รักสุดฤทธิ์ ตอนที่ 1
เช้าวันนี้ บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยดูเงียบสงบ ร่มรื่น ด้วยต้นไม้เขียวครึ้มสูงใหญ่ ณ ตึก “คณะนิติศาสตร์” กลุ่มนักศึกษาสุมหัวอ่านหนังสือสอบที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะ
นักศึกษาชายคนหนึ่งพึมพำท่องมาตรากฎหมายเครียดอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า! นักศึกษาอีก 4-5 คน ถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดง
นักศึกษาคนที่ยืนอยู่ตรงกลางทุบโต๊ะปึงปังเหมือนอยู่ในศาล บนโต๊ะมีหนังสือประมวลกฎหมายและตำรากฎหมายกองใหญ่ รวมทั้งสมุดเลคเชอร์ แล็บท๊อป และไอแพดเปิดกางไว้เพียบ
เสียงเตือนจากมือถือของนักศึกษาคนหนึ่งในกลุ่มดังแหวกกลางอากาศ ประหนึ่งเสียงนาฬิกาของระเบิดเวลาที่มาถึงวินาทีสุดท้าย! เขาพูดโพล่งขึ้น
"เข้าห้องสอบได้แล้ว!"
นักศึกษาทุกคนมองนาฬิกา แล้วตาหูเหลือกเก็บข้าวของแตกฮือ รีบพากันวิ่งขึ้นตึกเพื่อไปสอบทันที
ตรงทางเดินภายในคณะนิติศาสตร์ ชนมน ผู้ช่วยอาจารย์ วัย 22 ปี อดีตนักศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง กำลังเดินมาตามทางเดินชั้นหนึ่งเพื่อจะไปที่ลิฟต์ รองเท้าคัทชูเก่าๆ กระโปรงยาวครึ่งน่องถูกระเบียบ เสื้อเชิ้ตสีแก่ๆเชยๆ มือหนึ่งถือซองข้อสอบ อีกมือขยับถุงผ้าให้เข้าที่ กลุ่มนักศึกษาเดินสวนไปมาอย่างเร่งรีบ แต่เธอยังเดินตรงดิ่งอย่างแน่วแน่ไม่สะทกสะท้านกับความวุ่นวายรอบๆตัว
นักศึกษาหญิง 2 คน วิ่งมาจากด้านหลังของชนมน แซงปาดหน้าอย่างไร้มารยาท นักศึกษาหญิง 1กระแทกไหล่เธอเข้าเต็มๆ ซองข้อสอบในมือกระเด็นหลุดมือไป นักศึกษาหญิงทั้งสองคนวิ่งผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจจะหันกลับมามองหรือขอโทษ เธอก้มลงหยิบซองข้อสอบขึ้นมาอย่างใจเย็น
นักศึกษาหญิง 2 คน วิ่งมาอย่างเร่งรีบกำลังจะผ่านหน้าลิฟต์ไป แต่นักศึกษาหญิง 1 ชะงักแล้วฉุดรั้งนักศึกษาหญิง2 ไว้
"เฮ้ย ไปลิฟต์ดีกว่า"
"นี่ลิฟต์อาจารย์นะโว้ย"
ป้ายที่ติดอยู่ที่ลิฟต์ “เฉพาะอาจารย์และเจ้าหน้าที่เท่านั้น”
นศ.หญิง1บอก
"ลิฟต์อาจารย์แล้วทำไม คนกำลังรีบ"
นศ.หญิง1 กดลิฟต์ทันทีอย่างไม่สนใจ นศ.หญิง2 ยืนลังเลกลัวๆเกรงๆ ลิฟต์เปิดออก ทั้งคู่เข้าลิฟต์ไปด้วยกัน ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง แต่ยังไม่ทันปิดสนิท ทันใด มือเล็กๆก็มาแทรกพรึ่บ!!! เข้าขวางไว้แล้วดันประตูให้เปิดออกอย่างช้าๆ
ชนมนใส่แว่นหนาดูแก่เรียนในชุดทำงานแก่เชยเกินวัยอย่างคนแต่งตัวไม่เป็น เธอยืนมองเข้ามาด้วยสายตานิ่งแต่พิฆาต
นศ.หญิง1ไม่ทันคิดบอก
"จะไปก็รีบเข้ามา เดี๋ยวอาจารย์ก็มาเห็นหรอก"
นศ.หญิง2 สะกิดเพื่อนยิกๆ ให้เห็นว่าชนมนไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษา
ชนมนชูป้ายเจ้าหน้าที่คล้องคออยู่ให้ดู “ชนมน อยู่คง ผู้ช่วยอาจารย์” (TA) ลูกจ้างชั่วคราว
นศ.หญิง1รีบแถ
"ก็...ก็พวกหนูกำลังรีบ"
นักศึกษาหญิง1 ทำท่าปักหลักจะใช้ลิฟต์ให้ได้
ชนมนดุเหี้ยม ยื่นมือจะริบบัตร
"บัตรนักศึกษา"
นักศึกษาหญิง2ตกใจสะดุ้งเฮือก รีบฉุดเพื่อนออกไปทันที
"เฮ้ย ไปเถอะ แก ... ขอโทษนะคะๆ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ... ไม่น่าหาเรื่องเลย ถ้าถูกยึดบัตร เข้าสอบไม่ได้นะ แก"
ชนมนเดินเข้าลิฟต์ยืนตรง แววตาไม่พอใจเด็กไม่มีมารยาท ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดไป
นาฬิกาฝาผนังหน้าห้องเป็นเวลา 9.55 น. ชนมนยืนคุมการสอบอยู่อยู่ในห้อง ด้านหลังเป็นกระดานหน้าห้อง เขียนว่า “ห้องสอบวิชา กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา LW223 เวลา 10.00-12.00 น.”
ภายในห้อง โต๊ะถูกจัดไว้ให้อยู่ห่างกันกว่าปกติ มีจำนวนนักศึกษาในห้องสอบ 20 -30 คนข้อสอบถูกวางคว่ำหน้าอยู่ครบทุกโต๊ะ นักศึกษาที่นั่งอยู่ มองกระดาษข้อสอบอย่างลุ้นระทึก บรรยากาศในห้องนิ่ง เงียบ เครียด ใบเช็กชื่อส่งมาถึงนักศึกษาคนสุดท้ายที่นั่งอยู่หน้าห้อง
นักศึกษาคนสุดท้ายเซ็นชื่อในใบเช็กชื่อเสร็จ เงยหน้ามาไม่ทันจะทำอะไรต่อ ชนมนก็เข้ามารับใบเช็กชื่อไปพรึ่บ ทุกอย่างเป๊ะๆลงตัว
ใบเช็กชื่อ เรียงตามอักษรภาษาอังกฤษ ตรงอักษร I ว่างไป 1 ชื่อคือ “นายอิทธิฤทธิ์ ปติชาติ”
ชนมนเงยหน้าแล้วเรียกชื่อ
“นายอิทธิฤทธิ์ - - นายอิทธิฤทธิ์ ปติชาติ"
ชนมนกวาดสายตามองหาอิทธิฤทธิ์
รถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สีดำทะมึนซิ่งมาแต่ไกล เสียงบิดมอเตอร์ไซค์ “แปร๊ด” ดังก้องทั่วถนนในมหาวิทยาลัย คนขับสวมแจ็กเก็ตดำ ถุงมือดำ หมวกกันน็อกดำ ดูเท่สุดๆ อิทธิฤทธิ์ ปติชาติ วัย 21 ปี นักศึกษาปี 4 ซิ่งมอเตอร์ไซด์มาด้วยความเร็วและฉวัดเฉวียนอย่างนักแข่งมืออาชีพ เพื่อมาให้ทันสอบ
อิทธิฤทธิ์แกล้งบีบแตรใส่ แล้วขับหลบกลุ่มนักศึกษาที่เดินคุยกันกลางถนนไม่เดินบนฟุตบาธ
นักศึกษาหญิงตกใจวี๊ดว้าย นักศึกษาชายโวยวายหัวเสีย บางคนทำกระเป๋าหนังสือข้าวของในมือตกกระจาย ทุกคนรีบเก็บข้าวของแล้วเผ่นขึ้นไปเดินฟุตบาธอย่างที่ควรจะเป็น
อิทธิฤทธิ์ซิ่งมอเตอร์ไซด์วืดๆปรื๊นๆไปเหมือนพายุ ทิ้งไว้แต่ฝุ่นตลบเศษใบไม้ปลิว
นาฬิกาบนฝาผนังหน้าห้อง เข็มวินาทีกระดิกมาที่เลข 12 เป็นเวลา 10.00 น.เป๊ะ ชนมนเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้อง
"เริ่มสอบได้ !"
นักศึกษาในห้องสอบรีบพลิกข้อสอบพรึ่บพรั่บพร้อมกันทั้งห้อง ชนมนมองไปรอบๆห้อง ชะงักเห็นว่า มีโต๊ะว่างสองที่มีกระดาษข้อสอบคว่ำอยู่
เธอดูใบเช็กชื่อในมือใหม่ ช่องว่างอีกช่องคือ “น.ส.มณีมันตรา พิชญนันท์” ที่ช่องหมายเหตุเขียนว่า “กรณีพิเศษ เข้าสายได้ครึ่งชั่วโมง ตามเอกสารที่แนบมา”
ชมมนดึงใบขออนุญาตในซองจดหมายขึ้นมาอ่านคร่าวๆอย่างรู้อยู่แล้ว
"มาย่า...อีกแล้วเหรอเนี่ย"
เธอนึกถึงมณีมันตราอย่างเหนื่อยแทน
ในรถตู้ มณีมันตราสาวสวยวัย 20 ปี ดารานางเอกดาวรุ่งพุ่งแรงในยุคนี้ เรียนชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์เหมือนกัน
เวลานี้เธอกำลังดิ้นขลุกขลักกับการรูดถุงน่องสีชมพูแปร๋น เธอใส่ชุดนักศึกษาแล้ว แต่ยังครึ่งๆกลางๆ แต่งหน้าหนา ใส่วิกสีชมพู ต่างหูรุงรัง ใส่กระโปรงเรียบร้อยแล้ว แต่เสื้อนศ.ติดกระดุมผิดทำให้เสื้อเบี้ยวไปเบี้ยวมา เธอรีบเร่งจัดการเอาทุกสิ่งอย่างแปลกปลอมอย่างรวดเร็วเหน็ดเหนื่อย จบท้ายด้วยดึงขนตาปลอมหนาเว่อร์ออกพร้อมกันทั้งสองข้าง
"โอ๊ย ! อ๊าก เจ็บๆ"
มณีมันตราหน้าเหยเกตาปริบๆ ดูไม่มีมาดซุปตาร์ ดูเป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดู
รถตู้แล่นมาตามถนนอย่างรวดเร็ว รถมอเตอร์ไซด์ของอิทธิฤทธิ์ซิ่งตามหลังมาแล้วแซงปาดหน้ารถตู้ไปฟิ้วๆ รถตู้เบรกเอี๊ยด เกือบเสียหลักลงข้างทางแต่เบรกได้ทัน
เมนี่กรีดเสียงร้อง "แอร๊ย"
ในรถตู้ มณีมันตราเสียหลักหัวคะมำโขกเบาะข้างหน้าอย่างจัง เพราะคนขับเบรกกะทันหัน พอควบคุมรถได้แล้ว แต่มือยังสั่นด้วยความตกใจ เมนี่โวยวาย
"ไอ้เด็กแว้น ! ไอ้เด็กเวร ! ถ้าจะไปซิ่งก็ไปซิ่งสนามแข่งโน่น นี่คงมาซิ่งอวดสาวล่ะซิ ไอ้พวกไม่มีแก่นสาร พวกขยะสังคม อย่างนี้ต้องเผาแล้วฝังกลบอย่าให้เหลือซาก ! น่ารังเกียจที่สุด"
มณีมันตราร้อนใจ
"พี่เมนี่คะ รีบไปต่อเถอะค่ะ มาย่าสายมากแล้ว"
เมนี่หันมามองอย่างนึกได้
"ค่ะๆ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ... ออกรถเลยๆ รับรองน้องมาย่าไปสอบทันแน่ๆ"
เมนี่ยังบ่นด่าอิทธิฤทธิ์ต่ออย่างคาใจคันปาก
"อยากรู้จริงๆ ไอ้เด็กแว้นมาซิ่งแถวนี้ได้ไง เด็กกากๆ อย่างนี้ไม่น่ามาปะปนกับพวกปัญญาชนแถวนี้เลย หรือว่ามหาวิทยาลัยน้องมาย่ามีแก๊งเด็กซิ่งคะ อย่าไปยุ่งด้วยเชียวนะ พี่เมนี่ขอสั่งห้าม ! อย่าแม้แต่จะเดินเฉียดพวกมัน พี่ล่ะเกลียดจริงๆ ไอ้พวกเด็กแว้นเนี่ย"
มณีมันตรากำลังร้อนใจมองนาฬิกาตลอดเวลา แล้วต้องชะงักกึก เมื่อนึกได้ว่า เด็กแว้นที่เมนี่ด่าอาจเป็นอิทธิฤทธิ์ มาย่ามองไปหน้ารถ เห็นหลังมอเตอร์ไซด์คันคุ้นๆ
นาฬิกาที่หน้าห้อง 10.09 น. ชนมนเดินตรวจตราไปตามแถวโต๊ะ ทีละแถวๆ จนมาหยุดที่โต๊ะว่างที่มีข้อสอบคว่ำหน้าอยู่
" นายอิทธิฤทธิ์... มีใครรู้บ้างว่า นายอิทธิฤทธิ์อยู่ที่ไหน"
ทันใดนั้น เสียงรถมอเตอร์ไซด์แผดดัง “แปร๊ด” กึกก้องลั่นแหวกอากาศขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงดังโครมใหญ่เหมือนมีอุบัติเหตุ ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดฮือฮาอื้ออึง
นักศึกษาที่นั่งสอบหันไปมองนอกระเบียงแล้วฮือออกไปดูพร้อมเพรียงกัน ชนมนตกใจแต่ควบคุมสติได้ รีบโผตามไปดูด้วยอีกคน
หน้าตึกคณะนิติศาสตร์ อิทธิฤทธิ์ดริฟท์รถโค้งเป็นวงแล้วมาจอดกึกอยู่หน้าตึกพอดิบพอดี
นาฬิกาบนฝาผนังห้องสอบ เป็นเวลา 10.10 น. พอดิบพอดี
อิทธิฤทธิ์มองนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ
บริเวณนั้น ... ป้ายสแตนด์ ภาพ มณีมันตราเป็นพรีเซนเตอร์ รณรงค์การแต่งตัวถูกระเบียบขนาดใหญ่กว่าตัวจริง และป้ายสแตนด์กิจกรรมใหญ่เล็กล้มระเนระนาดเพราะความแรงของรถ มอเตอร์ไซด์เป็นที่มาของเสียงโครมคราม
กลุ่มนักศึกษาชายหญิงหยุดมองอิทธิฤทธิ์เป็นตาเดียว นักศึกษาหญิงบางส่วนกรี๊ดกร๊าดปลื้มความเท่ของอิทธิฤทธิ์ นักศึกษาเด็กแว่นแก่เรียนมองแล้วเบ้ปาก เมินเดินหนีไป
ชนมน เห็นรอยดริฟท์เป็นทางโค้งวงกลมที่อิทธิฤทธิ์ฝากไว้บนพื้นถนนอย่างชัดเจน กลุ่มนักศึกษาที่อยู่ในห้องสอบชะโงกมองฮือฮาจนลืมเรื่องสอบ
นศ.ชาย 1บอก"เจ๋งว่ะ"
นศ.ชาย 2 บอก"สวดยอด"
ชนมนดึงตัวเองกลับมา เสียงดุบอก
" ทุกคนกลับไปนั่งที่เดี๋ยวนี้"
กลุ่มนักศึกษารีบกลับเข้าไปนั่งที่ตัวเองอย่างวุ่นวาย ชนมนยืนจ้องเขม็งลงไปที่อิทธิฤทธิ์ตัวก่อเรื่อง
อิทธิฤทธิ์ค่อยๆ ถอดหมวกกันน็อกอย่างใจเย็น เงยหน้ามองไปที่ห้องสอบ เขาปะทะสายตากับชนมนเข้า ต่างคนต่างจ้องมองอยู่อึดใจ ชนมนจ้องมองอย่างตำหนิ เขาไม่ใส่ใจ ไม่รู้สำนึกซักนิด ยังคงถอดถุงมือออกอย่างใจเย็น เธอมองหงุดหงิดไม่ชอบใจอย่างรุนแรง แต่ยังคงมาดผู้ใหญ่ไว้อยู่
"เดี๋ยวได้เห็นกัน"
ชนมนผละไปคุมสอบต่อ
รถตู้แล่นเข้ามาจอดเทียบข้างรถมอเตอร์ไซด์ของอิทธิฤทธิ์ เมนี่รีบลงจากรถจะมาเปิดประตูให้ แต่มณีมันตรารีบชิงลงมาก่อน
"ใจเย็นๆค่ะ น้องมาย่า ยังมีเวลาอีกตั้งสิบนาที อย่าวิ่งค่ะ อย่าวิ่ง เดี๋ยวล้มลงไป ขาจะเป็นแผล ใส่ขาสั้นไม่ได้นะคะ โฆษณา บอดี้โลชั่นเพิ่งติดต่อเข้ามา"
เมนี่หยุดกึก เห็นอิทธิฤทธิ์รี่เข้ามาหา
"มาย่า รอด้วยดิ"
มณีมันตราร้อนรนไม่ฟังรีบวิ่งออกไป อิทธิฤทธิ์จะตามไป แต่เมนี่รีบขวางทางไว้
เมนี่มองรถมอเตอร์ไซด์แล้วหันมามองอิทธิฤทธิ์อีกครั้ง
"นี่นาย ! เมื่อกี้นี่นายใช่มั้ยที่ขับรถปาดหน้าชั้น นี่นายเด็กแว้น"
อิทธิฤทธิ์ หันมามองหน้าตรงๆ เมนี่ชะงักกึกเพิ่งเห็นชัดว่าอิทธิฤทธิ์หล่อใสปนเท่น่าสนใจ
"อุ๊ย หล่ออ่ะ ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ น้องขา"
"ขอโทษนะ ผมรีบ แล้วผมก็ไม่ใช่เด็กแว้น ผมเป็นนักแข่งรถ"
อิทธิฤทธิ์รีบผละขึ้นตึกไป เมนี่เพิ่งควานหามือถือในกระเป๋าเจอ แล้วชะงักกลางอากาศถ่ายรูปไม่ทัน อิทธิฤทธิ์เดินลิ่วๆไปแล้ว เมนี่เลยหันกล้องมาถ่ายรูปตัวเองแทน โพสท่าสวยเริ่ดมั่นต่างๆนานาไป
ชนมนยืนปักหลักอยู่ตรงประตูเตรียมรับมือกับอิทธิฤทธิ์ มณีมันตรากระหืดกระหอบเข้ามา
"ขอโทษค่ะ ที่มาสาย คือว่า หนู..."
