ลูกทาส ตอนที่ 2
บ่ายต่อเนื่อง บริเวณลานบ้านพระยาไชยากร คอกและบุญเจิม รีบประคองกิ่งมาที่ลานบ้านด้วยความตื่นตกใจ เป็นห่วงแก้วที่กำลังจะถูกเฆี่ยน
พอมาถึง ก็เห็นพวกทาสชายกำลังจับมือแก้วมัดโยงไว้กับกิ่งไม้ เพื่อให้มาโนชที่ถือหวายรอเฆี่ยนอยู่
มาโนชยิ้มเหี้ยม
"กูให้มึงเลือกอีกครั้ง ถ้ามึงยอมบอก ว่ามึงส่งอะไรให้น้องน้ำทิพย์ กูก็จะละเว้นไม่เฆี่ยนมึง"
แก้วขบกรามแน่น สายตาแข็งกร้าว
"กระผมไม่มีอะไรจะบอกขอรับ"
มาโนชโมโห
"งั้นมึงก็เตรียมหลังขาดคาหวายได้เลยไอ้แก้ว"
มาโนชเงื้อหวายเตรียมจะเฆี่ยน
กิ่งรีบตะโกนห้าม
"เมตตาด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
กิ่งรีบเข้าไปคุกเข่าพนมมือไหว้มาโนช โดยมีบุญเจิม และคอก ตามไปคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ
"ไอ้แก้วมันกระทำผิดอะไรหรือเจ้าคะ คุณมาโนชถึงจะต้องเฆี่ยนตีมันด้วย"
มาโนชหน้ากิ่ง
"ลูกมึงกำเริบใส่กูกับน้องน้ำทิพย์ เพียงแค่นี้ พอหรือไม่ที่กูจะลงโทษมัน"
บุญเจิมไม่เชื่อ
"พี่แก้วน่ะรึจะกำเริบต่อคุณมาโนชแลคุณน้ำทิพย์ ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ แม้แต่นินทาลับหลัง พี่แก้วยังไม่เคยเลย แล้วจะแสดงอาการกำเริบเสิบสานได้อย่างไรเจ้าคะ"
มาโนชตะคอกใส่
"มึงพูดเช่นนี้ แปลว่ากูใส่ไคล้ปรักปรำไอ้แก้วมันอย่างนั้นรึ อีบุญเจิม"
บุญเจิมอึกๆอักๆ เจอมาโนชย้อนเข้าก็พูดไม่ออก คอกยกมือไหว้
"ขอประทานโทษเถิดขอรับคุณมาโนช พี่แก้วกระทำอย่างไร ถึงเป็นการกำเริบหรือขอรับ"
มาโนชได้ที จะหาเหตุให้แก้วบอกว่าส่งอะไรให้น้ำทิพย์
"มึงก็ลองถามไอ้แก้วดูสิวะ ว่ามันทำอะไร"
ทุกคนหันไปมองแก้วเป็นตาเดียว
"บอกมาสิไอ้แก้ว หากไม่ร้ายแรงอะไรนัก จะได้ขอความเมตตาจากคุณมาโนชท่าน" กิ่งว่า
แก้วนิ่งขรึม สายตาแข็งกร้าว
"ถ้าคุณมาโนช เห็นว่าไอ้แก้วผิด ก็ถือว่าผิดเถอะขอรับ ชีวิตทาส ถูกผิดเท็จจริงอย่างไร ไม่สำคัญเท่าผู้เป็นนายต้องการให้เป็นอย่างไรดอกขอรับ"
"สำบัดสำนวนเจ้าคารมนักนะมึง ถือว่าอ่านออกเขียนได้ ก็คิดเผยอมาประชดกูรึ ดูซิ ว่าโดนหวายแล้ว มึงจะยังปากดีอยู่ได้อีกหรือไม่"
ทันใดนั้น น้ำทิพย์กับแม่นมอ้อนก็เดินเข้ามาขัดจังหวะ
น้ำทิพย์เสียงเข้ม เฉียบขาด
"ที่นี่เป็นเรือนพระยาไชยากร ฉันเป็นบุตรสาวแท้ๆ ยังไม่เคยคิดจะเฆี่ยนตีทาสตัวเองเลยสักครั้ง"
ทุกคนหันไปมองน้ำทิพย์เป็นตาเดียวกัน
"แล้วพี่มาโนชเป็นใครคะ ถึงได้มาเฆี่ยนทาสในเรือนคุณพ่อของฉัน"
"น้องพูดเช่นนี้ คิดจะหักหน้าพี่รึ พี่เป็นแค่หลานก็จริง แต่คุณอาให้สิทธิ์ขาดในการควบคุมดูแลทาสทุกคนในเรือนนี้แก่พี่ แล้วทำไมพี่จะเฆี่ยนไอ้แก้วไม่ได้"
นมอ้อนไม่พอใจ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็ต้องมีเหตุอันควร จึงจะลงโทษทาสได้ หาไม่ นายทาสก็ต้องรับโทษตามกฎหมายบ้านเมืองเช่นกันนะเจ้าคะ"
มาโนชจ้องอ้อนตาแข็ง ไม่พอใจ
"คุณมาโนชกล่าวโทษไอ้แก้วว่ามันกำเริบหยาบหยามคุณกับคุณน้ำทิพย์ แต่คุณน้ำทิพย์หาได้คิดว่าการกระทำของไอ้แก้วเป็นการกำเริบไม่ เมื่อแย้งกันเช่นนี้ อิชั้นเห็นว่าหาควรเฆี่ยนตีไอ้แก้วตอนนี้ไม่" นมอ้อนว่า
"นมอ้อนพูดถูกต้องทุกอย่าง หากพี่มาโนชยังไม่ฟัง จะเฆี่ยนตีแก้วให้ได้ ฉันก็จะแจ้งความเช่นกัน"
มาโนชหน้าเสีย เจออย่างงี้เข้าก็ทำอะไรไม่ถูก ฉุกคิดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
"เช่นนั้นรอคุณอากลับมาก่อนก็ได้ ดีเหมือนกัน พี่จะได้รู้ ว่าไอ้แก้วมันบังอาจส่งอะไรให้น้อง"
น้ำทิพย์ชะงัก ถ้าเรื่องถึงพ่อ เธอก็เดือดร้อนเหมือนกัน
"ไม่ต้องรอท่านเจ้าคุณดอกขอรับ กระผมยอมรับผิด ว่ากระทำไม่บังควร ขอคุณมาโนชลงโทษกระผมเถอะขอรับ" แก้วว่า
น้ำทิพย์ตกใจ ห่วงแก้ว
"ไม่จริง เรื่องนี้แก้วไม่ผิด อย่างมากฉันก็ให้คุณพ่อดู"
แก้วรีบพูดสวนขึ้น
"คุณน้ำทิพย์ขอรับ ถ้าหากเมตตากระผม ก็ขอให้ไอ้แก้วได้ลิ้มรสหวายจนสาสมกับความผิดเถอะขอรับ"
"แต่คนที่ผิดไม่ใช่แก้ว"
"เป็นกระผมขอรับ กระผมผิดเอง คุณน้ำทิพย์อย่าพยายามช่วยไอ้ลูกทาสชั้นต่ำคนนี้ จนคุณต้องมัวหมองไปด้วยเลยขอรับ หากคุณต้องระคายเคืองแม้เพียงปลายก้อย ต่อให้ไอ้แก้วตกนรกหมกไหม้ ก็ชดใช้บาปครั้งนี้ไม่ได้ เชื่อไอ้แก้วเถอะนะขอรับ"
น้ำทิพย์มองหน้าแก้วนิ่ง รู้ว่าแก้วไม่ต้องการให้เธอเดือดร้อน เลยหันไปหน้าไปทางอื่นไม่มองแก้วอีก มาโนชยิ้มสะใจ
"มึงยอมรับเองเช่นนี้ก็ดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องปรานีมึง"
ขาดคำ มาโนชก็กระหน่ำหวายลงบนหลังแก้วทันที!
แก้วขบกรามแน่น ไม่ยอมร้องซักนิด แต่มาโนชยังคงกระหน่ำตีไม่ยั้ง จนหลังแก้วเลือดออกแดงฉาน เต็มไปด้วยรอยหวาย กิ่งร้องไห้เสียใจ สงสารลูกจับใจ
บุญเจิม คอก และ นมอ้อน ไม่กล้ามอง ทั้งสงสาร ทั้งหวาดเสียว พวกทาสคนอื่นก็หวาดกลัว แทบจะสะดุ้งตามการลงหวายของมาโนช น้ำทิพย์เบือนหน้าไม่มองแก้ว แต่น้ำตาคลอเบ้า จนต้องกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เพื่อจะไม่ให้ร้องไห้ออกมา
ผ่านเวลาซักพัก ในเรือนทาสกิ่ง คอกและบุญเจิม ช่วยกันประคองแก้วมานอนที่แคร่ในเรือน แก้วโดนเฆี่ยนจนสลบคาหวาย เลือดออกเต็มหลังไปหมด กิ่งยืนมองลูกด้วยความห่วงใย สงสารลูกสุดๆ
"ไอ้คอก จับให้ไอ้แก้วนอนคว่ำซะ ยาของคุณน้ำทิพย์ยังเหลือ ข้าจะได้ทาให้มัน... นังเจิม เอ็งไปต้มน้ำ ข้าจะเช็ดแผลให้ไอ้แก้วมันก่อน"
"จ้ะป้า"
บุญเจิมรีบออกจากเรือนไป
คอกจับแก้วนอนคว่ำ ยิ่งเห็นแผลที่หลังชัดๆก็ยิ่งสยดสยอง
"ไม่รู้ใจคอคุณมาโนชทำด้วยอะไรนะป้า ต่อให้พี่แก้วกำเริบจริง อย่างมากเฆี่ยนให้หลาบจำสองสามทีก็พอแล้ว แต่นี่หวดซะสลบคาหวายเลย"
กิ่งลูบหัวลูกด้วยความสงสารจับใจ น้ำตาคลอสงสารลูกชาย
"ทาส มันไม่ใช่คนดอกไอ้คอกเอ๊ย แม้แต่สัตว์ มันยังมีค่ามากกว่าทาสเลย"
แก้วนอนสลบด้วยความเจ็บปวดอยู่บนแคร่
ภายในห้องนอนน้ำทิพย์ แม่นมอ้อนกำลังอ่านจดหมายของพระนิติธรรมลือชาที่ส่งให้น้ำทิพย์ โดยมีน้ำทิพย์นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ใกล้ๆ
"เรือนของเราทั้งสองก็อยู่ห่างกันเพียงแค่คลองกั้นเท่านั้น ฉันจึงเห็นควรแนะนำตัวให้เธอได้รู้จักไว้ แลหากภายหน้า โชคเป็นของฉัน เราอาจได้พบปะกัน....พระนิติธรรมลือชา"
น้ำทิพย์ได้แต่ถอดถอนใจออกมา อ้อนพับจดหมายเก็บ
"มิเห็นได้มีถ้อยคำเกี้ยวพาราสีเลยแม้แต่น้อย แต่ไอ้แก้วกลับต้องถูกเฆี่ยนจนเนื้อแตก ช่างโชคร้ายซะจริงๆ"
น้ำทิพย์น้ำตาไหลพรากบอก
"ไม่ใช่โชคร้ายดอกจ้ะนม แต่เพราะฉันเห็นแก่ตัวต่างหาก หากฉันไม่กลัวคุณพ่อท่านจะลงโทษ ฉันควรจะเอาจดหมายนี้ให้พี่มาโนชดูแต่แรก แก้วก็ไม่ต้องโดนตีปางตายเช่นนี้"
น้ำทิพย์ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น
อ้อนสงสาร เข้าไปกอดน้ำทิพย์
"โถ ทูนหัวของนม ช่างสัตย์ซื่อนัก คุณยังไม่ทันเล่ห์คดในใจคนดอกเจ้าค่ะ ต่อให้คุณเอาจดหมายให้คุณมาโนชดู คุณมาโนชก็ต้องหาเรื่องคุณกับไอ้แก้วมันอยู่ดี แลหากฟ้องไปถึงท่านเจ้าคุณ ไอ้แก้วอาจโดนหนักกว่านี้เสียด้วยซ้ำ"
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น
"แต่นมก็อ่านจดหมายแล้วไม่ใช่รึ ว่าไม่มีถ้อยคำเกี้ยวพาราสีเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่แนะนำตัวเท่านั้น แล้วคุณพ่อท่านจะลงโทษแก้วได้อย่างไร หากจะลงโทษ ก็ต้องลงโทษที่ฉันปากพล่อยบอกให้แก้วเอาจดหมายคุณพระมาให้ต่างหาก"
อ้อนส่ายหน้าช้าๆ
"ผิดแล้วเจ้าค่ะ ท่านเจ้าคุณรักคุณน้ำทิพย์ราวกับแก้วตาดวงใจ แม้แต่คำน้อยยังไม่เคยว่า ย่อมไม่มีทางลงโทษคุณ แต่จะไปหาเหตุระบายที่ไอ้แก้วต่างหาก เพราะท่านเจ้าคุณชังคุณพระนัก แม้จดหมายจะไม่มีถ้อยคำเกี้ยวพา แต่ก็ถือว่าหยามน้ำหน้ากัน ไอ้แก้วคงไม่โดนแค่เฆี่ยนจนสลบดอกเจ้าค่ะ"
น้ำทิพย์คิดตามที่นมอ้อนพูด หน้าเศร้าๆ
"ทุกอย่างเป็นเพราะฉันแท้ๆ ถ้าฉันไม่ประชด..."
