตอบคือไม่ แต่ถึงยังไงไม่ว่าใครจะรู้สึกกับฉันยังไง มันไม่สำคัญเท่าฉันรู้สึกกับนายยังไง” โรสรินหันมาแล้วกอดตะวันไว้ ตะวันจูบหน้าผากโรสรินเบาๆ “จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะอยู่เคียงข้างกันแบบนี้ใช่มั้ยตะวัน”
“ครับ คุณมีค่ากับชีวิตผมมาก ผมจะรักษาความรักของเราให้คงอยู่ตลอดไป” ตะวันบรรจงสวมแหวนให้โรสริน แล้วจูบมือเธออย่างแผ่วเบา “คราวนี้ไม่ถอดแหวนแล้วนะ สัญญา”
โรสรินเกี่ยวก้อยสัญญากับตะวัน ตะวันกับโรสรินกอดกันอย่างรักและเข้าใจ

ตะวันกับโรสรินเดินจูงมือกันมาถึงหน้าห้อง ตะวันมองโรสรินตาไม่กระพริบ
“มองอะไร”
“มองว่าที่ภรรยา”
“บ้า” โรสรินอาย
“ใช่ รักจนจะบ้าอยู่แล้ว ขอบคุณที่มาส่งนะครับ เดี๋ยวเจอกันที่ห้องทำงาน”
ตะวันผลักประตูเข้าไปก็ต้องอึ้งที่เห็นพีระกับน้ำค้างยังกอดกันอยู่ ตะวันมองอย่างอึ้งสุดๆ
“ยังกอดกันอยู่อีกเหรอเนี่ย”
“นี่กอดกันนานแล้วเหรอ”

พีระ น้ำค้าง หันมองตะวันกับโรสรินอย่างเหวอๆ

น้ำค้างมีสีหน้าอายๆ เขินๆ ขณะที่พีระบอกกับตะวันอย่างสุภาพบุรุษ
“นายไม่ต้องถามฉันหรอกว่าเรื่องของฉันกับน้ำค้างเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าฉันจะไม่ทำให้น้ำค้างเสียใจ เหมือนที่ผ่านมา”
“ผมจะไว้ใจคุณได้ยังไง”
พีระมองตาตะวัน บอกความรู้สึกจากใจ อย่างจริงใจ
“แค่ให้โอกาสฉันได้ดูแลน้องสาวนาย ฉันจะทำทุกอย่างให้น้ำค้างมีความสุข”
“ผมจะให้โอกาสคุณ แต่ถ้าน้ำค้างเสียใจขึ้นมาล่ะก็ คุณกับผมเป็นเรื่องกันแน่”
“ไม่มีปัญหา แล้วถ้านายทำให้โรซี่ต้องเสียน้ำตา นายมีปัญหากับฉันแน่นอน”
ตะวันยิ้มให้คำมั่นกับพีระ
“หวังว่าคงไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับเราอีกแล้ว”
“พี่ตะวันคะ เดชามันจะยอมหยุดจริงๆ ใช่มั้ย” พอน้ำค้างพูดถึงเดชา ทุกคนก็เครียดขึ้นมาทันที “พี่ตะวันรู้จักเดชาดีที่สุด พี่คิดว่าเดชาจะยอมแพ้จริงๆ เหรอ”
“ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
ตะวันบอกแต่สีหน้ามีความหนักใจขึ้นมา

อีกด้านหนึ่งที่บ้านตะวัน ชาญเป็นลมนั่งอยู่ที่เก้าอี้ม้าโยก อาทิตย์ มยาดมยาหม่องให้ อึ่งอยู่ข้างๆ ชาญคุยโทรศัพท์กับตะวันอยู่
“ปู่คุยไม่ไหวแล้วจ๊ะพี่ตะวัน เป็นลมรอบที่สามแล้วเนี่ย โธ่เอ๊ย เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้เก็บไว้ทำม๊าย”
อึ่งต่อว่าตะวัน

ตะวันคุยโทรศัพท์หน้าเครียด
“ตอนนั้นยังบอกไม่ได้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ทุกคนต้องรู้และระวังตัวให้ดี ฉันไม่ไว้ใจมันเลย บางทีไร่ตะวันอาจจะเป็นเป้าหมายของมัน”

อาทิตย์ อึ่ง สีหน้าเครียดไปกันหมด ชาญสะลึมสะลือขึ้นมา
“เอามา ข้าคุยเอง” ชาญคว้าโทรศัพท์จากอึ่ง “นี่ปู่นะ เฮ้อ พอปู่จะมีความสุขเรื่องเอ็งกับหนูโรส ก็ดันมีไอ้เดชาเป็นมารซะได้”
ตะวันมีสีหน้าเครียด
“ผมอยากให้ปู่จัดเวรยามคอยเฝ้าระวัง ทุกประตูทางเข้าออกในไร่ของเรา ถ้าผมเดาใจมัน ไอ้เดชามันคงไม่กล้าเข้ามาที่โรงแรมอีก ผมกลัวว่าไร่ของเราตกเป็นเป้าหมายที่มันจะล้างแค้น”
ชาญครุ่นคิดอย่างมีสติ
“ปู่จะรอบคอบที่สุด เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงไปล่ะ ตอนนี้เดชามันเหมือนเสือลำบาก ไม่ได้มีอำนาจเหมือนเมื่อก่อน แถมตำรวจก็ตามตัวกันให้วุ่น คงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นหรอก”
ตะวันยังไม่หายเครียดและกังวล
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี แต่เสือลำบากที่กำลังจนตรอก มันขย้ำไม่เลือกแน่”

คืนนั้นตะวันขับรถเข้ามาส่งโรสรินที่หน้าบ้าน เห็นตำรวจในและนอกเครื่องแบบเฝ้าอยู่ตามบริเวณบ้าน
ตะวันและโรสรินลงจากรถ
“ตำรวจจะต้องคุ้มกันฉันนานแค่ไหน ฉันอยากใช้ชีวิตแบบปกติ”
“ก็จนกว่าจะแน่ใจว่าคุณจะไม่ถูกคุกคามจากนายเดชา”
“แต่ตอนนี้ฉันว่าเป้าหมายของเดชา คือนายมากกว่าฉันนะ ดูแลตัวเองนะตะวัน นายจะเป็นอะไรไม่ได้นะ”
“ผมห่วงคนที่ไร่ตะวันมากกว่า ถ้าพวกเค้าไม่ปลอดภัย ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย”
“ไม่อยากเชื่อว่าคนแค่คนเดียว จะทำเรื่องร้ายแรงได้แบบนี้”
“ถ้าผมมั่นใจว่าคุณปลอดภัยแล้ว ผมอาจจะกลับไร่ตะวัน”
โรสรินมองหน้าตะวันอย่างใจหาย
“ฉันไปกับนายด้วย”
“เชื่อผม คุณอยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่า”
“ทำไมรักของเราถึงมีอุปสรรคมากขนาดนี้”
ตะวันจับมือโรสรินขึ้นมาจูบแผ่วเบา
“อดทนนะครับ เรื่องร้ายๆ ทั้งหมดมันจะต้องผ่านไป แล้วจะไม่มีอะไรขัดขวางความสุขของเราได้อีก”
โรสรินโผกอดตะวันอย่างรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในอ้อมกอดของตะวัน

วันต่อมาที่โรงพยาบาล กิตติทัตเซ็นใบจ่ายยาให้ผู้ป่วย
“เรียบร้อยแล้วครับ หมอจ่ายยาวิตามินแล้วก็ยาคลายเครียดให้ ทานหนึ่งเม็ดก่อนนอนจะช่วยให้หลับง่ายสบายขึ้น” ขณะที่กิตติทัตเซ็นใบจ่ายยาอยู่ พยาบาลก็พาผู้ป่วยเข้ามา กิตติทัตยังไม่เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร “เชิญครับ”
กิตติทัตเงยหน้าขึ้นมองผู้ป่วยที่นั่งตรงหน้าก็อึ้งไป เพราะคืออุษาวดีนั่นเอง “คุณอุษา”
อุษาวดีมีสีหน้าเศร้ามาก พลันน้ำตาก็ไหลออกมา
“หมอช่วยรักษาโรคโง่ให้ฉันได้มั้ย”
กิตติทัตถอนใจ มองห่วงๆ
“อาการเป็นยังไงครับ”
“นิสัยไม่ดี เห็นผิดเป็นชอบ หักหลังคิดเอาชนะเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน เพราะคำว่ารัก คำเดียว ฉันเกือบทำลายชีวิตคนทั้งชีวิต”

อุษาวดีค่อยๆ สะอื้นออกมาอย่างมีเรื่องทุกข์สุมอยู่ในใจ กิตติทัตมองอย่างสงสารสุดใจ

อุษาวดีอยู่ในอาการซึมเศร้า น้ำตาเอ่อ
“ชีวิตโรสจะเป็นยังไงถ้าอยู่ในเงื้อมมือของเดชา” กิตติทัตเสียงเครียด
“เป็นความผิดของฉันเอง เพราะความโง่ของฉันเอง”
กิตติทัตซับน้ำตาให้
“อย่าโทษตัวเองเลยครับ”
กิตติทัตยิ้มให้อุษาวดีอย่างเข้าใจ
“ฉันมองหน้าทุกคนไม่ติดแล้ว ฉันทำผิดจนไม่น่าให้อภัย ฉันน่าจะรู้ว่าไม่มีอะไรที่ทำลายความรักของโรสกับตะวันได้ ฉันน่าจะรู้ว่าฉันไม่มีทางแทรกกลางความรักของเค้าได้ ทำไมฉันถึงโง่แบบนี้” อุษาวดีร้องไห้อย่างอัดอั้น “ขอบคุณหมอนะคะ ที่ไม่รังเกียจนังหน้าโง่ที่หน้าสมเพชที่สุดคนนี้”
“อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ ผมชื่นชมคุณด้วยซ้ำที่ไม่ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างมันถลำลึกไปมากกว่านี้ เสียใจได้แต่อย่าทุกข์ใจนานนะครับ”
“ฉันโอเค ฉันไม่เป็นไร ฉันต้องไม่เป็นอะไร”
กิตติทัตจับมือ มองตาอุษาวดีอย่างห่วงใย
“มองตาผม” อุษาวดีหันสบสายตากิตติทัต รู้สึกหวิวใจบอกไม่ถูกกับสายตาอบอุ่นอ่อนโยนของกิตติทัต “บางครั้งการบอกว่าไม่เป็นไร ก็แค่ให้ปัญหามันจบไป ทั้งๆ ที่ใจของคุณยังค้างคา ถ้าคุณทิ้งอดีตไม่ได้ ก็เก็บอดีตไว้เป็นบทเรียน แล้วเดินหน้าต่อนะครับ ผมเชื่อในตัวคุณ ผมเชื่อว่าผมมองคุณไม่ผิด ผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ”
กิตติทัตทิ้งสายตาให้อุษาวดีอย่างห่วงใย อุษาวดีมองตามกิตติทัต รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างประหลาด

น้ำค้างยืนอยู่กับณรงค์และยุนอาที่ล็อบบี้โรงแรม กำลังคุยกับตำรวจ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ทางเราจะดูแลความปลอดภัยให้ทุกคนอย่างเต็มที่” ตำรวจบอก
“ฝากคุณตำรวจด้วยนะครับ”
ตำรวจเดินออกไป
“อุ๊ต๊ะ มาโน่นแล้ว” ยุนอาชี้มือ ณรงค์ตกใจ
“ไหนๆ คนร้ายมาเหรอ”

ณรงค์ น้ำค้างหันขวับไปมองเห็นพีระเดินยิ้มเข้ามา
“ตกใจหมดเลย แล้วนี่จะมาชวนหนูโรสไปกินข้าวอีกล่ะสิ ขยันตื๊อจริงๆ นะนายเนี่ย”
“ทำใจเถอะค่ะคุณพีระ”
“ใครบอกว่าผมมาชวนโรสไปทานข้าว” พีระเข้าไปใกล้ๆ น้ำค้าง “ทำงานตั้งแต่เช้าข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้อง ไปกินข้าวกันเหอะ”
น้ำค้างมองพีระเหวอๆ
“เอ่อ แต่ฉันหาข้อมูลงานอีเว้นท์ให้พี่โรสอยู่นะ”
“เออน่า แป๊บเดียวๆ ไปๆ ขอตัวน้ำค้างก่อนนะครับท่าน” พีระหันไปบอกณรงค์
“เอ่อ เดี๋ยวพีระ นาย เดี๋ยวสิ”
พีระจูงน้ำค้างออกไปเลย ณรงค์ ยุนอา มองตามอย่างเหวอๆ
“สองคนนั่น แอบกุ๊กๆ กิ๊กๆ ครุๆ คริๆ งุ๊งๆ งิ๊งๆ กันตอนไหนคะเนี่ยท่านประธาน”

พีระจูงมือน้ำค้างมาที่รถ น้ำค้างมองอายๆ แกะมือพีระออก
“เดินได้ ไม่ใช่เด็ก ไม่ต้องจูง”
“ใจร้าย เธอเชื่อมั้ย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเดินจูงมือใครเลยนะ”
“ถามจริง”
“จริง ถ้าโกหกขอให้ฟ้าผ่ายาย”
“ฟ้าผ่าตาย”
“นั่นแหล่ะ”
น้ำค้างสังเกตเห็นที่นิ้วมือพีระเต็มไปด้วยพลาสเตอร์ปิดแผล
“มือนายเป็นอะไรน่ะ”
พีระยิ้ม ไม่ตอบคำถาม

พีระเปิดประตูรถ หยิบช่อกุหลาบออกมา ช่อกุหลาบที่จัดตกแต่งไม่สวยเอาซะเลยเพราะพีระเป็นคนจัดเอง เขายืนช่อกุหลาบให้น้ำค้าง เธอถึงกับอึ้งไป
“นอกจากฉันไม่เคยจูงมือใคร ฉันยังไม่เคยห่อดอกไม้ให้ใครเลยนะ ดอกไม้อะไรไม่รู้ หนามแหลมชะมัด รับไปสิ ทำให้จากใจนะ”
น้ำค้างยอมรับดอกไม้
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้”
พีระเห็นน้ำค้างยิ้มออกมา อย่างสุขใจขึ้นมา
“ฉันไม่รู้หรอกว่าขนาดนี้น่ะมันขนาดไหน ฉันรู้แค่ว่าฉันทำได้ทุกอย่าง เพื่อแลกกับรอยยิ้มของเธอ ป่ะ ฉันหิวแล้ว”
น้ำค้างยิ้มเขินๆ พีระมองอย่างสุขใจสุดๆ

