xs
xsm
sm
md
lg

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 8

กรรัมภาวิ่งตามปาร์คจุนจีออกมา

"เดี๋ยว... เขาเป็นย่าของคุณนะ คุณไม่สงสาร..."
เธอพูดยังไม่ทันจบ จุนจีหันกลับมาแทบตวาด
"อย่ามาบอกให้ผมสงสาร คุณไม่ได้รู้จักครอบครัวผมสักนิดเดียว สิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้กับแม่ของผม มันคือการรักตัวเอง เห็นแก่ตัว เพราะฉะนั้นกรุณาอย่ามาบอกให้ผมทำหรือไม่ทำอะไรกับเขา"
"จุนจี!! ทำไมคุณพูดแบบนี้ ชั้นคิดว่าคุณจะเป็นคนดีมากกว่านี้ซะเอง"
"ผมควรจะทำดีกับคนที่ทำร้ายจิตใจพ่อแม่ของผมเหรอ"
"สุดท้ายคุณ มันก็ไม่ต่างจากย่าคุณเอง"
"อะไรนะ"
"ปล่อยให้ความชิงชังความเห็นแก่ตัวเข้าครอบงำ แล้วอ้างว่า สิ่งที่ตัวเองทำถูกต้องสมควรแล้ว สิ่งที่คนอื่นทำน่ะ...ผิด"
"มันจะมากไปแล้วนะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าผมอย่างนี้"
กรรัมภาไม่กลัวจุนจี พูดความจริง
"ลึกๆคุณก็รู้ว่าวิญญาณคุณย่าตามคุณอยู่ แต่คุณเลือกที่จะไม่เชื่อ เพราะคุณเกลียดเขา"
กรรัมภาพูดแทงใจดำ จุนจีนิ่งเพราะโกหกตัวเองไม่ได้
"ถ้าเป็นชั้น ชั้นรู้ว่าใครก็ตาม ไม่ได้ตายธรรมดา แต่ถูกฆาตกรรม ไม่ต้องมารู้จักกันเป็นการส่วนตัว ถ้าชั้นช่วยคลี่คลายคดีได้ ชั้นก็จะช่วย"
กรรัมภาเดินเข้ามาหาจุนจี
"แต่ผู้หญิงคนนี้คือคุณย่า...แม่ของพ่อคุณเอง จุนจี อดีตคืออดีต"
จุนจีอึ้ง เครียด สับสน กำหมัดแน่น
"คุณจะจมอยู่กับความแค้นในอดีตไปเพื่ออะไร สุดท้ายคนที่เป็นทุกข์ก็คือตัวคุณเอง เหมือนที่ย่าคุณเคยเป็นและยังคงเป็นอยู่"
จุนจีสับสน แววตาเริ่มอ่อนลง กรรัมภาค่อยๆคลายนิ้วมือของจุนจีให้ จุนจีโอนอ่อนตามไป
แต่แล้วทันใด อยู่ๆก็มีรถแล่นมาจอด ณัฐเดชลงจากรถเรียก
"ยัยแก้ม!"
กรรัมภากับจุนจีแปลกใจ วรวรรธเปิดประตูตามลงมา
ณัฐเดชบอก
"คุณปาร์คจุนจี คุณป๋อง ผู้ช่วยผู้กำกับบอกผมว่า คุณอยู่ที่นี่ ซึ่งบังเอิญมากที่ผมเป็นพี่ชายของยายเนตร...หนึ่งในสาวๆ ของบริษัทซิกส์เซนส์ แล้วผมก็จำเป็นต้องมาขอความช่วยเหลือจากพวกน้องๆ เพื่อคลี่คลายคดีของคุณย่าคุณอยู่แล้ว"
"แต่เวลานี้ พวกเรามีเรื่องน่าเสียใจที่จะแจ้งให้คุณทราบ" วรวรรธว่า
"มีใครเป็นอะไรหรือคะ"

สุคนธรส เนตรสิตางศุ์ กรรณากำลังเปิดแฟ้มภาพในคอมแล็ปท็อปของณัฐเดช ข้างในมีภาพศพของพิสมรที่ถ่ายเอาไว้จากจุดเกิดเหตุ ในมุมต่างๆ ตลอดจนรายละเอียด
ณัฐเดชทอดสายตามองไปรอบๆแล้วบอก
"แม่บ้านพิสมร แม่บ้านประจำตัวของคุณพิมพ์พิลาศ เราพบศพของเธอที่ไซต์ก่อสร้างแห่งหนึ่งย่านคลองหลวง ตอนที่เราพบ น่าจะเสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่าสองวัน"
เมื่อณัฐเดชและวรวรรธเดินเข้าไปในจุดเกิดเหตุ ในรถแท็กซี่ พบศพพิสมรนอนหน้าหงายพิงเบาะอยู่ที่ที่นั่งด้านหลัง ณัฐเดชเข้าไปมองใบหน้าของพิสมรที่ช้ำเน่าช้ำหนอง รู้สึกคุ้นๆตาในทีแรก แต่เมื่อพินิจแล้ว ในที่สุด ณัฐเดชก็จำขึ้นมาได้ ตาโต
เนตรสิตางศุ์ถาม
"ฆาตกรรมเหรอคะ"
"สภาพศพ ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ขัดขืนเลย มันเหมือนกับป้าพิสมรนั่งหลับแล้วก็จากไป"