น้ำทิพย์พลั้งปาก รีบเปลี่ยนคำพูด
"เอ่อ ปากพล่อย เช่นนี้ แก้วก็คงไม่ต้องเจ็บตัว"
"แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องชื่นชมไอ้แก้วมันนะเจ้าคะ มันยอมเจ็บคนเดียวแต่ไม่พาดพิงถึงคุณน้ำทิพย์แลคุณพระเลย ข้อนี้ ต้องนับถือน้ำใจมันจริงๆ"
น้ำทิพย์หน้าเศร้าหมองลง แม้จะชื่นชมแก้ว แต่สู้ไม่ให้แก้วเจ็บตัวจะดีกว่า
เวลาหัวค่ำ บริเวณเรือนแพ พระนิติธรรมลือชากำลังโกรธจัด
"จริงหรือวะไอ้อ้น หลานเจ้าคุณไชยากรทารุณกับไอ้แก้วถึงเพียงนี้เชียวรึ"
อ้นรายงานเรื่องแก้วให้พระนิติธรรมฟัง คุณกัลยายืนตกใจอยู่ใกล้ๆ
"ขอรับ ไอ้พวกทาสเรือนโน้น มันเอามาเล่าให้พวกเรือนแพฟัง เห็นว่าไอ้แก้วโดนโบยไม่ยั้งมือ นับครั้งไม่ถ้วน จนสลบคาหวาย เลือดนี้สาดจนแดงฉานไปทั่วลานบ้านเลยนะขอรับ"
คุณกัลยาฟังแล้วแสดงอาการหวาดเสียวตามที่อ้นเติมสีเข้าไป
"คุณพระช่วย แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงต้องลงโทษรุนแรงขนาดนั้นด้วย แก้วทำผิดมากนักรึ"
อ้นคิดทบทวน
"เท่าที่กระผมรู้มา ความผิดของไอ้แก้วก็ไม่ค่อยแน่ชัดเท่าไหร่ขอรับ เห็นว่าไอ้แก้วส่งอะไรบางอย่างให้คุณน้ำทิพย์ คุณมาโนชมาเห็นเข้าก็เลยคาดคั้นเอาผิด ไอ้แก้วไม่ยอมปริปาก คุณมาโนชเลยหาว่า มันกำเริบแลลงโทษมันขอรับ"
พระนิติธรรมฟังแล้วนิ่งเงียบไป พอจับต้นชนปลายพอได้แล้ว
คุณกัลยาสงสัย
"แล้วแก้วส่งอะไรให้คุณน้ำทิพย์ เหตุใดถึงไม่ยอมบอก"
พระนิติธรรมทั้งโกรธ ทั้งรู้สึกผิด
"จะมีอะไร ก็จดหมายที่พี่ฝากไอ้แก้วไปให้คุณน้ำทิพย์น่ะสิ"
คุณกัลยาตกใจที่ได้ยินเช่นนั้น พระนิติธรรมสีหน้ารู้สึกผิดมาก
"ไอ้แก้วไม่ยอมบอก เพราะเห็นว่าพี่ไม่ถูกกับเจ้าคุณพ่อของคุณน้ำทิพย์ เลยกลัวว่าโทษจะไปตกอยู่ที่นายของมัน เวรกรรมแท้ๆ เท่ากับพี่ร่วมทำร้ายมันด้วย"
คุณกัลยาสงสารแก้วจับใจ
"แล้วเราช่วยอะไรแก้วไม่ได้เลยเหรอคะคุณพี่"
"ไอ้แก้วมันเป็นทาสเค้า ก็เหมือนสมบัติในเรือน เราเป็นคนอื่น เรื่องช่วยคงทำไม่ได้ดอก จะทำได้ ก็เพียงแต่ไม่ให้ไอ้แก้วเจ็บตัวเปล่าเท่านั้นเอง"
พระนิติธรรมสีหน้าแววตาแข็งกร้าว คิดทำการบางอย่าง
หน้าเรือนทาสตอนกลางคืน แก้วนอนละเมอเพราะพิษบาดแผล ไข้ขึ้นสูง
เขานอนหงายอยู่บนแคร่ โดยใช้ใบตองรอง เพื่อไม่ให้เจ็บแผล เขากระสับกระส่าย เพ้อ
"อย่าขอรับ กระผมผิด อย่าขอรับ"
คอกและบุญเจิม มองดูแก้วด้วยความสงสารสุดๆ โดยมีกิ่งคอยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้แก้วตลอดเวลา
"ยิ่งดึกพี่แก้วยิ่งไข้ขึ้น จะเอายังไงดีล่ะป้ากิ่ง" บุญเจิมว่า
กิ่งสีหน้าหนักใจ
"คืนนี้ ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ ข้าจะเช็ดตัวให้ไอ้แก้วทุเลาไข้ไปก่อน ถ้าไข้ยังไม่ลด พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่"
"ถ้างั้นป้าจะกินอะไรหรือไม่ล่ะ ในครัวน่าจะยังมีของเหลืออยู่ เดี๋ยวฉันเอามาให้" คอกบอก
"ขอบใจเอ็งมากนะ แต่ข้ากินไม่ลงดอกวะไอ้คอก"
"แต่ป้ายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ แล้วป้าก็เพิ่งหายไข้ด้วย เดี๋ยวก็ทรุดลงไปอีกคนดอก"
"นั่นสิป้ากิ่ง ถ้าป้าป่วยไปอีกคน แล้วใครจะดูแลพี่แก้วล่ะ" บุญเจิมบอก
กิ่งกำลังลังเลว่าจะเอาไงดี
ขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงบุญมีตะโกนดังขึ้น
"อีบุญเจิม มึงเป็นเมียไอ้แก้วมันรึไงวะ"
บุญเจิมสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
หน้าเรือนทาส... บุญมีตะโกนโวยวาย
"มันจะเป็นจะตาย มึงถึงต้องมานั่งเฝ้ามัน ดึกดื่นไม่ยอมกลับเรือน"
ภายในเรือน บุญเจิมตะโกนตอบ
"โว้ย จะจองเวรกันไปถึงไหนวะพี่มี"
"ก็จนกว่ามึงจะกลับเรือนน่ะล่ะโว้ย อีบุญเจิม"
บุญเจิมแค้นจัด ไม่รู้จะด่ายังไงดี คอกอ่อนใจบอก
"เอ็งกลับเรือนไปเถอะวะนังเจิม ขืนเอ็งอยู่ พี่มีก็ตอแยไม่เลิก จะเดือดร้อนพี่แก้วกับป้ากิ่งมากกว่า"
บุญเจิมถอนใจพร้อมพยักหน้ารับเห็นด้วย
"เอ็งกลับไปก่อนเถอะ ขอบใจมากนะ"
คอกเป็นห่วงบุญเจิม
"ถ้าเอ็งกลัวพี่มีจะตบตี ข้าจะเดินไปส่งเอ็งที่เรือนเอง ขากลับจะได้แวะเอาข้าวปลาให้ป้ากิ่งแกด้วย"
บุญเจิมชำเลืองมองคอกเล็กน้อย เห็นความมีน้ำใจของคอก
"ไม่ต้องดอกไอ้คอก ข้าเกรงใจเอ็งกับนังเจิมเหลือเกินแล้ว เอ็งสองคนไปพักเถิด ข้าไปกินในครัวเองก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเฝ้าไอ้แก้วต่อ ไม่นานเท่าไหร่ดอก" กิ่งว่า
บุญมีตะโกนลั่น
"อีเจิม"
"รู้แล้วโว้ย ไปเดี๋ยวนี้แล้ว"
บุญเจิมเดินหงุดหงิดออกจากเรือนไป คอกรีบลุกตามออกไปดูด้วยความเป็นห่วง กิ่งไม่สบายใจตามออกไปอีกคน
บุญเจิมเดินออกมาจากเรือน โดยมีกิ่ง และคอก ตามหลังมา ในขณะที่บุญมียืนหน้าหงิกอยู่ที่หน้าเรือน
"ออกมาได้แล้วรึนังเจิม นี่ถ้ากูไม่มาตาม ชาตินี้มึงคงไม่กลับสินะ บอกไว้ก่อนนะโว้ย ต่อให้มึงเป็นเมียไอ้แก้วแล้ว กูก็ไม่ยอมให้มึงตกแต่งกับมันดอก คนอวดฉลาดอย่างไอ้แก้ว ไม่แคล้วตายคาหวายเข้าซักวัน จะเอามาทำผัวให้เป็นแม่ม่ายรึไงวะ"
"พี่ไม่ให้ฉันแต่ง ฉันก็จะหนีตามพี่แก้ว น้ำหน้าอย่างพี่ มีปัญญาขวางรึ"
บุญเจิมสะบัดหน้าเดินหนีไป
"อีเจิม มึงแน่นักจะเดินหนีกูทำไมวะ"
กิ่งมองตามแล้วส่ายหน้า
"รีบตามนังเจิมไปเถอะไอ้คอก อย่างน้อยมีเอ็งอยู่ด้วย ไอ้บุญมีจะตบตีนังเจิม ก็คงทำไม่ถนัดนักดอก"
"จ้ะป้า"
คอกรีบตามไปด้วยความเป็นห่วงบุญเจิม ในขณะที่กิ่งเดินเลี่ยงไปทางเรือนครัว
ผู้หญิงคนหนึ่งใช้ผ้าพันใบหน้า เพื่อปกปิดหน้าตา กำลังซุ่มดูอยู่ พอเห็นทุกคนไปกันหมด เธอก็รีบตรงไปขึ้นเรือนของกิ่งทันที
ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในเรือน ก็ถอดผ้าคลุมออกเป็นน้ำทิพย์ ที่มาคอยแอบดูด้วยความเป็นห่วงแก้ว เธอเข้าไปดูแก้วที่กำลังไข้ขึ้น นอนกระสับกระส่าย ด้วยความสงสารจับใจ น้ำตาคลอ
"แก้ว ฉันขอโทษ"
น้ำทิพย์เอื้อมมือไปจับใบหน้าของแก้วด้วยความรักความห่วงใยที่มีต่อแก้ว ซึ่งปกติต้องเก็บงำไว้ตลอด แต่ตอนนี้กลับแสดงออกมาอย่างชัดเจนอย่างหักห้ามไม่ไหวอีกแล้ว
เธอได้แต่จับตามองแก้วแล้วร้องไห้ออกมา
พระยาไชยากรกำลังเดินลงจากเรือนตอนเช้าวันใหม่ โดยมีมาโนชเดินตามฟ้องไปตลอด
" เมื่อวานคุณอากลับเสียค่ำ กระผมจะกราบเรียนก็เกรงว่าจะรบกวน แต่ถึงยังไง คุณอาก็ต้องสืบสาวราวเรื่องให้ได้นะขอรับ ว่าไอ้แก้วมันส่งอะไรให้น้องน้ำทิพย์"
พระยาไชยากรอึดอัดใจ
"แล้วหากน้ำทิพย์ เพียงแต่ใช้ไอ้แก้วให้ไปหยิบอะไรเล็กๆน้อยๆ จริงล่ะ อาไม่เสียคนรึ มาโนช"
"หากเป็นเรื่องเล็กน้อยจริง แล้วเหตุใดไม่กล้าให้กระผมดูล่ะขอรับ"
พระยาไชยากรมองหลานชายด้วยสายตาตำหนิ
"ถึงเป็นเรื่องไม่ดีไม่งามจริง ก็ล่วงเลยมาถึงป่านนี้แล้ว ถ้าลูกอาผิดก็คงทำลายหลักฐานไปเสียหมด แต่ถ้าไม่ผิด ก็เท่ากับประจานตัวเอง มีทางไหนเป็นคุณกับเราบ้าง ลองบอกอามาทีซิ"
มาโนชหน้าเสีย รู้ว่าพลาดไปแล้ว ขืนดันทุรังต่อไปก็มีแต่จะทำให้อาโกรธเท่านั้น ขณะนั้นเอง น้ำทิพย์เดินถือขันใส่ดอกไม้ที่เพิ่งเก็บมา เข้ามาหาพ่อกับมาโนช ประมาณว่าได้ยินการสนทนาบางส่วนก็จับความได้
น้ำทิพย์หน้าบึ้งตึงถาม
"พี่มาโนชจะคาดคั้นฉันให้ตายอย่างนี้ก็ดีแล้วค่ะ เพราะฉันเห็นว่าที่พี่มาโนชโบยแก้ว เป็นการกระทำเกินเลยไป ฉันตั้งใจอยู่เชียวว่าจะไปแจ้งความ ถูกผิดอย่างไร เราจะได้ตัดสินให้รู้เรื่องกันไปในคราวเดียวเลย"
"นี่น้องจะแจ้งความเอาผิดพี่ เพราะไอ้ทาสคนเดียวอย่างนั้นรึ"
น้ำทิพย์จ้องตาแข็งกร้าวใส่มาโนช พระยาไชยากรรีบปราม
"พอได้แล้ว พ่อมาโนช แม่น้ำทิพย์ พวกเราใช่อื่นไกล ก็เครือญาติกันทั้งนั้น ทะเลาะฟ้องร้องกันไป ก็ไม่ต่างจากสาวไส้ให้กากิน อายคนอื่นเค้าเปล่าๆ เรื่องไอ้แก้วขอให้จบลงเพียงแค่นี้เถอะ"
น้ำทิพย์และมาโนชยังหงุดหงิดอยู่ แต่โดนปรามอย่างงี้ ก็ไม่มีใครกล้าพูดต่อ
ขณะนั้นเอง บุญเจิมก็เดินมาคุกเข่าต่อหน้าพระยาไชยากร ด้วยสีหน้าอึดอัดลำบากใจ
"ท่านเจ้าคุณเจ้าคะ มีคนมาขอพบเจ้าค่ะ"
พระยาไชยากรแปลกใจ
"ใครวะนังเจิม ใช่คนของเสด็จหรือไม่ วันนี้ข้าไม่มีราชการ ไม่น่าจะมีใครมาตามนี่"
ขาดคำ พระนิติธรรมลือชาก็เดินเข้ามาหา โดยมีอ้นเดินตามหลังมา อ้นมีท่าทางกลัวๆ ไม่อยากมีเรื่องแต่ขัดพระนิติธรรมไม่ได้และเป็นห่วงถ้าเจ้านายจะมาคนเดียว เลยต้องมาด้วย
"กระผมเองขอรับท่านเจ้าคุณ"
พระยาไชยากร น้ำทิพย์มองพระนิติธรรมด้วยความแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นหน้า แต่มาโนชตกใจ
ไม่คิดว่าพระนิติธรรมจะกล้ามาถึงนี่
พระนิติธรรมยกมือไหว้
"กระผม พระนิติธรรมลือชา ที่มาปลูกเรือนแพ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรือนของท่านเจ้าคุณไงขอรับ"
พระยาไชยากรชักสีหน้าไม่พอใจทันที เพราะพระนิติธรรมบุกมาถึงเรือน ก็ไม่ต่างกับการท้ารบกันดีๆนี่เอง
พระนิติธรรมเอาสร้อยพระขึ้นจบหัว ก่อนจะรับห่อยาจากอ้น แล้วยื่นให้น้ำทิพย์ ท่ามกลางสายตาราวกับจะฆ่าฟันของมาโนช และพระยาไชยากร โดยมีบุญเจิมนั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆน้ำทิพย์
"ฉันได้ยินมาว่าไอ้แก้ว ทาสในเรือนของเธอ โดนเฆี่ยนเสียจนสลบคาหวาย จึงขอฝากพระองค์นี้ไปให้ไอ้แก้วมันด้วย อำนาจพระพุทธคุณจะได้คุ้มครองมัน ให้พ้นจากคนพาลแลสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง" พระนิติธรรมพูดพลางเหล่มองมาโนช
มาโนชขบกรามแน่น
"ส่วนยานี้ น้องสาวฉันฝากมาให้ไอ้แก้ว มีสรรพคุณรักษาอาการบาดเจ็บชะงัดนัก"
น้ำทิพย์ยกมือไหว้ ก่อนจะรับยาและสร้อยพระมา
"ฉันต้องขอขอบพระคุณคุณพระแทนแก้ว แลฝากขอบคุณน้องสาวของคุณพระด้วยนะคะ"
บุญเจิมพอรู้ว่าน้องสาวคุณพระฝากยามาให้ ก็หน้าหงิกงอ หึงหวงทันที
มาโนชยิ้มประชด น้ำเสียงแดกดัน
"ช่างมีเมตตาเหลือเกินนะขอรับ ทาสเรือนคนอื่นแท้ๆ"
พระนิติธรรมตีหน้าตาย
"นั่นเพราะฉันเห็นว่าทาส เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันกับฉัน ในเมื่อเป็นคนเหมือนกัน เมตตากันบ้างจะเป็นอะไรไป"
ไชยากรยิ้มเล็กน้อย
"เป็นคนนั้นใช่ แต่ไม่เหมือนกันดอกคุณพระ ไอ้พวกทาส มันมีไว้รับใช้ แลทำงานให้เรา ไม่ต่างจากวัวควาย จะยกขึ้นมาเทียบกับเราได้อย่างไรกัน"
พระนิติธรรมยิ้มบางๆ เข้าทาง
"ตอนนี้ก็คงใช่ขอรับ แต่เมื่อพวกทาสได้เป็นไทถ้วนทุกคน แผ่นดินก็จะไร้ทาส เมื่อนั้นก็จะเป็นคน เท่ากันทั้งสิ้น"
พระยาไชยากร และมาโนช โกรธมากที่พระนิติธรรมเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะตนต้องการปิดไว้ บุญเจิมตื่นเต้นทันที
"ทาสจะได้เป็นไทถ้วนทุกคนจริงหรือเจ้าคะ คุณพระ"
มาโนชตะคอกใส่
"อีเจิม หุบปาก"
บุญเจิมหน้าเสีย ทั้งเกลียดทั้งกลัวมาโนช พระนิติธรรมทำไม่รู้ไม่ชี้
"จริงสิ แต่เรื่องนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะในหลวงท่านไม่ต้องการให้นองเลือดเหมือนเมืองฝรั่ง ขั้นแรก ก็จะให้ลูกทาสที่เกิดปีมะโรงสัมฤทธิศกเป็นไทก่อน จากนั้นก็ค่อยทยอยกันไป"
พระนิติธรรมลือชาแสร้งปั้นหน้าแปลกใจ
"อะไรกัน เรื่องนี้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่รู้กันมานานแล้ว ท่านเจ้าคุณของเอ็งไม่ได้เล่าให้ฟังรึ"
พระยาไชยากรร้อนตัว โมโหมาก
"ที่ฉันไม่เล่า ก็เพราะเรื่องนี้ยังอีกไกลนัก แลผู้ไม่เห็นด้วยก็มีมาก พระองค์อาจจะเปลี่ยนพระราชหฤทัยก็ได้ คุณพระเป็นเพียงแต่ตุลาการ จะมารู้ดีเท่าฉัน ที่รับใช้ใกล้ชิดใต้เบื้องพระยุคลบาทได้ยังไงกัน"
พระนิติธรรมยิ้มยั่วโมโห
"เพราะกระผมเป็นตุลาการน่ะสิขอรับ จึงทราบว่ามีกฎหมายอีกหลายฉบับ ที่เตรียมไว้เพื่อการเลิกทาส ท่านเจ้าคุณไม่ต้องกังวล ว่าพระองค์จะทรงเปลี่ยนพระราชหฤทัยดอกขอรับ"
" ไอ้พวกทาสมันโง่เง่า หากไม่มีนายคอยเลี้ยงดู ก็คงไม่แคล้วอดตาย แล้วจะเลิกทาสได้ยังไงกัน" มาโนชพูดขำหยันๆ
บุญเจิมแอบหางตามองมาโนช สีหน้าแววตาเกลียดชัง
นิติธรรมยิ้มใจเย็น
"คนเราโง่เขลา เพราะไม่ได้เล่าเรียน แต่พระองค์ท่านทรงตั้งโรงเรียนราษฎร์แห่งแรกที่วัดมหรรพารามแล้ว ต่อไป ใครใฝ่เรียนก็จะได้เรียน ไม่จำกัดเฉพาะลูกผู้ดีมีตระกูลอีกต่อไป เมื่อมีความรู้แล้ว จะอดตายได้อย่างไรกัน"
พระยาไชยากรและมาโนชสบตากัน ไม่พอใจมากที่พระนิติธรรมมาปูดข่าวเช่นนี้ แต่ทาสบุญเจิมดีใจมาก"ไม่ว่าใครก็เรียนได้ แม้แต่คนอย่างบ่าวน่ะรึเจ้าคะ"
มาโนชตะคอกใส่