ที่ไร่ตะวัน ชาญคุยโทรศัพท์มือถืออยู่กับตะวัน ขณะที่อึ่ง อาทิตย์ คนงานกำลังให้ปุ๋ย รดน้ำแปลงกุหลาบอยู่
“สถานการณ์สงบ ทุกอย่างปกติดี คนงานยังอยู่ครบ ไม่มีใครมารังควาน ถ้าไม่เชื่อดูนี่” ชาญหันไปบอกทุกคน “เฮ้ย พวกเรา ร่าเริงกันหน่อย จุ๊กกรู๊”
อึ่ง อาทิตย์ คนงาน ส่งเสียงเฮ
“พวกเราสบายดีไม่ต้องห่วงนะครับ” อาทิตย์บอก
“พี่ตะวันไม่ต้องกังวลนะ รักพี่นางฟ้าให้มากๆ นะคะ” อึ่งบอก
“จัดไปหนึ่งบทเพลง”
ทุกคนเต้นเพลง”ขอใจเธอแลกเบอร์โทร”
“ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ ลงทะเบียนฝากไว้…”

ตะวันกับ โรสรินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน บนโต๊ะเห็นวางโน๊ตบุ๊คและแฟ้มงานต่างๆ ทั้งคู่อมยิ้ม กับเสียงที่ได้ยิน
“เชื่อแล้วครับปู่ ว่าสถานการณ์ปกติจริงๆ”
“คิดถึงทุกคนนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ แล้วโรสจะกลับไปหาทุกคนนะ คิดไร่ตะวันจะแย่แล้ว”
“แล้วติดต่อกันเรื่อยๆ นะครับปู่ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบบอกนะครับ ครับ สวัสดีครับ”
โรสรินโบกมือบ๊าย บาย ตะวันถอนใจ สีหน้ายังไม่หายกังวล
“เห็นพวกเค้ายังมีความสุขผมก็โล่งใจได้บ้าง”
โรสรินขยี้หว่างคิ้วตะวัน
“ถ้าโล่งใจก็อย่าทำคิ้วขมวด เรามาคิดในทางที่ดีไว้ดีกว่า” เธอจับมือตะวัน “ฉันเชื่อว่าเราจะเจอแต่เรื่องดีๆ เรื่องร้ายๆ มันกำลังจะผ่านพ่นไปแล้ว”
“ครับ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
ตะวันยิ้มให้โรสริน เธอหันไปง่วนกับโน๊ตบุ๊ค

“นายช่วยฉันดูตัวอย่างวีดีโอพรีเซนเทชั่นนี่หน่อยสิ ว่าโอเครึยัง ต้องปรับตรงไหนมั้ย”

อีกด้านหนึ่งที่หลังตลาด มาลัยกำลังหยิบผลไม้จากหลังรถกระบะใส่ในเข่งรถเข็น แม่ค้าขายผักก็กำลังขนผักใส่ในเข่งเหมือนกัน
“โอ๊ย เหนื่อยโว้ย ร้อน เกิดเป็นแม่ค้าทำไมมันลำบนแบบนี้วะ”
มาลัยสีหน้าบูดๆ อารมณ์ไม่ดี แม่ค้าหันไปแขวะมาลัย
“โถ คุณนายมาลัย เลิกบ่นเห๊อะ วาสนาเอ็งมันได้เท่านี้จริงๆ”
“โม้ซะลั่นตลาดว่าจะเป็นสะใภ้ไร่ตะวัน สุดท้ายก็ก้มหน้าขายผลไม้เหมือนเดิม” มาลัยโมโห
“อ้าวเฮ้ย หนอนไปตายในปากรึยัง ทำไมปากเน่าแบบนี้ จะล้อกันยันลูกบวชเลยรึไง”
“หวังดีนะเว้ยถึงได้เตือน เอ็งไปทำแสบกับไร่ตะวันไว้ เขาไม่เอาแกเข้าคุกก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว”
มาลัยโยนผลไม้ลงเข่งอย่างอารมณ์เสีย
“ไม่ขงไม่ขายมันแล้วเว้ย ฉันเบื่อ ฉันเหนื่อย ฉันอยากสบาย”
“ตั้งใจทำมาหากินสิวะ ขยันวันนี้ วันหน้าจะได้สบาย”
“ถ้างั้นขี้เกียจวันนี้ จะได้สบายตอนนี้เลย กลับบ้านนอนแล้วเว้ย”
แม่ค้าส่ายหัวกันอย่างเอือมระอามาลัย มาลัยเดินหนีออกไปพลันก็ชะงักที่เห็นลูกน้องเดชา 2 คน เดินเข้ามาที่ทางหนึ่ง มาลัยมองไปที่ลูกน้องเดชา ตัวใหญ่หนวดเคราครึ้ม จดจำง่าย
“เฮ้ย ลูกน้องเสี่ยเดนี่หว่า” มาลัยครุ่นคิดอย่างสนใจมาก “ไม่เห็นหัวตั้งนานแล้ว อยู่ๆ โผล่มาทำไมวะ” ลูกน้องเดชาทั้งสองคนขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างทางแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป “สงสัยตะหงิดๆ เว้ยเฮ้ย”
มาลัยตัดสินใจวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ ของตัวเอง แล้วขี่รถตามไปทันที

ภายในโกดังร้างห่างไกลชุมชน ล่ำ แหลม ลูกน้องเดชาหลายคน ยืนรอฟังคำสั่ง เดชาเดินมาดเข้มเข้ามา
“ฉันมีงานให้พวกแกทำ”
บรรดาลูกน้องเดชาหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ตัดไม้เหรอครับเสี่ย มันจะไม่เสี่ยงไปเหรอครับ”
“งานที่ฉันจะให้พวกแกทำง่ายกว่านั้นเยอะ”
เดชาถอดแว่นดำออกมา เผยให้เห็นดวงตาแข็งกร้าว
“สั่งมาได้เลยครับเสี่ย”
“ล่อให้ตะวันมันโผล่หัวออกมาหาฉัน ฉันจะฆ่ามันด้วยมือของตัวเอง”

ขณะนั้นมาลัยแอบมองอยู่ใกล้ๆ ที่รอยแตกของผนังโกดังถึงกับผงะทันที เหงื่อผุดพราวเต็มหน้า
“ฆ่าพี่ตะวัน”
มาลัยช็อกๆ ผงะเดินชนกองไม้ที่วางพิงโกดังอยู่จนกองไม้ล้มระเนระนาด มาลัยหน้าถอดสี ซวยแล้วกู!

เสียงไม้ล้มโครมครามเสียงดัง เดชาและลูกน้องหันขวับมองตามเสียง
“เฮ้ย ไปดูซิ หมาหรือคน” ล่ำสั่งลูกน้อง
“ไม่ต้อง” เดชาชักปืนขึ้นมา “ฉันเอง”
เดชาขึ้นนกพร้อมยิง เดินพรวดออกไป ล่ำ แหลม เดินตามติด

เดชา ล่ำ แหลม เดินตรวจตราละแวกโกดัง เดชาเดินถือปืนมาที่บริเวณกองไม้ที่วางสุมกันเป็นกองใหญ่ๆ
ด้านหลังกองไม้มาลัยนอนคว่ำหน้าอุดปากปุดจมูกตัวเอง ไม่ให้มีเสียงใดๆ เล็ดลอด ล่ำมองไปที่กองไม้ที่มาลัยทำล้ม
“สงสัยจะเป็นหมาแถวนี้”
“ตรวจดูให้ทั่ว ถ้าเป็นคน ก็ฆ่ามันเลย อย่าให้ใครหน้าไหนมันรู้ว่าที่นี่เป็นแหล่งกบดานของเรา”
“ครับเสี่ย”
ล่ำ แหลม เดินแยกออกไป สักพักเดชาเดินออกไปทางหนึ่ง มาลัยกลัวเยี่ยวแทบแตกนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างกองไม้
“เกือบตายแล้วมั้ยล่ะ นังมาลัยเอ๊ย”

ที่แผงผลไม้ในตลาด มาลัยนั่งตัวสั่นอย่างกลัวๆ วิญญาณแทบหลุด มาลีกลัวตามลูกไปด้วย
“คนดีๆ อย่างเอ็ง ผีก็เลยคุ้มเห็นมั้ย ถ้าเสี่ยเดเห็นแกเป็นผีเฝ้าโกดังไปแล้ว”
“แม่ เราจะทำยังไงดี คราวนี้พี่ตะวันกับไร่ตะวันไม่รอดแน่ๆ”
“ถ้าเอ็งโพนทะนาไป แล้วเข้าหูเสี่ยเด คนที่ไม่รอดคือเอ็งกับข้านะโว้ย”
“แต่ฉันห่วงพี่ตะวันนะแม่”
มาลีจิกต้นแขนมาลัยแน่น!
“ถ้ารักตัวกลัวตายก็รูดซิปปากไว้ให้สนิท เชื่อฉัน ไม่มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตตัวเอง”
มาลัยตัวสั่นด้วยความกลัว ห่วงตะวันก็ห่วง แต่ห่วงชีวิตตัวเองและแม่เหมือนกัน

คืนนั้น ตะวันกับโรสริน นอนดูดาวข้างกันริมสระน้ำของโรงแรม ตะวันคุยโทรศัพท์อยู่กับอาทิตย์
“วันนี้ช่วยงานปู่รึเปล่าครับอาทิตย์ ดีมาก แล้วอึ่งล่ะ ไม่ชวนเจ้าแย้มันอู้ใช่มั้ย รอพี่อีกแป๊บนึงนะครับ พี่สัญญาว่าจะพาพี่โรสกลับไปเยี่ยมทุกคน พี่ขอคุยกับปู่ชาญหน่อยสิ…ปู่ครับ เหตุการณ์ยังปกติดีใช่มั้ย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปผมคงหมดห่วง ครับ ดึกแล้วนอนได้แล้วครับปู่ ครับ ฝันดีนะปู่นะ” ตะวันวางสาย
“นายอ่อนโยนจังเลย ฉันโชคดีจังที่เป็นหนึ่งในคนที่นายรัก” โรสรินบอก
“ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่เป็นที่หนึ่งต่างหาก” โรสรินเคลิ้มไปกับตาหวานปานน้ำเชื่อมของตะวัน “ถ้าปัญหาทุกอย่างจบ เราแต่งงานกันนะคุณโรส” โรสรินตกอยู่ในภวังค์ ตะวันดึงโรสรินเข้ามานอนใกล้ๆ โรสรินนอนซบไหล่ตะวัน “คุณจะเป็นเจ้าสาวชาวไร่ได้ใช่มั้ยคุณโรส”
“ฉันอยู่ได้ทุกที่ นายรู้อะไรมั้ย” ตะวันมองตาโรสริน รอฟัง “อยู่ที่ไหน ก็ไม่สุขและอบอุ่นหัวใจเท่ากับอยู่กับคนที่เรารัก ให้ฉันอยู่กับนายที่ไหน ฉันก็อยู่ได้”

ตะวันกอดโรสริน มองดาวกันอย่างมีความสุข สุขสุดหัวใจ

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 14 (ต่อ)

เช้าวันใหม่ คนงานไร่ตะวันทั้งหญิงและชายหลายคน ขี่จักรยานมาเป็นแถว ผ่านทิวทัศน์สวยงามเห็นป้ายบอกทางไปไร่ตะวันปักอยู่ริมถนน สักพักรถกระบะคันหนึ่งขับพุ่งมาอย่างเร็ว มาขวางทุกคนไว้ คนงานไร่ตะวันชะงัก หยุดรถทันที พลันพวกลูกน้องเดชาลงจากรถ แต่ละคนสวมหมวกไอ้โม่งไหมพรม มีอาวุธเป็นทั้งไม้หน้าสามและท่อนเหล็ก
“เฮ้ย พวกแกเป็นใคร”
พวกลูกน้องเดชาไปฟังเสียงตรงเจ้าไปทำร้ายคนงานทุกคน พวกคนงานชายพยายามสู้ แต่โดนทั้งไม้และเหล็กฟาดใส่จนล้มทรุด คนงานหญิงพยายามหาทางหนี
“อย่าทำร้ายผู้หญิง”
คนงานชายบอกแต่ไม่ได้ผล ลูกน้องเดชาตบผู้หญิงล้มคว่ำ ลูกน้องเดชาเล่นงานทุกคนจนล้มกอง
“ถ้าไม่อยากตาย อย่าไปทำงานที่ไร่ตะวันอีกเข้าใจมั้ย”
แล้วลูกน้องเดชาทั้งหมดก็รีบขึ้นรถ แล้วรถกระบะก็พุ่งออกไป เหล่าคนงานไร่ตะวันนอนโอดโอยล้มเจ็บที่พื้น

อีกด้านหนึ่ง คนงานไร่ตะวันทั้งชายและหญิงเดินมากันเป็นกลุ่ม แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะลูกน้องเดชาหลายคนซึ่งอยู่ในชุดดำ สวมไอ้โม่ง ยืนขวางทางอยู่ แต่ละคนมีไม้และท่อนเหล็กเป็นอาวุธ
พวกคนงานมองชายฉกรรจ์ตรงหน้าอย่างงุนงง พลันพวกลูกน้องเดชาก็ตรงเข้ามาทำร้ายคนงานไร่ตะวันทุกคน
คนงานไร่ตะวันพยายามสู้แต่ก็สู้ไม่ไหวบาดเจ็บล้มลงไปกอง แล้วลูกน้องเดชาก็ตะคอกขู่เสียงดัง
“อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร แล้วอย่าเข้าไร่ตะวันอีก”
“พวกแกเป็นใคร”
ลูกน้องเดชาฟาดไม้ใส่
“ไม่ต้องแส่ จำไว้ ไม่อยากตายอย่าเข้าไปทำงานไร่ตะวัน”
พวกคนงานไร่ตะวัน มองลูกน้องเดชาอย่างกลัวๆ