ขณะที่หมอวรวรรธซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ กำลังสำรวจส่วนต่างๆ ของร่างกายพิสมร เช่น ต้นคอ ต้นแขน มือ ขา ที่ไม่มีร่องรอยผิดปกติใดๆ จนกระทั่งมาจบที่มือทั้งสองข้างของพิสมรที่กำเกร็งแน่น ไม่ยอมปล่อย
วรวรรธ แปลกใจ ทำไมมือกำเกร็งแน่น แบบไม่ทราบสาเหตุ...
ลีจองกุ๊กนั่งให้ก้องฟ้าทายาที่ต้นคอ เข้ามาดูรูป
"ป้าพิสมรเหรอ"
"มีอะไร" จุนจีถาม
"ก็สองสามวันก่อน...เขาเพิ่งจะโทรมาขอคุยกับนายอยู่เลยจุนจี เขาบอกว่ามีเรื่องด่วนมาก แต่นายกำลังจะไปกองละคร ป้าเขาก็บอกว่าจะมาหานายที่กองถ่าย แล้วเขาก็ไม่มา"
"แล้วทำไมนายไม่บอกชั้น"
"ก็...ตอนนั้น นายงอนชั้นอยู่อ่า"
วรวรรธบอก
"เป็นไปได้ว่าวันที่ป้าพิสมรเสียชีวิตก็อาจจะเป็นวันนั้น"
"ถ้าสมมุติว่าคุณย่าของคุณถูกฆาตกรรม ก็เป็นไปได้ว่า ป้าพิสมรอาจจะถูกฆาตกรรมด้วย ในฐานะที่เป็นคนสนิท และเป็นคนเดียวที่ยืนกรานว่า สาเหตุการเสียชีวิตของคุณพิมพ์พิลาศไม่ใช่อุบัติเหตุ" ณัฐเดชบอก
"ตายล่ะ...แบบนี้มันจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องหรือเปล่า" กรรณาว่า
"ป้าคนนี้ตาย เพราะเขากำลังเดินทางจะมาบอกความจริงผม งั้นเหรอ..ถ้าอย่างนั้น..."
"คุณผู้จัดการดารา ผมต้องขอโทรศัพท์ของคุณมาดูเวลาที่คุณพิสมรโทร.หาคุณด้วยครับ มันคือหลักฐานพยานอันนึง ที่จะช่วยเรา" ณัฐเดชบอก
กรรัมภาบอก
"ตกลง...พี่ณัฐเป็นเจ้าของคดีนี้เหรอคะ เยี่ยมไปเลย"
"เดี๋ยวนะๆๆ ไม่มีอะไรเยี่ยมหรอกนะแก้ม เพราะมีศพใหม่มาให้หมอวรวรรษชันสูตรอีกด้วย" เนตรสิตางศุ์ว่า
จุนจีใบหน้านิ่งคิดจนได้คำตอบว่า ไม่ควรจะมาทำนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
"ตำรวจก็สืบในส่วนของตำรวจ ผมก็สืบในส่วนของผม ส่วนคุณแก้ม คุณก็ต้องมาเป็นส่วนหนึ่งของผมด้วย" จุนจีบอก
กรรัมภาตกใจร้อง "ห้า!"
ทุกคนตกใจตามไปด้วย
"คุณต้องมาเป็นส่วนหนึ่งของผม คิๆๆ ส่วนหนึ่งในชีวิตหรือเปล่า" ก้องฟ้าพูดขำๆ
วรวรรธมองหน้าณัฐเดชประมาณอะไรกันวะ! งง
"แก้ม...มานี่ๆ"
กรรณาดึงกรรัมภาแยกออกมา อีก 2 สาวตามไปด้วย
กรรณาพูดเสียงเบาลง
"ป้าคนนี้เสียชีวิตเพราะพยายามจะช่วยคุณพิมพ์พิลาศ แล้วถ้าแกเข้าไปยุ่งด้วย ชั้นว่ามันจะอันตรายเกินไป"

เนตรสิตางศุ์บอก

"ชั้นเห็นด้วย ปล่อยเป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายเถอะ"

"แต่"
สุคนธรสย้ำ
"ไม่มีแต่!"
สุคนธรสเผลอเสียงดัง จุนจีที่มองมาสบตากับกรรัมภา แล้วเขาก็ทำท่ากดดัน เครียด แต่เธอกลับมองว่าน่าเอ็นดูสุดๆ
"พวกแกดูสิ... จุนจีไม่มีใครแล้ว เขากำลังขวัญเสีย โดดเดี่ยวและอ่อนแอมาก แต่ต้องเต๊ะท่ากลบเกลื่อน ผู้จัดการส่วนตัวนั่น สมองก็ดูจะมีแต่ลม แล้วชั้นจะทอดทิ้งจุนจีในเวลาอย่างนี้ได้ยังไง"
สุคนธรสถาม
"แก้ม...ไหนว่าไม่รักแล้วไง เกลียดเขาแล้วไง ทำไมเปลี่ยนง่ายจัง แค่เขามาง้อแป๊บเดียวเอง หยุดเพ้อได้มั้ย นี่มันของจริง เจ็บจริง ตายจริงนะ"
"แล้วพวกแกล่ะ ทำไมเปลี่ยนง่ายเหมือนกัน ทีแรกมาบีบให้ชั้นรับเคสนี้ อยากได้ค่าจ้างสามเท่าสี่เท่า อยากโกอินเตอร์ แต่ตอนนี้จะมาห้ามกัน"
กรรณาบอก
"ก็ตอนแรก นึกว่าแค่เรื่องผีนี่ยะ ไม่นึกว่า จะมีฆาตกรไล่ฆ่าคนอีกด้วย"
"ตอนนี้ ชั้นกับจุนจี เราไม่ใช่อยู่ในฐานะแค่แฟนคลับกับศิลปินอีกต่อไปละ"
กรรัมภาตาเป็นประกายบอก
"เราเป็นมากกว่าเพื่อน มากกว่าแฟน มากกว่าคนรัก มากจนระบุสถานะกันไม่ได้... เขาคือกำลังใจ ที่ทำให้ชั้นผ่านช่วงเวลาร้ายๆมาได้ แค่คิดว่าจะได้ทำอะไรเพื่อจุนจี ชั้นก็มีความสุขแล้ว จุนจีเป็นองค์บร๊ะศาสดาที่ชั้นต้องชาบู พวกแกเข้าใจมั้ย"
สามสาวโพล่งพร้อมกัน
"ไม่เข้าใจ"
จุนจีเดินสีหน้าจริงจังเข้ามา ไม่สนใคร ดึงมือกรรัมภามาหน้าตาเฉย
"คุณแก้ม...คุณว่า ผมควรจะทำอะไรต่อไปดี"
กรรัมภาตกอยู่ในภวังค์ มองจุนจีจนตาไม่กระพริบ
"ก่อนอื่น...ชั้นจะต้องไปบ้านคุณย่าคุณค่ะ"
เพื่อนๆ ตกใจ "เฮ้ย" แล้วส่ายหัว กรรัมภายิ้มให้จุนจีแบบเสียจริต
ณัฐเดชกระแอมขัดจังหวะ หมอวรวรรธเห็นว่า ทั้งคู่ยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวเลยตัดสินใจเดินผ่ากลาง ทำทีเดินไปหาเนตรสิตางศุ์ วรวรรธชนมือของจุนจีกับกรรัมภาจนมือหลุดจากกัน
"หา"
เนตรสิตางศุ์ตามไม่ทัน เมื่อวรวรรธแอบจับมือเธอแบบเนียนๆ