"เข้าไปได้ อาจารย์ตุลาบอกพี่ไว้แล้ว" ชนมนบอก
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณค่ะ"
มาย่ายกมือไหว้แล้วรีบเข้าห้องไปอย่างโล่งใจ
อิทธิฤทธิ์เดินตามมาทันจะมั่วนิ่มตามมณีมันตราไปในห้องสอบ ชนมนยกมือขึ้นห้ามไว้ด้วยท่าเท่ๆมั่นๆไม่แสดงอารมณ์โกรธ
"มี’ไร" อิทธิฤทธิ์ถาม
ชนมนมองหน้าอิทธิฤทธิ์
อิทธิฤทธิ์เติมประโยคให้ "ครับ"
"มาสาย หมดสิทธิ์เข้าห้องสอบ"
"ตามกฎ เข้าสายได้ไม่เกินสิบนาที ผมก็มาถึงคณะสิบโมงสิบเป๊ะๆ ไม่ถือว่าสาย !"
"ตามกฎ คุณต้องมาถึงห้องสอบสิบโมงสิบต่างหากถึงจะถือว่า ไม่สาย ถ้าคุณไม่มัวแต่ซิ่งมอเตอร์ไซด์โชว์ออฟ..."
อิทธิฤทธิ์ขัด
"เมื่อกี้เค้าไม่ได้เรียกว่าซิ่ง เค้าเรียกดริฟท์ อธิบายไปก็ไม่เข้าใจ เสียเวลาสอบเปล่าๆ"
อิทธิฤทธิ์ทำมั่วจะเข้าไปในห้องสอบอีก ชนมนขวางทางไว้
"ฉันเป็นคนคุมสอบ ฉันมีสิทธิ์ไม่ให้คุณเข้าห้องสอบ"
"มีสิทธิ์ในฐานะอะไร"
ชนมนชูป้ายชื่อที่คล้องคออยู่ให้ดูให้รู้ว่าเป็นผู้ช่วยอาจารย์ อิทธิฤทธิ์อ่าน ทำแกล้งโง่
"ลูกจ้างชั่วคราว"
"ผู้ช่วยอาจารย์ !"
อิทธิฤทธิ์ถ่วงเวลาคิดหาทางออก
"ชื่ออะไรนะ ชน-มน"
"ชะ-นะ-มน"
"อืม..ชื่อเพราะดี ผมขอเข้าไปสอบก่อนล่ะ เรื่องสายไม่สาย เดี๋ยวให้อาจารย์ตุลาตัดสินดีกว่า ลูกจ้างชั่วคราวอย่างคุณไม่มีสิทธิ์"
อิทธิฤทธิ์เดินเข้าห้องฝ่าด่านชนมนไปอย่างไม่แยแส เธอเสียงดัง
"นายอิทธิฤทธิ์"
นักศึกษาทั้งห้องเงยหน้าขึ้นมองเธอเป็นตาเดียว อิทธิฤทธิ์ยกนิ้วขึ้นแตะที่ปากอย่างยียวน
"ชูว์…ในห้องสอบ ห้ามส่งเสียงดังนะครับ"
เธอยืนข่มอารมณ์โกรธไว้อย่างยากเย็น
อิทธิฤทธิ์เดินเข้ามาในห้องสอบ หยิบข้อสอบที่วางเหลืออยู่ที่โต๊ะสุดท้ายกลางห้อง มณีมันตรากำลังก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบเงยหน้าขึ้นมองอิทธิฤทธิ์ด้วยความดีใจที่เข้าสอบได้ เขาถือข้อสอบไว้แต่ยังไม่ยอมนั่ง กลับเดินถือข้อสอบไปที่โต๊ะมุมสุดหลังห้องที่ติดกับหน้าต่างที่มีนักศึกษาชายนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขายืนจ้องนิ่งๆ นักศึกษาชายเงยหน้าขึ้นมองอย่างเกรงๆ เพียงเขาพยักหน้านิดเดียว นักศึกษาชายคนนั้นก็ลุกลี้ลุกลนย้ายที่นั่งแต่โดยดี
ชนมนยืนมองมาอย่างไม่พอใจ ได้แต่อดกลั้นแล้วกวาดตามองไปที่คนอื่น มณีมันตราเห็นชนมนไม่พอใจ เลยหันไปมองเขาอย่างเป็นห่วง เขาเปิดข้อสอบดู เริ่มลงมือทำ จากท่าทีสบายๆ เริ่มเคร่งเครียด งง...งงหนักขึ้นๆ
บรรยากาศยามเช้ายามสายๆของสวนสาธารณะ ร้อยตำรวจตรี ธรรม์ สัตยาภักดิ์ วัย 23 ปี เพิ่งจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาหมาดๆ เขาอยู่ในชุดวอร์มวิ่งมาตามทางอย่างแข็งขัน เขาวิ่งไปพลางเหลือบมองและสังเกตผู้คนสองข้างทางอย่างเร็วๆ เห็นผู้ชาย1นั่งอ่านหนังสือพิมพ์, ผู้หญิง1 คุยมือถือ มีผู้ชาย2 ยืนรออย่างรำคาญแต่ตาคอยเหลือบมองรอบข้าง ทุกอย่างเหมือนชีวิตประจำวันของผู้คนโดยปกติ แต่ไม่ปกติเพราะทุกคนเหล่านี้คือสายสืบ
ชาย1 ซึ่งเป็นตำรวจรุ่นพี่ ชะงักไปแค่เสี้ยววินาที มองธรรม์แล้วอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ เขาวิ่งต่อไปอย่างสบายๆ คนซื้อยาเดินสวนกับธรรม์มา สายสืบทุกคนขยับตัวเตรียมพร้อม ธรรม์หยุดวิ่งหันมาซอยเท่าวิ่งอยู่กับที่ แล้วแอบหันกลับมามอง
คนซื้อยาเดินอย่างเร่งรีบไปทางที่มุมเปลี่ยวของสวนสาธารณะ
คนขายยา1 ถือกระเป๋าใบใหญ่โผล่มาจากหลบมุม คนซื้อยารีบส่งซองสีน้ำตาลใส่เงินให้ทันทีคนขายยารับซองเงินมา กำลังจะส่งกระเป๋าใส่ยาให้ แต่ต้องชะงักอย่างตกใจเมื่อเห็นธรรม์กำลังตรงเข้ามา คนขายยาดึงกระเป๋ากลับเสียก่อน คนซื้อยายื้อกระเป๋าไว้ ทั้งคู่ต่างยื้อกันไปมาจนกระเป๋าขาด ถุงยาบ้าร่วงหล่นออกจากกระเป๋า คนขายยารีบรวบกอดกระเป๋าแล้ววิ่งหนีพรวดไป
"หยุดนะ !"
คนซื้อยาจะวิ่งหนีไปอีกทาง ธรรม์เตะตัดขาสกัดจนคนซื้อยาล้มหน้าคว่ำลง
ชาย 1 พร้อมลูกน้องชาย2 หญิง2 เพิ่งตามเข้ามา ลูกน้องชายหญิงจับคนซื้อยาล็อกตัวไว้
"หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ"
ธรรม์วิ่งไล่คนขายยาไปลิ่วๆแล้ว
ชาย1บ่นด่าธรรม์
"เฮ้ย ไอ้นี่ !"
ธรรม์วิ่งไล่กวดคนขายยาอย่างไม่ลดละ ลูกน้อง1 ซิ่งมอเตอร์ไซด์เก่าๆเข้ามา เมื่อได้จังหวะคนขายยากระโดดขึ้นเกาะท้ายมอเตอร์ไซด์ของลูกน้อง แต่ถูกธรรม์คว้าคอเสื้อไว้ได้ก่อนและลากตัวลงมาจากมอเตอร์ไซด์, ลูกน้อง1 เห็นลูกพี่โดนจับก็ซิ่งเผ่นหนีไปทันที
"เฮ้ย !! กลับมาก่อน ! มึงยุ่งอะไรด้วยวะ เป็นตำรวจหรือไง"
คนขายยาหันกลับมาฟาดหมัดใส่ธรรม์ เขาหลบได้สวนหมัดกลับไป ทั้งสองซัดกันนัวไม่ยืดเยื้อ อีกพักเดียวคนขายยาก็ถูกธรรม์จับตัวยันลงกับพื้น จับมือทั้งสองไขว่หลังแล้วใส่กุญแจมือทันที
"ลืมตอบไป ! ใช่ ชั้นเป็นตำรวจ"
ชาย1 วิ่งตามมาจนทันเห็นธรรม์จัดการคนขายยาไปเรียบร้อยแล้ว
"ชั้นบอกให้นายซุ่มรออยู่ที่รถ ! อย่างนี้วันหลังไม่ต้องมา"
" งานนี้ผมต้องขอล่ะ พี่ ! แล้วผมก็ช่วยจับมันไว้ได้ ไม่มีพลาด"
ชาย 1 มองธรรม์อย่างดุๆแต่ขี้เกียจด่าต่อ รีบลากตัวพ่อค้าขายยาไป ธรรม์มองตามอย่างภูมิใจกับผลงานของตัวเองตามประสาตำรวจใหม่ไฟแรง
เช้าต่อเนื่องมา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ธรรม์ในชุดตำรวจเดินเข้ามา ดูมาดมั่นสมาร์ทเขาหยุดยืนรออยู่กลางโถงใหญ่ดูโอ่อ่า อกชุดในเครื่องแบบเห็นป้ายชื่อ ร.ต.ต. ธรรม์ สัตยาภักดิ์
พลตำรวจตรี อิทธิพล ปติชาติ วัย 54 ปี รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กลับมาจากการประชุมในบช.น. เดินเข้ามาที่โถง มีลูกน้องนายตำรวจถือแฟ้มเอกสารเดินตามหนึ่งคน และนายตำรวจอีก 3-4 คน เดินตามหลัง ทุกคนดูเกร็งนอบน้อมคอยฟังคำสั่งอย่างเดียว อิทธิพลดูยิ่งใหญ่และทรงอำนาจอย่างเห็นได้ชัด
อิทธิพลเสียงดุเข้ม
"ทำอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน ยังไงคดีทนายจรัญต้องปิดภายในวันนี้ ถ้าทำไม่ได้ ได้ย้ายหมดโรงพักแน่ !"
ตำรวจ 1บอก "ครับ ผู้การ"
"ไปได้แล้ว"
กลุ่มนายตำรวจทำความเคารพแล้วเดินแยกออกไป เหลือแต่ลูกน้องตำรวจที่ถือแฟ้มเอกสาร
อิทธิพลจะเดินขึ้นบันไดกลางโถงไป แต่ทันเห็นธรรม์ยืนหน้าเคร่งรออยู่ เขายกมือวันทยาหัตถ์ทำความเคารพอิทธิพลที่ยิ้มนิดๆ
"นายธรรม์"
"สวัสดีครับ คุณพ่อ"
อิทธิพลตบไหล่ธรรม์อย่างปลื้มภูมิใจ แต่ไม่ทิ้งมาดดุ ดูมีอำนาจ
ประตูหน้าห้องมีป้ายชื่อ “พล.ต.ต อิทธิพล ปติชาติ” ติดอยู่ ลูกน้องนายตำรวจเปิดประตูให้อิทธิพลและธรรม์เดินเข้าห้องมา
ลูกน้องนายตำรวจวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ ทำความเคารพนายแล้วเดินออกไป
อิทธิพลนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ธรรม์ยืนอยู่ดูไม่เป็นกันเองแบบพ่อลูกปกติเท่าไหร่
"นั่งซิ เรียนจบซะทีนะ เรา"
ธรรม์ค่อยนั่งลง
"ผมมาหาคุณพ่อเพราะเรื่องนี้แหละครับ จบการฝึกงานสอบสวนแล้ว ผมจะขอย้ายไปประจำที่ใต้ ไม่ยะลาก็คงจะนราธิวาส"
"ทำงานที่กรุงเทพฯ ไปก่อน"
ธรรม์เสียงจริงจังแต่สุภาพ
"คุณพ่อครับ ถ้าทุกคนเลือกแต่ที่จะทำงานสบายๆ ในกรุงเทพฯ ขณะที่หลายพื้นที่ต้องการกำลังคนอย่างมาก มันไม่ถูกต้องเลยนะครับ ถ้าหากคุณพ่อกลัวผมจะไปเสี่ยงอันตรายล่ะก็..."
"พ่อไม่ได้ห้ามไม่ให้แกย้ายไปใต้ แกได้ย้ายแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ พ่อมีคดีที่ต้องการให้แกช่วย เป็นคดีที่สำคัญกับพ่อมาก และสำคัญกับแกด้วย นายธรรม์"
"คดีของพ่อผมหรือครับ"
อิทธิพลนิ่งอึ้งสะเทือนใจ ภาพในอดีตแว๊บเข้ามาหัว
15 ปีก่อน ภายในโกดังที่ฟุ้งไปด้วยฝุ่น เที่ยงธรรมถูกยิงเปรี้ยงเข้าที่อกซ้ายแล้วล้มลงพร้อมๆกับปล่อยปืนหลุดจากมือไป อิทธิพลวิ่งเข้ามา ยืนอึ้งตกใจ มองไปที่คนยิง 2 คน ที่อยู่ในมุมสลัวมองไม่เห็นหน้า มีเพียงอิทธิพลที่เห็นว่าเป็นใคร ... ชูชัยยืนถือปืนค้างไว้อยู่ในเงามืด มีเก่งกาจมือขวายืนเยื้องอยู่ด้านหลังถือปืนค้างไว้เช่นกัน
อิทธิพลมองไปที่โต๊ะทำงาน ที่มีรูปอิทธิพลกับเที่ยงธรรมวัยสามสิบถ่ายคู่กัน อิทธิพลเดาะอะไรบางอย่างเล็กๆแวววาวอยู่ในมือ
"ใช่ คดีของเที่ยงธรรม เรากำลังจะได้ตัวฆาตกรที่ฆ่าพ่อแกแล้ว"
อิทธิพลวางป้ายชื่อสำหรับติดเครื่องแบบตำรวจ “เที่ยงธรรม สัตยาภักดิ์”ลงบนโต๊ะให้เห็น ธรรม์นิ่งอึ้งไปพูดไม่ออก
อิทธิพลนิ่งขรึม เพราะคดีนี้เป็นคดีส่วนตัวมากและรอการสะสางมาเป็นเวลาเกือบยี่สิบปี !