ภายในโกดังร้าง เดชานั่งเช็ดปืนรอ ล่ำ แหลม ยืนคุมความปลอดภัยให้ สักพักพวกลูกน้องเดชาเดินกันเข้ามา พวกมันถอดหมวกไหมพรมออก
“เป็นไง”
“เรียบร้อยครับเสี่ย”
“ดี ดีมาก” เดชาลุกขึ้นประกาศกร้าว “ทำงานของพวกแกไปอย่าหยุด เจอพวกคนงานไร่ตะวันที่ไหน ทำร้ายมันที่นั่น”
“ครับเสี่ย”
เดชายิ้มออกมาอย่างเหี้ยมเกรียม
“อีกไม่นานแกจะต้องโผล่หัวออกมา ไอ้ตะวัน”

ชาญมีสีหน้าเครียด เมื่อเห็นคนงานไร่ตะวันมีแค่หยิบมือกำลังดูแลแปลงกุหลาบอยู่
“เฮ้ย ทำไมวันนี้มาทำงานกันน้อยนักวะ” อึ่งยักไหล่ว่าไม่รู้ ชาญเอามือถือออกมากดโทรออก “ฮัลโหล จะลางานทำไมไม่บอกกันก่อน แล้วจะเข้างานเมื่อไหร่ ห๊า ไม่มาแล้ว ฮัลโหล เฮ้ย อย่าเพิ่งวางหู อะไรวะ”
“พี่ๆ เค้าไม่ยอมมาทำงานเหรอจ๊ะ” อึ่งถาม
“เออ ถามว่าทำไมไม่มา ก็ไม่ตอบ ถามว่าจะมาทำงานเมื่อไหร่ก็บอกไม่รู้”
ชาญมีสีหน้าเครียดๆ ขึ้นมา
“คิดอะไรอยู่เหรอปู่”
“สังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ว่ะ ทำไมคนงานไร่เราพร้อมใจกันลาวะ”
“เออจริง เหมือนมีคนไม่อยากให้มาทำงาน”
ชาญฟังอึ่งแล้วครุ่นคิดตาม

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น เสียงไก่ขันรับอรุณ ชาญ อึ่ง เดินลงบันไดหน้าบ้านมา อึ่งหาวปากกว้าง ยังไม่หายง่วง
“เฮ้ย สดชื่นหน่อยสิวะ ถ้าไอ้แย้อยู่ ข้าไม่พึ่งไอ้เปี๊ยกอย่างเอ็งหรอก จะไปทำภารกิจสำคัญจะหาวทำไม”
“ก็คนมันง่วงนี่จ๊ะปู่” อึ่งหาวอีกรอบ
ชาญหน้าเครียด แล้วชาญกับอึ่งก็รีบลงบันไดบ้านไปด้วยกัน

ชาญยืนอยู่ข้างๆ รถบนเนินเขา อึ่งนั่งบนหลังคารถ กำลังส่องกล้องมองไปยังถนนเบื้องล่าง
“เป็นไง คนงานมากันรึยัง”
สายตาอึ่งมองผ่านกล้องส่องทางไกลเห็นพวกคนงานขี่จักรยานเข้ามาตามทาง แต่มีไม่กี่คน
“มาแล้วปู่”
“มากันเยอะมั้ยวะ”
“ไม่กี่คนเองอ่ะปู่ พวกที่ไม่มาเมื่อวาน วันนี้ก็ไม่มา”
“จับตาดูต่อไป ข้าอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”

คนงานไร่ตะวันขี่จักรยานมาตามทาง พลันรถกระบะลูกน้องเดชาขับเข้าปาดหน้า พวกลูกน้องเดชาลงมาจากรถพร้อมอาวุธ
อึ่งกำลังส่องกล้องมองอยู่ถึงกับชะงัก
“กล้วยทอดแล้ว”
ชาญตกใจ
“ทำไมๆ มีอะไร”
“ขึ้นมาดูเองเถอะปู่”
ชาญปีนขึ้นไปบนหลังคารถอย่างทุลักทุเล แล้วก็รับกล้องมาส่อง สิ่งที่เห็นทำให้ชาญชะงักไป มืออ่อนทำกล้องร่วงที่พื้น
“ฉิบหายแล้ว”
ชาญช็อกสุดขีด

โรงแรมควีนโรส ตะวันกำลังคุยโทรศัพท์ น้ำค้างกับแย้ยืนหน้าเสียอยู่ข้างๆ ตะวันทุบกำแพงปัง
“บ้าเอ๊ย มันเกิดขึ้นจนได้ พี่น้องคนงานเราเป็นยังไงบ้าง”
ที่ไร่ตะวัน ชาญ อึ่ง หน้าเครียดจัด ชาญกรอกเสียงลงโทรศัพท์
“สาหัสว่ะ บ่ายนี้ข้าจะออกไปเยี่ยม ไปช่วยค่ารักษาพยาบาล ไม่รู้ว่าพวกไหนมันเป็นคนทำ ข้ากับไอ้อึ่งไปดูแถวฟาร์มไอ้เดชาแล้วนะ ไม่มีใครอยู่สักคน แทบจะเป็นฟาร์มร้างอยู่แล้ว มันจะเป็นฝีมือไอ้เดชาจริงๆ เหรอ”
ตะวันกำหมัดแน่นอย่างโกรธ
“ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร”
ชาญมีสีหน้าเครียดจัด
“ถ้าเป็นฝีมือไอ้เดชาจริงๆ มันทำแบบนี้เพื่อล่อเอ็งออกมา ข้าไม่อยากให้เอ็งตกเป็นเหยื่อของมัน”
“แต่ผมปล่อยให้ปู่และทุกคนเดือดร้อนไม่ได้ ถ้ามันต้องการเจอผม ผมจะทำให้มันสมหวัง แค่นี้นะครับปู่”
ตะวันวางสายไป น้ำค้างเกาะแขนตะวันสีหน้าหวั่นใจ “พี่จะกลับไร่”
“น้ำค้างไปด้วย”
“แย้ไปด้วยจ๊ะ”
“แย้ไปกับฉัน ส่วนน้ำค้างอยู่ที่นี่ปลอดภัยกว่า”

“ไม่ ที่ไหนที่มีพี่ตะวัน ที่นั่นคือที่ปลอดภัยของน้ำค้าง น้ำค้างจะไปด้วยค่ะ” น้ำค้างมีสีหน้ามุ่งมั่น ตะวันพยักหน้ายอมตามใจน้ำค้าง “แล้วพี่ตะวันจะกลับไร่เมื่อไหร่”

โรสรินมองหน้าตะวันอย่างใจหาย ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
“วันนี้เลยเหรอ”
“พวกเดชามันเริ่มลงมือกับไร่ตะวันแล้ว ผมต้องไปยับยั้งพวกมัน”
“แต่นายคนเดียวจะหยุดอิทธิพลเถื่อนของเดชาได้ยังไง”
ตะวันแววตากร้าว
“ผมทำได้ ผมต้องจบปัญหานี้ให้ได้”
โรสรินน้ำตาเอ่อออกมา
“ฉันกลัวนายตาย”
ตะวันหอมหน้าผากโรสริน
“ที่ผมต้องไปเพราะ ผมกลัวเราไม่ได้รักกัน” ตะวันจับมือโรสริน แล้วมองตา “ผมสัญญากับคุณแล้วว่าจะไม่มีอะไรขัดขวางรักของเราได้ ไม่ต้องกลัวนะครับคุณโรส”
โรสรินกอดตะวันไว้อย่างรักและเป็นห่วง

อีกด้านหนึ่งของโรงแรม พีระมองหน้าน้ำค้างอึ้งๆ เหวอๆ เมื่อรู้ว่าน้ำค้างจะกลับไร่ตะวัน
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผิวนุ่มๆ บอบบางอย่างเธอจะไปช่วยอะไรตะวันได้ ไม่มีประโยชน์หรอก”
“การอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจก็คือการช่วยเหมือนกัน”
“ฉันไปด้วย”
“แล้วบริษัทของนายล่ะ นายจะทิ้งบริษัทเหมือนครั้งที่แล้วเหรอ”
“ก็ให้อุษาดูแล ฉันอยากอยู่ดูแลเธอมากกว่า”
น้ำค้างจับมือพีระ
“อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยนะ ถึงยังไงฉันก็อยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ บ้านของฉันคือไร่ตะวัน ไม่ใช่ที่นี่ ฉันรู้สึกดีกันายมากนะพีระ แต่นายลองคิดดูสิ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะคบกัน” น้ำค้างน้ำตาคลอออกมา “ฉันไปเก็บของก่อนนะ สักวันเราคงได้เจอกันอีก”
น้ำค้างจะเดินออกไป พีระกอดเธอไว้
“ฉันไม่ให้เธอไป มันไม่ปลอดภัยนะน้ำค้าง เธออยู่กับฉันนะ ฉันขอร้อง”
น้ำค้างพูดอะไรไม่ออกรู้สึกตื้นตันมาก แต่ก็ต้องยอมรับความจริง เธอแกะมือพีระออก แล้วเดินออกไป พีระมองน้ำค้างที่เดินออกไป เหมือนใจหลุดลอยตามไปด้วย

ภายในห้องพักตะวัน ตะวันกับน้ำค้างเก็บเสื้อผ้าในตู้ใส่กระเป๋าเตรียมกลับไร่ตะวัน สองพี่น้องเก็บเสื้อผ้า อย่างเหม่อลอย ในใจคิดถึงแต่คนที่ตัวเองรัก
“พี่ตะวัน เราจะได้กลับมาที่นี่อีกใช่มั้ย” ตะวันเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ตอบคำถามน้ำค้างไม่ได้ “ปัญหาทุกอย่างมันจะจบจริงๆ ใช่มั้ยพี่ตะวัน”
สีหน้าและแววตาตะวันแอบมีความหวั่นใจขึ้นมา แต่เขาทำใจให้เข้มแข็ง หันไปบอกน้ำค้างอย่างมีกำลังใจ เพื่อส่งต่อกำลังใจ
“ทุกอย่างมันต้องจบ”

เย็นวันนั้น แย้เก็บกระเป๋าใส่หลังรถ ตะวันกับน้ำค้างยืนอยู่กับโรสริน ณรงค์ ยุนอา ที่มองอย่างใจหาย น้ำค้างหันมองหาพีระแต่ไม่เห็นพีระอยู่บริเวณนั้น
“หายไปไหนของนาย ทีตอนจะกลับดันไม่อยู่” น้ำค้างบ่น
ตะวันเดินเข้าไปหาโรสริน ณรงค์โอบไหล่ปลอบโรสรินอยู่ ตะวันส่งยิ้มให้โรสริน
“ยิ้มหน่อยสิครับคุณโรส”
“อยากยิ้มส่งนายใจจะขาด แต่มันยิ้มไม่ออก”
โรสรินเบ้หน้าจะร้องไห้ ตะวันซับน้ำตาให้เธอ ณรงค์ตบบ่าตะวัน
“ฝากดูแลทุกคนด้วย เรียบร้อยเมื่อไหร่กลับมานะ”
“ครับ”
“ไม่ใช่กลับมาเฉยๆ แต่ต้องกลับมาสู่ขอนะเว้ย”
“ครับ ผมกลับมาแน่”
ตะวันตอบคำถามของณรงค์ แต่มองตาโรสริน อย่างมั่นคงในคำสัญญา ระว่างนั้นอุษาวดีเดินเข้ามา
“พี่พีโทรมาบอกว่าคุณตะวันกำลังจะกลับแล้ว โชคดีนะคะคุณตะวัน” อุษาวดียิ้มให้โรสริน “ยัยโรส ไม่ต้องห่วงเลยนะ เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวรอไว้ได้เลย” คำพูดของอุษาวดีทำให้โรสรินมีรอยยิ้มออกมาได้บ้าง “ขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่อุษาทำให้คุณไม่สบายใจ แต่วางใจได้เลยนะคะ ตอนที่คุณไม่อยู่อุษาจะดูแลยัยโรสแทนคุณเอง”
“ขอบคุณมากครับ น้ำค้างลาปู่”
ตะวันกับน้ำค้างไหว้ลาณรงค์ ณรงค์ลูบหัวอวยพรให้ปลอดภัย น้ำค้างชะเง้อมองหาพีระอีกที ไม่เห็นแม้แต่เงา จึงถอนใจซึมๆ

น้ำค้างเดินเข้าไปในรถ ตะวันกำลังจะตามเข้าไป
“ตะวัน” ตะวันหันมา โรสรินโผเข้าไปกอดแล้วซบลงที่อกเขาน้ำตาไหลออกมา “ฉันรอนายกลับมานะ นายต้องกลับมาหาฉันนะ”
“ผมจะกลับมา เราจะแต่งงานกัน”
โรสรินกับตะวันกอดกัน ทุกคนมองภาพตรงหน้าอย่างตื้นตัน ประทับใจ
“แย้ไปนะยุนอา แย้สัญญาว่าจะคิดถึงยุนอาทุกครั้งที่กระพริบตา” แย้กระพริบตาปิ๊งๆ
“อื้อ ระวังด้วยนะ ถ้าเธอบาดเจ็บแม้แต่ปลายนิ้วก้อย ฉันจะไปแต่งงานกับคนอื่น” แย้ตกใจ
“นี่ยุนอารับปากแต่งงานกับแย้แล้วเหรอ” ยุนอาอาย
“คนอย่างฉันไม่พูดซ้ำ”
“ทุกคนได้ยินใช่ป่ะครับ” ทุกคนอมยิ้มและพยักหน้า “แย้จะมีเมียแล้วโว๊ย”
“ไปได้แล้วไอ้แย้”
“ครับครับ เค้าไปนะ ซารังเฮโย” แย้ทำท่าประกอบ
ตะวัน น้ำค้าง แย้ขึ้นรถ รถแล่นออกไป

ตะวันขับรถออกมาโดยมีแย้นั่งข้างๆ น้ำค้างนั่งมองนอกหน้าต่างรถด้วยสีหน้างอนๆ ที่พีระไม่ยอมมาส่งเธอ
“หายไปไหนนะ ไม่มาส่งกันจริงๆ เหรอ”
พลันพีระเดินพรวดจากข้างทางมาขวางกลางถนน ตะวันเห็นพีระก็เหยียบเบรกทันที

“เฮ้ย” ตะวันร้องอย่างตกใจ น้ำค้างหน้าคะมำไป “มีคนมาส่งน่ะน้ำค้าง ลงไปหาเค้าหน่อยไป”