"อีเจิม หากมึงไม่หยุดปากมาก กูจะเอากะลายัดปากมึงเดี๋ยวนี้"
พระไชยากรรีบตัดบท
"ฉันว่าคุณพระอยู่บนเรือนฉันนานเกินไปแล้ว กลับไปเสียทีเถิด แล้วก็ไม่ต้องมาเหยียบเรือนฉันอีก ฉันไม่ต้อนรับ"
น้ำทิพย์หน้าเสีย ไม่สบายใจ
"คุณพ่อคะ"
"เห็นทีพ่อจะต้องเสียมารยาทแล้วล่ะน้ำทิพย์ พ่อปล่อยให้คุณพระพูดพล่ามอวดรู้ อวดวิเศษบนเรือนคนอื่นมามากเกินไปแล้ว"
อ้นรีบกระตุกชายเสื้อพระนิติธรรม
"กลับกันเถิดขอรับ คุณพระเมตตาทาสคนอื่นมามากแล้ว เมตตาทาสตัวเองบ้างเถอะขอรับ กระผมยังไม่อยากตายก่อนได้เป็นไทนะขอรับ"
"ถ้ากระนั้น กระผมคงต้องขอลาก่อน"
พระนิติธรรมยกมือไหว้ลา พระยาไชยากรมองด้วยสายตาอาฆาต ไม่ยอมรับไหว้ พระนิติธรรมไม่แยแส เดินลงจากเรือนไปพร้อมกับอ้น
มาโนชรีบตะคอกใส่บุญเจิม
"อีบุญเจิม เรื่องที่ไอ้คุณพระเรือนแพพูด มึงห้ามเอาไปพูดกับใครเด็ดขาด ถ้าเรื่องมาเข้าหูกู มึงหลังขาดแน่"
บุญเจิมเซ็งๆ
"เจ้าค่ะ"
น้ำทิพย์มองพ่อแล้วก็มาโนช ก่อนจะถอนใจส่ายหน้า ไม่รู้ว่าพ่อจะพยายามดื้อรั้นเรื่องการเลิกทาสไปถึงเมื่อไหร่
อ่านต่อหน้า 2
ลูกทาส ตอนที่ 2 (ต่อ)
ผ่านเวลาซักครู่ บนเรือนพระยาไชยากร บริเวณหน้าห้องนอนน้ำทิพย์ เธอส่งห่อยาให้บุญเจิมที่นั่งคุกเข่าอยู่รับไป
"เอาไปให้แก้วนะ ข้างในวิธีใช้เขียนไว้แล้ว เท่าที่ฉันอ่านดู น่าจะดีกว่ายาที่ฉันให้ป้ากิ่งไปซะอีก"
บุญเจิมหน้าหงิกงอ รับยามาดู ออกอาการหึงหวง
"เจ้าค่ะ แต่ทำไมน้องสาวคุณพระถึงต้องฝากยามาให้พี่แก้วด้วยก็ไม่รู้นะเจ้า คะ พี่แก้วนะพี่แก้ว
ไปรู้จักกันตอนไหนก็ไม่บอก"
น้ำทิพย์ปราม
"บุญเจิม ไปได้แล้ว"
"เจ้าค่ะ" บุญเจิมหน้าจ๋อย รีบคลานเลี่ยงออกมา ก่อนจะเดินหนีไป
น้ำทิพย์แอบติดใจที่บุญเจิมพูดอยู่เหมือนกัน ก่อนเดินกลับเข้าห้องไป
น้ำทิพย์กลับเข้ามาในห้องนอน เห็นแม่นมอ้อนนั่งมองตนยิ้มๆ
น้ำทิพย์แปลกใจ
"ทำไมมองฉันอย่างงั้นล่ะจ๊ะนม"
"นมรู้เรื่องคุณพระนิติธรรมแล้วนะเจ้าคะ คนอะไร ช่างไม่กลัวเสียบ้างเลย บุกเข้าถึงถ้ำเสือวังจระเข้แท้ๆ"
น้ำทิพย์งงๆถาม
"นมต้องการจะพูดอะไรกันแน่จ๊ะเนี่ย"
อ้อนยิ้มแย้ม ไม่สนใจพูดต่อ
"หน้าตารึ ก็หล่อเหลา สมเป็นลูกชาติลูกตระกูล ท่วงท่าก็สง่างามแลยังเป็นคุณพระตั้งแต่ยังหนุ่ม ภายหน้าต้องเป็นถึงพระยาพานทองเป็นแน่"
น้ำทิพย์ถามอย่างแปลกใจ
"แล้วนมรู้ได้ยังไงกันจ๊ะ ว่าคุณพระท่านหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนท่านมา นมไม่ได้อยู่ด้วยนี่"
นมอ้อนยิ้มแย้มปลาบปลื้ม
"นมแอบไปดูตอนคุณพระกำลังจะลงเรือกลับน่ะเจ้าค่ะ ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ ในจำนวนคนที่มีใจให้คุณหนูของนม จะหาใครเพียบพร้อมดีเท่าพระนิติธรรมลือชาเป็นไม่มี สมกัน ราวกับอิเหนากับบุษบาเลยนะคะ"
น้ำทิพย์ถอนใจ ส่ายหน้าอ่อนใจ
"นมเลิกหาคู่ให้ฉันเถอะจ้ะ ฉันตั้งใจจะอยู่คนเดียวไปจนตายมากกว่า"
อ้อนตกใจ
"ตายแล้ว ทำไมพูดอย่างงั้นล่ะเจ้าคะ ยังเป็นสาวรุ่นแท้ๆกลับไม่คิดจะมีคู่ พูดยังกะผู้หญิงที่เคยไม่สมหวังในความรักอย่างนั้นล่ะ ทั้งๆที่คุณหนูของนม ก็ยังไม่เคยมีใจให้ผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ"
นมอ้อนหัวเราะขำ น้ำทิพย์ หน้าซึมลงทันที เพราะในใจรักแก้วเข้าแล้ว แต่เป็นความรักที่บอกใครไม่ได้และไม่มีทางสมหวังนั่นเอง
บรรยากาศภายในวัดนามบัญญัติตอนบ่าย พระยาไชยากรเดินคุยกับน้อมออกมาจากโบสถ์ โดยมีนิ่ม และอบเชยตามหลังมา
"โชคดีนักที่ฉันได้มาทำบุญกับแม่น้อม เรื่องขุ่นใจเมื่อเช้าเลยหายไปได้ ไม่ยังงั้นวันนี้ทั้งวัน ฉันคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่"
น้อมยิ้มแย้ม
"ถ้าท่านเจ้าคุณทำบุญแล้วสุขใจ ก็หาเวลามาทำบุญบ่อยๆสิเจ้าคะ"
พระยาไชยากรยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ฉันต้องมาแน่ กุศลผลบุญที่ฉันได้ทำร่วมกับแม่น้อม จะได้ส่งผลให้เราได้เจอกันทุกชาติยังไงล่ะ"
น้อมเขินอายที่โดนพระยาไชยากรจีบ แต่พระยามิเพียงแต่ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้น้อมเท่านั้น ยังเลยถึงนิ่มด้วย
เมื่อนิ่มเห็นสายตานั้นก็อดเขิน หลาบสายตาไม่ได้ อบเชยรู้สึกว่า พระยาไชยากรชักไม่เข้าท่ามากขึ้นทุกที
เวลาต่อเนื่องมา อบเชยลากแขนน้อมให้มาที่ลับตาคน
"เอ็งจะลากข้าไปไหนวะนังอบเชย อยู่ดีๆก็มาดึงแขนข้า ข้าเป็นป้าเอ็งนะ ไม่ใช่เพื่อนเล่น" น้อมโวยวายลั่น
"ก็เพราะเป็นป้าน่ะสิ ฉันถึงต้องพาป้ามาคุยด้วยนี่ไง"
อบเชยหันไปมองรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใคร
น้อมหงุดหงิด
"เอ็งมีอะไรก็รีบๆว่ามา"
"ฉันว่าพระยาไชยากร มีท่าทางแปลกๆพิกล ไม่น่าไว้ใจเลยนะป้า"
น้อมเขินอายแล้วค้อนหลานสาว
"นี่เอ็งดูออกด้วยรึ ท่านเจ้าคุณนี่ก็ประเจิดประเจ้อนัก ดูซิ เด็กอย่างเอ็งยังรู้เลย"
อบเชยเซ็งๆ
"ไม่รู้ก็โง่เกินคนแล้วล่ะป้า แต่เรื่องนี้ ฉันไม่ห่วงดอกนะ เพราะลุงแกก็ตายมาสิบกว่าปีแล้ว ถ้าป้าจะมีผัวใหม่อีกกี่คนก็ไม่ผิดอะไร"
น้อมอึ้ง
"ปากคอจัดจ้านนักนังเด็กนี่"
"แต่ที่ฉันห่วง ก็คือท่านเจ้าคุณของป้าอยากจะขอเปลี่ยนราชทินนามจากพระยาไชยากร เป็นพระยาเทครัวน่ะสิจ๊ะ"
น้อมตกใจปนโมโห ทั้งหยิกทั้งตีจนอบเชยร้องลั่น ผู้เป็นหลานสาวพยายามหลบปัดป้องเป็นพัลวัน
"นังปากอัปรีย์ นี่ถ้าไม่เห็นว่าอยู่ในวัดในวา ข้าจะตบให้ฟันร่วงเลย ท่านเจ้าคุณมีลูกสาวอ่อนกว่าแม่นิ่มแค่สองสามปีเท่านั้นเอง ท่านก็เลยเอ็นดูแม่นิ่มเหมือนลูกเหมือนหลาน เอ็งคิดอกุศลอย่างนี้ได้ยังไงวะ"
"คนคิดเหมือนลูกเหมือนหลาน จะมองพี่นิ่มราวกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวอย่างนี้หรือจ๊ะ ป้าหลงไอ้ท่านเจ้าคุณมากไปแล้ว"
น้อมโมโหหนักเข้าไปหยิกและตีจนอบเชยร้องลั่น แล้วต้องฉากหนีห่างออกมา น้อมโมโห ชี้หน้าอบเชย
"ข้าไม่คุยกับเอ็งแล้ว นังคนใจต่ำ แล้วก็ไม่ต้องตามข้าไปด้วย รีบไสหัวเอ็งกลับร้านไปเลย"
น้อมสะบัดหน้าเดินหนีไป อบเชยถอนใจพรืด หงุดหงิดที่ป้าไม่ยอมฟังคำตน
นิ่มกำลังเอาเศษข้าวสวยที่เหลือจากการตักบาตร โปรยให้ปลากินเป็นการให้ทาน
พระยาไชยากรเดินเข้ามาหานิ่ม พร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม
"แม่นิ่มใจบุญสุนทานอย่างนี้นี่เอง ถึงได้เกิดมาพร้อม ทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ แลทรัพย์สมบัติ อย่างนี้"
"ท่านเจ้าคุณชมมากไปแล้วล่ะค่ะ ฉันเองไม่ได้มีดีอะไร ถึงขนาดนั้นดอก"
"น้อยไปสิ โดยเฉพาะรูปสมบัติ ต้องถือว่างามจับตา หายากยิ่งนัก แม่นิ่มรู้หรือไม่ ว่าครั้งแรกที่ฉันได้เห็นหน้าแม่นิ่ม ฉันยังเผลอตัว นึกว่าหลงมาอยู่บนสวรรค์เสียด้วยซ้ำ ถึงได้เจอนางอัปสรที่สวยงามปานนี้"
นิ่มเขินอายจนหน้าแดง ต้องหลบสายตาเจ้าชู้ของท่านเจ้าคุณ พระยาไชยากรค่อยๆจับมือนิ่ม จนอีกฝ่ายยิ่งอายจนทำอะไรไม่ถูก
ขณะนั้นเอง น้อมก็เดินมาที่ศาลาพร้อมส่งเสียงอ่อนหวาน
" ท่านเจ้าคุณเจ้าขา"
พระยาไชยากรรีบปล่อยมือนิ่ม แล้วหันไปรับหน้าน้อมทันที
"แม่น้อมไปไหนมาล่ะ ฉันกับแม่นิ่มรออยู่ตั้งนาน"
น้อมหน้าหงิกงอ
"ก็นังหลานตัวดีน่ะสิคะ แหม พูดยังโมโหไม่หายนี่ก็ไล่มันกลับไปแล้ว อย่าไปสนใจเลยค่ะ"
" งั้นฉันจะพาแม่น้อมกับแม่นิ่มไปเลือกซื้อข้าวของจากเมืองฝรั่งแล้วกันนะ ฉันรู้จักพ่อค้าหลายคน จะได้ไม่ถูกเอาเปรียบ"
น้อมดีใจมาก
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"
พระยาไชยากรหันมามองนิ่มด้วยสายตากรุ้มกริ่มนิดนึง จนนิ่มเขิน ก่อนที่พระยาไชยากรจะเดินนำน้อม นิ่มไป อบเชยแอบดูอยู่มุมหนึ่งบ่นพึมพำ
"ป้านะป้า ทำไมไม่เชื่อกันบ้างนะ"
อบเชยมองตามไปด้วยความเป็นห่วง
เวลาเย็น แก้วค่อยๆออกจากเรือนมา ในสภาพอ่อนเพลีย เพิ่งฟื้นจากไข้ และอาการบาดเจ็บจากการถูกโบย ในขณะที่ กิ่ง บุญเจิมกำลังทำงานบ้าน และเตรียมข้าวต้มของแห้งให้แก้ว กิ่งหันไปเห็นลูกชายพอดี
"อ้าว ไอ้แก้ว ออกมาทำไม นอนต่อไปสิ"
"ฉันดีขึ้นมากแล้วจ้ะแม่ ยาที่คุณแดงฝากมาชะงัดนัก ใช้ร่วมกับยาฝรั่งของคุณน้ำทิพย์ก็เลยหายไวขึ้น"
บุญเจิมหึงหวง
"อ้อ น้องสาวคุณพระชื่อแดงดอกรึ หน้าตาเป็นยังไงล่ะ"
แก้วไม่พอใจ
"ไม่ใช่แดงเฉยๆ เอ็งต้องเรียกคุณเค้าว่าคุณแดง เพราะเจ้าคุณพ่อของเธอเป็นถึงพระยา"
บุญเจิมทิ้งค้อน ไม่พอใจแต่ไม่กล้ากับแก้ว
แก้วถอนใจ
"คุณแดงเธอเป็นคนหน้าตาหมดจด รูปงามไม่ผิดกับคุณพระท่านดอก มิหนำซ้ำ ยังมีเมตตา ไม่ถือเนื้อถือตัวด้วย"
กิ่งยิ้มบางๆ
"โถ แม่คุณ ฟังเอ็งพูดอย่างงี้แล้ว ข้าอยากจะไปกราบขอบพระคุณคุณแดงเธอเหลือเกิน เป็นถึงลูกพระยา พี่ชายก็เป็นตุลาการ ยังมีเมตตากับทาสอย่างเราอีก"
บุญเจิมยิ่งฟังยิ่งหงุดหงิด
"โอ๊ย ชื่นชมกันเข้าไป กะอีแค่ฝากหยูกยามาให้นิดๆ หน่อยๆ พูดยังกะเป็นนางฟ้านางสวรรค์ ทีคนนั่งเช็ดตัว นั่งเฝ้าไข้ให้ ไม่เห็นชมซักคำ"
บุญเจิมสะบัดหน้า เดินกระแทกเท้าเลี่ยงไป แก้วมองตามด้วยความงุนงง
"อะไรของมัน ท่าจะบ้าแล้วนังนี่"
"ถ้านังเจิมมันจะบ้า ก็บ้ารักเอ็งน่ะแหละไอ้แก้ว"
แก้วหน้าเสีย
"ฉันคิดกับมันแค่น้องเท่านั้นเองนะแม่ ไม่เคยคิดเป็นอื่นเลย"
"ถ้าเช่นนั้น เอ็งก็ต้องคุยกับมันให้รู้เรื่อง เพราะนังบุญเจิมมันทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเอ็งมากขึ้นทุกวัน ขืนปล่อยไว้ ความหึงหวงของมันจะสร้างความเดือดร้อนให้เอ็งเข้าซักวัน"
แก้วมองตามบุญเจิมไปด้วยสายตาเคร่งเครียด ไม่รู้จะจัดการปัญหานี้ยังไงดี
เวลาเย็น ท่ามกลางบรรยากาศเรือนแพหมู่ ที่อยู่ใกล้ๆกับเรือนแพของคุณพระนิติธรรมลือชา พ่อค้าแม่ค้าเอาของมาขายมากมาย บรรยากาศคึกคัก เหมือนตลาดน้ำย่อยๆ คอกกำลังเดินถือกระจาดใส่ข้าวของที่ซื้อมา โดยมีบุญเจิมเป็นคนเลือกซื้อของ บุญเจิมหน้าหงิกงอไปเลือกของไป แม่ค้าเห็นบุญเจิมเลือกผักอย่างกระแทกกระทั้น ก็กลัวผักจะช้ำ
"เบาๆ หน่อยโว้ยนังเจิม ผักข้าช้ำหมด"
บุญเจิมน้ำเสียงหงุดหงิด
"ผักน้าไม่สวยอยู่แล้ว ถึงไม่ช้ำก็ขายไม่ออกดอก"
บุญเจิมสะบัดหน้าเดินไปทางอื่น คอกรีบตามไปทันที
"เป็นอะไรของเอ็งวะนังเจิม หน้างอเป็นตวักหัก แล้วยังเที่ยวพาลคนไปทั่วอีก ขืนเป็นอย่างนี้ คงซื้อของกลับไปให้พวกในครัวไม่ทันใช้กันพอดี" คอกถามอย่างแปลกใจ
บุญเจิมตวาดแว๊ด
"งั้นเอ็งก็ซื้อเองสิ ข้าก็ไม่ได้อยากมาแต่แรกแล้ว อยากชวนข้ามาทำไมเล่า"
บุญเจิมเดินกระแทกเท้าเลี่ยงไป
"นังเจิมๆW
คอกรีบถือกระจาดตามไป บุญเจิมเดินผ่านแผงขายยาดอง ก็ได้ยินผู้ชายที่กำลังกินยาดองอยู่คุยกัน
ชาย 1ถาม
"เห็นเค้าลือกันว่า น้องสาวคุณพระที่เพิ่งย้ายมา งามนัก จริงหรือไม่วะ"
ชาย 2ตอบ
"จริงสิวะ ทั้งงามทั้งอ่อนหวาน สมเป็นลูกผู้ลากมากดีเชียวล่ะเอ็ง"
บุญเจิมเบะปากหมั่นไส้
ชาย 1หัวเราะชอบใจ
"เอ็งพูดซะข้าอยากจะเห็นแล้วสิ เห็นที ต้องมาดักเจอให้ได้ซักวัน"
"จะต้องรอวันอื่นทำไมวะ เมื่อครู่ ข้าเพิ่งเห็นเดินผ่านไปทางด้านโน้นเอง" ชาย 2 บอกพลางชี้นิ้วให้ดู
บุญเจิมหูผึ่งทันที พูดเบาๆกับตัวเอง
"ขอดูหน้าหน่อยเถอะวะ อยากรู้นักว่าจะงามซักแค่ไหน"
บุญเจิมรีบตามไปดูทันที
"นังเจิม" คอกรีบตามไปติดๆ
เข้ม และพลอย กำลังพายเรือ มาโนชนั่งหงุดหงิดจากเรื่องเมื่อเช้า จนหน้าตาบึ้งตึง
" ไอ้เข้ม เดี๋ยวเอ็งแวะซื้อเหล้าที่เรือนแพให้ข้าด้วย เอามาซักสองสามไหก็แล้วกัน"
"ไหเดียวก็เมาหนักแล้วนะขอรับ คุณมาโนชจะเอาตั้งสองสามไห จะไหวหรือขอรับ"
มาโนชตะคอก
"ไหวไม่ไหวก็เรื่องของข้า เอ็งแส่อะไรด้วยวะ"
เข้มจ๋อย ไม่กล้าพูดมากอีก
มาโนชหงุดหงิด
"วันนี้ทั้งวัน ข้ายิ่งคิดก็ยิ่งแค้นไอ้พระนิติธรรมนัก มันกล้าบุกมาเหยียบจมูกข้ากับคุณอาถึงเรือน ถ้าไม่ใช้เหล้าดับแค้น คืนนี้ข้าคงนอนไม่หลับเป็นแน่"
"เรือนแพไอ้คุณพระก็แค่อยู่ฝั่งตรงข้ามคลองนี่เอง ถ้าคุณมาโนชอยากล้างอาย คืนนี้กระผมลอบไปเผาให้ก็ได้นะขอรับ" พลอยบอก
มาโนชตะคอก
"ไอ้โง่ เพิ่งมีเรื่องขัดแย้งกันมา จู่ๆ เรือนแพมันโดนไฟไหม้ แล้วข้าจะพ้นข้อสงสัยรึ พวกเอ็งแต่ละคน ไม่มีใครได้อย่างใจข้าเหมือนไอ้บุญมีเลยซักคน เออทำไมพักนี้ คุณอาถึงได้ใช้สอยไอ้บุญมีบ่อยนักวะ คุณอามีกิจธุระมากนักรึไง"
พลอย และเข้มพากันยิ้มขำๆ รู้ว่าพระยาไชยากรกำลังติดผู้หญิง
"จะเรียกว่ากิจธุระก็ได้ขอรับ สำคัญเสียด้วย"
"อะไรของเอ็งวะไอ้พลอย พูดจากำกวม"
เข้มยิ้มแย้มตั้งท่าจะเล่า
"คืออย่างนี้ขอรับคุณมาโนช..."
