xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 10

โรสรินแต่งตัวในชุดยูนิฟอร์มแม่บ้านเดินออกมา ยุนอามองตะลึง โรสรินดูไม่มั่นใจ เพราะไม่เคยใส่แบบนี้มาก่อน

“ตลกใช่มั้ย”
“ไม่ตลกค่ะ คุณโรสยังสวยเหมือนเดิม แค่รู้สึกแปลกตาเท่านั้น” โรสรินยิ้มเจื่อน ไม่นานคุณศรีเดินเข้ามา ยุนอากับโรสรินหันไปมอง “นี่คุณศรีค่ะ หัวหน้าแม่บ้าน จะเป็นคนสอนงานให้คุณโรส”
โรสรินหันไปมอง ไหว้คุณศรี คุณศรีรับไหว้และยิ้มให้อย่างโหดๆ โรสรินหวั่นใจอยู่เหมือนกัน

ภายในห้องพัก คุณศรีสอนโรสรินปูเตียง ทำให้เธอดู โรสรินตั้งใจดู เธอปูเตียงด้วยความทุลักทุเล ลำบาก เหนื่อยมาก ปูเสร็จ ผ้าปูยับ คุณศรีส่ายหัว โรสรินจำต้องทำใหม่ คุณศรีส่ายหัว โรสรินพยายามอีกสามสี่ครั้งก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ
อีกด้านหนึ่งที่ไร่ตะวัน ตะวันยกลังของขึ้นรถ เดินมาแย่งลังที่แย้กำลังจะยก แย้ยืนมองตะวันเป็นห่วง เห็นตะวันทำคนเดียว ไม่ปล่อยให้คนอื่นทำ
ส่วนที่โรงแรมควีนโรส โรสรินทำความสะอาดห้องน้ำ ทำแบบคนทำไม่เป็น แต่ก็ดูพยายามและตั้งใจ เธอถูพื้น ขัดส้วม เช็ดกระจก ดูดฝุ่น โรสรินเหนื่อยมาก ยกมือปาดเหงื่อ
ตะวันก็ปาดเหงื่อเช่นกัน รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ก็ขุดดินต่อไปท่ามกลางแสงแดดร้อนแรง

ที่ไร่ตะวัน ชาญคุยโทรศัพท์กับณรงค์ สีหน้าตกใจ
“หนูโรสเนี่ยนะ ขอแกทำงานเป็นแม่บ้าน”
ณรงค์กลัดกลุ้ม
“มันแปลกมั๊ยล่ะ ทั้งๆ ที่ยัยโรสปฏิเสธมาตลอด และคนอย่างยัยโรส ถ้าไม่ก็คือไม่ แต่นี้กลับสมัครใจ ที่สำคัญ ยังทำงานไม่หยุดตั้งแต่เช้า”
ชาญกลุ้มตามไปด้วย
“ไม่ใช่แค่หนูโรส ไอ้ตะวันก็ทำงานตั้งแต่เช้ามืด ข้าวปลาไม่ยอมกิน มันอะไรกันนักวะ ข้าไม่เข้าใจหนุ่มสาวสมัยนี้จริงๆ ว่าทำไมไม่หันหน้ามาคุยกัน”
“คงเป็นเพราะยัยโรสคิดว่าตะวันมีอะไรกับมาลัยจริงๆ แต่ข้าไม่เชื่อ ข้ารู้ดีว่าหลานเอ็งไม่ใช่คนแบบนั้น ฝากบอกตะวันว่าความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ซักวันโรสจะต้องเชื่อ” ชาญกลุ้ม
“แล้วเมื่อไหร่หนูโรสจะเชื่อ”
ณรงค์ถอนหายใจด้วยความกลุ้มเช่นกัน

ภายในห้องเช่าของมาลัย มาลัยกับมาลีกินข้าวด้วยกัน มาลัยสีหน้ากังวลใจมากจนกินอะไรไม่ลง
“ทำไมพี่ตะวันถึงหายไป ไม่มาหาฉัน ไม่โทรหาฉัน” มาลัยคิดแล้วตกใจ ตบโต๊ะปังพร้อมลุกขึ้นยืน “หรือว่าพี่ตะวันจะไปง้อนังโรสรินที่กรุงเทพ ไม่นะ ไม่ ม่าย”
“โว๊ย” มาลีสุดทน มาลัยผงะ “เลิกโวยวายได้แล้ว ถ้าเอ็งไม่อยากให้ตะวันกลับไปหานังนั่น เอ็งก็ต้องหาตัวช่วย”
“ตัวช่วย” มาลัยสงสัย

มาลัยมาหาเดชาที่บ้าน เดชามองมาลัยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณโรสเข้าใจว่าเธอกับไอ้ตะวันมีอะไรกัน ก็เลยหนีกลับกรุงเทพ”
“อื้อ ที่ฉันมาบอกเสี่ย เพราะรู้ว่าเสี่ยสนใจยัยนั่น และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่เสี่ยจะทำคะแนน”
เดชานิ่ง แต่แววตามีความดีใจ มาลัยเห็นสีหน้าเดชาก็คิดว่าสิ่งที่เธอพูดมันได้ผล ระหว่างนั้นเสียงมือถือเดชาดังขึ้น เขาหยิบมือถือออกมากดรับสาย
“ว่าไงไอ้ล่ำ” เดชาผงะ หน้าเสีย มาลัยเห็นสีหน้าเดชาก็แปลกใจ เดชาหันไปทางมาลัย “เธอกลับไปได้แล้ว”
มาลัยเหวอ เดชาเดินออกไปคุยโทรศัพท์ มาลัยมองตามสงสัยและอยากรู้

เดชากำลังคุยโทรศัพท์หน้าเครียดมาก
“ตำรวจเจอไม้ของเราที่ชายป่า” มาลัยที่แอบฟังได้ยินก็ตกใจจนอ้าปากค้าง “แกรีบเคลียร์ไม้ล๊อตใหญ่ที่เหลือกลางป่า ฉันจะไปเจอที่นั่น”
เดชามีสีหน้าร้อนรน แล้วก็เดินออกไป มาลัยโผล่หน้าออกมา ตาลุกวาวที่ได้รู้

มาลัยเดินบ่นมาตามทาง
“เสี่ยเดเจอเรื่องแบบนั้น คงไม่มีแก่ใจไปหานังโรสแน่ ใครๆ ก็ช่วยเราไม่ได้ หรือต้องลุยเองวะเนี่ย”
มาลัยตาวาว

มาลัยมาหาตะวันที่ไร่ ตะวันหันมามองมาลัยที่หน้าตาเอาเรื่อง
“พี่ตะวันต้องแต่งงานกับฉัน พี่ตะวันจะมาปัดความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่ยอม”
ตะวันนิ่งแต่บอกเสียงเข้ม
“มาลัยกลับออกไปได้แล้ว”
ตะวันพูดจบ หันมาขุดดินต่อ มาลัยหัวเสีย
“มาลัยมันน่ารังเกียจตรงไหน เมื่อกี๊เสี่ยเดก็ไล่ พี่ตะวันก็ยังมาไล่มาลัยอีก” ตะวันชะงัก
“เธอไปหาไอ้เดชาทำไม”
มาลัยหน้าถอดสี ไม่กล้าบอก ตะวันจ้องหน้า มาลัยไม่กล้าสบตา อึกอัก
“ไม่ ไม่มีอะไร”
ตะวันมองอย่างจับผิด
“หรือเธอไปบอกไอ้เดชาเรื่องโรสริน”
มาลัยหน้าถอดสี แล้วก็ทำเป็นนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้อ จริงสิ เมื่อกี๊ตอนที่มาลัยไปหาเสี่ยเด มาลัยได้ยินเสี่ยเดคุยกับลูกน้องว่าตำรวจเจอไม้เถื่อนแถวชายป่า” ตะวันชะงัก “แต่มาลัยว่างานนี้ตำรวจก็คงยังจับเสี่ยเดไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าของล๊อตใหญ่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันต้องอยู่ตรงกลางป่า พี่ตะวันว่าไหม”

ตะวันฟังแล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เจอลูกน้องเดชาเลื่อยไม้ท่อนใหญ่กลางป่า พอคิดได้ดังนั้น ตะวันรีบเดินออกไปทันที มาลัยเหวอ
“อ่ะอ้าว พี่ตะวันจะไปไหน อะไรของเค้าวะ”

ในป่า เดชา ล่ำ แหลม กำลังคุมลูกน้องที่กำลังช่วยกันขนไม้เพื่อเคลียร์พื้นที่
 
“ให้ไว อย่าชักช้า” เดชาสั่งอย่างร้อนใจ
“ผมว่าเสี่ยใจเย็นก่อนดีกว่า ตำรวจไม่มีทางหาที่นี่เจอ”
“กันไว้ดีกว่าแก้ อะไรๆ ก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น”
ที่มุมหนึ่ง ตะวันชี้จุดให้ตำรวจที่แอบสุ่มอยู่ดู ตำรวจหันมาส่งซิกให้กัน แล้วก็พรวดออกไป ตำรวจเล็งปืนที่พวกเดชา
“หยุด” เดชา ล่ำ แหลม ลูกน้องหันไปเห็นตำรวจก็ตกใจมาก “พวกคุณทุกคนถูกจับ ข้อหาค้าไม้เถื่อน ยกมือขึ้น”
เดชาหน้าเสียอย่างแรง ล่ำ แหลม ลูกน้องหน้าตาตื่น แต่ล่ำกับแหลมไม่ยอมถูกจับ เอาปืนออกมายิงใส่ตำรวจโดยที่ไม่มีใครตั้งตัว ความวุ่นวายโกลาหลเกิดขึ้นทันที พวกลูกน้องบางคนก็วิ่งหนี บางคนก็เอาปืนออกมายิงสู้ ตำรวจหาที่หลบและยิงตอบโต้ เดชาหันไปเห็นตะวันในกลุ่มตำรวจก็อึ้ง
“ไอ้ตะวัน”
เดชารู้ว่าเป็นฝีมือตะวันทันที

ตำรวจยิงใส่เดชา เดชาหลบได้ทันเฉียดฉิว ล่ำกับแหลมรีบเข้ามาหาเดชา
“เสี่ยรีบหนีไป ผมจะยิงคุ้มกันให้เสี่ยเอง”
“แล้วแกสองคน”
“ไม่ต้องห่วงพวกผม”
ล่ำกับแหลมหันไปยิงตำรวจ เดชารีบหนี ตะวันเห็นเดชากำลังหนี ก็รีบไล่ตามไปติดๆ

ป่าอีกด้าน ตะวันวิ่งไล่เดชา เดชาหันไปเห็นตะวันไล่ตามมาก็หันไปยิงใส่ ตะวันหลบได้ทันแบบเฉียดฉิว เดชายิงกระหน่ำไม่หยุดด้วยความโมโห จนกระสุนหมด ตะวันเห็นเป็นโอกาสดี พุ่งออกไป เดชากับตะวันสู้กัน
“มอบตัวซะ แกหนีไม่รอด”
“ไม่มีวัน”
เดชากับตะวันสู้กันเอาเป็นเอาตาย แต่เดชาพลาดพลั้ง กำลังจะถูกตะวันจับ ทันใดนั้นมีรถโฟร์วิวแล่นเข้ามา เดชากับตะวันหันไปเห็นลูกน้องเดชา
“เสี่ย ขึ้นรถ”
เดชาอาศัยจังหวะที่ตะวันมอง ผลักตะวันจนตะวันล้มไปบนพื้น เดชากระโดดขึ้นรถ ลูกน้องขับรถออกไป ลูกน้องอีกคนยิงสกัดเอาไว้ ตะวันลุกขึ้นมองตามด้วยความหัวเสียที่จับเดชาไม่ได้

เดชานั่งมาในรถโมโหโกรธแค้นตะวันมาก
“คนของเราส่งข่าวว่าตำรวจเข้าบุกค้นที่บ้านเสี่ยแล้วครับ”
“ผมว่าเสี่ยต้องไปหาที่กบดานที่ไหนสักแห่งก่อนนะครับ”
เดชากำมือแน่น แววตาอาฆาต
“เป็นเพราะไอ้ตะวันคนเดียว”

บ่ายวันเดียวกันนั้นที่โรงแรมควีนโรส พีระเดินถือถุงใส่ของมาตามทาง ระหว่างนั้นเห็นแม่บ้านคนหนึ่งหอบผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอน เดินมาตามทาง แต่ของทุกอย่างบังหน้า ก็เลยชนเข้ากับพีระเต็มๆ ทำเอาของของแม่บ้านร่วงลงพื้น พีระไม่พอใจหันไปต่อว่า
“เดินยังไง ไม่เห็นคนเหรอ”
แล้วพีระก็ต้องตกใจ เพราะแม่บ้านที่ว่าคือโรสริน
“โรซี่”
โรสรินยืนนิ่ง พีระมองโรสรินตั้งแต่หัวจรดเท้าในชุดแม่บ้าน ก็ได้แต่อ้าปากค้าง

พีระจับหน้าผากโรสริน โดยมีถุงของวางอยู่บนม้านั่ง
“โรซี่ไม่สบาย เป็นไข้ หรือติดเชื้อที่สมอง ถึงได้มาเป็นแม่บ้าน มันไม่ใช่โรซี่ คนที่พีรู้จัก”
“โรสรินคนนั้นตายไปแล้ว”
“พีไม่เข้าใจว่าไอ้ตะวันมันทำอะไร ถึงทำให้โรซี่เปลี่ยนไปขนาดนี้”
“อย่าพูดชื่อเค้า โรสไม่อยากได้ยิน พีกลับไปเหอะ โรสต้องทำงานต่อ”
“พีไม่กลับ พีเป็นห่วงโรซี่ เอางี้มั๊ย เราไปเที่ยวที่ไกลๆ กัน ไปซักสองสามเดือน ไปให้โรซี่สบายใจ”
“โรสไม่ไปไหนทั้งนั้น”
โรสรินรีบพูดตัดบท แล้วเดินออกไปทันที พีระมองตามด้วยความไม่เข้าใจ

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง กิตติทัตนั่งมองตุ๊กตาหมีที่พีระเอามาให้ สีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก นึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของพีระ
“ขนาดหมอทัตโดนฉันสับขาหลอกว่าอุษาชอบหมอ หมอจะได้เลิกยุ่งกับโรซี่ หมอก็ยังไม่รู้ว่าเป็นแผนของฉัน”
กิตติทัตถอนใจ สีหน้าลังเล ยังไม่ปักใจเชื่อ ไม่นานอุษาวดีเดินมา
“หมอคะ”
กิตติทัตหันไปเห็นอุษาวดีก็ยิ้มทักทาย เธอนั่งลงตรงข้าม
“ขอบคุณนะครับที่ออกมาพบผม ทานอะไรก่อนมั๊ย”
“ไม่ล่ะค่ะ เพิ่งทานมา คุณหมอมาทำอะไรที่กรุงเทพคะ”
“มาทำธุระนิดหน่อย”
กิตติทัตมองอุษาวดี ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี แต่อุษาวดีดันเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมีซะก่อน
“ตุ๊กตาน่ารักจังค่ะ ของคุณหมอเหรอคะ”
กิตติทัตอึ้งมาก ใจแป้วทันที เพราะมันชัดเลยว่าอุษาวดีไม่รู้เรื่องนี้ ทำให้พูดไม่ค่อยจะออก
“ก็ เรื่องนี้แหละครับ ที่ผมเรียกคุณอุษาออกมาพบ” เขาเอาตุ๊กตาหมียื่นไปตรงหน้าเธอ “ฝากตุ๊กตาคืนคุณพีระด้วย”
กิตติทัตเอาตุ๊กตาหมีไปวางตรงหน้าอุษาวดี อุษาวดีมองด้วยความงง