น้ำค้างลงจากรถ เดินไปหาพีระที่ยืนขวางหน้ารถ
“นึกว่าจะไม่มาส่งกันซะแล้ว แล้วนึกยังไงถึงมายืนขวางหน้ารถ ถ้าพี่ตะวันมองไม่เห็นคงขับรถชนไป”
น้ำค้างบ่นไม่ทันจะจบ พีระโผกอดน้ำค้างทันที น้ำค้างตั้งตัวไม่ติด
“คิดถึงฉันด้วยนะน้ำค้าง”
“ไม่”
“อ้าว ทำไมล่ะ” น้ำค้างอาย
“ไม่บอกก็คิดถึงอยู่แล้ว” พีระยิ้มออกมาอย่างใจชื้น “นายไม่ต้องห่วงฉันเลยนะ ฉันดูแลตัวเองได้”
“ดูแลตัวเองได้ เหมือนคำบอกเลิกในประโยคบอกเล่าเลย ฉันไม่ให้เธอดูแลตัวเอง”
“ทำไม”
“เพราะฉันอยากดูแลเธอ” น้ำค้างยิ้ม
“จะไปทั้งที ไม่มีของฝากให้เลยเหรอ”
“ไม่มี เตรียมใจยังเตรียมไม่ทันเลย อ้อ แต่จริงๆ ก็มีนะ”
“อะไรเหรอ”
“นู่นไง” พีระชี้มือ น้ำค้างหันมอง พีระโขมยหอมแก้มน้ำค้างเลย สองคนมองตากันอย่างรู้สึกดีๆ “โชคดีนะ”
น้ำค้างยิ้มให้แล้วเดินหวิวๆ ขึ้นรถ ตะวันขับรถออกไป พีระโบกมือมองตามจนรถตะวันขับออกไปจนลับสายตา

คืนนั้นที่ไร่ตะวัน ชาญ อึ่ง อาทิตย์ คนงาน 3-4คน นั่งเครียดรอตะวันอยู่ที่หน้าบ้าน สักพักรถตะวันแล่นเข้ามา ทุกคนชะเง้อมอง
“พี่ตะวันมาแล้วๆ”
ชาญ อึ่ง อาทิตย์ ยิ้มดีใจเดินออกไปรับ รถตะวันแล่นเข้ามาจอด ตะวัน น้ำค้าง แย้ลงจากรถ อึ่งกับอาทิตย์วิ่งเข้าไปกอดตะวัน ตะวันลูบหัวอย่างเอ็นดู
“เป็นไง ขับรถมาเจอใครดักซุ่มอยู่ข้างทางบ้างมั้ย”
ตะวันส่ายหน้า
“ปกติดีครับ”
ชาญถอนใจ โล่งใจ
“คนงานของเราขยาดกันหมด ไม่มีใครกล้ามาทำงาน”
“พวกที่เหลือก็ขวัญหนีดีฝ่อหมด นี่ก็ไม่กล้าออกจากไร่กัน” อึ่งบอก ตะวันหันไปพูดกับคนงาน
“ทุกคนนอนค้างกันที่นี่แหล่ะ ที่หลับที่นอนมีเยอะแยะ ไม่ต้องห่วงนะผมจะดูเรื่องความปลอดภัยให้อย่างดีที่สุด”
พวกคนงานพากันเดินออกไป

“ถ้าไม่มีใครมาทำงาน ไร่ตะวันจะอยู่ได้ยังไง”
น้ำค้างถามอย่างไม่สบายใจ
“ไม่รู้ไอ้พวกนั้นมันจะบุกเข้ามาไร่เราเมื่อไหร่ คิดแล้วเครียด ยิ่งเครียดมันก็ยิ่งคิด กลุ้มโว้ย” แย้บอก ชาญหวั่นใจ ทุกคนตึงเครียดกันไปหมด
“ถ้าพวกมันบุกเข้ามา คิดไม่ออกเลยว่าจะเอาตัวรอดยังไง”
“เดชามันบีบให้ผมไปหามันจริงๆ”
ตะวันมีสีหน้าเครียดจัด ชาญหันมองตะวันอย่างปรึกษา
“แล้วเอ็งคิดจะทำยังไง”

ชาญ แย้ น้ำค้าง อึ้งหลังจากได้ฟังแผนของตะวัน
“ห๊า”
“เอาจริงเหรอวะตะวัน” ชาญถามย้ำ
“ผมไม่รอให้มันเรียกออกไปหาหรอก แต่ต้องตามหาตัวมันให้เจอ แล้วลากมันเข้าคุกให้ได้” ทุกคนสีหน้าเครียด ตะวันปลุกเร้าทุกคน “นำคนทั้งหมดที่เหลือของเรา เฝ้าไร่ตะวันไว้ทุกประตูทางเข้าออก แล้วไม่ต้องไปกลัวเดชา ความกลัวไม่ช่วยอะไร”
“แล้วพี่ตะวันจะตามหาตัวมันเจอ ก่อนที่พวกมันจะเจอเราได้ยังไง”
“เดชามันระวังตัวแจไม่ปล่อยกลิ่นให้เราตามหาตัวมันเจอได้ง่ายๆ แน่ แต่พี่ก็ต้องหาให้เจอ”
ตะวันมีสีหน้ามุ่งมั่น จะจัดการเดชาให้ได้

คืนนั้นที่บ้านโรสริน โรสรินรอสายจากตะวันแต่เขาไม่รับสาย
“ทำไมไม่รับนะ รู้มั้ยว่าฉันห่วงแค่ไหน ถ้าโทรกลับมานะ จะจี๊ดส์ให้ซะเลย” โรสรินบอกไม่ทันขาดคำเสียงโทรศัพท์มือถือเธอก็ดังขึ้น จากที่บ่นว่าจะจี๊ดส์ แต่เสียงที่ตอบกลับตะวันคือความห่วงใยสุดๆ “ตะวันฉันห่วงนายจะตายอยู่แล้ว นายเป็นยังไงบ้าง”

ตะวันอยู่ที่ระเบียงบ้านคุยโทรศัพท์กับโรสริน สีหน้าอบอุ่นอ่อนโยน
“พอดีผมยุ่งๆ เรื่องดูแลความปลอดภัยให้คนงาน แล้วก็จัดเวรยามเฝ้าระวังไร่นะครับ ผมโอเค ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าคุณไม่สบายใจผมก็เป็นกังวลไปด้วยนะครับ”
โรสรินมีสีหน้าอุ่นใจขึ้นมา
“รู้ว่านายปลอดภัยฉันก็สบายใจแล้วล่ะ”
“คุณจะนอนรึยังครับ”
“ก็ใกล้แล้วล่ะ แต่ไม่รู้ว่านอนหลับรึเปล่า”
“ให้ผมกล่อมคุณนอนนะครับคุณโรส”
ตะวันยิ้มออกมาอย่างเต็มตื้นไปด้วยความรักที่ล้นใจ

ตะวันตั้งกล้องโทรศัพท์มือถือไว้ให้ได้ระยะ แล้วถือกีตาร์เดินไปนั่งหน้าจอโทรศัพท์ ตะวันมีอาการเขินๆ และประหม่า
“เสียงผมไม่ดีแน่ๆ เล่นกีตาร์ไม่น่าจะเพราะ แต่ผมอยากร้องเพลงให้คุณ เพลงที่มอบให้จากหัวใจของผม”
โรสรินอึ้งน้ำตาแทบไหลกับสิ่งที่ตะวันกำลังจะทำให้เธอ
“ตะวัน”

ตะวันเริ่มเล่นกีตาร์และร้องเพลง “แค่คุณ” ร้องออกจากหัวใจ เสียงเครือ น้ำตาคลอ
“รู้ไหมว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสอง คนเริ่มหวั่นไหว หรือจะเป็นในตอนที่คุณต้องนอนเสียใจ หรือว่าตอนที่เราต้องไกล มันทำผมได้รู้ว่าคิดถึงแต่คุณ”

ตะวันร้องเพลงออกมาจากใจ น้ำตาไหลออกมาจากหัวใจเช่นกัน

โรสรินยืนถือโทรศัพท์มองและฟังตะวันร้องเพลงให้ ท่ามกลางหมู่ดาวที่เป็นพยานรัก เธอร้องไห้ออกมาอย่างตื้นตัน ไม่อยากคิดว่าชีวิตจะมีคนที่รักเธอทั้งหัวใจแบบนี้
“และในตอนนี้ ในเวลานี้ล่วงเลยมานานเป็นปี ให้ดวงดาวนั้นเป็นเหมือนพยานรัก ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ ว่าจะรักแค่คุณ ว่าจะรักแค่คุณ เท่านั้น นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณก็จะรักแค่คุณ อยากจะมีแค่คุณคนเดียว”

ตะวันเล่นกีตาร์ร้องเพลงให้โรสรินฟัง
“คืนวันที่เราเคยมีแต่ความเหงาใจเมื่อมีคุณเข้ามาชิดใกล้ ก็อบอุ่นใจดังไฟที่ร้อนตอนเหน็บหนาว และในตอนนี้ในเวลานี้ ล่วงเลยมานานเป็นปีให้ดวงดาวนั้นเป็นเหมือนพยานรัก…”
ภาพหวานๆ ของตะวันและโรสรินจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“ขอสัญญาว่าจะรักเพียงคุณ ว่าจะรักแค่คุณ ว่าจะรักแค่คุณ เท่านั้น นานแสนนานก็จะรักเพียงคุณก็จะรักแค่คุณ อยากจะมีแค่คุณคนเดียว”
ตะวันร้องเพลงจบ ปาดน้ำตาแห่งความตื้นตัน
“กุหลาบร้ายของผม ผมรักคุณ”
โรสรินเช็ดน้ำตาแห่งความตื้นตัน ประทับใจกับสิ่งที่ตะวันทำ
“ตะวัน ฉันรักนาย”

เช้าวันใหม่ที่ไร่ตะวัน ตะวันเดินถือปืนเข้ามาแล้วเหน็บไว้ด้านหลัง ที่รถ ชาญกำลังจะสวมพระพวงใหญ่ๆ ให้กับแย้
“ปลุกพระก่อนสิปู่”
“สายแล้วตื่นเถอะคุณพระคุณเจ้า”
“โอ๊ย ตายแล้ว ไม่ได้ปลุกแบบนี้”
“คลายเครียดเว้ยเฮ้ย จะทำการณ์ใหญ่ใจต้องเย็น” แล้วชาญก็เสกคาถาให้ “พุธโธแคล้วคลาด ธัมโมแคล้มคลาด สังโฆแคล้วคลาด พ้วง” ชาญเป่ากระหม่อม
“เมื่อเช้ายังไม่ได้แปรงฟันใช่มั้ย”
“ถูก”

น้ำค้างวิ่งมาหาตะวัน
“ระวังตัวเองให้มากๆ นะคะพี่ตะวัน โชคดีนะพี่แย้”
“เอ็งรู้ใช่มั้ย ว่าสิ่งที่เอ็งกำลังจะทำมันเสี่ยงมาก” ชาญถามเสียงเครียด
“แต่ผมคนเดียวที่หยุดมันได้ ถ้าให้ตำรวจช่วยตอนนี้ เดชามันไหวตัวทันแน่ๆ”
ชาญเข้าไปกอดตะวันอวยพรให้โชคดี
“พระคุ้มครองนะลูก”
ตะวันกับแย้ไหว้พระอีกรอบแล้วขึ้นรถ ขับออกไป ชาญ น้ำค้างโบกมือตาม สีหน้าเป็นห่วงสุดๆ

บนถนนทางไปตลาด แย้ขับรถอยู่สีหน้าหวั่นใจ
“ลูกพี่ ถ้าไอ้เดชามันรู้ว่าลูกพี่กลับมา แย้ว่ามันมาถล่มลูกพี่แน่ๆ”
“นั่นแหล่ะที่ต้องการ แต่ฉันไม่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวแน่”
“ซับซ้อนซ่อนเงื่อนจริงๆ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
แย้แหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกไป

มาลัยนั่งเครียดอยู่ที่แผง
“ผลไม้จ้า ผลไม้ มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ไชโยโห่ฮิ้วจ้า” มาลัยเรียกลูกค้าเสียงหงอยๆ
“ไม่สดชื่นเลยนะแม่ค้า”
“จะซื้อหรือจะมาแซว” มาลัยนั่งก้มหน้าอยู่ ถึงกับชะงัก “เฮ้ย คุ้นๆ” มาลัยเงยหน้าขึ้นก็ตกใจที่เห็นตะวัน “พี่ตะวัน โผล่มาทำไม”
มาลัยตกใจผิดปกติ จนแม่ค้าละแวกนั้นหันมอง
“นังมาลัย ตกใจอย่างกะเห็นผี ไม่ได้มาจับเข้าคุกไม่ต้องกลัว”
มาลัยดูลุกลี้ลุกลนจนตะวันและแย้สงสัยอย่างหนัก
“เป็นอะไรน่ะ มีอะไรรึเปล่า”
มาลัยประหม่า กังวล กลัว
“ปะปะเปล่าจ้ะ ไม่เจอกันเลย สะสะ สบายดีใช่ไหมจ๊ะ”

ตะวันเห็นอาการของมาลัยก็รู้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ๆ มาลัยเดินมาจัดผลไม้ใส่ถุงให้ตะวันแต่มือสั่นกลัว ดูมีพิรุธ
“เดี๋ยวมาลัยจัดผลไม้ให้นะจ๊ะ ฟรี ไม่คิดเงิน”
“มาลัยเห็นไอ้เดชาบ้างรึเปล่า”
มาลัยชะงักเลย ทำแตงโมที่ถืออยู่ร่วงพื้นโดนเท้าแย้ แย้โดดเหย็งๆ
“โอ๊ย ยิ่งเป็นเล็บขบอยู่”
มาลัยมีอาการหวาดกลัวมากๆ ตะวันจ้องมาลัยไม่วางตา