เช้าวันใหม่ ที่บ้านเนตรสิตางศุ์ ณัฐเดชเดินมาที่โต๊ะอาหาร น้องสาวนั่งรอพร้อมอาหารเต็มโต๊ะอยู่แล้ว
"เนตร! เมื่อคืนนอนดึกขนาดนั้น ยังตื่นมาทำอาหารเช้าให้พี่อีกเหรอคะ ไม่พักผ่อนให้เต็มที่เหรอคะ"
เนตรสิตางศุ์หยิบแจ็กเก็ตสวมให้ณัฐเดชระหว่างคุยกัน
"เนตรไม่เหนื่อยค่ะ...ยิ่งเห็นพี่ณัฐทำงานหนักขนาดนี้ เนตรต้องดูแลพี่ชายคนขยันคนนี้ให้สุดๆเล้ย"
"จ้า...พี่ทานล่ะนะ"
ณัฐเดชกำลังตักอาหารเข้าปาก มือถือดัง มีข้อความเข้า เขากดอ่าน เป็นข้อความจากสุพิชชา - “พิชกำลังไปหาที่บ้านนะคะ” ณัฐเดชตกใจ
"วันนี้เนตรทำซุปหมูพะโล้รสกาแฟวาซาบิเชียวนะคะ"
"เนตร...แป๊บนะคะ"
ณัฐเดชรีบกดโทรกลับไป แล้วเดินแยก ไม่อยากให้น้องสาวได้ยิน เนตรสิตางศุ์ผิดสังเกต
" รอผมอยู่ตรงนั้นแหละ ผมกำลังจะไปหาคุณแล้ว..นะครับ..เชื่อผมนะ"
ณัฐเดชวางสายเดินกลับมา อ้ำอึ้งที่ไม่ได้ทานอาหารฝีมือน้องสาวที่อุตส่าห์ทำให้
"ยัยน้องหนู"
เนตรสิตางศุ์จ้องตา จับผิดพี่ชาย
"ดูก็รู้ไม่ใช่เรื่องงาน ใช่มั้ยคะ"
"เรื่องงาน จริงๆ เอ่อ...ไอ้หมอวรรธ มันโทร.มาบอกว่า พบเบาะแสการเสียชีวิตของป้าพิสมรแล้ว พี่เลยต้องรีบไป"
พี่ณัฐคะ ตอนนี้คุณหมอกำลังผ่าศพคดีอื่นอยู่ค่ะ เนตรเพิ่งวางสายเมื่อกี้นี้เอง พี่ณัฐคะ เดี๋ยวนี้พี่น่ารักน้อยลงนะคะ"
ณัฐเดชอึกอัก ตัดบท
"เอ่อ พี่สายมากแล้ว ไปก่อนนะ"
ณัฐเดชรีบชิ่งหนีออกไป เนตรสิตางศุ์นิ่งมองอาหารบนโต๊ะ เริ่มไม่พอใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตั้งแต่คบสุพิชชา

ณัฐเดชขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่ง รีบลงจากรถ จะรีบเข้าไปหาสุพิชชา แต่อยู่ๆมือถือของณัฐเดชดังขึ้นก่อน
"พี่มาถึงแล้วค่ะ กำลังเดินเข้าไปนะคะ...อะ อ้าว ไอ้ติณห์"
ติณห์เป็นคนโทร.มาจากรีสอร์ต ญาณินยืนอยู่ใกล้ๆ
"พูดคะขาด้วย นึกว่าสาวที่ไหนโทร.มาเหรอ...ไอ้ศาลาวัด"
"มีธุระอะไรว่ามาไอ้ฝรั่ง"
ณัฐเดชพูดโทรศัพท์ไปพลางรีบเดินไปพลาง
"ชั้นอยากปรึกษาแกเรื่องที่อยากให้ช่วยสืบประวัติคนๆนึงน่ะ ถ้าสมมติว่ารูปที่ถ่ายมา มันเบลอ...แบบหน้าเบี้ยวๆเป็นเส้นๆ...แกจะสืบหาได้ป่ะ"
"หน้าเบี้ยวแค่ไหน เห็นหน้าตาจมูกปากมั้ย"
ติณห์มองไปที่ญาณินซึ่งกำลังชูรูปให้ดู
"เห็นตาข้างหนึ่ง จมูกกะปากไม่เห็น"
"แล้วแกจะให้ชั้นสืบจากตาข้างเดียว จะบ้าเหรอไอ้ฝรั่ง แค่ถ่ายรูปให้มันชัดๆ แค่ถ่ายรูปมา มันยากตรงไหนเหรอวะ"
"ก็ตอนถ่ายมันก็ชัดดี แต่พอมากดดูมันเบลอเอง เป็นทุกรูปเลย ไม่รู้เป็นได้ไง"
"ถ้างั้นก็เอารอยนิ้วมือมาก็ได้ แต่ต้องมีอะไรมาให้ชั้นบ้าง"
แล้วอยู่ๆ สุพิชชาก็เดินเข้ามา
"จะให้รออีกนานแค่ไหนคะพี่ณัฐ"
ติณห์ชะงัก ได้ยินเสียงผู้หญิง
"เสียงผู้หญิง..แน้ๆๆ แกมีเดดกะผู้หญิงจริงๆด้วย แน้ๆๆ"
ญาณินถลาเข้ามาใกล้ ร่วมแซวด้วยอีกคน
"พี่ณัฐมีสาวเหรอ!"
ติณห์กับญาณินประสานกันแซว... "แน้ๆๆ"

"ไม่ต้องพูดมาก ถ้าจะให้ชั้นช่วยก็ไปเอารูปถ่ายหรือรอยนิ้วมือมาให้ได้ แล้วค่อยโทร.หาชั้น" ณัฐเดชตัดสาย แล้วหันมายิ้มให้สุพิชชาที่ยืนอยู่ แต่เธอหน้าบึ้ง อารมณ์ไม่ดี งอน

สุพิชชาเดินงอนกลับเข้ามาที่โต๊ะ บริเวณสวนเอ้าท์ดอร์ของร้านอาหาร ณัฐเดชตามมาง้อ

"พีช...ทำไมต้องงอแงด้วยล่ะคะ ก็พี่บอกแล้วไงว่าจะมาหา พี่ก็ต้องมาสิ"
"พีชนั่งรอพี่มาเกือบชั่วโมง"
"พี่ก็รีบที่สุดแล้วนะคะ"
"ค่ะ พีชกราบขอบพระคุณพี่ณัฐมากนะคะ ที่อุตส่าห์เจียดเอาเวลาเหลือๆแบ่งมาให้พีช พีชรู้สึกว่าตัวเองสำคัญและมีค่ามากๆเลยค่ะ"
"พีช อย่าประชดสิ พีชก็รู้ว่า พีชสำคัญกับพี่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
"เหรอคะ"
"พี่พูดจริงๆนะ"
"อะไรคะที่แสดงว่า พีชสำคัญกับพี่ณัฐ คือการที่พี่ต้องโกหกทุกๆคน เพื่อออกมาหาพีชงั้นเหรอคะ" สุพิชชาน้ำตาไหล ณัฐเดชจะจับตัวปลอบ
"พีช อย่าร้องไห้สิคะ ให้เวลาคนอื่นบ้าง"
สุพิชชาไม่ยอมให้จับ อารมณ์ปรี๊ดซะงั้น
"ถ้าการคบพีชเป็นเรื่องผิดบาปและน่าอับอายมากขนาดนั้น ก็อย่ามาคบกับพีชเลย จริงๆ พี่ณัฐไม่น่ามาช่วยพีชเลย น่าจะปล่อยให้พีชตายๆไปซะ อยู่ไปก็มีแต่คนรังเกียจ"
อยู่ๆ สุพิชชามีอาการปวดหัวจี๊ดขึ้นมา แบบคนที่มีความเครียดขึ้นสมอง
"โอ๊ย!"
"พีช เป็นอะไร"
"ปล่อย ไม่ต้องมายุ่ง โอ๊ย ปวดหัว ปวดมาก...ฮือๆ"
สุพิชชาปวดหัวรุนแรงแบบเครียดจัด ใกล้สติหลุด ณัฐเดชพยายามจะเข้าไปประคองดูแล แต่เธอปัดออก ไม่ให้แตะตัว แล้วเทยากล่อมประสาทและแก้ปวดหัวออกมาสองเม็ด
"พีช ยาอะไรพีช"
"ยาแก้ปวดหัว"
"พีชอย่ากินเลย ยากล่อมประสาทใช่ไหม"
เธอตบยาเข้าปากอย่างเร็ว ณัฐเดชไม่ทันห้าม
สุพิชชาตวาด
"ยาแก้ปวดหัว พีชปวดหัว"
"พีช..."
สุดท้าย ณัฐเดชก็ตื๊อจนสามารถโอบกอดสุพิชชาเอาไว้จนได้
"พี่ขอโทษพีช พี่ขอโทษ"