ที่ออฟฟิศพีระ พีระเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงาน เพราะกำลังกลุ้มใจเรื่องโรสริน ทันใดนั้นอุษาวดีเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถือตุ๊กตาหมีในมือ พีระเห็นอุษาวดีก็ดีใจมาก รีบเดินเข้าไปหา
“หายไปไหนมา พี่ร้อนใจจะแย่ รู้มั๊ยว่าตอนนี้โรซี่...”
พีระยังไม่ทันพูดต่อ อุษาวดียื่นตุ๊กตาหมีไปตรงหน้า ทำเอาพีระชะงัก เพราะจำได้
“หมอทัตฝากอุษามาคืนพี่ พี่พีให้ตุ๊กตาหมอทัตตั้งแต่เมื่อไหร่” พีระเหวอ
“เออ คือ พี่ พี่” พีระอึกอัก “พี่ให้ไปตั้งนานแล้ว”
“ไม่มีผู้ชายที่ไหน เค้าให้ตุ๊กตาหมีกันหรอกนะคะ หรือว่า พี่พีแอ๊บแมน” อุษาวดีตกใจ พีระเผลอทำท่าสาว
“ไม่ใช่” อุษาวดีผงะกับท่าทางของพีระ พีระตกใจ “เฮ้ย ไม่ใช่ พี่แมนทั้งแท่ง” พีระบอกเสียงดุดัน
“แล้วพี่ให้ตุ๊กตาหมีหมอทัตทำไม”
“ก็ไม่ทำไม”
“อย่ามาโกหกอุษา” พีระหลบตา “ถ้าพี่พีโกหก ขอให้โรสไม่รัก”
พีระตกใจหันขวับ
“ยัยอุษา”
“งั้นก็บอกความจริงมาสิคะ”

พีระมองอุษาวดีอย่างยอมจำนน

ที่โรงแรมควีนโรส โรสรินหลบมานั่งพักเหนื่อย มีขวดน้ำยื่นมาตรงหน้า เธอหันไป เป็นกิตติทัต ก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
 
“นายขาโก่ง มากรุงเทพได้ไงเนี่ย”
“ต้องมาช่วยแม่บ้านคนสวยทำงานน่ะสิ”
“บ้าเหรอ”
กิตติทัตนั่งลงข้างๆ
“ดีใจที่เห็นโรสยิ้มอีกครั้ง” โรสรินนิ่ง เอาขวดน้ำมาจากกิตติทัตแล้วก็ดื่ม กิตติทัตมองอย่ารู้ทัน “ที่อาสาคุณปู่มาทำงานเป็นแม่บ้าน เพราะอยากทำงานหนักเพื่อให้ลืมใช่มั๊ย”
โรสรินนิ่งไปเพราะกิตติทัตพูดถูก แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอาน้ำคืนไป ฉันจะไปทำงานต่อแล้ว”
โรสรินลุกเดินออกไป กิตติทัตมองตามเป็นห่วง พลันเสียงมือถือกิตติทัตดังขึ้น เขาหยิบมือถือออกมาเห็นชื่ออุษาวดีก็นิ่ง สีหน้าลังเล ว่าจะรับดีหรือไม่

อุษาวดีรอสายอย่างใจจดจ่อ ไม่นานกิตติทัตก็รับสาย อุษาวดีดีใจ
“หมอคะ ฉันรู้เรื่องจากพี่พีแล้ว” กิตติทัตอึ้ง “ฉันขอโทษแทนพี่ชายฉันด้วย ที่บอกหมอไปว่าฉันชอบหมอ”
“ไม่เป็นไรครับ”
อุษาวดีชะงัก
“หมอไม่โกรธเหรอคะ” อุษาวดีถามอย่างแปลกใจ
กิตติทัตไม่โกรธแต่เศร้ามากกว่า
“ครับ ไม่โกรธ แค่นี้ก่อนนะครับ ผมต้องทำธุระแล้ว”
กิตติทัตวางสาย หน้าอย่างเศร้า อุษาวดีวางสายไปแบบไม่สบายใจ รู้สึกผิดที่พีระหลอกกิตติทัต

เย็นวันเดียวกันนั้นที่บ้านตะวัน ชาญ น้ำค้าง มองหน้าแย้แปลกใจ
“ลูกพี่หายไปไหนก็ไม่รู้ แย้ตามหาทั่วไร่ก็ไม่เจอ” ชาญกับน้ำค้างมองหน้ากันเป็นห่วงตะวัน แล้วแย้ก็นึกอะไรออก “หรือว่าลูกพี่จะเสียใจเรื่องคุณโรสมากก็เลย คิดสั้น”
ชาญตบหัวแย้ผัวะ
“ไอ้ปากอัปมงคล ไอ้ตะวันไม่ใช่คนสิ้นคิดแบบนั้น”
พูดไม่ทันขาดคำ ตะวันก็กลับมา ทุกคนดีใจ
“พี่ตะวัน หายไปไหนมา” น้ำค้างรีบถาม
ตะวันมองทุกคนหน้าเครียด

อีกด้านหนึ่งที่ห้องเช่ามาลัย มาลัยกำลังร้องไห้ฟูมฟาย จนตาบวม มาสคาร่าเลอะเปรอะหน้า หัวหูกระเซอะกระเซิง
“พี่ตะวันไม่ยอมแต่งงานกับฉันอ่ะแม่”
มาลีเอือมสุดๆ
“ระดับนี้ ไม่ต้องต่ง ไม่ต้องแต่งแล้ว”
“แล้วแม่จะให้มาลัยทำยังงาย” มาลัยปล่อยโฮ
มาลีลุกพรวดไปเปิดประตูบ้าน เห็นกระเป๋าใบโตหลายใบวางอยู่แล้ว
“ถ้าผู้ชายไม่พาหนี เราก็หนีไปหาผู้ชายมันเองเลยสิวะ”
“แม่ ฉลาดมาก” มาลัยตาวาว มาลียิ้มกว้าง

ที่บ้านตะวัน ชาญ น้ำค้าง แย้มองตะวันสีหน้าตกใจและหนักใจ
“ไอ้เดชามันหนีไปได้แบบนี้ เอ็งไม่ปลอดภัยเลยนะตะวัน” ชาญบอก
“เดชาคงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรหรอกครับ เพราะตำรวจออกหมายจับแล้ว ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง”
ชาญ น้ำค้าง แย้มองหน้ากัน อย่างอดเป็นห่วงตะวันไม่ได้ ทันใดนั้นอึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“ทุกคน เกิดเรื่องแล้ว” อึ่งหน้าแย่มาก ทุกคนหันไปมองอึ่งสงสัย “พี่มาลัยกับป้ามาลีขนของมาเพียบ บอกว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่”
ทุกคนตกใจ
“หน้าด้าน แบบนี้ต้องเจอไอ้แย้”
“หยุด” ชาญบอก ทุกคนหันไปมอง “ตอนนี้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถ้าทำอะไรวู่วาม เราจะซวย” ทุกคนนิ่ง ชาญนึกอะไรออก “นังอึ่ง พาพวกเค้าไปที่บ้านพักรับรองแขก”
“ห๊ะ”
“ทำตามที่ข้าบอก”
อึ่งเกาหัวงง แล้วก็เดินออกไป ทุกคนมองชาญไม่เข้าใจ
“ปู่ให้สองคนนั้นเข้ามาอยู่ทำไมคะ” น้ำค้างถาม ชาญหันมา
“อย่างที่ไอ้แย้พูด คนหน้าด้านแบบนี้ ไล่ยังไงก็ไม่ไป”
“แสดงว่าปู่มีแผน”
ชาญยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ทุกคนมองอย่างสงสัย

ชาญกับแย้ เดินเข้ามาหามาลัยกับมาลีที่บ้านพักรับรอง
“ไอ้ตะวันฝากมาบอกว่าวันนี้จะกลับดึก ฉันก็เลยให้ไอ้แย้มาดูแลเธอสองคนแม่ลูก”
“ไอ้แย้เนี่ยนะจ๊ะจะมาดูแลฉันกับแม่ มันจะแกล้งฉันมากกว่า”
“มันไม่กล้าหรอก ไอ้แย้” ชาญทำเสียงดุใส่แย้ มาลัยกับมาลีหันไปมองแย้ แย้ทำเป็นสำนึกผิด
“ฉัน ฉันขอโทษนะจ๊ะ”
มาลัยกับมาลีอึ้ง
“เสียงดังๆ สิวะ ทีตอนรังแกเค้า ทำกร่าง ทีงี้ล่ะมาครางหงิงๆ เป็นลูกแมว”
แย้ทำจ๋อย มาลีกับมาลัยแอบสะใจ
“ฉันขอโทษจ๊ะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำตัวเลวๆ กับมาลัยแล้วก็น้ามาลีอีกแล้ว” แย้บอกเสียงดังขึ้น
“เอ็งต้องเรียกมาลัยกับมาลีว่า “คุณ” ห้ามเรียกชื่อเฉยๆ มาลัยเป็นเมียไอ้ตะวัน มาลีเป็นแม่เมียไอ้ตะวัน เท่ากับเป็นเจ้านายของเอ็งด้วย หัดรู้ที่ต่ำที่สูงซะบ้าง”
“ครับคุณมาลี คุณมาลัย”
มาลีปรบมือให้ชาญ
“ปู่ชาญนี่น่านับถือ สมเป็นผู้ใหญ่เจงๆ”

มาลีกับมาลัยยิ้มอย่างสุขหัวใจ

ชาญหัวเราะชอบใจตรงหน้าตะวันและน้ำค้าง
 
“นังสองแม่ลูกนั่นเชื่อสนิทว่าไอ้แย้มันสำนึกผิดจริงๆ”
“ฝีมือการแสดงของปู่กับแย้ สุดยอดเลยจ๊ะ” น้ำค้างยกนิ้วให้ ชาญตบบ่าตะวัน
“ปู่มั่นใจว่าแผนของปู่ต้องได้ผล”
ตะวันพยักหน้า แต่แววตายังมีความกังวล

คืนนั้นที่บ้านพักรับรอง อาหารเต็มโต๊ะ แย้วางโหลยาดองลงบนโต๊ะ มาลัยกับมาลีมองตาโต
“ยาดองอย่างดี แย้เอามาให้คุณมาลีกับคุณมาลัย เป็นการขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แย้ทำไม่ดีกับพวกคุณครับ” แย้กุลีกุจอเอาแก้วมาสองใบ แล้วเทยาดองลงไป มาลัยกับมาลียิ้มพอใจ ทั้งสามคนยกแก้วยาดองขึ้นมา
“คืนนี้ไม่เมา ไม่เลิก”
แย้ มาลัย มาลีชนแก้วกัน

แก้วถูกกระแทกวางบนโต๊ะตรงหน้าขวดยาดองที่ลดลงไปเกือบหมด มาลัยกับมาลีหน้าแดงด้วยความเมา แย้แอบเอายาดองสาดไปทางด้านหลัง แต่แกล้งทำหน้าเมา ทำเสียงอ้อแอ้
“แย้โคตรจะเข้าใจคุณมาลัยเลยครับว่าการแอบรักมันชอกช้ำระกำทรวงมากแค่ไหน แย้เองก็เคยแอบรักเค้าข้างเดียวเหมือนกัน”
มาลัยคล้องคอแย้
“นี่เป็นครั้งแรกที่แกพูดถูก เอิ๊ก” มาลัยเรอใส่หน้าแย้ แย้หันไปทำหน้าเหม็นก่อนจะหันมา “มันโคตรเจ็บ มันโคตรปวด รวดร้าวระบมไปทั้งตัว”
มาลัยจะเรออีก แย้รีบดันหน้ามาลัยให้หันไปทางอื่น
“ลูกสาวข้า มันไม่สวยตรงไหนวะไอ้แย้ แกพูดมาเลย พูดมาตรงๆ” มาลีถาม
“ไม่มี๊ ไม่มีเลยครับ คุณมาลัยสวยทุกตรง ตาคมเหมือนหงษ์ จมูกโด่งเหมือนรูปปั้น ปากบางเซ็กซี่ ทรวดทรงองค์เอวน่าเซี๊ยะ แม้กระทั่งขนจมูกยังดูน่าร็อคอ่ะ”
“ฮ่าๆ พูดถูกใจข้า แต่ทำไม๊ทำไมเจ้านายเอ็ง ถึงไม่รักนังมาลัยวะ”
“ถ้าลูกพี่ไม่รัก ลูกพี่ไม่เอาคุณมาลัยเป็นเมียหรอกคร๊าบ”
มาลัยโพล่งออกมาเพราะเมา
“ใครว่าฉันเป็นเมียพี่ตะวัน”

แย้ชะงักที่มาลัยกำลังจะหลุดปาก หันไปมองอึ่งที่แอบอยู่ พร้อมส่งซิก อึ่งพยักหน้าเอามือถือตะวันออกมา กดถ่ายคลิปมาลัยกับมาลี
“คุณมาลัยพูดอะไรนะครับ ขออีกครั้ง”
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้เป็นเมียพี่ตะวัน”
“อ้าว”
“ข้าจะบอกความลับให้ ข้ากับนังมาลัยโปะยาสลบเจ้านายเอ็ง แล้วก็จัดฉากว่าเจ้านายเอ็งกับลูกสาวข้ามีอะไรอะไรกัน เฮอะๆ”
แย้หันไปมองอึ่ง หน้าเหวอกันทั้งคู่ แย้หันมาทางมาลัย
“แสดงว่าคุณมาลัยกับลูกพี่ตะวัน ไม่มีอะไรกันเลย”
“ไม่มี”
แย้ย้ำอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรจริงๆ เหรอครับ”
“จะมีอะไรกันยังไง พี่ตะวันสลบแน่นิ่ง ขนาดหมาเห่าหมาหอนยังไม่ตื่น แล้วจะทำอะไรฉันได้ไงห๊ะ”
แย้ยิ้มที่แผนสำเร็จ
“อุ๊ย กับแกล้มหมดแล้ว นังอึ่ง”
อึ่งเก็บมือถือแล้วรีบออกมา
“จ๋า”
“ไปทำกับแกล้มมาเพิ่มเว๊ย เร็ว”
“จ๊ะจ๊ะ”
อึ่งกับแย้ยิ้มให้กัน แล้วอึ่งก็รีบเดินออกไป แย้หันไปมองมาลัยกับมาลียิ้มสะใจมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น มาลัยกับมาลีฟุบหลับคาโต๊ะอาหาร ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ทำเอามาลัยกับมาลีสะดุ้งตื่น หันไปเห็นตะวัน ชาญ น้ำค้าง แย้ซึ่งถือนาฬิกาปลุกในมือ อึ่ง ยืนอยู่ มาลัยกับมาลีมองทุกคนแปลกใจ
“ทำไมอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้” มาลัยเดินไปเกาะแขนตะวัน “อรุณสวัสดิ์จ๊ะพี่ตะวัน”
ตะวันหันมาจับไหล่มาลัย
“มาลัยไปยืนข้างๆ น้ามาลีก่อนนะ”
มาลัยนิ่วหน้าสงสัย ตะวันพามาลัยไปยืนข้างมาลี เอามือถือออกมากดเปิดคลิป ก่อนจะหันหน้าจอมาทางสองแม่ลูก
“คุณมาลัยพูดอะไรนะครับ ขออีกครั้ง”
“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้เป็นเมียพี่ตะวัน”
“อ้าว”
“ข้าจะบอกความลับให้ ข้ากับนังมาลัยโปะยาสลบเจ้านายเอ็ง แล้วก็จัดฉากว่าเจ้านายเอ็งกับลูกสาวข้ามีอะไรอะไรกัน เฮอะๆ”
แย้หันไปมองอึ่ง หน้าเหวอกันทั้งคู่ แย้หันมาทางมาลัย ถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรจริงๆ เหรอครับ”
“จะมีอะไรกันยังไง พี่ตะวันสลบแน่นิ่ง ขนาดหมาเห่าหมาหอนยังไม่ตื่น แล้วจะทำอะไรฉันได้ยังไงห๊ะ”