ธรรม์เดินมาส่งอิทธิพลที่หน้าตึก ลูกน้องนายตำรวจถือแฟ้มเดินตาม มีนายตำรวจอีก 3- 4 เดินตามมาด้วย ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาทำความเคารพมาตลอดทาง
"คุณพ่อครับ"
"อย่าเพิ่งถามอะไรมาก พ่อเพิ่งได้เบาะแสใหม่เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ทำงานของแกไปก่อน เราเริ่มสืบคดีเที่ยงธรรมได้เมื่อไหร่ พ่อจะบอกเอง"
อิทธิพลหยุดเดินหันมามองธรรม์ในชุดตำรวจสง่างาม
"ถ้าพ่อแกยังอยู่ เขาจะต้องภูมิใจในตัวแกมาก"
ธรรม์จริงใจไม่เศร้า
"ถ้าไม่มีคุณพ่อ ผมก็คงไม่มีวันนี้หรอกครับ มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะปรึกษา ผมได้ที่พักแล้วนะครับ ผมรบกวนคุณพ่อมามากเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ผมควรจะอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้ว"
อิทธิพลตกใจเล็กน้อย
"ว่าไงนะ"
"ผมรู้นะครับ ว่าคุณพ่อรักผมเหมือนลูกแท้ๆ"
อิทธิพลพูดเรียบๆแต่จริงจัง
"ถ้ารู้แล้ว ก็ห้ามย้ายออกไปไหน นี่เป็นคำสั่ง แกก็น่าจะรู้ว่า พ่อมีอีกเรื่องที่ต้องให้แกช่วย"
"เรื่องนายอิทหรือครับ"
อิทธิพลพยักหน้า
"แล้วตอนนี้อิทเป็นไงบ้าง"
อิทธิพลเหนื่อยใจ
"เหมือนเดิม"
รถประจำตำแหน่งของอิทธิพลแล่นมาจอด ลูกน้องเปิดประตูรถให้
อิทธิพลตัดบทแกมบังคับ
"แล้วเจอกันที่บ้าน"
อิทธิพลขึ้นรถไป ลูกน้องปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับอย่างรวดเร็ว รถอิทธิพลแล่นออกไป ธรรม์ยืนมองนิ่งคิด
"นายอิท"
ธรรม์เข้าใจปัญหาระหว่างอิทธิพลกับอิทธิฤทธิ์ดี
ในห้องสอบ มณีมันตราทำข้อสอบได้แล่นฉิว อิทธิฤทธิ์พลิกกระดาษข้อสอบหลายเที่ยวอย่างหนักใจ เหลือบมองชนมนที่ยืนอยู่หน้าห้อง มือเคาะดินสอกับโต๊ะรัวเร็วอย่างคิดไม่ตก
ห้องทำงานอาจารย์ตุลา เมื่อเย็นวาน ผลการเรียนในมือของอาจารย์ตุลา มีแต่เกรด C , เกรด D เป็นส่วนใหญ่ GPA 1.1 ตุลาเงยหน้าขึ้นมองอิทธิฤทธิ์อย่างหนักใจ
"พรุ่งนี้คุณต้องสอบวิชาของผมให้ผ่าน แล้วต้องทำให้ได้อย่างน้อย เกรดบีด้วย ไม่งั้นจีพีเอไม่ถึงเกณฑ์"
"ผมขอติดโปรได้มั้ยครับ"
"คุณติดโปรมาจนหมดโควต้าแล้ว ถ้าคุณขยันเรียนกว่านี้นิดนึง เข้าเรียนบ้างอะไรบ้าง ใช่มะ วัยรุ่นเค้าพูดกันอย่างนี้ใช่มะ คุณก็ไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก"
อิทธิฤทธิ์พึมพำ
"พรุ่งนี้ผมต้องสอบให้ได้บี"
"ถูกต้อง นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณแล้ว พรุ่งนี้คุณจะต้องสอบให้ได้บี ไม่งั้นจะต้องถูกรีไทร์ หรือที่พวกคุณชอบเรียกว่า ถูก’ไทร์ๆ ถูกรีไทร์ ถูกไล่ออกหมดสภาพนักศึกษา ต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ เข้าใจมะ ฉะนั้นพรุ่งนี้ คุณ-ต้อง-สอบ-ให้-ได้-บี !"
อิทธิฤทธิ์นิ่งอึ้ง พึมพำ
"ถูก’ไทร์ ถูกไล่ออก"
ชนมนถือซองข้อสอบสามสี่ซองเดินเข้ามาวางบนโต๊ะ อิทธิฤทธิ์หลุดจากภวังค์
"ข้อสอบของวิชาพรุ่งนี้ค่ะ อาจารย์"
อิทธิฤทธิ์หันขวับมองจ้องซองข้อสอบเขม็ง ไม่สนใจมองชนมนเลย
ชนมนมองอิทธิฤทธิ์อย่างไม่ค่อยไว้ใจ
"คุณทำได้ใช่มะ ใช่มะ"
"ผมไม่ยอมถูกไทร์ ยังไงผมก็ไม่ยอม"
อิทธิฤทธิ์นิ่งเครียดหาทางออก
อ่านต่อหน้า 2
รักสุดฤทธิ์ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภายในห้องสอบตอนนี้ อิทธิฤทธิ์เครียดถึงสุดขีด หักดินสอหักคามือ เขาตัดสินใจหยิบมือถือออกมากดส่งข้อความหาเจ๋งอย่างรวดเร็ว
จอมือถือของอิทธิฤทธิ์มีคำว่า “ลุย” ข้อความถูกส่งออกไปทันที
ชนมนฉกมือถือไปจากอิทธิฤทธิ์ทันทีทันควัน
"เฮ้ย !"
อิทธิฤทธิ์ลุกขึ้นประจันหน้ากับชนมน
"ไปรับคืนได้หลังสอบเสร็จ"
อิทธิฤทธิ์นั่งลงนึกว่าหมดเรื่องแล้ว
"แล้วมีอะไรในกระเป๋ากางเกง เอาออกมาให้หมด"
เขาลุกขึ้นมาประจันหน้าเธออีกครั้ง เธอจ้องหน้าไม่ถอย เขาล้วงทุกอย่างในกระเป๋ากางเกงออกมา กุญแจรถ เศษกระดาษ หมากฝรั่ง กระเป๋าเงินวางลงปึงปังบนโต๊ะ
"แก้ผ้าค้นตัวเลยปะล่ะ"
อิทธิฤทธิ์กางแขนแล้วขยับ ก้าวพรึ่บ! ไปใกล้ชนมนอย่างยียวน เธอจับเขาหันหลังแล้ว แล้วตบไปตามตัวอย่างแรงป๊าบๆ แบบที่ตำรวจค้นตัวผู้ร้ายกัน โดยเฉพาะตรงขาจนถึงถุงเท้า
อิทธิฤทธิ์คิดไม่ถึง
"เฮ้ย !"
"ผ่าน"
ชนมนหอบข้าวของๆอิทธิฤทธิ์เดินออกไป เขานั่งลงอย่างหงุดหงิด
"คิดว่าจะหยุดฉันได้เหรอ ยัยโหด"
อิทธิฤทธิ์เปิดข้อสอบหน้าแรก ยิ้มร้าย เริ่มการโกงข้อสอบทันที
หน้าตึกนิติศาสตร์ เจ๋งกำลังซักซ้อมกับพริตตี้ 4 คน
"เอ้าๆ เรามาซ้อมใหม่อีกรอบนะ คราวนี้ซ้อมแบบเหมือนจริงเลยนะ น้องกิ๊บ น้องขวัญ น้องคูณ น้องเง็ก เอ้าเริ่ม"
พริตตี้ 1 ชูป้าย ข้อความว่า “ฉันรักเธอ” แล้วยิ้มหวาน
พริตตี้ 2 ชูป้าย ข้อความ “ขอหอมหน่อย” แล้วทำปากจุ๊บๆ
พริตตี้3 ชูป้าย “คิดถึงจัง” แล้วทำหน้าเว้าวอน
พริตตี้ 4 ชูป้าย “รักนะเด็กโง่” แล้วขยิบตาเซ็กซี่
"สวดยอดๆ" เจ๋งพูดพลางตะโกน
"ไอ้จืด พร้อมหรือยัง"
เด็กเรียนใส่แว่นหน้าจืดสิวเขลอะ กำลังทำข้อสอบมือไม้สั่นอยู่หลังพุ่มไม้ จืดดูไม่เต็มใจร่วมมือนัก
"เสร็จแล้วคร้าบ"
เจ๋งมองสาวๆ พริตตี้อย่างมั่นใจชื่นชมตัวเอง
"ไอ้เจ๋ง ทำไมแกถึงเจ๋งอย่างนี้วะ"
มีแสงสะท้อนจากนาฬิกาข้อมือของอิทธิฤทธิ์ส่องเข้าหน้าเจ๋งเป็นสัญญาณบอก
"เริ่มได้ ! ไอ้จืด ข้อ 1 "
เจ๋งลนลานวิ่งไปวิ่งมาเริ่มดำเนินตามแผนของอิทธิฤทธิ์
อิทธิฤทธิ์ทำข้อสอบถึงข้อ 20 อย่างรวดเร็ว ฝนดินสอลงกระดาษคำตอบไปพลางมองลงที่หน้าตึกด้านล่างไป
พริตตี้ 1-4 ชูป้ายสลับกันไปมา อิทธิฤทธิ์เหล่ดูแล้วฝนคำตอบ
เจ๋งขู่เข็ญดีดหูไอ้จืด เจ๋งชูป้าย ก.ให้พริตตี้ พริตตี้ 1 ชูป้ายสัญญาณ “ฉันรักเธอ” อิทธิฤทธิ์ฝนดินสอลงกระดาษคำตอบอย่างเมามัน
ทุกอย่างหยุดชะงัก เมื่อชนมนเดินมาหยุดตรงหน้าอิทธิฤทธิ์ที่หยุดนิ่งทำตัวปกติ ทำเอียงคอไปมาเหมือนเมื่อยเหลือเกิน
ชนมนจ้องหน้าถาม "ทำอะไร"
อิทธิฤทธิ์จ้องกลับตอบ " ดูวิว"
เจ๋งกำลังเร่งจี้ไอ้จืดอยู่
"เร็วๆ ทำไมคิดนานจังวะ อีก 5 ข้อก็เสร็จแล้ว"
"มันยากนี่ครับ" จืดบอก
"ถ้ามันง่ายจะให้แกช่วยเหรอ"
เจ๋งดึงแว่นออกมาจากไอ้จืด
"แกอยากโดนขาแว่นนี่แทงทะลุรูจมูกใช่มั้ย"
ไอ้จืดตกใจกลัว รีบก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบต่อทันที
ชนมนยืนจับผิดอิทธิฤทธิ์อยู่ มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นพริตตี้ 2 ยกป้าย
"นั่นอะไร"
"แฟนคลับ ตามมาจากสนามแข่งรถ ผมมีแฟนคลับเป็นพัน ไม่เชื่อก็ลองไปดูแฟนเพจผม แฟนคลับพวกนี้ ผมแข่งรถที่ไหนก็ตามไปทุกที่ ผมไปแข่งที่อิตาลี ยังมีแฟนคลับตามไปเชียร์เลย"
"รู้มั้ยว่า เวลาคนพูดโกหก มักจะให้ข้อมูลเกินความจำเป็น"
อิทธิฤทธิ์เสียวสันหลังวูบ ชนมนรู้สึกว่ามีอะไรตุๆแน่ มองจ้องเขม็งไปข้างล่าง
ไอ้จืดชักลนลานและเริ่มมั่ว
"ค.ควาย เอ๊ยไม่ใช่ๆ ข้อนี้ ข.ไข่ครับ ไม่ใช่ๆ น่าจะเป็น ง.งู หรือว่า ก.ไก่"
เจ๋งชูป้าย ก.ข.ค.ง. มั่วไปหมดตามที่จืดบอก พริตตี้ 1-4 ชูป้ายสลับกันมั่วตามไปด้วยจังหวะเหมือนกำลังแปรอักษร ชนมนยังปักหลักยืนคุมอิทธิฤทธิ์อยู่
นาฬิกาหน้าห้องเป็นเวลา 11.45 น. อิทธิฤทธิ์มองนาฬิกาข้อมือเริ่มเหงื่อแตก ชนมนมองไปที่สาวๆพริตตี้อีกครั้ง เริ่มจับสังเกตได้
พริตตี้ 4 คนชูป้ายสลับไปมาเริ่มสโลโมชั่น และมีอยู่จังหวะหนึ่ง ที่ทั้ง 4 ป้ายชูพร้อมกัน /ภาพ Pause ทันที เกิดเอฟเฟค ให้ตัวอักษร ก ข ค ง โดดเด้งออกมาจากป้าย
"โกงข้อสอบ ต้องดำเนินคดี!"
"โกงอะไร มีหลักฐานหรือเปล่า เดี๋ยวฟ้องหมิ่นประมาทซะหรอก"
ชนมนเสียงดัง
"อยากได้หลักฐานเหรอ ได้ !"
มณีมันตราตกใจรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ
นักศึกษาในห้องทุกคนเงยหน้ามอง เห็นชนมนจ้ำเดินออกไปนอกห้องคว้าตัวนักการที่เดินผ่านมาดึงเข้ามาในห้อง
"คุมสอบแทนให้แป๊บนึงนะคะ ขอบคุณค่ะ"
ชนมนยกมือไหว้นักการอย่างเร็วแล้วพรวดพราดออกไป อิทธิฤทธิ์พรวดพราดชะโงกออกไปหาเจ๋ง ตะโกนบอก
"เจ๋ง เจ๋ง ไอ้เจ๋ง!"
เจ๋งวิ่งออกมาจากไอ้จืด อิทธิฤทธิ์ตะโกนไปมาจากชั้นบนลงชั้นล่าง
"มีไร ลูกพี่"
"จับได้แล้วโว้ย"
"หา ! ตายโหง ทำไงดีๆ"
"หนีซิวะ เร็ว หนีเร็ว"
"หนีใคร"
"ยัยแว่น หน้าโหดๆ"
"แว่นด้วย โหดด้วย มีด้วยเหรอวะ"
เจ๋งหันไปปะกับชนมนเดินหน้าเหี้ยมปรี่ตรงมาหา เจ๋งก็รู้ได้ทันทีว่าต้องหนีใคร
เจ๋งประกาศลั่น
"ภารกิจยกเลิกๆ"
ชนมนเดินเข้ามาใกล้ทุกทีๆ พริตตี้สี่คนร้องกรี๊ด โยนป้ายทิ้งวิ่งแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
เจ๋งคว้าคอเสื้อไอ้จืดพาวิ่งหนี ชนมนเห็นว่าทั้งสองวิ่งหนีก็เร่งสปีดวิ่งตาม
ชนมนวิ่งไล่กวดเจ๋งกับไอ้จืดไปตามมุมต่างๆของมหาวิทยาลัย ไอ้จืดหกล้ม เจ๋งถอยกลับมาช่วยพยุง เธอกำลังจะตามทัน
เจ๋งทิ้งไอ้จืดทันทีวิ่งหนีไปแล้ววิ่งกลับมา ไอ้จืดยิ้มขอบคุณนึกว่ากลับมาช่วย แต่เจ๋งดึงข้อสอบติดมือวิ่งหนีเอาตัวรอดคนเดียว
ชนมนพุ่งถึงตัวไอ้จืด จับคอเสื้อดึงตัวขึ้นมา
"รอชั้นอยู่ตรงนี้ ถ้าหนี ตาย"
ไอ้จืดยกมือพนมมือ พยักหน้าหงึกๆด้วยความกลัว ชนมนวิ่งตามเจ๋งต่อไป
เจ๋งวิ่งลงบันได แต่ชนมนกระโดดข้าม เจ๋งวิ่งทางตรง แต่เธอผาดโผนทางลัดด้วยการกระโดดมุด จนมาขวางหน้าเจ๋งได้ เจ๋งเบรก แล้วรีบหันหลังกลับ แต่เธอคว้าแขน เหวี่ยงเจ๋งกลับมาแล้วกดหลังเจ๋งลงกับพื้น แขนไพล่หลังและเอาเข่ากดหลังเจ๋งไว้ แล้วล้วงข้อสอบในกระเป๋ากางเกงเจ๋งออกมาชูไว้ เจ๋งร้องโอดโอย
กระดาษคำตอบของอิทธิฤทธิ์มีตัวหนังสือสีแดงเขียนตัวโตคาดกลางแผ่นว่า “ทุจริต ปรับตก”
ชนมนเขียนด้วยท่าสะใจแบบเงียบๆ อิทธิฤทธิ์ยืนหน้าสลดและอึ้งพูดอะไรไม่ออกได้แต่จ้องที่กระดาษคำตอบของตัวเอง เสียงกริ่งดังสนั่นลั่นห้องเป็นสัญญาณหมดเวลา อิทธิฤทธิ์ยืนนิ่งเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
"หมดเวลาแล้วค่ะ ทุกคนวางดินสอลงเดี๋ยวนี้"
นักศึกษาทยอยเดินเอากระดาษคำตอบมาส่งให้ชนมน ทุกคนต้องเดินผ่านมองหน้าอิทธิฤทธิ์ทำให้เขาหน้าชาแล้ว ชาอีก มณีมันตราเดินมาส่งกระดาษคำตอบให้ชนมนเป็นคนสุดท้าย
" อิท"
มณีมันตราเสียใจแทน แต่เห็นชนมนมองหน้า จึงรีบส่งกระดาษคำตอบให้แล้วเดินออกไป
"จะจ้องอีกนานมั้ย ยังไงก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คุณถูกปรับตก"
อิทธิฤทธิ์ปรับสีหน้าเป็นปกติเหมือนเรียกวิญญาณกลับเข้าร่างได้แล้ว
"ตกก็ตก ไม่เห็นแคร์"
อิทธิฤทธิ์เดินปึงปังออกไป เธอเก็บข้อสอบใส่ซองต่อไปอย่างไม่สนใจ
อิทธิฤทธิ์เดินออกมาจากห้องสอบ เจ๋งกับจืดถูกจับมัดขดตัวอยู่มุมหนึ่งหน้าห้องสอบ
"พี่อิท ช่วยเจ๋งด้วย"
อิทธิฤทธิ์หน้าดุ่มๆ หมกมุ่นเรื่องที่สอบตกจนไม่ได้ยินอะไร เดินผ่านเจ๋งไป
เจ๋งตะโกน
"พี่อิทอย่าทิ้งเจ๋ง มาช่วยกันก่อน"
ชนมนหอบซองข้อสอบเดินออกมา
"เงียบ !"
