สีสันละครไทย 2556 : ตัวจี๊ด ผีซี้ด ร้ายแรง แย่งซีน!
ความแซบของวงการบันเทิงไทย โดยเฉพาะ “ละคร” นับว่ามีการแข่งขันสูงในหลายๆช่องทางทั้งฟรีทวี และเคเบิลทีวี และ “ฮอต” ทีเดียว โดยเฉพาะละครของช่อง 3 ที่มีความหลากหลาย บางเรื่องติดกันงอมแงมทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่เพียงแต่พระ-นางเท่านั้น ที่จะเป็นตัวสร้างสีสันและเรียกเรตติ้ง ต้องบอกว่าในยุคโซเชียลมีเดีย “ดาราดังข้ามคืน” มีไม่น้อย ที่ได้รับความสนใจจากคนดู กำลังใจที่มากค่า ตัวสร้างสีสัน ความแซบที่มีในละครที่ไม่อาจขาดไปได้ทั้งฝีมือและกระแสที่ผู้สร้างและนักแสดงต้องพัฒนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนี่คือสีสันของวงการละครไทยในปี 2556
“พลอย” รำพึง ถึง “พิมพ์มาดา”
1. “คุณรำพึง” ในละคร “บ่วงบาป” รับบทโดยดาราสาวเจ้าบทบาท “พลอย เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์” ในละครสไตล์พีเรียด เป็นนางอิจฉาที่แย่งซีนทุกคน รวมไปถึง “หยาดทิพย์ ราชปาล” กับ “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” ที่รับบทพระนางแสนดี เรตติ้งหนีภาษีทำให้ละครเรตติ้งไม่สูงนัก แต่ฝีมือการแสดงแย่งซีนพระนางและรุ่นลูกทุกตัวในเรื่องจนคนขนานนามสาวๆเหล่าร้ายว่า “รำพึง” ตามพลอยในเรื่อง ทั้งฉากร้าย เลิฟซีน ด่าทอ ต่อตี เรียกว่าพลอยมีครบ รวมไปถึงบทแม่ที่เธอถ่ายทอดออกมาได้ดีในบทร้าย รวมไปถึง“พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร” นางร้ายหน้าเด็ก แจ้งเกิดด้วยบท นางร้าย “เอื้องคำ” หรือ “เหม่ยฟาง” ในละคร “เรือนเสน่หา” ที่ต้องบอกว่าร้ายทะลุจอเปลือกทุเรียนมาคอย และเป็นที่พูดถึงมากทีเดียวกับกระแสที่ร้ายจนน่าตบ เรียกว่าพิมตีบทแตกกระจุย ทั้งงานทั้งรัก รุ่งไปเลยในปีนี้
“อันดา” หน้าเป็น
2. “น้องเมย์” จากละคร “พรพรหมอลเวง” เวอร์ชัน 2556 รับบทโดย “อันดา กุลฑีรา ยอดช่าง” นักแสดงเด็กมากฝีมือที่แจ้งเกิดสาวน้อยวัยใสเสียงห้าวแต่การแสดงไม่ธรรมดา ด้วยบทสลับร่างกับนางเอกอย่าง “เบลล่า ราณี แคมเปน” ในบท “ตันหยง” ทั้งบทในวัยเด็กและการเล่นเกินตัวในวัยผู้ใหญ่ อันดาได้แฟนคลับที่ชื่นชอบเธอจากละครเรื่องนี้และตามมาด้วยพรีเซ็นเตอร์โฆษณาอีกหลายชิ้น บวกกับฉากที่ต้องเล่นกับ “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” หรือ “น้าวี” ในเรื่องที่อันดาแสดงไว้อย่างสมบทบาท เป็นลูกรัก “ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์” ผู้จัดละครเรื่องนี้ไปในบัดดล
ฮอตเวอร์! ปีเตอร์-ชาคริต