มาลัยกับมาลีตกใจมาก จนหน้าซีด ตะวันกดปิดคลิป มาลัยหน้าแย่มาก แต่มาลีโกรธสุดๆ
“ไอ้แย้ ไอ้สารเลว ไอ้ชั่ว แกมอมเหล้าพวกฉัน” มาลีหันไปชี้กราด “พวกแกทุกคนรวมหัวกันแกล้งฉันกับลูก”
“ก็น้ากับมาลัยอยากมาหลอกพี่ตะวันก่อนทำไม” น้ำค้างบอก
“ฉันกับมาลัยไม่ได้หลอก”
“แล้วไอ้หมาตัวไหน มันสารภาพออกมาจนหมดวะ”
มาลีกับมาลัยอึ้ง มาลัยปล่อยโฮออกมาดังลั่น
“โถๆ ลูกแม่ แม่จะทวงความยุติธรรมคืนให้กับลูกเอง แม่จะให้สังคมตัดสินเรื่องนี้”
ทุกคนมองมาลีอย่างไม่เข้าใจ

“น้ามาลีจะทำอะไร”

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)

มาลีหันไปจ้องตะวันอย่างไม่เกรงกลัว

“แจ้งความจับเอ็งข้อหาข่มขืนลูกสาวข้า”
ทุกคนตกใจมาก มาลัยแกล้งปล่อยโฮดังลั่น
“งั้นก็ไปแจ้งความเลย” ชาญบอก มาลัยกับมาลีชะงัก “ข้าก็จะได้แจ้งความกลับว่าเอ็งสองแม่ลูก บุกรุกบ้านข้า” มาลีผงะ
“บุกรุกที่ไหน แกเป็นคนเชิญฉันเข้ามาเอง”
“ไอ้แย้ เอ็งเห็นข้าเชื้อเชิญมันสองคนเข้ามาเหรอวะ”
“ไม่เห็นเลยจ๊ะปู่”
มาลีกับมาลัยอึ้งสุดๆ ที่โดนชาญตอกกลับ
“ข้าวของของเอ็งอยู่ในบ้านข้า หลักฐานมีให้เห็น ส่วนเอ็ง ไม่มีหลักฐาน มีแต่คำพูด แล้วเอ็งคิดว่าตำรวจจะเชื่อข้าหรือเอ็งมากกว่ากัน ข้าทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ไอ้ตะวันพ้นมลทิน ถ้าเอ็งสองคนฉลาดก็ควรจะล้มเลิกความตั้งใจ และออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ”
ชาญแอบเหี้ยม มาลีกับมาลัยหน้าเสียอย่างแรง ไม่กล้า มาลัยหันไปมองตะวันที่ไม่มีเยื่อใยใดใดให้เลย

มาลัยกับมาลีเดินถือกระเป๋าออกมาจากไร่ตะวัน หันไปมองแย้กับอึ่งที่โบกมือลา ทำหน้ากวน
“ไปแล้วไปลับ ไม่ต้องกลับมาอีกนะจ๊ะ เฮอะๆ”
มาลีกำมือแน่น
“ไอ้แย้”
แย้รีบปิดประตู มาลีหันไปมองมาลัยที่หน้าตาโกรธแค้นมาก
“คิดเหรอว่าแค่นี้จะกำจัดมาลัยได้ ซักวันฉันจะกลับมาเอาคืน”
มาลัยกำมือแน่นด้วยความโมโหโกรธแค้นสุดๆ

ชาญ ตะวัน น้ำค้างอยู่ด้วยกันภายในบ้าน
“ส่งคลิปไปให้หนูโรสดู หนูโรสจะได้รู้ว่าเอ็งเป็นผู้บริสุทธิ์” ชาญบอก
ตะวันพยักหน้า จัดการส่งคลิป ที่หน้าจอมือถือเห็นว่าไฟล์กำลังโหลดเพื่อที่จะส่ง

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่โรงแรมควีนโรส โรสรินกำลังเช็ดโต๊ะอยู่ที่ล็อบบี้ ด้านหลังเห็นพีระเดินถือแก้วกาแฟเข้ามาสองแก้ว พีระเห็นโรสรินก็ยิ้มและเดินมาหา
“โรซี่จ๋า พีซื้อคาปูเย็นมาให้จ๊ะ” โรสรินลุกขึ้น หันไปก็ชนกับพีระเต็มๆ ทำให้กาแฟหกใส่โรสรินตรงแถวกระเป๋ากระโปรง โรสรินกับพีระตกใจ พีระรีบวางแก้วที่โต๊ะ “พีขอโทษ”
“ไม่เป็นไร”
โรสรินรีบหยิบมือถือที่ใส่ในกระเป๋ากระโปรงออกมาเอาเช็กว่าเปียกรึเปล่า
“มือถือเปียกมั๊ย”
“ไม่” โรสรินยื่นมือถือให้พีระ “ฝากหน่อย โรสขอไปล้างกระโปรงก่อน”
พีระพยักหน้า คล้อยหลังโรสรินไม่นาน เสียงข้อความดังขึ้น พีระก้มมองเห็นข้อความจาก “ตะวัน” ก็ลังเลนิดหนึ่ง หันไปมองเห็นโรสรินเดินหายไปแล้วก็ตัดสินใจกดเปิด ภาพมาลัยกับมาลีปรากฏขึ้นมา พีระแปลกใจ

ที่บ้านตะวัน ตะวันหันไปมองน้ำค้างกับชาญ
“ถ้าพี่โรสเห็นคลิปนี้ พี่โรสต้องยกโทษให้พี่ตะวันแน่ๆ ค่ะ” น้ำค้างบอก
“เตรียมรอรับโทรศัพท์หนูโรสได้เลย”
ตะวันยิ้ม ก้มมองมือถือ สีหน้ามีความหวัง

พีระเงยหน้าขึ้นมาจากมือถือของโรสริน
“ที่แท้ก็เป็นเพราะแบบนี้นี่เอง ถึงทำให้โรซี่หนีกลับกรุงเทพ” พีระก้มมองมือถือโรสรินอีกครั้ง “ฝันไปเถอะไอ้ตะวันว่าโรซี่จะได้เห็นคลิปนี้”
พีระกดลบข้อความทิ้งทันที แล้วก็ยิ้มมุมปาก

เวลาผ่านไป ตะวัน น้ำค้าง ชาญ มองมือถือสีหน้าประหลาดใจ
“ทำไมหนูโรสยังไม่โทรกลับมาหาเอ็งอีก”
ตะวันชักใจเสีย น้ำค้างหันไปมองตะวัน
“บางทีพี่โรสอาจจะยังไม่ได้เปิดดู เนอะปู่เนอะ” น้ำค้างขยิบตากับชาญ
“เออใช่ใช่ ปู่ว่าต้องยังไม่ได้เปิดดูแน่ๆ”
“ผมว่าโรสรินไม่สนใจมากกว่า”
ชาญกับน้ำค้างมองหน้ากันอย่างสงสารตะวัน
“ส่งไปอีกครั้ง”
“เพื่ออะไรครับปู่ เห็นอยู่แล้วว่าเค้าไม่มีวันยกโทษให้ผม”
ชาญแย่งมือถือมาจากมือตะวัน
“เอ็งไม่ส่ง งั้นปู่ส่งเอง”
ตะวันผงะ
“อย่าเลยครับปู่ เอาคืนมาให้ผมเถอะ”
“หุบปาก”
ตะวันชะงัก ได้แต่ถอนหายใจ ชาญมองที่หน้าจอ แล้วก็งงเพราะทำไม่เป็น
“มันทำยังไงวะ”

ชาญกดมั่วๆ ปุ่มคำว่า “DELETE ” ขึ้นมา น้ำค้างเห็นรีบบอก
“อย่าก...(ด)”
แต่ไม่ทัน ชาญกดลบไปแล้ว น้ำค้างเหวอ ชาญหันไปมองน้ำค้าง
“ส่งแล้วใช่มั๊ย”
“ส่งไรล่ะปู่ ปู่กดปุ่มลบ”
ตะวันกับชาญเหวอ
“ห๊ะ”
“หลักฐานชิ้นเดียวของเรา ไม่มีแล้ว”
ชาญหน้าแย่สุดๆ หันไปมองตะวันอย่างรู้สึกผิด
“ตะวัน ปู่ ปู่ขอโทษ”
ตะวันจ๋อยหนัก
“พี่ตะวันอย่าเพิ่งท้อนะ น้ำค้างว่าพี่ตะวันไปหาพี่โรสเถอะ ผ่านมาสองสามวัน พี่โรสน่าจะใจเย็นลงแล้ว”
ชาญรีบเห็นด้วย
“ใช่ใช่ น้ำค้างพูดถูก”
“โรสรินบอกว่าเกลียดพี่ เค้าไม่มีทางอภัยให้พี่”
ชาญฉุน ตะคอกเสียงดัง
“แค่เค้าบอกว่าเกลียด ก็ท้อซะแล้วเหรอวะ” ตะวันกับน้ำค้างตกใจ “คนเราเกลียดกันได้ ก็เลิกเกลียดได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่เอ็ง” ชาญเอานิ้วจิ้มหน้าอกตะวัน “ว่า จะทำให้หนูโรสเลิกเกลียดเอ็งได้มั๊ย”
“ในเมื่อเค้าไม่เชื่อใจผม ต่อให้ทำยังไง เค้าก็ไม่เชื่อ”
“เอ็งยังไม่ทันได้ลอง แล้วจะรู้ได้ยังไง ข้าล่ะเบื่อไอ้พวกชอบคิดไปเอง” ตะวันนิ่ง ชาญถอนใจ “ถามใจตัวเองให้ดี ว่าชีวิตเอ็งขาดหนูโรสได้รึเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ได้ เอ็งก็ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้หนูโรสมอบหัวใจให้กับเอ็ง”

ชาญพูดจบก็เดินออกไป น้ำค้างมองตะวันด้วยความเห็นใจ ตะวันคิดหนัก

คืนเดียวกันนั้นที่บ้านพีระ พีระกับอุษาวดีกำลังกินข้าวด้วยกัน อุษาวดีมองหน้าพี่ชายอย่างประหลาดใจ
 
“โรสเข้าใจว่าตะวันกับมาลัยนอนด้วยกันเหรอคะ”
“ใช่ พี่เห็นคลิปที่ตะวันส่งมา เป็นคลิปสารภาพบาปของสองแม่ลูกนั่น โชคดีที่พี่เห็นก่อน พี่ก็เลยลบทิ้ง” พีระยิ้มอย่างภูมิใจ
“แสดงว่าโรสยังไม่เห็น”
“ไม่เห็น และไม่มีวันได้เห็น นั่นเท่ากับว่าโรซี่จะเข้าใจตะวันผิดไปตลอดชีวิต เฮอะๆ ฉลาดจริงๆ เลยเรา”
พีระหัวเราะอย่างมีความสุข อุษาวดีแอบดีใจลึกๆ

อีกด้านหนึ่งที่บ้านตะวัน ตะวันคิดหนักในสิ่งที่ชาญพูด นึกย้อนกลับไป
“คนเราเกลียดกันได้ ก็เลิกเกลียดกันได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่เอ็ง” ชาญเอานิ้วจิ้มหน้าอกตะวัน “ว่าจะทำให้หนูโรสเลิกเกลียดเอ็งได้มั๊ย”
“ในเมื่อเค้าไม่เชื่อใจผม ต่อให้ทำยังไง เค้าก็ไม่เชื่อ”
“เอ็งยังไม่ทันได้ลอง แล้วจะรู้ได้ยังไง ข้าล่ะเบื่อไอ้พวกชอบคิดไปเอง” ตะวันนิ่ง ชาญถอนใจ “ถามใจตัวเองให้ดี ว่าชีวิตเอ็งขาดหนูโรสได้รึเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ได้ เอ็งก็ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้หนูโรสมอบหัวใจให้กับเอ็ง”
ตะวันลุกขึ้นมานั่ง แววตาเปลี่ยนไปเป็นมุ่งมั่น เอาจริง เพราะตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปหาโรสริน

เช้าวันถัดมา ชาญมองตะวันด้วยความดีใจมาก ดึงตะวันเข้ามากอดแน่น น้ำค้าง แย้ อึ่ง อาทิตย์ยืนอยู่ด้วย
“มันต้องแบบนี้สิวะ ถึงสมกับเป็นหลานปู่ เหอะๆ”
ชาญผละออกมา ตะวันยิ้ม แย้นึกอะไรขึ้นมาได้
“ถ้างั้นแย้จะไปกรุงเทพกับลูกพี่ ให้แย้ไปด้วยนะค๊าบ”
ชาญเขกหัวผั๊วะ แย้สะดุ้งจ๋อย ทุกคนหัวเราะ
“เอ็งจะไปกรุงเทพทำไม”
“แย้อยากเจอยุนอา สุดที่รักของแย้”
“ถุย!” เต็มหน้าแย้ อึ่งเข้ามาเอาใจ
“ปู่จ๋า ปู่ให้อึ่งไปกับพี่ตะวันนะ อึ่งจะได้ไปดูแลพี่ตะวัน”
“ไม่ต้องมีใครไปกับไอ้ตะวันทั้งนั้น”
แย้กับอึ่งเซ็ง
“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ฝากดูแลไร่ด้วย ฉันมอบหน้าที่นี้ให้แกแล้วนะแย้”
“ไม่รับได้ป่าวอ่ะ”
“ไอ้-แย้”

ตะวันทำเสียงเข้ม แย้พลิกลิ้นทันที
“เต็มใจสุดๆ จ้า”
“ฝากดูแลปู่ด้วยนะ” ตะวันหันมาบอกน้ำค้างกับอึ่ง
“พี่ตะวันไม่ต้องห่วงทางนี้เลยจ๊ะ รีบพาพี่โรสกลับมาให้ได้ก็พอ”
“สู้ๆ นะครับพี่ตะวัน” อาทิตย์บอก
ตะวันยิ้ม จับหัวอาทิตย์ แล้วก็หันไหว้ชาญ ก่อนจะหิ้วกระเป๋าเดินออกไป แย้เศร้ามาก
“ยุนอาจ๋า พี่แย้จะหาโอกาสไปหายุนอาให้ได้นะจ๊ะ” ระหว่างที่แย้เพ้อ ชาญ น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่งส่ายหัว แล้วก็เดินออกไป “พี่แย้สัญญา รอพี่หน่อยนะจ๊ะยุนอาจ๋า” แย้หันไปไม่เห็นใครแล้วก็เหวอ “อ้าวเฮ้ย หายไปไหนกันหมด”

ที่โรงแรมควีนโรส โรสรินยืนถือผ้าขนหนูกับขวดน้ำเปล่าอยู่หน้าห้องพัก ข้างหลังมีรถใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดพลางเคาะประตู ไม่นานประตูเปิดออก โรสรินยังไม่ทันมอง
“ผ้าขนหนูกับน้ำเปล่าที่คุณขอไปค่ะ”
ประตูเปิดออกเต็มที่ โรสรินผงะ เพราะลูกค้าในห้องก็คือตะวัน
“นาย นายมาทำไม”
“พูดกับลูกค้าแบบนี้ได้ยังไงครับ” โรสรินชะงัก
“ลูกค้า”
“ผมมาใช้บริการของทางโรงแรม ก็ต้องเป็นลูกค้าสิครับ มันน่างงตรงไหน”
“มันน่างงตรงที่คนอย่างนายเนี่ยเหรอจะยอมออกจากไร่ตะวัน ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน หัวเด็ดตีนขาดยังไง นายก็ไม่มีวันออกมา” ตะวันยิ้มๆ
“ไร่ตะวันไม่ต้องมีผม ก็อยู่ได้ แต่ถ้าผมไม่มีคนบางคน” ตะวันมองโรสรินแววตามีความหมาย “ผมคงอยู่ไม่ได้”
โรสรินอึ้ง รู้ว่าตะวันพูดถึงเธอ เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอาผ้าขนหนูกับน้ำไปได้แล้ว ฉันต้องไปทำงานต่อ”
โรสรินยัดผ้าขนหนูกับน้ำเปล่าใส่มือตะวัน ก่อนจะเดินออกไป ตะวันมองตามแววตาไม่ย่อท้อ
“ผมมาถึงนี่แล้ว ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกโรสริน”