เจ๋งปิดปากสนิท จืดก้มหน้ายิ่งจ๋อยขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเธอมองตามอิทธิฤทธิ์ที่เดินเตะทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างระบายอารมณ์
มณีมันตรายืนดักรอชนมนอยู่
ชนมนหอบซองข้อสอบออกมาตามทางเดิน มณีมันตราวิ่งตาม
"อาจารย์คะ อาจารย์"
"ไม่ต้องเรียกอาจารย์ พี่เป็นแค่ผู้ช่วยสอน"
"ขอโทษทีค่ะ พี่ชน ย่าลืมทุกที พี่ชนคะ เรื่องอิท..อิทธิฤทธิ์น่ะค่ะ พี่ชนจะทำไงต่อไปคะ อย่าให้เรื่องถึงอาจารย์ตุลาเลยนะคะ"
"ทุจริตในการสอบ จะให้ปล่อยได้ยังไง"
"พี่ชนช่วยหน่อยเถอะนะคะ ปรับตกเพราะเข้าสอบสาย อย่าปรับตกเพราะโกงข้อสอบเลยนะคะ ไม่งั้นอิทโดนไล่ออกแน่ๆ"
"จะปรับตกแบบไหน นายอิทธิฤทธิ์ก็โดนไล่ออกอยู่ดีแหละ"
มณีมันตรางง ไม่รู้เรื่องที่อิทธิฤทธิ์ต้องสอบให้ได้บี
"ไปถามเกรดกันเอาเองแล้วกัน"
"แต่ยังไงพี่ชนก็ช่วยหน่อยนะคะ พี่เป็นคนเดียวที่จะช่วยอิทได้นะคะ"
ชนมนนิ่งคิด
"ก็ได้ พี่จะปรับตกเพราะเข้าสอบสาย ที่ช่วยเพราะสงสารพ่อแม่ของนายนั่นหรอกนะ ไม่อยากให้อับอายขายหน้ามากไปกว่านี้"
ชนมนเดินออกไป
ตรงลานหน้าตึกนิติศาสตร์ อิทธิฤทธิ์นั่งนิ่งเครียดอยู่ที่โต๊ะม้าหิน พาดเท้าไว้บนโต๊ะ รถมอเตอร์ไซด์คู่ใจจอดอยู่ข้างๆ นึกถึงคำพูดของอาจารย์ตุลา
"นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณแล้ว พรุ่งนี้คุณจะต้องสอบให้ได้บี ไม่งั้นจะต้องถูกรีไทร์ หรือที่พวกคุณชอบเรียกว่า ถูก’ไทร์ๆ ถูกรีไทร์ ถูกไล่ออก!"
มณีมันตราเดินตรงมาหาอิทธิฤทธิ์ ปัดขาที่พาดโต๊ะไว้ออกจนอิทธิฤทธิ์เกือบหงายหลังไป
"เฮ้ย เป็นไร"
"เกรดไม่ถึง ทำไมไม่บอก ชั้นจะได้ช่วย แล้วนี่ยังไงล่ะ เธอจะต้องถูกรีไทร์จริงๆ เหรอ"
อิทธิฤทธิ์ปรับสีหน้าทำเป็นชิลๆ ยิ่งทำให้มณีมันตราเครียด อิทธิฤทธิ์ยิ่งกลบเกลื่อน
"คงงั้นมั้ง"
"อิท !"
"เธอจะให้ชั้นทำไง จะโทษก็โทษยัยแว่นโหดนั่น ถ้าไม่มาขวางชั้นได้เอไปแล้ว"
"ไม่รู้ตัวหรือว่าแกล้งโง่"
อิทธิฤทธิ์นิ่งอึ้งไม่แก้ตัวต่อ
"ถ้าพ่อเธอรู้ จะเกิดอะไรขึ้น"
"ก็แค่โดนด่า ชั้นก็โดนพ่อด่าเป็นประจำอยู่แล้ว โดนด่าอีกเรื่องก็คงไม่ตายหรอกมั้ง"
มณีมันตราเอากระเป๋าฟาดตัวอิทธิฤทธิ์หลายทีอย่างทนไม่ไหว
"ทำไมเป็นคนแบบนี้นะๆๆ"
"โอ๊ยๆ เจ็บๆ แล้วจะให้ทำไงเล่า ก็มันสอบตกไปแล้ว"
เมนี่รีบเร่งเดินเข้ามา เดินไปกดมือถือทวิตเตอร์ไป
"สอบเสร็จแล้วใช่มั้ยคะ น้องมาย่า รีบไปเถอะค่ะ แฟนคลับรออยู่ นี่ๆทวีตมาเต็มเลย - - น้องมาย่ามาเร็วๆนะคะ - - น้องมาย่าจ๋า เด๋วเราได้เจอกันแร้ว”
เมนี่เงยหน้าขึ้นเห็นอิทธิฤทธิ์
"ว้าย น้องเด็กแว้นนี่ เอ๊ย น้องนักแข่งนี่ สนใจเล่นละคร เดินแบบ เล่นหนัง เป็นพิธีกร หรือเป็นแฟนพี่มั้ยคะ เอ๊ย เข้าสังกัดบริษัทพี่มั้ยคะ ขอถ่ายรูปก่อนนะคะ"
เมนี่รีบใช้มือถือถ่ายรูปมุมต่างๆของอิทธิฤทธิ์อย่างรวดเร็ว
"อุ๊ย เป็นเพื่อนน้องมาย่าด้วย มาเข้าสังกัดเดียวกันเลยซิคะ เผลอๆ ได้เล่นละครเรื่องหน้าด้วยกันเลย เขากำลังหาพระรองหน้าไทยๆ อายุสามสิบ เล่นเป็นนักบาสตัวล่ำๆ อย่างน้องนี่ได้เลย
แค่หล่ออย่างเดียวก็ใช้ได้แล้ว ส่วนความสามารถไปหาเอาข้างหน้า"
มณีมันตราถาม
"เราต้องรีบไปไม่ใช่หรือคะ พี่เมนี่"
มณีมันตราเดินนำออกไปก่อน อิทธิฤทธิ์ตามไปดึงเธอไว้
"วันนี้เลิกงานกี่โมง เจอกันได้มั้ย"
"ไม่อยากเจอ ! เกลียดคนผิดสัญญา เคยสัญญาไว้ว่าไง เราจะเรียนจบรับปริญญาพร้อมกัน ! จำได้มั้ย"
มณีมันตราเดินออกไป เมนี่รีบตามไป อิทธิฤทธิ์มองตาม หน้าชิลๆกลับมาเครียดมากเหมือนเดิม เขาตัดอารมณ์ตัวเอง คว้าหมวกกันน็อกขึ้นใส่แล้วควบรถมอเตอร์ไซด์แล้วขี่ออกไป
ชนมนกำลังขี่จักรยานมาตามถนน เสียงบรื้นๆ แปร๊ดๆ ดังมาแต่ไกลจากด้านหลัง เธอเริ่มสังหรณ์ใจ
"ไอ้เด็กแว้น"
ชนมนหยุดรถจักรยานหันไปมองแต่ยังไม่เห็นวี่แววอิทธิฤทธิ์
"หรือว่าหูฝาดไป"
ชนมนขี่จักรยานต่อ เสียงบรื้นๆ ดังมาอีกครั้ง เธอหันไปมองด้านหลังอีกครั้ง เห็นอิทธิฤทธิ์ซิ่งมอเตอร์ไซด์ตรงดิ่งมาหา เธอตกใจรีบปั่นรถหนี
เพียงเสี้ยววินาทีรถมอเตอร์ไซด์ของอิทธิฤทธิ์เข้าปาดหน้าจนเธอหยุดรถแทบไม่ทัน จอดรถขวางไว้ ถอดหมวกกันน็อกวางไว้ที่รถแล้วเดินอาดๆ ไปหา เธอขยับรถจะหนี แต่เขาจับแฮนด์รถจักรยานไว้
"หนีทำไม กลัวเหรอ"
เธอจ้องเขาธิ์อย่างไม่กลัว
"นี่นายคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่าพ่อเป็นนายตำรวจใหญ่แล้วจะทำอะไรก็ได้นะ"
"รู้ว่า ชั้นเป็นใครก็ดีแล้ว เธอกล้าที่จะทำลายอนาคตชั้น ต่อไปนี้ชีวิตเธอไม่มีวันสงบแน่"
"คนอย่างนายมันไม่มีอนาคตอยู่แล้ว ! ถูกรีไทร์ก็สมควรแล้ว คณะของเราจะได้ไม่ต้องมาเสียชื่อกับเด็กแว้นที่พ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอนอย่างนาย"
อิทธิฤทธิ์โกรธ
"นี่เธอ"
"ไม่ต้องมาขู่ ชั้นไม่กลัว คนอย่างชั้น ใครดีมาก็ดีไป ใครร้ายมา ชั้นร้ายกลับเป็นร้อยเท่า ! หลีกไป"
ชนมนขยับจักรยานแล้วขี่หนีอิทธิฤทธิ์ไป เขากลับไปที่รถมอเตอร์ไซด์ใส่หมวกกันน็อก ขี่รถไล่จี้พลางกดแตรไล่ เธอเบนรถจักรยานชิดซ้ายให้ทาง แต่เขาก็ยังบีบแตรใส่อีก
"ไอ้เด็กเวร !"
ชนมนขี่จักรยานออกมากลางถนนอย่างไม่ยอมแพ้ เขาขับแซงเฉี่ยวรถจักรยานของชนมนในระยะกระชั้นชิดแทบเกี่ยวเอาตัวเธอติดไปด้วย
"เฮ้ย"
รถจักรยานของเธอเสียหลักเซไปเซมา แต่ก็ประคองให้ตรงเหมือนเดิมได้ในที่สุด
"โธ่ อ่อน"
อิทธิฤทธิ์ขับเลยไปแล้วหันกลับมาเห็นว่าชนมนไม่เป็นอะไรก็วนรถกลับมา
"เป็นไงเป็นกัน"
ทั้งสองขี่รถเข้าหากันเหมือนจะประสานงากัน เมื่อรถมอเตอร์ไซด์กับรถจักรยานเข้าใกล้ต่างคนต่างเบี่ยงรถหลบกันทัน จักรยานเซปัดไปปัดมา เธอเหวอหวาดเสียวแล้วประคองให้ตรงได้ ไม่ล้ม
เธอสะใจจอดรถแล้วหันไปดู เห็นเขาจอดหันมาดูเหมือนกัน เธอกำแฮนด์จักรยานแน่นรอว่าอีกฝ่ายจะทำไงต่อ อิทธิฤทธิ์ขี่มอเตอร์ไซด์เลี้ยวไปทางอื่น
"ยังดี รู้จักหยุด"
ชนมนคิดว่าอิทธิฤทธิ์เลิกราวีแล้ว เลยขี่จักรยานต่อไปจนถึงสี่แยกที่ว่างโล่งปลอดรถ อิทธิฤทธิ์ขี่รถมอเตอร์ไซด์โผล่มาจากไหนไม่รู้ ด้วยความเร็วมาจากทางซ้ายเฉี่ยวหน้าเธอไป จักรยานล้มโครม ถุงผ้า ปิ่นโต หนังสือ ชีทที่อยู่ตะกร้าหน้ารถกระจายกลางสี่แยก กลุ่มนักศึกษาที่เดินผ่านไปมาหยุดมองไปที่เธอเป็นตาเดียว เขาขี่รถเลยไปจอด ถอดหมวกกันน็อกออก
ชนมนนอนกลิ้งที่พื้นขาพาดคาจักรยานอยู่ รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน อิทธิฤทธิ์ยิ้มแล้วส่งจูบให้ ก่อนที่จะสวมหมวกกันน็อกแล้วขี่รถออกไป
"เล่นไม่เลิกใช่มั้ย"
ชนมนยืนอับอายกับสภาพของตัวเองที่มีนักศึกษามองเต็มไปหมด เธอหยิบมือถือขึ้นมากดหาอาจารย์ตุลาอย่างอารมณ์พุ่งปรี๊ดอิทธิฤทธิ์หันมาเห็นภาพชนมนโทร. มือถืออย่างเอาเรื่อง
"อาจารย์ตุลาคะ หนูมีเรื่องสำคัญจะรายงานอาจารย์ค่ะ เรื่องสอบวันนี้น่ะค่ะ มีนักศึกษาทุจริตแอบโกงข้อสอบ"
ชนมนยิ้มสะใจ
เสียงรถมอเตอร์ไซด์ดัง “แปร๊ดดดด” มาแต่ไกลจนมาถึงบ้านอิทธิฤทธิ์ที่ใหญ่โตโอ่อ่าบอกถึงฐานะ หน้ารั้วค่อยๆเปิดออกอย่างอัตโนมัติ ยามที่หน้ารั้วบ้านรีบคว้า Walkie Talkie ออกมาวอหาถนอม
"ป้าหนอม วอ2 ป้าหนอม วอ2 คุณอิทกลับมาแล้วครับ"
อิทธิฤทธิ์จอดรถมอเตอร์ไซด์ไว้ที่ลานจอดรถหน้าบ้าน แล้วเดินดุ่มๆเข้าบ้านไป
ภายในห้องโถงของบ้านที่ใหญ่โต กว้างขวาง แต่ดูเงียบเชียบไม่มีชีวิตชีวา มีตู้โชว์ ชั้นวางกรอบรูป มีรูปอิทธิพลถ่ายกับอิทธิฤทธิ์วัยทารก
ถัดมาเป็นรูปอิทธิพลถ่ายกับอิทธิฤทธิ์(7ขวบ)และธรรม์(9 ขวบ) , รูปถ่ายอิทธิฤทธิ์กับธรรม์ในช่วงวัยรุ่น, รูปถ่ายอิทธิพล อิทธิฤทธิ์(16 ปี)กับธรรม์ในเครื่องแบบนายร้อย (อิทธิฤทธิ์หน้าหงิกเหมือนถูกบังคับให้ถ่ายรูปด้วย) จากนั้นก็มีแต่รูปถ่ายอิทธิพลกับธรรม์เท่านั้น, รูปถัดมาเป็นรูปธรรม์ในชุดนักเรียนนายร้อยตำรวจ สง่างาม, ตามด้วยโล่เรียนดีของธรรม์เรียงกัน 4 อัน และกรอบรูปใส่ประกาศนียบัตรเกียรตินิยมอันดับ 1 ที่เพิ่งได้มาใหม่ๆ
อิทธิฤทธิ์สะดุดตากับกรอบรูปอันใหม่ หยุดมอง แล้วหยิบมาดู เป็นประกาศนียบัตรเกียรตินิยมอันดับ 1 เน้นให้เห็นชื่อ ร.ต.ต.ธรรม์ สัตยภักดิ์
อิทธิฤทธิ์แหวะใส่ แล้วคว่ำกรอบรูปนั้นลง แล้วเดินต่อไป
"นายอิท !"
อิทธิฤทธิ์ชะงักหันไปมองเห็นอิทธิพลยืนจ้องมองมาอย่างดุ
"ชั้นโทรหาแกเป็นสิบๆครั้ง ทำไมไม่รับโทรศัพท์"
อิทธิฤทธิ์ไม่แยแสตอบสั้นๆ
"ขี้เกียจ"
อิทธิฤทธิ์จะเดินหนีไปดื้อๆแล้วต้องชะงักอีก
"ชั้นรู้เรื่องแกโดนไล่ออกแล้ว มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย"
อิทธิฤทธิ์ตกใจไม่นึกว่าพ่อจะรู้เรื่องนี้เร็วขนาดนี้
เขานึกถึงภาพที่ชนมนกดโทรศัพท์มือถืออย่างแค้นๆ แล้วพึมพำ
"ยัยโหดนี่แสบจริงๆ"
"แกโกงข้อสอบ ! แกทำเรื่องเลวๆอย่างนี้ได้ยังไง"
ถนอมถือ Walkie Talkie ถลาเข้ามาแล้วเบรกกึก เห็นว่าพ่อลูกเจอหน้ากันฉะกันไปแล้ว ถนอมวอเบาๆ
"ใครเห็นคุณธรรม์บ้าง ตอบด่วนๆ วอ2 วอ2 !"
