xs
xsm
sm
md
lg

มาดามดัน ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาดามดัน ตอนที่ 12

พุชชี่พยายามมองหาเน็กซ์ ระหว่างนั้นติณณภพก็เดินเข้ามาจากในตึกตัวของสถานีรถไฟ

“เป็นไงคะพี่ติณ..เจอมั้ย”
ติณณภพพยักหน้ารับ “บังเอิญพี่เจอคนไทยที่นี่ เขาจำเน็กซ์ได้ แล้วก็เห็นเน็กซ์ขึ้นรถไฟออกจากปารีสไปได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าไปที่ไหน”
พุชชี่คิดแล้วนึกได้ “เน็กซ์บอกน้องว่าเขาจะไปที่เมือง Deauville น้องปล่อยให้เขาไปคนเดียวไม่ได้นะคะพี่ติณ”
ติณณภพพยักหน้ารับ “งั้นเราจะตามเขาไป เดี๋ยวพี่จะไปจัดการเรื่องตั๋ว แล้วค่อยกลับไปเก็บเสื้อผ้าของน้องที่โรงแรม”
“ขอบคุณค่ะพี่ติณ”
ติณณภพเดินกลับเข้าไปในสถานี ระหว่างนั้นหนูดอกเข้ามาพอดีเดินเร็วๆมาจากอพาตเมนท์
“มาดาม..มาดามคะ ตกลงเน็กซ์หายไปจริงๆเหรอคะ” หนูดอกถาม พุชชี่พยักหน้า “ตอนมาดามโทรมาบอกหนูตกใจแทบแย่ ไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งขนาดนี้”
“ชั้นรู้ว่าเน็กซ์จะไปที่ไหน พี่ติณจะพาชั้นไปหาเขา”
“ไปกับกัปตันน่ะเหรอคะ..แค่เจอหน้ากัปตันอยู่กับมาดามเน็กซ์ยังแผลงฤทธิ์ขนาดนี้ ถ้าพากันไปด้วยกันอีก..หนูว่า….”
“เขาต้องยอมรับความจริงนะหนูดอก”
“มาดามให้เน็กซ์ยอมรับความจริงก็แสดงว่ามาดามเลือกแล้ว”
พุชชี่นิ่งไปแล้วเปลี่ยนเรื่อง “เธออยู่ที่นี่คอยจัดการกับเจ๊เมี่ยงให้ชั้นด้วยแล้วกัน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงแล้วค่ะ..เจ๊เมี่ยงพาแพตตี้กลับเมืองไทยไปแล้ว”
พุชชี่แปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น”
“หนูก็ไม่รู้ค่ะ..แต่เอาเป็นว่ามาดามสบายใจเรื่องเจ๊เมี่ยงไปได้แล้วหนึ่งเปลาะ ที่เหลือก็แค่เรื่องของมาดาม ส่วนหนูก็จะกลับไปดูงานที่เมืองไทยให้เอง”
พุชชี่พยักหน้ารับแล้วดึงหนูดอกมากอด “ขอบใจมากนะหนูดอก”
พุชชี่กอดหนูดอกด้วยสีหน้าครุ่นคิดหนักใจ

สวนหน้าโรงแรม Normandy Barriere มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและใหญ่โต เน็กซ์เดินมาหยุดมองที่ตัวโรงแรมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองสภาพแวดล้อมรอบๆ เมือง เน็กซ์ทำสีหน้าจริงจังก่อนที่เสียงโทรศัพท์มือถือจะดัง เขานิ่งไปแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูเบอร์ด้วยสีหน้านิ่งครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย
“สวัสดีครับพี่อาร์ท ..มาดามเขาใช้ให้พี่โทรหาผมใช่มั้ยครับ”

อาร์ทที่ยังเข้าเฝือกนอนอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นคุยโทรศัพท์กับเน็กซ์
“เปล่า..พี่โทรคุยกับหนูดอกก็เลยรู้เรื่องที่เน็กซ์พูดกับพุชชี่”
“ขอโทษนะพี่ ถ้าพี่ต้องเสียค่าโทรทางไกลมาเพื่อจะเตือนสติว่าผมมันเด็กเกินไปล่ะก็ เสียดายเงินแล้วก็เสียเวลานอนพักผ่อนด้วยครับ”
“เดี๋ยวสิเน็กซ์..พี่ไม่ได้โทรมาเตือนสติอะไรแก สำหรับพี่ความรักมันไม่เกี่ยวกับอายุ พี่เลยเข้าใจแกไงไอ้น้องชาย”
เน็กซ์ชะงัก “เข้าใจผม ?”
“ใช่..พี่คิดอยู่แล้วว่าสักวันเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้น เพราะพี่เองก็เคยหลงรักผู้หญิงคนนั้น คนที่ซ่อนอยู่ในตัวพุชชี่เหมือนกัน”
เน็กซ์ชะงัก “พี่อาร์ท ?”
“เราทุกคนรู้ดีว่าพุชชี่คือหน้ากากของมาดามดัน ที่คอยต่อสู้เพื่อพวกเรา ดูแลพวกเรา แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆแสนดีที่อยู่ในตัวเธอคนนั้น...กลับไม่มีใครคอยดูแล”

พุชชี่พยายามกดมือถือโทรติดต่อหาเน็กซ์แต่สายไม่ว่าง ติณณภพเดินมาหาพุชชี่ที่ยืนมองโทรศัพท์ในมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้วก็เป็นห่วง พุชชี่พยายามโทรอีก
ติณณภพพูดขึ้น “พี่ว่าน้องเลิกโทรหาเน็กซ์ได้แล้วล่ะ”
“เขาดื้อมากค่ะ ไม่พอใจอะไรขึ้นมาก็ชอบพยศใส่”
พุชชี่จะกดโทรศัพท์แล้วโทรออกแต่ติณณภพยื่นมือไปจับไว้เพื่อบอกว่าไม่ต้องโทรแล้ว
“ตั้งแต่ออกมาจากปารีส น้องโทรไปไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว ไม่เห็นเขาจะรับสายเลย”
พุชชี่นิ่งมองโทรศัพท์
“เชื่อพี่เถอะ พี่เคยมา Deauville หลายครั้งแล้ว ที่นี่มีโรงแรมอยู่แค่ไม่กี่แห่ง ถ้ามีคนไทย มาเช็คอินยังไงก็ต้องได้เรื่อง”
“แล้วโรงแรมที่พี่เข้าไปดูมาเมื่อกี้นี้ล่ะคะ”
ติณณภพส่ายหน้า “ไม่มี”
“งั้นเราแยกกันหาจะได้ไม่เสียเวลา น้องจะไปดูทางนี้แล้ว อีกชั่วโมงเราค่อยกลับมาเจอกัน”

พุชชี่บอกติณณภพแล้วรีบเดินแยกออกไปคนละทางกับที่ติณณภพเดินมา ท่าทางสีหน้าและแววตาของพุชชี่แสดงออกว่าเป็นห่วงเน็กซ์มากจนทำให้ติณณภพมองตามอย่างครุ่นคิด

เน็กซ์ยังคุยโทรศัพท์กับอาร์ท
 
“ใช่ครับพี่อาร์ท ผมหลงรักเธอ อยากอยู่ใกล้เธอตลอดเวลา” เน็กซ์สงสัย “แล้วทำไมพี่ถึง...”
“เลิกตามตื้อพุชชี่น่ะเหรอ.. หึๆๆ พี่เป็นฝ่ายแพ้เอง หลังจากพยายามถึงที่สุดแล้วพบว่า ยังไงพี่ก็ไม่ใช่สำหรับเธอ”
เน็กซ์ตัดพ้อ “เพราะคนที่ใช่คือกัปตันคนนั้นคนเดียว”
อาร์ทยิ้ม “ไม่ใช่หรอกไอ้น้องรัก..พี่อยู่ใกล้พุชชี่มานาน พี่รู้ว่ายังไม่มีใครที่ใช่เลยต่างหาก”
เน็กซ์แปลกใจ “แต่ตอนนี้เขาอยู่ด้วยกันที่นี่นะครับพี่”
“แล้วไงไอ้น้อง ถ้าพุชชี่จะเลือกกัปตันจริงๆ ป่านนี้คงเป็นมาดามอยู่ในชาร์โต้หรูๆไปแล้ว ไม่เห็นต้องรอจนอายุขนาดนี้เลย... จำไว้นะ ในเมื่อกรรมการยังไม่เป่าหมดเวลา มันก็ยังหาคนแพ้คนชนะไม่เจอ”
เน็กซ์นิ่งไปครู่นึงแล้วมีสีหน้าที่เริ่มมีความหวังขึ้นมา
“ขอบคุณมากครับ...ท่านเซอร์อเล็กซ์”
“ได้เลยไอ้เด็กผี..เชื่อเฟอร์กี้แล้วได้ชูถ้วยแชมป์แน่” อาร์ทกดวางสายแล้วยิ้มกับโทรศัพท์
เน็กซ์มีสีหน้ามีความหวังเพราะคิดฮึดสู้แย่งชิงพุชชี่กับติณณภพ

ติณณภพที่มารอมองเวลาตามที่นัดกับพุชชี่ไว้ ครู่หนึ่งพุชชี่ที่ถือมือถือมาด้วยก็เดินหน้าเศร้าเข้ามา
“ไม่เจอใช่มั้ยคะ”
ติณณภพพยักหน้า พุชชี่เศร้าเครียด ติณณภพปลอบ
“พี่ว่าเน็กซ์เขาโตมากพอที่จะดูแลตัวเองได้นะ”
“โตแต่ตัวน่ะสิคะ..แค่ไม่ได้อย่างใจนิดเดียว ก็ทำให้คนอื่นต้องเป็นห่วงแล้ว”
พุชชี่บ่นไปสีหน้าก็ยิ่งเพิ่มความเป็นห่วงเป็นใยจนติณณภพสังเกตเห็นชัดมากขึ้น
“เรื่องที่ทำให้เขาไม่ได้อย่างใจมันคืออะไร”
พุชชี่ชะงักไปเพราะรู้ว่าเน็กซ์โกรธเธอแต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกมา
“ในเมื่อเราก็แค่อยากช่วยเขา เขาก็ไม่น่าแสดงท่าทางว่าโกรธน้องโกรธพวกเรามาก ขนาดนี้” ติณณภพว่า
“เอ่อ…เพราะอีโก้ของเด็กไงคะ พอน้องขอให้พี่มาช่วย เขาก็เลยรู้สึกเสียหน้า”
ติณณภพฟังอย่างครุ่นคิด ระหว่างนั้นโทรศัพท์ติณณภพดังจึงหยิบมารับสายคุยเป็นภาษาฝรั่งเศส
ติณณภพพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส “ที่ City Hall เหรอ ? ขอบใจมากนะ”
ติณณภพวางสายแล้วหันมาที่พุชชี่
“พี่ขอให้เพื่อนที่ธุรกิจส่งอาหารสดตามโรงแรมช่วยเช็คดู เลยได้เรื่องแล้วว่าเน็กซ์เช็คอินอยู่โรงแรมไหน”
“งั้นเรารีบไปกันเถอะค่ะ”
“ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่โรงแรม พนักงานที่นั่นบอกว่าเน็กซ์จะไปที่ City Hall ของเมือง”
พุชชี่ดีใจขึ้นมาทันที

เน็กซ์เดินออกมาจากตึก City Hall ด้วยสีหน้าผิดหวังก่อนจะเดินไปนั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่ม้านั่งสีขาวหน้า City Hall แล้วทอดสายตามองนักท่องเที่ยวรอบๆตัว
เสียงพุชชี่ดังขึ้น “เน็กซ์ !!”
เน็กซ์ชะงักแล้วหันไปตามเสียงก็เห็นพุชชี่เดินตรงดิ่งมาหา โดยที่ติณณภพเดินตามหลัง เน็กซ์ยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์นิดๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาพุชชี่แล้วยิ้มกวน
“ป้า..นี่เก่งจัง ตามเจอผมจนได้เลย กำลังคิดถึงอยู่พอดี ขอกอดทีนะ”
เน็กซ์แสดงอาการกวนโดยการดึงพุชชี่มากอดหน้าตาเฉยแบบจงใจทำให้ติณณภพเห็นจะๆ ทำเอาติณณภพอึ้ง พุชชี่ไม่ทันตั้งตัวเลยตกใจจนเหวอขณะอยู่ในอ้อมกอดของเน็กซ์ พอตั้งสติได้เธอก็รีบผลักเน็กซ์แรงๆ
“ปล่อย ทำบ้าอะไรของเธออีกเนี่ย รู้มั้ยว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วง”
“ผมขอโทษ”
“แค่ขอโทษ..แล้วทำกับชั้นแบบเมื่อกี้นี้น่ะเหรอ เธอนี่....ไม่รู้จะหาคำไหนมาสั่งมาสอนแล้ว”
“ก็ผมดีใจที่ได้เจอป้า เมื่อกี้ผมกำลังเสียใจ หดหู่ หมดหวังอยู่พอดี อุตส่าห์ตามเบาะแสพ่อมาถึงที่นี่แล้ว แต่ก็มาแห้วอีกจนได้”
เน็กซ์ตีหน้าเศร้าเล่นละครให้ดูน่าสงสารสุดฤทธิ์จนพุชชี่หลงเชื่อ
“นี่หมายความว่าพ่อเธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเหรอ”
“ครับ..แถมยังไม่เหลือเบาะแสอื่นให้ตามอีก งานนี้ผมจนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
พุชชี่เห็นเน็กซ์เศร้าก็เลยสงสารจึงเข้าไปลูบแขนปลอบใจ
“เห็นมั้ย..ชั้นบอกเธอแล้วไง ว่าเธอแก้ปัญหานี้คนเดียวไม่ได้ เธอต้องให้พี่ติณช่วย”
เน็กซ์มองติณณภพอยู่ครู่นึงก่อนจะพูด “ผมแค่ไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวของผมไปทำให้คนอื่นต้องเสียเวลา ผมเกรงใจครับ”
ติณณภพยิ้มให้เน็กซ์แล้วขยับเข้าไปใกล้พุชชี่ก่อนจะใช้มือโอบไหล่แล้วดึงเธอให้เข้ามาแนบชิดแบบจงใจให้เน็กซ์เห็น
“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก..ปัญหาของพุชชี่ก็คือปัญหาของพี่อยู่แล้ว พี่ยินดีช่วยเต็มที่ จนกว่าน้องจะได้เจอพ่อ”
ติณณภพพูดไปก็บีบไหล่โอบกอดพุชชี่แล้วหันมายิ้มกับเธอ พุชชี่ชะงักมองติณณภพก่อนจะพูด
“เอ่อ...ค่ะถ้าเป็นพี่ติณช่วย น้องก็มั่นใจว่าเน็กซ์จะต้องได้เจอพ่อแน่นอน”
เน็กซ์มองสองคนที่ยิ้มให้กันต่อหน้าแล้วก็รู้สึกขัดใจแต่ก็พยายามเก็บอารมณ์
ติณณภพพูดต่อ “ไปอยู่ที่ชาร์โต้พี่ด้วยกันก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตะลอนไปทั่ว”
เน็กซ์ยิ้มรับ “ได้ครับ” เน็กซ์ยื่นมือมาให้จับ “ขอบคุณมากนะครับ ระหว่างที่ผมอยู่ชาร์โต้ ผมฝากเรื่องตามหาพ่อด้วยนะครับ”
“เต็มที่อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง”
เน็กซ์ยื่นมือออกไปขอเชคแฮนด์ ติณณภพมองเน็กซ์แล้วยื่นมือไปเชคแฮนด์ด้วย สองหนุ่มสองวัยออกแรงบีบมือฝ่ายตรงข้ามเหมือนต้องการแสดงออกให้รู้ว่าความต้องการที่แท้จริงของแต่ละคนคืออะไร พุชชี่มองทั้งสองคนแบบรู้สึกได้ถึงแรงหึงที่ทั้งคู่กำลังงัดออกมาข่มกัน
 