บ้านพักรับรองที่รีสอร์ต ญาณินกำลังใช้ผ้าเช็ดหูโทรศัพท์ ด้วยสีหน้ามั่นใจมากๆ
"ลบรอยเก่า รอยใหม่จะได้ชัดๆ"
ญาณินค่อยๆวางหูลงที่เดิม ติณห์ใช้ผ้าเช็ดหน้าประคองแก้วน้ำใบหนึ่งชูขึ้นมา สีหน้ามั่นใจไม่ต่างกัน
"ใสกิ๊ง พร้อมรองรับลายนิ้วมือทั้งห้าแล้ว หึๆๆ"
ติณห์ค่อยๆ วางแก้วน้ำลง บริเวณโต๊ะที่มีเหยือกน้ำดื่มวางอยู่ด้วย
"ทำตามแผนที่ชั้นบอก อย่าให้พลาดจนถูกจับได้ก็แล้วกัน...คุณหลวงคะ ถ้าจำเป็นก็จัดการตามที่หนูบอกได้เลยนะคะ"
"อะไร เตี๊ยมอะไรกับแกรนด์ปา ทำไมผมไม่รู้"
โกลเดนเบบี๋พรวดเข้ามา
"เบญจามาแล้ว"
หลวงพิชัยภักดีพรวดตามมา
"รีบไปประจำที่ของเอ็งเร็ว!"
หลวงพิชัยภักดีถีบติณห์ให้ผวาลงไปนอนบนโซฟา คลุมผ้า แกล้งป่วยมีไข้ ตัวสั่นงันงก
"แกรนด์ปา...เบาๆหน่อย"
"จะได้สมจริงไงวะ ไอ้ติณห์"
ญาณินตามเข้าไปประคองดูแล
"ติณห์คะ...คุณเป็นอะไรไปนี่ ตายแล้ว ไข้คุณสูงมาก 42องศาแล้ว คุณต้องช็อกแน่ๆ"
เบญจาเดินเข้ามาพอดี
"พี่ติณห์ไม่สบายเหรอคะ"
"น้ำ...น้ำ ผมหิวน้ำ"
"น้ำเหรอคะ ได้ค่ะๆ เบญจา เธอช่วยเทน้ำดื่มมาให้ติณห์หน่อยสิ อยู่ตรงนั้น"
"ค่ะๆๆ"
ติณห์กับญาณินแอบมองลุ้นให้กันว่า ต้องสำเร็จแน่ๆ
"น้ำค่ะ"
แต่มือที่ยื่นแก้วน้ำมา เบญจาสวมถุงมืออยู่ด้วย
"ขอบใ..จ.." ญาณินเห็นเบญจาสวมถุงมือก็ตกใจ
"อ้าว เธอสวมถุงมือทำไม"
"ก็ตอนที่พี่ณินเรียกมา หนูทำงานบ้านให้คุณแม่อยู่ รีบเอาน้ำให้พี่ติณห์สิคะ"
"อ้อ จ้ะๆๆ" ญาณินกำลังจะป้อนน้ำให้ติณห์ แต่ชะงัก วกมือกลับ
"ไม่ได้..น้ำแก้วนี้อาจติดเชื้อโรคที่มากับถุงมือ เธอถอดถุงมือ แล้วไปหยิบแก้วใหม่มา"
"หนาว หิวน้ำ"
"ไปหยิบแก้วใหม่มาเร็ว!"
"ค่ะๆๆ"
เบญจารีบถอดถุงมือ แล้วไปหยิบแก้วใหม่มาเทน้ำ หลวงพิชัยภักดีและโกลเดนเบบี๋ยืนมองลุ้น เบญจาเหลือบตามองทั้งคู่แว้บหนึ่ง เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทำหน้านิ่งเป็นปกติ
"มาแล้วค่ะๆๆ"
เบญจาท่าทางรีบร้อน แล้วก็สะดุด ทำแก้วหกใส่ติณห์เต็มๆ แก้วตกแตก ติณห์เผลอตัว กระเด้งพรวดจากโซฟา
"เฮ้ย ว้อทท์ เดอะ..."
หลวงพิชัยภักดีรีบใช้มือปิดปาก ปิดจมูกติณห์ เขาตาเหลือก ดีดดิ้น ทุรนทุรายมาก ดูแล้วอาการหนัก
"พี่ณิน เดี๋ยวหนูกวาดเศษแก้ว"
"ติณห์...ติณห์อาการหนักมากแล้ว เบญจา โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลเร็วๆ"
"ค่ะๆๆ"
เบญจาจะใช้โทรศัพท์ที่เรือนรับรอง หลวงพิชัยภักดีและโกลเดนเบบี๋ตามมาสังเกตเหมือนเดิม เธอหยุดกึก ชักมือกลับแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากด ญาณินอึ้ง!
ญาณินกับโกลเดนเบบี๋โพล่งพร้อมกัน
"มีมือถือด้วย"
"ค่ะ คุณแม่เพิ่งซื้อให้ จะได้ตามตัวหนูได้ง่ายๆ"
"ไม่เอา ไม่ต้องใช้มือถือโทร ใช้เครื่องโทรศัพท์บ้า..น"
เบญจาร้องดัง
"ระวังเหยียบแก้วค่ะ!"
ญาณินสะดุ้ง ถอยไป
"เดี๋ยวหนูไปหยิบไม้กวาดมากวาดเศษแก้วนะคะ..."
จังหวะนั้นมีคนรับสาย
"ฮัลโหล โรงพยาบาลเหรอคะ ต้องการรถพยาบาลค่ะ"
เบญจาคุยโทรไป เดินไปจับลูกบิดเปิดประตูออกไปนอกบ้าน เพื่อไปหยิบไม้กวาด
ติณห์ ญาณิน หลวงพิชัยภักดี โกลเดนเบบี๋เซ็ง
"กะอีแค่รอยนิ้วมือ ทำไมมันยากเย็นอย่างนี้นะ ฮึ่ม!"
"แล้วจะทำยังไงต่อดีเจ๊"
"ไม่ต้องทำอะไร เพราะ เราได้รอยนิ้วมือยัยเบญจาแล้ว! หึๆ ฮะๆๆ"
ทุกคนงง...หือ ส่งสายตาตั้งคำถามว่า... ได้มายังไง เมื่อไหร่ หือ
ญาณินยิ้ม มองไปที่ประตู