3. สามทหารเสือ มีทั้งหมด 3 เรื่องในซีรีส์เรื่องนี้ ประเดิมด้วย เรื่อง “มายาตวัน” ที่ “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” รับบทนางเอก ประกบ “อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์” เรื่องที่ 2 “มนต์จันทรา” บทของ “ษมา” กับ “สาระวารี” รับบทโดย “ชาคริต แย้มนาม” กับ “มาร์กี้ ราศี” ทั้งสองคนแสดงได้ดีและมีคนหลงรักเจ้าพ่อษมา ทั่วบ้านทั่วเมือง จนทำให้เรื่องสุดท้ายอย่าง “ฟ้ากระจ่างดาว” ที่นำแสดงโดย “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์”และ “แมท ภีรนีย์ คงไทย” รวมไปถึงพระเอกว่าที่คุณพ่อที่ไม่น่าเชื่อว่าฝีไม้ลายมือในการเล่นเป็น “สารวัตรนฤเบศร์” ของ “ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล” จากเรื่อง “นางร้ายสายลับ” ที่เขาประกบนางเอกมาร์กี้ โด่งดังคนปลื้มในบทบาทนี้มากเช่นเดียวกัน
จุฑาเทพฟีเวอร์
4. ซีรีส์อันโด่งดังของช่อง 3 สุภาพบุรุษจุฑาเทพ นอกจาก “เจมส์จิ จิรายุ ตั้งศรีสุข” ซุปตาร์สายฟ้าแลบ จะแจ้งเกิดจาก “คุณชายพุฒิภัทร” และคุณชายทั้ง 5 แน่นอนว่า ตอน “คุณชายรัชชานนท์” พระเอกและผู้จัดละครรุ่นใหญ่อย่าง “อ๊อฟ พงพัฒน์ วชิรบรรจง” ยังแจ้งเกิดจากบท “พ่อใหญ่” กอบกู้ชาติบ้านเมืองแย่งซีนพระนางได้ไม่น้อยทีเดียว ในฉากกราบแผ่นดิน ที่ทั้งคอบันเทิงและการเมือง ต่างคิดเห็นตรงกันว่า “สะเทือนอารมณ์” ไม่น้อย
ปรากฏการณ์ “ผีอีเฟือง”
5. “ผีอีเฟือง” ในละคร “แค้นเสน่หา” รับบทโดย “แดง ธัญญา วชิรบรรจง” ฮอตไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งโลกออนไลน์ โซเชียลมีเดีย รวมทั้งละคร แซงหน้าพระ-นาง “เฟือง” กลายเป็นผีที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความดุร้ายไปในทันทีในช่วงที่ละครออกอากาศ ทั้งการแสดง เสียงหัวเราะ ที่ไม่ได้น่ากลัวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความโหดร้าย มีความจงรักภักดีที่ แดง ธัญญา รับทนี้ได้โดนใจ “ไก่ วรายุทธ มิลินทจินดา” ผู้จัดละครเรื่องนี้ยิ้มแก้มแทบแตกกับกระแสละครเรื่องนี้ที่ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองเช่นเดียวกับที่ “ผีอีเม้ย” เคยฝากไว้เป็นปรากฏการณ์
“หมอก้อง” จ้อง “ญาญ่า”
6. “ไอ้วัน” จากละคร “ดาวเรือง” รับบทโดย “หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ” หมอผู้กู้พ.ร.บ.นิรโทษกรรมซึ่งเคยรับบทพระเอกมาแล้ว แต่ไม่แจ้งเกิด แต่พอมาเป็นตัวร้ายปนตลกในบท “ไอ้วัน” หนุ่มมาดกวนผู้หลงรักดาวเรือง ที่ “ญาญ่า อรัสยา เสปอร์บันด์” รับบทนางเอก หมอก้องสอบผ่านมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นจากลีลากวนประสาท ร้ายปนตลก แม้จะมีหลายคนชื่นชอบในบทของ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในเวอร์ชันเก่าแต่คะแนนสอบผ่านของหมอก้องเรื่องนี้แย่งซีน “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” ในบทพระเอกได้ไม่น้อยทีเดียว
“จอย” นางร้ายจัดให้