พุชชี่เริ่มใจคอไม่ดี

ณ ไร่องุ่นและเทือกเขาสลับซับซ้อนสวยงาม
 
มีปราสาทเก่าๆตั้งเด่นตระหง่านอยู่ตามยอดเขา ซึ่งเป็นบรรยากาศชนบทฝรั่งเศสที่สวยงาม ประตูเหล็กบานใหญ่ CHATEAU DE POMMERY ถูกเปิดเข้าไป
ติณณภพขับรถผ่านประตูเข้ามาจอดที่หน้าชาร์โต้ที่ใหญ่โตและสวยคลาสสิค เขาลงจากรถเปิดประตูให้พุชชี่ตามหน้าที่สุภาพบุรุษ ในขณะที่เน็กซ์เมื่อลงจากรถก็ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นสภาพความใหญ่โตอลังการมาก
ติณณภพตบบ่าเน็กซ์แล้วพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส “CHATEAU DE POMMERY ยินดีต้อนรับ”
“ที่ผมเห็นทั้งหมดที่นี่..ของพี่เหรอ” เน็กซ์ถาม
“ถ้ารวมไร่องุ่นตลอดทางที่ผ่านมาด้วยก็ใช่ แต่ก็เป็นมรดกของพ่อเลี้ยงพี่ที่ยกให้บริหาร ดูแลต่อ”
“แล้วพ่อเลี้ยงพี่ล่ะคะพี่ติณ” พุชชี่ถาม
“ช่วงนี้ท่านงอนไม่อยากเจอหน้าพี่ ก็เลยหนีไปเที่ยวแอฟริกาคนเดียว”
“อ้าว...ทำไมล่ะคะ”
“ก็เรื่องที่พี่ปฏิเสธแต่งงานกับเลดี้ที่ท่านอยากให้มาเป็นมาดามของพี่ไง”
พุชชี่ชะงัก เน็กซ์หันมาฟังอย่างสนใจ ติณณภพจับบ่าพุชชี่บีบเบาๆแล้วยิ้มให้
“แต่น้องพัฒไม่ต้องห่วง พี่อธิบายให้พ่อเลี้ยงเข้าใจแล้วว่า พี่มีผู้หญิงที่พร้อมจะมาเป็น มาดามของพี่อยู่แล้ว..ใช่มั้ยจ๊ะมาดามพุชชี่”
พุชชี่ชะงักอึ้งมองติณณภพแล้วเหลือบไปมองเน็กซ์ที่ขบกรามแสดงอาการไม่พอใจ “เอ่อ.. พี่ติณ..พูดกับท่านไปแบบนั้นท่านถึงได้โกรธพี่ไง”
“ไม่หรอก..ถ้าท่านรู้ว่าว่าที่มาดามของพี่มาอยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ ท่านคงรีบบินกลับมาดูหน้า ทันทีเลยล่ะ”
เน็กซ์กระแอมขัดคอขึ้น “ขอโทษนะครับพี่ นั่งรถมาตั้งหลายชั่วโมง ผมอยากเข้าห้องพักแล้ว ชาร์โต้ใหญ่โตขนาดนี้.. ปล่อยให้ผมเดินหาคนเดียว คงหลงทางแน่”
“โทษทีนะน้อง เรื่องที่พักของนายพี่เตรียมไว้ให้แล้ว อยู่ทางโน้น....”
ติณณภพผายมือไปทางด้านนอกที่ไม่ใช่ตึกใหญ่ตรงหน้า
เน็กซ์แปลกใจแล้วชี้ “ไม่ใช่ตึกนี้เหรอครับ”
“ไม่ใช่....ตึกนี้พี่จะพักกับพุชชี่ ส่วนของน้อง.. เชิญทางนี้”
ติณณภพยิ้มมุมปากแล้วเดินจูงมือพุชชี่ออกไป เน็กซ์มองตามสีหน้าสงสัยและไม่สบอารมณ์เพราะหึงก่อนจะเดินตามไป

ติณณภพจูงมือพุชชี่เพื่อพาเน็กซ์เข้ามาที่หน้าตึกชาร์โตแล้วแนะนำ
“ตึกนี้แหละ”
“จะให้เน็กซ์พักที่นี่จริงๆเหรอคะพี่ติณ”
“จ้ะ..พี่เห็นว่าเน็กซ์เป็นวัยรุ่นอยู่ น่าจะชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะที่ตึกใหญ่ มีออฟฟิตของพี่ เน็กซ์อาจจะไม่ชอบวุ่นวาย”
“ชอบมั้ยเน็กซ์…ชั้นว่าที่นี่เงียบแล้วก็สงบดีนะ”
“ผมอยู่ได้ครับ ในเมื่อป้ามั่นใจว่าพี่ติณจะช่วยตามหาพ่อให้ผมได้ ผมก็คงอยู่ที่นี่” เน็กซ์พูดเน้น “แค่ไม่นาน ใช่มั้ยครับพี่ติณ”
ติณณภพพยักหน้ารับ “พี่เริ่มให้พรรคพวกที่รู้จักกันตามหาเบาะแสของพ่อนายแล้ว ได้เรื่องยังไงจะคอยบอกนายตลอด…เอาล่ะ วันนี้เหนื่อยกันมากแล้ว พักผ่อนกันเถอะ”
“เอ่อ..พี่ติณคะ..เดี๋ยวน้องตามไปที่ตึกนะคะ น้องมีเรื่องต้องกำชับกับเน็กซ์”
ติณณภพนิ่งไปครู่ก่อนจะมองเน็กซ์ “ได้สิจ๊ะ..พี่จะไปเตรียมดินเนอร์ให้พวกเราแล้วกัน”
ติณณภพยิ้มให้พุชชี่แล้วเดินออกไป พุชชี่มองส่งติณณภพอยู่ครู่ก่อนจะสะดุ้งเมื่อหันมาเจอเน็กซ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แต่แล้วพูดกวน
เน็กซ์ทำเสียงเลียนแบบติณณภพ “น้องพัฒไม่ต้องห่วง พี่มีผู้หญิงที่พร้อมจะมาเป็นมาดาม ของพี่อยู่แล้ว..ใช่มั้ยจ๊ะมาดามพุชชี่”
พุชชี่จิกหน้ามองเน็กซ์อย่างเอาเรื่อง

เน็กซ์โดนพุชชี่ดึงติ่งหูลากเข้ามาที่บริเวณสวนเขียวขจีใกล้ๆกับตึกเล็ก
“มานี่เลยไอ้เด็กบ้า..มานี่ !” พุชชี่ปล่อยมือ
“อะไรกันป้า..ยั่วแค่นี้ทำฉุน ถ้าอายที่จะต้องมาเป็นมาดามในชาร์โต้หรูๆก็บอกเขาไปสิ ว่าขอเป็นแค่มาดามดันอยู่เมืองไทยอย่างเดียว”
“ชั้นไม่ได้อายย่ะ”
“งั้นป้าก็อยากมาเป็นมาดามอยู่ที่นี่จริงๆ”
“ชั้นจะเป็นมาดามที่นี่หรือที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับเธอ แต่จะเตือนเธอให้รู้ว่าอยู่ที่นี่ อย่าทำตัวมีปัญหาเด็ดขาด”
“ทำไมป้าต้องคิดว่าผมจะทำตัวมีปัญหาด้วย”
“เพราะชั้นรู้จักนิสัยเธอไง ที่เธอยอมตามมาอยู่กับชั้นกับพี่ติณที่นี่ ทั้งๆที่เธอเพิ่งบอกชั้น ว่า...” พุชชี่ชะงักไม่กล้าพูดต่อ
เน็กซ์พูดเอง “ผมรักป้าน่ะเหรอ”
พุชชี่ชะงัก
“ใช่..ผมยอมเสียหน้า ยอมให้คู่แข่งของผมช่วยตามหาพ่อ ยอมมาเป็นไอ้เด็กกะโปโล กวนประสาท ให้ป้าเปรียบเทียบกับหนุ่มใหญ่ที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย ผู้หญิงทุกคนเห็นแล้ว ต้องเลือกไปเป็นแฟน” เน็กซ์เน้น “แต่ผมไม่แคร์”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ !! ตั้งแต่ผมออกจากบึงโขงหลงมา อนาคตผมก็อยู่ในมือผู้หญิงคนนี้แล้ว....เพราะ ฉะนั้นผมจะสู้ สู้เพื่อผมจะได้มีฝันร่วมกับเธอ”

เน็กซ์ตอกย้ำความตั้งใจด้วยการดึงพุชชี่เข้ามากอดแน่น

พุชชี่ชะงักอึ้งเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเน็กซ์ก่อนจะรีบผลักเขาออก
 
“เชิญฝันไปคนเดียวเถอะย่ะ...ชั้นแก่กว่าเธอ ชั้นต่างกับเธอ”
“โลกนี้ไม่ได้มีผมคนแรกสักหน่อย ที่มาทุ่มหัวใจให้ผู้หญิงที่แก่กว่า เอาเป็นว่าป้าฟังเสียงหัวใจตัวเองก่อน แล้วค่อยมาให้คำตอบผม”
เน็กซ์ยืนยันหนักแน่นให้พุชชี่เก็บไปคิดแล้วเดินกลับไปที่ตึกเล็ก พุชชี่นิ่งอึ้งไปยืนหันหลังพิงต้นไม้แล้วถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจ ในขณะที่ติณณภพที่เข้ามายืนแอบฟังซึ่งเรื่องก็ไม่ผิดไปจากที่เขาสงสัยเน็กซ์มาตลอด ยิ่งเมื่อเขาเห็นพุชชี่อยู่ในอาการหนักใจเขาก็รู้ตัวแล้วว่าเขาเองก็ต้องไม่ยอมแพ้เน็กซ์เหมือนกัน

วันใหม่ ติณณภพและพุชชี่ออกมาจากในตึกชาร์โต้ ติณณภพเปิดประตูให้พุชชี่ สองคนอยู่ในชุดที่เตรียมจะออกไปดูงานที่ไร่องุ่น ติณณภพกำลังพาพุชชี่ขึ้นรถที่มาจอดรอ
“วันนี้พี่ต้องดูงานที่ไร่เกือบทั้งวัน ถ้าน้องเบื่อ พี่จะให้คนงานขับรถพาน้องเที่ยว”
“ไม่เบื่อค่ะ...ให้น้องได้ทำงานช่วยพี่บ้างนะคะ”
ติณณภพยิ้ม “จ้ะๆ”
ระหว่างนั้นเน็กซ์ก็เข้ามาขัดจังหวะ
“รอผมด้วย...ผมขอไปช่วยงานในไร่ด้วยคนสิครับ”
พุชชี่กับติณณภพชะงักหันมามองเน็กซ์ที่อยู่ๆก็โผล่มา
“ชั้นว่าเธออยู่ที่นี่ก็ดีกว่า” พุชชี่ว่า
“แต่ผมมาอาศัยเขาอยู่ ผมก็อยากทำอะไรตอบแทนเจ้าของบ้านบ้าง” เน็กซ์บอก
“แต่...”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ..อยู่ที่นี่ก็คงไม่มีอะไรทำแค่นั่งๆนอนๆ ไปเปิดหูเปิดตาในไร่ก็ดี ขึ้นรถเลยครับ เดี๋ยวจะพาไปทัวร์ไร่องุ่นของพี่”
ติณณภพยิ้มกับพุชชี่แล้วเดินไปขึ้นรถ พุชชี่หันมาจิกหน้ามองเน็กซ์อย่างจับผิด แต่เน็กซ์ทำไม่สนใจรีบเดินขึ้นรถไปหน้าตาเฉย

ติณณภพพาพุชชี่กับเน็กซ์เดินมาตามทางเดินในไร่องุ่น คนงานกำลังกระจายตัวทำงานกันอยู่
“ช่วงนี้เป็นช่วงก่อนที่องุ่นจะติดผลก็เลยยังไม่มีผลให้เก็บไปเข้ากระบวนการทำไวน์”
“น่าเสียดายจัง ครั้งที่แล้วน้องก็ไม่ได้เห็นเขาย่ำองุ่นกัน”
“น้องก็อยู่ให้ถึงเวลานั้นสิจ้ะ เวลาย่ำองุ่นในถังกับคนงาน สนุกมากเลยนะ จะว่าไปก็อีก ไม่นานเอง”
เน็กซ์ขัดขึ้น “แล้วช่วงที่รอองุ่นออกผล ต้องทำอะไรกันเหรอครับ”
ติณณภพอธิบาย “ถือว่าเป็นช่วงสำคัญเลยล่ะ เพราะองุ่นก็เหมือนกับผู้หญิงที่เรารัก ในเมื่อเราดูแลประคบ ประหงม เฝ้าทะนุถนอมมาอย่างดีตั้งแต่เริ่มปลูก ก็ต้องป้องกันไม่ให้พวกแมลงมาทำให้ ต้นองุ่นเสียหาย มาแย่งของที่เรารักไป”
ติณณภพพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกับเน็กซ์จนเน็กซ์จับได้ว่าเขาสื่อถึงอะไร พุชชี่เองก็รู้สึกเหมือนกัน
“งั้นพี่ช่วยบอกผมได้มั้ย ว่าพี่มีวิธีกำจัดแมลงพวกนั้นยังไง”
“ได้สิ..จะพาไปดู”
พุชชี่พูดหลอก “เอ่อ..พี่ติณคะ..เมื่อกี้น้องเห็นคนงานโบกมือเรียกพี่อยู่แว้บๆ สงสัยเขาจะมี ปัญหา”
ติณณภพหันไปมองพวกคนงานที่กำลังทำงานอยู่
“เดี๋ยวพี่มานะ..น้องพาเน็กซ์ดูแถวๆนี้ไปก่อน”
“ค่ะพี่ติณ”
ติณณภพเดินออกไป พุชชี่หันไปมองเน็กซ์เขม็งแล้วทำสายตาประมาณว่า “มานี่เลย” ก่อนจะดึงแขนเน็กซ์พาเดินออกไป

ที่ประตูทางเข้าห้องโถงบ้านเจ๊เมี่ยง เจ๊เมี่ยงหิ้วกระเป๋าเดินทางกลับเข้ามาพร้อมกับแพตตี้ ยุวดีรีบแถใส่
“เวลคัมมายโฮม ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะเจ๊เมี่ยง คุณแพตตี้ เป็นยังไงบ้างคะงานโก อินเตอร์ ยุวดีตื่นเต้นรอฟังข่าวดีจนกินไม่ได้นอนไม่หลับรอเลยนะคะเนี่ย”
แพตตี้หันมาเหวี่ยงใส่ทันที “ข่าวดงข่าวดีอะไร..ถ้ารู้ว่าต้องไปกินแห้วไกลถึงฝรั่งเศส ชั้นอยู่ เป็นนางเอกเบอร์หนึ่งอยู่ที่นี่ไปแล้ว”
“อ้าว..ทำไมล่ะคะคุณแพตตี้” ยุวดีถาม แพตตี้ไม่อยากพูดถึง “ทำไมเหรอคะเจ๊”
“ไม่ใช่เรื่องที่หล่อนต้องมาสาระแนอยากรู้ ไปตามลอร่ามา” เจ๊เมี่ยงว่า
“คุณลอร่าไม่อยู่หรอกค่ะ ไปดูแลเด็กๆเจ๊ทำงาน”
เจ๊เมี่ยงหันมาอย่างหัวเสีย “งั้นกระเป๋าเดินทางของแพตตี้เอาไว้ตรงนี้แหละ แล้วก็ขึ้นไปเก็บข้าวของที่เหลือทั้งหมดของแพตตี้ด้วย”
แพตตี้สงสัย “เจ๊จะให้หนูไปไหนอีกคะ”
“กลับบึงโขงหลง” เจ๊เมี่ยงตอบ
แพตตี้กับยุวดีพากันอึ้งไป แพตตี้จะอ้าปากถามย้ำ แต่เจ๊เมี่ยงดักทางไว้ก่อน
“ไม่ต้องถามอะไรเจ๊..หนูมีหน้าที่ทำตามที่เจ๊สั่ง..ไปสิยุวดี !!”
ยุวดีสะดุ้งเพราะเจ๊เมี่ยงสั่งเสียงเข้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป แพตตี้ที่ยังไม่หายงุนงงรีบเดินตาม