ภายในห้องแม่บ้าน โรสรินกำลังเอากองผ้าคลุมเตียงกับปอกหมอนใส่ตะกร้าเตรียมจะไปซัก แต่คุณศรีเดินเข้ามา โรสรินหันไปมอง
“ห้อง 1402 เรียกคุณโรสให้ไปพบตอนนี้ค่ะ”
โรสรินชะงัก พึมพำกับตัวเอง
“ห้องนายตะวัน” หันไปทางคุณศรี “ให้คนอื่นไปแทนได้มั๊ยคะ”
“ไม่ได้ค่ะ เค้าระบุชื่อคุณโรสคนเดียวเท่านั้น”
โรสรินถอนใจอย่างหงุดหงิด

เสียงเคาะประตูห้องพักตะวันดังขึ้น ตะวันเดินยิ้มไปเปิดประตู โรสรินยืนหน้าหงิก
“คิดจะแกล้งกันเหรอ”
“ผมไมได้แกล้ง ผมรู้จักแต่คุณ ผมไม่ไว้ใจคนอื่น”
“จะให้ฉันทำอะไร”
ตะวันมองโรสรินแล้วก็ยิ้ม

ตะวันกับโรสรินยืนตรงหน้ากระจกในห้องน้ำ
“กระจกมันเลอะ ช่วยหน่อยนะครับ”
ตะวันพูดจบก็เดินออกไป โรสรินหันไปเห็นกระจกเปื้อนนิดเดียว

“แคนี้เนี่ยนะ เฮ้อ”

โรสรินเดินกลับเข้ามาในห้องแม่บ้าน คุณศรีเพิ่งวางสายในห้อง หันไปทางโรสริน
 
“ห้อง1402 ให้คุณโรสเอาน้ำแข็งไปให้ค่ะ”
โรสรินเหวอมาก

ตะวันเปิดประตู ยิ้มให้โรสรินที่หน้าตาบอกบุญไม่รับ ถือถังใส่น้ำแข็ง ตะวันรับถังน้ำแข็งมา
“ขอบคุณครับ”
โรสรินพยายามอดกลั้น
“มีอะไรจะให้ฉันทำอีกมั๊ย”
“ตอนนี้ยังไม่มี”
โรสรินเดินกลับไป

หลังจากโรสรินไปแล้ว ตะวันก็คุยโทรศัพท์กับณรงค์
“ดูท่าว่าแผนกดดันโรสรินของผม จะได้ผลนะครับคุณปู่ณรงค์ อีกไม่นานโรสรินต้องขอเปลี่ยนตำแหน่งกับคุณปู่แน่ครับ”
ตะวันยิ้มอย่างมั่นใจ

โรสรินกลับเข้ามาในห้องแม่บ้าน คุณศรีเดินมาหา
“ห้อง 1402 เรียกคุณให้ไปพบอีกแล้วค่ะ”
โรสรินเหวอ เริ่มโมโห
“ห๊ะ”

ตะวันยิ้มให้โรสรินที่ยืนหน้าประตู
“ถามจริง ทำแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่ ฉันไม่ได้ทำงานอย่างอื่นเลย”
“ไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ” ตะวันยกมือขึ้นมา “เชื่อสิ”
โรสรินมองหน้าตะวัน ไม่ค่อยเชื่อ

ตะวันกับโรสรินยืนตรงหน้าเตียง
“ผ้าปูเตียงมันหลุดออกมา” โรสรินมองไปเห็นชายผ้าปูหลุดออกมา ก็เข้าไปจัดการปูเตียงจนเสร็จ “ผ้ายังไม่ตึง ขอตึงกว่านี้ได้มั๊ย”
ตะวันมองโรสริน เธอถอนใจ แต่จำต้องทำ ตะวันมองโรสรินอมยิ้ม เธอปูเตียงอีกครั้งแล้วหันไปทางตะวัน เขาส่ายหัว เธอปูเตียงอีก ตะวันส่ายหัว โรสรินจำต้องอดทนอดกลั้น ทำอีกครั้ง ก่อนจะหันไปทางตะวัน เขาพยักหน้า โรสรินถอนหายใจ เหนื่อยโคตรๆ

โรสรินเดินออกมาจากห้องพักตะวัน สีหน้าเริ่มจะทนไม่ไหว
“ถ้าฉันยังทำตำแหน่งแม่บ้าน นายตะวันได้เรียกใช้ตลอดเวลาแน่ จะทำยังไงดี”
โรสรินครุ่นคิดอย่างหนัก

โรสรินเปิดประตูห้องทำงานณรงค์พรวดเข้ามา
“โรสมาก็ดีแล้ว ปู่มีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ให้โรสพูดเรื่องของโรสก่อนค่ะ” ณรงค์ชะงัก “โรสอยากขอเปลี่ยนงานค่ะ โรสไม่อยากเป็นแม่บ้าน คุณปู่จะอนุญาตมั๊ยคะ”
ณรงค์ดีใจที่เป็นไปตามแผน แต่ต้องไม่แสดงออก
“อนุญาตสิ ก็นี่แหละเรื่องที่ปู่จะพูดกับโรส ปู่มีตำแหน่งใหม่ให้โรสทำแล้ว”
โรสรินดีใจมาก
“ขอบคุณค่ะปู่”
“ไม่อยากรู้เหรอว่าตำแหน่งอะไร”
“ตำแหน่งอะไร โรสก็ทำได้ทั้งนั้นค่ะ”
โรสรินยิ้มดีใจแล้วก็เดินออกไป ณรงค์มีสีหน้าไม่สบายใจ
“แล้วถ้าหนูรู้ว่าต้องทำงานกับตะวัน หนูยังจะทำได้อยู่มั๊ย”

โรสรินแต่งตัวตามปกติเดินมาตามทาง สีหน้าสบายใจมาก ระหว่างนั้นเสียงมือถือดังขึ้น โรสรินหยิบออกมากดรับสาย
“ว่าไงยุนอา คุณปู่ต้องการพบฉันตอนนี้” โรสรินวางสาย “สงสัยจะบอกเรื่องตำแหน่งใหม่”
โรสรินเดินต่อไป โดยไม่รู้สึกสงสัยอะไร

โรสรินเข้ามาในห้องทำงานณรงค์ หน้าตายิ้มแย้ม แล้วก็ชะงักหุบยิ้มแทบไม่ทันที่เห็นตะวันใส่ชุดสูททำงาน ยืนอยู่กับณรงค์ โรสรินแอบตะลึงอึ้งในความหล่อของตะวันในลุคนี้
“มาหาปู่ฉันทำไม” โรสรินถามอย่างแปลกใจ
“นั่งก่อนสิโรส”
โรสรินยังไม่ยอมนั่ง
“ปู่ให้เค้าออกไปก่อนดีกว่านะคะ เราจะได้คุยกันสะดวกๆ”
“ตะวันออกไปไม่ได้” โรสรินนิ่วหน้า “เพราะตะวันจะเข้ามาทำงานในตำแหน่ง Organizer manager ! ให้กับทางโรงแรมของเรา”
“นายตะวันจะมาทำงานที่นี่” ณรงค์พยักหน้า “นี่ ปู่กับนายตะวันคิดที่จะทำอะไร”
“ทำงานไง”
“ตำแหน่งบ้าอะไรกัน โรสไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“เรียกง่ายๆ ก็คือฝ่ายจัดการ ตะวันจะมาช่วยดูแลเกี่ยวกับการจัดการในโรงแรมของเรา เช่น การจัดดอกไม้ในงาน การออกแบบตกแต่งสถานที่ อะไรแบบเนี้ย” โรสรินหันไปมองตะวัน เริ่มรู้สึกแปลกๆ ตะวันยืนยิ้ม “และตำแหน่งที่ปู่บอกว่าจะให้โรสทำก็คือ ตำแหน่งผู้ช่วยตะวัน”
โรสรินตกใจ
“ทำไมปู่ไม่บอกโรสก่อนว่าตำแหน่งที่ปู่จะให้โรสทำคือตำแหน่งนี้”
“ปู่ถามหนูแล้ว หนูบอกว่าตำแหน่งอะไร หนูก็ทำได้ จำได้มั๊ย”
โรสรินทำหน้าไม่ถูก หันไปมองตะวันอย่างหัวเสีย แล้วก็หันมาทางณรงค์
“โรสขอคุยกับคุณปู่สองคนค่ะ”
ตะวันกับณรงค์มองหน้ากัน

โรสรินยืนคุยกับณรงค์ตามลำพัง หน้าเอาเรื่อง
“ปู่คิดว่าทำแบบนี้ แล้วโรสจะอภัยให้ตะวันง่ายๆ เหรอคะ”
“ปู่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยนะโรส ปู่เห็นตะวันเป็นคนมีความสามารถ ถึงขอยืมตัวมาช่วยงาน” โรสรินยังนิ่ง “ปู่สาบานก็ได้เอ้าว่าปู่พูดความจริง”
ณรงค์แอบทำมืออุ๊บอิ๊บข้างหลัง โรสรินมองหน้าณรงค์

โรสรินกับณรงค์เดินออกมาจากห้องทำงานด้วยกัน ตะวันรออยู่หน้าห้อง ยุนอาอยู่ข้างๆ
“ตกลงว่าไงครับ”
“ฉันไม่ทำ”
ตะวัน ณรงค์ ยุนอาตกใจ โรสรินเดินออกไปทันที
“ยัยโรส” ณรงค์หันไปทางตะวัน “ ฉันจนปัญญาแล้วล่ะตะวัน ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
“แต่ผมรู้ครับว่าต้องทำยังไงโรสรินถึงจะตกลง”
ตะวันยิ้มมั่นใจแล้วก็เดินออกไป ณรงค์ยิ้มกริ่ม
“รู้ใจหลานฉันจริงจริ๊ง”

ณรงค์กับยุนอาหันมายิ้มให้กัน

ตะวันเดินตามโรสรินออกมา
 
“โรสริน”
โรสรินหยุดเดินหันไป ตะวันเดินมาตรงหน้า
“ถ้าจะมาพูดเรื่องเดิม ฉันไม่ฟัง”
“ที่ปฏิเสธไม่ทำงานร่วมกับผม เพราะกลัวรึเปล่า”
โรสรินจี๊ดขึ้นมาเลย
“คนอย่างฉันเนี่ยนะกลัว เฮอะ ไม่มีทางซ่ะละ”
“ถ้าไม่กลัว ทำไมถึงไม่ทำ” โรสรินเงียบ ตะวันทำเป็นนึกได้พูดกวนๆ “อ๋อๆ รู้แล้วคุณกลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ให้ตกหลุมรักผมไม่ไหว ถ้าเราได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งใช่มั๊ย”
โรสรินหน้าถอดสี รีบปฏิเสธ
“แหวะ หลงตัวเอง ฉันไม่ได้นึกรักนายซักนิด”
โรสรินหันหลังจะเดินหนี ตะวันพูดขึ้นมา
“งั้นก็พิสูจน์ให้ผมเห็นสิ ว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม”
โรสรินหยุดเดิน หันมามองตะวันที่ยิ้มบางๆ ให้

ที่บ้านตะวัน น้ำค้างกำลังคุยโทรศัพท์กับตะวัน หันไปยิ้มดีใจกับชาญ แย้
“พี่โรสยอมทำงานกับพี่ตะวันแล้วเหรอคะ” ทุกคนตื่นเต้นดีใจ “แล้วพี่ตะวันบอกพี่โรสเรื่องมาลัยเหรอยัง”
“ยังไม่ได้บอก แต่พี่จะหาโอกาสบอกให้ได้”
น้ำค้างวางสาย
“แบบนี้ก็ฉลองจริงๆ ได้แล้วสิปู่” แย้บอกอย่างดีใจ
“เออ หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องร้ายๆ อะไรอีกแล้วนะ”
แย้ น้ำค้าง ชาญ ยิ้มอย่างมีความสุข

โรสรินเดินหงุดหงิดมาตามทาง อย่างโมโหตัวเอง
“ยัยโรส เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไปตกปากรับคำนายตะวันได้ยังไง”
โรสรินถอนหายใจเฮือกใหญ่ เสียงกิตติทัตดังขึ้น
“บ่นอะไรคนเดียวห๊ะ ยัยเหยิน”
โรสรินหันไปเห็นกิตติทัตก็ดีใจมาก

โรสรินเดินไปคุยไปกับกิตติทัต
“คุณตะวันมาทำงานที่นี่”
“อื้อ” กิตติทัตหัวเราะ โรสรินแปลกใจ “หัวเราะอะไร”
กิตติทัตหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ไม่นึกว่าคุณตะวันจะตื้อเก่งขนาดนี้ นี่แสดงว่าเค้ารักโรสจริงๆ”
“เค้าไม่ได้รักฉัน เค้ามาเพราะเรื่องงาน” โรสรินทำเสียงเข้มแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่หมู่นี้มากรุงเทพบ่อยจังนะ”
กิตติทัตพยักหน้า
“ทัตว่าจะย้ายกลับมาทำงานที่กรุงเทพแล้ว”
โรสรินดีใจมาก
“จริงดิ”
“อื้อ วันก่อนที่ทัตมาที่นี่ ทัตเจออาจารย์ เค้าชวนให้มาทำงานที่โรงพยาบาลเปิดใหม่ในกรุงเทพ”
“นี่เป็นข่าวดีที่สุดตั้งแต่โรสกลับมา”
โรสรินยื่นมือออกไป
“WELCOME นะจ๊ะ”
กิตติทัตยิ้ม แล้วก็จับมือโรสริน

ทันใดนั้นพีระเดินมาเห็นเข้าพอดี ก็ชะงักที่เห็นกิตติทัต พีระหึงขึ้นหน้า จ้ำเดินมาผ่ากลางระหว่างโรสรินกับกิตติทัตทันที ทั้งคู่หันไปมอง
“หมอมาทำไม”
“พี เสียมารยาท”
“ไม่เป็นไร” กิตติทัตหันไปทางพีระ “ผมมาหาโรส”
พีระมองกิตติทัตไม่ไว้ใจ ขยับเข้าไปใกล้กิตติทัต
“ผมขอคุยกับหมอเป็นการส่วนตัว”
กิตติทัตมองหน้าพีระ โรสรินมองสงสัย

พีระกับกิตติทัตแยกมาคุยกันตามลำพัง
“หมอคิดจะเอาคืนผมใช่มั๊ย”
“เอาคืนเรื่องอะไร”
“เรื่องที่ผมหลอกหมอเรื่องยัยอุษา” กิตติทัตนิ่ง “หมอก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับโรซี่ แล้วหมอมายุ่งกับโรซี่ของผมทำไม”
“ผมบริสุทธิ์ใจกับโรส ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าเพื่อน”
“ไอ้ที่พูดออกมา หมอแน่ใจ๊”
กิตติทัตชกเปรี้ยง ไปที่ปากพีระ พีระช็อก
“ถ้าไม่ให้เกียรติผมก็ควรให้เกียรติโรสรินบ้าง และที่สำคัญผมไม่ใช่คนชอบหลอกคนอื่นเหมือนกับคุณ คุณพีระ”
พีระฉุนกึก
“หมอด่าผมเหรอ”
“ผมพูดความจริง ถ้าคุณรักโรสคุณก็ควรพิสูจน์ให้โรสเห็น ไม่ใช่คอยกันคนนั้นคนนี้ไม่ให้เข้าใกล้โรส เพราะสุดท้ายถึงคุณจะไม่เหลือคู่แข่ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าโรสรินจะหันมารักคุณ”
พีระโกรธจี๊ด ชกเปรี้ยงเข้าที่หน้ากิตติทัตเต็มๆ เหมือนกัน โรสรินเข้ามาเห็นก็อึ้ง ตกใจ
“พีทำบ้าอะไร ชกทัตทำไม”
พีระตกใจไม่แพ้กัน ไม่ได้ตั้งใจ
“พี”

โรสรินมองพีระเอือม หันไปทางกิตติทัต
“เจ็บมากมั๊ยทัต”
“ไม่เป็นไร”
โรสรินเห็นมุมปากแตก
“เลือดออกเนี่ยนะไม่เป็นไร”
พีระหน้าเสีย โรสรินหันไปค้อนพีระเอาเรื่อง จังหวะนั้นตะวันเดินมาเห็นโรสรินประคองกิตติทัต กิตติทัตมีรอยเลือดซิบๆ ที่มุมปาก ตะวันหันไปมองพีระก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ตะวันไม่พอใจ เดินเข้ามา
“โรสริน”
โรสริน พีระ กิตติทัต หันไปเห็นตะวัน พีระตกใจมาก
“ตะวัน ทำไมนายมาอยู่ที่นี่?”
“ผมทำงานที่โรงแรมนี้” พีระหวอ ตะวันหันไปทางโรสริน “หมดเวลาสนุก ไปทำงานได้แล้ว”
ตะวันจับแขนโรสริน จะพาออกไป แต่พีระรีบมาขวาง
“จะพาโรซี่ไปไหน”
“โรสรินเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผม ผมไปไหน โรสรินก็ต้องไปด้วย ขอตัว”

ตะวันพาโรสรินออกไปทันที พีระเหวอมาก กิตติทัตมองอย่างงงๆ

อ่านต่อเวลา 17.00น.