7. “เจ้านางอินยา” นางร้าย 2 ชาติ 2 ภพ ในละคร “สาปพระเพ็ง” ที่รับบทโดย “จอย ริณลณี ศรีเพ็ญ” ของค่ายเป่าจินจง โดย “นพพล โกมารชุน” แย่งซีนนางเอกอย่าง “น้องน้อย” ที่รับบทโดย “มิว ลักษณารา เปี้ยทา” ที่ขึ้นแท่นมาเป็นนางเอกละครหลังข่าวในเรื่องนี้แต่ไม่โด่งดังเท่าละครเย็นที่เธอเคยแสดงไว้ใน “รักนี้หัวใจมีครีบ” ในเรื่องสาปพระเพ็งเธอจึงโดนจอยแย่งซีนบทเด่นไปอย่างถนัดตา ทั้งฉากเศร้า เสียใจ ชิงรักหักสวาท ที่ต้องบอกว่าสาวจอยร้ายสุดขั้ว แม้ว่าเรื่องราวรักๆใคร่ๆของเธอกับ “น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์” จะไปด้วยกันไม่ได้ แถมมีข่าวเป็นกิ๊กของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” แต่ทว่าฝีมือการแสดงไม่เคยตกจริงๆสำหรับนางร้ายคนนี้ ฮอตทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
“ลำยอง” ละครดีสุดซอย เหมารางวัลยกเข่ง
8. “ทองเนื้อเก้า” ละครจอมแย่งซีนของจริง แม้ว่าจะออกอากาศในช่วงท้ายมีกระแสการเมืองเข้ามาแย่งซีนไปบ้าง แต่กระแสเรตติ้งช่อง 3 ถล่มทลายจากเรื่องนี้ มีแต่คนแย่งซีนลำยอง ทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็กทำเอาหนาวทั้งวงการ เมื่อ “ยายแล” แม่ของลำยอง รับบทโดย “แอ๊ว อำภา ภูษิต” และ “ยายปั้น” แม่ของ “สันต์” ที่รับบทโดย “ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ” ในเรื่อง นำแสดงโดย “โย ทัศวรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา” ตีบทแตกกระจาย เถียงกันทะเลาะกันจนดังกว่าพระ-นางในเรื่อง นอกจากนี้ วันเฉลิมในแต่ละรุ่น แม้ไม่มีบทพูดมากนักอย่างวันเฉลิมตอนเล็ก “เมลิค เอเฟ่ ไอกูนย์” กระชากใจคนดูได้ไม่น้อย ขยับมาด้วย “แม๊ก ณัฐพัฒน์ นิมจิรวัฒน์” วันเฉลิม รุ่น 2 ที่ต้องบอกว่าพอเจอลีลากับ “ละม่อม ไข่ตุ้ม” หรือ “เนย รตวรรณ ออมไธสง” พี่เลี้ยงในบ้านเข้าไป ก็ดังกระฉ่อนชั่วข้ามคืนในลีลาการแสดงและสำเนียงของละม่อมจนคนพูดถึงทั่วบ้านทั่วเมือง แย่งซีนชั่วข้ามคืน รวมไปถึงลูกสาวของลำยองอีกคนที่ร้องไห้ตลอดทั้งเรื่องในบทเด็กพิเศษในบท “น้องอ้อย” ที่รับบทโดย “ฮานะ วิชญพร คุณาอนุวิทย์” สาวน้อยวัยขวบเศษ ร้องไห้ทุกฉากจนแฟนละครเอ็นดูในความน่ารักน่าเอ็นดูของเธอ และนางเอกตัวเด่นแย่งซีนอีกคนคงต้องยกให้ “โซบี โชติรส ชโยวรรณ” ในบทของ “ลำยง” น้องสาวผู้สู้ชีวิตและเป็นตัวแทนของการทำมาหากินที่ต้องบอกว่าเรื่องนี้ เธอเล่นดีและเป็นนางเอกในเรื่องที่ฝีมือไม่แพ้ “นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี” ในบท “ลำยอง” เช่นกัน
วิมานของ “ดู๋”
9. “อากง” หรือ “ผีเถ้าแก่” ในละคร “วิมานมะพร้าว” ที่รับบทโดย พิธีกรชื่อดังอย่าง “ดู๋ สัญญา คุณากร” บทนี้ “ตา ปัญญา นิรันดร์กุล” เคยเล่นไว้ในเวอร์ชันที่แล้ว แต่ดู๋ก็แสดงได้ดีเช่นเดียวกัน บวกการเข้าขาของนางเอกในเรื่องอย่าง “เชียร์ ทิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์” เล่นเข้าขากันจนดูเหมือนแย่งซีนพระเอก อย่าง “ธันวา สุริยจักร” ถือว่าการหันมารับงานละครครั้งนี้ของพิธีกรคนดังก็สร้างความสนุกสนานได้มากทีเดียว แม้ว่าละครเรตติ้งจะไม่ค่อยสวยก็ตาม