แพตตี้รีบตามเจ๊เมี่ยงเข้ามาในบ้าน
“เจ๊ !! นี่มันอะไรกัน เจ๊โกรธอะไรหนู อยู่ๆถึงมาไล่ให้หนูกลับบ้าน”
“เจ๊บอกแล้วไง..ไม่ต้องมาถามอะไร หนูมีหน้าที่ทำตามคำสั่งเจ๊อย่างเดียว”
แพตตี้สวนทันที “ไม่ !! หนูเบื่อแล้วกับไอ้คำสั่งเผด็จการไร้เหตุผลของเจ๊ ตั้งแต่ที่ฝรั่งเศสแล้ว แทนที่จะให้หนูอยู่สู้ต่อ สู้เพื่ออาชีพหนู สู้เพื่อให้ได้เน็กซ์คืนมา แต่เจ๊กลับลากหนูกลับ มาให้กลายเป็นนังขี้แพ้”
“นี่ !! ไม่มีใครว่าหนูว่าเป็นนังขี้แพ้นะ”
“มีแน่ !! ถ้าตอนนี้หนูกลับไปบึงโขงตามที่เจ๊สั่ง ทุกคนจะเรียกหนูว่านังขี้แพ้”
“ไม่ใช่..หนูไม่เข้าใจ..เจ๊ให้หนูกลับไปอยู่บ้าน เพราะเจ๊...” เจ๊เมี่ยงชะงัก
“เพราะอะไรคะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงอึดอัด “ไว้วันหนึ่งเจ๊จะบอกหนูเอง แต่ตอนนี้หนูต้องกลับไปอยู่บึงโขงหลง ไปให้พ่อหนู ดูแลก่อน”
“แล้วงานทุกอย่างของหนูล่ะ ต้องทิ้งไปหมดด้วยเหรอ”
“ไม่นานหรอกน่า..เจ๊สัญญา ขอให้เจ๊เคลียร์เรื่องของเจ๊ให้เรียบร้อยก่อน”
“เรื่องเจ๊” แพตตี้ประชด “อะไรๆก็เรื่องของเจ๊ ชีวิตหนู ความฝันหนูมันก็เรื่องของเจ๊ แล้วเมื่อไหร่ มันจะเป็นของหนูเองซะที !!”

แพตตี้น้ำตาคลอแล้วรีบเดินออกไป เจ๊เมี่ยงอยากจะตามไปอธิบายแต่ก็น้ำท่วมปากจนพูดไม่ได้
 
อ่านต่อหน้า 2

มาดามดัน ตอนที่ 12 (ต่อ)

ยุวดีหิ้วกระเป๋าเดินทางของแพตตี้หลายใบมากองที่ห้องโถง เจ๊เมี่ยงเดินออกมาเห็น

“จะเอามากองให้เกะกะตรงนี้ทำไม..เอาไปไว้ที่ท้ายรถชั้นสิ” เจ๊เมี่ยงบอก
“รถเจ๊นะเหรอคะ..ยุวดีไม่เห็นจอดอยู่ที่โรงรถ ก็เลยเอามากองตรงนี้จะถามเจ๊ว่าเจ๊จะให้ คุณแพตตี้กลับบึงโขงหลงยังไง”
เจ๊เมี่ยงแปลกใจ “นังลอร่ามันแอบเอารถชั้นไปใช้เหรอ”
“เปล่าค่ะ” ยุวดีบอก
เจ๊เมี่ยงชักสงสัย “แล้วแพตตี้ล่ะ”
“ไม่ได้อยู่กับเจ๊เหรอคะ”
“ชั้นก็นึกว่าไปเก็บข้าวของกับหล่อน”
“ไม่ค่ะ..ยุวดีเก็บทั้งหมดนี่คนเดียว ไม่เห็นคุณแพตตี้เลย”
เจ๊เมี่ยงตกใจเพราะรู้ขึ้นมาทันที “แพตตี้ !!”

อาร์ทใช้ไม้เท้าช่วยเดินมานั่งที่ม้านั่งริมน้ำใต้สะพานโดยที่ขาของเขายังเข้าเฝือกอ่อนเอาไว้ ส่วนมือก็ถือโทรศัพท์ คุยกับหนูดอกไปด้วย
“ไม่ต้องห่วงหรอกหนูดอก หมอเขาอนุญาตให้ชั้นออกจากโรงพยาบาลแล้ว อึดๆถึกๆ อย่างชั้น หมอยังตกใจเลยว่าหายเร็วปรู้ดปร๊าดกว่าคนปกติได้ไง...ว่าแต่อย่าลืมของ ฝากด้วยล่ะ”
อาร์ทกดตัดสายไปแล้วหันมาตกใจร้องเสียงหลงเพราะเจอแพตตี้โผล่มายืนข้างหลังเงียบๆ
“เย้ย !! ผีสก๊อย !!”
“ไอ้เฒ่าปากเสีย ชั้นระดับนางเอกดาวรุ่งนะ มาเรียกซะเสียสวยแบบนี้ได้ไง” แพตตี้ว่า
“โธ่เอ้ย..ก็น้องเล่นโผล่มาเงียบๆแบบนี้ จะไม่ให้พี่ตกใจได้ไง”
“ตัวโตอย่างกับตึก ถึกอย่างกับวัว อย่ามาขวัญอ่อนไปหน่อยเลย”
“หึ !! ว่าแล้วเชียว ไอ้ที่โทรตามให้ออกมาเจอกันเนี่ย ไม่ใช่เพราะน้องอยากจะขอโทษที่ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แต่มีวาระซ่อนเร้นชัวร์”
แพตตี้ชะงักแต่ยังกอดอกเชิดหน้าไม่รู้ไม่ชี้
อาร์ทพูดต่อ “เด็กสมัยนี้เอาแต่ก้มหน้าดูจอมือถือ ห่างวัดห่างวาไม่รู้จักเวรกรรม พี่ก็ไม่ได้อยากได้คำ ขอโทษจากน้องหรอก เพราะเวรกรรมที่น้องทำไว้มันส่งผลให้น้องต้องถ่อไปกินแห้วไกล ถึงฝรั่งเศส” อาร์ทเยาะเย้ย “โฮ๊ะๆๆๆ กรรมติดจรวด”
“ไอ้..ไอ้เฒ่า !! พูดอย่างนี้มันน่ากระทืบให้เป๋อีกข้าง “
“อ๊ะๆๆ..กล้าก็ลองดูสิน้อง” อาร์ทยกไม้เท้าขึ้นชี้หน้า “คราวนี้พี่สู้กลับแน่ เอาแบบทบต้นทบ ดอกให้น้องลืมไม่ลงเลย”
แพตตี้ชะงักเพราะท่าทางอาร์ทเอาจริง
“หึ..พี่ว่าน้องพูดความจริงมาดีกว่า เพิ่งกลับจากฝรั่งเศสมาแบบตดยังไม่ทันหายเหม็น แล้วมาหาพี่แบบนี้..มีธุระอะไร”

อาร์ทเดินกระเผลกใช้ไม้เท้าคำยันพร้อมกับลากมือแพตตี้พามาที่รถของเจ๊เมี่ยงที่แพตตี้ใช้ขับมา
“น้องขับมาทางไหนก็ขับกลับไปทางนั้นเลย”
แพตตี้สะบัดมือ “ชั้นไม่ได้ขอให้นายช่วยเรื่องยากเย็นอะไรเลยนะ แค่ติดต่อเน็กซ์ให้ชั้น แล้วชั้นจะคุยกับเน็กซ์เอง”
“คุยอะไร..จะสรรหาเรื่องโกหกหรือจะเล่นบทโศกเรียกร้องให้ผู้ชายเขาสงสาร”
“ชั้นจะทำอะไรก็เรื่องของชั้น..แค่ติดต่อให้ก็พอ”
อาร์ทขึ้นเสียง “น้องควรจะเลิกตามเน็กซ์ได้แล้ว !! สำหรับไอ้เน็กซ์ น้องน่ะเป็นได้แค่น้องสาว เพราะมันรักพุชชี่ ต่อให้น้ำเน่าเป็นละครขู่จะฆ่าตัวตายก็เปลี่ยนใจมันไม่ได้ เพราะพระเอกเขาไม่โง่”
แพตตี้นิ่งไปอย่างเสียใจ
“แต่ถ้าน้องยังดื้อที่จะเอาแต่ใจตัวเองอีก สุดท้ายน้องนั่นแหละที่จะไม่เหลือใคร”
แพตตี้ปากแบะน้ำตาเอ่อแล้วปล่อยโฮทันที “ฮือๆๆ..โฮๆๆ..แงๆๆ ใช่สิ..ชั้นมันกลายเป็นนังขี้ แพ้ไปแล้วนี่ ชั้นสู้ยัยป้านั่นไม่ได้ เน็กซ์ถึงไม่รักชั้น ชั้นมันไม่สวยพอ แถมฝีมือก็ยังห่วย ถึงอดได้งานโกอินเตอร์ เจ๊เมี่ยงก็เลยตัดหางปล่อยวัด ไล่ชั้นกลับบึงโขงหลง..ฮือๆๆๆ”
แพตตี้ระเบิดความเสียใจออกมาอย่างน่าสงสารจนอาร์ทชะงัก ระหว่างนั้นโทรศัพท์อาร์ทก็ดังขึ้น อาร์ทเลยหยิบมาดู
“เจ๊เมี่ยงโทรมา..สงสัยจะรู้ว่าน้องต้องมาตามเรื่องเน็กซ์ที่พี่”
“ไม่ต้องบอกนะว่าชั้นมาที่นี่ ชั้นไม่อยากกลับไปให้เจ๊เมี่ยงไล่ตะเพิดอีก”
“อ้าว..แล้วน้องจะไปไหน”
“ไปที่ชอบที่ชอบมั้ง..ฮือๆ...โฮๆๆ”
แพตตี้ร้องไห้เสียงดังแล้วรีบเข้าไปที่รถจะสตาร์ทรถขับไปที่อื่น อาร์ทมองโทรศัพท์ที่มีชื่อเจ๊เมี่ยงเป็นสายเรียกเข้าอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสายทิ้งแล้วรีบไปขวางรถแพตตี้เอาไว้
“โอเค..พี่จะไม่บอกเจ๊เมี่ยงว่าน้องอยู่กับพี่..เพราะสภาพน้องตอนนี้พี่ปล่อยให้คลาดสาย ตาพี่ไปไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่ชั้นอยากอยู่คนเดียว..ฮือๆ…โฮๆ”
“ได้! ถ้าอยากไปน้องก็ต้องขับรถทับพี่..คราวนี้เอาให้ตายคาล้อเลยนะ เพราะถ้าพี่ไม่ตาย พี่จะไม่เลิกตามไปดูแลน้อง”

แพตตี้ที่อยู่หลังพวงมาลัยชะงักสะอื้นที่เห็นอาร์ทยืนขวางหน้ารถสีหน้าจริงจัง

พุชชี่พาเน็กซ์ออกมาคุยกันตามลำพังที่มุมหนึ่งของไร่

พุชชี่พูดเสียงเข้ม “เลิกทำแบบนี้สักทีได้มั้ยเน็กซ์ มันไม่เข้าท่าเลยนะ”
“ผมบอกแล้วไง ถ้าคำตอบของป้าผ่านแค่สมอง แต่ไม่ใช้หัวใจกลั่นกรองออกมาด้วย… ผมไม่ฟัง !!”
เน็กซ์จะเดินออกไปแต่พุชชี่ตามไปขวาง
“ก็เพราะเธอดื้อเป็นเด็กแบบนี้ไง”
“แน่ใจเหรอป้า ว่านิสัยดื้อเนี่ยเป็นกันเฉพาะเด็ก.. ผมว่ายิ่งแก่จะยิ่งดื้อกว่านะ”
พุชชี่ชะงัก “นี่เธอ”
“เลิกเอาเรื่องอายุมาเป็นข้ออ้างสักที ผมก็ไม่ได้เด็กจนป้าต้องโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ ซะหน่อย”
“แต่ชั้นเป็นผู้หญิง..รู้มั้ยว่าผู้หญิงน่ะแก่เร็วกว่าผู้ชาย วันนี้ชั้นอาจจะดูไม่ต่างกับเธอ แต่พอผมชั้นเริ่มหงอก นมเริ่มเหี่ยว แข้งขาเริ่มเดินไม่ไหว ชั้นก็จะดูเหมือนแม่เธอ ดีไม่ดียายด้วยซ้ำ”
“มันก็จริง..แต่คิดดูแล้วก็น่าอิจฉามากกว่านะป้า แก่ขนาดนั้นแต่ยังมีผู้ชายอ่อนกว่าคอยประคอง คอยดูแลแล้วบอกรักอยู่ตลอดเวลา”
พุชชี่ชะงัก
“อยู่กับเขา ดีไม่ดีป้าอาจเห็นเขาแก่ตายก่อน แล้วก็ต้องเป็นม่ายตอนแก่ แต่อยู่กับผมจะมีคนกุมมือป้าทุกคืนโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะจากไปก่อน”
เจอแบบนี้เข้าไปพุชชี่ถึงกับใจเต้นตึกตักเกือบจะใจอ่อน เธอเลยต้องพยายามยับยั้งสติ
“พอได้แล้ว..ชั้นไม่ได้มาประกวดเดอะว๊อยซ์นะ ถึงต้องชักแม่น้ำทั้งห้าอยากดึงชั้นไปอยู่ด้วยเนี่ย”
“ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่พยายามชักแม่น้ำทั้งห้าแย่งตัวป้า.. ผมว่าตอนนี้กัปตันเขารู้ แล้วล่ะว่าผมคิดยังไงกับป้า.. เขาถึงไม่ยอมแพ้ผมไง”
พุชชี่ชะงักแล้วมองตามสายตาที่เน็กซ์มองไปที่ติณณภพซึ่งกำลังขับแทรคเตอร์เข้ามา
“น้องเน็กซ์.. พี่ขอแรงไปช่วยงานพี่หน่อยสิ” ติณณภพบอก
เน็กซ์ตอบทันที “ได้ครับพี่”
เน็กซ์มองพุชชี่ด้วยหน้าย้ำว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปเป็นเรื่องจริง ติณณภพรู้ตัวแล้ว
พุชชี่เป็นห่วงทั้งคู่ “เอ่อ...พี่ติณคะ น้องขอไปด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ งานของผู้ชายเขา น้องเดินเล่นอยู่แถวนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาเน็กซ์กลับมา”
เน็กซ์กระโดดขึ้นไปที่รถแทรคเตอร์แล้วให้ติณณภพขับพาออกไปตามถนน พุชชี่ได้แต่ยืนมองตามอย่างเป็นกังวล

ติณณภพขับรถแทรคเตอร์มาตามทางที่สองข้างทางเป็นไร่องุ่นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ติณณภพจอดรถแทรคเตอร์ที่กลางทางแล้วกระโดดลงจากรถด้วยท่าทีเคร่งขรึมก่อนที่เน็กซ์จะตามลงมา
“ไหนล่ะครับ..งานที่ขอแรงให้ผมช่วย”
“ไม่มีหรอก..พี่ไม่ได้ตามนายให้มาช่วยงานอะไร แค่มีเรื่องอยากคุยกันอย่างลูกผู้ชาย”
“งั้นผมก็คิดถูก”
“นายรู้ตัวแล้ว”
“ใช่...ถ้าพี่ดูผมไม่ออก ก็คงเสียชื่อผู้ชายที่ทั้งเก่งแล้วก็ฉลาดอย่างพี่แล้วล่ะครับ”
“นายก็ใช่ย่อย สมกับที่พุชชี่พูดถึงนายให้พี่ฟังบ่อยๆ”
“ไอ้เด็กยียวนกวนประสาท หัวแข็ง ปากเสียน่ะเหรอครับ มันก็แค่การแสดงออกที่ผมใช้ เรียกร้องความสนใจจากคนที่ผมรัก เพื่อทำให้เขาเห็นผมอยู่ในสายตาตลอดเวลา”
“หึๆ..นั่นไงพี่ว่าแล้ว นายมันโตเกินอายุ มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากกว่าพุชชี่ด้วยซ้ำ”
“ก็ดีครับ ถ้าพี่มองผมได้ขาดขนาดนั้น เราจะได้เปิดอกกันตรงๆเลย... ผมรักเธอ และผมจะไม่ยอมแพ้ จะไม่ถอดใจจนกว่าเธอจะเลือก”
เน็กซ์กำหมัดแน่นขบกรามจนขึ้นสันด้วยสีหน้าที่จริงจังที่สุด ส่วนติณณภพนิ่งกว่าแต่แววตาที่จ้องเน็กซ์นั้นก็ดูเอาเรื่องเหมือนหมาป่าที่มากประสบการณ์