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)

ตะวันยังคงลากโรสรินมาตามทาง แต่เธอรั้งตัวเองเอาไว้
“ปล่อยฉันได้แล้ว”
ตะวันหยุดเดิน ปล่อยมือจากโรสริน
“สงสัยผมต้องใช้งานคุณให้หนัก จะได้ไม่มีเวลา ไปทำเรื่องไร้สาระ”
“เรื่องไร้สาระ” โรสรินทำหน้าไม่เข้าใจ
“ก็แบบเมื่อกี๊ไง มีความสุขที่เห็นผู้ชายแย่งตัวเองงั้นเหรอ”
“นายตะวัน นายจะดูถูกฉันมากไปแล้ว”
ตะวันชะงัก รู้ตัวว่าปากตัวเองเสีย โรสรินจะเดินออกไป
“จะไปไหน”
“เรื่องของฉัน”
ตะวันตามมาขวาง
“คุณไปไหนไม่ได้ อย่าลืมว่าคุณทำงานกับผม และนี่ก็เป็นเวลางาน” โรสรินพูดไม่ออก “ออกไปข้างนอกกับผม”
“ไปไหน”
“ไม่ต้องถาม”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องงาน ฉันไม่ไป”
“ผมรู้น่า ผมก็ไม่ได้จะพาคุณไปเที่ยว”
ตะวันหันหลังเดินออกไป พลางพ่นลมหายใจ โรสรินมองตามอย่างสงสัย แต่ก็เดินตามไป

พีระเดินหน้าหงิกกลับเข้าออฟฟิศ อุษาวดีเห็นจึงถามอย่างแปลกใจ
“พี่พีไปไหนมา”
“พี่ไปหาโรซี่ แล้วพี่เจอใครรู้มั๊ย ไอ้ตะวัน มันมาทำงานที่ควีนโรส” แววตาอุษาวดีเป็นประกายขึ้นมาทันที
“มันบอกว่าโรซี่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของมัน ไอ้ตะวันนี่มันตื้อจริงๆ นี่ถ้าเกิดโรซี่ใจอ่อน เกิดตกลงปลงใจกันขึ้นมา พี่จะทำไงดี พี่ต้องหาทางตัดไฟตั้งแต่ต้นลม”
พอคิดได้ก็จ้ำเดินออกไป อุษาวดีฟังแล้วก็รู้สึกใจคอไม่ดีตามไปด้วย

ที่ไร่ตะวัน น้ำค้างกำลังตัดกล้วยไม้ พลันเสียงมือถือดังขึ้น น้ำค้างเอามือถือมาหนีบไว้ มือสองข้างตัดกล้วยไม้ไปด้วย
“ฮัลโหล”
พีระส่งเสียงแว๊ดออกมา
“บอกพี่ชายเธอให้กลับไร่เดี๋ยวนี้”
น้ำค้างชะงัก จำเสียงนี้ได้อย่างแม่นยำ ถึงกับละจากสิ่งที่ทำ แล้วตั้งใจคุย
“นายพีระ”
หน้าตาพีระกำลังหงุดหงิดเต็มที่
“เออ ฉันเอง”น้ำค้างเอามือถือออกจากหูแทบไม่ทัน เพราะเสียงทะลุมือถือออกมา “บอกให้ไอ้ตะวันกลับไร่เดี๋ยวนี้ พี่ชายเธอกำลังจะทำให้โรซี่ยุ่งยากใจ”
น้ำค้างได้ยินอย่างนี้กอดอกคุยโทรศัพท์เลย
“ฉันไม่บอก คนที่ทำให้พี่โรสยุ่งยากใจ คือนายมากกว่า นายเยอะ แค่นี้นะ”
พีระอ้าปากค้าง เถียงไม่ทัน
“วางหูใส่ฉันได้ไง นี่”

ภายในบ้านตะวัน ชาญกำลังสอนการบ้านอาทิตย์ มีอึ่งนั่งอยู่ด้วย
“Egg แปลว่าไก่”
“ปู่เก่งจัง” อึ่งชม
“ผิด” อาทิตย์บอก ชาญกับอึ่งเหวอ “Egg แปลว่าไข่ Hen แปลว่าไก่ต่างหากครับปู่”
“ถ้าปู่พูดถูก มันก็ไม่ตลกน่ะสิวะ จริงมั๊ยนังอึ่ง” ชาญแก้ตัว
“จริงจ๊ะ มุกปู่ ตล๊กตลก ฮ่าๆ”
ระหว่างนั้นน้ำค้างหงุดหงิดเดินเข้ามาในบ้าน ชาญกับอาทิตย์หันไปมอง
“ใครทำหลานปู่เคืองห๊ะ” ชาญถาม
“นายพีระน่ะสิคะ ขนาดกลับกรุงเทพไปแล้ว ยังโทรมาจองล้างจองผลาญอยู่ได้”
“เค้าทำอะไร”
“เค้าสั่งน้ำค้างบอกพี่ตะวันให้กลับไร่ ประสาท”
“นายพีระคนนี้ยิ่งชอบกวนน้ำให้ขุ่นอยู่ด้วย”

น้ำค้างคิดตามที่ชาญพูดแล้วก็กังวลใจขึ้นมา แล้วเธอก็นึกอะไรออก
“งั้นเราจะปล่อยให้พี่ตะวันลุยคนเดียวไม่ได้แล้วปู่ เราต้องใช้ตัวช่วยเพื่อทำให้พี่ตะวันกับพี่โรส ปรับความเข้าใจกันได้เร็วขึ้น”
“ใครคือตัวช่วย” น้ำค้างหันไปมองอาทิตย์ “เอ็งจะพาอาทิตย์ไปหาไอ้ตะวันกับหนูโรสที่กรุงเทพ”
จังหวะที่พูด แย้เข้ามาได้ยินพอดี แย้ตาโต
“ใช่จ๊ะปู่ อาทิตย์จะเป็นกาวใจชั้นดีที่จะทำให้พี่โรสกับพี่ตะวันคืนดีกัน”
แย้รีบเดินเข้ามา
“แย้ไปด้วยนะ” ทุกคนหันมาทางแย้ “นะน้ำค้างนะ นะนะนะ”
“เอาเชียวนะไอ้แย้ ข้ารู้นะว่าเอ็งจะไปหาสาว”
แย้ทำเป็นตกใจ
“ปู่รู้ได้ยังไง” แย้รีบหาข้ออ้าง “นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือ ฉันจะไปช่วยดูแลอาทิตย์”
“ถ้างั้นให้อึ่งไปก็ได้”
“ไม่ได้ ขืนแกไป ใครจะทำกับข้าวให้ปู่กินห๊ะ”
“ไอ้แย้มันพูดถูก เอ็งไม่ต้องไป” อึ่งแอบเซ็ง “ส่วนเอ็ง” ชาญพูดกับแย้ “ข้าไม่อนุ...”
แย้รู้ว่าชาญจะพูดอะไรรีบตัดบทกระโดดกอดชาญ
“ปู่น่ารักที่สุดในโลก แย้รักปู่นะ” แย้ระดมหอมชาญ
น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่งหัวเราะ ชาญขนลุก ผลักหัวแย้ออกไป
“พอแล้วไอ้แย้ ขนลุกไปทั้งตัว ไอ้บ้า”

สุดท้ายชาญก็ต้องยอม แย้หัวเราะชอบใจ มีความสุข ที่จะได้เจอยุนอา

เย็นวันเดียวกันนั้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พนักงานเดินนำตะวันกับโรสรินมาที่โต๊ะ ในร้านมีคนเล่นกีตาร์ มีนักร้องกำลังร้องเพลง โรสรินมีสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะนั่งลงพร้อมกับตะวัน
 
“พาฉันมาที่นี่ทำไม”
“สั่งอาหารก่อน”
พนักงานเอาเมนูมาให้ตะวันกับโรสริน ตะวันเปิดเมนูสั่งอาหาร แต่โรสรินมองอย่างไม่ไว้ใจ

อาหารวางเต็มโต๊ะ เป็นอาหารที่ทำแบบพอดีคำ การตกแต่งบนจานก็ดูสวยงาม
“ไหนบอกเรื่องงาน” โรสรินถามขึ้นมา
“ผมอ่านหนังสือ เห็นรีวิวร้านนี้ อาหารของเค้า ทำแบบพอดีคำ ทั้งบะหมี่แห้งปู” บะหมี่แบ่งเป็นก้อนเล็กๆ มีเนื้อปูวางข้างบน “ข้าวหน้าเนื้อ” ข้าวปั้นเหมือนซูชิมีเนื้อวางด้านบน “มันทำให้เราทานง่าย และดูสวยงาม ผมจะเอาไอเดียนี้ไปใช้เวลาที่โรงแรมมีจัดงาน คุณว่าไง”
โรสรินอึ้ง ที่ตะวันมาทำงานจริงๆ
“ฉันเห็นด้วย”
ตะวันยิ้มแล้วก็กินอาหาร
“ทานสิ”
“ฉันไม่หิว”
ยังไม่ทันที่โรสรินจะปิดปาก ตะวันจิ้มอาหารใส่ปากโรสรินทันที เธอเกือบสำลัก
“อย่าคายออกมา เสียดายของ”
โรสรินจำต้องเคี้ยว แล้วก็พบว่าอร่อย
“อร่อยอ่ะ” โรสรินกินอีกคำ ตะวันมองแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะนึกขึ้นได้ ตะวันลุกเดินมานั่งข้างๆ โรสรินระแวง
“จะทำอะไร”

ตะวันไม่ตอบ เอามือถือออกมา โอบโรสรินไว้ เธอตกใจ ตะวันยื่นมือถือไปตรงหน้า แล้วถ่ายรูปคู่ โดยทีเธอไม่ทันตั้งตัว เธอรีบผละออกห่างตะวัน
“ถ่ายรูปทำไม”
“เรายังไม่เคยมีรูปคู่กันเลย”
ตะวันยิ้มๆ โรสรินแอบหวั่นไหวเล็กๆ ระหว่างนั้นอุษาวดีกับสุชาติ ลูกค้าเดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยกัน
“ร้านนี้อาหารอร่อยมาก รับรองคุณสุชาติจะต้องติดใจค่ะ”
“คุณพีระนี่ฉลาดนะครับ ส่งคุณอุษาวดีมาเทคแคร์ผมแบบนี้ ผมไปไหนไม่รอด เราคงจะได้ทำธุรกิจร่วมกันไปอีกนาน”
อุษาวดียิ้ม แล้วก็ต้องยิ้มเจื่อนเมื่อเห็นตะวันนั่งโอบโรสริน อุษาวดีอึ้งมาก สุชาตินั่งลงที่โต๊ะ เห็นอุษาวดียังยืนอยู่ก็แปลกใจ
“คุณอุษาไม่นั่งเหรอครับ”
อุษาวดีชะงัก หันมา
“ค่ะค่ะ”
อุษาวดีนั่งลง แต่สายตาจับจ้องมองไปที่ตะวันกับโรสรินอย่างอยากรู้
“เอามือออกไปได้แล้วมั๊ง” โรสรินบอก
ตะวันเอามือออก โรสรินหันหน้าไปทางอื่น เพราะทำหน้าไม่ถูก ตะวันหันไปเห็นพนักงานส่งซิกบางอย่าง ก็หันไปทางโรสริน
“โรสริน” โรสรินเงยหน้า “รอผมแป๊บนึงนะ”
ตะวันลุกเดินออกไป โรสรินสงสัย ไม่นานไฟทั้งร้านดับพรึ่บ เธอแปลกใจ อุษาวดีอึ้งๆงงๆ

ไฟบนเวทีสว่างขึ้น ตะวันยืนอยู่บนเวที โรสรินตะลึงงัน อุษาวดีเองก็ตะลึงไม่แพ้กัน
“ผมต้องขอโทษที่รบกวนเวลาทานข้าวของทุกคนนะครับ วันนี้ผมได้พาคนพิเศษของผมมาด้วย ผมทำให้เธอโกรธครับ โกรธจนเธอไม่ยอมอภัยให้” ตะวันมองหน้าโรสริน อุษาวดีจับจ้องไปที่ตะวัน “ผมจึงอยากร้องเพลงนี้ มอบให้กับเธอ”
เสียงอินโทรเพลง “เพื่อเธอตลอดไป”ของศักดา อินคาดังขึ้น โรสรินมองตะวัน หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น
“อาจยังไม่เห็นว่ารักมากมาย อาจยังสงสัยหัวใจดวงนี้ อาจยังไม่เห็นสายตาแห่งความหวังดี แต่เธอก็คงเข้าใจมันสักวัน อาจมีใครๆ ที่เขาดีกว่า อาจจะมีคนที่เธอใฝ่ฝัน แต่จะมีใครให้เธอหมดใจอย่างฉัน และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว”
แววตาที่โรสรินมองตะวันสั่นระริก เริ่มหวั่นไหว อุษาวดีกำมือแน่น ไม่พอใจที่เห็นตะวันร้องเพลงให้โรสริน
“อยู่มาจนวันนี้เพื่อเจอเธอ จะอยู่เพื่อเธอ ตลอดไป จะเอาความรักที่มีเก็บไว้ เพื่อรอคอยวันที่เธอมองผ่านมา อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ อีกนานแค่ไหนรักนี้ยังอยู่ อยู่เป็นรักแท้เพื่อเธอเท่านั้น ด้วยใจที่พร้อมให้เธอจากคนอย่างฉัน และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว”

ตะวันร้องเพลงจบ ลูกค้าในร้านปรบมือ ซาบซึ้งไปกับบทเพลงของเขา ไฟทั้งร้านเปิดสว่างขึ้น ตะวันลงจากเวที พนักงานถือช่อดอกไม้เดินมาให้ เขารับช่อดอกไม้ เดินมาคุกเข่าตรงหน้าโรสริน ทำเอาเธออึ้งไปอีกครั้ง
“ดอกกุหลาบ 15 ดอก แทนความหมายว่าผมรู้สึกเสียใจจริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น” โรสรินนิ่ง “ ผมอยากขอร้องให้คุณอภัยให้ผม จะได้มั๊ย”
อุษาวดีเกิดความไม่พอใจขึ้นมาทันที โรสรินหัวใจเต้นโครมคราม หวั่นไหวมาก ตะวันมองโรสรินด้วยสายตาเว้าวอน โรสรินเหมือนจะใจอ่อน แต่พยายามตัดใจ
“เรื่องบางเรื่อง มันก็อภัยยาก”
ตะวันแทบทรุด โรสรินลุกขึ้นเดินออกไป ตะวันลุกขึ้น เอาเงินออกมาวางบนโต๊ะแล้วรีบตามเธอออกไปทันทีพร้อมกับช่อดอกไม้ คนทั้งร้านหันไปมองตามอย่างอยากรู้
อุษาวดีเห็นตะวันตามโรสรินออกไป
“คุณสุชาติคะ อุษานึกได้ว่ามีธุระด่วนมาก อุษาต้องขอโทษจริงๆ ที่อยู่คุยกับคุณไม่ได้แล้ว ไว้เรานัดกันใหม่นะคะ”
อุษาวดีรีบลุกเดินออกไป ปล่อยให้สุชาติเหวอและงง