ภายในห้องเช่ามาลัย มาลัยมองซ้ายขวาแล้วปิดประตูห้องปัง ลงกลอนแน่นหนา ตะวัน แย้ มองมาลัยอย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“มาลัย ถ้าคิดจะทำอะไรแบบคราวที่แล้ว คราวนี้พี่เอาเรื่องถึงตำรวจ”
“มาลัยเจ็บแล้วจำไม่ทำอีกแล้วน่า”
มาลัยวิ่งไปเปิดหน้าต่างแง้มดูว่ามีใครต้องสงสัยผ่านมามั้ย
“เฮ้ย ตกลงแกเป็นอะไรวะ ลุกลี้ลุกลน หนีหนี้รึไง”
“บอกมาได้แล้ว ได้ข่าวไอ้เดชาบ้างมั้ย”
“ยิ่งกว่าได้อีก ฉันรู้ว่าเสี่ยเดกับลูกน้องมันกบดานอยู่ที่ไหน”
ตะวัน แย้ สนใจขึ้นมาทันที
“โกหกรึเปล่า”
“ที่มาลัยยอมบอกเพราะมาลัยรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำไว้กับพี่นะ เสี่ยเดบอกว่าจะฆ่าพี่ ถ้าพี่คิดจะไปจับเสี่ยเด อย่าให้รู้เด็ดขาดว่ามาลัยบอกนะ ไม่งั้นมาลัยคอขาดแน่ๆ”
“ได้ เรื่องนี้จะเป็นความลับ พวกมันกบดานอยู่ที่ไหน”
มาลัยขยับปากจะบอก

ตะวัน แย้ เดินกลับมาที่รถ สีหน้าเครียด
“เรากำลังจะเปิดศึกกับไอ้เดชาจริงๆ แล้วเหรอลูกพี่” แย้ถาม
“เราจะไม่เป็นฝ่ายตั้งรับอีกต่อไป”
“พูดเลยว่า เสียวเว้ยเฮ้ย”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะวางแผนอย่างรอบคอบที่สุด”
“ถ้ามันเป็นไปตามแผนก็ดีน่ะซี๊”
“แล้วเราจะไปที่ไหนกันอีกลูกพี่”
“สถานีตำรวจ ไป”

ตะวันกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ แย้สีหน้าเครียดจัด เสียงโทรศัพท์มือถือตะวันดังขึ้น ตะวันมองที่หน้าจอ ขึ้นเป็นชื่อ “โรสริน”

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 14 (ต่อ)

ภายในห้องทำงานโรสริน เธอคุยโทรศัพท์มือถือกับตะวัน
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีเหรอ ไม่มีอันตรายอะไรใช่มั้ย โล่งไปที นายสัญญากับฉันนะว่านายจะไม่ทำอะไรเสี่ยง สัญญากับฉันนะตะวัน”

ตะวันยังไม่สัญญากับโรสริน แย้มองตะวันว่าจะตอบโรสรินไปยังไง
“ครับ ผมสัญญา” แย้ตบหน้าผากตัวเองเพี๊ยะ “คุณไม่ต้องเป็นห่วงผมเลย ไม่มีอะไรต้องกังวล เชื่อใจและมั่นใจในตัวผมนะครับคุณโรส ทำงานต่อเถอะ”
ตะวันวางสายไป สีหน้ากังวล
“กำลังจะพาตำรวจไปจับไอ้เดชา ดั๊นไปสัญญากับเค้าอีก”
“รีบจัดการให้เสร็จ จะได้จบๆ ปัญหากันซะที”

คืนนั้นที่โกดังร้าง เดชาย่นคิ้วมองลูกน้องอย่างสนใจ
“ผมแวะไปซื้อเสบียงที่ตลาด แม่ค้าคุยกันว่าเจอตัวตะวันที่ตลาด แต่ไม่เห็นผู้หญิงมาด้วยนะครับ”
“ถ้าคุณโรสมาที่นี่ ไอ้ตะวันมันไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแน่ แสดงว่าคุณโรสยังอยู่ที่กรุงเทพ”
“พวกเราพร้อมแล้ว ลูกพี่จะให้เราลงมือเมื่อไหร่”
เดชายิ้มร้ายอย่างมีคำตอบอยู่ในใจ

วันต่อมารถกระบะของเดชาจอดแอบอยู่ริมถนนทางไปไร่ตะวันที่สองข้างทางเป็นป่า ล่ำ แหลม เดชานั่งรออยู่ข้างใน สักพักลูกน้องของเดชาขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดข้างๆ
“เป็นไงวะ เจอมั้ย”
“ไร่ตะวันไม่มีตำรวจคุ้มกัน ผมเห็นแค่คนงานไม่กี่คนเฝ้าอยู่”
เดชายิ้มเหี้ยม
“ไปถล่มไอ้ตะวัน ไม่จำเป็นอย่าฆ่าใคร”
“ทำไมล่ะลูกพี่”
“ตะวันเป็นที่รักของทุกคน ไม่เหมือนกับฉัน” เดชายิ้มเหี้ยมเกรียม “ถ้ามันตายคนข้างหลังมันจะได้มีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมาน”

รถกระบะเดชาขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านตะวัน เดชา ล่ำ แหลม ลูกน้องทั้งหมดลงจากรถพร้อมอาวุธ
“ไหนว่ามีคนเฝ้าประตูเข้าออก ไม่เห็นมีสักคน” ล่ำบอกอย่างแปลกใจ
“หรือว่ามันจะไหวตัวทันหนีไปแล้ว”
เดชาแค้น ยิงปืนขึ้นฟ้าระบายอารมณ์
“ตามล่ามัน ค้นหาให้ทั่ว”
เดชามีสีหน้าโกรธแค้นจัด

อีกด้านหนึ่งที่หมู่บ้านชนบท ตะวัน แย้ ช่วยกันขนสัมภาระของชาญ อึ่ง อาทิตย์ น้ำค้าง วางที่แคร่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่ง
“ตามสบายเลยนะปู่ชาญ ตะวัน ไม่ต้องเกรงใจ จะอยู่กี่วันก็ได้” ชาวบ้านบอก
“ผมรบกวนไม่นานหรอกครับ” ตะวันบอก
“ฉันไปทำครัวก่อนนะ ตามสบายนะจ๊ะทุกคน”
ชาวบ้านผัว-เมีย พากันเดินออกไป
“เราต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนครับ” อาทิตย์ถาม น้ำค้างลูบหัว
“จนกว่าจะปลอดภัยครับ”
“พวกคนชั่วกำลังจะถูกจับ ความสุขกำลังจะกลับมา”
ตะวันส่งซิกให้แย้ แล้วตะวันกับแย้ก็เดินไปที่รถ น้ำค้าง ชาญ เดินตามไป
“ตะวัน แน่ใจนะว่าปลอดภัย”
“แน่ใจครับ”
ตะวัน แย้ขึ้นรถ แล้วรถตะวันก็พุ่งออกไป น้ำค้างกับชาญมองตามอย่างอดห่วงไม่ได้

ที่บ้านตะวัน เดชาปัดข้าวของทิ้งอย่างโมโห ล่ำ แหลม เดินตามเข้ามาสมทบ
“ไม่มีใครอยู่เลยครับเสี่ย”
“รีบไปจากที่ไร่ดีกว่า สถานการณ์ไม่น่าวางใจ มันอาจพาตำรวจมาล้อมกรอบพวกเราได้”
เดชาฉุนเฉียวอารมณ์แค้นปะทุอยู่ในอก

ภายในห้องประชุมของสถานีตำรวจ ตำรวจกำลังวางแผนจับกุมเดชาโดยมีแผนที่ขนาดใหญ่วางบนโต๊ะ ตำรวจวางแผนกันเครียด ตะวันกับแย้ฟังการวางแผนอยู่ตรงนั้น
“สายเรารายงานว่าที่โกดังมีการซ่อมสุมและเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาจริงๆ ครับคุณตะวัน แล้วที่นั่นเป็นพื้นที่โล่งกว้าง การหลบหนีจะทำได้ยาก เราจะจับกุมผู้ต้องหาที่นั่น”
“เราจะส่งทีมกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ” ตำรวจชี้ที่แผนที่ “ในรัศมี 5 กิโลเมตรจากโกดัง เพื่อเฝ้าดูและสะกดรอยตามจนกว่าจะกลับมาที่โกดัง และเมื่อผู้ต้องหากลับเข้าที่ซ่อมสุม แล้วจะปฏิบัติแผนการปิดประตูตีแมวทันที”
“ผมขอไปสังเกตการณ์ด้วยนะครับ เผื่อจะช่วยเหลืออะไรเจ้าหน้าที่ได้บ้าง”
ตะวันมีสีหน้ามุ่งมั่น จะจบเกมกับเดชาให้ได้

พอตกกลางคืน ตำรวจหลบซ่อนอยู่บริเวณตึกแถว ตำรวจหลายนายวอหากัน ตะวัน แย้สีหน้าชักเครียด
“พวกมันยังไม่กลับเข้าที่ซ่องสุมอีกเหรอครับ” ตำรวจส่ายหน้า
“ไม่พบกลุ่มผู้ต้องหาอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร เป็นไปได้ว่าอาจจะไหวตัวแล้ว”
“ไหวตัวทัน มันจะไหวตัวทันได้ยังไง”
“เราจะกระจายกำลังออกค้นหาทั่วบริเวณ คุณกลับเข้าที่พักได้แล้วครับ”
ตำรวจเดินออกไป ตะวันเจ็บใจที่ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ที่ห้องเช่ามาลัย มาลัยนั่งลุ้นๆ กลัวๆ เป็นกังวลอยู่ในห้อง
“คิดถูกหรือคิดผิดวะเนี่ยกูที่บอกที่อยู่เสี่ยให้พี่ตะวันรู้ เครียดเว้ย” มาลัยยิ่งคิดยิ่งเสียวสันหลัง พลันเสียงเคาะประตูห้องดังรัว “เย้ย ใครน่ะใคร”
“ข้าเอง” มาลีบอก มาลัยถอนใจโล่งอก
“ตกอกตกใจหมด” มาลัยเดินไปที่ประตูพลางบ่นไปด้วย “วันๆ ไม่เห็นหน้าเลยนะแม่ หมู่นี้ชักเข้าวงไพ่บ่อยแล้วนะ” มาลัยเปิดประตู มาลียืนอยู่หน้าประตูสีหน้าเครียด “ทำไมหน้ามู่ทู่แบบนี้ เสียไพ่อีกล่ะสิ”
“ข้ารักและหวังดีกับเอ็งนะถึงต้องทำแบบนี้”
“แบบนี้ แบบไหนแม่” มาลัยทำหน้างง
เดชาเดินมาโผล่อยู่ด้านหลังมาลี ยิ้มเย็นยะเยือก พอมาลัยเห็นเดชาก็ช็อกไปเลย

มาลัยเขยิบๆ ไปอยู่ด้านหลังมาลี ไม่กล้าสบตาเดชา
“ฉันขอโทษนะเสี่ย ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ในเมื่อพลาดไปแล้วแกอย่าพูดมาก ไม่ต้องแก้ตัวหรอก” มาลีบอก เดชาจ้องมาลัย
“ฉันเกือบจบเกมเพราะเธอคนเดียว”
“เสี่ยสัญญากับฉันแล้วว่าถ้าฉันเล่าให้ฟัง เสี่ยจะไว้ชีวิตมาลัย เสี่ยต้องรักษาสัญญานะ”

“แม่ แล้วแม่รู้ได้ยังไงว่าฉันเล่าให้พี่ตะวันฟังว่าเสี่ยอยู่ที่ไหน”

มาลีเล่าเหตุการณ์ตอนที่รู้เรื่องนี้ วันนั้นมาลีเดินผ่านเข้ามาที่หน้าต่างห้องเช่า พลันก็ต้องชะงักที่ได้ยินเหมือนเสียงใครอยู่ในห้อง
“เฮ้ย ตกลงแกเป็นอะไรวะ ลุกลี้ลุกลน หนีหนี้รึไง”
มาลีทำหน้าสงสัย เขยิบๆ ไปใกล้ๆ หน้าต่าง แอบมองเห็น มาลัย ตะวัน แย้ อยู่ในห้อง
“บอกมาได้แล้ว ได้ข่าวไอ้เดชาบ้างมั้ย”
“ยิ่งกว่าได้อีก ฉันรู้ว่าเสี่ยเดกับลูกน้องมันกบดานอยู่ที่ไหน”
ตะวัน แย้ สนใจขึ้นมาทันที
“โกหกรึเปล่า”
“ที่มาลัยยอมบอกเพราะมาลัยรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำไว้กับพี่นะ เสี่ยเดบอกว่าจะฆ่าพี่ ถ้าพี่คิดจะไปจับเสี่ยเด อย่าให้รู้เด็ดขาดว่ามาลัยบอกนะ ไม่งั้นมาลัยคอขาดแน่ๆ”
“ได้ เรื่องนี้จะเป็นความลับ พวกมันกบดานอยู่ที่ไหน”
มาลัยขยับปากจะบอก
มาลีที่แอบมองจากหน้าต่างสีหน้าช็อกสุดๆ

รถกระบะเดชาขับมาตามทาง เพิ่งกลับจากจะไปถล่มไร่ตะวัน แต่ไม่พบใคร ข้างทางเห็นมาลียืนรออยู่ข้างๆ มอเตอร์ไซค์ มาลีเห็นรถกระบะของเดชาขับตรงเข้ามา
“ใช่รึเปล่าวะ” มาลีโบกมือ ห้ามรถเดชาไว้ รถเบรกเอี๊ยด เดชาลงจากรถพร้อมปืนในมือ “ว้าย อย่ายิงจ้ะอย่างยิง”
“ต้องการอะไร”
“เสี่ยเดกำลังจะถูกจับแล้วรู้ตัวมั้ย”
เดชาอึ้งไป
“แกรู้ได้ยังไง”

ปัจจุบัน มาลัยกับมาลีมีสีหน้ากลัวๆ เมื่อเห็นเดชาตวัดสายตามองดุๆ
“ถ้าแม่ไม่เล่าให้เสี่ยฟัง แล้วเสี่ยรู้ว่าแกเป็นคนโพนทะนา แกตายสถานเดียว” มาลีบอก
“แต่บอกตอนนี้ก็ใช่ว่าฉันจะรอดนะแม่”
“แต่ถ้าไม่บอก แกไม่รอดแน่ๆ นังมาลัย”
มาลัยกอดมาลีอย่างกลัวๆ
“ฉันปล่อยให้แกสองแม่ลูกรอดก็ได้” มาลัย มาลี ยิ้มให้กันอย่างดีใจ “แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ถ้าแกทำสำเร็จแกรอด แต่ถ้าไม่สำเร็จ” เดชาชักปืนขึ้นมาเล็งขู่ มาลัย มาลี กลัวหัวหด “ตาย”
“เสี่ยจะให้ฉันทำอะไรเหรอจ๊ะ” มาลัยถามอย่างกลัวๆ เดชายิ้มอย่างเหี้ยมโหด