พุชชี่เดินไปเดินมาชะเง้อคอมองว่าเมื่อไหร่ติณณภพจะพาเน็กซ์กลับมา ยิ่งรอนานเธอก็ยิ่งเป็นห่วงจนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เน็กซ์กับติณณภพเดินเข้าหากันจ้องหน้าใส่กันเหมือนจะมีเรื่อง
“ก่อนที่นายจะมั่นใจว่าอยากจะสู้กับพี่จริงๆ นายรู้มั้ยว่าความรักไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ไม่ใช่มิวสิควีดิโอที่ดูแล้วอิน ไม่ใช่หนังรักเกาหลีที่ดูแล้วอยากซึ้งตาม แต่ความรักมันคือ การที่คนสองคนต้องใช้ชีวิตด้วยกัน” ติณณภพบอก
“ผมรู้...คนสองคนที่ต้องผ่านการศึกษานิสัยใจคอ รักกัน เกลียดกัน ทะเลาะกัน ดูแลกัน งอนกัน ลำบากด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน” เน็กซ์ว่า
“ใช่..ในเมื่อนายเข้าใจความรักจริงๆดี งั้นนายก็คงเข้าใจด้วย ว่าคนที่มีความพร้อมที่สุด ก็คือคนที่เธอจะเลือก”
เน็กซ์นิ่งมองติณณภพอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าความพร้อมที่พี่พูดมาหมายถึงอายุที่คู่ควร หน้าที่การงานที่มั่นคง บ้านช่องที่ใหญ่โต ผมคงไม่มีอะไรสู้ได้ เพราะผมมีแค่สองมือกับนิสัยไม่ยอมแพ้ และผมก็พร้อมเหนื่อยเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว จะไม่ยอมให้คนรักต้องลำบากเด็ดขาด”
“หมายความว่า..สำหรับผู้หญิงคนนี้ พี่ขอกับน้องดีๆไม่ได้”
“พี่เป็นคนดีนะครับพี่ติณ...ทั้งๆที่รู้ว่าผมเป็นคู่แข่ง แต่พี่ก็ยังรับปากช่วยผมตามหาพ่อ ถ้าพี่อยากจะอัดผมก็เชิญได้ตามสบาย แต่เรื่องเดียวที่ผมให้ไม่ได้คือ... ผมรักเธอ”
เน็กซ์เดินแมนๆเข้าไปแล้วทิ้งมือลงข้างตัวก่อนจะหลับตาเหมือนพร้อมให้ติณณภพซัดหมัดใส่หน้า
 
ติณณภพนิ่งมองเน็กซ์สีหน้าครุ่นคิดแล้วกำหมัดแน่น

พุชชี่รออยู่ที่เดิมอย่างกระวนกระวาย สักครู่ติณณภพก็ขับแทรคเตอร์กลับเข้ามาคนเดียว

พุชชี่ถาม “พี่ติณ...แล้วเน็กซ์ล่ะคะ”
ติณณภพดับเครื่องแทรคเตอร์แล้วกระโดดลงมาคุยกับพุชชี่
“เขาขออยู่ช่วยงานในไร่ต่อ”
“เน็กซ์น่ะเหรอคะ..อยากช่วยงานในไร่”
ติณณภพพยักหน้ารับ “เขาอยากตอบแทนที่พี่รับปากช่วยตามหาพ่อให้เขา เดี๋ยวเสร็จงานแล้ว เขาจะกลับไปที่ชาร์โต้พร้อมคนงานเอง”
“แต่ว่า...”
ติณณภพโอบไหล่พุชชี่ “มื้อเย็นนี้พี่ว่าจะทำซีฟู้ดกินกัน ที่เมือง Trouville มีตลาดประมง อาหาร ทะเลสดๆเต็มไปหมด พี่จะพาน้องไปเที่ยวแล้วแวะซื้อของกลับมากัน ไปจ้ะ”
ติณณภพพาพุชชี่ออกไปโดยไม่ฟังคำถามเกี่ยวกับเน็กซ์ ติณณภพเดินด้วยสีหน้ายิ้มๆ

เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เน็กซ์หลับตารอให้ติณณภพเป็นฝ่ายซัดหมัดใส่หน้า แต่เขาเห็นเงียบนานไปจนผิดสังเกตเลยค่อยๆหรี่ตาขึ้นมาทีละข้าง และพบว่าติณณภพไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว เน็กซ์มองไปเห็นติณณภพกำลังสตาร์ทรถแทรคเตอร์
“โชคดีนะไอ้น้อง...พี่เป็นพวกไม่ชอบใช้กำลัง” ติณณภพใช้นิ้วจิ้มขมับ “พี่ชอบใช้สมอง”
“พี่ติณ !! พี่จะให้ผมเดินกลับเองเหรอ มันไกลนะพี่”
“พี่ปล่อยให้น้องเป็นต่อพี่มาเยอะแล้ว...ขอพี่อยู่กันสองต่อสองบ้างแล้วกัน..โชคดีนะ ไอ้น้องชาย”
ติณณภพขับแทรคเตอร์ออกไป เน็กซ์ได้แต่เดินตามหลังอย่างเจ็บใจ
“ก็ได้...วันนี้ก็แค่แพ้ความเก๋าเก่าประสบการณ์ให้แค่นั้นแหละ !!”
เน็กซ์ฉุน

รถเก๋งของเจ๊เมี่ยงยังจอดอยู่ที่ริมน้ำ แสงไฟจากอาคารระยิบระยับสวยงาม อาร์ทยื่นกล่องกระดาษทิชชู่ให้แพตตี้ที่ยังร้องไห้เสียใจไม่เลิก เธอดึงทิชชู่มาซับน้ำตาสั่งน้ำมูกแล้วยัดใส่มืออาร์ท
“เอ่อ..น้องครับ ถ้าเห็นพี่เป็นกระโถนขนาดนี้ พี่ว่าน้องออกแอคชั่นกระทืบเท้า ดิ้นชัก แหง่กๆ ฟาดงวงฟาดงาดีกว่านะ พี่รับได้มากกว่า”
“ไอ้เฒ่า !! หลอกด่าชั้นอีกแล้วเหรอ”
“รุ่นนี้แล้วไม่หลอกด่าหรอก ด่ามันตรงๆ สอนกันเห็นๆนี่แหละ ที่จริงอยากจะเอาไม้เรียวฟาดตูดด้วยนะ แต่ดื้อขนาดนี้ไม้เรียวคงใช้ไม่ได้ผล”
“ไอ้บ้า”
แพตตี้โมโหจึงเงื้อมมือจะตบแต่อาร์ทคว้าหมับแล้วจ้องหน้าแพตตี้อย่างจริงจัง
“เวลาเสียใจฟูมฟายแล้วปล่อยให้อารมณ์เป็นเจ้านายสติ ก็ไม่ต่างกับหลับตาขับรถ มีแต่ชนประสานงาอย่างเดียว สุดท้ายก็มีแต่เจ็บไม่มีรอด”
“ไม่ต้องมาทำเทศนาสั่งสอนชั้นหรอก มันไม่ได้ผล”
“ผู้หญิงที่เกิดมา สวย เก่ง ฉลาด ฟังคำเตือนอย่างหวังดีจากผู้ใหญ่แล้วเก็บไปคิด ก็สมควรกับคุณสมบัตินั้น แต่ถ้าทำหูทวนลม หยิ่งจองหอง ก็ควรเรียกตัวเองใหม่ว่า สวยแต่โง่ไม่เผื่อฉลาด..ตกลงน้องเป็นสวยแบบไหน”
แพตตี้ชะงักแล้วรีบแกะมือออกจากมืออาร์ททันทีก่อนจะเดินหนีไปให้ห่างจากอาร์ท อาร์ทมองตามแล้วยิ้มมุมปาก

แพตตี้ยืนกอดอกน้ำตาซึมด้วยความเศร้าเสียใจ เสียงอาร์ทที่เดินตามมาสอนยังดังเข้าหูเธอ
“ความรักเป็นเรื่องของการให้และให้ ไม่ใช่การให้และรับ”
แพตตี้ไม่อยากหันไปด่าเลยยืนฟังเฉยๆ แล้วยกมือปาดน้ำตา
“ความรักไม่ใช่แค่การมองหาคนที่ใช่ แต่ต้องทำตัวเองให้เป็นคนที่ใช่สำหรับใครสักคน ด้วย”
คำสอนของอาร์ทเจ็บจี๊ดจนน้ำตาของแพตตี้ยิ่งเอ่อ
“ยิ่งซ่อนความรู้สึกมากก็ยิ่งแสดงให้เห็นมาก ยิ่งปฏิเสธความรู้สึกมากก็ยิ่งเติบโตในใจ และยิ่งหนีหน้าไม่เจอใคร ก็ยิ่งหนีใจตัวเองไม่พ้น”
แพตตี้สุดทนจึงหันกลับไปด่าทันที “พอซะที..สั่งสอนกรอกหูไม่หยุดแบบนี้ แล้วชั้นจะมีอารมณ์ ร้องไห้เสียใจได้ไง”
“ก็ดีสิน้อง” อาร์ทชูมือถือให้ดู “ในกูเกิ้ลยังมีคำคมสะกิดใจเกี่ยวกับความรักอีกเพียบ ให้พี่อ่าน ให้จบหมดก่อน รับรองน้องจะเลิกร้องไห้เลิกเสียใจแล้วยอมกลับไปเริ่มต้นใหม่”
แพตตี้อึ้ง “นี่ !! บ้า..บ้าที่สุดเลย ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์”
แพตตี้เข้าไปผลักแต่ถูกอาร์ทจับมือแล้วดึงเข้ามาใกล้จนหน้าแทบประชิด แพตตี้ชะงักสบตาอาร์ท
อาร์ทยิ้ม “พี่ก็แค่อยากทำให้น้องสบายใจ ถ้าพี่ทำอะไรให้ได้ก็บอกพี่มาแล้วกัน”
แพตตี้นิ่งไปครู่แล้วก็แปลกใจ “ชั้นทำกับนายไม่มีดีเลยสักอย่าง แต่นายอยากช่วยชั้นเนี่ยนะ”
“พี่ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น คือเกิดมาก็หล่อ นิสัยดี ชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบนี้เลย เลยไม่รู้จะอธิบายยังไง” อาร์ทยิ้มกวน
แพตตี้เกือบหลุดขำ “ไอ้เฒ่าขี้โม้ หึ..ก็ได้ถ้าอยากช่วยจริงๆ..คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนได้มั้ย”

อาร์ทชะงัก “หา !”

พุชชี่เดินเข้ามาหยุดที่ริมสะพานริมน้ำสูดเอาโอโซนบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ
 
“อากาศบริสุทธิ์จังเลยนะคะพี่ติณ”
พุชชี่หันไปข้างๆ แต่ไม่เห็นติณณภพยืนอยู่ด้วย เธอก็แปลกใจว่าเขาหายไปไหนพอหันมาอีกข้างก็เห็นช่อดอกไม้เล็กๆ ที่ติณณภพซื้อมาให้
“พี่ติณ...”
“เดินผ่านร้านดอกไม้มาเมื่อกี้นี้เห็นสวยดี...นี่จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ..พี่ติณเนี่ยชอบมีอะไรให้น้องเซอร์ไพร์สอยู่เรื่อย”
“พี่กลัวน้องอยู่กับพี่แล้วจะเบื่อ เลยต้องหาเรื่องให้พี่อยู่ในสายตาน้องตลอดเวลาไง”
พุชชี่สงสัย “ทำไมพี่คิดแบบนั้นล่ะคะ”
ติณณภพยิ้มให้เฉยๆแต่ไม่ตอบ “พี่ว่าเราไปเลือกซื้ออาหารทะเลกันเถอะ กว่าจะกลับไปทำมื้อค่ำเสร็จ เน็กซ์คงหิวแย่”
ติณณภพจับมือพุชชี่แล้วจูงเดินออกไปด้วยกัน

พุชชี่มาเคาะประตูเรียกเน็กซ์
“เน็กซ์…เน็กซ์”
“ผมอยู่นี่”
พุชชี่หันไปตามเสียงก็เห็นเน็กซ์อยู่ข้างหลัง
“ชั้นนึกว่าเธออยู่ข้างใน เห็นคนงานบอกว่าเธอกลับจากไร่มาได้พักใหญ่แล้ว”
“อยู่ข้างในไม่มีอะไรทำ ก็เลยออกมาเดินเล่น พี่ติณเขาพาป้าไปเที่ยวมาเหรอ”
“ไปเที่ยวเมืองใกล้ๆแถวนี้แล้วก็ซื้ออาหารทะเลมาทำดินเนอร์ รับรองว่าเธอจะต้องติดใจฝีมือพี่ติณ”
“เหมือนที่ป้าติดใจมาแล้วน่ะเหรอ”
“นี่..ชั้นไม่อยากจะคุยเรื่องนี้กับเธอแล้วนะเน็กซ์ ถ้าเธอได้เจอพ่อเธอเมื่อไหร่ เธอก็จะเลิกเป็นเด็กในสังกัดของมาดามพุชชี่ เราก็ต้องเดินกันคนละทาง ใช้ชีวิตกันคนละอย่าง”
“ก็ถ้าป้าเลือกผม.. แล้วผมจะออกไปจากชีวิตป้าได้ยังไง”
“อย่ามาบังคับให้ชั้นต้องเลือกอะไรได้มั้ย”
“ได้…งั้นผมไม่หิว เชิญป้าไปดินเนอร์กับมิสเตอร์เพอร์เฟคนั่นแล้วกัน”
เน็กซ์บอกห้วนๆแล้วเปิดประตูเข้าไปข้างในตึกก่อนจะปิดประตูดังปัง
“เน็กซ์..เน็กซ์...ตามใจ เด็กบ้า !!”
พุชชี่เดินกลับตึกใหญ่อย่างหัวเสีย

โต๊ะอาหารหรูหราในชาร์โต้มีอาหารที่ถูกปรุงแต่งไว้อย่างน่ากินเต็มโต๊ะด้วยฝีมือของติณณภพ พุชชี่กลับ เข้ามาด้วยความหงุดหงิดหัวเสีย
“อ้าว..แล้วเน็กซ์ล่ะ”
“เขาบอกไม่หิวค่ะ”
“เขาไม่หิวหรือว่าไม่อยากกินอาหารฝีมือพี่”
“ไม่ใช่หรอกค่ะพี่ติณ เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ อาหารดีๆมีประโยชน์ไม่ค่อยชอบ พอบอกเป็นอาหารฝรั่งก็บ่นเลี่ยน”
“งั้นพี่ทำอาหารไทยให้เขาก็ได้นะ”
“ช่างเค้าเถอะค่ะ..ปล่อยให้หิวตายไปนั่นแหละ ทานกันเถอะค่ะ ดูสิแต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้นเลย”
ติณณภพยิ้มรับแล้วเข้าไปขยับเก้าอี้ให้พุชชี่อย่างสุภาพตามมารยาทผู้ดี
“เชิญครับมาดาม”
พุชชี่ยิ้มรับ “ขอบคุณค่ะ”
พุชชี่นั่งลงร่วมทานอาหารกับติณณภพที่ช่วยตักอาหารที่ทำมาใส่จานให้พุชชี่ เขาดูแลเธออย่างดีมากแต่พุชชี่กลับเอาแต่เหลือบไปมองตระกร้าผลไม้สดหลากหลายชนิดที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าครุ่นคิด ติณณภพเห็นพุชชี่เอาแต่มองตระกร้าผลไม้ก็พอจะเดาความรู้สึกของพุชชี่ออก