มาโนชรอฟังอย่างสงสัยอยากรู้
บริเวณหมู่เรือนแพ บุญเจิมกำลังเดินตามหาคุณกัลยาอยู่ ทันใดนั้น ก็เหลือบไปเห็นคุณกัลยากำลังเดินดูข้าวของที่วางขายอยู่ เธอจะแต่งตัวแบบสากล แปลกกว่าชาวบ้านทั่วไป ดูแว๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นลูกคนมีตระกูล
บุญเจิมพูดพึมพำ
"นังคนนั้นแน่ๆ"
บุญเจิมรีบตามไป แต่คนเลือกซื้อของมีเยอะ จะเบียดไปก็ลำบาก เพราะทางเดินระหว่างเรือนแพ
แต่ละเรือนค่อนข้างแคบ บุญเจิมได้แต่ชะเง้อมอง แต่คุณกัลยาก็เลือกซื้อของ ก้มๆเงยๆ ทำให้อีกฝ่ายมองไม่ถนัด
คอกถือกระจาดเดินตามหลังมา เห็นท่าทางบุญเจิมก็แปลกใจ คุณกัลยาดูของเสร็จ ก็หันหลังจะกลับไปเรือนแพของตน บุญเจิมกลัวจะตามไม่ทัน เลยพยายามจะเบียดคนไปให้ได้ จังหวะนั้นเอง ก็มีคนแบกของหนัก เดินผ่านมา บุญเจิมไม่ทันระวัง เลยโดนเบียดกระแทกจนตกน้ำไป
บุญเจิมตกใจ
"ว๊าย"
"นังเจิม"คอกร้องอย่างตกใจ
คอกรีบวางกระจาดแล้วเข้าไปช่วยบุญเจิมทันที
เรือของมาโนช พายผ่านมาพอดีเพื่อแวะซื้อเหล้า..ทั้งสามคนคุยกันมาต่อเนื่อง มาโนชหัวเราะชอบใจ
"ข้าก็หลงนึกว่าคุณอาเป็นคนรักเดียวใจเดียวเสียอีก เห็นคุณอาผู้หญิงเสียตั้งนานแล้วก็ไม่ยอมมีใหม่ แถมไม่เคยเรียกพวกทาสไปบำเรออีก ที่ไหนได้ เจ้าชู้ใช่เล่น"
พลอยหัวเราะ
"ชาย หากไม่เจ้าชู้จะเรียกว่าชายหรือขอรับ ที่ท่านเจ้าคุณไม่มีใครใหม่ คงเพราะไม่ถูกใจมากกว่า พอถูกใจ ก็เลยคิดจะเทครัวกันเลยทีเดียว"
มาโนช และพลอย หัวเราะชอบใจ
ขณะนั้นเอง เข้มก็เหลือบไปเห็นบุญเจิมตกน้ำ กำลังปีนขึ้นเรือนแพ โดยมีคอกคอยช่วย
"เอ๊ะ นั่นนังเจิมนี่ขอรับ ทำอีท่าไหน ถึงได้ตกน้ำตกท่าลงไปได้วะ" เข้มว่าพลางยิ้มขำ
มาโนชหันไปมองตาม
บุญเจิมตัวเปียกปีนขึ้นบนเรือนแพ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เปียกแนบเนื้อ จนเห็นส่วนสัดชัดเจน มาโนชตะลึงตาค้าง เห็นรูปร่างเย้ายวนของบุญเจิมแล้ว ถึงกับจ้องตาเป็นมัน กลืนน้ำลายลงคอ
คอกช่วยบุญเจิมขึ้นมาได้ก็รีบเอาตัวบังบุญเจิมให้ กลัวบุญเจิมจะอายสายตาชาวบ้านที่มองมา
บุญเจิมหัวเสียผลักคอกซะกระเด็นไป แล้วเดินฉับๆ นำไปอย่างอารมณ์เสียฟึดฟัด คอกรีบตามติดไปด้วยความเป็นห่วง โนชจับตามองตามด้วยสีหน้าแววตาปรารถนา
เรือนพระยาไชยากรตอนหัวค่ำ ภายในห้องนอน มาโนชนั่งอยู่หน้าไหเหล้า สีหน้ายิ้มกริ่ม เอาแต่คิดเรื่องบุญเจิมตลอดเวลา มีทาสหญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เข้ามาในห้องมาโนช เขาเหล่มองทาสหญิงด้วยความเบื่อหน่าย
"เอ็งเข้ามาทำไม นังทองอยู่"
"บ่าวก็มารับใช้คุณมาโนชตามหน้าที่น่ะสิเจ้าคะ"
"ต่อไป เอ็งไม่ต้องขึ้นเรือนมาบำเรอข้าอีกแล้ว ข้าเบื่อเอ็งเต็มทน"
"เจ้าค่ะ" ทาสหญิงดีใจ ที่ไม่ต้องฝืนใจมีอะไรกับมาโนชแล้วและกำลังจะออกจากห้องไป
มาโนชรีบเรียกไว้
"เดี๋ยว ไอ้บุญมีกลับมารึยัง"
"กลับมาแล้วเจ้าค่ะ"
" งั้นเอ็งไปตามไอ้บุญมีมาพบข้าที ข้ามีเรื่องจะใช้สอยมันหน่อย"
มาโนชกระหยิ่มยิ้มย่อง
บุญเจิมตกใจสุดๆ ทำอะไรไม่ถูก หลังจากได้ยินบุญมีมาบอกว่ามาโนชต้องการตัว แต่บุญมียิ้มกริ่มพออกพอใจอยู่ใกล้ๆ
"ดีใจถึงกับพูดไม่ออกเชียวรึนังเจิม วาสนามาถึงเอ็งแล้ว ตั้งใจรับใช้คุณมาโนชให้ดีๆเถอะ หากคุณมาโนชพอใจ จะได้เลี้ยงเอ็งไว้เป็นเมียเก็บ ทีนี้เอ็งจะได้สุขสบาย ไม่ต้องเป็นทาสเค้าอีก"
บุญเจิมโมโห ปัดมือบุญมีที่ลูบหัวเธออยู่ออก
"ฉันเป็นทาสก็จริง แต่ยังรู้สึกตัวว่าเป็นคนอยู่นะพี่ เมื่อรู้ตัวว่าเป็นคน ฉันก็ต้องเสียดายตัวฉัน ฉันไม่รู้สึกพึงใจฉันก็ทอดตัวให้ใครไม่ได้ดอก หากทำเช่นนั้น ฉันก็เหมือนสัตว์ ถึงฤดูก็สมสู่กันเรื่อยไป"
บุญมีโมโห
"เอ๊ะ อีเจิม ชักจะพูดจาหลักแหมเกินทาสเสียแล้วนะเอ็ง ไอ้แก้วมันสอนให้พูดรึ"
" เปล่า ฉันพูดไปตามประสาใจ ประสาความรู้สึกของฉันเท่านั้นเอง"
บุญมีโมโหมาก
"ความรู้สึกโง่ๆน่ะสิ เอ็งรู้หรือไม่ ว่าถ้าคุณมาโนชเลี้ยงดูเอ็งขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่แต่เอ็งจะสบาย ข้าก็พลอยได้ดิบได้ดีไปด้วย แล้วเอ็งยังจะโง่ หวงเนื้อหวงตัวไปทำไมวะ"
"มิน่าเล่า พี่ถึงได้อยากส่งฉันไปให้คุณมาโนชนัก ที่แท้ก็อยากสุขสบายโดยใช้กายฉันเป็นสะพาน ความละอาย มันไม่มีในใจพี่บ้างเลยรึ ขนาดหมา มันยังไม่กินเนื้อหมาด้วยกัน แต่พี่กลับคิดเอาน้องในไส้ไปแลก ที่แท้ พี่กับหมาใครดีกว่ากันกันแน่"
บุญมีโมโหสุดขีด ตบหน้าบุญเจิม
"อีบุญเจิม"
บุญเจิมโดนตบจนล้มคว่ำ บุญมีโมโหสุดๆ ชี้หน้าบุญเจิม
"นี่ถ้ากูไม่กลัวมึงจะช้ำก่อนไปถึงมือคุณมาโนช กูจะกระทืบมึงให้ปางตายเลย แล้วมึงก็จำใส่กบาลมึงไว้เลยนะอีเจิม กูไม่มีวันยกมึงให้ไอ้แก้วหรือผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น นอกจากคุณมาโนชคนเดียว"
บุญเจิมจ้องหน้าพี่ชายเขม็ง โกรธจัด จนน้ำตาท่วมตาขึ้นมา
"เมื่อมึงเป็นน้องกูมึงก็ต้องทำเพื่อกู อย่าว่าแต่บำเรอคุณมาโนชเลยโว้ย กูให้มึงไปตายมึงก็ต้องไป"
บุญมีผลักหัวบุญเจิมซ้ำอีกที ก่อนจะเดินออกจากเรือนไป บุญเจิมน้ำตาไหลซึมออกมา มองตามพี่ชายด้วยสายตาเกลียดชังสุดๆ
แก้วเดินออกมาส่งแม่ที่หน้าเรือน
"เอ็งจะออกมาทำไม ดึกๆน้ำค้างมันลง เดี๋ยวก็ได้ไข้อีกดอก" กิ่งบอก
แก้วยิ้มแย้ม
"ฉันดีขึ้นมากแล้วแม่ ไม่กลับไปป่วยง่ายๆดอก ที่ฉันสลบคาหวายไป ก็เพราะความเจ็บปวด แต่ไม่ได้กระเทือนภายใน อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว"
"เออๆ ข้าเถียงสู้เอ็งไม่ได้ ยังไงเอ็งก็นอนพักให้มากๆก็แล้วกัน ข้าออกเวรที่หอพระเมื่อใด จะรีบกลับมา"
"จ้ะแม่"
กิ่งเดินเลี่ยงไป
แก้วเห็นแม่เดินไปแล้ว เลยจะกลับเข้าไปในเรือน ขณะนั้นเอง บุญเจิมก็เดินเข้ามาหาแก้วทางด้านหลัง ก่อนจะเข้าไปกอดแก้วทางด้านหลังทันที แก้วตกใจ รีบหันกลับไป
"นังเจิม เล่นอะไรของเอ็งวะ"
แก้วชะงัก เมื่อเห็นบุญเจิมร้องไห้
"นังเจิม เกิดอะไรขึ้น"
บุญเจิมร้องไห้สะอึกสะอื้น
"พี่แก้ว คุณมาโนชให้ฉันขึ้นไปหาคืนนี้"
แก้วเครียดหนัก ห่วงบุญเจิม
"เวรกรรมแท้ๆนังเจิมเอ๊ย แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ"
บุญเจิมสะอึกสะอื้น
"ฉันไม่อยากพลีกายให้คนที่ฉันไม่ได้รักเลยพี่ แต่คราวนี้ฉันคงหนีไม่พ้นแล้ว เหลือทางเดียว"
บุญเจิมเข้าไปซบอกแก้วพร้อมกับกอดแก้วแน่น
"อะไรของเอ็ง มากอดข้าทำไมวะ"
บุญเจิมกอดไม่ยอมปล่อย
"ฉันขอมาเป็นเมียคนที่ฉันรักก่อน แล้วจากนั้น คุณมาโนชจะทำประการใด ฉันยอมทั้งสิ้น"
แก้วตกใจสุดๆ ทำอะไรไม่ถูก บุญเจิมก็เขย่งตัวขึ้นหอมแก้ม ทำเอาแก้วตกใจกว่าเดิม
"จูบฉันบ้างเถิดพี่จ๋า ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าจูบของคนที่ฉันรัก จะให้ความสุขสะท้านใจฉันแค่ไหน"
แก้วใจเต้นรัว ถึงจะคิดกับบุญเจิมแค่น้องสาวมาตลอด แต่การอยู่ใกล้ชิด เนื้อแนบเนื้อ จนสัมผัส
ลมหายใจของอีกฝ่ายได้ ก็ปลุกสัญชาติญาณในตัวแก้วขึ้นมา ทั้งคู่หันมาสบตากัน
บุญเจิมส่งสายตาเย้ายวน แก้วหักห้ามใจไม่อยู่ อารมณ์พาไป ค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาหาแก้มของบุญเจิม
แต่ขณะเพียงห่างแค่ฝ่ามือกั้น แก้วก็ยับยั้งชั่งใจได้ในเสี้ยววินาที จนดันตัวบุญเจิมออกไป เธออึ้งไปครู่ ก่อนจะร้องไห้ออกมา
"พี่รังเกียจฉันหรือพี่แก้วจ๋า พี่คงดูถูกดูแคลนที่ฉันเป็นหญิงใจง่าย มาหาชายก่อนใช่หรือไม่"
แก้วหน้าเสีย
"ไม่ ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้น"
บุญเจิมร้องไห้ เสียใจสุดๆ
"ฉันคงเลวมากสินะ เลวจนพี่ไม่อยากแตะต้อง ในเมื่อคนที่ฉันรัก ยังรังเกียจฉันถึงเพียงนี้ ฉันก็ไม่ควร อยู่เป็นผู้เป็นคนอีกต่อไปแล้ว"
บุญเจิมหันหลังจะวิ่งหนี แต่แก้วรีบดึงแขนไว้
"เดี๋ยวนังเจิม ข้าไม่ได้รังเกียจเอ็งจริงๆ เชื่อข้าสิ ข้าไม่ได้โกหก"
"แล้วทำไมพี่"
แก้วใช้ความคิด แล้วตอบอย่างใช้ไหวพริบ
"เอ็งกับข้าเป็นทาสเหมือนกัน แล้วข้าจะรังเกียจเอ็งได้อย่างไร แต่ข้าไม่อยากเป็นทาสไปทั้งชาติ
แล้วก็ไม่อยากให้ลูกของข้าต้องเป็นทาสด้วย ถ้าไม่ยับยั้งชั่งใจเสียแต่ตอนนี้ ชีวิตก็จะมีแต่จะจูงกันลงสู่ที่ต่ำเท่านั้น ถ้าเอ็งรักข้าจริง ก็รอให้ข้าได้เป็นไทก่อนเถิด"
"แต่ฉันต้องตกเป็นเมียคุณมาโนชคืนนี้แล้วนะพี่ จะรอพี่จนเป็นไทได้ยังไง ฉันว่าที่พี่อ้างโน่นอ้างนี่ ก็เพราะพี่ไม่ต้องการจะให้ฉันเป็นของพี่ก่อนตามที่ฉันหวังมากกว่า ถึงได้พูดเลี่ยงไปส่งเดชใช่หรือไม่เล่า"
แก้วฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
"แล้วถ้าเอ็งไม่ต้องเสียตัวให้ใครเลย เอ็งจะดีใจมากกว่าหรือไม่ล่ะ"
บุญเจิมหันไปมองแก้วด้วยความหวังเต็มเปี่ยมทันที
"พี่แก้วมีวิธีใดช่วยข้ารึ"
แก้มอมยิ้มมั่นใจกับแผนการที่คิดว่าต้องช่วยบุญเจิมได้แน่
อ่านต่อหน้า 3
ลูกทาส ตอนที่ 2 (ต่อ)
หัวค่ำต่อเนื่องมา บุญเจิมกำลังนั่งพับเพียบสะอึกสะอื้นอยู่ที่พื้น หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้ำทิพย์ฟัง
โดยมีแม่นมอ้อนยืนอยู่ใกล้ๆในห้องนอน
บุญเจิมร้องไห้สะอึกสะอื้น พนมมือไหว้
"บ่าวไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีกแล้ว นอกจากคุณน้ำทิพย์ ถ้าคุณน้ำทิพย์ไม่เมตตา บ่าวก็ขอลาไปตายตามวาสนาของบ่าวก็แล้วกันเจ้าค่ะ"
น้ำทิพย์กลัวบุญเจิมจะตายจริงๆ
"อย่าเพิ่งวู่วามสิบุญเจิม ยังไงบุญเจิมก็เป็นบ่าวในเรือนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายง่ายๆดอก"
น้ำทิพย์คิดอยู่ครู่นึง แล้วบอก
"เอาอย่างนี้เถิด นับแต่นี้ไป บุญเจิมมานอนที่ห้องนอนฉันกับนมอ้อน ไม่ต้องกลับไปนอนที่เรือนทาสอีกแล้ว พี่มาโนชจะได้บังคับใจบุญเจิมไม่ได้"