โรสรินเดินออกมาจากร้านอาหารด้วยความรู้สึกสับสน ตะวันรีบวิ่งมาขวางทางเอาไว้ เธอหยุดกึก
“ฟังผมก่อนโรสริน”
“ฉันไม่ฟัง”
“แต่คุณต้องฟัง” โรสรินชะงัก “ผมส่งคลิปให้คุณ แล้วทำไมคุณถึงยังเข้าใจว่าผมมีอะไรกับมาลัยอีก”
โรสรินนิ่วหน้า
“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด” ตะวันผงะ “หลีกไปได้แล้ว ฉันจะกลับ”
“ไม่ ผมไม่หลีก จนกว่าเราจะได้เคลียร์กัน”
“ไม่มีอะไรต้องเคลียร์”
ตะวันยังไม่ทันพูดต่อ อุษาวดีก็ทำเป็นบังเอิญมาเจอ
“โรส คุณตะวัน” โรสรินกับตะวันหันไปมองอุษาวดี อุษาวดีเดินมายืนข้างโรสริน “บังเอิญจังเลยนะคะ มาทานข้าวร้านนี้กันเหรอ”
ตะวันหันไปมองโรสริน
“เปล่า เธอว่างอยู่รึเปล่าอุษา”
“ว่าง”
“ดีเลย ไปส่งฉันที่บ้านหน่อยสิ” ตะวันชะงัก
“ได้ ไปก่อนนะคะคุณตะวัน”

ตะวันทำอะไรไม่ได้ นอกจากพยักหน้ารับ โรสรินจับแขนอุษาวดีรีบพาเดินออกไป ตะวันถอนหายใจ มองกุหลาบในมือด้วยความเซ็งมาก

ภายในรถอุษาวดี โรสรินนั่งนิ่งคิดหนักเรื่องตะวัน อุษาวดีที่กำลังขับรถเหล่มอง
 
“เธอกับคุณตะวัน ดูแปลกๆ นะ” อุษาวดีแกล้งถาม โรสรินหันมา
“แปลกไง”
“เหมือนแฟนที่ทะเลาะกัน”
“ฉันกับเค้าไม่ใช่แฟนกัน และไม่มีวันเป็นด้วย” โรสรินรีบพูด
“ดีแล้วที่เธอคิดได้ เพราะคุณตะวันมีมาลัยอยู่แล้วทั้งคน และเท่าที่ฉันสังเกต ฉันว่าคุณตะวันกับมาลัยดูจะลึกซึ้งกันอยู่”
อุษาวดีพูดย้ำเพื่อให้โรสรินไม่ใจอ่อนอภัยให้ตะวัน แล้วมันก็ได้ผล เพราะเธอเชื่อในสิ่งที่อุษาวดีพูด

คืนนั้น โรสรินนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียง นึกถึงตอนที่ตะวันร้องเพลง ให้ดอกไม้ คิดถึงคำพูดของอุษาวดี
“ดีแล้วที่เธอคิดได้แบบนี้ เพราะคุณตะวันเค้ามีมาลัยอยู่แล้วทั้งคน และเท่าที่ฉันสังเกต ฉันว่าคุณตะวันกับมาลัยดูจะลึกซึ้งกันอยู่”
โรสรินถอนหายใจ
“อย่าใจอ่อนนะโรสริน จำไว้ว่าเค้าทำอะไรกับเธอ”
โรสรินมีสีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจ

เช้าวันถัดมา พีระเดินเข้ามาในโรงแรมควีนโรส หน้าตาลนลาน มองหาโรสรินไปตามทาง แล้วก็เห็นเธอกำลังเดินมา
“โรซี่จ๋า”
โรสรินหันไปเห็นพีระก็แปลกใจ พีระรีบเดินไปหา
“ทำไมมาแต่เช้า”
“วันนี้พีว่าง ก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนโรซี่น่ะจ๊ะ”
โรสรินชะงัก แล้วก็คิดในใจ
“ให้พีอยู่เป็นเพื่อนเราก็ดี เราจะได้ไม่ต้องอยู่กับนายตะวันสองต่อสอง” โรสรินคิดในใจแล้วจึงพูดออกมา
“ก็ดีเหมือนกัน”
พีระแปลกใจ
“โรซี่อนุญาต”
“อือ โรสไปไหน พีก็ต้องไปด้วย โอเคป่ะ”
“โอเคที่สุดเลยจ๊ะ”
พีระยิ้มดีใจมาก ๆ ไม่นึกว่าโรสรินจะยอม

โรสรินกับพีระเดินมาในห้องจัดเลี้ยงเห็นตะวันยืนคุยกับพนักงาน ตะวันหันไปเห็นพีระมากับโรสรินก็แปลกใจ
“ขอตัวก่อนนะคะ”
ตะวันพยักหน้า พนักงานเดินออกไป
“วันนี้พีจะมาอยู่กับฉันทั้งวัน นายคงไม่ว่าอะไรนะ” โรสรินบอก
พีระยิ้มให้ตะวัน ตะวันนิ่งอึ้ง พูดไม่ออก พลันเสียงมือถือดังขึ้น ตะวันหยิบมือถือออกมากดรับสาย
“ว่าไงน้ำค้าง” ตะวันผงะ “น้ำค้างอยู่ที่ไหนนะ”
โรสรินกับพีระมองตะวันด้วยความสงสัย

ภายในสวนของโรงแรมควีนโรส โรสรินกอดอาทิตย์ด้วยความคิดถึง
“คิดถึงที่สุด”
“อาทิตย์ก็คิดถึงพี่โรสครับ”
พีระยืนหน้าเซ็ง หันไปเจอน้ำค้างมองอยู่
“คิดถึงฉันมั๊ยนายพีระ” น้ำค้างแกล้งถาม
“ไม่”
น้ำค้างขำ โรสรินผละออกจากอาทิตย์ แล้วก็หันไปมองน้ำค้างกับแย้
“ปู่ชาญกับอึ่งสบายดีนะ”
“ไม่ค่อยหรอกค่ะ พวกเราคิดถึงพี่โรส อยากให้พี่โรสกลับไปอยู่ที่ไร่”
อาทิตย์จับมือโรสริน
“เมื่อไหร่พี่โรสจะกลับไปอยู่ที่ไร่ตะวันครับ”
“โรซี่จะกลับไปทำไม ในเมื่อที่นี่สุขสบายกว่าตั้งเยอะ” พีระบอก
น้ำค้างหันไปมองพีระไม่ชอบใจ โรสรินเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่ทุกคนมาที่นี่ทำไม”
“มาหาพี่โรสนั่นแหละค่ะ อาทิตย์คะยั้นคะยอให้น้ำค้างพามา” น้ำค้างหันไปส่งซิก
“ใช่ครับ เราไปเที่ยวกันนะครับ”
พีระหันไปมองโรสริน
“ไม่ได้ครับ พี่โรสต้องทำงาน” โรสรินบอก
พีระหันไปยิ้มเยาะน้ำค้าง น้ำค้างไม่พอใจ
“พี่ตะวันอนุญาตให้พี่โรสไปเที่ยวกับผมนะ นะครับพี่ตะวัน” อาทิตย์หันไปอ้อนตะวัน ตะวันมองโรสริน ก่อนจะย่อตัวตรงหน้าอาทิตย์
“ก็ได้ พี่อนุญาต”

อาทิตย์ น้ำค้าง อึ่งยิ้ม ตะวันหันไปมองโรสริน พีระไม่พอใจ
“พี่ตะวันไปด้วยกันนะ นะ นะครับ ผมขอร้อง” อาทิตย์ส่งสายตาเว้าวอน
“บังเอิญวันนี้ไม่มีงานด่วนอะไรด้วยสิ” ตะวันยิ้ม
“พูดงี้แสดงว่าไป” ตะวันพยักหน้า ทุกคนดีใจยกเว้นพีระ แย้สะกิดน้ำค้าง น้ำค้างพยักหน้าแล้วหันมาทางโรสริน “พี่โรสคะ คือ ถ้าขอให้พี่ยุนอาไปด้วยได้มั๊ยคะ”
แย้มองโรสริน สีหน้ามีความหวัง โรสรินหันไปมองอย่างรู้ทัน
“พี่จะขออนุญาตคุณปู่ให้”
แย้ดีใจมาก
“เย้ ขอบคุณคุณโรสมว๊ากครับ”
พีระสุดทน เพราะทุกคนดูมีความสุขกันมาก
“ไหนๆ ก็ไปกันหมดทุกคนแล้ว งั้นฉันก็ไปด้วย” ทุกคนหันไปมองพีระ “ไปกันหลายๆ คน หนุกดี จริงมะน้ำค้าง”

พีระหันไปมองน้ำค้าง เธอมองอย่างไม่พอใจ

ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตะวัน โรสริน พีระ น้ำค้าง แย้ ยุนอา เดินมาด้วยกัน อาทิตย์ดูตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งที่เห็น แย้พยายามเดินใกล้ๆ ยุนอา ยุนอาเบ้หน้าและเดินหนี แย้ก็พยายามตามติดอย่างไม่ลดละ
 
น้ำค้างเห็นพีระเดินข้างโรสริน ซึ่งกั้นระหว่างตะวันกับโรสริน ก็รู้สึกหงุดหงิด จึงหันไปกระซิบตะวันที่เดินข้างๆ
“นายพีระมาด้วยแบบนี้ พี่ตะวันยิ่งไม่โอกาสเคลียร์กับพี่โรส”
“แล้วพี่จะทำอะไรได้”
ตะวันถอนใจ น้ำค้างคิด แล้วก็นึกอะไรออก
“เอางี้นะคะ น้ำค้างจะกันนายพีระออกไปให้เอง”
ตะวันมองน้ำค้างสงสัย น้ำค้างเดินมาสะกิดอาทิตย์ อาทิตย์หันมามอง น้ำค้างกระซิบ อาทิตย์ยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะเดินไปแทรกระหว่างโรสรินกับพีระแล้วจับมือโรสริน พีระชะงัก

โรสรินยิ้มให้อาทิตย์ อาทิตย์ยื่นมือไปจับมือตะวันอีกข้าง ตะวันกับโรสรินมองหน้ากัน แบบทำหน้าไม่ถูก พีระเห็นแล้วก็ไม่พอใจ จะเข้าไป แต่เจอน้ำค้างสกัดขวางทางไม่ให้เดิน พอจะไปทางซ้าย น้ำค้างก็ไปซ้าย พอไปทางขวา น้ำค้างก็ไปทางขวา พีระหัวเสียมาก น้ำค้างลอบยิ้มสะใจ
อาทิตย์หยุดเดิน ชี้ชวนให้โรสรินกับตะวันชมโน่นชมนี่ อาทิตย์ลอบมองสองคน แล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเอามือตะวันกับโรสรินมาจับกัน สองคนชะงัก หันขวับมามองหน้ากัน รีบปล่อยมือ แล้วก็ก้มมองอาทิตย์ อาทิตย์ทำไม่รู้ไม่ชี้
พีระสุดทน หึงมาก น้ำค้างเห็นท่าพีระก็รีบดึงแขนเขาเอาไว้
“นายพี”
พีระหันมา เสียงหงุดหงิด
“อะไร”
“ฉันหิวน้ำ”
“หิวก็ไปซื้อสิ”
“ฉันไม่เคยมาที่นี่ ไม่รู้ว่าร้านน้ำอยู่ไหน” น้ำค้างตัดบทหันไปทางคนอื่น “น้ำค้างกับพีจะไปซื้อน้ำมาให้นะคะ”
พีระเหวอ น้ำค้างดึงแขนเขาพาออกไปทันที อาทิตย์อมยิ้ม ยุนอาที่กำลังรำคาญแย้ก็หันไปทางโรสริน
“คุณโรสขา ยุนอาขอไปซื้อของนะคะ”
“จ๊ะ”
ยุนอารีบเดินออกไป แย้ตาหูเหลือกหันไปทางตะวัน
“แย้ไปกับยุนอานะลูกพี่”
ตะวันพยักหน้า แย้รีบตามยุนอาออกไปทันที ตะวันกับโรสรินยิ้มตาม แล้วก็หันมายิ้มให้กัน ทั้งคู่ต่างชะงักกันไป ตะวันรีบหันไปหาอาทิตย์
“อาทิตย์อยากไปไหนต่อครับ”
อาทิตย์ทำท่าคิด

น้ำค้างกับพีระเดินมาที่หน้าร้านน้ำร้านหนึ่งเห็นคนต่อแถวยาว เธอทำหน้าเจ้าเล่ห์
“ร้านนี้แหละ”
“คนเยอะจะตาย”
“คนเยอะ แสดงว่าอร่อย”
น้ำค้างเดินไปต่อแถว
“ไปร้านอื่นก็ได้ มันก็รสชาติเหมือนๆ กัน”
“ไม่ อยากกินร้านนี้”
“งั้นก็รอไปคนเดียว ฉันจะไปหาโรซี่”
น้ำค้างรีบคว้าแขนพีระ
“ได้ไง ตั้งหลายแก้ว ฉันคนเดียวจะถือไงไหว”
“ไม่รู้” พีระหันหลังเดินหนี น้ำค้างจึงตะโกนไล่หลัง
“คนใจร้าย คนใจดำ” พีระหันขวับ “คนไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ให้เกียรติผู้หญิง แย่มาก แย่ที่สุด แย่จริงๆ”
น้ำค้างจงใจเสียงดังให้คนอื่นได้ยิน คนแถวนั้นหันมามองพีระเป็นตาเดียว และซุบซิบกัน พีระอายจนพูดไม่ออก รีบเดินมาหาน้ำค้าง
“หยุดพูดมากได้แล้ว ฉันอยู่ด้วยก็ได้”
น้ำค้างหันไปลอบยิ้มพอใจ

ตะวันกับโรสรินพาอาทิตย์มาที่แผนกของเล่น อาทิตย์ตื่นตาตื่นใจกับการเลือกซื้อของเล่น ตะวันกับโรสรินยิ้มที่เห็นอาทิตย์มีความสุข
“ผมไม่ได้เห็นอาทิตย์มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว แสดงว่าอาทิตย์รักคุณมาก”
“ฉันเองก็รักอาทิตย์เหมือนกัน”
อาทิตย์หันมาโบกมือให้โรสริน เธอโบกมือตอบ
“แล้ว...” ตะวันหยั่งเชิงถาม “คุณรักใครที่ไร่อีกมั๊ย”

โรสรินชะงัก รู้ว่าตะวันหมายถึงอะไร
“รักสิ” โรสรินหันไปมองตะวัน ตะวันมีลุ้น “ปู่ชาญ น้ำค้าง อึ่ง แย้ แล้วก็...คนงานที่ไร่ทุกคน”
ตะวันแอบจ๋อย
“ผมว่าขาดใครไปคนนึงนะ” ตะวันจ้องหน้าโรสริน เธอหันไปทางอื่น ใจเต้นเหมือนกัน ตะวันมองโรสริน คิด ลังเล แล้วก็ตัดสินใจ “โรสครับ” โรสรินหันมา “ผมต้องพูดเรื่อง...”
ตะวันจะพูดเรื่องมาลัย แต่ยังไม่ทันจะพูดต่อ อาทิตย์ก็เดินกลับมา โรสรินเลยลุกเดินไปหาอาทิตย์
“ได้ของเล่นมั๊ยครับ”
อาทิตย์ส่ายหน้า
“อาทิตย์ไม่อยากให้พี่ตะวันกับพี่โรสเปลืองเงิน”
“โธ่ แต่พี่โรสอยากซื้อให้อาทิตย์นะครับ”
“อาทิตย์ไม่อยากได้อะไร อาทิตย์อยากให้พี่โรสกลับไร่ตะวัน”
โรสรินอึ้ง ตะวันมองหน้าโรสริน เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อุ๊ย ตรงนั้นเค้ามุงดูอะไรกันก็ไม่รู้ ไปดูกันนะครับ”
โรสรินจูงมืออาทิตย์แล้วรีบเดินออกไป ตะวันมองตามแอบเซ็ง