วันต่อมา อาทิตย์ อึ่ง นั่งเล่นอยู่ที่ชานบ้านแต่มีสีหน้าซึมๆ
“เมื่อไหร่เราจะได้กลับไร่ของเรา” จู่ๆ อาทิตย์ก็ถามขึ้นมา
“ถามใคร” อึ่งย้อนถาม
“ถามอึ่งนั่นแหละ”
“ถามอึ่งแล้วอึ่งจะถามใครล่ะ เฮ้อ”
เสียงโทรศัพท์มือถือตะวันดังขึ้น อาทิตย์ อึ่ง มองหาโทรศัพท์ จนเจอวางอยู่ที่มุมหนึ่ง
“พี่ตะวันอยู่ไหนเนี่ย” อึ่งเดินไปหยิบโทรศัพท์ เห็นหน้าจอโชว์ชื่อ “โรสริน” อึ่งยิ้ม “พี่นางฟ้า” อึ่งรับสาย “สวัสดีค่ะ พี่นางฟ้า อึ่งเองค่ะ”

โรสรินคุยโทรศัพท์อยู่ สีหน้าแปลกใจ
“อ้าว ตะวันไปไหน ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
อึ่ง อาทิตย์ มองหาตะวันก็หาไม่เจอ จึงพาซื่อตอบโรสรินไป
“ไม่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะคะ”
“อ้าว ตะวันไม่ได้อยู่ไร่เหรอ”
“เห็นปู่ชาญว่าออกไปกับตำรวจค่ะพี่นางฟ้า ตอนนี้พวกเรามาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านท้ายไร่”
“ห๊า หมู่บ้านท้ายไร่”
ตะวันเดินผ่านมาได้ยินพอดีก็รีบคว้ามือถือไว้ จุ๊ปากบอกอึ่งกับอาทิตย์ว่าห้ามส่งเสียง
“โรสผมเองนะ”

โรสรินมีสีหน้าแปลกใจและสงสัยมากๆ
“ที่อึ่งพูดเมื่อกี๊หมายความว่ายังไง ไหนบอกว่าจะไม่หาเรื่องเสี่ยงไง แล้วตำรวจเกี่ยวอะไรด้วย แล้วทำไมทุกคนต้องย้ายออกจากไร่ตะวันด้วยล่ะ มีเรื่องอันตรายใช่มั้ย”
ตะวันพยายามพูดให้โรสรินสบายใจ
“ไม่มีอะไรร้ายแรงครับ แค่ไปให้ความร่วมมือกับตำรวจ ส่วนที่ต้องย้ายออกมาชั่วคราวเพราะป้องกันไว้ก่อน แต่ยังไม่เกิดเรื่องร้ายแรง คุณสบายใจได้”
โรสรินสีหน้าไม่สบายใจมาก
“ฉันใจไม่ดีเลย ฉันขอไปอยู่กับนายได้มั้ย อย่างน้อยก็ช่วยเป็นกำลังใจให้กับทุกคน”
“ทุกอย่างกำลังจะเรียบร้อย เชื่อผม ไม่มีอะไรต้องกังวล”
ชาญมองตะวันที่ต้องปกปิดความจริงกับโรสรินอย่างไม่สบายใจ

คืนนั้นที่ไร่ตะวัน ตำรวจกำลังเก็บพิสูจน์หลักฐานอยู่ในบ้านซึ่งมีข้าวของตกแตกเกลื่อน
“ช่วงนี้ตำรวจจะมาดูแลความปลอดภัยให้ก่อน แต่ขอให้ทุกคนอย่ากังวล ใช้ชีวิตให้เป็นปกตินะครับ”
ชาญ ตะวัน น้ำค้าง แย้ ยืนอยู่ข้างๆ กัน ขอบคุณตำรวจ ตำรวจเดินออกไป
“เดชามันบุกมาที่บ้านอย่างที่คิดไว้จริงๆ”
“โชคดีนะที่พี่ตะวันพาทุกคนหลบไปที่อื่นชั่วคราว ไม่งั้น เฮ้อ ไม่อยากจะคิด”
“ตอนนี้เดชามันรู้แล้วว่ามันตกเป็นเป้าของตำรวจ มันคงระวังตัวหนักยิ่งกว่าเดิม” ชาญมีสีหน้าเครียดจัด “ซึ่งมันก็แค้นยิ่งกว่าเดิมด้วย” ชาญตบบ่าตะวัน “เอ็งจะปิดหนูโรสไปอีกเมื่อไหร่ ปู่ว่าสถานการณ์มันจะเลวร้ายยิ่งกว่าเก่าแล้วนะ”
“ผมไม่รู้หรอกครับว่าจะปิดบังความจริงได้อีกนานแค่ไหน ผมรู้แค่ว่าเธอจะเดือดร้อนเพราะผมไม่ได้”
ตะวันเดินออกไป ทุกคนมองตามอย่างห่วงๆ

วันใหม่ที่ไร่ตะวัน ตะวันกำลังดูแลแปลงกล้วยไม้อยู่ สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ตะวันมองหน้าจอเห็นขึ้นชื่อ “มาลัย” จึงกดรับ
“ว่าไง อะไรนะ” ตะวันหน้าเครียด ครุ่นคิด “ทำไมถึงนัดพี่ที่นั่น ได้ พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ตะวันครุ่นคิดก่อนตัดสินใจเดินออกไป

ตะวันขับรถมาจอดหน้าตึกร้างที่ปลอดผู้คน ตะวันเดินเข้าไปเห็นมาลัยยืนสั่นกลัวอยู่
“พี่ตะวัน มาลัยกลัว มาลัยไม่กล้าอยู่ที่ตลาดแล้ว”
“พี่ขอโทษที่ทำให้มาลัยต้องโดนคุกคามจากพวกมัน ถ้ารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจริงๆ มาลัยกับแม่ย้ายไปอยู่ที่ไร่ตะวันได้นะ มีตำรวจคอยคุ้มกันให้” มาลัยยังมีอาการสั่นกลัวอยู่ “มาลัยบอกว่ารู้เบาะแสที่ซ่องสุมแห่งใหม่ของมันใช่มั้ย”
“ใช่” มาลัยตอบอย่างมีพิรุธ ตะวันเอะใจแปลกๆ
“พาพี่ไปเดี๋ยวนี้เลย”
ตะวันจูงมือมาลัยจะพาไป แต่มาลัยยืนนิ่ง
“พี่ตะวัน มาลัยขอโทษ”
“หมายความว่าไง”
“ถ้ามาลัยไม่หลอกพี่มา มาลัยต้องตาย มาลัยขอโทษ”

มาลัยร้องไห้ออกมา

ตะวันรู้ทันทีว่าตกอยู่ในอันตรายแล้ว ตะวันชักปืนที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมาแต่ยังไม่ทันได้ระวังก็โดนล่ำที่เข้ามาจากด้านหลังฟาดท่อนเหล็กเข้าใส่กลางหลัง ปืนหล่นจากมือ แหลมเข้ามาถีบตะวันล้มคว่ำไป
“มาลัยขอโทษนะพี่ตะวัน มาลัยขอโทษ”
มาลัยกลัววิ่งหนีออกไป
ตะวันลุกขึ้นได้ บู๊กับล่ำ แหลม แต่ตะวันสู้แรงไม่ได้โดนอัดกระเด็น ตะวันคว้าท่อนเหล็กได้ก็ฟาดใส่ล่ำแหลมแล้วถีบกระเด็น ตะวันคว้าปืนที่พื้นได้ แต่ล่ำไวกว่าชักปืนของตัวเองยืงใส่ตะวัน ตะวันหลบหนีพลางยิงสวนออกไป

ตะวันวิ่งหนีไปตามซอกอาคาร ล่ำ แหลม ตามมายิงปืนใส่ ตะวันวิ่งหลบยิงปืนสวนไป ตะวันหนีไปที่รถจนได้ กำลังจะขึ้นแต่ทว่าเดชาเข้ามาเอาปืนจ่อหลัง ตะวันชะงัก
“ทิ้งปืน” ล่ำ แหลม ตามมาเล็งปลายกระบอกปืนเข้าหาตะวัน “ทิ้งปืน” เดชาตะคอก
ตะวันเบี่ยงตัวแล้วเล็งปลายกระบอกปืนไปที่เดชา เดชากับตะวันต่างเล็งปืนมาที่กันและกัน
“ถ้ายังไงก็ต้องตาย ฉันไม่ยอมตายคนเดียว”
“ใจกล้านักนะ”
“ฉันยอมให้แกได้ตัวคุณโรสไปไม่ได้”
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะทิ้งปืนเพื่อมีโอกาสเอาชีวิตรอดไว้ปกป้องครอบครัวและผู้หญิงที่แกรัก เชื่อฉันเถอะ ทิ้งปืนซะ” ตะวันชะงักไป แต่ยังไม่ทิ้งปืน “แกไม่มีทางเลือก ทิ้งปืนซะตะวัน”
ตะวันตัดสินใจทิ้งปืน เดชาก็อัดตะวันจนสลบลงไปกองข้างรถ ล่ำ แหลม มองเดชาอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมลูกพี่ไม่ฆ่ามันซะเลย”
“ไม่มีใครอยากเห็นมันตายเท่าฉันหรอก” สีหน้าเดขามีแผนอะไรบางอย่าง “ฉันจะให้โอกาสมันหายใจอีกสักเฮือก”

ที่โรงแรมควีนโรส โรสรินนั่งง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค สักพักเสียงMMSที่โทรศัพท์มือถือโรสรินดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์มาดูอย่างแปลกใจ
“ใครส่งอะไรมา”
โรสรินกดเปิดดูMMS แล้วเธอก็ช็อกกับภาพวีดีโอบนมือถือ
ที่หน้าจอมือถือของโรสรินเป็นภาพตะวันโดนจับมัดผูกติดกับเก้าอี้ สภาพสะบักสะบอม ตะวันใกล้หมดสติอยู่รอมร่อ เพ้อออกมา
“อย่าทำคุณโรส ปล่อยคุณโรสไป อย่ายุ่งกับเธอ ปล่อย...”
โรสรินน้ำตาร่วง
“ตะวัน”
เสียงโทรศัพท์มือถือโรสรินดังขึ้น เป็นเบอร์เดียวกับที่ส่งMMSมาให้ เธอ รู้ทันทีว่าใครโทรมา
“เดชา นายต้องการอะไร”

เดชายืนอยู่ข้างๆ ตะวันที่โดนจับมัดติดกับเก้าอี้ ตะวันมีสภาพแย่มาก ล่ำ แหลม ยืนประกบ เดชาคุยโทรศัพท์กับโรสริน
“อย่าบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ถ้าผมรู้สึกว่าผมไม่ปลอดภัย ตะวันตายทันที”
โรสรินห่วงและกลัวเดชาจะฆ่าตะวันจึงละล่ำละลักบอก
“อย่าทำอะไรเค้านะ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ฉันสัญญา ฉันทำได้ทุกอย่าง นายห้ามฆ่าเค้านะ”
เดชารู้สึกเหมือนถูกมีดทิ่มแทงใจครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อรับรู้ว่าโรสรินรักตะวันแค่ไหน เขากรอกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างดุดันเอาจริง
“ถ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ คุณรีบมาหาผมเดี๋ยวนี้ ผมให้เวลาคุณถึงคืนนี้เท่านั้น ถ้าคุณมามันรอด แต่ถ้าคุณไม่มา ผมสาบานว่าผมจะฆ่ามัน”
เดชากดตัดสาย ยิ้มเหี้ยมเกรียม

พีระขับรถเข้ามาในซอยหมู่บ้านโรสรินโดยมีอุษาวดีนั่งข้างๆ มีกล่องเค้กวางอยู่ที่ตัก
“แกทำอะไรฟี่ฟี่นี่เป็นด้วยเหรอ”
“เค้าเรียกบาน็อฟฟี่! ยัยโรสชอบมาก นี่อุษาตั้งใจทำสุดฝีมือให้ยัยโรสเลยขอบอก”
“รู้สึกผิดที่เคยร้ายกับโรซี่ล่ะสิ”
“มาก นี่ยังไม่ได้ขอโทษเป็นเรื่องเป็นราวเลย”
พีระเหลือบมองไปที่กล่องเค้กที่เบาะหลังรถ
“อีกกล่องนั่นล่ะ ของพี่ใช่มั้ย”
“อย่ายุ่ง นั่นของหมอทัต”

“ไม่ได้เช็กเฟสบุ๊คเลยรึไง หมอทัตเค้าไปงานเลี้ยงโรงพยาบาลเก่าที่ต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นเค้กเป็นของพี่”

พลันอุษาวดีเห็นรถโรสรินพุ่งพรวดออกมาจากซอย พีระกับอุษาวดีตกใจสุดขีด
“ระวัง”
“เฮ้ย”
พีระเหยียบเบรกเอี๊ยด เค้กล้มคว่ำไม่เป็นท่า อุษาวดีเปิดดูในกล่อง
“บานอฟฟี่บี้เลยอ่ะ”
รถพีระขวางหน้ารถโรสรินพอดี รอดจากรถชนกันอย่างหวุดหวิด

พีระกับอุษาวดีลงจากรถเดินไปที่รถของโรสริน โรสรินลดกระจกรถลง
“โรซี่ นี่ถ้าพีเบรกไม่ทัน เราได้ลงข่าวหน้าหนึ่งกันแล้วนะ”
โรสรินน้ำตานองหน้า เช็ดน้ำตา
“โรสขอโทษ”
สองพี่น้องอึ้งที่เห็นโรสรินร้องไห้ สงสัยในอาการตระหนกตกใจของเธอ
“ยัยโรส เธอเป็นอะไรรึเปล่า มีใครทำอะไรเธอเหรอ”
“เปล่า ฉันไม่เป็นอะไร”
“จะรีบไปไหนเหรอ”
โรสรินพยายามเก็บอาการ แต่ยังดูมีความร้อนรนมากๆ
“โรสมีธุระด่วนน่ะ พี ถอยรถออกเดี๋ยวนี้”
“เออนี่ โรซี่พอจะมีเวลาว่างมั้ย พอดียัยอุษาเค้าอยากจะ”
“ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้” โรสรินร้อนรน ระเบิดออกมา “ถอยรถเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
โรสรินเอากระจกรถขึ้นแล้วบีบแตรดังถี่ๆ พีระกับอุษาวดีตกใจรีบวิ่งไปที่รถแล้วก็ถอยรถให้ พลันรถของโรสรินพุ่งออกไปอย่างเร็ว พีระกับอุษาวดีมองกันอย่างสงสัยๆ
“ยัยโรสรีบไปไหน แล้วทำไมต้องร้องไห้ด้วย”
“นั่นน่ะสิ ดูมีพิรุธมากๆ เลยนะ เหมือนรีบไปหาใครสักคน แล้วคนคนนั้นเหมือนจะมีความสำคัญกับโรซี่มากๆ”
อุษาวดีกับพีระ นิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดออกมาพร้อมกัน
“คุณตะวัน / ตะวัน”