ถนอมผละออกไปตามหาธรรม์ อิทธิฤทธิ์รวบรวมสติได้ ทำเป็นไม่แคร์ไม่สนใจ นิ่งๆกวนๆ
"ก็พ่อสั่งให้จบสี่ปีไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่โกงก็ไม่จบ"
"ไอ้อิท ! แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อไป"
"ไม่รู้"
"ไม่คิดจะเรียนแล้วหรือไง"
"ไงก็ได้"
"แกอย่าทำให้ชั้นหมดความอดทน นี่ถ้าแกไม่ใช่ลูกชั้น"
"พ่อไม่ต้องมาสนผม ชีวิตผม ผมจัดการเองได้"
"คนอย่างแกจะจัดการอะไรได้ พรุ่งนี้ไปหาอาจารย์ตุลากับชั้น"
"ไม่"
อิทธิฤทธิ์เดินหนี แต่พ่อตามขวางทางไว้
"ไอ้อิท ! แกต้องทำตามที่ชั้นสั่ง !"
"ผมไม่ใช่นายธรรม์ อย่ามาสั่งผม ถ้าอับอายขายหน้าที่ผมถูกไล่ออกนักล่ะก็ ผมไปจากบ้านนี้ก็ได้ ผมจะไปหาแม่ !"
คำว่า “แม่”เหมือนจุดระเบิดให้อิทธิพลโกรธพุ่งทันที
"ไม่ได้ ! แกไปไม่ได้"
"ทำไมผมจะไปหาแม่ไม่ได้"
"เลิกพูดถึงแม่แกซักที"
"ทำไมจะพูดไม่ได้ แม่ไม่ได้ทำอะไรผิด พ่อต่างหากที่ทำผิดกับแม่ ถามจริง พ่อทำอะไรแม่ แม่ถึงต้องหนีไป พ่อมีเมียน้อยหรือว่าทำร้ายตบตีแม่"
อิทธิพลทั้งโกรธและปวดใจ
"ไอ้อิท !"
"อย่าคิดว่า ผมจำไม่ได้ ผมเห็นแม่แอบร้องไห้ทุกวัน พ่อทำให้แม่ต้องทิ้งผมไป มีพ่ออย่างนี้ ไม่มีซะดีกว่า"
อิทธิพลตรงเข้าหาลูกชายยกมือจะฟาดปากแต่แค่เงื้อง่า อิทธิฤทธิ์จ้องหน้าพ่ออย่างไม่กลัว
ธรรม์เข้ามาแทรกตรงกลาง ถนอมเดินต้วมเตี้ยมตามมา
"คุณพ่อครับ ! นายอิทไม่ได้ตั้งใจ"
อิทธิพลสะกดอารมณ์ถอยห่างออกมา
อิทธิฤทธิ์สวนทันที
"ใครบอก ! ชั้นตั้งใจ ชั้นคิดอย่างที่พูดทุกคำ"
อิทธิฤทธิ์เดิน ผ่านถนอมที่ยืนพะว้าพะวงห่วงหน้าห่วงหลังออกไป
ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมเคร่งเครียด ธรรม์ยืนมองอิทธิพลอย่างเห็นใจ อิทธิพลคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับลูกชายดี
อ่านต่อหน้า 3
รักสุดฤทธิ์ ตอนที่ 1 (ต่อ)
บ้านชนมน เป็นบ้านไม้หลังเล็กสองชั้น ชั้นล่างแบ่งส่วนหน้าบ้านเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง
ชินพัฒน์น้องชายของชนมนวัย 12 ปี นั่งอยู่ที่โต๊ะมองรายการอาหารที่เขียนปะข้างฝาอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์เกินเหตุ ชูชัยยืนรับคำสั่งอยู่เงียบๆ หน้าตาย มองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
"วันนี้กินไรดี..เอาข้าวผัดกุ้งไม่ใส่ผัก ไม่ใส่คะน้า ไม่ใส่ต้นหอม ไม่ใส่หอมใหญ่ ไม่ใส่มะเขือเทศ ไม่ใส่กระเทียม ไม่ใส่..."
ชูชัยขัดนิ่มๆ
"ไม่ใส่ข้าวด้วยมั้ย"
"อืม...ไม่ใส่ข้าวด้วย ผัดกุ้งเปล่าๆมากินเล่นซักจาน ก็น่าจะดี"
"ไปกินร้านอื่น ไป"
"ได้ไง ไม่เอาใจลูกค้าซะเลย ไม่เคยได้ยินหรือไง ลูกค้าคือบร๊ะเจ้า ต้องชาบูชาบู กฎข้อที่หนึ่งลูกค้าถูกเสมอ กฎข้อที่สองให้ย้อนกลับไปดูกฎข้อที่หนึ่ง"
ชูชัยเดินออกไป
"ไม่น่าโง่ฟังมันเล้ย เสียเวลา"
"อ๊ะๆๆ เดินหนีลูกค้าได้ไง ลุง มิน่าร้านนี้ถึงได้ใกล้เจ๊งเต็มทน"
ชูชัยเดินกลับมาเบิร์ดกะโหลกชินหนึ่งที
"แช่งเรอะ"
"โอ๊ย ขอโทษคร้าบ ลุง"
ชูชัยเงื้อมือขวาจะเบิร์ดกะโหลกอีกรอบ ชินคว้ามือหมับไว้ได้ทัน
"ขอโทษครับ พี่"
ชูชัยเงื้อมือซ้ายจะเบิร์ดกะโหลก ชินคว้ามือชูชัยไว้ได้อีก
"ขอโทษครับ น้อง เอ๊ย ขอโทษครับ พ่อ !"
แต่ไม่ทันการณ์ ชูชัยดึงมือออกเบิร์ดกะโหลกชินจนได้
"ขออีกซักที โทษฐานแช่งให้ร้านชั้นเจ๊ง"
ชูชัยจะเบิร์ดกะโหลกอีกรอบ ชินพัฒน์รีบเบี่ยงเบนความสนใจ
"พี่ชนกลับมาแล้ว พ่อ"
ชนมนขี่จักรยานกลับมา มือหนึ่งโอบตะกร้าผ้าใบใหญ่ มือหนึ่งจับแฮนด์ เธอจอดรถจักรยานประคองตะกร้าผ้าเดินเข้ามา ชูชัยกับชินเพิ่งเห็นสภาพชนมนเต็มตา ผมเผ้ายังยุ่งเหยิง กระโปรงขาดเป็นทาง เสื้อเปรอะฝุ่น
"ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา" ชินพัฒน์ถาม
"ใครทำอะไรแก บอกพ่อมา"
ชนมนยืนนิ่งนึกถึงอิทธิฤทธิ์อย่างอดโมโหไม่ได้
ในห้องนอนที่ไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงไฟจากข้างนอกส่องเข้ามาเพียงสลัว อิทธิฤทธิ์เปิดประตูเข้ามาแล้วปิดประตูปัง ท่าทางแข็งกร้าวกลายเป็นอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว เขาล้มตัวลงนอนคว่ำหน้าบนเตียง แมวอ้วนขนฟูชื่อ หมูหวาน กระโดดขึ้นเตียงเดินมาหา เขาเงยหน้าขึ้นลุกขึ้นนั่งแล้วอุ้มหมูหวาน
"ไง..หมูหวาน เหงาล่ะซิ"
เขาลูบตัวหมูหวานอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศหงอยเหงาโดดเดี่ยว
หลังบ้านชนมน เธอถือตะกร้าผ้าเดินกระเผลกเล็กน้อยเตรียมจะลงมือซักผ้า
"เจ็บขนาดนี้ ยังจะไปรับผ้ามาซักอีก ... ไอ้ชิน !"
ชูชัยเดินมาดึงตะกร้าผ้าไปโยนให้ชินพัฒน์ที่เดินตามมา ชินพัฒน์ตะครุบรับไว้แทบไม่ทัน
"นิดหน่อยเอง พ่อ" ชนมนบอก
"แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้น"
"เจอเด็กแว้นมันหาเรื่องน่ะ ถือว่าเป็นคราวซวยแล้วกัน หนูคงไม่ต้องเจอหน้ามันอีก มา พี่ซักเอง"
ชินพัฒน์รีบคืนตะกร้าให้โดยเร็ว
"มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น หน้าที่ใครหน้าที่มัน ผมโชคดีเกิดเป็นน้อง มีหน้าที่เรียน กิน เล่น นอนเท่านั้น หน้าที่หาตังค์เข้าบ้านเป็นหน้าที่พ่อกับพี่ ซักผ้าให้ลูกค้าเสร็จ ผัดข้าวให้จานด้วย อย่าให้รอนานล่ะ"
ชินพัฒน์ลอยชายเดินออกไป แต่ไม่พ้นเงื้อมมือของชูชัยที่เหนี่ยวคอเสื้อลากกลับมา
"มาช่วยกันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นไม่ต้องกินข้าว"
ชูชัยเปิดก็อกน้ำลงกะละมังเริ่มมหกรรมซักผ้าด้วยกันสามคนพ่อลูก ชนมนดึงกระโปรงจากมือชูชัย
"ไม่ดีมั้ง พ่อ"
"พ่อไม่ถือ คนจนอย่างเราจะถือโน่นถือนี่ ก็ไม่ต้องทำมาหากินพอดี ต่อไปนี้ แกไปช่วยงานอาจารย์อย่างเดียวก็พอ งานอื่นพ่อกับไอ้ชินจะทำเอง"
ชินพัฒน์ตาเหลือก
"เฮ้ย ได้ไง พ่อ พี่ชนเค้าทั้งรับซักผ้า ส่งหนังสือพิมพ์ เลี้ยงเด็ก เย็บตุ๊กตา แล้วก็ยังติวเลขอีก เราสองคนไม่ไหวหรอก พ่อ"
"แล้วทำไมไอ้ชนมันทำคนเดียวไหว"
"เจ๊เค้าเป็นซูเปอร์วันเดอร์วูแมน ทั้งแกร่ง ทั้งเก่งจนน่าขนลุก ถึงได้ไม่มีผู้ชายมาจีบจนถึงทุกวันนี้ไงล่ะ"
ชนมนมองน้องชายตาขวาง ที่ชินพัฒน์เริ่มพูดไม่เข้าหู
"พี่ชน ถ้าลำบากนัก ก็ไม่ต้องไปมันหรอก ไอ้เมืองนอกนี่ เรียนต่อโทในไทยก็ได้ เห็นทำงานงกๆทุกวันแล้วสงสาร เออ..พี่ซักผ้ากับพ่อไปก่อนนะ ขอไปฉี่แป๊บนึง"
ชินพัฒน์พูดพล่ามแล้วทำเนียนจะหนีงาน พี่สาวกับพ่อรู้ทัน ลุกขึ้นคว้าแขนชินไว้ทันแล้วพูดพร้อมกัน
"ไอ้ชิน ! อย่าแม้แต่จะคิด"
"โอ๊ย ก็ได้ๆ ช่วยก็ได้ นี่เห็นว่าขอร้องหรอกนะ"
ชูชัยบิดหูลากลูกชายให้นั่งลง ชินพัฒน์เริ่มช่วยซักอย่างจริงจังกึ่งๆเล่นตีฟองผงซักฟอกจนขาวฟ่องเต็มกะละมัง ฟองใสๆ ลอยเต็มไปหมด ทั้งสามคนช่วยกันซักผ้าอย่างเข้าจังหวะกัน คนหนึ่งซักผงซักฟอก อีกคนซักน้ำเปล่า อีกคนบิดผ้าจนแห้งโยนใส่ตะกร้า
ชนมนมองพ่อกับน้องที่ช่วยอย่างอบอุ่นใจจนลืมเรื่องอิทธิฤทธิ์ไปได้
ชูชัยผัดข้าวผัดกุ้งในกระทะใบใหญ่ร้อนฉ่าบนเตา เสียงดังโช้งเช้งอย่างชำนาญ ดูมีลีลาไม่เหมือนใคร ชนมนก้มหน้าก้มตาเขียนงานพลางเปิดหนังสือกฎหมายดูไปพลาง ชินพัฒน์นั่งกินไอติมอ่านการ์ตูนอยู่ไม่ห่าง
ชูชัยถือจานข้าวผัดมาที่โต๊ะลูกสาวที่มีหนังสือกฎหมายกองอยู่จนต้องแหวกหาที่วางจานข้าว
"ชน..กินข้าว"
ชนมนก้มหน้าก้มตาเขียนงานไม่ได้สนใจแต่มือส่งซองเงินให้ชูชัย
"พ่อ นี่ค่าติวเลขเมื่อวาน เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้ค่าซักผ้าอีกห้าร้อย น่าจะพอค่าน้ำ ค่าไฟ"
"พ่อไม่เอา"
ชนมนเงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้า
"เก็บไว้ใช้เองไป"
"ไม่เป็นไรหรอก พ่อ เดี๋ยวหนูก็จะได้ค่าช่วยงานวิจัยจากอาจารย์ตุลาแล้ว"
"บอกแล้วว่าไม่เอา แล้วเรื่องเงินเรียนต่อ พ่อจะหาให้เอง"
"หนูต้องสอบชิงทุนได้แน่ๆ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เอาเงินนี่ไปเถอะ"
"ถึงได้ทุน มันก็ต้องมีค่าใช้จ่าย"
"แต่หนูอยากให้พ่อ"
"พ่อไม่เอา"
ชนมนกับชูชัยส่งซองเงินยัดคืนไปคืนมา
"น่า พ่อนะ"
"บอกว่า ไม่ก็ไม่"
ชินพัฒน์แทรกกลาง แบมือ
"งั้นผมขอเสียสละรับไว้เอง"
ชนมนกับชูชัยหันมาเบิร์ดกะโหลกชินแล้วพูดพร้อมกัน
"ไอ้ชิน"
"โอ๊ย!"
ชูชัยยัดซองเงินคืนให้ชนมน
"เก็บเงินไป แล้วก็กินข้าวซะ อย่าให้ต้องใช้กำลัง"
"พ่อก็ต้องกินข้าวด้วย พ่อก็ยังไม่กินใช่มั้ยล่ะ มาแบ่งกันนะ"
ชนมนถือจานข้าวเดินไปนั่งที่โต๊ะว่าง ชินพัฒน์ปราดเข้ามาเอาจานเปล่าวางไว้ให้ ชนมนแบ่งข้าวผัดใส่จานให้พ่ออีกจาน,ชนมนกับชูชัยกินข้าวไป ชินพัฒน์รินน้ำเปล่าให้พลางฉกกุ้งจากจานข้าวผัดใส่ปากไปอย่างรวดเร็ว
ชูชัยเขกหัวชินพัฒน์อย่างขำๆ เป็นบรรยากาศครอบครัวเล็กๆ ที่กินข้าวผัดธรรมดาๆก็มีความสุขได้
ส่วนบนโต๊ะอาหารเย็น บ้านอิทธิฤทธิ์ เต็มไปด้วยอาหารชั้นดี อิทธิพลกับธรรม์นั่งกันอยู่เงียบๆ บรรยากาศดูเคร่งเครียด ธรรม์มองไปที่จานอาหารที่จัดเตรียมไว้ให้อิทธิฤทธิ์อีกที่
"เดี๋ยวผมไปตามนายอิทให้นะครับ"
"ไม่ต้อง ! แดง ตักข้าว"
แดงที่ยืนรอรับใช้อยู่รีบปราดมาตักข้าวใส่จานให้
"คุณพ่อครับ เรื่องนายอิท ยังพอมีทางแก้ไขนะครับ"
"อย่าไปพูดถึงมัน !"