บุญเจิมดีใจสุดๆ รีบกราบลงกับพื้น
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ขอบพระคุณคุณน้ำทิพย์มากเจ้าค่ะ"
นมอ้อนไม่พอใจ
"ก็รู้อยู่ดอกนะเจ้าคะ ว่าคุณมาโนชเรียกพวกทาสสาวๆไปบำเรอบ่อยๆ แต่ไม่คิดเลย ว่าจะขืนใจกันเช่นนี้"
น้ำทิพย์หน้าบึ้งตึง ถอนใจ ส่ายหน้า ไม่พอใจเช่นกัน
"คนอย่างพี่มาโนช รู้แต่ว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ส่วนจะทำร้ายใครหรือบังคับใจใคร ก็หาได้ใส่ใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะจ้ะนม"
เวลาดึก ภายในเรือนทาส บุญมีถูกมาโนชถีบจนล้มคว่ำ โดยมีพลอยอยู่ใกล้ๆ
"มึงกล้าดียังไงวะไอ้บุญมี ถึงไม่ส่งน้องมึงมาให้กู หรือว่ามึงดูถูกกู เลยไม่ยอมให้น้องมึงมาบำเรอกู"
บุญมีตกใจมาก รีบคุกเข่าพนมมือไหว้
"ไม่จริงขอรับ กระผมหรือจะกล้าดูถูกคุณมาโนช แล้วกระผม ก็ให้นังบุญเจิมไปหาคุณแต่หัวค่ำแล้ว
ตอนมันไป กระผมยังเห็นกับตาเลยขอรับ"
มาโนชโมโห ถีบบุญมีซ้ำ
"ถ้ามันไป แล้วกูจะมาหามึงที่นี่หรือวะ"
บุญมีกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าบุญเจิมหายไปไหน
"อย่าเพิ่งโกรธพี่มีเลยขอรับคุณมาโนช พี่มีไม่กล้าขัดคำสั่งคุณดอกขอรับ แลถ้านังบุญเจิมได้บำเรอคุณ พี่มีก็ได้ผลดีด้วย แล้วพี่มีจะไม่ยอมให้นังบุญเจิมไปได้อย่างไรเล่าขอรับ" พลอยว่า
มาโนชคิดตามที่พลอยพูด ก็ชักมีเหตุผล
ขณะนั้นเอง เข้มก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหามาโนช
"คุณมาโนชขอรับ เจอตัวนังบุญเจิมแล้วขอรับ"
"มันอยู่ที่ไหนวะ"
เข้มอึกๆอักๆ
"มีคนเห็นมันขึ้นเรือนใหญ่ไปหาคุณน้ำทิพย์ขอรับ"
มาโนชหน้าเสียทันที ถ้าบุญเจิมไปอยู่กับน้ำทิพย์ เขาก็ไม่กล้าหักหาญเพราะกลัวน้ำทิพย์โกรธเช่นกัน มาโนชได้แต่ขบกรามแน่นเจ็บใจปนเสียดาย
หน้าห้องนอนน้ำทิพย์ในเวลาต่อเนื่องมา
"พี่มาโนชถามหาบุญเจิม มีอะไรจะใช้สอยหรือคะ"
มาโนชกำลังคุยอยู่กับน้ำทิพย์ ซึ่งเปิดประตูห้องนอนออกมาคุย มีแม่นมอ้อนอยู่ใกล้ๆ
มาโนชปั้นยิ้มเฝื่อนๆ
"เปล่าดอกจ้ะ พี่ไม่ได้คิดจะใช้สอยมัน แต่ไอ้บุญมีน่ะสิ มันหาน้องสาวมันไม่เจอ ก็เลยมาบอกพี่ พี่ได้ยินว่านังบุญเจิมมาหาน้อง ก็เลยมาถามไถ่ดูให้เท่านั้นเอง"
อ้อนยิ้มเยาะ
"แหม คุณมาโนชนี่ช่างเอาใจใส่ข้าทาสดีเหลือเกินนะเจ้าคะ เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ ยังอุตส่าห์มาด้วยตนเองอีก"
มาโนชหงุดหงิดที่โดนแขวะ แต่นมอ้อนไม่ใช่ทาสและไม่ใช่คนของตนเลยทำอะไรไม่ได้ น้ำทิพย์ยิ้มบางๆ
"แต่พี่มาโนชมาก็ดีแล้วล่ะค่ะ ฉันมีเรื่องจะบอกพี่มาโนชอยู่พอดี ว่านับแต่นี้ไป บุญเจิมจะมาเป็นบ่าวประจำของฉันบนเรือนนี้ แล้วก็จะนอนเป็นเพื่อนฉันพร้อมกับนมอ้อน วานพี่มาโนชไปบอกบุญมีด้วยนะคะ ว่าไม่ต้องเป็นห่วงใยบุญเจิมอีกต่อไป"
มาโนชตกใจ หน้าเสีย
"ถึงกับให้มานอนในห้องเชียวหรือจ๊ะ พี่ว่าอย่างนัง..."
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงบุญเจิมดังขึ้น
"ขอประทานโทษเจ้าค่ะคุณมาโนช ขอทางหน่อยเจ้าค่ะ"
มาโนช เห็นบุญเจิมยืนถือผ้ากับหมอนอยู่ จะเข้ามาในห้องแต่เข้าไม่ได้เพราะมาโนชขวางอยู่
"มาแล้วรึบุญเจิม รีบเข้ามาเร็วๆ เถอะ ฉันง่วงแล้ว"
"เจ้าค่ะ" บุญเจิมยิ้มแย้ม ก่อนหันไปมองเย้ยมาโนชแล้วเดินเข้าห้องไป
มาโนชมองตามด้วยความเจ็บใจ แต่อยู่ต่อหน้าน้ำทิพย์เลยไม่กล้า
อ้อนเหล่มาโนช พูดแขวะ
"เอ็งมานอนในห้องอย่างนี้ก็ดีแล้วนังบุญเจิม จะได้ปลอดภัย จากพวกมักมากในกามารมณ์"
มาโนชแทบสะกดอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ไม่ชอบนมอ้อนเอาซะเลย
บุญเจิมพูดยิ้มแย้ม
"ชีวิตทาสก็อย่างนี้ล่ะค่ะคุณนม เรามันก็แค่ขี้ข้าม้าครอก เมื่อนายปรารถนา ก็ต้องตามใจ"
น้ำทิพย์หน้านิ่งๆ
"แล้วมันเรื่องอะไร ที่ถือตัวเป็นนายเค้าแล้วเรียกข้าทาสมาบำเรอกามารมณ์ คนเป็นทาส มีแต่แรงกายรับใช้เราแลกข้าวสุก เครื่องนุ่งห่มไปมื้อๆ ไม่ใช่เอาตัวมารับใช้ในแบบนี้ แต่เมื่อต้องการอย่างนั้นก็ต้องถามความสมัครใจของเค้าก่อน เรื่องอะไรมาขืนใจคน คนแบบนี้ฉันชังน้ำหน้านัก"
มาโนชขบกรามแน่นจนขึ้นสัน โดนด่ากระทบเป็นชุดๆจนโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนต้องผุนผัน
เดินหนีไป อ้อน และบุญเจิมหัวเราะเยาะสะใจ ในขณะที่น้ำทิพย์มองตามมาโนชแล้วอมยิ้มแอบสะใจเหมือนกัน
มาโนชเดินมาด้วยความแค้นใจ โดยมีพลอย เข้ม บุญมี เดินตามหลังมา
บุญมีกลัวมาโนชจนลนลาน
"คุณมาโนชไม่ต้องห่วงนะขอรับ วันพรุ่ง ผมจะรีบไปจิกหัวนังเจิมให้มารับใช้คุณให้ได้"
มาโนชโมโห ตะคอก
"ไอ้โง่ น้องน้ำทิพย์ให้อีบุญเจิมเป็นบ่าวประจำตัวแล้ว ขืนเอ็งทำอย่างนั้น ก็เท่ากับหักหน้าน้องน้ำทิพย์ เอ็งก็รู้ ว่าทุกวันนี้น้องน้ำทิพย์ก็แทบไม่ได้แยแสข้าอยู่แล้ว เอ็งจะให้ข้าเลวในสายตาน้องน้ำทิพย์ยิ่งกว่านี้อีกรึ"
บุญมีหน้าเสีย ไม่กล้าพูดอีก
"ถ้าคุณมาโนชไม่พอใจ เราก็ไปเที่ยวข้างนอกกันดีหรือไม่ขอรับ หาผู้หญิงมารับใช้ซักคนสองคน ถือว่าแก้ขัดแทนอีบุญเจิมไปก่อนก็ได้ขอรับ" พลอยว่า
ขณะมาโนชกำลังหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจ พลันต้องชะงัก เมื่อเหลือบไปเห็นอ่อนกำลังป้อนนมลูกอยู่ มาโนชจ้องด้วยสายตาปรารถนาขึ้นมาทันที เข้มเข้าใจสายตาเจ้านาย
"นังอ่อน ก็เคยบำเรอคุณมาโนชอยู่พักนึง จนคุณเบื่อมัน มันถึงได้ไปอยู่กินกับไอ้ใบ คิดไม่ถึงเลยนะขอรับ
ว่าพอมันมีลูกแล้ว จะมีน้ำมีนวลสวยขึ้นกว่าเดิมเสียอีก"
มาโนชยิ้มกริ่มเดินเข้าไปหาอ่อนที่หันมาอย่างตกใจ
"คุณมาโนช"
มาโนชยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ตามข้ามา"
อ่อนดีใจ รีบดึงผ้ามาปิดทรวงอก แล้ววางลูกลงบนผ้าขาวม้าที่ผูกเป็นเปล ทั้งๆที่ลูกยังกินนมไม่อิ่มจนร้องไห้จ้า แต่อ่อนก็ไม่สนใจเดินคลอเคลียไปกับมาโนชทันที พวกบุญมี พลอย เข้ม ก็หันไปพยักเพยิดหัวเราะ
ให้กัน
ใบ สามีของอ่อนยืนแอบมองอยู่ในเรือน ด้วยความแค้นใจสุดๆขบกรามแน่นจนขึ้นสัน โดยเฉพาะอ่อนที่ทิ้งลูกไปทั้งๆที่ลูกยังไม่อิ่มนม พอทุกคนพ้นไป ใบก็รีบเข้าไปอุ้มลูกที่ร้องงอแงมากล่อมนอน ด้วยสายตาเจ็บแค้นใจ
พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้าริมแม่น้ำ อ่อนเดินลงจากเรือนมา พร้อมกับจับสร้อยทองเส้นเล็กๆที่คอมาด้วยสีหน้าอ่อนกระหยิ่มยิ้มย่องมีความสุข แต่แล้วอ่อนก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบยืนจ้องเขม็งอยู่ที่ตีนบันได
"คงจะสุขมากสินะนังอ่อน ถึงได้เดินยิ้มระรื่นลงเรือนมาอย่างงี้"
อ่อนลอยหน้าลอยตา
"เราเป็นทาสนะพี่ ฉันจะขัดคุณมาโนชได้ยังไง"
"มึงไม่ต้องมาอ้าง เมื่อคืนกูเห็นหมดแล้ว ยังไม่ทันขาดคำ มึงก็ระรี้ระริกตามผู้ชายอื่นไปแทบไม่ทัน ใจมึงทำด้วยอะไรวะ"
อ่อนยิ้มขำๆ
"ผู้ชายอื่นที่พี่ว่า ก็ผัวคนแรกของฉันนะพี่ ในเมื่อฉันมาอยู่กินกับพี่ได้ แล้วฉันจะกลับไปหาคุณมาโนชบ้างไม่ได้รึ"
"แต่มึงมีลูกกับกูแล้ว เมื่อคืนลูกยังไม่ทันอิ่มนม มึงก็ทิ้งลูกไประเริงกับผู้ชาย หมามันยังรักลูก มึงเป็นคนแท้ๆนะโว้ยนังอ่อน"
อ่อนลอยหน้าลอยตา
"แล้วใครว่าฉันไม่รักลูกล่ะ"
อ่อนหยิบสร้อยทองที่คอให้ผัวดู
"เห็นหรือไม่ ว่าคุณมาโนชให้อะไรฉัน เป็นทาสเค้าทั้งชาติ ก็ยังหาไม่ได้แม้แต่ครึ่งเส้น แต่ฉันได้มาง่ายๆ แล้วต่อไปก็ต้องตกเป็นของลูก เห็นหรือไม่ล่ะ ว่าฉันรักมันมากแค่ไหน"
อ่อนยิ้มเยาะ แล้วเดินเลี่ยงไปอย่างไม่แยแส ใบได้แต่มองตามด้วยความแค้นสุดๆ
ใบกำลังจะยกไหเหล้าขึ้นดื่ม คอกรีบไปดึงไหเหล้า ห้ามใบ แก้วมากับคอกด้วย มองดูใบด้วยสีหน้าเห็นใจ
"พอเถอะพี่ใบ ยังเช้าอยู่เลย เดี๋ยวก็เมาตายดอก" คอกบอก
ใบเมามาก ผลักคอกออกไป
"เอ็งอย่ามายุ่งกับข้าไอ้คอก ตายไปเสียได้ก็ดี มีเมียกากีอย่างงี้ ข้าจะอยู่ไปทำไมให้อายคนเค้าวะ"
"ก็อยู่เพื่อลูกสิพี่ใบ ลูกพี่ยังเล็กนัก ถ้าไม่มีพี่คอยเลี้ยงดู แล้วมันจะเป็นยังไง" แก้วบอก
ใบอึ้งไป ถึงจะเมามากแต่พอพูดถึงลูกก็สงบลง คอกได้ที ดึงไหเหล้าจากใบมาทันที
"อย่าไปกลุ้มอกกลุ้มใจเลยพี่ใบ ผู้หญิงอย่างนังอ่อน หาความซื่อสัตย์ก็ไม่ได้ ความละอายมันก็ไม่มี
แล้วพี่จะไปเสียดายมันทำไมอีก"
"ข้าไม่ได้เสียดาย แต่ข้าแค้น แค้นจนอยากจะฆ่ามันทิ้งทั้งคู่ ให้มันตายพร้อมกันไปเสียเลย"
คอกตกใจมาก
"พูดอย่างนี้ได้ยังไงพี่ใบ เดี๋ยวคุณมาโนชได้ยินเข้าก็เดือดร้อนดอก พี่เมา ก็ไปนอนซะเถิด"
"ไม่ต้องมายุ่งกับข้า"
ใบดึงไหเหล้ากลับมา แล้วผลักอกคอกออก พร้อมลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซไป แก้วถอนใจ ส่ายหน้า
"ปล่อยไปเถอะไอ้คอก พูดอะไรไปตอนนี้ พี่ใบก็คงไม่ฟังดอกวะ"
ขาดคำ ก็ได้ยินเสียงบุญเจิมกรี๊ดดังลั่น
คอกตกใจมาก
"เสียงนังเจิมนี่พี่แก้ว"
ทั้งคู่ตกใจ รีบวิ่งไปตามเสียงทันที
บุญมีกำลังจิกหัวบุญเจิมที่ร้องลั่นลากให้มากับตน
"มึงมานี่อีเจิม มึงมานี่เลย กูหาทางสบายให้มึง มึงไม่เดิน ทำให้กูอดเสวยสุขไปด้วย คราวนี้ กูไม่เอามึงไว้แน่"
บุญเจิมทั้งเจ็บทั้งกลัว
"พี่มี ฉันเจ็บนะ"
แก้ว และคอก วิ่งมาถึงพอดี
"พี่แก้ว ช่วยฉันด้วย"
"พี่มี อย่าทำอะไรนังเจิมมันนะ" แก้วว่า
"ทำไมกูจะทำมันไม่ได้ กูเฝ้าเลี้ยงมันมาแต่เล็กแต่น้อย มีบุญคุณท่วมหัวมัน ต่อให้ฆ่ามันทิ้งก็ยังได้เลยโว้ย"
"เลี้ยงน้องมาเพื่อจะส่งตัวไปบำเรอเจ้านาย ยังมีหน้ามาทวงบุญคุณอีก แล้วตอนนี้ นังเจิมก็เป็นบ่าวประจำตัวคุณน้ำทิพย์ไปแล้ว พี่มีไม่กลัวเรื่องจะถึงหูคุณน้ำทิพย์รึ"
"มึงไม่ต้องมาขู่กูไอ้แก้ว ถึงนังเจิมจะเป็นอะไร มันก็ยังเป็นน้องกูอยู่ดี พี่สั่งสอนน้อง คุณน้ำทิพย์จะมาเอาผิดกูได้ยังไง"