“เจ๊เมี่ยงเจิด” กะเทยกล้ามล่ำสุดแย่งซีน
10. “เจ๊เมี่ยงเจิด” ในละคร “มาดามดัน” นำแสดงโดย “ชาย ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ” คนนี้มาแรงและเรียกว่าอินกับกระแสละครจนใครๆล้อเลียนท่าทางและวลีฮิต “เมี่ยงเจิด ถ้าไม่เริด ก็เชิดใส่” ที่แอบคล้าย “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผจก.ส่วนตัวดาราคนดังในวงการบันเทิง บทตุ้งติ้งชวนตีกับ “มาดามพุชชี่” ที่ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” รับบทปั้น “มาริโอ้ เมาเร่อ” แต่ดูเหมือนว่าบทตลกจะไม่เข้ากับพลอยเล่นร้ายเจิดกว่าจึงทำให้เรื่องนี้ “เจ๊เมี่ยง” แย่งซีนทุกคนไปทันที ใครต่อใครการันตีว่าชายสอบผ่าน บวกกับท่าทางสะดีดสะดิ้ง ในบทกะเทยตลกโปกฮาแอบร้ายที่ต้องบอกว่า “ชายชนะเลิศ” แย่งซีนนักแสดงคนอื่นทั้งเรื่อง
“เกรท” แจ้งเกิด
11. “ราพณ์” รับบทโดย “เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์” ในละคร “สามี” ที่เหนือความคาดหมาย เพราะตอนเล่นเป็นบท “คุณชายธราธร” ในซีรีส์ชุด “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ก็ยังไม่เปรี้ยงเท่ารับบทเป็นสามีของนางเอกคนเดิม “พรีม รณิดา เตชะสิทธิ์” ในบท “รสิกา” หนุ่มจีนมาดกวนที่ขยับบทบาทเข้มข้นกว่าเรื่อง “สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2” และพัฒนาฝีมือการแสดงไปได้มาก จนแฟนคลับละครออนไลน์เข้าอ่านละครเรื่องนี้เฉลี่ยตอนละกว่า 2 แสนคลิก ที่เนื้อหาเข้มข้นและกล่าวชื่นชมว่า เกรทตีบทราพณ์แตกกระจุย และได้ใจแฟนคลับไปแบบเต็มๆ แจ้งเกิดในบทพระเอกเรื่องนี้จริงๆเสียที
“เจนี่-แตงโม” : กล่องดวงใจสายฟ้าแลบ
12. แซบและจี๊ดในวงการบันเทิงเป็นสีสันของวงการบันเทิงไทยในปีนี้ ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับ 2 นางเอก 2 ช่อง แม้ว่าจะมีผลงานละครแต่ทว่าทั้ง 2 สาวนี้ก็กลับฮอตในเรื่องส่วนตัวอย่าง “เจนี่ อัศวเหม” จากละครเรื่อง “ดาวเกี้ยวเดือน” ที่มีเนื้อหาใหม่ของค่ายบรอดคาสท์ไทยเทเลวิชั่น ซึ่งแน่นอนว่าข่าวจดทะเบียนฟ้าแลบ กับ “เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” อดีตสามีของนักร้องรุ่นใหญ่ “ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย” ก็ทำให้เรื่องส่วนตัวของเจนี่ ดังและแย่งซีนละครที่ตัวเองเล่นเสียอีก แซบไม่น้อยไปกว่ากัน กรณีนางเอกช่อง 7 “แตงโม ภัทรธิดา พัชระวีรพงษ์” ที่แม้ว่าจะมีงานละครถึงขั้นได้รับบทนางเอกอีกครั้งจากละคร “นักสู้มหากาฬ” ประกบ “เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารส” แต่ทว่าผลงานการแสดงยังไม่เทียบเท่ากับข่าวหมั้นสายฟ้าแลบกับ “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ที่คบหากันไม่กี่เดือน แซบ แย่งซีนสุดๆส่งท้ายปี 2556 ของจริงทั้ง 2 นาง!