อรวรรณเพิ่งกลับมาจากจ่ายตลาด กำลังพูดโทรศัพท์กับทนายสมชาติ
"ถึงบ้านแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่พาไปจ่ายตลาด ถ้าเย็นนี้ว่างๆ คุณทนายสมชาติ อุ๊ย ลืมตัวอีกแล้ว...พี่ชาติ ถ้าพี่ชาติว่างก็มาทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ"

อรวรรณหัวเราะคิกคัก ใช้มือจะเปิดประตูด้วยความเคยชิน แต่ต้องเอะใจ ชะงัก ก้มมองดู พบว่า ลูกบิดหายไป ประตูเป็นรูโบ๋ อรวรรณมองอย่างงงๆ และแปลกใจ

ณัฐเดชเดินเข้ามาในสำนักงานตำรวจ และยังคิดถึงคำพูดของสุพิชชาที่ปรี๊ด ตัดพ้อจนความเครียดขึ้นสมอง ระหว่างที่เขากำลังจะเข้าห้องส่วนตัว มีตำรวจหญิงคนหนึ่งมาเรียกไว้ และยื่นกล่องให้
 
"สารวัตรคะ พัสดุด่วนส่งมาจากกาญจนบุรีค่ะ"
เขาเปิดกล่องพัสดุ หยิบถุงพลาสติกออกมาจากกล่อง ภายในบรรจุลูกบิดประตูที่มีรอยนิ้วมือเบญจาอยู่
"ผมฝากคุณเอาไปให้ฝ่ายพิสูจน์รอยนิ้วมือที บอกว่าผมขอทราบผลด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้ นะครับ"
"ค่ะ"

หน้าบริษัทซิกส์เซนส์ กรรัมภาสวมหมวกปีกกว้าง ใส่แว่นดำ ยืนกางร่มแบบมีระบายๆ แต่งตัวโอเว่อร์จัดเต็ม แล้วรถตู้ของจุนจีก็แล่นมาจอด ลีจองกุ๊กในชุดสูท สวมแว่นดำดูลึกลับ ชะโงกหน้ามากวักมือเรียก
"คุงแก้มคับ มาๆๆ"
กรรัมภารีบไปขึ้นรถตู้

ภายในรถตู้ จุนจีนั่งกึ่งนอนอยู่ด้านในสุด ภายในรถถูกโมดิฟายเป็นโซฟาหรูหรานั่งสบาย สองด้านหันหน้าเข้าหากัน จุนจีสวมแว่นดำ ยกเท้าพาดที่วางเท้าซึ่งชี้ไปทางกรรัมภา เธอนั่งมองเท้าสลับกับมองหน้า ข้องใจว่า..ทำไมมันไม่เงยหน้ามาคุยกันเลย
ลีจองกุ๊กถาม
"คุงแก้มคับ...ก่อนที่เราจะไป คุณช่วยอธิบายให้จุนจีฟังคร่าวๆทีสิ ว่าคุณจะช่วยจุนจียังไง วิธีไหน ทำไมถึงจำเป็นต้องไปบ้านคุณย่าของจุนจี"
"แค่พาชั้นไป เดี๋ยวก็รู้เอง"
"ไม่ได้ๆๆ คุณต้องบอกให้ชัดเจน ไม่งั้น จุนจีไม่มีทางให้คนนอกอย่างคุณไปรู้เรื่องราวญาติพี่น้องฝั่งไทยแน่"
"แต่เขาไม่เห็นจะอยากรู้เลย"
"คุณตอบไปเถอะ เขาฟังอยู่"
กรรัมภาถอดหมวกของตัวเองเขวี้ยงใส่ จุนจีสะดุ้ง ตกใจ
"เฮ้ยๆ"
จุนจีลุกพรวดชนเพดานรถตู้ แล้วเซชนนั่นนี่ ก่อนจะล้มนั่ง
"โอ๊ย! นี่ ยัยเพี้ยน ทำอะไรของเธอ"
"จะให้ชั้นช่วยก็กรุณาให้เกียรติและมีมารยาทกับชั้นด้วย"
"นี่!"
"ทำไม"
"เก็ตเอ้าท์!"
"แน่ใจนะ..อาร์ ยู ชัวร์"
จุนจีอึกอัก
ลีจองกุ๊กบอก
"คาม ดาวๆ..จุนจี คุณแก้มเขามาช่วยเรานะ"
"เราจ้างเขาต่างหาก"
"คิดว่าชั้นอยากได้เงินของนายเหรอ ดูนี่"
กรรัมภาชี้หัวจรดเท้าตัวเอง
"ปารีสแฟชั่นวีคยังอาย"
"จุนจี...ขอนะ ขอๆ"
จุนจีฉุนๆ หมั่นไส้ๆ ยอม
"ขอโทษ"
"คุณกรรัมภาครับ ผมขอนะ ขอๆๆ"
กรรัมภาเอนหลังลงโซฟาด้านตรงข้าม ทั้งคู่จ้องหน้ากัน จิ๊จ๊ะในลำคอ หมั่นไส้กันและกัน วางท่า กวนประสาทใส่กัน กรรัมภายกเท้าไขว้ จุนจีก็ไขว้ตาม กรรัมภาสลับเท้าไขว้ จุนจีก็ทำตามอีก ไม่ยอมกันเลย
ลีจองกุ๊กนั่งกับพื้นตรงกลาง
ลีจองกุ๊กสั่งเสียงอ่อย
"ออกรถได้"