บุญมีจิกหัวบุญเจิมเหวี่ยงจนล้มลงกับพื้น เงื้อมือขึ้นจะตบซ้ำ
"อย่าพี่มี"
คอกกระโจนเข้าไปจับมือบุญมีไว้ ไม่ให้ทำร้ายบุญเจิม บุญมีโมโห เลยหันมาต่อยคอกแทน ก่อนจะตามเข้าไปเตะซ้ำ แก้วโผกระโดดเข่าลอยใส่บุญมี จนกระเด็นไป
"มึงอย่าอยู่เลยไอ้แก้ว"
แม้แก้วจะยังบาดเจ็บอยู่ แต่ก็ต่อสู้ได้อย่างคู่คี่ ในขณะที่คอกรีบพาบุญเจิมหลบฉากออกไปดูห่างๆ แก้วเก่งกว่าบุญมีเยอะ เตะต่อยกันไปซักพัก แก้วก็เริ่มเล่นงานบุญมีได้จะๆหลายครั้ง แต่บุญมีเจ้าเล่ห์กว่า ฉวยโอกาสเข้าไปกอดตัวแก้ว แล้วใช้มือขย้ำเข้าไปที่แผลที่ถูกโบยของแก้ว จนแก้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
"มึงเสร็จกูแน่ไอ้แก้ว ยังเจ็บอยู่ ดันมาอวดเก่งกับกู"
บุญมีขย้ำที่แผลจนเลือดไหลซึมออกมาอีก ก่อนจะเตะต่อยใส่แก้วเข้าไปหลายที
"พี่แก้ว"
บุญเจิมกรีดร้องลั่นจะเข้าไปช่วย คอกรีบดึงตัวไว้
"อย่านังเจิม ขืนเข้าไป พี่มีตีเอ็งตายแน่"
คอก และบุญเจิมยื้อยุดกันอยู่ แต่ทันใดนั้นเอง ขณะที่บุญมีกำลังเตะต่อยแก้วอย่างย่ามใจ แก้วก็ฉวยโอกาสพลิกตัวหลบแล้วเตะเข้าที่ข้อพับหลังหัวเข่าของบุญมีจนบุญมีทรุดลง ก่อนที่จะชกเข้าเต็มหน้าของคู่ต่อสู้ จนบุญมีเลือดกบปาก เมาหมัดทำอะไรไม่ถูก แก้วจะซ้ำ แต่มาโนชปรากฏตัวขึ้น
"มึงหยุดเดี๋ยวนี้ ไอ้แก้ว"
แก้ว คอก และบุญเจิมชะงัก โนชจ้องเขม็งมายังแก้ว กะเอาเรื่องเต็มที่
บนเรือนในเวลาต่อเนื่องมา พระยาไชยากรยืนตระหง่านถมึงทึง จ้องมองดูแก้ว
บุญมี ที่นั่งหมอบกราบอยู่กับพื้น โดยมีมาโนชอยู่ใกล้ๆ
เจ้าคุณหน้าเครียด
"เอ็งมีอะไรจะพูดหรือไม่วะไอ้แก้ว"
แก้วขยับจะพูด แต่มาโนชพูดสวนขึ้นก่อน
"จะต้องไปถามมันทำไมขอรับ กระผมเห็นกับตา ว่ามันหาเรื่องชกต่อยไอ้บุญมี เกกมะเหรกเกเรอย่างนี้ ต้องลงโทษมันให้หลาบจำนะขอรับ"
แก้วถอนใจ รู้ว่ามาโนชจงใจหาเรื่อง
"ท่านเจ้าคุณขอรับ กระผมเพิ่งโดนเฆี่ยนปางตายมา แผลยังไม่ปิดสนิทเสียด้วยซ้ำ แล้วจะมีแรงอะไร
ไปหาเรื่องพี่บุญมีเล่าขอรับ"
"ก็ข้าเห็นอยู่คาตา ยังจะปากแข็งอีกรึ" มาโนชตะคอก
บุญมีรีบเสริม
"เอ็งบอกว่าเอ็งโดนเฆี่ยนปางตาย พูดเช่นนี้ ก็เท่ากับหาว่าคุณมาโนชทารุณเอ็งน่ะสิวะ ทำร้ายข้า ข้าไม่ว่า แต่อย่ามาก้าวร้าวคุณมาโนชนะโว้ย"
เจ้าคุณปราม
"เอาล่ะๆ พอได้แล้วไอ้มี เอ็งไม่ต้องมาแสดงความภักดีกันตอนนี้ดอกวะ ไอ้แก้ว หากเอ็งไม่มีพยานยืนยัน
ข้าก็ต้องลงโทษเอ็ง ตามที่พ่อมาโนชบอก เอ็งจะว่าอย่างไร"
"พยานของกระผมคือไอ้คอกขอรับ ท่านเจ้าคุณเรียกไอ้คอกมาสอบถามก็จะทราบเองขอรับ"
"ใครๆก็รู้ว่าไอ้คอกเป็นพวกเดียวกับเอ็ง มันก็ต้องเข้าข้างเอ็งอยู่แล้ว แลคำพูดมัน จะน่าเชื่อถือกว่าคำพูดข้าได้ยังไงวะ"
ขาดคำ น้ำทิพย์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับบุญเจิม
"แล้วถ้าเป็นคำพูดของบุญเจิม น้องสาวแท้ๆของบุญมีล่ะคะพี่มาโนช จะน่าเชื่อถือพอหรือยัง ... เล่าไปซิบุญเจิม"
บุญเจิมยิ้มเยาะพี่
"พี่แก้วไม่ได้หาเรื่องทำร้ายพี่บุญมีดอกเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ หากแต่พี่แก้ว ช่วยเหลือบ่าวไม่ให้ถูกพี่มีทำร้ายตบตีต่างหากล่ะเจ้าคะ"
"แล้วไอ้มี มันตบตีทำร้ายเอ็งเพราะเหตุใดวะ"
บุญเจิมจะเล่าต่อ แต่บุญมีกลัวความแตก เลยรีบถลึงตาส่งเสียงปรามขู่
"นังเจิม"
น้ำทิพย์ปรามบุญมี
"อย่ามาข่มขู่กันต่อหน้าฉันนะ เล่าต่อไปบุญเจิม"
บุญมีจ๋อยปนกลัวไป บุญเจิมได้ที จีบปากจีบคอ
"พี่มีโกรธบ่าว ที่ไม่ยอมไปบำเรอคุณมาโนช ตามที่คุณมาโนชเรียกหาเจ้าค่ะ ทำให้พี่มีอดได้ลาภไปด้วย พอเจอบ่าว ก็เลยตบตีทำร้ายบ่าวเจ้าค่ะ"
เจ้าคุณหน้าเสีย หันไปมองมาโนชที่หน้าเจื่อน หลบสายตา ยอมรับว่าบุญเจิมพูดถูก ฝ่ายเจ้าคุณกระอักกระอ่วนที่หลานชายคนโปรดทำเรื่องงามหน้า จนไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี !!
บุญเจิมยิ้มสะใจอยู่ในที ขณะที่บุญมีจ้องมาที่น้องสาวด้วยความเจ็บใจ
แก้วแอบชำเลืองมองไปทางน้ำทิพย์ด้วยสายตาขอบคุณ น้ำทิพย์อมยิ้มพอใจ ที่คราวนี้สามารถช่วย
แก้วไว้ได้
น้ำทิพย์กำลังจะเดินกลับไปห้องพัก มาโนชรีบเร่งฝีเท้าตามมาจนขวางหน้าน้ำทิพย์ไว้
"ทำไมน้องถึงเอานังบุญเจิมหักหน้าพี่เช่นนี้ แล้วต่อไป พี่จะมองหน้าท่านอาติดได้อย่างไร"
น้ำทิพย์หน้านิ่งๆ
"ฉันก็อยากถามพี่มาโนชเหมือนกันค่ะ ว่าทำไมถึงต้องจงเกลียดจงชังแก้วนัก เฆี่ยนโบยกันคราวที่แล้ว ยังไม่สาแก่ใจอีกหรือคะ ถึงต้องตามมาหาเรื่องกันอีก"
มาโนชยิ่งโมโห
"ไอ้แก้วมันก็แค่ทาส พี่จะทำยังไงกับมันก็ได้ ทำไมน้องต้องปกป้องมันด้วย"
"ที่ฉันปกป้องแก้ว ก็เพราะทนดูความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นไม่ได้น่ะสิคะ แก้วไม่ได้ทำอะไรผิด แม้แต่เรื่องคราวนี้ มันก็เกิดเพราะความมักมากของพี่มาโนชเป็นเหตุ แล้วมันจะถูกหรือคะ ที่พอพี่มาโนชไม่ได้อย่างใจ แล้วจะไปพาลหาเรื่องแก้ว"
มาโนชหน้าเสีย อึกๆอักๆ
"เอ่อ พี่ยอมรับว่าพี่รู้ ว่าคนที่ออกความคิดให้นังบุญเจิมไปหาน้องคือไอ้แก้ว แต่นังบุญเจิมมันเป็นทาสในเรือน เรือนไหนๆ ก็เรียกทาสมาบำเรอนายกันทั้งนั้น ไอ้แก้วต่างหาก ที่สอดเข้ามายุ่งเรื่องนี้"
น้ำทิพย์หน้าบึ้งตึง เอาจริง
"เรือนไหนทำเช่นนี้บ้าง ฉันไม่รู้ดอกค่ะ แต่พระยาไชยากรเจ้าของเรือนนี้ไม่เคยทำ พี่มาโนชอย่าหาข้ออ้างให้ความมักมากของตัวเองเลยค่ะ"
มาโนชหัวเราะเยาะ
"จริงอยู่ ที่คุณอาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพวกทาสสาวๆ แต่มิได้หมายความว่า คุณอาจะไม่มีผู้หญิงอื่นดอกนะ หากน้องไม่รู้จริง ก็อย่าเที่ยวพูดไปจะดีกว่า พวกทาสมันรู้เข้า จะเยาะเอาได้"
มาโนชเดินยิ้มเยาะจากไป น้ำทิพย์ยืนเครียดอยู่คนเดียว กลัวคำพูดของมาโนชจะเป็นจริง
ผ่านเวลาซักครู่ น้ำทิพย์กำลังคุยกับเจ้าคุณอยู่ที่ห้องทำงาน
"ทำไมเงียบไปล่ะคะคุณพ่อ หรือว่าที่พี่มาโนชพูดเป็นเรื่องจริง"
เจ้าคุณใช้ความคิด ไม่รู้จะตอบยังไง
"แล้วหากว่าจริง ลูกจะโกรธพ่อหรือไม่"
น้ำทิพย์ถอนใจ
"เรื่องโกรธ คงไม่โกรธดอกค่ะ เพราะคุณแม่ท่านก็เสียไปนานแล้ว ถ้าคุณพ่อจะมีภรรยาใหม่ ก็หาใช่เรื่องผิดอะไรไม่ เพียงแต่ลูกอยากรู้ความจริงเท่านั้น แลอยากรู้ด้วย ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร นิสัยใจคอ
เป็นอย่างไร"
เจ้าคุณยิ้มบาง ลูบหัวน้ำทิพย์ด้วยความเอ็นดู
"จะเป็นอย่างไร ก็ไม่สำคัญดอก ลูกจำไว้ก็พอ ว่าลูกนี้เป็นสุดที่รักยิ่งของพ่อ พ่อจะมีเมียน้อยหรือไม่มี
จงรู้ไว้ว่าพ่อจะไม่ให้ลูกเดือดร้อน แลตำแหน่งคุณหญิงของพ่อนั้น มีแม่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่จะครองได้ คนอื่นไม่มีหนทางดอก"
น้ำทิพย์ยังคาใจ
"แต่คุณพ่อคะ"
ไชยากรตัดบท
"เชื่อพ่อ ลูกจงเป็นเอกอยู่ในบ้านนี้ด้วยความวางใจเถิด อย่าสงสัยอะไรอีกเลย"
เจ้าคุณเดินไปหยิบหนังสือ เอกสารต่างๆมาทำงานต่อ น้ำทิพย์รู้ว่าพ่อไม่อยากพูดอีก ก็เลยต้องเก็บความสงสัยไว้ต่อไป
เวลาบ่าย ภายในร้านธูป น้อมกำลังดูกำไลทองคำที่เจ้าคุณให้มาเป็นของขวัญ ดูไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วยความพอใจ แถมเอาผ้าเช็ดกำไลด้วยความสุขใจ
อบเชยยืนมองอยู่ใกล้ๆ อย่างหมั่นไส้
" โอ๊ย ไม่รู้จะดูอะไรกันนักกันหนา ของแบบนี้ ฉันเห็นมีเต็มกำปั่นป้าไปหมด ใหญ่กว่าด้วยซ้ำ ไม่เห็นจะน่าปลาบปลื้มตรงไหน"
"นังอบเชย ถ้าเอ็งไม่มีอะไรทำ ก็หุบปาก แล้วก็ไปให้พ้นหูพ้นตาข้าได้แล้ว"
อบเชยเจ็บใจ
"ไปก็ได้ ฉันก็เบื่อดูป้า นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เต็มทนแล้วเหมือนกัน พระยาไชยากรแค่ให้กำไลป้า ไม่ได้มาสู่ขอซะหน่อย ไม่รู้จะปลื้มอกปลื้มใจไปทำไม"
อบเชยสะบัดหน้าเดินเลี่ยงเข้าข้างในไป
น้อมด่าตามหลัง
"นั่นปากรึนังอบเชย นังหลานเนรคุณ ถ้ารู้ว่าเอ็งโตขึ้นแล้วจะยอกย้อนข้าอย่างงี้ ข้าไม่เอาเอ็งมาเลี้ยงให้เปลืองข้าวสุกดอก"
น้อมทิ้งค้อนตามหลัง ก่อนจะดูกำไลในมือแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความหวัง
"อีกไม่นานดอกโว้ย"
น้อมหัวเราะคิกๆวาดวิมานในอากาศเต็มที่
อบเชยมาบ่นให้นิ่มฟังด้วยความหงุดหงิด นิ่มกำลังจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ไปคุยกับอบเชยไป
" ป้านะป้า เตือนจนปากจะฉีกอยู่แล้วก็ไม่เชื่อ คอยดูนะ ถ้าโดนไอ้พระยานาล่มนั่นหลอกเอา จะหัวเราะให้ลั่นบ้านเลย"
"เค้ามีแต่พระยานาหมื่น พระยานาล่มมีที่ไหนเล่า เราก็ชอบพูดจาค่อนแคะท่านเจ้าคุณเสียเรื่อย"
"ก็มันจริงนี่พี่นิ่ม พระยาไชยากรไว้ใจไม่ได้ดอก ฉันลองสังเกตดูหลายทีแล้ว ทำเป็นเอาอกเอาใจป้าน้อมสารพัด พอเผลอ ก็ทำตาเล็กตาน้อยใส่พี่ พี่นิ่มไม่สังเกตบ้างรึ"
นิ่มหน้าเสีย รีบหลบตา
"ไม่นี่ พี่ไม่เห็นท่านเจ้าคุณจะทำอะไรแบบนั้นเลย แม่อบเชยมองท่านในแง่ร้ายเกินไปแล้ว"
นิ่มเอาเสื้อผ้าที่พับเสร็จแล้วจัดใส่ตู้
"แง่ร้ายที่ไหนกัน คนเพิ่งรู้จักมักจี่กันได้ไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวก็ส่งของกำนัล เดี๋ยวก็พาออกไปเที่ยว ฉันไม่เชื่อดอกว่าไม่คิดอะไร"
ขณะนั้นเอง อบเชยก็เหลือบไปเห็นห่อผ้าห่อหนึ่ง วางอยู่ในตู้เสื้อผ้าของนิ่ม เธอหยิบห่อผ้าออกมาด้วยความสงสัย
"นั่นห่ออะไรรึพี่นิ่ม"
นิ่มตกใจ รีบดึงห่อผ้ากลับ
"ไม่มีอะไรดอก ของใช้กระจุกกระจิกน่ะ พี่ถูกใจก็เลยซื้อเก็บไว้... เอ่อ แม่อบเชยลงไปเตรียมของในครัวให้พี่ที พี่จะทำกับข้าวสักสามอย่าง แล้วเดี๋ยวพี่ตามไป"
"จ้ะพี่นิ่ม"
อบเชยออกจากห้องไปด้วยสีหน้าท่าทางอารมณ์ไม่ดีนัก นิ่มมองตาม ก่อนจะถอนใจอย่างโล่งอก แล้วเปิดห่อผ้าออก ภายในห่อผ้ามีเครื่องประดับอยู่หลายชิ้น แต่มีอยู่ชิ้นนึง เป็นกำไลทอง ลวดลายเหมือนของน้อมทุกกระเบียดนิ้ว