"ที่คุณพ่อให้ผมกลับมาอยู่ที่บ้าน เพราะอยากให้ผมช่วยดูแลนายอิทให้ไม่ใช่หรือครับ ถ้าคุณพ่ออยากให้ผมช่วยจริงๆ ก็กรุณาฟังผมด้วยนะครับ"
ธรรม์มองอิทธิพลอย่างคาดคั้นจนอ่อนลงให้บ้าง
ภายในห้องนอน อิทธิฤทธิ์ดูรูปนฤดีที่เก่ายับยู่ยี่อยู่ในมือพลางลูบตัวหมูหวานไปมา
"แม่"
เสียงเคาะประตูเบาๆ อิทธิฤทธิ์เก็บรูปแม่ใส่กระเป๋าตังค์ตามเดิม
"ป้าขอเข้าไปหน่อยนะคะ"
ถนอมค่อยๆเปิดประตูเข้ามา
"คุณอิทคะ"
อิทธิฤทธิ์ทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ถนอมรู้ว่าจะมาเตือนอะไร
"คุณอิทพูดแรงไปนะคะ เป็นลูกพูดกับคุณพ่อแบบนั้นไม่ได้นะคะ พรุ่งนี้คุณอิทต้องไปขอโทษคุณพ่อ แล้วเรื่องที่คุณอิทถูกไล่ออก"
อิทธิฤทธิ์ลุกขึ้นปุ๊บปั๊บเปลี่ยนเรื่องทันที
"ป้าหนอมรู้มั้ยว่า ตอนนี้แม่อยู่ไหน"
ถนอมอึ้ง รีบเปลี่ยนเรื่องเหมือนกัน
"ต๊าย นี่มันเวลาอาหารเย็นแล้วนี่คะ ลงไปทานข้าวได้แล้วล่ะค่ะ ป่านนี้คุณท่านรอแย่แล้ว"
อิทธิฤทธิ์รู้ทัน
"อย่าเปลี่ยนเรื่อง อย่างนี้ไม่ต้องมาพูดกัน"
"โธ่ คุณอิทขา"
"ไม่หิว ไม่กิน ออกไปได้แล้ว"
อิทธิฤทธิ์โกรธงอนทำฟึดฟัดใส่ถนอมเหมือนเด็กๆหันหลังให้ ถนอมมองอย่างอ่อนใจแล้วเดินออก เขารอจนได้ยินเสียงประตูปิด ก็ผุดลุกขึ้นนั่ง เสียงท้องร้องครากๆดังขึ้น เขาอดกลั้นความหิวทำหน้าดื้อๆ แต่ยังไม่หมดฤทธิ์หมดเดช
ในเวลากลางคืน อิทธิฤทธิ์ในชุดนอนเดินมาที่ห้องครัว เปิดตู้เย็นหาของกิน ค้นทั่วตู้เย็นก็หาอะไรกินไม่ได้
"โธ่เว้ย ไม่มีอะไรกินเลย"
เขาปิดตู้เย็นหันกลับมาเจอเข้ากับธรรม์ที่ส่งบะหมี่สำเร็จรูปถ้วยให้ เขาทำไม่สนใจ เอื้อมมือไปหยิบบะหมี่สำเร็จรูปอีกห่อเอง เขาไปที่กาน้ำร้อน กดน้ำร้อนแต่กดไม่ลง พยายามกดหลายๆที ธรรม์เดินเข้ามาปลดล็อกกาให้ เขายังทำเหมือนธรรม์เป็นอากาศธาตุ กดน้ำร้อนใส่ถ้วยแล้วยกมานั่งที่โต๊ะ
เขาหิวจัดจะลงมือคีบบะหมี่กิน ธรรม์ยืนมองอยู่
"อย่าเพิ่งกิน มันยังไม่สุก"
อิทธิฤทธิ์ดื้อไม่ฟัง กินทั้งที่บะหมี่ยังแข็งๆกรอบๆไม่อร่อยแต่ฝืนกินทำเหมือนอร่อยดี ธรรม์ยิ้มขำ
"นายเป็นอย่างนี้ทุกที ให้ไปซ้าย นายต้องไปขวา ถ้าพี่บอกให้นายเลิกเรียน นายจะกลับไปเรียนมั้ย"
อิทธิฤทธิ์ฝืนกินบะหมี่ต่อไม่สนใจฟังธรรม์
"นายยังมีโอกาสนะ พี่กับคุณพ่อปรึกษากันแล้ว เราน่าจะคุยกับอาจารย์ได้ นี่เป็นแค่ความผิดครั้งแรก นายน่าจะมีสิทธิ์ลงเรียนใหม่"
อิทธิฤทธิ์วางตะเกียบกระแทกลงบนโต๊ะ
"หยุดพูดซักทีได้มั้ย รำคาญ"
"กลับไปเรียนต่อซะ อย่าทำให้คุณพ่อไม่สบายใจ พี่ขอร้อง"
"เรื่องของชั้น นายไม่เกี่ยว นายมันก็แค่เด็กเก็บมาเลี้ยง ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น"
อิทธิฤทธิ์เดินออกไปแล้วหันกลับมาใหม่
"แล้วก็เลิกเรียกตัวเองว่า “พี่” ซักที ฟังแล้วจะอ้วก"
อิทธิฤทธิ์เดินออกไป ธรรม์ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นพยายามมองอิทธิฤทธิ์เป็นเด็ก
ท้องฟ้าเช้าวันใหม่ที่ดูสดใส อิทธิฤทธิ์นอนหลับอุตุอยู่บนเตียงกับหมูหวาน ถนอมเข้ามาเปิดม่านจนแสงสว่างส่องเข้ามา อิทธิฤทธิ์คลุมโปงทันที
"คุณอิทคะ ตื่นได้แล้วค่ะ"
อิทธิฤทธิ์ยังนอนนิ่ง ถนอมพลางพูดพลางเก็บของที่เรี่ยราดบนพื้น
"คุณพ่อให้ลงไปพบค่ะ ตื่นเร็วเข้า"
ถนอมนั่งลงบนเตียงแตะตัวเขาเบาๆ
"ตื่นได้แล้วค่ะ"
เขาแกล้งโอบถนอมล้มลงนอนแล้วกอดไว้
"ว้ายตายแล้ว ไม่เอาค่ะไม่เล่น ทำอย่างนี้ป้าเสียหายนะเนี่ย"
อิทธิฤทธิ์พูดทั้งๆที่หลับตาอยู่ในท่ากอด
"หิวอ่ะ"
"หิวก็ลงไปทานซิคะ นะคะ คุณอิทของป้า นานๆจะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันซะที เอ..แต่คุณธรรม์เรียนจบกลับมาอยู่บ้านแล้ว ต่อไปคงได้ทานข้าวพร้อมหน้ากันทุกวัน"
อิทธิฤทธิ์ลืมตาพรึ่บอารมณ์เด็กขี้อิจฉาทันที
"อะไรนะ มันกลับมาอยู่บ้านเหรอ"
อิทธิฤทธิ์ตาวาววับ เริ่มหาเรื่องแผลงฤทธิ์
บนโต๊ะอาหาร ธรรม์ในเครื่องแบบตำรวจ นั่งจิบกาแฟรอฟังผลอย่างใจจดใจจ่อ
อิทธิพลในชุดตำรวจ กำลังคุยมือถือกับอาจารย์ตุลา
"เป็นอันตกลงตามนี้ ขอบคุณนะครับ อาจารย์"
อิทธิพลกดโทรศัพท์ปิด พยักหน้าให้กับธรรม์เป็นอันว่า จัดการแก้ปัญหาให้อิทธิฤทธิ์ได้แล้ว
"เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ งั้นตอนนี้ก็อยู่ที่นายอิทคนเดียวแล้ว"
อิทธิฤทธิ์ในชุดนอนเดินปึงปังเข้ามา มองพ่อกับธรรม์อย่างขวางหูขวางตา
"ไหนว่าเรียนจบแล้วจะไปหาที่อยู่เอง"
อิทธิฤทธิ์มองธรรม์อย่างหาเรื่อง
"ชั้นสั่งให้ธรรม์กลับมาอยู่บ้านเอง บ้านนี้ก็เป็นบ้านของธรรม์เหมือนกัน อย่าลืมว่า ธรรม์เป็นพี่ของแก"
"ไม่ใช่ นายนี่เป็นแค่เด็กที่พ่อเก็บมาเลี้ยง"
"ไอ้อิท"
"ช่างเถอะครับ คุณพ่อ ผมก็เป็นอย่างที่นายอิทพูดจริงๆ ผมไปทำงานก่อนนะครับ"
ธรรม์เดินเฉียดอิทธิฤทธิ์
"คุณพ่อมีเรื่องสำคัญคุยด้วย ฟังท่านก่อน"
ธรรม์เดินออกไปอย่างใจเย็นไม่ถือสา อิทธิฤทธิ์ยิ่งเดือด
"ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ติวเตอร์ของแกจะมาแล้ว"
"อะไรนะ"
"ชั้นขอให้อาจารย์ตุลาหาคนมาติววิชาที่แกสอบตก"
อิทธิฤทธิ์ยังไม่เข้าใจ "หา"
"ชั้นคุยกับอาจารย์ให้แล้ว เค้ายอมให้แกลงเรียนใหม่ ซัมเมอร์นี้เลย แต่แกต้องสอบให้ได้เอ และต้องทำรายงานส่ง นี่เป็นโอกาสเดียวที่แกจะเรียนจบ"
"ใครขอ"
ถนอมเดินเข้ามารายงาน
"ติวเตอร์มาแล้วค่ะ"
อิทธิพลมองข้ามไหล่อิทธิฤทธิ์ไปมอง อิทธิฤทธิ์ยืนหันหลังให้ไม่ยอมหันไปมองว่าใครมา
"สวัสดีค่ะ อาจารย์ตุลาส่งหนูมาค่ะ"
"ไม่เรียน"
"หนูกลับก่อนก็ได้นะคะ"
อิทธิฤทธิ์เสียงดัง
"กลับไปเลย"
อิทธิฤทธิ์หันขวับไปมองหาติวเตอร์ ทั้งคู่ต่างตะลึงรู้สึกเหมือนฝันร้าย
อิทธิฤทธิ์เสียงดังก้อง
"ยัยแว่นโหด"
ชนมนเสียงแค้น
"ไอ้เด็กแว้น"
"แกไม่มีทางเลือก ยังไงแกก็ต้องเรียนกับหนูคนนี้"
ชนมนกับอิทธิฤทธิ์มองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อสายตากันพักนึง แล้วโพล่งขึ้นทั้งคู่
"ไม่มีทาง"
ทั้งคู่ต่างจ้องหน้ากันเหมือนเป็นศัตรูมาหลายชาติ
เช้าต่อเนื่องมา มณีมันตราหน้าตาขึงขังในชุดจ๊อกกิ้ง ชูมือทั้ง 2 ข้างขึ้นในท่ายอมแพ้ แต่ระมัดระวังตัวตลอด กำลังคุยกับคนร้าย
"ใจเย็น พี่ หนูยอมบอกแล้ว...แผนที่อยู่ในกระเป๋านั่น ข้างหลังพี่น่ะ"
มณีมันตราได้จังหวะ พุ่งไปข้างหน้ากวาดขาเตะสูง แล้วหมุนตัว มือซ้ายทำท่าควักปืนที่เหน็บอยู่ข้างหลัง แล้วประสานมือทั้งสองเป็นรูปปืน เล็งไปข้างหน้า
"แกพลาดแล้ว"
เมนี่นั่งอยู่บนโซฟา ปรบมือชื่นชม เธอกลับมาเป็นตัวเอง
"เริ่ดมากค่ะ น้องมาย่า บทบอดี้การ์ดสาวสุดห้าวเหมาะกับน้องมาย่าที่สุดเลย" เมนี่หัวเราะร่วนได้ดังใจ
"บทสาวห้าวอึดถึกอายุสามสิบ จะใช่หนูเหรอคะ พี่เมนี่"
"เราเป็นนักแสดงก็ต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกได้ทุกอย่างตามบทสิคะ"
"แต่พี่เมนี่ให้หนูรักษาภาพ"
มณีมันตราพูดต่อทำท่า
"สวยแก่น แสนซน ไม่ใช่เหรอคะ"
เมนี่อึกอัก
"ก็เป็นบอดี้การ์ดสาวห้าว แต่ก็สวยแก่นแสนซนไปด้วยไง"
เมนี่โพสท่ายืนเป็นสาวห้าวโยกๆตัวแบบทอมๆ แล้วพักทำหน้าคิกขุสลับไปมามั่วๆไป
"ห้าว แก่น ซน ห้าว อย่างนี้ไงคะ น้องมาย่ารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะค่ะ เดี๋ยวเราต้องไปเวิร์กชอปต่อ"
"เวิร์คชอปอะไรอีกล่ะคะ"
มณีมันตรามองเมนี่รอคำตอบแอบเหนื่อยไม่มีเวลาพักอีกแล้ว
อิทธิฤทธิ์ยืนประจันหน้าอยู่กับอิทธิพลอย่างต่อต้านสุดๆ
"ไม่เรียน ! ยังไงผมก็ไม่ยอมเรียนกับยัยแว่นนี่ ! ไม่เด็ดขาด"
"ไม่เรียนก็ไม่เรียน ชั้นก็ไม่อยากสอนเด็กแว้นอย่างนายเหมือนกัน"
อิทธิพลบอกกับอิทธิฤทธิ์ "แกต้องเรียน!" แล้วหันมาพูดกับชนมน "แล้วหนูก็ต้องสอน"
อิทธิพลหันไปเอาเรื่องกับอิทธิฤทธิ์
"แกคิดว่า แกจะมีปัญญาสอบผ่านด้วยตัวเองงั้นเหรอ อาจารย์ตุลารับรองมาแล้วว่า หนูชนมนเป็นติวเตอร์ที่เก่งที่สุด ต้องเป็นหนูคนนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้แกสอบผ่านได้"
"จะเก่งมาจากไหน ผมก็ไม่สน ผมไม่ติวกับคนที่ทำผมถูกไล่ออก"
"ถ้านายไม่โกงข้อสอบ นายก็ไม่ถูกไล่ออกหรอก"
ชนมนหวั่นนิดนึง แต่ทำใจสู้เพราะคิดว่าทำถูกแล้ว หันไปเผชิญหน้ากับอิทธิพล
"หนูเป็นคนจับได้ว่าลูกชายท่านโกงข้อสอบ หนูคิดว่าหนูไม่เหมาะที่จะ..."
"อย่างนี้เหมาะที่สุด หนูเหมาะที่จะเป็นติวเตอร์ให้นายอิท หนูจะได้ช่วยควบคุมนายอิทไม่ให้ทำผิดซ้ำสอง"
อิทธิฤทธิ์เสียงดัง
"นี่มันแกล้งกันชัดๆ ยังไงผมก็ไม่เรียนไม่ติวกับยัยป้านี่ กลับไปซะ ไป ยังดื้อด้านอยู่อีก บอกว่า ให้ไปไงล่ะ ไปให้พ้น ไป ! ถ้าไม่ไป ชั้นไปเอง"
อิทธิฤทธิ์หนีออกไป ถนอมรีบเดินตามไป
"ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ คุณอิท"
ชนมนยืนนิ่งข่มอารมณ์โกรธที่โดนไล่อย่างไม่ไว้หน้า
"หนูคงติวให้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ท่านคงต้องไปหาติวเตอร์คนใหม่ หนูลาล่ะค่ะ"
ชนมนไหว้อิทธิพล หันหลังเดินเชิดหน้าออกไปอย่างหยิ่งในศักดิ์ศรี
ในเวลาต่อมา มณีมันตรามองรอบๆสนามยิงปืนอย่างเนือยๆ เมนี่นำมา แต่คุยโทรศัพท์มือถือไม่หยุด ตำรวจในชุดวอร์มซ้อมยิงปืนกันดังเปรี้ยงปร้างตลอดเวลา
"อุ๊ย น้องมาย่าว่างค่ะ ได้ค่ะ ถ้าเป็นงานอีเว้นท์แล้ว รับหมดค่ะ ไม่มีค่ะ น้องมาย่าไม่เคยมีข่าวกิ๊กกับใคร ข่าวเกาเหลากับใครก็ไม่มีค่ะ"
"หนูต้องฝึกยิงปืนด้วยเหรอคะ หนูต้องลงเรียนซัมเมอร์นะคะ พี่เมนี่ หนูจะเอาเวลาที่ไหนมาเวิร์กช็อปคิวบู๊คะ"
เมนี่ไม่ฟัง คุยมือถือต่อ
"เชื่อพี่เมนี่เถอะนะคะ ถึงน้องมาย่าไม่มีข่าวฉาว แต่รับรองไปงานไหน งานนั้น นักข่าวตรึม แต่เร็วๆนี้น้องมาย่าจะมีข่าวดีนะคะ อุ๊ย ไม่บอกค่ะ ไปบอกกันที่งานดีกว่า ใบ้ให้ก็ได้ Kimchi (กิมจิ)"
เมนี่ทำท่าน่ารักแบบเกาหลี หัวเราะคิกคักที่ได้ปล่อยข่าวมาย่ากับโอเจ
มณีมันตราถอนใจ
"โอเคๆ เวิร์กช็อปก็เวิร์คช็อป แล้วนี่ครูฝึกอยู่ไหนคะ"
"แป๊บนะคะ" เมนี่หยุดคุยโทร.ชั่วครู่ มองซ้ายขวาแล้วชี้ไป "คนนู้นไงคะ"
ธรรม์ใส่อุปกรณ์การซ้อมยิงครบชุด กำลังซ้อมยิงปืนแต่ยืนหันหลังให้
"ยิงกันไปก่อนนะคะ พี่เมนี่ขอคุยธุระแป๊บ"
เมนี่คุยโทรศัพท์ต่อแล้วเดินออกไปหาที่เงียบๆ คุย
"ค่ะๆ ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ ไม่มีใครยิงใครค่ะ"
มณีมันตราเดินเข้าไปใกล้ธรรม์ ดูการซ้อมยิงปืนอย่างเท่ เสียงปืนดังขึ้นๆ ทำให้เธอต้องเอามืออุดหู แต่เห็นการยิงปืนของธรรม์ แล้วเริ่มรู้สึกสนใจ น่าสนุกเหมือนกัน
ธรรม์เห็นว่ามีคนมายืนดูก็หยุดยิงหันมา แล้วถอดอุปกรณ์ทั้งหลาย
"สวัสดีครับ คุณมณีมันตรา"
"พี่ธรรม์"
มณีมันตราเซอร์ไพรส์สุดๆ ยิ้มดีใจ
ชนมนเดินมาที่รถจักรยานที่จอดอยู่หน้าตัวบ้าน อิทธิฤทธิ์ยังอยู่ในชุดนอนเดินอาดๆ มาขวางทางไว้
"มีอะไร"
"อย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีก มาบอกแค่นี้แหละ"
"เสียใจนะ ชั้นยังต้องช่วยงานอาจารย์ตุลาอยู่ นายก็อย่ากลับไปเรียนสิ จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าชั้น อย่างนายเรียนไปก็เปล่าประโยชน์ สอบใหม่ก็สอบไม่ผ่านอยู่ดี กลับไปแว้นต่อเถอะ ไป"
อิทธิฤทธิ์ฉุน
"ชั้นไม่ใช่เด็กแว้น"
"จะเป็นนักซิ่งหรือเด็กแว้น มันก็ไม่แตกต่างกันหรอก มันก็ไอ้พวกขยะสังคม ขับรถกวนเมืองทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อน จะบอกให้นะ เวลาที่พวกนายซิ่งกันบนถนนน่ะ ชาวบ้านไม่ได้ด่าแต่พวกนาย แต่ด่าไปถึงพ่อถึงแม่ด้วย จะทำอะไร ให้รู้จักคิดบ้าง"
อิทธิฤทธิ์จ้องหน้าชนมนด้วยความโกรธที่ถูกหยามศักดิ์ศรีเป็นที่สุด
"ขอบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะว่า ชั้นไม่ใช่เด็กแว้น ชั้นเป็นนักแข่งรถ ชั้นรู้จัก กฏ กติกา มารยาท แข่งรถในสนามแข่งเท่านั้น และชั้นไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน จำใส่หัวไว้ด้วย ยัยป้า ! แล้วอย่าได้คิดมาเป็นติวเตอร์ชั้นเป็นอันขาด ไม่งั้นเธอตายแน่ !"