ภายในตึกร้าง ตะวันสลบอยู่กับเก้าอี้ ค่อยๆ ขยับเปลือกตาตื่นขึ้น ที่ตัวและแขนยังโดนผูกติดกับเก้าอี้อยู่ ลูกน้อง1-2 เดินเข้ามาหาเดชาเห็นเดชากำลังเช็ดปืนอยู่ ตะวันจ้องมองไปทางเดชาอย่างโกรธแค้น
“ผมติดต่อเรือให้เสี่ยแล้วนะครับ เรือจะออกพรุ่งนี้”
“แต่ถ้าไม่ทันเที่ยวนี้ คงต้องรอถึงกลางเดือนหน้า”
เดชาพยักหน้ารับรู้ พวกลูกน้องพากันเดินออกไป
“ไอ้เดชา” ตะวันแค้น แหลมจะเข้าไปอัด
“สะเออะฟื้นมาทำไมวะ”
“เฮ้ย อย่า”
ล่ำ แหลม และพวกลูกน้อง มองหน้าเดชาอย่างไม่เข้าใจ เดชายิ้มตาแข็งให้ตะวัน
“คุณโรสกำลังจะมาช่วยแกแล้ว ดีใจมั้ย” ตะวันช็อก
“ไอ้เลว”
เดชาบีบปากตะวัน
“ฉันไม่มีวันแพ้แกไอ้ตะวัน คนรักของแก...” เดชาตะคอกใส่หน้าตะวันอย่างสะใจ “จะต้องเป็นคนรักของฉัน”
เดชาชกใส่ตะวันจนเลือดกบปาก ตะวันจ้องตาเดชาพยายามจะดิ้นให้หลุดจากการถูกจับกุม แต่ก็ไร้หนทาง!

คืนนั้นที่ไร่ตะวัน ทุกคนยืนเครียดอยู่หน้าบ้าน แย้กับน้ำค้างกำลังกดโทรศัพท์ ชาญกระชับปืนยาวในมือไว้แน่น พร้อมปกป้องทุกคนถ้าภัยมา
“ว่าไงวะ ติดต่อตะวันได้รึยัง” น้ำค้าง แย้ ส่ายหน้า สีหน้าเครียด ชาญยิ่งกังวล “หายไปตั้งหลายชั่วโมงแล้ว เป็นตายร้ายดียังไงวะเนี่ย”
“หรือว่า เดชามันจะ…”
“ไม่เอาๆ อย่าพูดเรื่องที่มันจะทำให้ใจเสีย”
“พวกแกไปเฝ้าประตูทางเข้าออก อย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามาได้เข้าใจมั้ย ไป”
ยังไม่ทันขาดคำของแย้ ก็มีรถคันหนึ่งพุ่งตรงเข้ามา แสงไฟสาดส่อง ทุกคนชะงักทันที คนงานกระชับอาวุธเท่าที่มี ชาญเล็งปืนไปที่รถ
“หลบหลังปู่”
ทุกคนรีบหลบหลังชาญ ชาญเล็งปืนเตรียมยิง พีระและอุษาวดีลงจากรถ ยกมือเหนือหัวอย่างตกใจ
“อย่ายิงๆ ผมเองๆ / อย่ายิงนะคะปู่ อุษาเองค่ะ”
ทุกคนเห็นกันก็อึ้ง น้ำค้างเดินเข้าไปหาพีระ
“นายมาทำอะไร ตอนนี้ที่นี่ไม่ปลอดภัย ไม่รู้รึไง”
“ฉันกับอุษามาหาโรซี่ โรซี่อยู่กับตะวันใช่มั้ย”
ชาญ แย้ น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่ง มองหน้ากันอย่างช็อกๆ

“หนูโรสมาที่นี่งั้นเหรอ”

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 14 (ต่อ)

อีกด้านหนึ่ง โรสรินเดินเข้ามาที่ตึกร้าง หยุดมองหาทิศทาง น้ำตาไหลยังเป็นทางอาบแก้ม
“ตะวัน นายต้องไม่เป็นอะไรนะ นายต้องไม่เป็นอะไร”
มีชายลึกลับเข้ามาด้านหลัง แล้วใช้ปืนจ่อขู่โรสริน
“อย่าส่งเสียง”
“ตะวันอยู่ที่ไหน”
ลูกน้องเดชาเดินประกบ พาโรสรินเดินเข้าตึกร้างไป

ภายในตึกร้าง ตะวันพยายามดิ้นทำให้ตัวเองหลุดจากการถูกมัด เดชามองอย่างสมเพช
“แกจะไม่มีวันได้ตัวคุณโรสไป ไม่มีวัน”
“ฉันก็ไม่มีวันให้คุณโรสไปจากชีวิตฉันเหมือนกัน”
“แกกำลังทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอมีแต่ความทุกข์”
“หุบปาก”
เดชาใช้ด้ามปืนตบหน้าตะวัน โรสรินโผเข้ามาหาตะวันทันที
“อย่า อย่าทำเค้า”

โรสรินพุ่งเข้ามาผลักอกเดชากระเด็นไป แล้วโผเข้าไปกอดตะวันอย่างแกป้อง เดชามองภาพตรงหน้าอย่างใจสลาย
“คุณโรส ปล่อยมันแล้วเดินมาหาผม”
“ไม่ ฉันทิ้งตะวันไม่ได้”
โรสรินยืนขวางหน้าตะวันไว้อย่างยอมตายแทน ตะวันเจ็บใจตัวเองที่ปกป้องโรสรินไม่ได้เลย พยายามดิ้นสุดแรง
“คุณบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้”

เดชาคว้าข้อมือโรสรินแล้วกระชากออก โรสรินสู้แรงไม่ได้ถลาไป ล่ำกับแหลมฉุดรั้งตัวโรสรินไว้ เธอพยายามสะบัดตัวให้หลุด แต่ก็ได้แค่พยายาม เดชาเล็งปืนไปที่ตะวัน โรสรินน้ำตาไหลออกมา
“อย่าฆ่าตะวัน อย่า นายบอกว่าถ้าฉันมา นายจะไม่ฆ่าเค้า ปล่อยเค้าไปสิ”
“คุณมาทำไม คุณรู้อยู่แล้วว่ามันต้องการอะไร ทำไมต้องทำแบบนี้”
“ฉันยอมให้นายตายไม่ได้ นายจะตายเพราะฉันไม่ได้”
เดชาแทบคลั่งกับความรักแท้ของโรสรินและตะวัน
“ผมรักคุณน้อยกว่าไอ้ตะวันตรงไหน”
เดชาถามอย่างเจ็บปวด

“มันไม่สำคัญว่าตะวันรักฉันมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันยอมตายแทนเขาก็เพราะฉันรักตะวัน” ตะวันอึ้งห่วงโรสริน เดชานิ่งจุก “ตะวันให้ชีวิตใหม่กับฉัน” โรสรินมองหน้าตะวันอย่างอยากบอกความรู้สึกลึกๆ ข้างใน “ตะวันสอนให้ฉันมีหัวใจ เค้าทำให้คนที่ไม่เคยรักใครเลยอย่างฉัน หัดที่จะรักและมองเห็นคุณค่าของคนอื่น เค้าเปลี่ยนแปลงชีวิตฉัน ตะวันมีความหมายกับฉันมาก” เธอน้ำตาไหลออกมาอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ “ชีวิตนี้ฉันรักใครไม่ได้อีกแล้ว”
“ซาบซึ้งมาก ผมจะถือว่านั่นคือคำบอกลาสุดท้าย” เดชาแค่นยิ้ม แล้วเดินไปเล็งปืนไปที่ตะวัน ใกล้ๆ “ผมจะฆ่ามันต่อหน้าคุณ”
“ถ้านายทำ ฉันจะฆ่าตัวตายทันทีที่มีโอกาส นายรู้ว่าฉันพูดจริง” โรสรินจ้องตาเดชา น้ำตาไหล “แต่ถ้านายปล่อยเค้าไป ฉันจะยอมไปกับนาย แล้วทั้งชีวิตของฉันที่เหลืออยู่ เป็นสิทธิ์ของนาย”
ตะวันน้ำตาไหล
“อย่า อย่าทำแบบนั้น คุณโรส อย่า”
เดชายังเล็งปืนไปที่ตะวัน มือกำลังจะเหนี่ยวไก ทุกคนลุ้นกันสุดๆ

ในที่สุดเดชาก็ตัดสินใจเปลี่ยนที่ปลายกระบอกปืนแล้วยิง กระสุนพุ่งเข้าหาเก้าอี้และเฉียดไหล่ตะวันไปนิดเดียว ตะวันล้มคว่ำไปกับพื้นทั้งเก้าอี้ เดชาเดินหนีออกไป อย่างเจ็บปวดมาก โรสรินโผเข้าไปกอดตะวันร้องไห้ซบลงที่อกเขาอย่างโล่งที่ตะวันยังหายใจอยู่

บริเวณหน้าบ้านตะวัน น้ำค้างกับพีระเดินคู่กันมา สีหน้าเป็นกังวลทั้งคู่
“นายกับคุณอุษากลับไปได้แล้วล่ะ” น้ำค้างบอก
“อ้าว ไม่คิดถึงกันเลยเหรอ”
“มันไม่เกี่ยวกับความคิดถึง”
“เกี่ยวสิ ฉันยังนอนคิดถึงเธอมาหลายคืนแล้วนะ สงสารกันบ้างมั้ย”
“แต่ที่นี่ไม่ปลอดภัย นายจะเสี่ยงอันตรายไปด้วยเปล่าๆ”
“ถ้าที่นี่ไม่ปลอดภัย ก็หมายความว่าเธอก็ไม่ปลอดภัยไปด้วย แล้วจะให้ฉันกลับได้ยังไง” พีระจับมือ มองตาน้ำค้างอย่างเป็นห่วง น้ำค้างหัวใจหวั่นไหว “ฉันจะไม่ไปไหน จนกว่าตะวันกับโรซี่จะปลอดภัย แล้วที่สำคัญ ฉันเป็นห่วงเธอ เธอไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยใกล้ๆ ไม่คิดถึงกันเลยรึไง”
น้ำค้างหลบตา อายๆ
“ไม่”
“โธ่”
“ไม่รู้ว่าคิดถึงวันละกี่ครั้งต่างหาก”
พีระและน้ำค้างยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ขณะนั้น แย้ อึ่ง ชาญกำลังยืนจ้องพีระกับน้ำค้างอยู่ ไม่รู้ว่ามายืนตั้งแต่เมื่อไหร่
“คิดถึง”
“รักกัน”
“เฮ้ย ที่ไหน เมื่อไหร่ ตอนไหน ยังไง เราสองคนเกลียดกันไม่ใช่เหรอ” ชาญถามอย่างแปลกใจ
“เกลียดแรกพบ แต่จบลงด้วยรักครับ” พีระยกมือไหว้ชาญ “ฝากตัวด้วยครับ”
“มันยังไงกันวะน้ำค้าง” ชาญหันไปถามน้ำค้างอึกอัก เขิน หันไปดุพีระ
“ตอนนี้เรื่องของพี่โรสกับพี่ตะวันสำคัญที่สุด เรื่องอื่นไว้พูดกันทีหลัง จริงมั้ย”
“จริง”
ทุกคนกลับมาอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดอีกครั้ง

มาลีเดินประคองมาลัยที่มีอาการสั่นกลัวเข้ามาในโรงพยาบาล มาลีนึกสงสารลูก
“ตั้งสติก่อน ใจเย็นๆ เอ็งไม่ต้องกลัวนะมาลัย”
มาลัยดูสติแตกมากๆ ตัวสั่นด้วยความกลัว
“ฉันพาพี่ตะวันไปตาย แล้วพวกไอ้เสี่ยเดชามันจะกลับมาฆ่าปิดปากเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“เออๆ ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวมาเอายาคลายเครียดที่หมอ แล้วนอนที่นี่สักคืนสองคืน ถ้าใครมันจะมาปิดปากเอ็ง มันคงไม่กล้ามาทำถึงในโรงพยาบาลนี้หรอก”
“มาลัย”
มาลัย มาลี หันไปเห็นกิตติทัตเดินเข้ามาจากด้านหลังก็ช็อก
“หมอ / หมอมาที่นี่ได้ยังไง” สองแม่ลูกถามออกมาพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณตะวัน”
“อะไร ไม่รู้ ฉันจะรู้ได้ยังไง” มาลีรีบจูงมือมาลัยจะพาเดินออกไป กิตติทัตขวางไว้สีหน้าซีเรียสจริงจัง
“คุณตะวันอยู่ในอันตรายใช่มั้ย มาลัย เธอทำอะไรลงไป”
มาลัยสะอึกสะอื้น
“ฉันไม่มีทางเลือก ฉันไม่ได้ตั้งใจทำ”
กิตติทัตบีบไหล่มาลัยเบาๆ
“บอกความจริงทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
มาลัยอยู่ในอาการตระหนกตกใจกลัว กิตติทัตมีสีหน้าเครียดสุดๆ

มาลัย มาลี ร้องห่มร้องไห้อยู่ในอาการหวาดกลัวอยู่ที่บ้านตะวัน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฮือๆ ถ้าฉันไม่ทำ ฉันกับแม่ก็ต้องตาย ฮือๆ”
ทุกคนสีหน้าเครียดจัด เป็นห่วงโรสรินกับตะวันมากๆ
“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เดชามันจับตะวันเพื่อล่อให้โรซี่ออกมา โธ่เว้ย”
“ป่านนี้ พี่โรสกับพี่ตะวันจะเป็นยังไงบ้าง เราต้องบอกตำรวจแล้วนะคะปู่”
“แต่ถ้าเดชามันเห็นตำรวจ โรสกับตะวันไม่รอดแน่”
“ในตอนนี้เดชายังไม่ทำอะไรโรสแน่นอน แต่ถ้าเขารู้ตัวว่าไม่รอด โรสอาจจะเป็นอันตรายก็ได้”
“แล้วเราจะทำกันยังไงดีคะเนี่ย”
ทุกคนเครียดจัด
“ไอ้แย้ ไปเอาปืนมา ข้าจะไปช่วยทั้งสองคนออกมาให้ได้” ชาญบอกแล้วรู้สึกวิงเวียนหน้ามืด จะเป็นลม แล้วก็วูบลง
“ปู่”
น้ำค้าง แย้ อึ่ง อาทิตย์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พีระที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าไปประคองชาญไว้ได้ทัน ชาญอาการแย่มาก ทุกคนมองอย่างเป็นห่วง