นิ่มหยิบกำไลออกมาดู ยิ้มบางๆ พูดพึมพำปลื้มๆ
"ท่านเจ้าคุณไม่ได้คิดร้ายอะไรดอก ก็แค่ประจบแม่เท่านั้นเอง"
เวลาเย็น บรรยากาศเรือนแพหมู่ ที่อยู่ใกล้ๆกับเรือนแพของพระนิติธรรมลือชา ชาวบ้านต่างมาซื้อของ ขายของกันอย่างคึกคัก พระนิติธรรมเพิ่งกลับจากทำงาน เดินถือหนังสือตำรับตำราสองสามเล่มเดินผ่านมา ชาวบ้านที่รู้จัก พากันยกมือไหว้ พระนิติธรรมก็รับไหว้ พูดคุยด้วย โดยไม่ถือเนื้อถือตัว
คอกกำลังเลือกซื้อของอยู่ พอหันไปเห็นพระนิติธรรมก็เข้าไปยกมือไหว้
"คุณพระขอรับ กระผมชื่อคอก เป็นทาสเรือนพระยาไชยากร แลเป็นเพื่อนกับพี่แก้วขอรับ"
พระนิติธรรมรับไหว้ ยิ้มทักทาย
"ฉันจำได้ เจ้าแก้วพูดถึงแกให้ฉันฟังบ่อยๆ แล้วอาการเจ้าแก้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ"
"ดีขึ้นแล้วขอรับ"
คอกมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่า ไม่มีคนบ้านเจ้าคุณจึงบอกว่า
"พี่แก้วสั่งกระผม ว่าหากเจอคุณพระ ให้ฝากกราบขอบพระคุณคุณพระที่เมตตาให้ยา แลหากหายดีเมื่อไหร่ จะมากราบขอบพระคุณด้วยตนเอง แต่เวลานี้แผลยังหายไม่สนิท เลยไม่กล้าว่ายน้ำข้ามคลองมาขอรับ"
พระนิติธรรมพยักหน้ารับ
"ทำถูกแล้วล่ะ เอาไว้ให้หายดีก่อนค่อยมาเถอะ"
พระนิติธรรมนึกขึ้นได้ หยิบหนังสือยื่นให้คอก
"อ้ะ ฉันฝากให้เจ้าแก้ว ตอนนี้มันเจ็บป่วย คงไม่ได้ทำงานหนักอะไร อยู่ว่างๆก็อ่านตำราเพิ่มพูนความรู้เถอะ จะได้ไม่เสียเวลาไปเปล่าๆ"
คอกยกมือไหว้ รับหนังสือมา
"ขอบพระคุณขอรับ"
เวลาหัวค่ำ ภายในเรือนทาสกิ่ง แก้วกำลังเปิดหนังสือออกอ่านใต้แสงเทียน ด้วยความตื่นเต้น กระตือรือร้นเหมือนได้แก้วได้ทอง คอกยิ้มๆ แต่บุญเจิมหน้าหงิกหน้างออยู่ใกล้ๆ
"ดูทำเข้าสิพี่แก้ว ดีใจยิ่งกว่าได้ทองเสียอีก กะอีแค่ตำราเล่มเดียว"
แก้วยิ้มแย้ม
"เอ็งไม่รู้อะไร ตำราให้ความรู้ แลความรู้จะติดตัวเราไปทั้งชีวิต มีค่ายิ่งกว่าทองเสียอีก ข้าถึงได้ดีใจอย่างไรเล่า"
บุญเจิมทิ้งค้อนแอบหึงหวง
"ไม่ใช่ดีใจ เพราะว่าจะได้กลับไปดูหน้าน้องสาวคนสวยของคุณพระเรือนแพอีกดอกรึ"
"หยุดปากพล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะนังเจิม คุณแดงไม่ใช่คนอย่างพวกเรา ที่เอ็งจะมาพูดจาลับหลังให้เสียหายได้ ปากไม่มีหูรูด
บุญเจิมโมโหหึง
"แล้วมันจริงหรือไม่เล่า ถ้าพี่ไม่แอบชอบพอน้องสาวคุณพระ จะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายว่ายน้ำไปหาทุกคืนรึ ระวังเถอะ ท่านเจ้าคุณจับได้เมื่อไหร่ พี่จะเจ็บยิ่งกว่าตอนนี้เป็นสิบๆเท่า"
"ต่อให้ถูกตัดหัว ข้าก็จะไปอีก แต่ไม่ได้ไปเพราะคุณแดงดอกโว้ย ข้าไป เพราะข้าอยากเรียนหนังสือ อยากมีปัญญาต่างหาก ลองข้าไม่มีปัญญา จะคิดแผนให้เอ็งรอดพ้นเงื้อมมือคุณมาโนชได้รึ เอ็งอย่าเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วคิดในทางอกุศลนักเลย คนเค้าจะด่าเอาได้ ว่าเกิดมาต่ำเป็นทาสแล้ว ใจยังต่ำอีก"
บุญเจิมกรี๊ดลั่น เต้นเร่าๆด้วยความโมโห ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป คอกเป็นห่วงบุญเจิม
"โธ่ พี่แก้ว ไม่น่าไปด่านังเจิมมันเลย ปากมันก็เป็นเช่นนั้นเอง ไม่ถือซะก็สิ้นเรื่อง"
คอกหันไปตะโกนตามหลัง แล้วตามไป
"นังเจิม รอข้าด้วย นังเจิม"
แก้วได้แต่ถอนใจส่ายหน้า อ่อนใจกับนิสัยของบุญเจิม ก่อนจะรีบไปอ่านตำราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มีความสุข อยากได้ความรู้เพิ่มพูน
อ่านต่อหน้า 4
ลูกทาส ตอนที่ 2 (ต่อ)
บุญเจิมเดินลิ่วมาในสวนด้วยความโมโห คอกรีบตามมาคว้าแขนบุญเจิมไว้
"เดี๋ยวสินังเจิม รอข้าก่อน"
บุญเจิมสะบัดมือด้วยความโมโห
"จะให้รอทำไมวะ มีอะไรก็รีบๆพูดสิ"
คอกหน้าจ๋อยๆ
"ข้าเห็นเอ็งโดนพี่แก้วด่า ก็เลยเป็นห่วงเท่านั้นเอง"
บุญเจิมโมโห พาลแหลก
"เอ็งไม่ต้องสะเออะมาห่วงข้า ข้าจะโดนพี่แก้วด่ายังไง มันก็เรื่องของข้ากับพี่แก้ว ไม่เกี่ยวกับเอ็ง"
คอกหน้าเสีย ซึมหนักกว่าเดิม
บุญเจิมยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ
"คำก็คุณแดง สองคำก็คุณแดง ออกรับแทนกันดีนักนะ พี่แก้ว มิน่าเล่า ไปประเคนถึงเรือนแล้วก็ยังบ่ายเบี่ยง"
คอกแปลกใจ
"เอ็งพูดอะไรของเอ็งนังเจิม ประเคนอะไร"
บุญเจิมเชิ่ดใส่
"ก็วันที่คุณมาโนชเรียกข้าไปบำเรอ ข้าไปหาพี่แก้วก่อน เพราะตั้งใจจะตกเป็นเมียพี่แก้วก่อนคุณมาโนชน่ะสิ"
คอกตกใจมาก
"นี่เอ็ง เอ็งเป็นเมีย..."
บุญเจิมตวาดแว๊ด
"ยังโว้ย พี่แก้วไม่ยอมรับข้า บอกว่าไม่อยากให้ลูกเกิดมาเป็นทาสเค้า เลยให้รอเป็นไทก่อนแล้วค่อยว่ากัน"
คอกเป่าปากโล่งอก
"แต่ข้าว่า พี่แก้วหมายสูงมากกว่า อย่าหวังเลย ถ้านังเจิมไม่ได้ ก็ไม่มีใครได้ทั้งนั้นแหละ"
คอกชักใจคอไม่ดี
"เอ็งจะทำอะไรของเอ็งนังเจิม เอ็งคงไม่คิดจะฟ้องท่านเจ้าคุณดอกนะ"
บุญเจิมขบกรามแน่น สายตาดูร้ายๆ จนน่ากลัว
น้ำทิพย์มีสีหน้าบึ้งตึง
"พูดจาเกินจริงไปแล้วกระมังบุญเจิม อย่างไรแก้วก็เป็นทาส จะกล้าหมายปองน้องสาวของคุณพระนิติธรรมเชียวรึ"
บุญเจิมคุกเข่าจีบปากจีบคอฟ้อง ด้วยความหึงหวงแก้ว
"ถ้าเป็นทาสคนอื่น บ่าวก็ไม่เชื่อดอกเจ้าค่ะ แต่พี่แก้วทะเยอทะยานกว่าทาสทั้งปวง คุณน้ำทิพย์เคยเห็นทาสคนใดใฝ่เรียน แลอยากรุ่งเรืองเหมือนพี่แก้วบ้าง แล้วถ้าจะทะเยอทะยานไปถึงดอกฟ้า จะแปลกอะไรล่ะเจ้าคะ" บุญเจิมเบะปากหมั่นไส้
น้ำทิพย์หน้าบึ้งตึง เริ่มหึงหวง
"อีกไม่เกินสองปี แก้วก็ได้เป็นไทแล้ว ถ้าเค้าจะรักชอบใคร ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่"
"แปลกสิเจ้าคะ ผู้ดีจะมารักกับทาสได้ยังไง ไหนว่านาคราชไม่สมสู่กับงูดิน แค่คิดมีใจให้ทาส ก็เสียชาติเสียตระกูลแล้วเจ้าค่ะ"
น้ำทิพย์หน้าเสีย แทงใจดำเพราะตนก็แอบรักแก้วอยู่เหมือนกัน
"เอ่อ แล้วบุญเจิมไปรู้ได้ยังไง ว่าน้องสาวคุณพระมีใจให้แก้ว พูดจาอย่างงี้ ระวังจะบาปปาก"
"ไม่บาปดอกเจ้าค่ะ ถ้าไม่มีใจให้ จะให้ยาฝรั่งแพงๆมารักษาพี่แก้วทำไม พี่แก้วเองก็เหมือนกัน พอบ่าวว่ากระทบเข้าหน่อยก็ปกป้องขึ้นมาเชียว อย่างนี้ มันกินปูนร้อนท้องชัดๆ"
น้ำทิพย์นิ่งเงียบไป รู้สึกหน้าร้อนผ่าวชอบกล แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้ บุญเจิมเข้าไปกอดขาน้ำทิพย์ประจบ
"คุณน้ำทิพย์เจ้าขา คุณน้ำทิพย์ออกปากห้ามไม่ให้พี่แก้วไปที่เรือนแพอีกได้หรือไม่เจ้าคะ ถ้าเป็นคุณน้ำทิพย์พูด พี่แก้วต้องยอมแน่ๆเจ้าค่ะ"
น้ำทิพย์ สีหน้าเคร่งเครียด ไม่พอใจเหมือนกัน แต่ต้องเก็บอาการไว้ เพราะด้วยนิสัยใจคอและฐานะ ทำให้แสดงออกมากไม่ได้
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า บุญเจิมเดินอารมณ์ดีลงจากเรือน เจอเข้ากับมาโนชที่เดินสวนออกมาซะก่อน
บุญเจิมหน้าเจื่อน ก้มตัวจะเดินผ่านมาโนชไป
มาโนชรีบคว้าแขนบุญเจิมไว้
"เดี๋ยวสินังเจิม นับแต่ที่เอ็งขัดคำสั่งข้า เอ็งกับข้าก็ยังไม่ได้คุยกันเลยนะ"
บุญเจิมกลัว รีบดึงแขนออกแล้วคุกเข่าลง
"คุณมาโนช มีอะไรจะใช้บ่าวหรือเจ้าคะ"
มาโนชมองบุญเจิมด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
"ใครจะกล้าใช้สอยบ่าวส่วนตัวของคุณน้ำทิพย์กัน ข้าเพียงแต่มีเรื่องอยากจะถามเอ็งเท่านั้น"
"เรื่องอะไรเจ้าคะ"
"เอ็งชอบพอไอ้แก้วนักรึ"
บุญเจิมอึ้งไปที่มาโนชถามอย่างงี้ น้ำทิพย์เดินออกมา พอเห็นมาโนชกำลังคุยกับบุญเจิมก็เลยหยุดฟัง
มาโนชยิ้มเล็กน้อย
"ไอ้มีบอกข้าหมดแล้ว ว่าเอ็งรักชอบไอ้แก้ว แลพวกบ่าวมันก็พูดกันให้อึง ว่าคนที่ออกหัวคิดให้เอ็งไปหาน้องน้ำทิพย์เพื่อหลบหน้าข้าก็คือไอ้แก้ว ข้าพูดถูกหรือไม่ล่ะ"
บุญเจิมอึกๆอักๆ ไม่รู้จะตอบยังไง
"เอ้า ว่าอย่างไรล่ะ ข้าถามทำไมไม่ตอบ"
บุญเจิมปั้นยิ้ม ลอยหน้าลอยตายั่วโมโหมาโนช
"เจ้าค่ะ บ่าวรักพี่แก้วมาก ถ้าได้คนอย่างพี่แก้วเป็นผัว บ่าวจะเป็นสุขไปตลอดชาติ เพราะพี่แก้วน่ารัก พี่แก้วดี แล้วก็มีเมตตาด้วย"
น้ำทิพย์ได้ยินที่บุญเจิมพูดก็หน้าบึ้งตึงขึ้นมา แม้จะรู้อยู่แล้วว่าบุญเจิมชอบแก้ว แต่ก็ยังอดหึงหวง
ไม่ได้อยู่ดี มาโนชโมโห ตะคอก
"มันจะวิเศษไปได้ยังไงวะ ในเมื่อมันเป็นทาสเค้า เอ็งมาบำเรอข้าดีกว่านังเจิม เงินทองผ้าผ่อน เอ็งต้องการเท่าใดข้าจะให้"
"บ่าวจะไปมีวาสนาถึงเป็นผู้บำเรอคุณมาโนชได้อย่างไรเจ้าคะ ในเมื่อบ่าว ก็เป็นทาสเค้าเหมือนกัน"
มาโนชโมโห ถลึงตาใส่บุญเจิม ขณะนั้นเอง อ่อนก็เดินออกมาหามาโนช
"เมื่อเอ็งรู้ตัวว่าไม่มีวาสนา ก็ไปให้พ้นหน้าเสียทีสิวะ นังบุญเจิม จะนั่งอยู่ทำไม"อ่อนกล่าวด้วยแรงริษยา
บุญเจิมมองเย้ยถากถางอ่อน
"อิจฉาข้ารึนังอ่อน กลัวจนต้องออกมาไล่ข้า น่าสมเพชนัก ลูกเอ็งรอกินนมอยู่ไม่ยักไปดูแล กลับมานั่งหึงหวงข้า กับชายอื่นที่ไม่ใช่ผัวเอ็ง"
อ่อนโดนจี้ใจดำ เงื้อจะตบ
"อีเจิม มึง"
น้ำทิพย์เห็นจะเลยเถิด ก็เลยรีบพูดขึ้น
"อ่อน บุญเจิม"
อ่อนเห็นน้ำทิพย์เข้าก็ตกใจ รีบคุกเข่าลงทันที น้ำทิพย์เดินออกมามองทั้งคู่ด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะหันไปมองมาโนชอย่างไม่พอใจ
มาโนชร้อนตัว หันไปดุอ่อน บุญเจิม
"พวกเอ็งมีงานอะไรก็ไปทำสิ อย่ามาก่อเรื่องก่อราวกันบนเรือน หาไม่ ข้าจะเฆี่ยนเสียทั้งคู่เลย"
อ่อนหน้าเสียรับคำ
"เจ้าค่ะ"
อ่อนหันไปมองหน้าบุญเจิมที่ยิ้มเยาะ แม้จะเจ็บใจแต่ไม่กล้าทำอะไร ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปคนละทาง มาโนชยิ้มประจบ
"ไม่มีอะไรแล้วจ้ะน้องน้ำทิพย์ พี่เพียงแต่ถามนังบุญเจิมเรื่องไอ้แก้วเท่านั้น นังบุญเจิมมันยอมรับแล้วว่ามันเป็นเมียไอ้แก้ว ก็พอดี..."