เน็กซ์เปิดประตูออกมาเอามือกุมท้องแล้วบ่นโอดโอย
“โอ้ยย...หิวแบบนี้จะหลับลงได้ไงวะเนี่ย อยากกินซาลาเปา อยากกินไส้กรอก อยากกินบะหมี่”
เน็กซ์บ่นไปได้ครู่สายตาก็เหลือบไปเห็นตระกร้าผลไม้หลากหลายชนิดวางอยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆกัน เน็กซ์เดินไปหยิบแอปเปิ้ลในตระกร้าขึ้นมามองก่อนจะเห็นกระดาษโน้ตเล็กๆลายมือพุชชี่เสียบอยู่ในตระกร้า
“หาให้ได้เท่านี้แหละ...ถ้ายังหยิ่งไม่กินอีก ก็เชิญงี่เง่าไปคนเดียวเถอะ..เด็กบ้า”
เน็กซ์อ่านโน้ตแล้วยิ้มเป็นปลื้มด้วยความดีใจ เขาเอาแอปเปิ้ลมากัดคำโตแล้วเคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย
“น่ารักแบบนี้ ไม่รักก็แมวแล้ว !” เน็กซ์เอาแอบเปิ้ลมาจูบ “จุ๊บๆๆๆๆ มาดามพุชชี่ที่รักของผม”

เน็กซ์มีสีหน้ามีความสุขกับสิ่งดีๆที่พุชชี่ทำให้และสื่อให้เห็นถึงความห่วงใยที่เธอมีต่อเขา
 
อ่านต่อหน้า 3

มาดามดัน ตอนที่ 12 (ต่อ)

อาร์ทยืนหาวอยู่ที่หน้ารถที่ยังจอดอยู่ใต้สะพาน ครู่หนึ่งแพตตี้ก็เดินตามออกมาหน้าตายังดูง่วงๆ

“จะเช้าแล้วเหรอเนี่ยไอ้เฒ่า”
“ก็ใช่สิครับน้อง”
“แล้วปล่อยให้ชั้นนอนอยู่ในรถเนี่ยนะ”
“น้องครับ..น้องให้ความหวังพี่ว่าอยากให้อยู่เป็นเพื่อน แต่ดันให้นั่งหลังแข็งถ่างตา ฟังน้องร้องเพลงเศร้า ปลอบใจตัวเองเป็นมิวสิววีดิโอเกือบทั้งคืน..นอกจากขาพี่จะเดี้ยง แล้ว ตอนนี้หลังพี่ก็เริ่มจะเดี้ยงด้วย”
“สมน้ำหน้าไอ้เฒ่า อย่าสำคัญตัวผิด นี่ไม่ใช่ละครน้ำเน่าที่พอนางรองอกหักเสียใจก็หัน ไปคว้าเพื่อนพระเอกทันที..เพราะชั้นน่ะ..นางเอกย่ะ”
“โอเค..เข้าใจได้ว่าน้องน่ะนางเอก..แต่อย่าลืมนะว่าพี่ก็เคยเป็นพระเอกมาก่อน บางทีนี่ อาจจะเป็นภาคต่อของละครอีกเรื่องก็ได้นะ”
แพตตี้ชะงัก อาร์ทยิ้มแล้วยื่นโทรศัพท์ให้
“เอาล่ะ..ถ้าสบายใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า อย่าติดหล่มที่ตัวเองขุด กลับบ้านไปร้องไห้ให้พอ เข้มแข็งเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับมาสู้ใหม่”
แพตตี้นิ่งมองโทรศัพท์ในมืออาร์ท
“อันนี้ไม่ได้เอามาจากกูเกิ้ล แต่มาจากกูเอง”
แพตตี้เหวอ “ไอ้เฒ่า..ไอ้ทุเรศ !! หยาบคายกับผู้หญิง”
“น้องก็นิสัยไม่ดีไม่เคารพผู้ใหญ่เหมือนกัน เจ๊ากันป่ะ”
แพตตี้โมโหคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์แล้วเดินเลี่ยงไปคุย อาร์ทมองตาม
“ป๋าเหรอคะ...คือ..” แพตตี้น้ำตาซึมเพราะอยากจะร้องไห้ “ป๋า..มารับหนูกลับบึงโขงหลงได้มั้ย ป๋าอย่า เพิ่งถามอะไรตอนนี้..หนู..หนูอยากกลับบ้าน”
อาร์ทมองแพตตี้แล้วถอนหายใจยาวที่ช่วยปลอบใจจนแพตตี้ยอมกลับบ้าน

วันใหม่ พุชชี่เดินเล่นคนเดียวรอบชารืโต้โดยมีสีหน้าใช้ความคิดกับความรักของเน็กซ์ สักครู่เน็กซ์ก็ขับรถของติณณภพเข้ามาจอดใกล้ๆ
“เน็กซ์...นี่เธอเอารถพี่ติณมาขับได้ไง” พุชชี่ว่า
“พี่ติณเห็นผมอยู่ว่างๆไม่ได้ทำอะไร เลยให้ผมยืมขับไปเที่ยวนอกเมือง”
“อย่ามาตลก.. พี่ติณน่ะเหรอจะให้เธอยืมรถ”
“เอาน่า..” เน็กซ์เปิดประตูให้พุชชี่ “ไปด้วยกันนะป้า รถคันนี้มี GPS รับรองว่าผมขับพาป้าเที่ยวโดยไม่หลงทางแน่”
“ใครบอกว่าชั้นจะไปกับเธอ”
“ก็ผมบอกอยู่นี่ไง..ขึ้นรถ”
“นี่..อย่ามาสั่งชั้นนะ”
“ไม่ให้สั่งก็ขึ้นสิ.. ไม่งั้นจะลงไปอุ้มขึ้นรถจริงๆด้วย.. ผมทำจริงๆนะ”
พุชชี่มองเน็กซ์ที่สีหน้าเอาจริงจนตกใจ สุดท้ายพุชชี่ก็ขึ้นรถเอง เน็กซ์ยิ้มๆ แล้วขับออกไป

เน็กซ์พาพุชชี่ซึ่งทำสีหน้าเรียบเฉยเดินเข้ามาหยุดยืนบริเวณสวนที่สามารถมองเห็นปราสาท Amboise อันสวยงาม เน็กซ์ชี้ให้เธอดู
“ป้า..นั่นไงปราสาท Amboise ที่พำนักสุดท้ายของลีโอนาร์โด ดาวินชี”
“ขโมยรถเขามา แล้วพาชั้นมาดูปราสาทเนี่ยนะ”
“ขโมยที่ไหน..พูดซะผมเสียหมด..ก็บอกว่ายืมมา”
“เชื่อเธอชั้นคงออกลูกเป็นสุนัข”
“อ้าว..งั้นก็ลูกผมเลยสิ ผมไอ้บักหมาไง แสดงว่าป้าเลือกผมแล้วใช่มั้ย ถึงอยากมีลูกกับผม”
“อี๋...มั่วแล้วไอ้เด็กบ้า เลอะเทอะ ไร้สาระ อย่ามาพูดกับชั้นแบบนี้อีกนะ”
พุชชี่ผลักเน็กซ์แล้วรีบเดินหนีเน็กซ์ไป เน็กซ์ได้เห็นสีหน้ามีความสุขของเธอก็พอใจ เน็กซ์ยิ้มๆ แล้วเดินตามไป

พุชชี่รีบเดินหนีเน็กซ์เข้ามาบริเวณรูปปั้นดาวินชีแล้วถอนหายใจยาวก่อนจะอมยิ้ม
“เด็กบ้า..ทะลึ่งตึงตัง โตแล้วยังเล่นเป็นเด็กๆอยู่ได้”
พุชชี่บ่นไปได้ครู่เสียงเน็กซ์ที่ทำเสียงแก่ๆก็ดังเข้ามา
“โฮ๊ะๆๆๆ..มีแต่คนเขาอยากเด็กอยู่ตลอดเวลา แต่แม่หนูนี่แปลกนะ..อยากแก่จุงเบย”
พุชชี่หันไปตามเสียงไม่เห็นตัวเน็กซ์เห็นแต่รูปปั้นดาวินชีสีเขียวโพสต์ท่าไขว้ขาเครายาว ก็รู้เลยว่าเน็กซ์หลบอยู่หลังรูปปั้นนั้น
“ดาวินชีประเทศไหนยะเนี่ยมีจุงเบยด้วย”
เน็กซ์ทำเสียงแก่ “โฮ๊ะๆๆๆ ชั้นเคยไปเมืองไทยนะแม่หนู คนไทยน่ะยิ้มเก่ง ยิ้มสวย ยิ้มน่ารัก ชั้นก็เลยเอารอยยิ้มแบบนั้นมาวาดรูปโมนาลิซ่าไง...โฮ๊ะๆๆ”

พุชชี่ขำ “เอาเข้าไป..ทะลึ่งแล้วนะ”

เน็กซ์ทำเสียงแก่ “โฮ๊ะๆๆๆ แม่หนูมาว่าชั้นทะลึ่งแล้วแม่หนูล่ะ..ชั้นนั่งโป๊อยู่อย่างนี้
 
แม่หนูยังคุยกับชั้นเป็นวรรคเป็นเวร แสดงว่าชอบคุยกับผู้ชายโป๊ใช่มั้ยล่ะ...โฮ๊ะๆๆ”
พุชชี่อึ้งไปเพราะเพิ่งนึกได้ เธอมองรูปปั้นดาวินชีไม่นุ่งเสื้อผ้าแถมโพสต์ท่าชวนเสียว
“อี๋....ไอ้เด็กบ้า..ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
พุชชี่รีบเข้าไปลากเน็กซ์ออกมาจากหลังรูปปั้นแต่ดึงผิดจังหวะเลยลื่นจะล้ม เน็กซ์รีบประคองตัวเธอเอาไว้ในอ้อมกอดทันที พุชชี่นิ่งงันอยู่ในอ้อมกอดของเน็กซ์แล้วตาก็สบตาทำให้ทั้งคู่อึ้งไป
เน็กซ์พูดจริงจัง “ผมอาจไม่มีทุกอย่างพร้อมเหมือนอย่างกัปตันติณณภพ แต่อย่างนึงที่ผมมั่นใจว่าผมจะทำให้ป้าได้ทุกๆวันไม่มีเบื่อเลยก็คือ..ผมทำให้ป้ามีความสุขได้มากกว่าเขา”
พุชชี่อึ้งไปด้วยความสงสัยจนนึกไปถึงคำพูดของติณณภพที่พูดกับเธอบริเวณสะพานเมือง Trouville
“เดินผ่านร้านดอกไม้มาเมื่อกี้นี้เห็นสวยดี...นี่จ้ะ” ติณณภพพูด
“ขอบคุณค่ะ..พี่ติณเนี่ยชอบมีอะไรให้น้องเซอร์ไพร์สอยู่เรื่อย”
“พี่กลัวน้องอยู่กับพี่แล้วจะเบื่อ เลยต้องหาเรื่องให้พี่อยู่ในสายตาน้องตลอดเวลาไง”

พุชชี่รีบผลักเน็กซ์ออกจากตัว
“นี่...ที่จริงแล้วเธอกับพี่ติณ...”
พุชชี่รู้สึกไม่พอใจจึงรีบเดินออกไปทันที เน็กซ์รีบเดินตามไปพร้อมกับพูด “เดี๋ยวสิป้า”

ติณณภพกำลังยืนคุมคนงานทำงานอยู่ในไร่ ครู่หนึ่งโทรศัพท์มือถือก็ดัง ติณณภพแยกตัวจากคนงานมารับสาย
ติณณภพพูดภาษาฝรั่งเศส “ได้เรื่องมาแล้วเหรอ..เขาอยู่ที่ไหน”
ติณณภพฟังแล้วก็ทำสีหน้าครุ่นคิด

พุชชี่เดินหน้าเครียดมาตามทางบนสะพาน เน็กซ์รีบเดินตามมา
“ใช่ครับป้า..ผมกับพี่ติณเรากำลังแข่งกัน”
พุชชี่หยุดชะงักที่กลางสะพาน “แข่งกันเพราะชั้นเนี่ยนะ”
“ครับ..เมื่อวานผมยอมเสียเปรียบให้เขาเป็นฝ่ายทำคะแนนก่อน วันนี้ก็เลยเป็นทีของผม”
“ทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วย”
“เพราะเราสองคนรักผู้หญิงคนเดียวกัน ในเมื่อยังไม่มีคำตอบจากเธอ ก็ยังไม่มีคนแพ้ คนชนะ”
“งั้นทั้งหมดที่เธอกับพี่ติณทำ ก็แค่เพื่อต้องการเอาชนะใจชั้น..แค่นั้นใช่มั้ย”
เน็กซ์ขยับเข้าไปใกล้แล้วจับมือพุชชี่ขึ้นมากุมเอาไว้
“ถ้าป้าไม่อยากให้ผมกับพี่ติณทำแบบนี้.. ก็คงถึงเวลาต้องเลือกซะที”
พุชชี่มองหน้าเน็กซ์แล้วสะบัดมือ “ไม่..ทั้งเธอทั้งพี่ติณ ไม่มีใครบังคับชั้นได้”
“ทำไมล่ะครับ..ก็แค่ฟังเสียงหัวใจตัวเองว่าใคร คือคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขที่สุด มันไม่เห็นจะมีอะไรยากเลย”
“เธอไม่รู้หรอกเน็กซ์…มันมีเหตุผลที่มากกว่านั้น ชั้นถึงเลือกใครไม่ได้”
พุชชี่บอกแล้วก็เดินต่อ เน็กซ์จะตามแต่พุชชี่หันมาขึ้นเสียง
“ไม่ต้องตามชั้นมา..ชั้นจะกลับเอง”
พุชชี่เดินไปคนเดียวเงียบเน็กซ์ได้แต่ยืนมองตาม

ณ Saint Mont Micheal โบสถ์หินเก่าหลังใหญ่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางทะเลคล้ายกับภูเขาลูกย่อมๆที่สร้าง ด้วยฝีมือมนุษย์ ติณณภพยืนรออยู่ในโบสถ์ได้ครู่นึงเจ้าหน้าที่โบสถ์ก็เดินเข้ามาตามที่ได้นัดกันไว้ ติณณภพหันไปจับมือแนะนำตัว
ติณณภพพูดภาษาฝรั่งเศส “ผมเป็นเพื่อนกับลูกชายของมิชชันนารีที่ชื่ออังเดร เขาเคยไปสอน ภาษากับศาสนาที่ประเทศไทยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน”
“อังเดร ?” เจ้าหน้าที่คิด
“ผมได้เบาะแสมาว่าคุณรู้จักกับเขา”
เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับ “ผมจำได้แล้ว.. อังเดรเคยมาช่วยงานที่นี่ช่วงนึง”
“แล้วผมจะพบเขาได้ที่ไหนครับ”
เจ้าหน้าที่มองติณณภพด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนน่าสงสัย

พุชชี่นั่งมองเปลวไฟที่กำลังคุอยู่ในเตาผิงพลางคิดเรื่องสองหนุ่มกำลังแย่งชิงตัวเธอกัน ระหว่างนั้นติณณภพก็กลับมาจากโบสถ์
“อ้าว..น้องพัฒ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ดึกแล้วทำไมยังนอนอีก”
“น้องนอนไม่หลับค่ะ ว่าแต่พี่ติณเถอะ ทำไมกลับซะดึกเลยคะ”
“พี่ได้เบาะแสของพ่อเน็กซ์มา ก็เลยไปตามเรื่องมาให้”
พุชชี่สนใจทันที “จริงเหรอคะพี่ติณ..แล้วพี่ตามเจอพ่ออังเดรรึเปล่าคะ”
ติณณภพนิ่งไปโดยทำสีหน้าพยายามเก็บความรู้สึก “เจอ..แต่คืนนี้ดึกมากแล้ว ไว้พรุ่งนี้พี่จะพาเน็กซ์ไป”
พุชชี่ดีใจ “นี่ถ้าเน็กซ์รู้ ..เขาต้องดีใจแน่ๆ”
ติณณภพยิ้มตาม “พี่ขอตัวก่อนนะ..น้องก็อย่านอนดึกมากล่ะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแต่เช้า”
“ค่ะ..ขอบคุณมากนะคะพี่ติณ”