ที่แคร่หน้าบ้าน น้ำค้าง อึ่ง ช่วยกันพยุงชาญไว้ มาลัย มาลี ช่วยกันรมยามดมยาหม่องให้ชาญเป็นพัลวัน
กิตติทัตกำลังวัดความดันให้ชาญ
“พอๆ พอได้แล้ว ฉันจะตายเพราะยาหม่องของแกนี่แหล่ะ”
“ความดันไม่ปกติ เป็นเพราะปู่ชาญคงเครียดมาก พยายามอย่าคิดมาก ทานยาและพักผ่อนนะครับ”
“ฉันกับแม่จะช่วยดูแลเอง ไม่ต้องห่วงนะ”
“ไม่ได้ ข้าต้องไปช่วยไอ้ตะวัน”
อาทิตย์อึ้งเป็นห่วงชาญ
“ปู่ครับ”
“เรื่องตะวันกับโรสริน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมกับหมอทัต” พีระบอก

“อย่าให้ดวงใจทั้งสองของฉันต้องเป็นอันตราย”

แย้เดินหอบปืนเข้ามามีหลายกระบอกมาที่รถกระบะที่จอดอยู่หน้าบ้าน แล้ว สั่งคนงานชายที่เหลือ
“เอ็งสองคนอยู่กับเด็กและผู้หญิง ปิดประตูให้มิดชิดอย่าให้ใครมันบุกรุกเข้ามา ไป หมอ คุณพี”
น้ำค้าง อุษาวดีมองหน้ากันอย่างชั่งใจแล้วตัดสินใจจะขึ้นรถไปด้วย
“เฮ้ยๆ อะไร ทำอะไร” พีระรีบถาม
“ฉันไปด้วย ฉันเป็นห่วงพี่ตะวัน เป็นห่วงพี่โรส ห่วงนายด้วย” น้ำค้างบอก พีระห่วงน้ำค้างแต่ก็ดีใจ ยิ้มอย่างตื้นตัน
“อุษาไปด้วยนะคะ อย่างน้อยได้ช่วยเป็นลูกมือหมอก็ยังดี เผื่อว่าใครบาดเจ็บเป็นอันตรายขึ้นมา”
น้ำค้างขอร้องกับชาญ
“นะคะปู่ ให้เราสองคนไปนะคะ”
ชาญชั่งใจอย่างหนัก
“ถึงห้ามก็คงไม่ฟัง ระวังตัวเองให้มากนะ ทุกคนเลย ไปๆ รีบไปกันได้แล้ว”
พีระ น้ำค้าง กิตติทัต อุษาวดี แย้ ขึ้นรถกระบะไป คนงานสองคนโดดขึ้นกระบะหลังรถ แล้วแย้ก็ขับรถออกไปชาญ อึ่ง อาทิตย์ มาลัย มาลี และคนงานที่เหลือ มองรถที่ขับออกไปลับตาด้วยความเป็นห่วง

มุมหนึ่งภายในตึกร้าง ที่กำแพงเห็นเลือดสดๆ เปรอะเปื้อน เดชาชกกำแพงไม่หยุด กราดเกรี้ยวโมโหมาก
ล่ำและลูกน้องเดินเข้ามาหาเห็นเดชาชกกำแพงอย่างบ้าคลั่ง
“เสี่ยครับ พอเถอะเสี่ย”
“ถ้าเสี่ยจะฆ่ามันก็รีบลงมือก่อนที่จะมีใครมาช่วย แล้วรีบไปที่ท่าเรือเถอะครับ”
เดชากำหมัดแน่น เลือดไหลจากกำปั้น หยดลงที่พื้น
“เราต้องไปแล้ว เอาไงครับเสี่ย ปล่อยมันไป หรือฆ่าให้ตาย”
เดชากำหมัดแน่นครุ่นคิดตัดสินใจ ตาวาว

โรสรินใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดให้ตะวัน ลูกน้องเดชายืนคุม ตะวัน โรสริน น้ำตาคลอๆ ต่างไม่รู้ว่าชะตากรรมของตัวเองจะเป็นอย่างไร เดชาเดินเข้ามาเห็นภาพโรสรินเช็ดเลือดให้ตะวันก็ใจสลายแล้วสลายอีก
“โรสริน ทำไมต้องเอาชีวิตและอนาคตของคุณมาทิ้งที่นี่ คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ถึงฉันจะต้องเจอกับความทุกข์ตลอดชีวิตของฉันที่เหลืออยู่แต่เพื่อแลกกับชีวิตของนาย ฉันยอม”
โรสรินกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตะวันมองอย่างสงสารเจ็บใจ กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน เดชากระชากโรสรินให้ยืนขึ้นทันที
“ปล่อยนะ”
เดชาบีบข้อมือแน่น
“คุณกำลังจะเป็นเจ้าสาวของผม หยุดมีใจให้คนอื่นได้แล้ว”
“ถึงฉันจะตกอยู่ในกำมือของนาย แต่นายจะไม่มีวันได้หัวใจของฉัน”
เดชาเจ็บบาดลึกถึงขั้วหัวใจ
“ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมอบทั้งชีวิตและหัวใจให้ผม”
“นายก็รู้ว่าไม่มีทาง”
“ไม่ว่านานแค่ไหนผมก็จะรอ” เดชาตะคอกสั่งลูกน้อง “ปล่อยไอ้ตะวัน” ล่ำ แหลม และลูกน้องเดชาทั้งหมดอึ้ง คาดไม่ถึงว่าเดชาจะปล่อยตะวันไปจริงๆ “ลากมันออกไปเดี๋ยวนี้”

ลูกน้องเข้าไปลากตะวัน โรสรินจะโผไปหาตะวันแต่เดชารั้งไว้ ถึงตะวันจะไร้เรี่ยวแรงแต่ก็สู้สุดใจ ล่ำ แหลม ตรงเข้าไปเตะซ้ำ ตะวันล้มลงเจ็บหนัก โรสรินร้องไห้
“อย่า พอแล้ว อย่าทำร้ายเขา พอได้แล้ว พอ”
เดชาให้ลูกน้องคุมตัวโรสริน ส่วนตัวเขาก็เข้าไปกระชากให้ตะวันลุกขึ้น ตะวันบอบช้ำบาดเจ็บมาก
“ฉันจะปล่อยให้แกมีลมหายใจ” เดชาหันมองโรสริน “ฉันจะให้แกรอดเพื่อคิดถึงคนที่แกรัก แต่ไม่มีวันได้ครอบครอง”
เดชาผลักตะวันกระแทกผนังแล้วเตะเสยที่หน้า ตะวันกระอักเลือดแทบสลบ โรสรินจะเข้าไปหา แต่โดนจับตัวไว้ จึงได้แต่ร้องไห้ออกมา
“พอแล้ว พอซะที พอได้แล้ว”

โรสรินสะบัดตัวหลุดออกมาได้โผเข้าไปหาตะวัน แต่เดชากระชากโรสรินไว้ ตะวันพยายามรวบรวมกำลังยื่นมือจะจับมือโรสริน แต่เดชาก็กระชากออกไป
“ผมปล่อยให้มันรอดแล้ว คุณต้องรักษาสัญญา ตอนนี้ชีวิตคุณเป็นของผมแล้วโรสริน ไปกับผม”
เดชาส่งซิกให้ลูกน้อง เข้าไปเตะตะวัน ตะวันแทบสลบคาเท้า โรสรินน้ำตาไหลไม่หยุด พร่ำแต่บอกให้หยุด ให้พอ อย่าทำร้ายตะวัน เดชากระชากลากเธอนออกไป ล่ำ แหลม ลูกน้องเดินตามไป
“โรส คุณโรส”
โรสรินพยายามดิ้นสุดชีวิตจะเข้าไปหาตะวันให้ได้ แต่เดชาก็ฉุดกระชากตัวเธอไว้ โรสรินได้แต่มองตะวัน ภาพที่เห็นพร่ามัวเพราะน้ำตาไหลไม่หยุด ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือตะวันนอนจมกองเลือดอย่างที่เธอช่วยอะไรไม่ได้เลย

รถกระบะของไร่ตะวัน ขับเข้ามาบนถนนเปลี่ยว ภายในรถทุกคนยังมีสีหน้าเครียด
“อีกไม่กี่โลก็ถึงแล้ว ตื่นเต้นโว้ย เครียดๆ” แย้บอก
“ถ้าเครียดก็เปิดเพลงสร้างบรรยากาศหน่อยดีกว่า” พีระบอก
“แจ่มว้าว แย้จัดให้”
แย้กดเปิดเพลงที่วิทยุรถ เสียงเพลงดังขึ้น
“ไอ้หวังตายแน่ ตายแน่ไอ้หวัง ไอ้หวังตายแน่ ตายแน่ไอ้หวัง”

“บรรยากาศเสียเลย ไม่มีอารมณ์ฟังเพลงแล้ว ปิดวิทยุ” พีระบอก พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของพีระดังขึ้น พีระมองหน้าจอเครียดๆ “ปู่ณรงค์โทรมา ถ้าปู่โทรหาใครอย่ารับสายเด็ดขาด จนกว่าจะช่วยตะวันกับโรซี่ได้”

ณรงค์รอฟังเสียงจากปลายสาย สีหน้าเครียด ยุนอาก็ยกหูรอสีหน้าเครียด
“ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลยสักคน”
“ติดต่อคุณโรสไม่ได้เลยค่ะ”
“หายไปไหนทำไมไม่บอก”
ณรงค์มีสีหน้าเครียดจัด

รถกระบะของไร่ตะวันจอดอยู่หน้าตึกร้าง พีระ น้ำค้าง อุษาวดี แย้ กิตติทัตและคนงาน เดินอย่างระแวดระวังเข้ามาในตึก ทุกคนสอดส่องสายตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็น ใครเลย
“ที่นี่แหล่ะ นังมาลัยบอกว่าไอ้เดชามันจับลูกพี่ตะวันไว้ที่นี่”
พีระจับมือน้ำค้างไว้
“อย่าอยู่ห่างฉันเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
น้ำค้างเบียดเข้าด้านหลังพีระ อย่างอยากให้พีระปกป้อง กิตติทัตเดินเข้าไปใกล้ๆ คล้ายจะบังตัวอุษาวดีไว้
“ระวังตัวด้วยนะครับคุณอุษา”

ทุกคนเดินเข้ามาถึงบริเวณบันได ก็เห็นเงาหนึ่งพาดผ่านที่กำแพง มีใครบางคนกำลังเดินมา พีระกางมือห้ามทุกคนไม่ให้ขึ้นบันได พีระ แย้ กิตติทัต เล็งปืนไปที่บริเวณบันไดที่กำลังจะมีคนลงมา ทุกคนมีสีหน้าลุ้นสุดๆ ทว่า คนที่ลงบันไดมาคือตะวัน
ตะวันเลือดเต็มตัวสภาพสะบักสะบอม แทบไร้แรงยืน
“ตะวัน / พี่ตะวัน”
ตะวันหมดแรง ตัวโงนเงนจะล้มแหล่มิล้มแหล่ แย้ กิตติทัตปราดเข้าไปประคองตะวันไว้ไม่ให้ล้ม น้ำค้างน้ำตาคลอสงสารพี่ชาย
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ ทำไม”
ตะวันที่ใกล้จะหมดแรงและหมดลม สิ่งเดียวที่เค้านึกถึงคือ…
“โรส โรสริน มีใครเห็นเธอมั้ย มันพาเธอไปรึยัง”
“ไปไหน เดชาพาเธอไปที่ไหน”
ตะวันกระอักเลือดออกมา ทุกคนมองตะวัน อย่างสงสารและห่วงจับใจ

บริเวณหน้าตึกร้าง พีระ น้ำค้าง อุษาวดีกำลังช่วยกันทำแผล เช็ดเลือด พันผ้าปิดบาดแผลที่แขนให้กับตะวัน โดยมีแย้ คนงานสองคน คอยระแวดระวังคุ้มกันภัยให้ ตะวันมีอาการแย่มาก แต่ใจสู้มาก
“อีกไม่กี่ชั่วโมง เดชามันจะหนีออกนอกประเทศ โรสรินขอให้มันไว้ชีวิตผม แลกกับอิสรภาพของเธอ”
ตะวันบอก พีระเสิร์ชหาแผนที่ท่าเรือบนโทรศัพท์มือถือ
“ไอ้ชั่วเอ๊ย ยังไงมันก็ได้แค่ตัว แต่ไม่มีวันได้หัวใจของโรซี่”
ตะวันลุกขึ้น สายตาเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น
“ผมจะไปช่วยโรสริน”
“แต่คุณเจ็บหนัก ช่วยไม่ไหวแน่ๆ พักเถอะนะคะ มันเสี่ยงอันตรายเกินไป” อุษาวดีบอกอย่างเป็นห่วง
“อย่าห้ามคุณตะวันเลยครับ ต่อให้เอาโซ่ล่ามเค้า เค้าก็จะหาทางไปช่วยโรสรินให้ได้”
“แต่คราวนี้เรื่องมันใหญ่เกินกว่าเราจะทำอะไรได้เองแล้ว คงต้องถึงตำรวจแล้วล่ะ”
“เจอแล้ว”
กิตติทัตให้ทุกคนดูแผนที่บนโทรศัพท์มือถือ
“ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดและมีเรือสินค้าออกนอกประเทศคือที่นี่” พีระชี้จุด
“เรารีบโทรแจ้งให้ตำรวจท้องที่ช่วยตรวจสอบเลย น้ำค้างหาเบอร์ด้วย” กิตติทัตบอก
“เราต้องรีบไปกันได้แล้ว”

ทุกคนรีบขึ้นรถไปอย่างรีบร้อน

จบตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น