น้ำทิพย์พูดสวนขึ้น
"แล้วพี่มาโนชไม่ไปทำงานหรือคะ"
มาโนชหน้าเจื่อน
"จ้ะ ไปจ้ะไป"
มาโนชรีบเดินเลี่ยงไป น้ำทิพย์ยืนหน้าเครียดอยู่คนเดียว ฟังคำพูดของบุญเจิมแล้ว ก็ยิ่งโกรธแก้วมากขึ้นทุกที
ผ่านเวลาเล็กน้อย แก้วกำลังใช้บัวรดน้ำที่ทำจากโลหะ รดน้ำต้นไม้อยู่ น้ำทิพย์เดินเข้ามาในสวนด้วยสีหน้าบึ้งตึง เพื่อจะมาเก็บดอกไม้ตามปกติ พอเห็นแก้วก็ยิ่งหน้าบึ้งหนักกว่าเดิม
แก้วยิ้มแย้มถาม
"คุณน้ำทิพย์ กระผมรดน้ำต้นไม้ใกล้จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวกระผมมาช่วยเก็บดอกไม้นะขอรับ"
แก้วจะเดินเลี่ยง แต่น้ำทิพย์ทนไม่ไหว เลยพูดขึ้นมา
"ถ้าหายเจ็บคราวนี้ ฉันขอสั่งไม่ให้ไปที่เรือนแพคุณพระนิติธรรมอีกนะ"
แก้วตกใจ วางบัวรดน้ำแล้วคุกเข่าลง หน้าเครียด
"เหตุใดถึงไปไม่ได้ล่ะขอรับ คุณน้ำทิพย์ก็ทราบ ว่ากระผมต้องการไปศึกษาหาความรู้ ไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่บังควรเลย"
น้ำทิพย์หน้าบึ้งตึง
"ฉันเกรงว่าจะรู้ถึงหูคุณพ่อเข้าสักวัน คราวนี้ แก้วคงถูกโบยจนขาดใจตายแน่"
แก้วหน้าเคร่งขรึม แววตาเอาจริง
"ถ้ากระนั้น กระผมก็ยอมขอรับ บางทีการตายของทาสที่ทำในสิ่งที่ถูก สนใจในการศึกษาเล่าเรียน จะทำให้ทาสคนอื่นเกิดฮึกเหิมมีกำลังใจถือเป็นแบบอย่างก็ได้ แลเมื่อมีคนถือเอาเป็นแบบอย่างมากๆเข้า โอกาสของผู้เป็นนาย ที่จะลงทัณฑ์แก่ทาสอย่างไม่เป็นธรรมก็จะน้อยลงไปด้วย"
"นี่ย้อนฉันรึ ฉันเป็นห่วงถึงได้ห้ามปราม แต่กลับมาใช้คารมยอกย้อนกันอย่างนี้"
แก้วยกมือไหว้
"กระผมต้องกราบขออภัย ที่ทำให้คุณน้ำทิพย์มีโทสะ แต่กระผมเห็นว่าการบังคับไม่ให้ทาสเล่าเรียน เป็นการกระทำผิด ซึ่งกระผมไม่อาจก้มหัวยอมรับได้จริงๆขอรับ"
น้ำทิพย์ยิ่งเห็นแก้วดื้อ ก็ยิ่งโกรธหนักขึ้น
"เจ้าคารีสีคารมนักนะ เมื่อพูดดีๆไม่ฟัง ฉันก็จะไม่ยุ่งอีก คนปากดี ที่ไม่รู้จักยอมในสิ่งที่ควรยอม ก็ควรแล้วที่ต้องปล่อยให้ถูกตีจนตาย"
แก้วน้อยใจ ไม่คิดว่าน้ำทิพย์จะว่าเขาแรงอย่างงี้
"ความตายก็เป็นการพ้นทุกข์อย่างหนึ่งขอรับ หากคุณน้ำทิพย์จะช่วยให้ไอ้แก้วพ้นทุกข์โดยประการเช่นนั้น ก็จะเป็นบุญแก่ตัวไอ้แก้วนัก แต่แม้ตายไปแล้ว วิญญาณไอ้แก้วก็จะเปล่งตะโกนต่อไปว่า ตัวถูกลงโทษโดยมิได้กระทำผิด แต่กลับกระทำในสิ่งถูก ซึ่งนายบางคนยังไม่มีปัญญาทำ"
น้ำทิพย์โมโหสุดๆ
"ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลย"
น้ำทิพย์คว้าบัวรดน้ำที่อยู่ใกล้มือขว้างใส่แก้ว
"ไป"
บัวรดน้ำขว้างโดนหัวแก้วเต็มๆจนหางคิ้วแก้วแตก เลือดออกไหลมาเป็นทาง
น้ำทิพย์ตกใจ หน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าอารมณ์ชั่ววูบของตนจะทำร้ายแก้วจนได้เลือดขนาดนี้ แก้วมองน้ำทิพย์ด้วยความเสียใจ น้อยใจสุดๆ จนไม่รู้สึกเจ็บกับแผลที่หางคิ้วเลยแม้แต่น้อย
"เมื่อคุณน้ำทิพย์ต้องการให้ไอ้แก้วไปให้พ้นหน้า มากขนาดนี้ กระผมก็จะไปขอรับ"
แก้วยกมือไหว้น้ำทิพย์ ก่อนจะลุกเดินเลี่ยงไป
น้ำทิพย์ได้แต่มองตาม สงสารแก้วจับใจ แต่ก็ไม่กล้าเรียกแก้วไว้ เพราะยังมีทิฐิอยู่เกินกว่าที่จะขอโทษได้
กิ่งกำลังปัดกวาดเช็ดถูเรือนอยู่ แก้วในสภาพคิ้วแตก เลือดไหลลงมาอาบแก้ม เดินซึมๆกลับเข้าเรือนมากิ่งตกใจ
"ไอ้แก้ว เอ็งไปทำอะไรมา ใครทำร้ายเอ็งรึ"
แก้วน้อยใจ เสียใจเรื่องน้ำทิพย์สุดๆ
"ไม่มีใครทำร้ายฉันดอกจ้ะแม่ ฉันทำตัวฉันเองต่างหาก"
กิ่งเข้าไปดูแผลของแก้ว
"เอ็งไปซุ่มซ่ามเข้าอีท่าไหนล่ะเนี่ย รีบทำแผลเถอะไอ้แก้ว จะเป็นแผลเป็นรึเปล่าก็ไม่รู้"
"เป็นก็ดีนะแม่ ถ้าแผลนี้เป็นแผลเป็น มันก็จะเป็นที่คอยเตือนใจ เตือนความกำเริบของไอ้แก้ว ไม่ให้พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก ไอ้แก้ว จะได้รู้สำนึก ระวังใจตนไว้ว่าเป็นแค่ทาส เท่านั้น"
แก้วมีสีหน้าเจ็บช้ำระคนน้อยใจเดินเลี่ยงไป
น้ำทิพย์ยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอไปด้วยความเศร้าหมอง เสียใจ น้ำตาคลอ รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน เธอทั้งสงสารแก้ว และเสียใจกับการกระทำของตนสุดๆ น้ำตาหยดเป็นทางลงมาอาบแก้ม
ผ่านเวลา 1 เดือน เวลาสาย บรรยากาศเรือนไทยแห่งหนึ่ง เป็นเรือนขนาดกลาง ตกแต่งธรรมดาไม่สวยอะไร เจ้าคุณกำลังดูเรือนไทยซึ่งตนเช่าเอาไว้ พร้อมกับคุยกับบุญมีไปด้วย
"เอ็งทำดีมากไอ้มี เรือนหลังนี้เหมาะที่ข้าจะเช่าไว้จริงๆ"
บุญมียิ้มแย้ม
"กระผมก็ทำตามที่ท่านเจ้าคุณสั่งน่ะขอรับ เอ่อ ท่านเจ้าคุณได้เรือนถูกใจแล้ว ก็คงใกล้ถึงเวลาแล้วใช่หรือไม่ขอรับ"
"เอ็งก็รู้ดีอยู่แล้วนี่"
"แล้วท่านเจ้าคุณจะเลือกใครหรือขอรับ แม่หรือว่าลูก หรือว่า... ทั้งคู่ขอรับ"
เจ้าคุณหัวเราะเจ้าเล่ห์ ไม่ยอมตอบคำถามของบุญมี
เวลาบ่าย มาโนชเพิ่งกลับจากทำงาน ส่งกระเป๋าเอกสารให้เข้มรับไป โดยมี พลอย บุญมีตามประจบประแจง มาโนชหัวเราะชอบใจ
"คุณอาข้านี่ร้ายจริงๆ ได้ทั้งเมีย แล้วยังขจัดปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงได้เสียอีก แม้แต่สมบัติพัสถานในภายหน้า ก็ไม่ต้องกังวล เห็นที ข้าต้องจำไปใช้บ้างเสียแล้ว"
พลอยยิ้มแย้ม
"คงไม่ต้องดอกขอรับคุณมาโนช ที่ท่านเจ้าคุณต้องทำเช่นนั้น ก็เพราะไม่ยอมให้พวกทาสสาวๆมาบำเรออย่างคุณมาโนช จึงต้องคิดซับซ้อน หากเป็นคุณมาโนชแล้ว ย่อมไม่มีปัญหาใดๆให้ขจัดตั้งแต่ต้นแล้วขอรับ"
"เออ จริงของเอ็งโว้ยไอ้พลอย พวกทาสนี่ล่ะดีแล้ว ไม่ต้องกลัวว่ามันจะลุกขึ้นมาเผยอด้วย"
มาโนชเดินมาถึงหน้าเรือน อ่อนก็เดินเข้ามาหมอบกราบอยู่ที่ตีนบันได เขามองอ่อนด้วยสายตากรุ้มกริ่ม อ่อนก็ส่งสายตาเจ้าชู้มาให้ ก่อนที่มาโนชจะเดินขึ้นเรือน โดยมีอ่อนเดินตามหลังไป
เข้มมองตามมาโนชแล้วบอก
"นี่ยังกลางวันแสกๆอยู่เลยนะพี่มี"
บุญมียิ้มขำๆ
"แล้วไม่ดีหรือวะ พวกเราจะได้ไม่ต้องทำงานรับใช้คุณมาโนชยังไงเล่า เมื่อมีนังอ่อนแล้ว เราก็ตั้งวงเหล้ากันเสียตอนนี้เลยเป็นยังไงวะ"
พลอย เข้ม บุญมี หัวเราะชอบใจ ที่ได้อู้งานโดยไม่มีใครว่า
เวลาเย็น ใบเดินเมากลับมาที่เรือนของตน ลูกร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด ใบในอาการเมามาก
"นังอ่อน ลูกร้อง มาดูลูกซิ นังอ่อนโว๊ย"
ใบมองไปรอบๆไม่เห็นเงาอ่อนแม้แต่น้อย
"อีอ่อน อีกากี หายหัวไปไหนอีกแล้ววะ โอ๋ๆ ลูกพ่อ ร้องอะไรลูก" ใบเดินมาหาลูก
ใบจะอุ้มลูกขึ้นมา ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าตัวลูกร้อนจี๋ยังกะไฟ ใบตกใจสุดๆ ห่วงลูกจนหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
กิ่งกำลังไกวเปลผ้าขาวม้าให้ลูกของใบกับอ่อนที่นอนหลับสนิทอยู่ โดยมีใบนั่งอยู่ใกล้ๆ
"ได้ยา ได้เช็ดเนื้อเช็ดตัวจนตัวเย็นแล้ว ลูกเอ็งคงหลับสบายได้แล้วล่ะ เอ็งหมดห่วงได้แล้วเจ้าใบ"
ใบยกมือไหว้
"ฉันฝากป้าช่วยดูแลมันด้วยนะ นึกว่าเอาบุญเถอะ ไอ้ฉันมันก็ผู้ชาย ไม่รู้เรื่องอะไร นังอ่อนมันก็ไม่สนใจลูก เอาแต่ระรี้ระริกอยู่กับคุณมาโนช พูดแล้ว ก็อยากจะฆ่ามันทิ้งซะทั้งคู่เลย"
กิ่งตกใจ
"อย่าปากพล่อยไปไอ้ใบ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า เอ็งจะเดือดร้อน ยังไง คุณมาโนชก็เป็นหลานของท่านเจ้าคุณ ส่วนนังอ่อน ก็เป็นแม่ของลูกเอ็ง อย่าคิดอะไรที่มันจะเป็นบาปติดตัวเลยวะ"
"ก็เพราะอย่างงั้นสิป้า ฉันถึงปล่อยให้มันทั้งคู่หยามฉันอยู่อย่างงี้ไง ถ้าไม่มีลูกล่ะก็..."
ใบขบกรามแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเกลียดชังสุดๆ กิ่งอดใจเสียปนกลัวขึ้นมาไม่ได้
บริเวณหน้าเรือนแพตอนหัวค่ำ พระนิติธรรมลือชากำลังสอนงานแก้วอยู่ในห้องทำงาน
"เจ้าเจือกับเจ้าเหล็ก ต่างอ้างเป็นเจ้าของวัวด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองฝ่ายต่างมีพยานยืนยัน... ในความคิดของแกจะหาวิธีพิสูจน์เรื่องนี้อย่างไร"
แก้วคิดอยู่ครู่นึง
"ปกติวัวควาย ถ้าเลี้ยงมานานพอ มันจะเดินกลับเข้าคอกของตัวเอง หากเป็นกระผม จะปล่อยวัวตัวนั้นขอรับ หากมันเดินกลับเข้าคอกของผู้ใด ก็แสดงว่าเป็นวัวของผู้นั้น"
พระนิติธรรมยิ้มพอใจ
"แกมีไหวพริบดีมากเจ้าแก้ว จำไว้นะ หากวันหน้าแกได้รับราชการ ต้องรู้จักใช้ไหวพริบในการทำราชการด้วย อย่ายึดเอาแต่กฎแลธรรมเนียมเท่านั้น งานราชการจึงจะเป็นคุณกับคนโดยทั่วไป"
แก้วยกมือไหว้
"กระผมจะจดจำไว้ขอรับ หากไอ้แก้วมีวาสนาได้รับราชการสมพรปากคุณพระ จะกระทำดังที่คุณพระสอนทุกประการขอรับ"
พระนิติธรรมพยักหน้ารับ
"เออ เจ้าแก้ว ฉันมีเรื่องอยากจะไหว้วานแกซะหน่อย"
แก้วมองพระนิติธรรมด้วยความแปลกใจ
ผ่านเวลาเล็กน้อย แก้วกำลังคุยกับคุณกัลยาอยู่ที่หน้าเรือนแพ
คุณแดงไม่พอใจ
"คุณพี่นะคุณพี่ คราวก่อนแก้วก็โดนเฆี่ยนจนปางตายมาแล้ว ยังจะใช้ให้เป็นพ่อสื่ออีก"
"คราวนี้คุณพระเพียงแต่สั่งความฝากมา ไม่ได้เขียนจดหมายแบบคราวก่อน ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงดอกขอรับ"
"ถึงกระนั้นก็เถอะ ฉันก็ไม่ชอบอยู่ดี แล้วนี่ถึงกับนัดให้ไปเจอกันในงานวัดเบญจมบพิตร พี่ชายฉันจะกล้าเกินไปแล้ว"
แก้วยิ้มๆ บอก
"ขนาดไปเหยียบถึงเรือน คุณพระท่านยังทำมาแล้วเลย สำมะหาอะไรกับแค่นัดไปเจอกันในงานวัดเล่าขอรับ เอ่อ นี่ก็ดึกมากแล้ว กระผมต้องกลับก่อนนะขอรับ"
คุณกัลยาหน้าเสีย อยากให้แก้วอยู่นานกว่านี้อีกนิดก็ยังดี
"เดี๋ยวก่อนสิแก้ว ฉันทำข้าวต้มเอาไว้ แก้วทานรองท้องซะหน่อยแล้วค่อยกลับนะ"
แก้วเกรงใจ
"แต่..."
"รอประเดี๋ยว เดี๋ยวฉันยกมาให้"
คุณกัลยารีบเดินเลี่ยงไปเตรียมข้าวต้ม ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สุขใจ แก้วได้แต่มองตามไปนิ่งๆ ไม่กล้าขัดน้ำใจ
บุญเจิมนั่งรอแก้วอยู่ที่ท่าน้ำด้วยความหงุดหงิด รอไปก็ตบยุงไป
" โอ๊ย เมื่อไหร่จะกลับซะทีนะพี่แก้ว ไอ้ยุงบ้านี่ก็กัดอยู่ได้ จะกัดกันให้ตายเลยหรือไง"
ขณะนั้นเอง ก็มีผ้าบางๆคลุมลงมาที่ไหล่ของบุญเจิม เธอหันกลับไปมอง ปรากฏว่าเป็นคอกนั่นเองที่คลุมผ้าให้
"คลุมซะ ยิ่งดึกยิ่งเย็น เดี๋ยวเอ็งจะเจ็บไข้ได้ป่วยไปเสีย"
คอกยื่นตลับยาทาให้อีก
"เอ้า ทาตรงที่ยุงกัด จะได้ไม่เป็นตุ่ม"
บุญเจิมรับตลับยามา แต่หน้ายังหงิกอยู่
"ขอบใจ"
คอกนั่งลงเป็นเพื่อนบุญเจิม
"เอ็งมานั่งรอพี่แก้วแทบทุกคืนอย่างนี้ ไม่เบื่อมั่งรึ นังเจิม"
บุญเจิมหน้าหงิก
"แล้วมันเรื่องอะไรของเอ็ง เอ็งเบื่อ เอ็งก็ไปนอนซิ มายุ่งกับข้าทำไม"
คอกหน้าจ๋อยๆ ด้วยความน้อยใจ
"ก็ข้าห่วงเอ็งนี่ นึกๆก็อิจฉาพี่แก้วนะ มีแต่คนเป็นห่วงเป็นใย ไม่ว่าใครก็รักพี่แก้วกันทุกคนเลย"
" คนอื่นไม่ต้องมารักดอก พี่แก้วเป็นของข้า ข้ารักของข้าคนเดียวก็พอแล้ว"
ทันใดนั้นเอง ก็มีแสงไฟจากตะเกียงส่องมา พร้อมกับเสียงตะคอกดังขึ้น
"เฮ้ย นั่นใครวะ"
ทั้งคู่ตกใจ หันกลับไปมอง เห็นเข้มเดินถือตะเกียงเดินเข้ามา
"เอ็งสองคนเองรึ มานั่งทำอะไรลับๆล่อๆตรงนี้วะ อ๋อ ข้ารู้แล้วพวกเอ็งมารอไอ้แก้ว นี่มันคงไปหาไอ้คุณพระเรือนแพอีกแล้วใช่หรือไม่"
คอกตกใจ
"ใช่ที่ไหนกันเล่าพี่เข้ม เรือก็ยังอยู่ครบ พี่ลองนับดูสิ แล้วพี่แก้วจะไปหาคุณพระได้ยังไง"
เข้มคิดอยู่ครู่นึง
"ไม่รู้ล่ะโว้ย ยังไงข้าก็ค้นที่เรือนไอ้แก้ว ถ้ามันไม่อยู่ก็แปลว่ามันต้องไปที่เรือนแพแน่"
เข้มจะเดินหนีไป
บุญเจิมรีบร้องขึ้น
"โอ๊ยๆๆ"
เข้มแปลกใจ
"อะไรของเอ็งวะนังเจิม"
"ก็ไอ้ยุงร้ายนี่น่ะสิจ๊ะ มันกัดฉันไม่ยอมเลิก พี่เข้มดูให้หน่อยสิ ว่าหลังฉันโดนยุงกัดจนเป็นตุ่มไปหมดหรือยัง"
บุญเจิมหันหลังให้เข้ม แล้วปลดผ้าคลุมไหล่ออก คอกตาเบิกโพลงตกใจ ไม่คิดว่าบุญเจิมจะใช้แผนยั่วยวนเข้ม เข้มมองหลังขาวๆของบุญเจิม แล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ยิ่งอยู่ใต้แสงตะเกียง แผ่นหลังของบุญเจิม
ยิ่งดูผุดผ่องเย้ายวนใจ
บุญเจิมปรายตายั่วยวนเข้ม ออดอ้อน
"ว่าไงล่ะจ๊ะพี่เข้ม หลังฉันเป็นยังไงบ้าง"
เข้มพยายามตั้งสติ
"ก็ มีอยู่สองสามรอย ไม่มากเท่าใดดอก"
บุญเจิมยื่นตลับยาให้เข้ม
"ถ้าเช่นนั้น พี่เข้มช่วยทายาให้ฉันหน่อยสิจ๊ะ"
คอกตกใจ
"นังเจิม"
บุญเจิมถลึงตาใส่คอก ทำนองไม่ให้พูดมาก คอกเจ็บใจ หึงหวงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนต้องสะบัดหน้าเดินเลี่ยงไปไม่ให้เจ็บใจมากกว่านี้ เข้มรับตลับยามาทาหลังบุญเจิมด้วยมือสั่นเทา
ในขณะที่บุญเจิมแอบเบะปาก สะอิดสะเอียนแต่ก็ต้องทนเพื่อแก้ว
อ่านต่อตอนที่ 3