แย้เดินตามยุนอามาที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ยุนอาเห็นแย้เดินตามก็หงุดหงิด
“จะตามมาทำไมเนี่ย”
ยุนอารีบเดินหนี แย้เร่งฝีเท้า แต่มีคนตัดหน้า ทำให้แย้ต้องเบรก คนๆ นั้นเดินไป แย้มองไปไม่เห็นยุนอาแล้ว
“หายไปไหนแล้ว”
แย้หันไปมองรอบๆ ไม่เห็นยุนอา แต่หันไปเห็นหน้าตัวเองโผล่ในทีวีขนาดใหญ่ที่วางโชว์กลางแผนก มีกล้องวีดีโอวางอยู่ด้วย
“เวย ตกใจหมด” แย้มองที่จอทีวี แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปทางพนักงาน “พี่ครับ ช่วยอะไรผมซักอย่างได้มั๊ยครับ”
พนักงานมองแย้งงๆ
ขณะนั้นยุนอากำลังลองไมค์ โดยการร้องคาราโอะตรงหน้าทีวีเครื่องหนึ่ง ใส่ลีลาท่าทางอินจัด หันไปเจอพนักงานยืนมองหน้านิ่ง ยุนอาตกใจ
“อุ๊ย”
“ตกลงจะรับไมค์มั๊ยครับ”
“รับค่ะ”
พนักงานรับไมค์มาจากยุนอา ทันใดนั้นเสียงแย้เรียกยุนอาดังขึ้น

“ยุนอา”

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 10 (ต่อ)

ยุนอาชะงัก หันไปมองทีวีทุกเครื่องเป็นหน้าแย้กำลังแบบโคลสอัพ ดูสยดสยองมาก
 
“ยุนอาจ๋า พี่ชายรักเธอคนเดียว เธอคือที่สุดในหัวใจของพี่ชาย เธออยู่ไหนจ๊ะยุนอา ยุนอา ยู้ฮู”
ยุนอาอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
“ฉันอยากจะบ้าตาย”
“น้องคือยุนอาเหรอ” พนักงานถาม
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันชื่อยุพา ฉัน เออ ฉันไปก่อนนะคะ” ยุนอารีบวิ่งออกไป
“ไม่เอาสินค้าแล้วเหรอครับ”
พนักงานถามแต่ยุนอาไม่สนใจรีบเดินมาตามทาง ทำให้สะดุดล้ม เจ็บข้อเท้า
“โอ๊ย” ยุนอาลุกไม่ขึ้น ทันใดนั้นมีเท้ามาหยุดยืนตรงหน้ายุนอา เธอเงยหน้ามอง “แย้”
แย้เดินมาย่อตัวตรงหน้ายุนอา
“ขึ้นหลังฉันเถอะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไร”
“ขึ้นมาเถอะ ฉันรู้ว่าเธอเจ็บ”
แย้ส่งสายตาซาบซึ้ง ยุนอานิ่งไปสองวินาที แล้วก็ตัดสินใจขี่หลังแย้ แย้ลุกขึ้นพายุนอาเดินออกไปดูเป็นซีรีส์เกาหลีมากๆ ยุนอาแอบหวั่นไหวเล็กๆ

อาทิตย์เบียดคนเข้าไปดูจุดที่คนกำลังมุงกันอยู่ โรสรินยังจับมืออาทิตย์เอาไว้
“รอพี่ก่อนครับอาทิตย์”
เพราะคนเยอะ ทำให้มืออาทิตย์หลุดจากมือโรสริน โรสรินตกใจ จะตาม แต่ตามไม่ได้ เพราะมีคนเดินมาขวางหน้าพอดี ทำให้โรสรินต้องหยุด คนๆ นั้นเดินออกไป โรสรินมองไปไม่เห็นอาทิตย์ก็หน้าซีด
“อาทิตย์”
โรสรินมองหาไปรอบๆ ก็ไม่เห็น ระหว่างนั้นตะวันเดินตามมาสมทบ
“โรสริน”
โรสรินหันมาทางตะวันหน้าแย่มาก
“อาทิตย์ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ค่ะ”
โรสรินหน้าเสีย ตะวันอึ้ง
ขณะนั้นอาทิตย์กำลังดูเค้าแข่งรถคันเล็ก สีหน้าตื่นเต้น อาทิตย์หันไปคว้ามือคนๆ หนึ่ง
“พี่โรสดูสิครับ”
แต่คนๆ นั้นไม่ใช่โรสริน อาทิตย์ตกใจ รีบปล่อยมือ แล้วมองหาโรสรินไปรอบๆ แต่ไม่เห็น อาทิตย์ใจเสีย เดินไปอีกทาง สวนกับโรสรินกับตะวันที่เดินมาตรงนี้พอดี ทั้งคู่ไม่เห็นอาทิตย์
“อาทิตย์หายไปไหน”
“รีบตามหากันเถอะ”
โรสรินพยักหน้า ตะวันจับมือโรสริน เธอรู้สึกดีมาก แล้วสองคนก็พากันเดินออกไป

พีระกับน้ำค้างยังยืนต่อแถวที่ร้านขายน้ำ แต่น้ำค้างดูหน้าซีดๆ เพราะปวดกระเพาะ พีระร้อนใจมาก ดูนาฬิกาข้อมือ
“รอมาจะยี่สิบนาทีแล้ว ไปซื้อร้านอื่นเร็วกว่าป่ะ” พีระหันไปมองน้ำค้าง เห็นสีหน้าเธอแปลกๆ ก็สงสัย “เป็นไร ทำไมหน้าซีด”
“เปล่า”
น้ำค้างเอามือกุมท้อง แล้วก็ยืนต่อไปไม่ไหว เซ พีระรีบประคองด้วยความตกใจ
“ไหนบอกไม่เป็น”
“ฉัน ฉันปวดกระเพาะ”
“หาที่นั่งพักก่อน”
พีระประคองน้ำค้าง แต่เธอเดินไม่ไหว พีระตัดสินใจอุ้มน้ำค้างขึ้นมา เธอตกใจ
“ฉันเดินเองได้”
“สภาพไม่ไหว ยังจะปากเก่ง”
พีระเป็นห่วงจริงๆ อุ้มน้ำค้างพาเดินออกไป เธอมองพีระแอบประทับใจ

พีระวางน้ำค้างให้นั่งลงที่ม้านั่งริมทาง
“รอตรงนี้ ฉันจะไปซื้อยามาให้”
น้ำค้างพยักหน้า พีระรีบเดินออกไป แววตาที่น้ำค้างมองพีระดูอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด

อีกด้านหนึ่ง ตะวันกับโรสรินตามหาอาทิตย์ตามที่ต่างๆ แต่ไม่เจอ ตะวันกุมมือโรสรินเอาไว้ ไม่ยอมปล่อย โรสรินลอบมองมือตะวันที่จับมือตัวเองก็อดรู้สึกดีด้วยไม่ได้
โรสรินหยุดเดิน สีหน้าแย่ จะร้องไห้ ตะวันหันไปมอง
“หยุดทำไมครับ”
“เป็นเพราะฉันเองที่ดูแลอาทิตย์ไม่ดี ทำให้อาทิตย์หลงทาง” โรสรินน้ำตาคลอ “ฉันรู้เลยว่าอาทิต์ย์จะรู้สึกยังไง เหมือนตอนที่ฉันหลงป่ากับนาย ฉันรู้ได้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหน ถ้าตอนนั้นไม่มีนายอยู่ข้างๆ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่นี่อาทิตย์ไม่มีใคร ถ้าเกิดเจอคนไม่ดี มาจับตัวไป”
โรสรินพูดไม่ออก ร้องไห้ออกมา ตะวันเช็ดน้ำตาให้
“อาทิตย์เป็นคนเก่ง อาทิตย์จะต้องไม่เป็นอะไร ใจเย็นก่อนนะครับ”
โรสรินพยักหน้า แต่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ตะวันดึงเธอมากอด เธอยอมให้ตะวันกอดปลอบใจอยู่แบบนั้นด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก

พีระเอาขวดน้ำกับยาให้น้ำค้าง เธอรับยากับน้ำมากิน แล้วก็สำลัก พีระช่วยลูบหลังให้
“ค่อยๆ กินสิ”
น้ำค้างหันไปทางพีระ
“ฉันนึกว่านายไปหาพี่โรสแล้วซะอีก”
“เธอไม่สบาย จะให้ฉันไปได้ไง”
น้ำค้างอึ้ง รู้สึกซาบซ่านที่หัวใจ
“ขอบใจที่ไม่ทิ้งฉัน”
พีระรู้สึกดีมากที่โดนชม
“ฉันอยากให้โรซี่พูดกับฉันแบบนี้บ้าง ทั้งๆ ที่ฉันทำอะไรให้โรซี่ตั้งหลายอย่าง แต่โรซี่ไม่เคยพูดแบบนี้กับฉันเลย”
“นายทำอะไรให้พี่โรสบ้างล่ะ”
“ให้กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องประดับ พาไปกินข้าว”
“ไอ้ที่นายพูดมา มันเป็นสิ่งของ ถ้านายอยากให้ใครซักคนรู้สึกดีกับนาย นายก็ต้องให้ความจริงใจกับเค้า”
พีระฟังแล้วก็นิ่งคิดตามที่น้ำค้างพูด แล้วเขาก็เห็นอาทิตย์กำลังเดินร้องไห้อยู่คนเดียว พีระแปลกใจ
“อาทิตย์”
น้ำค้างหันไปเห็นอาทิตย์ก็แปลกใจมาก รีบลุกขึ้นยืน
“อาทิตย์”
อาทิตย์หันมาเห็นน้ำค้างก็ดีใจสุดๆ รีบวิ่งเข้ามาหา
“พี่น้ำค้าง”

อาทิตย์วิ่งเข้ามากอดน้ำค้างแน่น น้ำค้างกับพีระมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

ตะวันกำลังคุยโทรศัพท์กับน้ำค้าง
 
“อาทิตย์อยู่กับน้ำค้าง”
โรสรินได้ยินก็ดีใจ ตะวันวางสาย หันมาทางโรสริน สองคนยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ

ตะวันกับโรสรินรีบมาหาน้ำค้าง โรสรินกอดอาทิตย์แน่นด้วยความดีใจ ก่อนจะผละออกมา
“หายไปไหนมาครับ พี่เป็นห่วงแทบแย่”
อาทิตย์ผละออกมาจากโรสริน
“อาทิตย์ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร พี่โรสไม่โกรธ”
โรสรินกอดอาทิตย์อีกครั้ง ตะวันมองภาพตรงหน้าอย่างรู้สึกดี โรสรินเงยหน้ายิ้มให้ตะวัน พีระมองภาพนั้นอย่างขัดใจ

น้ำค้าง อาทิตย์ แย้ กำลังร่ำลาโรสรินอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม โรสรินลูบหัวอาทิตย์
“วันหลังมาเที่ยวอีกนะครับ”
“ครับ”
เย้จับมือยุนอา
“แย้ไปนะยุนอา แล้วก็ไปหาหมอซะนะ แย้เป็นห่วง”
แย้จับมือยุนอามาหอมฟอดใหญ่ ยุนอารีบดึงมือออกด้วยความเขิน
“คนบ้า”
“ไม่ได้อยู่กันสองคนนะจ๊ะ” น้ำค้างขัด แย้กับยุนอารีบผละออกห่างจากกัน แล้วก็ยิ้มเขิน น้ำค้างหันไปทางโรสริน “น้ำค้างไปนะคะพี่โรส” โรสรินยิ้ม น้ำค้างหันไปทางพีระ “ฉันไปนะ” พีระยิ้มให้
ตะวันจับหัวน้ำค้าง
“กินข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะเรา”
“เจ้าค่ะ”

น้ำค้าง อาทิตย์ แย้ เดินออกไป แย้ยังไม่วายหันมาโบกมือส่งจูบให้ยุนอาก่อนจะเดินออกไป ตะวันหันมาสบตากับโรสรินพอดี สองคนมองตากันนิ่งนาน พีระเห็นสายตาที่ทั้งคู่มองกันก็ไม่พอใจ
“แฮ่ม” ตะวันกับโรสรินได้สติหันไป “พีหิวแล้ว ไปหาไรกินกันนะโรส”
“อื้อ...พรุ่งนี้เจอกัน” โรสรินบอกตะวัน
ตะวันยิ้มเจื่อน พีระกับโรสรินเดินออกไป ตะวันได้แต่มองตามอย่างเศร้า แล้วก็หันหลังเดินออกไป โรสรินหันไปมองตามตะวัน พีระเห็น
“โรซี่มองอะไร”
โรสรินหันขวับ
“เปล่า” แล้วทำเป็นนึกได้ “เออ โรสคงไปกินข้าวกับพีไม่ได้แล้ว นึกได้ว่ามีธุระกับคุณปู่ ไปก่อนนะ”
พีระเหวอ โรสรินเดินไปเลย พีระเซ็งมาก

คืนนั้นที่บ้านพีระ พีระหันมาทางอุษาวดีสีหน้ามุ่งมั่น
“หลังจากวันนี้ พี่จะไม่ไปตามตื้อโรซี่ แต่พี่จะทำให้โรซี่เห็นว่าพี่เป็นสุภาพบุรุษที่สามารถปกป้องดูแลโรซี่ได้ แล้วซักวันโรซี่จะต้องรักพี่”
พีระยิ้มอย่างมั่นใจ อุษาวดีมองพี่ชายด้วยความทึ่งมาก
“พี่พีกินยาผิดป่ะคะ ถึงคิดอะไรดีดีกับเค้าเป็น”
“ยัยอุษา”
“ขอโทษค่ะ อุษาดีใจที่พี่พีคิดได้ซักที”
“แต่...” อุษาวดีหุบยิ้มแทบไม่ทัน “เธอต้องช่วยพี่นะ”
อุษาวดีนิ่วหน้า
“ช่วยไงคะ”
“ช่วยเป็นหูเป็นตาแทนพี่ คอยจับตาดูโรสกับตะวัน”
อุษาวดีนิ่งคิดนิดหนึ่งแล้วก็ยิ้มออกมา
“ค่ะ อุษาจะทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด”
สีหน้าอุษาวดีเหมือนมีแผนบางอย่าง

อีกด้านหนึ่งที่ห้องพักตะวันในโรงแรมควีนโรส ตะวันใส่ชุดนอนเดินออกมาจากห้องน้ำ พลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“พี่ยังไม่ได้คุยเรื่องนั้นกับโรสริน มันไม่มีจังหวะ แต่พี่ว่าโรสรินอาจจะยังไม่เห็นคลิป”
น้ำค้างคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน เธอชะงัก
“จริงเหรอคะ”
“อื้อ พี่เคยได้มีโอกาสพูดกับเค้าเรื่องคลิป แต่ดูเหมือนเค้าไม่เข้าใจ”
น้ำค้างหน้าเสีย
“ถ้างั้นก็แย่น่ะสิคะ คลิปก็ถูกลบไปแล้วด้วย แล้วแบบนี้จะทำยังไงให้พี่โรสเชื่อว่าพี่เป็นผู้บริสุทธิ์”
ตะวันนั่งลงบนเตียง
“พี่จะใช้ความจริงใจทำให้โรสรินกลับมาเชื่อใจพี่อีกครั้งให้ได้”
น้ำค้างยิ้ม
“น้ำค้างจะเอาใจช่วยค่ะ แต่อย่าปล่อยไว้นานนะคะ บอกตามตรง น้ำค้างไม่ไว้ใจนายพีระนั่นเล๊ย”
ตะวันวางสาย สีหน้ากังวลใจเหมือนกัน