รถตู้แล่นผ่านไปอีกด้าน ทั้งคู่ยังคงนั่งกวนประสาทกัน
"สรุปว่าพวกคุณแต่ละคนมีความสามารถพิเศษแตกต่างกันไป แล้วตัวคุณเองล่ะ...มีความสามารถพิเศษอะไร"
กรรัมภายกมือขึ้นมา กระดิกนิ้วจะพรีเซนต์ฝ่ามือ
"ชั้น ... มือของชั้นสามารถ..."
"ปล่อยแสงได้" จุนจีหัวเราะคิกคัก
"ชั้นรู้อดีตได้จากการสัมผัสย่ะ"
จุนจีขำๆ
"หัวเราะอะไร ชั้นไม่ใช่ตัวตลกนะ"
จุนจียักไหล่ ทำท่าว่าก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่ยังพยายามสะกดขำอยู่
กรรัมภาหมั่นไส้ กัดริมฝีปากล่าง
"ไม่เชื่อใช่มั้ย..ได้..เดี๋ยวสวย"
กรรัมภาถอดถุงมือออก แล้วเข้าไปตะปบข้อเท้าของจุนจี
เธอสัมผัสเห็นจุนจีนอนบนเตียง มีผ้าคลุมช่วงท้องและขา หมอกำลังเอาปากกามาร์คจุดที่จะผ่าตัดที่บริเวณข้อเท้า และวาดเป็นลูกศร 2 อัน ชี้แยกออกจากกัน แบบว่าจะยืดกระดูกให้สูงขึ้น ก่อนจะเอาโครงเหล็กมายึดติดกับขาเพื่อยืด
"นายเคยผ่าตัดยืดกระดูกขา!"
จุนจีตกใจ ชักเท้าหนี
"เฮ้ย!"
"ไหนนายเคยให้สัมภาษณ์ว่าที่ตัวสูงก็เพราะชอบเล่นบาสมาก แล้วที่นายไปเป็นพรีเซนเตอร์ดื่มนมเพิ่มความสูงก็โกหกสิ"
"หยุดๆๆ นี่เป็นความลับสุดยอดของซุปเปอร์สตาร์ พูดไม่ได้!"
"ชั้นจะพูดๆ"
ลีจองกุ๊กพยายามจะปิดปากกรรัมภา แต่เธอไม่ยอมให้ปิด พยายามดิ้นหลบ แล้วมือบังเอิญไปจับที่หน้าของลีจองกุ๊กเต็มๆ
เธอสัมผัสเห็นลีจองกุ๊กนอนให้หมอทำการร้อยไหมที่หน้า
"ฮ้า แน่ใจนะว่า ผ่านการร้อยไหมที่หน้ามาแล้ว"
"เฮ้ย!!! ไม่จริ๊ง นี่หน้าธรรมชาติ ไม่ได้ผ่านการทำใดๆเล้ย"
กรรัมภาจับหมับไปที่กล้ามแขนลีจองกุ๊ก
เธอสัมผัสเห็นลีจองกุ๊กเบ่งกล้ามที่หน้ากระจก บนแขนมีรอยสักว่า JUN JEE
"นายชอบยืนเบ่งกล้ามหน้ากระจก ภูมิใจในรูปร่างตัวเองเหลือเกิน ยิ่งกว่านั้น แขนขวานายยังมีรอยสักชื่อจุนจีด้วย" 

ลีจองกุ๊กตกใจ"เฮ้ย"
 
อ่านต่อหน้า 2

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 8 (ต่อ)

จุนจีถามจองกุ๊ก

"จริงเหรอไอ้กุ๊ก"
ลีจองกุ๊กตกใจเข้าไปอีก"ห๊า"
"ชั้นไม่เห็นรู้เลยว่า แกสักชื่อชั้นไว้บนแขนของแก"
"เออ...ก็"
จุนจีกระเด้งตัวกลัวๆ จองกุ๊ก
"เฮ้ย... แก แกคิดอะไรกับชั้นหรือเปล่าวะไอ้กุ๊ก"
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณจุนจีคะ คุณจองกุ๊กเค้าเป็นแมนร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ที่เขาสักชื่อคุณเพราะเขาศรัทธาในตัวคุณต่างหาก อย่าคิดอกุศล"
"คุณรู้ได้ไงว่ามันเป็นแมน100%"
แล้วทันใด รถเบรกหัวทิ่ม ทั้งหมดเซถลา..โครม! ทั้งหมดล้มทับกัน ระเนระนาด จุนจีผละออกมาคนแรก แล้วก็ตาโตเพราะเห็นว่า มือข้างที่ไม่มีถุงมือของกรรัมภาแตะอยู่ตรงก้นของลีจองกุ๊กพอดี
"มือคุณ"
กรรัมภาตาโต ตกใจมากๆกับภาพที่เห็น
"ฮ้า นี่ คุณ..."
จุนจีอยากรู้รีบถาม
"คุณเห็นอะไร"
ลีจองกุ๊กรีบห้าม เสียงดัง
"อย่าพูดออกมา อย่าเชียวนะ อย่า!"
กรรัมภาปิดปากตัวเอง ตื่นตกใจมากๆๆ เธอรีบชักมือออก
"เออ...เอาเป็นว่าชั้นยืนยันว่า คุณกุ๊กเป็นแมนเต็มตัวแน่นอน"
แล้วก็มีเสียงแฟนคลับดังมาจากด้านนอกรถ เรียก "จุนจีๆๆ"
จุนจีเอะใจ ถามคนขับรถ
"เกิดอะไรขึ้น"
"เสียใจด้วยครับ คนไทยทั้งประเทศไม่อนุญาตให้คุณไปต่อ"
ด้านหน้ากระจกรถกลุ่มแฟนคลับรวมตัวกันขวางถนนเอาไว้ แฟนคลับจำนวนหนึ่งยืนเกี่ยวแขนกันเป็นกำแพงมนุษย์ขวางรถตู้เอาไว้ แต่ละคนหน้าตาอารมณ์แบบหึงหวงซูเปอร์สตาร์เกาหลีสุดๆ จุนจีสยอง
"มา...มาได้ยังไง"
กลุ่มแฟนคลับ ที่คล้องแขนกันสร้างกำแพงมนุษย์ มีปาริฉัตรเป็นแกนนำ โผล่ขึ้นมายืนด้านหน้าสุด พูดโทรโข่งประกาศให้ทุกคนได้ยิน
"ปาร์คจุนจี...เรารู้ว่าคุณอยู่ในรถตู้คันนั้น อย่าขัดขืน แล้วออกมามอบตัวซะดีๆ เราสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคุณกับคนที่คุณแอบลักลอบคบอยู่"
ทุกคนในรถ งง
"คนที่ลักลอบคบอยู่ ใคร"
จุนจี จองกุ๊ก หันมามองกรรัมภา
"เฮ้ย ไม่จริงๆ"
ปาริฉัตรยังคงพูดต่อในฐานะแกนนำแฟนคลับ ปาร์คจุนจี
"อย่าปฏิเสธ เรามีหลักฐาน"
ปาริฉัตรโชว์ไอแพดที่มีรูปตอนกรรัมภาขึ้นรถตู้
"สายของเราไม่เคยผิดพลาด จุนจีรู้มั้ยว่า คุณใจร้ายกับพวกเรามาก"
แฟนคลับต่างร้องไห้โฮ
"จุนจีใจร้าย ฮือ..."
"จะออกมาดีๆ หรือให้เราใช้กำลัง! ยังไงวันนี้พวกเราต้องรู้ให้ได้ว่า ใครที่ทำให้คุณยอมเบี้ยวนัดกองถ่าย แล้วมันยังคิดจะเอาคุณไปกกไว้คนเดียวอีก!"
กลุ่มแฟนคลับขยับขยายเข้ามารุมล้อมรถตู้ เคาะ และพยายามเขย่ารถให้เปิดออก ทั้งน้ำตา