"ชั้นไม่มีวันลดตัวไปติวให้เด็กอีคิวต่ำไอคิวไม่มีอย่างนายหรอก ชั้นรับติวแต่เด็กดีรักเรียนเท่านั้น จำใส่หัวกะโหลกหนาๆของนายไว้ด้วย ไอ้เด็กแว้น !"
อิทธิฤทธิ์เดือดจัดกระชากตัวชนมนเข้ามา
"จะลองดีเหรอ ยัยป้า"
เสียงแตรมอเตอร์ไซด์ดังขึ้นขัดจังหวะ ชนมนสะบัดตัวหลุดจากอิทธิฤทธิ์
" พี่อิท พี่อิท"
อิทธิฤทธิ์กับชนมนหันไปมอง เจ๋งขี่มอเตอร์ไซด์เก่าๆ เข้ามาโบกมือเรียกโหวกเหวก
"มีอะไร"
"ไอ้ตี๋เล็กกับแก๊งของมันโชว์รถอยู่ที่สนามน่ะ ไปด้วยกันป่าว พี่"
เจ๋งยิ้มอย่างกระตือรือร้นแล้วต้องยิ้มค้างเมื่อเห็นชนมนอยู่กับอิทธิฤทธิ์
"ยัยแว่นโหดมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย"
"ก็เพราะความซวยไง"
ชนมนไม่สนใจอิทธิฤทธิ์อีกขึ้นขี่จักรยานออกไป อิทธิฤทธิ์มองตามชนมนอย่างฮึดฮัดโมโหไม่หาย
ธรรม์กำลังถอดชิ้นส่วนปืนออกพลางอธิบายส่วนต่างๆของปืนอยู่ มณีมันตรานั่งจ้องหน้าธรรม์ตาไม่กะพริบ
"ส่วนตรงนี้เรียกว่านกครับ ไม่ใช่นกจิ๊บๆ นะครับ แต่เป็นนกปืน บางทีก็เรียกนกสับครับ เป็นกลไกที่จุดชนวนกระสุน"
ธรรม์เพิ่งรู้ตัวว่ามณีมันตราจ้องหน้าสนใจเกินเหตุ
"สงสัยอะไร ถามได้นะ"
"พี่ธรรม์หล่อขึ้นหรือเปล่าเนี่ย"
ธรรม์เขิน
"นอกเรื่องแล้ว"
"เราไม่ได้เจอกันตั้งนานเนอะ เกือบสองปีแล้วล่ะมั้ง ไปบ้านอิทกี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยเจอพี่ธรรม์ ป้าหนอมบอกว่า พี่ธรรม์ไม่ค่อยยอมกลับบ้าน เพราะอิทใช่มั้ย"
ธรรม์เลี่ยงคำตอบ
"พี่เรียนหนัก"
"แต่ตอนนี้พี่ธรรม์เรียนจบแล้ว แล้วก็ยังมาเป็นครูฝึกให้ย่าอีก อย่างนี้ก็หนีย่าไปไหนไม่ได้อีกแล้วนะ เราจะต้องได้เจอกันบ่อยๆ"
"จะได้เจอเร้อ คิวแน่นไม่ใช่เหรอ"
มณีมันตรายิ้มหวานบอก
"คิวแน่นแค่ไหน ย่าก็หาเวลาให้พี่ธรรม์ได้"
ธรรม์ยิ้มอดคิดไปไกลไม่ได้แต่ต้องชะงักดึงตัวเองกลับมา
"ก็ตอนนี้พี่ธรรม์มีหน้าที่ฝึกย่าให้เป็นบอดี้การ์ดสาวห้าวดุเหี้ยม ได้ครูเก่งๆอย่างพี่ธรรม์ ย่าสู้ตายค่ะ" มณีมันตราพูดพลางโพสท่าเท่และชูสองนิ้วดูน่ารัก
ธรรม์มองอย่างเอ็นดู เด็กอะไรพูดอะไรทำอะไรก็น่ารักไปหมด
อ่านต่อหน้า 4
รักสุดฤทธิ์ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักกระฉับกระเฉงของสนามแข่งรถมอเตอร์ไซด์ นักแข่งรถโชว์ผาดโผนหลายท่า มีการแปรขบวน ด้านหลังของแจ๊คเก็ตของตี๋เล็ก เป็นโลโก้รูปไดโนเสาร์พันธุ์ทีเร็กซ์พร้อมด้วยตัวอักษร T-Rex นักแข่งนับสิบขี่มอเตอร์ไซด์ล้อมวงตี๋เล็กไว้หยุดดู
ตี๋เล็กโชว์สตันท์เดี่ยวด้วยท่าพิสดารอย่างเทพอยู่กลางวงอย่างโดดเด่น หลังหยุดโชว์ ถอดหมวกกันน็อกออก เปิดตัวเท่ โบกไม้โบกมือ โค้งคำนับอย่างภาคภูมิใจ คนดูรอบๆ ปรบมือโห่ร้อง บ๊วยลูกสมุนตี๋เล็กปรบมือชื่นชม ออกนอกหน้าเอาใจตี๋เล็ก
อิทธิฤทธิ์กับเจ๋งยืนดูอยู่ห่างๆ
"ตั้งแต่มันได้ตำแหน่งสตั๊นท์เกรด A มา มันกร่างใหญ่เลยพี่ หารู้ไม่ว่า พี่อิทน่ะ เซียนกว่าเยอะ แต่ไม่อยากลงแข่งกับพวกกระจอก" เจ๋งบอก
อิทธิฤทธิ์มองตี๋เล็กอย่างไม่ศรัทธา
ด้านตี๋เล็กทำมือให้ทุกคนหยุดโห่ร้อง พร้อมประกาศก้อง
"ข้าคือตี๋เล็ก! เกิดมาพร้อมกับ..." ตี๋เล็กตบอานมอเตอร์ไซด์แล้วบอก
"นี่ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่มันคือเลือดเนื้อ คือจิตใจ คือชีวิต! ...เกิดมาพร้อมกัน แต่จะไม่ตายพร้อมกัน เพราะข้าไม่มีวันตาย!"
ตี๋เล็กตะโกนพร้อมทำท่า T-Rex Never Die ผู้คนโห่ร้องกระทืบเท้าอย่างชื่นชม
อิทธิฤทธิ์บอก
"เพ้อเจ้อว่ะ"
"ได้เวลาลุยแล้ว พี่"
อิทธิฤทธิ์สวมหมวกกันน็อก ขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซด์แล้วขับพุ่งตรงไปหาตี๋เล็กในสนามแข่ง
ผู้คนที่ล้อมรอบตี๋เล็กอยู่แตกกระจายออกให้ทาง อิทธิฤทธิ์ซิ่งโชว์ท่าเทพยิ่งกว่าตี๋เล็กหนึ่งโชว์ แล้วดริฟท์รถวืดมาจอดอยู่ตรงหน้า ตี๋เล็กอ้าปากค้างมองอิทธิฤทธิ์
"ไอ้อิท"
อิทธิฤทธิ์ถอดหมวกกันน็อกออก ยิ้มหยันมองตี๋เล็กอย่างท้าชิง โดยไม่ต้องใช้คำพูด!!
ภายในสนามยิงปืน ธรรม์สาธิตการยิงปืนให้มณีมันตราดู ธรรม์ตั้งท่าเตรียมเล็งแล้วยิงอย่างแม่นและเท่อีกแล้ว ธรรม์ขยับตัวให้เธอมายืนที่ตัวเองแล้วส่งปืนให้
"ลองดูนะครับ"
มณีมันตรารับปืนมา ยังไม่ทันไร เมนี่ปรี่เข้ามา
"หมดเวลาแล้วค่า"
"อะไรคะ หนูเพิ่งได้จับปืนเอง"
"ว้าย มัวทำอะไรอยู่ เรามีเวลาไม่มากนะคะ"
เมนี่มองธรรม์หัวจดเท้า ถามก่อนจะนึกได้เอง
"แล้วนี่ใคร... หมวดธรรม์ ครูฝึกของน้องมาย่าใช่มั้ยคะ เห็นทางบริษัทหนังบอกว่าจะติดต่อนายตำรวจที่เก่งที่สุดมาสอนน้องมาย่า ไม่ยักรู้ว่า หล่อด้วย สนใจเล่นละคร เดินแบบ เล่นหนัง เป็นพิธีกรมั้ยคะ คุณผู้หมวด"
"เอ่อ..."
"เรามีเวลาไม่มากไม่ใช่เหรอคะ พี่เมนี่"
"นั่นซิ มัวทำอะไรอยู่ พี่เมนี่ให้เวลาตั้งครึ่งชั่วโมง"
"หนูก็ต้องศึกษาคาแรคเตอร์กับพี่ธรรม์น่ะสิคะ ตัวละครของหนูเป็นตำรวจหญิงมาก่อนไม่ใช่เหรอคะ หนูก็อยากรู้ว่า เป็นตำรวจจะต้องเป็นยังไง"
"อุ๊ย ไม่ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งอะไรนักหรอกค่า แค่โพสท่ายิงปืนเท่ๆ ก็พอ อุ๊ย ถ่ายรูป เราต้องถ่ายรูปลงแฟนเพจของน้องมาย่า ทุกคนกำลังรอดู รูปน้องมาย่าจับปืนครั้งแรก โพสท่าค่ะ เร็วเข้า เรามีเวลาไม่มากนะคะ"
มณีมันตราจับปืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเอานิ้วไหนสอดไว้ตรงไหน
"ยังไงละคะเนี่ย"
ธรรม์ชี้ๆให้ดูเกรงใจไม่กล้าแตะตัวมณีมันตรา
"นิ้วชี้ไว้ตรงนี้ครับ ส่วนนิ้วโป้งไว้ตรงนี้"
มณีมันตรายังทำไม่ถูก
"นิ้วไหน ตรงไหนคะ พี่ธรรม์"
"ขอโทษนะ"
ธรรม์จับนิ้วมาย่าให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ทั้งสองหน้าใกล้ชิดกันจนชะงักทั้งคู่
"เร็วๆค่ะ เร็วๆ อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก"
ธรรม์รับจัดท่าจับปืนให้มณีมันตราแล้วถอยออกมา เมนี่กดถ่ายรูปรัว
"เก๋ค่ะ เริ่ดค่ะ เท่มั่กๆ ใช่เลยค่ะ หนังเรื่องแรกของน้องมาย่าต้องดังระเบิดระเบ้อแน่ๆ...พี่เมนี่ขอถ่ายมั่งนะคะ"
เมนี่ยื่นกล้องให้มณีมันตราพร้อมดึงปืนมาโพสท่า
"ตกลงรีบไม่รีบเนี่ย" มณีมันตราพึมพำ
"จับยังไงนะคะ หมวดธรรม์ขา"
"คุณเมนี่จับปืนถูกแล้วล่ะครับ"
เมนี่ขัดใจอารมณ์เสียไม่ได้ใกล้ชิดธรรม์
"งั้นมาถ่ายรูปคู่กันหน่อย"
เมนี่ดึงธรรม์มานัวเนียถ่ายรูปคู่ด้วย
"ไม่ต้องยั้งค่ะ น้องมาย่า"
มณีมันตรารัวกดถ่ายรูปให้เมนี่กับธรรม์แล้วซักพักก็ถ่ายรูปธรรม์คนเดียวโดดๆ แต่เมนี่ไม่รู้ว่ามาย่าไม่ได้ถ่ายหล่อนแล้วยังคงโพสท่าจับปืนเปรี้ยวๆต่อไป เธอแอบยิ้มซนๆ ถ่ายรูปธรรม์ไปเรื่อย ยิ่งธรรม์ขยับตัวออกห่างจากเมนี่ ทำให้เธอก็ถ่ายรูปธรรม์ได้ถนัดขึ้น
ธรรม์มองเมนี่อย่างขำๆ แล้วหันมาสบตากับเธอ ทั้งคู่อารมณ์ดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง
อิทธิฤทธิ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์โชว์ผาดโผนทะยานฟ้า ตี๋เล็กโชว์ออฟบ้าง ซิ่งทะยานฟ้ากะจะให้เด็ดกว่าอิทธิฤทธิ์แต่ไม่เก่งพอ เมื่อลงพื้นเลยเสียหลักล้มลง ฝูงชนฮือฮาตกใจ
อิทธิฤทธิ์ขับเข้าไปหาแล้วช่วยฉุดตี๋เล็กขึ้นยืน ผู้คนปรบมือในความแมนของอิทธิฤทธิ์
อิทธิฤทธิ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากสนาม
"อะโด่ ให้มันรู้ซะบ้างว่า ใครเป็นเทพ พี่อิทนี่ บระเจ้าจริงๆ !" เจ๋งบอก
เจ๋งขี่มอเตอร์ไซค์ตามอิทธิฤทธิ์ออกไป
ตี๋เล็กยืนเซๆ ถอดหมวก ฝูงชนยังตบมือให้อิทธิฤทธิ์ไม่หยุด ทุกคนหันไปมองตามฮีโร่อย่างอิทธิฤทธิ์ ตี๋เล็กโค้งคำนับฝูงชนทั้งๆที่เจ็บตัวอยู่ด้วย บ๊วยวิ่งเข้ามา
"ลูกพี่ คนเค้าตบมือให้ไอ้อิทมัน ไม่ใช่ลูกพี่"
"อ้าว เหรอ"
บ๊วยพยักหน้า ตี๋เล็กเสียฟอร์มเจ็บใจ ทำโวยวายกลบเกลื่อน
"ครั้งนี้แค่ซ้อมโว้ย ครั้งหน้าค่อยเอาจริง ไม่มีใครจะมาโค่นแชมป์อย่างข้าได้หรอกว้อย บอกแล้ว T-Rex never die"
ตี๋เล็กลืมตัวกระทืบเท้าด้วยความเคียดแค้น
"โอ๊ย อ็อก"
ตี๋เล็กกระโดดเร่าๆด้วยความเจ็บ
เย็นต่อเนื่องมา ชนมนวุ่นวายเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะแรกแล้วเก็บเก็บจานแก้วน้ำโต๊ะที่สอง
ลูกค้าโต๊ะ3 บอก
"เก็บตังค์ด้วย"
เธอมองโต๊ะอาหารที่เป็นจานอาหารเต็มโต๊ะปราดเดียว
"175 ค่ะพี่"
เธอเก็บเงินโต๊ะสามแล้วรวบเก็บจาน แก้วน้ำใส่ถาดไปด้วย
ชูชัยผัดข้าวผัดไปพลางมองไปที่ลูกสาวอย่างเหนื่อยแทน
รถคันใหญ่สีดำแล่นมาช้าๆ จอดตรงข้ามบ้านชนมน เธอปาดเหงื่อถือถาดจานกองโตหนักอึ้งมาใส่กะละมัง ชูชัยเดินมาช่วยยกกะละมังให้
"ไม่ต้อง พ่อ หนูทำเองได้"
"แกนั่นแหละไม่ต้อง ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบไป"
"ไว้อ่านคืนนี้ก็ได้"
"ไหนว่าวันนี้ต้องไปติวให้รุ่นน้องไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ติวแล้ว และหนูไม่นับไอ้เด็กแว้นนั่นเป็นรุ่นน้องหรอก หนูคงต้องไปบอกอาจารย์ตุลาหาติวเตอร์คนใหม่แทนหนู ยังไงหนูก็ไม่มีวันไปสอนไอ้เด็กเหลือขอนั่น"
ชนมนแย่งยกกะละมังจานชามหนักอึ้งออกไปอย่างสาวอึด
"ไอ้ลูกคนนี้ มันจะอึดไปถึงไหน"
ชูชัยมองตามห้ามอะไรชนมนไม่ได้
คนงานตะโกนบอก
"เอาน้ำมาส่ง"
ชูชัยเดินไปที่หน้าร้านช่วยคนงานยกลังน้ำอัดลมลงจากรถ ชูชัยรู้สึกเหมือนคนมองมาอยู่ หันไปมองหาแต่ก็ไม่เห็นใคร อิทธิพลที่อยู่ในรถคันใหญ่สีดำเกือบจะได้เห็นชูชัย แต่คนงานเดินมาบัง คนงานขนลังน้ำอัดลมเข้าร้านไป ชูชัยก็หันหลังให้กับรถของอิทธิพล
ชนมนถือตะกร้าผ้าที่ซักรีดแล้วมือหนึ่ง อีกมือถือเสื้อในไม้แขวน
"หนูไปส่งผ้านะ พ่อ"
"เฮ้ย จะไม่พักหน่อยเหรอ ไอ้ชน"
"ไม่มีเวลาแล้ว พ่อ เดี๋ยวหนูต้องไปติวเลขน้องเอกต่อ"
ชนมนเดินลิ่วๆ ออกไป ชูชัยหันซ้ายหันขวารู้สึกเสียวสันหลังตามสัญชาตญาณนักเลงเก่า รถสีดำของอิทธิพลแล่นตามชนมนไปช้าๆ
หน้าบ้านลูกค้า ชนมนยกมือไหว้ขอบคุณป้าเจ้าของบ้านแล้วรับเงินมาสองร้อยบาท
"ขอบคุณนะคะ หนูมารับผ้าวันจันทร์เหมือนเดิมนะคะ"
เธอมองเงินสองร้อยบาทในมืออย่างมีความสุข, ยัดเงินใส่กระเป๋าสะพาย แล้วเดินอย่างเร่งรีบเพื่อออกจากซอยแล้วก็ผ่อนฝีเท้าลง รู้สึกเหมือนถูกตาม เธอเหลือบมองไปด้านหลังเห็นรถสีดำแล่นช้าๆ ตามหลังมา เธอเดินไปคิดไป อย่างไม่แน่ใจว่า รถตามตัวเองมาหรือเปล่า พลางนึกถึงอิทธิฤทธิ์
"รู้ว่า ชั้นเป็นใครก็ดีแล้ว เธอกล้าที่จะทำลายอนาคตชั้น ต่อไปนี้ชีวิตเธอไม่มีวันสงบแน่ !"