เสียงเมสเสจดังขึ้น โรสรินหยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นข้อความจากตะวัน เธอนิ่งไปสองวินาทีก่อนจะกดเปิดอ่าน
“ฝันดีนะครับ”
โรสรินแอบหวั่นไหว นิ่งคิดถึงตอนที่ตะวันจับมือเธอออกตามหาอาทิตย์ด้วยกัน ตอนที่เขากอดเธอ โรสรินเผลอยิ้มออกมา เหมือนกับใจอ่อนให้ตะวันแล้ว

เช้าวันต่อมา ตะวันอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมกำลังยิ้มแย้มสดใส
“อรุณสวัสดิ์ครับโรส เมื่อคืนนอนหลับสบายมั๊ย” ตะวันพูดอยู่คนเดียว “เฮ้อ ไม่ดี อาทิตย์ฝากความคิดถึงถึงคุณน่ะครับ”
ยุนอาเดินมาได้ยินพอดี
“คุณตะวันพูดกับยุนอาเหรอคะ”
“เออ ไม่ใช่ครับ คือ ผมพูดคนเดียว”
ยุนอายิ้มกรุ่มกริ่ม
“แหม ทำเหมือนในละครเลยนะคะ”
ตะวันยิ้มๆ พลันมีมือมาสะกิดไหล่ตะวัน ตะวันนึกว่าโรสรินก็ยิ้มออกมา
“โรสริน” หันไปเห็นเป็นอุษาวดี ตะวันยิ้มเจื่อน “คุณอุษา”
“สวัสดีค่ะคุณตะวัน สวัสดีจ๊ะยุนอา”
“อันยอง สวัสดีค่ะ”
“มาหาโรสเหรอครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ อุษามาหาคุณ”

ตะวันมองอุษาวดีสีหน้าแปลกใจ

ตะวันกับอุษาวดีนั่งคุยกันในคอฟฟี่ช็อป
 
“คุณอุษาจะจัดงานขอบคุณลูกค้า”
“ค่ะ ปกติอุษาจะจ้างบริษัทออร์กาไนซ์ แต่ปีนี้ทางบริษัทอยากประหยัดงบตรงส่วนนี้ อุษาก็เลยต้องจัดการด้วยตัวเอง แต่อุษาไม่ถนัดจริงๆ ค่ะ ก็เลยอยากขอให้คุณตะวันช่วย”
“สบายมากครับ ผมถนัดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ว่าแต่คุณอุษามีไอเดียเหรอยังว่าจะจัดงานยังไง”
“ยังไม่มีเลยค่ะ”

อีกมุมหนึ่ง โรสรินยื่นแก้วกาแฟไปตรงหน้ายุนอา
“คุณโรสซื้อให้ยุนอาเหรอคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ” ยุนอาบอกอย่างดีใจ
“ฉันไม่ได้ซื้อให้เธอ ฝากไปให้นายตะวันที”
“คุณตะวันไม่อยู่ค่ะ”
โรสรินนิ่วหน้า
“ไปไหน”

ตะวันกับอุษาวดีเดินมาตามทางด้วยกัน
“ขอบคุณคุณตะวันมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ อุษาคงยังงมโข่ง คิดอะไรไม่ออก”
“ยินดีครับ”
อุษาวดีเหล่ตะวัน แล้วก็ทำเป็นถาม
“คุณตะวันไม่ค่อยสบายรึเปล่าคะ หน้าตาดูอิดโรย”
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ”
“เพราะโรสใช่มั๊ยคะ” ตะวันชะงัก
“ครับ”
“บางครั้ง อุษาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับสิ่งที่โรสทำหรอกนะคะ ทั้งๆ ที่คุณตะวันส่งคลิปที่มาลัยสารภาพความจริงมาให้โรสดูแล้ว โรสก็ควรจะอภัยให้คุณ”

ตะวันหยุดเดิน หันขวับไปมองอุษาวดีด้วยความอึ้ง อุษาวดีหยุดเดินตาม
“โรสรินเห็นคลิป”
“ค่ะ โรสยังเอามาให้อุษาดูเลย”
“แล้วทำไม เค้าถึงทำเหมือนไม่รู้เรื่อง”
“คงเป็นเพราะ...” ตะวันหันมามอง เธอจึงทำเป็นถอนใจ “เออ ไม่พูดดีกว่า”
“คุณอุษาพูดมาเถอะครับ ไม่มีอะไรที่ผมรับไม่ได้”
“ตอนนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าคุณตะวันมีอะไรกับมาลัยจริงหรือไม่จริง แต่มันอยู่ที่ว่า...” อุษาวดีทำเป็นลำบากใจ “โรสไม่ต้องการเจอคุณอีกแล้วต่างหาก โรสเคยบอกว่าคุณทำให้เธอยุ่งวุ่นวาย เธอต้องการกลับมาใช้ชีวิตตามเดิม”
ตะวันแทบล้มทั้งยืนที่ได้ยินอุษาวดีพูด อุษาวดีลุ้นเหมือนกันว่าตะวันจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แล้วโรสรินก็เดินมาเจอตะวันกับอุษาวดีพอดี
“อ้าวโรส” อุษาวดีทัก
ตะวันหันไปมองโรสริน เธอมองตะวันกับอุษาวดี ตะวันยังทำใจไม่ได้เลยตัดบท
“มีอะไรโทรหาผมได้ 24 ชั่วโมงนะครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อน”
ตะวันเดินผ่านโรสรินออกไป โดยไม่หันมาปลายตามองซักนิด โรสรินสงสัยว่าตะวันเป็นอะไร อุษาวดีลอบยิ้มพอใจ

ตะวันเดินมาตามทาง สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน โรสรินเดินตามมา
“นายตะวัน” ตะวันหยุดเดิน และหันไป “นายเป็นอะไร”
“ผมต้องถามมากกว่าคุณเป็นอะไร คุณโกหกผมทำไมโรสริน”
โรสรินนิ่วหน้า
“ฉันโกหกนายเรื่องอะไร”
“เลิกทำเป็นไม่รู้ซักที ผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว คุณต้องการให้ผมไปจากชีวิตคุณมากขนาดนี้เลยเหรอ” โรสรินเงียบ เพราะไม่เข้าใจ “ตอบผมมาสิโรสริน” ตะวันจับแขนสองข้างโรสรินกระชากเข้ามา “ตอบผมมา”
“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด ปล่อยฉันไปได้แล้ว”
“ตกลง ผมจะปล่อยคุณไป ผมมันโง่เองที่คิดว่าเรา...” โรสรินมองหน้าตะวัน “ช่างมันเถอะ ลาก่อนโรสริน”
โรสรินงงมาก ตะวันหันหลังเดินออกไป สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ

น้ำค้างมีสีหน้าตกใจขณะที่คุยโทรศัพท์กับตะวัน
“ตกลงว่าพี่โรสเห็นคลิปแล้ว”
ตะวันหน้าเศร้ามาก
“ที่เค้าโกหกว่าไม่เห็น เพราะคิดจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอหน้าพี่อีก เค้าบอกให้พี่ปล่อยเค้าไป พี่ก็จะไป ไปให้พ้นจากชีวิตเค้า”
น้ำค้างรีบพูด
“ไม่ได้นะพี่ตะวัน พี่ตะวันห้ามคิดเองเออเอง พี่ต้องไปคุยกับพี่โรสให้เข้าใจ”
“จะคุยไปทำไม ในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว พี่จะกลับไร่ตะวัน”
ตะวันวางสายทันที น้ำค้างหน้าแย่มาก
“จะทำยังไงดี” แล้วก็นึกออก “ปู่ณรงค์”

ณรงค์กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องทำงาน
“หลานสาวแกจะแต่งงาน ก็เลยอยากให้ทางโรงแรมของฉันช่วยออร์กาไนซ์งานให้ ได้สิ หลานสาวเพื่อนทั้งที ฤกษ์แต่งอาทิตย์หน้า” ณรงค์ตกใจ “แล้วจะเตรียมอะไรทัน”
ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น ณรงค์เงยหน้าเห็นยุนอาเปิดประตูเข้ามา ยุนอาทำมือขอเวลานอก
“แป๊บนะ” ณรงค์มองหน้ายุนอา “มีอะไร”
“คุณน้ำค้างโทรมาค่ะ บอกว่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับท่านประธาน”
ณรงค์แปลกใจ
“โอนเข้ามาเลย”
ยุนอาออกไป ไม่นานเสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น ณรงค์รับสาย
“ว่าไงน้ำค้าง” ณรงค์ฟังแล้วตกใจ “ตะวันจะกลับไร่ ไม่ได้นะ ปู่ไม่ยอม ยังไม่ทันเคลียร์กันเลยแล้วจะกลับไปได้ยังไง”
“น้ำค้างพยายามจะพูดแล้ว แต่พี่ตะวันไม่ฟัง น้ำค้างจนปัญญา ถึงต้องโทรให้ปู่ช่วย”
ณรงค์คิดหนัก แล้วก็นึกออก
“ปู่นึกออกแล้ว ไว้ปู่โทรกลับนะ” ณรงค์วางสายน้ำค้าง แล้วคุยกับเพื่อนต่อ “ฉันตกลงรับงานนี้ ฉันมีคนที่จะทำงานให้แกแล้ว”

ณรงค์หน้าตาเจ้าเล่ห์

ภายในห้องพักตะวัน ตะวันกำลังเก็บกระเป๋า แต่เสียงมือถือดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมากดรับสาย
 
“ว่าไงยุนอา คุณปู่ต้องการพบฉันตอนนี้ ก็ดีเหมือนกัน ฉันเองก็กำลังอยากเจอคุณปู่”
ตะวันวางสาย หน้าเครียดและเศร้า

ตะวันเข้ามาในห้องทำณรงค์เจอโรสรินนั่งอยู่ก็ประหลาดใจมาก โรสรินเองก็เช่นกัน
“นั่งก่อนตะวัน” ตะวันเข้ามานั่งข้างโรสรินแบบงงๆ “ที่ปู่เรียกเธอสองคนเข้ามา เพราะปู่อยากให้เธอสองคนช่วยกันจัดงานแต่งงานให้กับหลานสาวของเพื่อนปู่” ตะวันกับโรสรินตกใจ “งานนี้ห้ามปฏิเสธ ปู่รับปากเค้าไปแล้ว และงานจะมีขึ้นอาทิตย์หน้า”
“ผมทำไม่ได้ครับ คุณปู่หาคนอื่นแทนเถอะ”
“ถือว่าปู่ขอร้อง ช่วยปู่ก่อนเถอะ ปู่หาใครไม่ทันจริงๆ” ณรงค์พยายามส่งสายตาอ้อนวอน
โรสรินหันไปมองตะวัน ตะวันลำบากใจมาก
“ก็ได้ครับ ผมจะช่วย แต่ถ้างานเสร็จเมื่อไหร่ ผมจะกลับไร่ตะวันทันที”
ณรงค์ผงะ โรสรินชะงัก มองตะวันไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร

ตะวันกับโรสรินเดินออกมาจากห้องทำงานณรงค์ด้วยกัน ตะวันยังหน้าตึงอยู่ โรสรินหันไปมองตะวัน สีหน้ามีเรื่องคาใจ ยังไม่เคลียร์
“ตะวัน”
ตะวันรีบพูดแทรกขึ้นมา
“ผมจะโทรนัดลูกค้ามาคุย ถ้านัดเวลาได้แล้ว ผมจะโทรบอก”
ตะวันเดินออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา ทำเอาโรสรินไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรของเค้า เฮ้อ”

ภายในร้านกาแฟของโรงพยาบาล โรสรินนั่งหน้าเซ็งตรงข้ามกับกิตติทัต
“คุณตะวันอาจจะเครียดเรื่องงาน”
“ไม่ใช่นะนายขาโก่ง ตะวันเค้าเป็นบ้าตั้งแต่เช้า พูดจาคลุมเครือ แถมยังเหวี่ยงใส่ฉันอีก ฉันไม่เข้าใจ”
โรสรินดูดกาแฟจนหมดแก้ว ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ “ฉันไปซื้อกาแฟอีกแก้วนะ”
“มากไปรึเปล่าเหยิน เดี๋ยวคืนนี้ก็นอนไม่หลับหรอก”
“ช่างเถอะ ปกติก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว”
โรสรินลุกเดินออกไป โดยที่วางมือถือไว้บนโต๊ะ กิตติทัตมองโรสรินเป็นห่วง ไม่นานเสียงมือถือดังขึ้น กิตติทัตมองมือถือโรสรินเห็นชื่อตะวันขึ้นมาที่หน้าจอ เขามองไปที่โรสรินเห็นกำลังรอกาแฟ เลยตัดสินใจรับสายแทน
“ผมหมอทัตครับคุณตะวัน โรสไปซื้อกาแฟครับ”

ตะวันชะงักไปนิดหนึ่งที่รู้ว่าโรสรินไปหากิตติทัต
“ฝากบอกเค้าว่าผมนัดลูกค้าไว้ตอนห้าโมงเย็นที่โรงแรม”
ตะวันวางสาย ถอนหายใจ

โรสรินเดินกลับมานั่งพร้อมกับแก้วกาแฟ กิตติทัตเงยหน้ามอง
“คุณตะวันโทรมาบอกว่านัดลูกค้าไว้ห้าโมงเย็น”
“แล้วเค้าพูดอะไรอีกรึเปล่า”
“ไม่” โรสรินถอนใจ “ทัตว่าโรสควรเคลียร์กับคุณตะวันให้เข้าใจ ปล่อยไว้นานจะยิ่งไม่เข้าใจกัน”
“ช่างปะไร ฉันก็ไม่ได้อยากให้เค้าเข้าใจ เค้าทำเหมือนฉันเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่เค้านั่นแหละที่ผิด” พูดแล้วก็เจ็บปวด
“โรส ทิฐิไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น” โรสรินนิ่งฟัง “การจะเจอใครซักคนที่เรารัก มันไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเจอแล้ว ก็ควรจะรักษาเค้าเอาไว้ อย่าปล่อยให้เค้าเดินไปจากเรา ไม่งั้นจะมานั่งเสียใจไปตลอดชีวิต”
โรสรินนิ่วหน้า
“นายขาโก่ง นี่นายมีความรักรึเปล่า” กิตติทัตหน้าถอดสี “ทำไมนายถึงดูเข้าใจเรื่องพวกนี้นัก”
กิตติทัตหลบตา
“ทัตจะมีความรักได้ไง วันๆ ทำแต่งาน”
โรสรินจับหน้ากิตติทัตให้หันมา
“ทัตโกหกฉันไม่ได้หรอก บอกฉันมาว่าชอบใคร”
กิตติทัตเอามือโรสรินออก
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่มี ทัตต้องออกตรวจแล้ว”
กิตติทัตลุกขึ้นเดินออกไป โรสรินมองตามอย่างไม่หายสงสัย
“ต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

โรสรินกำลังขับรถด้วยความเร็ว เหลือบมองนาฬิกาเห็นเวลาบ่ายสี่โมงกว่า
“จะไปกลับทันนัดรึเปล่า”
โรสรินหยิบมือถือข้างตัวขึ้นมาจะโทรไปบอกตะวัน แต่ทำมือถือร่วงลงพื้น เธอเอื้อมควานหามือถือ แต่ไม่เจอ
จังหวะนั้นรถคันหนึ่งแล่นออกจากซอยมาพอดี

เสียงโครม! ดังขึ้น โรสรินหน้าทิ่มตกใจ หันไปมองเห็นว่าชนรถคันหน้า โรสรินหน้าเสีย


จบตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น