ติณณภพรับคำขอบคุณของพุชชี่แล้วเดินออกไป พุชชี่หันมาทำสีหน้าโล่งอกเรื่องเน็กซ์ไปได้เรื่องนึง

เน็กซ์เดินนำลิ่วด้วยความดีใจที่ได้เจอพ่อ พุชชี่เดินตามมาอยู่ห่างมากกำลังเหนื่อยหอบแต่ก็เดินตาม

“เร็วสิป้า.. อะไร แค่นี้เหนื่อยแล้ว”
“ก็เธอดีใจจะได้เจอพ่อ เธอเลยไม่เหนื่อย แต่ชั้นไม่ใช่ลูกเขานี่จะได้ตื่นเต้นจนลืมเหนื่อย..โอ้ยยยย แข้งขาชั้น เส้นเลือดขอดขึ้นแน่ เธอไปก่อนเถอะ”
“ไม่....ผมอยากให้ป้าได้เจอหน้าพ่ออังเดรพร้อมกับผม”
“ทำไมล่ะ”
“ผมรอเวลานี้มาทั้งชีวิต... นาทีที่ยิ่งใหญ่ของผม ผมอยากให้ป้าได้อยู่ร่วมนาทีนั้นกับ ผมด้วย”
พุชชี่นิ่งมองเน็กซ์ที่แสดงความตั้งใจจริงที่เห็นเธอมีความสำคัญกับเขาอย่างที่สุด
“ก็ได้..แต่ขอเวลาชั้นพักหายใจแป๊บนึง..เธอเดินขึ้นไปก่อนแล้วชั้นจะรีบตามไป”
“เร็วๆนะครับ”
เน็กซ์รีบเดินไปต่อด้วยความดีใจ พุชชี่มองตามแบบยังไม่หายเหนื่อยก่อนจะเอายาดมขึ้นมาสูดแล้วจะเดินตามเน็กซ์ไป แต่ยังไม่ทันก้าวไปติณณภพก็เดินตามเข้ามาจากข้างหลังแล้วคว้าข้อมือพุชชี่เอาไว้
“ปล่อยให้เน็กซ์เขาขึ้นไปคนเดียวเถอะ” ติณณภพบอก
พุชชี่สงสัย “ทำไมล่ะคะพี่ติณ”
ติณณภพมีสีหน้าที่ดูหนักใจ

เน็กซ์รีบเร่งขึ้นบันไดผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวขึ้นมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้เหนื่อย จนขึ้นมาถึงบริเวณลานก่อนเข้าตัวโบสถ์ที่สามารถมองไปเห็นวิวทะเลกว้างด้านล่างและเห็นตัวโบสถ์อยู่ข้างหน้า เน็กซ์หยุดรอมองไปตามขั้นบันไดข้างหลังแต่ไม่เห็นพุชชี่ตามมาสักที เน็กซ์จะลงไปตามพุชชี่แต่ก็ลังเลใจ เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองที่โบสถ์ เพราะความฝันที่จะได้เจอหน้าพ่ออยู่อีกไม่ไกล เน็กซ์คิดตัดสินใจอยู่อีกครู่แล้วจึงไปต่อโดยไม่รอ

ติณณภพเดินเข้าไปหยุดมอง พุชชี่เดินตามเข้ามา
“มีอะไรเหรอคะพี่ติณ.. ทำไมเงียบไปคะ”
ติณณภพยังเงียบอยู่
“ถ้าพี่ไม่บอกน้อง..น้องจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้” พุชชี่บอก
ติณณภพหันมาจับแขนพุชชี่ “พี่ว่าตอนนี้เราควรจะปล่อยให้เน็กซ์ได้มีเวลาส่วนตัวนะ เพราะพอ ขึ้นไปถึงโบสถ์แล้วเขาอาจจะอยากอยู่คนเดียว”
พุชชี่สงสัย “พี่ติณหมายความว่ายังไง”
“เรื่องพ่ออังเดรของเน็กซ์..พี่รู้ตั้งแต่มาตามหาเมื่อวานแล้ว”
“รู้อะไรคะ...เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเน็กซ์”
ติณณภพหนักใจที่จะบอกความจริง

เน็กซ์อยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่โบสถ์ด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
เน็กซ์พูดภาษาฝรั่งเศส “ใช่ครับมองสิเออร์ฌอง ผมเป็นลูกชายของพ่ออังเดร..นี่ครับจดหมายที่พ่อเขียนทิ้งไว้ให้ผม”
เน็กซ์เอาจดหมายของพ่ออังเดรยื่นให้เจ้าหน้าที่โบสถ์อ่านเพื่อยืนยันว่าเขาคือลูกชายของพ่อดังเดรจริงๆ หลังจากที่เจ้าหน้าที่โบสถ์อ่านจดหมายจบก็เงยหน้ามองเน็กซ์ แล้วส่งจดหมายคืนให้เขา
“หน้าตาเธอเหมือนกับอังเดรมากจริงๆ”
เน็กซ์ดีใจ “คุณรู้จักกับพ่อผมจริงๆ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า “ชั้นรู้จักอังเดรดี..เขามักจะเล่าให้ฟังและพูดถึงลูกชายคนไทยของเขาเสมอ ตลอดเวลาที่เขามาอยู่ช่วยงานที่โบสถ์แห่งนี้”
“ผมอยากเจอเขาครับมองสิเออร์..ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนครับ”
เจ้าหน้าที่มองเน็กซ์ด้วยแววตาสงสารก่อนจะยื่นสมุดบันทึกปกหนังเล่มบางๆเล่มหนึ่งยื่นให้
“อังเดรฝากบันทึกเล่มนี้ไว้ให้เธอ” เน็กซ์รับมาด้วยความดีใจ เจ้าหน้าที่พูดต่อ “ชั้นเสียใจด้วยนะ”
เน็กซ์อึ้งไปเมื่อเห็นสมุดบันทึกและคำพูดที่บ่งบอกความหมายเป็นอื่นไม่ได้

พุชชี่หน้าเสียตกใจเป็นอย่างมาก เธอจับมือติณณภพมาเขย่า
“ไม่จริงใช่มั้ยคะพี่ติณ...เป็นไปไม่ได้ น้องไม่เชื่อ”

“พ่อของเน็กซ์ตายแล้วจริงๆ เมื่อปีที่แล้วนี่เอง เขาเป็นมะเร็งในสมอง ต้องผ่าตัดและให้ยาคีโม มองซิเออร์ฌองเล่าให้พี่ฟังว่า....”

เน็กซ์เดินตาแดงก่ำเลื่อนลอยอย่างเสียใจ ในมือของเขากำสมุดบันทึกเอาไว้แน่น
 
เน็กซ์ค่อยๆลงนั่ง ในขณะที่ติณณภพอธิบายเรื่องราวให้พุชชี่ฟัง
“พ่ออังเดรของเน็กซ์พยายามที่จะมีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด เพื่อหวังเจอหน้าลูกชายอีกครั้ง แต่เขาก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว เขาจึงเริ่มเขียนบันทึก จดความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อลูก ชายเอาไว้....”
เน็กซ์น้ำตาคลอเบ้า เขาค่อยๆมองสมุดบันทึกในมือแล้วเริ่มเปิดมันทีละหน้าด้วยมือที่สั่นเทา
“มันเป็นความรักของพ่อที่รู้สึกผิดเมื่อต้องทิ้งลูกไว้..ตลอดชีวิตของเขาจึงไม่เคยให้อภัย ตัวเองเลย”
เน็กซ์พลิกหน้าหนังสือไปช้าๆ ในสมุดมีลายมือผู้ชายเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสจนถึงหน้าสุดท้าย เน็กซ์พลิกไปเจอภาพถ่ายใบหนึ่งเป็นภาพครึ่งตัวของพ่ออังเดรเมื่อวัยหนุ่ม ภาพนั้นเก่าและซีดแต่ใบหน้าของพ่ออังเดรยิ้มให้กับกล้องเหมือนยิ้มให้กับเน็กซ์ที่มองภาพนั้นในมือ ที่ด้านหลังของภาพถ่ายมีลายมือของอังเดรเขียนกำกับเอาไว้เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลความได้ว่า
“ข้าพเจ้าอังเดร บิดาของอองตวน เทพบุตรองค์น้อยจากสรวงสวรรค์”
เน็กซ์อ่านลายมือใต้ภาพได้แค่นั้นก็น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเสียใจ
“พ่อ....พ่อ...ฮือๆๆ”
เน็กซ์ทรุดลงคุกเข่าร้องไห้แล้วกอดสมุดบันทึกของพ่อเอาไว้อย่างน่าเวทนา

พุชชี่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสารเน็กซ์อย่างมาก
“โธ่เน็กซ์.. พี่ติณรู้เรื่องนี้แล้วทำไมไม่บอกเน็กซ์ล่ะคะ”
“เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญที่เน็กซ์จะต้องรับรู้ด้วยตัวเอง พี่ถึงต้องทำแบบนี้”
พุชชี่เข้าใจ “งั้นตอนนี้..เน็กซ์คง...”
พุชชี่เป็นห่วงเน็กซ์มากจนต้องรีบเดินเร็วๆออกไปตามหาเน็กซ์ทันที
ติณณภพเรียก “น้องพัฒ !!”
ติณณภพเดินตามไปด้วย

เน็กซ์เดินกำสมุดบันทึกแน่นเดินออกมาด้วยสภาพตาแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาบรรยากาศรอบตัวเวิ้งว้าง เขาทรุดลงคุกเข่าอย่างอ่อนแรง สักครู่จึงเห็นพุชชี่และติณณภพเดินเร็วๆตามมาจนเจอเน็กซ์ พุชชี่โล่งอกที่เจอเน็กซ์ ทั้งสองค่อยๆเดินเข้าไปหาเน็กซ์
“เน็กซ์ !!”
เน็กซ์หันไปเห็นพุชชี่ตามมาเจอเขาโดยมีติณณภพมาด้วย
“อย่าทำอย่างนี้เลยเน็กซ์..กลับไปกับพวกเราเถอะ” พุชชี่บอก
เน็กซ์ยังนิ่งไม่พูดอะไรเอาแต่มองสมุดบันทึกในมือ พุชชี่สงสารเลยเข้าไปแตะไหล่เขาแต่เน็กซ์กลับหันมาปัดมือเธอออกอย่างแรง
“อย่ามายุ่งกับผม ทุกคนรู้ว่าพ่อผมตายไปแล้ว แต่ไม่มีใครบอกผมเลย”
“ชั้นก็เพิ่งรู้จากพี่ติณ”
“ผมรอเวลาจะได้เจอหน้าพ่อมาทั้งชีวิต ยอมฝืนมาทำงานในวงการที่ผมไม่เคยชอบเลย หวังบินมาครึ่งค่อนโลกเพื่อจะได้กอดพ่อ แต่ทุกคนกลับปล่อยให้ผมได้แค่สมุดบันทึก จากพ่อมาเล่มเดียว”
“ชั้นขอโทษเน็กซ์..ถ้าชั้นรู้ว่าจะเป็นแบบนี้..ชั้นจะไม่ปล่อยเธอให้ต้องอยู่คนเดียว”
พุชชี่จะเข้าไปหาเน็กซ์แต่เน็กซ์ยังมีอารมณ์โกรธอยู่เลยเผลอปัดพุชชี่จนเซจะล้ม
“อย่ามายุ่ง”
ติณณภพรีบเข้าไปช่วยประคองพุชชี่เอาไว้อย่างเป็นห่วง
“ถ้านายโกรธ แล้วอยากจะลงกับใครสักคน คนนั้นควรจะเป็นชั้น ไม่ใช่พุชชี่”
ติณณภพพูดไปก็ดึงพุชชี่มาโอบเอาไว้แน่น เน็กซ์ที่เผลอลงมือกับพุชชี่เห็นแบบนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดและเกลียดตัวเอง
“ที่ไม่บอกเรื่องนี้ให้นายรู้ก่อน เพราะมันคือเรื่องส่วนตัวของนายกับพ่อ” ติณณภพบอก เน็กซ์ไม่ฟังและหันหลังให้ “นายต้องรับรู้ด้วยตัวเอง”
พุชชี่แทรก “พี่ติณ..ให้น้องคุยกับเขาเองดีกว่า”
“แต่พี่ว่าตอนนี้เขาไม่พร้อมที่จะคุยกับใครทั้งนั้น” ติณณภพหันไปที่เน็กซ์อย่างจริงจัง “ชั้นจะพาพุชชี่กลับ ถ้านายคิดว่าตัวเองพร้อมจริงๆ ค่อยกลับไปเจอกันที่ชาร์โต้”
ติณณภพโอบไหล่พาพุชชี่ออกไปทิ้งให้เน็กซ์ยืนอ้างว่างเปล่าเปลี่ยว พุชชี่ได้แต่เหลียวกลับมามอง เมื่อหันกลับไปเน็กซ์ก็หันไปมองพุชชี่ เน็กซ์เห็นติณณภพโอบพาพุชชี่ออกไปด้วยกันทำให้หัวใจเขาตอนนี้เจ็บปวดรวดร้าวเหลือจะทน เน็กซ์น้ำตาคลออีกครั้งด้วยความเจ็บปวดสุดๆ

พุชชี่ที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าเตาผิงด้วยความเป็นห่วงเน็กซ์ เธอถือมือถือไว้ด้วยเผื่อเน็กซ์จะติดต่อกลับมา ระหว่างนั้นติณณภพก็กลับมาจากข้างนอก
“เน็กซ์กลับมารึยังคะพี่ติณ”
ติณณภพพยักหน้ารับ “คนงานพี่เห็นเขากลับมาแล้ว..แต่ว่า”
“แต่อะไรคะ”
“เขามาเก็บกระเป๋าแล้วไปจากที่นี่แล้ว คิดว่าคงกลับเมืองไทย”
พุชชี่ตกใจจะรีบออกไปตามเน็กซ์แต่ติณณภพจับแขนเธอเอาไว้
“ตามไปไม่ทันแล้วล่ะ..พี่ว่าเวลานี้เขาคงไม่ต้องการใคร..แม้แต่น้อง”
พุชชี่นิ่งไปครู่อย่างเสียใจก่อนที่เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอจะดัง พุชชี่กดรับสายโดยไม่ได้ดูเบอร์

“เน็กซ์ เธออยู่ไหน....”
 