เธอเดินๆอย่างปกติอยู่ หันขวับไปมองรถสีดำอีกครั้งแล้วตัดสินใจวิ่ง เธอวิ่งเลี้ยวเข้าไปซอยเล็กซอยน้อยซิกแซกไปมา จนทะลุมาออกถนนใหญ่อย่างรู้ทาง มองซ้ายขวาไม่เห็นรถสีดำ
"รอดแล้วเรา"
รถสีดำแล่นเร็วมาจอดกึกอยู่ข้างหน้า เธออ้าปากค้าง ลูกน้องตำรวจในชุดซาฟารีของอิทธิพลลงจากรถเดินตรงมาหา เธอตกใจร้อง "เฮ้ย !" พลางหาทางหนีทีไล่
"แค่ถูกไล่ออกแค่นี้ ถึงกะจะอุ้มฆ่ากันเลยเหรอ"
เธอจะวิ่งหนีกลับไปทางเดิม แต่ลูกน้องตำรวจเข้ามาขวางทางไว้
"คุณชนมน...ท่านผู้การขอเชิญไปพบครับ"
เธอมองไปที่รถสีดำ กระจกถูกลดลงต่ำจนเห็นอิทธิพลนั่งอยู่ในรถ เธอโล่งใจแต่ก็ยังไม่วางใจเสียทีเดียว
สะพานข้ามคลองเล็กๆ ที่มีชาวบ้านเดินผ่านไปมา ชนมนยืนอยู่กับอิทธิพลที่ทางเดินริมสะพานลูกน้องตร.ยืนรอที่รถสีดำ เธอยกมือไหว้อิทธิพล
"หนูขอบคุณนะคะ ที่ท่านอุตส่าห์มาหาหนูด้วยตัวเอง แต่หนูก็ขอยืนยันคำเดิมค่ะ หนูจะไม่เป็นติวเตอร์ให้ลูกชายท่านอย่างแน่นอน"
"ชั้นมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ มีหนูคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้นายอิทสอบผ่านได้"
"หนูไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ ท่าน"
"หนูจบนิติศาสตร์เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ได้ทุนเรียนดีตั้งแต่ชั้นมัธยมจนจบมหาวิทยาลัย จนได้มาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ เป็นติวเตอร์สอนได้ทุกวิชาตั้งแต่เด็กประถมจนถึงมหาวิทยาลัย"
ชนมนเริ่มหวาดๆแต่ทำใจดีสู้เสือ
"อืม...ค่ะ หนูสอนเด็กได้หลายระดับชั้น ตอนนี้หนูก็เลยคิวเต็มแล้วล่ะค่ะ ท่าน"
"หนูต้องการค่าติวเท่าไหร่ ชั้นจ่ายได้ทั้งนั้น หนูกำลังต้องการเงินไม่ใช่หรือ ทั้งค่าเรียนต่อปริญญาโท ค่าเช่าบ้านที่ยังค้างอยู่สามเดือน พ่อหนูก็ป่วยเป็นเบาหวาน ต้องจ่ายค่ายาเดือนละหลายพัน แล้วยังมีน้องชายที่หนูต้องรับผิดชอบอีก"
ชนมนตกใจทึ่งมาก
"โห...ท่านรู้หมดเลย"
อิทธิพลพูดน้ำเสียงมีอำนาจ
"อย่าลืมสิว่าชั้นเป็นใคร"
ชนมนอ้าปากค้าง เหงื่อตก ไม่คิดว่าอิทธิพลจะรู้ลึกขนาดนี้
บ้านมณีมันตราในยามค่ำคืน เธอใส่ชุดนอนถือหนังสือวิชากฎหมายระหว่างประเทศมานั่งที่โต๊ะหนังสือ
"ได้เวลาของเรากลับมาซะที"
มณีมันตราเปิดหนังสือ เปิดสมุดโน้ต จับปากกา แค่เพิ่งจะเริ่มต้นอ่านหนังสือตัวแรกเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดัง จอมือถือเป็นรูปหน้าเมนี่ เธอเซ็งเล็กน้อย
"ค่ะ พี่เมนี่"
เมนี่นอนบนเตียง ใบหน้าพอกโคลน หยิบขนมกินหยับๆ
"ทำอะไรอยู่คะ"
"อ่านหนังสือค่ะ"
"อ่านทำไม เพิ่งสอบเสร็จไปเองนี่"
"เตรียมอ่านของเทอมหน้าค่ะ"
"โอ๊ย อีกตั้งนาน หยิบบทหนังมาอ่านแทนค่ะ พรุ่งนี้มีนัดคุยกับผู้กำกับกับคนเขียนบทนะคะ"
"มาย่าอ่านจบแล้วค่ะ"
"อ่านอีกรอบค่ะ เค้าถามอะไรจะได้ตอบได้"
เธอถอนหายใจ ยิ้มอย่างเชื่อฟัง
"ก็ได้ค่ะ"
"ดีมากค่ะ เราเป็นดาราเนี่ยนะคะ ไม่ใช่ซิ เราเป็นนักแสดง เวลาให้สัมภาษณ์ ต้องตอบว่า เราเป็นนักแสดง ไม่ใช่ดารา แล้วก็เป็นนักแสดงที่ดีด้วย เราก็เลยต้องทำการบ้านทุกครั้ง การที่น้องมาย่าเล่นละครเรื่องแรกก็ดังเปรี้ยง ก็ไม่ใช่เพราะความฟลุ๊ก แต่เป็นเพราะความสามารถและเสน่ห์ส่วนตัว ออร่าถึงโดดเด้งออกมาตั้งแต่เล่นเอ็มวีของพี่(โร)เบิร์ต แล้วเพราะตาอันแหลมคมของพี่เมนี่ ก็เลยดึงน้อง
มาย่าเข้าวงการ..."
เมนี่ยังพล่ามอยู่ มณีมันตราวางมือถือลงกับโต๊ะ ...
สักพัก มณีมันตราหยิบโทรศัพท์มือถือมากดดูรูป อิทธิฤทธิ์ เธอ และธรรม์ ที่เคยถ่ายรูปร่วมกัน เมื่อปีที่แล้ว รูปนั้นอิทธิฤทธิ์ในชุดซิ่ง เธอในชุดนักศึกษ และธรรม์ในชุดนักเรียนนายร้อย พลางคิดถึงวันดีๆเมื่อวันวาน
บนสถานีตำรวจที่ธรรม์ประจำการอยู่ เขาหอบแฟ้มเอกสารเดินออกจากสถานี ตำรวจ 1 เดินสวนเข้าสถานีตำรวจ
"ออกเวรแล้วเหรอ"
ธรรม์ค้อมตัว
"ครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะสรุปสำนวนคดีของพี่ให้นะครับ"
ตำรวจ1 ตบไหล่ธรรม์อย่างขอบใจแล้วเดินเข้าสถานีตำรวจไป เขาหอบแฟ้มเอกสารมาเปิดประตูรถอย่างทุลักทุเล วางแฟ้มในรถแล้วเดินอ้อมไปนั่งที่คนขับ
ธรรม์หันมองแฟ้มกองใหญ่ ถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อย พิงเบาะ
สักพัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูรูป เป็นรูปเดียวกับที่มณีมันตราดู
เสียงแมสเสจจากมือถือดังขึ้น เขากดดูข้อความ หน้าจอ “ขอบคุณมากค่ะ สำหรับวันนี้”
ธรรม์ยิ้มรีบกดตอบกลับ เขียนตามความรู้สึกครั้งแรกอย่างใจจริง ยังไม่คิดมาก
"ไม่เป็นไรครับ ยินดีมากๆ ดีใจที่ได้เจอมาย่าอีกครั้ง"
ธรรม์คิดแป๊บนึงแล้วไม่พอใจ ส่ายหน้าก่อนลบออก
"ยินดีมากก็พอ ไม่ต้องมากๆ -- ยินดีครับก็พอ ไม่เอาดีกว่า"
ธรรม์กด ลบ”ยินดีครับ” ออก แล้วเปลี่ยนใจลบ “ดีใจที่ได้เจอมาย่าอีกครั้ง” ออก เหลือหน้าจอเปล่าๆ เขาคิดหนักราวกับสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยอีกครั้ง
"ทำไมมันยากอย่างนี้วะ"
ธรรม์ยิ้มขำตัวเองที่เรื่องง่ายๆกลับทำได้ยากเย็น
มณีมันตราอ่านบทหนังอยู่ โทรศัพท์มือถือวางข้างๆ ธรรม์ส่งแมสเสจเป็นรูปหน้ายิ้ม
"แค่เนี้ย ! โหย...พี่ธรรม์อ่ะ"
มาย่ามองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง แล้วส่ายหน้าขำๆที่ธรรม์ตอบได้ดีสุดแค่นี้
ค่ำวันเดียวกัน ชนมนเช็ดจานชามไปพลางคิดหนักเรื่องข้อเสนอของอิทธิพล ชูชัยกับชินพัฒน์กำลังนับเงินแล้ววางทับใบแจ้งหนี้เป็นกอง เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ
"นี่ค่าน้ำ 340 ค่าไฟ 2300 ทำไมเดือนนี้ค่าน้ำค่าไฟแพงนักวะ แล้วยังค่าเช่าบ้านอีก"
ชินพัฒน์บอก
"อย่างนี้ผมอดไปออกค่ายอีกแล้วใช่มั้ย คราวนี้โรงเรียนเค้าจะไปออกค่ายที่ประจวบฯด้วย เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นทะเลเลย อด ! อด ! อดตลอดเลย"
"แกเลือกเอา จะอดเที่ยวหรือจะอดข้าว"
ชนมนลุกขึ้นเดินตรงไปหาชิน
"เท่าไหร่"
ชินพัฒน์เกรงใจอยู่เหมือนกัน
"พันสอง แต่ไปตั้งอาทิตย์นึงนะ พี่ชน"
เธอหยิบเงินจากกระเป๋าส่งให้
ชูชัยไม่เห็นด้วย
"ไอ้ชน"
"ไม่เป็นไร พ่อ เดี๋ยวหนูก็ไปหาเงินใหม่ได้"
"แกจะไปหาที่ไหนวะ"
"หนูคงต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเองแล้วล่ะ พ่อ"
ชนมนตัดสินใจได้ว่าต้องยอมเป็นติวเตอร์ให้อิทธิฤทธิ์แล้ว
ในตอนเช้า อิทธิฤทธิ์ใส่ชุดเตรียมออกจากบ้านไปซิ่งรถ เดินมาผิวปากอย่างสบายใจ แล้วชะงักเมื่อเห็นว่ามีอะไรรออยู่
อิทธิพลกับถนอมยืนปักหลักรออยู่พร้อมชนมน !
"ยัยป้านี่มาทำอะไรที่นี่อีก"
"หนูชนจะมาติวให้แก เริ่มตั้งแต่วันนี้เลย"
"ผมบอกแล้วว่า ผมไม่ติว"
"ถ้าแกไม่ติว แกก็สอบไม่ผ่าน"
"ถ้าสอบไม่ผ่าน คุณอิทก็เรียนไม่จบนะคะ คุณอิทไม่อยากเรียนจบพร้อมคุณมาย่าหรือคะ" ถนอมว่า
"ผมติวก็ได้ แต่ไม่ติวกับยัยป้านี่ พ่อไปหาติวเตอร์มาใหม่ แล้วค่อยว่ากัน"
อิทธิฤทธิ์เดินไปจ้องหน้าชนมนอย่างหยามเหยียด
"ไหนบอกว่า จะไม่มีวันติวให้เด็กเหลือขออย่างชั้นไง นี่เกิดอะไรขึ้นถึงได้ซมซานกลับมาของานทำ ....อ๋อ ลืมไป ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้นี่นา"
อิทธิฤทธิ์เดินกลับขึ้นไปห้องตัวเอง ชนมนยืนอดกลั้นอยู่
"ท่านคะ หนูขอโทษนะคะ หนูเปลี่ยนใจแล้ว หนูลาล่ะค่ะ"
ชนมนยกมือไหว้แล้วรีบเดินออกไปแต่ต้องชะงัก
"เดี๋ยวหนู ! ชั้นจะเพิ่มค่าเหนื่อยให้"
เธอยังเดินต่อไป
"ชั้นให้ชั่วโมงละพัน !"
เธอหยุดกึก แล้วจินตนาการรวดเร็วกับการคิดเลข
"ชั่วโมงละ 1,000 / วันละ 3 ชั่วโมง / เท่ากับได้วันละ 3,000 สอนอาทิตย์ละ 5 วัน / เท่ากับได้อาทิตย์ละ 15,000 เดือนนึงสอน 20 วัน / เท่ากับได้เดือนละ 60,000 สอนสองเดือน / เท่ากับเราจะได้ 120,000 บาท !"
"ตกลงมั้ย"
เธอหลุดออกจากภวังค์ หันกลับมาหาอิทธิพล ท่าทางขึงขัง ลืมเรื่องศักดิ์ศรีชั่วครู่
"ก็ได้ค่ะ หนูจะเป็นติวเตอร์ให้นาย...เออให้คุณอิท หนูจะทำหน้าที่ของหนูอย่างเต็มที่เลยค่ะ รับรองคุณอิทจะต้องสอบผ่านแน่ๆ"
"ก่อนอื่น หนูคงจะต้องทำให้มันยอมเรียนกับหนูก่อน"
เสียงถนอมโวยวายดังมาจากเครื่อง Walkie Talkie อีกตัวที่วางอยู่แถวๆนั้น
"คุณอิทไปแล้ว วอ3 วอ4 วอ5 ใครก็ได้ จับตัวไว้ก่อน !"
ชนมนกับอิทธิพลรีบผละออกไปดูที่หน้าบ้าน
อิทธิฤทธิ์วิ่งอ้อมออกมาจากหลังบ้าน วิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ อิทธิพลกับชนมนตามมา ถนอมถือวอวิ่งมาอีกด้านหนึ่ง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ !"
อิทธิฤทธิ์ขึ้นควบรถแล้วเริ่มสตาร์ตรถอย่างไม่ฟังเสียง
"ไอ้อิท!"
"หนูจัดการเองค่ะ"
เธอส่งถุงผ้าให้ถนอม พับแขนเสื้อผ้าอย่างเตรียมลุย
"จะไหวเหรอคะ"
เธอหันมายกนิ้วโป้งขึ้นอย่างมั่นใจ แล้ววิ่งไปที่จักรยานแล้วปั่นออกไป ถนอมตะโกนไล่หลัง
"ตามไปทางซอยหลังบ้านนะคะ หนูชน"
ถนอมหันมามองอิทธิพล
"วันแรกคุณอิทก็แผลงฤทธิ์ใส่แล้ว หนูชนจะเอาอยู่หรือคะ"
"ถ้าหนูชนเอาไม่อยู่ ก็ไม่มีติวเตอร์คนไหนเอาอยู่แล้วล่ะ"
อิทธิพลดูคนออก เห็นเด็กสู้ชีวิตอย่างชนมนเท่านั้น ที่จะปราบอิทธิฤทธิ์ลูกชายแสบของตนได้
อ่านต่อตอนที่ 2