อ่านต่อหน้า 4

มาดามดัน ตอนที่ 12 (ต่อ)

เจ๊เมี่ยงที่มุมปากมีรอยฟกช้ำ ใบหน้าเขียวเป็นจ้ำผลจากการถูกเล่นงานมาตาแดงก่ำน้ำตาคลอ มือสั่นตื่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“พุชชี่....นี่ชั้นเอง เจ๊เมี่ยง”
“เจ๊เมี่ยง ? เจ๊โทรหาชั้นทำไม ถ้าจะมาหาเรื่องชั้นอีกล่ะก็..ชั้นไม่มีเวลายุ่งกับเจ๊หรอก”
พุชชี่จะตัดสายแต่เจ๊เมี่ยงระล่ำระลักร้องขอ
“อย่าตัดสายชั้นนะพุชชี่...ชั้นจำเป็นต้องโทรหาเธอเพราะว่าชั้น..ชั้น..ฮือๆๆ” เจ๊เมี่ยงร้องไห้
พุชชี่ได้ยินเสียงสะอื้นก็สงสัย “เจ๊เป็นอะไร...ร้องไห้ทำไม”
“ประวัติศาสตร์มันกำลังจะซ้ำรอย..ชั้นไม่อยากทำผิดพลาดแบบในอดีตอีก”
พุชชี่สงสัย “หมายความว่าไง..เจ๊หมายถึงอะไร”
“ก็..ไอ้สารเลวที่มันทำร้ายแอนไง..ชั้นทนไม่ได้อีกแล้ว..แกต้องกลับมาช่วยชั้นนะพุชชี่”
“ว่าไงนะ !” พุชชี่ฟังต่อ
พุชชี่ฟังเจ๊เมี่ยงพูดกำโทรศัพท์ ในมือของเธอกำแน่นจนสั่น ติณณภพเห็นท่าทางของพุชชี่ก็แปลกใจ

ราศีกำลังกวาดใบไม้อยู่ที่ลานบ้านอยู่เงียบๆ เน็กซ์ถือกระเป๋าเดินทางกลับเข้ามา
“แม่ครับ”
“บักหมา” ราศีดีใจ “กลับมาแล้วเหรอ..จะกลับมาทำไมไม่โทรบอกแม่ แล้วพ่ออังเดรของเอ็ง ล่ะ..มาด้วยรึเปล่า”
“ผมไม่ได้เจอพ่ออังเดรครับแม่”
“อ้าว..ทำไมล่ะบักหมา”
เน็กซ์หยิบสมุดบันทึกของพ่ออังเดรออกมาจากกระเป๋ายื่นให้ ราศีรับไปดูอย่างแปลกใจ เน็กซ์เข้าไปกอดแม่
“พ่ออังเดรจากไปแล้วครับ ทิ้งไว้แต่สมุดบันทึกของท่านให้ผมได้รู้จักท่านแค่นั้น ต่อไปนี้ ผมจะทำหน้าที่ดูแลแม่ จะไม่ทิ้งแม่ไปไหนอีกแล้วครับ”
เน็กซ์กอดแม่แน่นแทนคำตอบด้วยสีหน้าเศร้าๆ และน้ำตาคลอ
ราศีสงสาร “ไม่เป็นไรนะลูก..แม่เชื่อว่าวิญญาณของพ่ออังเดรที่อยู่บนสวรรค์คงดีใจที่รู้ว่า ลูกไปตามหาเขา เอาล่ะ..กลับมาบ้านเหนื่อยๆ เข้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
ราศีจับหน้าลูกชายมาลูบอย่างเอ็นดูและยิ้มให้ แต่ระหว่างนั้นธีระกับแพตตี้ก็เข้ามา
“ไอ้บักหมา !”
เน็กซ์กับราศีชะงักแล้วหันไปมองธีระ

เน็กซ์ ราศี แพตตี้ ธีระเข้ามานั่งคุยกันในบ้านแต่ท่าทางของธีระยังดูไม่พอใจ เขาชี้หน้าเน็กซ์
“เอ็งไม่ต้องมาโกหก แค่ไอ้สมุดบันทึกเล่มเดียว ทำให้ข้าเชื่อไม่ได้หรอกเว้ย ไอ้อังเดรมัน อยู่ไหน..มันต้องมารับผิดชอบกับความระยำที่มันทำไว้”
ธีระเข้าไปกระชากคอเสื้อเน็กซ์มาตะคอกถาม แพตตี้รีบห้าม
“ป๋า..อย่าทำอะไรเน็กซ์นะ”
“หนูไม่ต้องมาเข้าข้างมัน ป๋าอุตส่าห์ตามใจ เห็นหนูอยากรู้ความจริงเลยยอมให้ตามมัน ไปฝรั่งเศส แต่พอกลับมาหนูก็เอาแต่ร้องไห้ พอกันที ป๋าหมดความอดทนกับมันแล้ว”
ธีระง้างหมัดพร้อมชก แต่เน็กซ์กลับเอามือรับมือธีระไว้ทันที
“ผมก็หมดความอดทนกับการที่เสี่ยเอาแต่ใส่ร้ายพ่ออังเดรของผมแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่ ใช่เพราะอคติกับทิฐิเชื่ออย่างผิดๆของเสี่ย ผมก็คงไม่กลายเป็นกำพร้าอยู่แบบนี้”
ธีระเจ็บ “ไอ้..ไอ้บักหมา..นี่..เอ็ง..เอ็งคิดจะสู้..สู้ข้าเหรอ”
เน็กซ์ออกแรงบีบมือเสี่ยธีระอย่างเอาจริงจนธีระชะงักเพราะเจ็บมือ
ราศีปราม “บักหมา !!..อย่าทำอย่างนี้”
เน็กซ์ชะงักนิ่งหันไปมองหน้าราศีที่พยายามเตือนไม่อยากให้เน็กซ์ก้าวร้าว เน็กซ์เลยยอมปล่อยมือ
“ไอ้บักหมา...ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ข้าไม่ปล่อยเอ็งไว้แน่”
“พอเถอะค่ะเสี่ย..ความจริงมันเปิดเผยออกมาขนาดนี้แล้ว เสี่ยต้องเลิกหาแพะมารับผิด ชอบความตายของน้องสาวซะที” ราศีหันไป “บักหมาศพพ่ออังเดรฝังอยู่ที่ฝรั่งเศสใช่มั้ย”
“ครับแม่”
“งั้นถ้าเสี่ยยังไม่เชื่อว่าอังเดรไม่ใช่พ่อของแพตตี้ คงต้องพาเสี่ยไปขุดศพอังเดรขึ้นมา ตรวจ DNA จะได้เลิกทิฐิยอมรับว่าตัวเองเข้าใจผิด”
“ได้ครับแม่..พ่ออังเดรจะได้พ้นจากการถูกกล่าวหาซะที”
ธีระชะงักไปเมื่อเจอเน็กซ์กับราศียันมาขนาดนี้ แพตตี้เข้าไปจับมือธีระ
“ป๋าคะ..พอได้แล้วค่ะ..มันไม่สำคัญอีกแล้วว่าพ่อที่แท้จริงของหนูจะเป็นใคร และหนูกับ เน็กซ์จะเป็นพี่น้องกันจริงรึเปล่า ที่หนูกลับมาแล้วเอาแต่ร้องไห้ เพราะหนูกำลัง พยายามตัดใจจากเน็กซ์ต่างหาก”
แพตตี้พูดไปก็มองหน้าเน็กซ์น้ำตาคลออย่างน่าสงสาร
“ชั้นขอโทษนะแพตตี้..ถึงเราจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ชั้นก็รักเธอเหมือนอย่างน้อง สาวจริงๆ”
“ชั้นรู้แล้วเน็กซ์..ให้ชั้นพยายามมากแค่ไหนก็ทำให้เธอเปลี่ยนใจจากผู้หญิงคนนั้นไม่ได้”

แพตตี้พูดออกมาด้วยความเสียใจแล้วก็เดินออกไปทันที ธีระรีบตามลูกออกไปอย่างเป็นห่วง ทิ้งให้ราศียืนมองหน้าลูกชายด้วยความสงสัย

ราศีตามเข้ามามองลูกชายที่กำลังเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าอยู่ในห้อง

“เกิดอะไรขึ้นที่ฝรั่งเศส”
เน็กซ์เงียบ
“เอ็งจะรักใครชอบใคร ไม่ต้องกลัวหรอกว่าแม่จะเห็นด้วยรึเปล่า ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดี ทำให้ชีวิตเอ็งเจริญก้าวหน้า มีความสุขในทุกๆวัน แม่ก็พร้อมจะรักเขาเหมือนกัน”
เน็กซ์ยังเงียบอยู่
“มาดามพุชชี่เขาไม่รับรักเอ็งใช่มั้ย เอ็งถึงทิ้งอนาคตกลับมาอยู่กับแม่ที่นี่”
เน็กซ์ชะงักแล้วหยุดเก็บเสื้อผ้า
“เลี้ยงเอ็งมาทำไมแม่จะไม่รู้ เล็กๆเอ็งติดแม่อย่างกับตังเม โตจะเป็นหนุ่มก็ยังต้องให้แม่ คอยตามดูแล มันก็ไม่แปลกหรอกที่เอ็งอยากจะมีเมียที่เหมือนมีแม่”
“แม่ !”
ราศียิ้มกับลูกชายแล้วดึงมาโอบเพื่อปลอบใจ
“อย่าเพิ่งท้อ แม่ไม่เชื่อหรอกว่ามาดามเขาจะไม่ชอบเอ็ง ผู้หญิงด้วยกันแม่ดูออกว่าเขา มองเอ็งแล้วรู้สึกยังไง แต่ผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ มันต้องมีเหตุผลที่ทำให้เขารักไม่ได้”
ราศีบีบมือลูกชายเพื่อให้กำลังใจทำให้เน็กซ์รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา

เจ๊เมี่ยงสวมแว่นดำปกปิดใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำ เจ๊เมี่ยงมองเวลาเพื่อรอว่าเมื่อไหร่พุชชี่จะออกมา
“ชักช้าอะไรของหล่อนอยู่เนี่ยนังพุชชี่”
เจ๊เมี่ยงเริ่มร้อนรนจึงเดินไปเดินมา ระหว่างนั้นเจ๊เมี่ยงก็เหลือบไปเห็นแอ๋มพร้อมกับลูกน้องมาดเข้มของจัตวาเดินเข้ามา เจ๊เมี่ยงตกใจจนหน้าเสียจึงรีบเบี่ยงตัวหลบเพราะกลัวโดนเห็น เธอพยายามทำตัวลีบสุดฤทธิ์แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นสายตาแอ๋มที่พาลูกน้องเข้ามาประกบซ้ายขวาแล้วตบบ่าเจ๊เมี่ยง
“แหม..เพื่อนสาว..ต่อให้คนเยอะแค่ไหน รัศมีสวยเจิดอย่างหล่อนก็ปิดไม่มิดหรอก” แอ๋มว่า
แอ๋มยิ้มร้ายแล้วพยักหน้าให้ลูกน้องจัตวาหิ้วตัวพาออกไป คล้อยหลังไม่นานพุชชี่ก็เข็นกระเป๋าเดินทางออกมาพร้อมกับติณณภพ พุชชี่มองหาเจ๊เมี่ยงแต่ไม่เห็นสีหน้าของพุชชี่เต็มไปด้วยความกังวล

พุชชี่พยายามโทรศัพท์ติดต่อเจ๊เมี่ยงแต่ติดต่อไม่ได้
“ติดต่อเจ๊เมี่ยงไม่ได้เลยค่ะพี่ติณ”
“ใจเย็นๆก่อน..บางทีเจ๊เมี่ยงอาจกำลังหาทางจัดการกับปัญหานี้ด้วยตัวเองอยู่ก็ได้”
“แต่น้องรู้จักเจ๊เมี่ยงดี เจ๊มั่นตัวแม่แบบนั้นถ้าไม่ถูกไล่ต้อนให้จนตรอกจริงๆ ไม่มีวันยอม เสียหน้าขอความช่วยเหลือจากน้องแน่”
พุชชี่พูดไปก็รู้สึกกังวลไป ระหว่างนั้นหนูดอกกับอาร์ทก็พาลอร่าเข้ามา
“มาดามคะ..หนูตามเจอตัวยัยลอร่าแล้วค่ะ” หนูดอกบอก
พุชชี่รีบถามทันที “ลอร่า..เจ๊เมี่ยงอยู่ที่ไหน”
ลอร่าส่ายหน้า “ไม่รู้”
“จะไม่รู้ได้ยังไง..ก็เขาเป็นเจ้านายหล่อน”
“ลอร่าไม่รู้จริงๆ...ถ้ามาดามรู้อะไรเกี่ยวกับเจ๊เมี่ยงก็ช่วยบอกลอร่าด้วย เพราะว่าเจ๊แกดู แปลกๆไปตั้งแต่กลับมาจากฝรั่งเศสแล้ว”
“แปลกยังไง”
ลอร่ามองหน้าอาร์ทแล้วมองหน้าทุกคน

เหตุการณ์ในอดีต หลังกลับจากฝรั่งเศสมาได้ 1 วัน เจ๊เมี่ยงก็นั่งหน้าเครียด ลอร่าเข้ามาบอก
“เจ๊คะ..น้องแพตตี้กลับไปถึงบึงโขงหลงแล้วค่ะ ส่วนเรื่องงานของน้องที่เจ๊ให้หนูแคนเซิล หมดทุกงาน หนูบอกตามที่เจ๊สั่งแล้วว่าน้องป่วย แต่ไม่ค่อยมีใครเชื่อเลยค่ะ”
“ช่างมัน..ใครไม่อยากเชื่อก็ช่าง” เจ๊เมี่ยงหันไปหยิบเช็คที่เซ็นต์แล้วยื่นให้ลอร่า “เอานี่ไป”
“เช็ค ?...ให้ลอร่าทำไมคะเจ๊..หรือว่า..เจ๊จะไล่ลอร่าออก..ทำไมคะ..ลอร่าทำอะไรผิด”
“ชั้นไม่ได้ไล่หล่อนย่ะ ชั้นแค่..แค่เห็นหล่อนทำงานกับชั้นมานาน..เลยอยากให้หล่อนไป พักผ่อนยาวๆบ้าง”
ลอร่างง “นี่เจ๊ยังมีอาการเจ็ตแลคอยู่เหรอคะ ดูเจ๊เพี้ยนๆไม่ปกติเลย”
“หล่อนไม่ต้องกัดชั้น..ชั้นให้เงินหล่อนไปเที่ยวพักผ่อนแล้ว ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องเอา”
ลอร่ารีบคว้าหมับ “เอาสิคะ..แหม..ลอร่ากำลังอยากไปปาร์ตี้ฟูลมูนอยู่พอดี แล้วเด็กคนอื่นๆ ล่ะคะ เจ๊จะให้ลอร่าทำยังไง”
“ให้ผู้ปกครองเขารับไปดูแลกันเองก่อน ช่วงนี้ชั้นอยากอยู่คนเดียวเงียบๆสักพักใหญ่ๆ”

ลอร่ามองเช็คในมือแล้วเหลือบมองเจ๊เมี่ยงด้วยความสงสัย

ลอร่าหิ้วกระเป๋าสวมหมวกปีกกว้างแต่งชุดพร้อมไปเที่ยวทะเลออกมาจากบ้าน

“ทะเล้ ทะเล ปาร์ตี้ฟูลมูน....วี้ดวิ้ว...ฮูล่า..รอก่อนนะจ๊ะ”
ลอร่ายิ้มกริ่มเดินออกมาจากตัวบ้านแต่ชะงักเมื่อเจอแอ๋ม เก้งหน้าเข้มที่มาพร้อมชายใส่สูทแว่นดำสองสามคน
“มาหาใครเหรอคะ”
“มาหาเจ๊เมี่ยงจ้ะ” แอ๋มบอก
“แล้วคุณเป็นใครเหรอคะ”
“เจ้ชื่อแอ๋ม..เจ้เป็นเพื่อนกับเจ๊เมี่ยง”
ลอร่ามองแอ๋มหัวจรดเท้าก็เห็นเป็นเก้งเหมือนกับเจ๊เมี่ยงและยังมีหนุ่มมาดเข้มหุ่นล่ำสวมสูทด้วย
แอ๋มยิ้ม “สองคนเนี่ย เจ๊เมี่ยงเขาโทรสั่งให้เจ้เดลิเวอรี่ถึงที่..เข้าใจใช่มั้ยจ๊ะ”
“อ๋ออ” ลอร่าลากเสียงยาว “เก็ตแล้วค่ะ..เจ๊เมี่ยงอยู่ในบ้านค่ะ เชิญเจ้ตามสบายเลย”
“ขอบใจนะ”
แอ๋มกับลูกน้องของจัตวาเดินเข้าไปในบ้าน ลอร่ามองตามแล้วหัวเราะคิกคัก
“แหมเจ๊...ไหนบอกว่าอยากอยู่เงียบๆ ที่แท้ก็ให้เพื่อนพาหนุ่มๆแน่นๆมาแซนวิชถึงที่นี่เอง ตามสบายเลยค่ะ ลอร่าเข้าใจว่าเจ๊คงอยากของคาวบ้างไรบ้าง”
ลอร่าเข้าใจตามนั้นแล้วเดินหิ้วกระเป๋าลั้นลาไป คล้อยหลังไม่นานเสียงร้องของเจ๊เมี่ยงก็ดังลั่นออกมา
“โอ๊ยย...ช่วยด้วย”

ลอร่าเล่าให้ทุกคนฟังต่อ
“ตอนนั้นลอร่าก็คิดแบบนั้น แต่พอหนูดอกกับอาร์ทไปตามลอร่ามา ลอร่าก็เริ่มสงสัย เพราะพอจะติดต่อหาเจ๊ ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย”
“แสดงว่าครั้งสุดท้ายที่เจ๊เมี่ยงติดต่อคนอื่น ก็ตอนที่โทรไปฝรั่งเศสขอความช่วยเหลือ”
พุชชี่หน้าเครียดเป็นกังวลใจคอไม่ดีจนหนูดอกกับอาร์ทอยากรู้
“ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่คะมาดาม ถึงขนาดศัตรูของมาดามต้องโทรไปขอความช่วย เหลือแบบนี้ กลิ่นมันชักไม่ค่อยดีแล้วนะคะ” หนูดอกว่า
“พุชชี่...เรื่องนี้รึเปล่าที่เกี่ยวกับความลับที่เธอพยายามปกปิดไม่อยากให้พวกเรารู้” อาร์ทถาม
พุชชี่หน้าเครียดกำมือแน่นอย่างอึดอัดใจจนติณณภพต้องเข้าไปมาจับมือปลอบใจ
“พี่ว่าถึงเวลาที่จะต้องให้ทุกคนรับรู้เหมือนกับที่น้องเล่าให้พี่ฟังแล้วล่ะ พวกเราจะได้ช่วย กันหาทางแก้ปัญหาให้น้องได้”
พุชชี่มองติณณภพแล้วมองทุกคนอยู่ครู่นึงจึงเริ่มเล่าความจริง
“เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้ชั้นกับเจ๊เมี่ยงเป็นศัตรูกัน เพราะสาเหตุการตาย ของแอนเพื่อนรักของชั้น”
พุชชี่พูดไปแล้วก็จุกคอขึ้นมาอย่างเจ็บปวดจนติณณภพต้องดึงมาโอบไหล่แล้วช่วยเล่าให้ฟัง
ติณณภพเล่า “แอนถูกผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งข่มขืน จนคิดสั้นฆ่าตัวตาย พุชชี่เข้าใจว่าเป็นเพราะเจ๊เมี่ยงที่ส่งแอนไปให้ไอ้หมอนั่นทำร้าย แต่มารู้ความจริงทั้งหมดก็ตอนที่เจ๊เมี่ยงโทรไปหาแล้วเล่าความจริง”

เจ๊เมี่ยงถูกคุมตัวเข้ามาในห้องเพ้นท์เฮ้าส์โรงแรมต่อหน้าจัตวาที่นอนคว่ำหน้าให้หมอนวดนวดอยู่
“ตอบท่านไปสิ !!..ท่านปล่อยให้หล่อนไปกล่อมหนูแพตตี้ แล้วหล่อนหนีหน้าท่านหายหัวไปโผล่ที่สนามบินทำไม” แอ๋มขู่
“เอ่อ..คือ..เมี่ยง..เมี่ยง” เจ๊เมี่ยงมองซ้ายขวาก็เจอแต่ลูกน้องจัตวา “เมี่ยงปวดฉี่ ขอไปฉี่ก่อนได้มั้ยคะ”
“เอาขวดน้ำมาให้มันควักออกมาฉี่ตรงนี้เลย” จัตวาบอก
เจ๊เมี่ยงสะดุ้ง “ว๊าย..จะดีเหรอคะท่าน..เมี่ยงเป็นสุภาพสตรีนะคะ”
“แต่แกยังไม่ได้เฉาะไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นอย่ามามารยาหลอกล่อให้เสียเวลา”
“แอ๋ม..ที่มันโดนไปเมื่อวันก่อนคงไม่เข็ด” จัตวาบอก
แอ๋มรับคำสั่ง “ค่ะท่าน”
แอ๋มรับคำสั่งแล้วหันไปพยักหน้ากับลูกน้อง ลูกน้องชกท้องเจ๊เมี่ยงแรงๆทีเดียวจนเจ๊เมี่ยงตัวงอ แถมซัดเข้าหน้าอีกหมัด เจ๊เมี่ยงหน้าหันเลือดซิบมุมปากร้องโอดโอย จัตวาจึงลุกจากเตียงนวดแล้วโบกมือไล่หมอนวดให้ออกไป
“แกทำให้ชั้นอารมณ์เสียเองนะนังเมี่ยง ถ้าแกทำให้ทุกอย่างจบตั้งแต่ที่ฝรั่งเศส ไม่พาหนู แพตตี้หนีมา แกก็คงนั่งนับเงินไปสบายใจแล้ว”
“ต่อให้เสี่ยเอาเงินมากองเป็นภูเขา เมี่ยงก็ไม่ส่งเด็กมาบำเรอกามเสี่ยหรอก”
“อย่าพูดเหมือนว่าแกไม่เคยทำแบบนี้เลยนังเมี่ยง มันไม่ได้ทำให้แกดูเป็นนางเอกหรอก”
“เออ..อีเมี่ยงวาสนามันไปไม่ถึงนางเอกหรอก มันก็เป็นได้แค่นางร้ายหน้าโง่ ที่เผลอทำ เรื่องไม่น่าให้อภัยเพราะหลงเชื่อแกไงอีแอ๋ม..ไม่งั้นแอนมันก็คง…”
 
เจ๊เมี่ยงพูดขึ้นมาแล้วน้ำตาคลอด้วยความเสียใจ

เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา หลังจากพัฒศรีบินไปหาติณณภพที่ฝรั่งเศส
 
แดนถูกลูกน้องจัตวาลากเข้ามาในบ้านแล้วผลักลงให้ล้มลงต่อหน้าเจ๊เมี่ยงที่หน้ายังมีรอยฟกช้ำจางๆอยู่
“ชั้นลากตัวไอ้ระยำที่ซ้อมแกมาให้แล้ว” แอ๋มบอก
เจ๊เมี่ยงนิ่งมองแดนด้วยสีหน้าเจ็บใจ สภาพของแดนโดนอัดมาซะเละหน้าบวมปูด
“ไม่ต้องมาทำกระพริบตาปริบๆให้ดูน่าสงสารหรอกไอ้ระยำ ไปกราบเท้าขอโทษเพื่อนชั้นเดี๋ยวนี้..ไป” แอ๋มบอก
แอ๋มไสหัวแดนให้เข้าไปกราบเท้าขอโทษ แดนหน้าเสียรีบเข้าไปคุกเข่าพนมมือจะกราบ
เจ๊เมี่ยงรีบบอก “ไม่ต้อง !”
“พี่เมี่ยงไม่โกรธผมใช่มั้ยครับ” แดนกอดขาอ้อนวอน “ผมขอโทษ ผมเป็นคนอารมณ์ร้อน เวลา ขาดสติทีไร ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ทุกที ยกโทษให้ผมนะครับ ต่อไปผมจะไม่ทำร้ายพี่ เมี่ยงที่รักของผมอีก”
เจ๊เมี่ยงนิ่งมองเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนด้วยแววตาเหมือนสงสาร เธอเชยคางเขาขึ้นมา
“เพราะเธอเป็นเด็กน่ารักนะแดน ชั้นถึงยอมทุ่มเททั้งส่งเสีย เลี้ยงดูทุกอย่าง แต่เธอกลับ อกตัญญู ทำร้ายทุบตี แถมยังอัดคลิปไว้แบลค์เมล์ชั้นอีก..ไอ้เด็กระยำ คนอย่างเจ๊เมี่ยง ใครทำให้เจ็บมันต้องโดนกลับเป็นเป็นสองเท่า”
เจ๊เมี่ยงเปลี่ยนจากมือเชยคางเป็นกำหมัดแล้วซัดเข้าหน้าแดน แดนล้มลงเลือดกบปาก เจ๊เมี่ยงตามไปกระทืบซ้ำ
“ช่วยด้วย..ช่วยผมด้วย..โอ๊ย..โอ๊ย”
เท่านี้ยังไม่สะใจเจ๊เมี่ยงจึงหันไปเปิดกล่องปืนบนโต๊ะหยิบปืนออกมาพร้อมจะยิงใส่แดน
“ไอ้ของเด็ดของแก..ไม่ต้องเก็บเอาไว้ทำพันธุ์หรอกเป็นเศษเนื้ออยู่ตรงนี้แหละ”
แอ๋มรีบห้ามทันที “อย่านะนังเมี่ยง” แอ๋มจับปืนเอาไว้พอดีก่อนเมี่ยงจะลั่นไก “แกจะบ้าเหรอไง ลั่นเปรี้ยงปร้างขึ้นมาเดี๋ยวก็เรื่องใหญ่หรอก”
“ก็ชั้นแค้นมันนี่”
“แค่นี้ก็พอแล้ว เห็นมั้ย..มันกลัวจนเป้าเปียกหมดแล้ว”
เจ๊เมี่ยงหันไปมองแดนที่กลัวจนเป้าเปียกเพราะฉี่ราดจึงยอมลดมือลงแล้วเอาปืนเก็บใส่กล่อง
“แกนี่..เวลาโกรธแล้วน่ากลัวชะมัด ไปเอาปืนมาจากไหนยะเนี่ย” แอ๋มถาม
“แถวนี้ขโมยเยอะ ชั้นก็ต้องมีไว้ป้องกันตัว” เจ๊เมี่ยงหันไปที่แดน “เอาล่ะ..ไอ้เด็กระยำ อย่าคิดว่า แกจะรอดไม่ต้องเป็นขันที ถ้าแกไม่บอกชั้นมาว่าคลิปที่แกอัดไว้แบลคเมลชั้นอยู่ไหน ชั้นจะเอามีดมาสับเดี๋ยวนี้เลย”
“เรื่องคลิปเสียวของแกกับมัน ชั้นเจอต้นฉบับแล้ว นี่ไง”
แอ๋มยื่นแผ่น CD ให้เจ๊เมี่ยงรับไปก่อนจะหันไปสั่งแดน
“อย่าให้เพื่อนชั้นมาบอกนะว่าแกพยายามมาเจ๊าะแจ๊ะมันอีก..ไม่งั้นโดนอุ้มลงไปนอนอยู่ ก้นแม่น้ำแน่..ลากมันออกไป”
ลูกน้องลากตัวแดนออกไป เจ๊เมี่ยงหันมาขอบใจแอ๋ม
“ฝากขอบคุณท่านของหล่อนด้วยนะ ถ้าไม่ได้ท่านช่วย มันคงลอยนวลกวนใจชั้นไม่หยุด”
“แหมหล่อน..เรามันเพื่อนซี้กันนะยะ อ้อ..แล้วท่านเป็นผู้ใหญ่ จะให้ชั้นฝากคำขอบคุณ ไปให้คงไม่ได้ เอาไว้แกไปทานข้าวกับท่านแล้วพาแอนไปขอบคุณท่านเรื่องที่ช่วยซื้อรถให้พร้อมกันเลยทีเดียวดีกว่า”
“ได้สิ..แกนัดมาเลย” เจ๊เมี่ยงบอก
แอ๋มยิ้มชอบใจแต่มีแววตาร้ายกาจ

ที่มุมชั้นลอยของผับซึ่งจัดไว้เป็นพื้นที่ไพรเวทสำหรับ VIP เท่านั้น จัตวากำลังชนแก้วไวน์กับแอน
“ไม่ดื่มเหรอครับน้องแอน”
“แอนเขาไม่ถูกกับแอลกอฮอล์เท่าไหร่ค่ะท่าน ปกติเมี่ยงก็ไม่ค่อยให้เด็กออกมาเที่ยว กลางคืน ไม่อยากให้พวกนักข่าวเอาไปเขียนข่าวเสียๆหายๆ”
“งั้นผมต้องขอโทษด้วยที่ชวนมาเที่ยวต่อที่นี่” จัตวาหันไปมองแอ๋มด้วยสายตาตำหนิ “แอ๋มก็ไม่ ยอมบอกก่อน”
“แอ๋มขอโทษค่ะท่าน..เห็นว่าที่นี่เป็นของเพื่อนท่าน ก็เลยคิดว่าน่าจะไพรเวทที่สุด”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่าน..นานๆได้ออกมาที แอนเขาจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง ใช่มั้ยจ้ะแอน”
“ค่ะ”
ระหว่างนั้นมือถือของแอนดัง แอนหยิบมาดูเบอร์แล้วหันไปบอกเจ๊เมี่ยง
“เจ๊..ยัยพัฒโทรมาจากฝรั่งเศส”
“ตอนนี้มันใช่เวลาคุยกับเพื่อนเหรอจ๊ะ เกรงใจท่าน”
“แต่ว่ายัยพัฒมันคงอยากปรึกษากับแอนเรื่องพี่ติณ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ..ตามสบายน้องแอนเลย ผมเป็นคนง่ายๆ กันเองครับ”
“งั้นแอนขอตัวนะคะ”
แอนถือโทรศัพท์เดินออกไป จัตวามองตามแอนไปด้วยแววตาดูพึงพอใจมากๆจนเจ๊เมี่ยงหันไปสังเกตเห็นสีหน้านั้น จัตวาเลยหันไปที่แอ๋มพยักหน้าอย่างรู้กัน แอ๋มพยักหน้ารับแล้วหันมาจริงจังกับเจ๊เมี่ยง
“นังเมี่ยง ถือโอกาสที่น้องแอนไม่อยู่ตรงนี้ ชั้นขอคุยอะไรกับหล่อนตรงๆเลยแล้วกันนะ ท่านชอบน้องแอนเด็กหล่อนมาก คืนนี้ท่านอยากชวนน้องไปค้างคืนด้วย แกจะว่าไง”
เจ๊เมี่ยงชะงัก “ว่าไงนะนังแอ๋ม..นี่แก..แกเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ชั้นเจ๊ดันนะ เป็นผู้จัดการดารา ไม่ใช่แม่เล้า”
“ต่อหน้าท่าน แกจะแหกปากเสียงดังไปทำไมนังเมี่ยง อยากเจ็บตัวเหรอไง”
เจ๊เมี่ยงหันไปที่จัตวาอย่างสมเพช “มาดูถูกว่าชั้นเป็นแม่เล้าแบบนี้ ให้ใหญ่โตมาจากไหนชั้นก็ไม่สนใจ..โธ่เอ้ย..นึกอยู่แล้วเชียวว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล เห็นเป็นผู้ใหญ่ที่คนให้ความเคารพกันทั้งประเทศ แต่ที่จริงก็ไอ้แก่ตัณหากลับ”
เจ๊เมี่ยงลุกพรวด พวกลูกน้องรีบเข้ามายืนขวางแต่เจ๊เมี่ยงหันไปทำตาขวางไม่กลัว
“ถ้าไม่อยากให้เมี่ยงเอาเรื่องของท่านไปเมาท์ให้อับอาย ก็เชิญไปหาแม่เล้าคนอื่น เพราะ คนอย่างเมี่ยงเจิด..ไม่ทำลายอาชีพตัวเองเพราะเงินหรอก..หลบไป !”
จัตวาจ้องหน้าเจ๊เมี่ยงเขม็งก่อนจะพยักหน้าให้ลูกน้องเปิดทางให้เจ๊เมี่ยงออกไปแล้วเขาก็หันไปที่แอ๋ม
“ถ้าคืนนี้ชั้นไม่ได้แอนไปนอนด้วย..แกเจ็บตัวแน่นังแอ๋ม”

“ใจเย็นค่ะท่าน..แอ๋มจัดการให้ได้แน่ค่ะ”
 
อ่านต่อตอนที่ 13
กำลังโหลดความคิดเห็น