ภายในรถ ลีจองกุ๊กปิดม่านรอบคันเรียบ รถสั่นๆๆ เพราะถูกทุบถูกเขย่าจากภายนอก มีเสียงแฟนคลับตัดพ้อร้องไห้แบบอกหักที่จับได้ว่า สามีเกาหลีนอกใจ
"ชั้นอุตส่าห์ปิดเป็นความลับสุดยอดแล้วนะ ยังรู้กันอีกได้ยังไงฟะ"
แฟนคลับคนหนึ่งเปิดหน้าต่างรถตู้ได้เพราะลืมล็อก ลีจองกุ๊กต้องรีบถลาไปพยายามจะปิด ยื้อแรงกับแฟนคลับ มีมือแฟนคลับยื่นทะลวงเข้ามาไขว่คว้า
"รู้จักแฟนคลับชาวไทยน้อยไป ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้เพื่อคนที่เรารัก"
"เป็นข่าวอีกแล้วสิเนี่ย" จุนจีว่า
"ชั้นว่าเราต้องออกไปแล้วล่ะ" ลีจองกุ๊กบอก
"ไม่ได้นะ จะให้จุนจีด่างพร้อยด้วยเรื่องผู้หญิงไม่ได้ ถึงผู้หญิงคนนั้นจะเป็นชั้นก็เถอะ...จุนจีต้องเป็นเหมือนเทพเจ้าที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ปราศจากเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ไม่อย่างนั้นคะแนนนิยมในตัวจุนจีจะลดลง ต้นสังกัดจะไม่ป้อนงาน ชั้นไม่ยอม"
"แล้วจะทำยังไง แฟนคลับล้อมไว้หมดอย่างนี้ ไม่มีทางรอดแน่ๆ"
"มันต้องมีสิ"

ในเวลาต่อเนื่องมา พวกแฟนคลับยังรุมทึ้งรถตู้
"จุนจีใจร้ายๆๆ"
ปาริฉัตรพูดโทรโข่ง
"ถ้าความจริงไม่เปิดเผย พวกเราอย่าหยุด เอาตัวผู้หญิงคนนั้นออกมาให้ได้"
แล้วก็มีตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา 2-3 คน เพื่อคุมสถานการณ์ เป่านกหวีดไล่ต้อนพวกแฟนคลับให้ถอยไปรวมด้านเดียวกัน
"ถอยครับ ถอยครับ"
"คุณตำรวจ นี่มันเป็นปัญหาระหว่างเหล่าแฟนคลับชาวไทยกับซุปเปอร์ไอดอลเกาหลี ตำรวจไม่เกี่ยว อย่ายุ่ง!" ปาริฉัตรพูดผ่านโทรโข่ง
"แต่นี่มันถนนสาธารณะ ผมต้องเปิดการจราจร หรือจะแจ้งข้อหากับพวกคุณทุกคน"
"ถ้าอย่างนั้น...ให้เขาเลื่อนรถชิดขอบทาง แล้วเชิญคนในรถลงมาให้หมด!"
พวกตำรวจยอม ตำรวจส่วนหนึ่งไล่ต้อนแฟนคลับ ตำรวจอีกคนไปโบกให้รถตู้ขยับ ระหว่างนั้น ประตูด้านคนขับเปิดแง้มๆออก จุนจีกับกรรัมภารีบแอบลงจากรถอย่างรวดเร็ว โดยจุนจีสลับเสื้อตัวนอกกับลีจองกุ๊กแล้ว ตำรวจคนนั้นเห็น
"เอ๊ะ"
จุนจีหันมา ทำมือจุ๊ปาก ทำหน้าขอร้องให้เงียบๆ ตำรวจส่ายหน้า ทำหน้าเครียด จับไหล่จุนจีไว้ ไม่ยอมให้ไป จุนจีหน้าซีด แล้วตำรวจก็ควักมือถือขึ้นมา ทำมือว่าขอถ่ายรูปคู่กับจุนจี แล้วถึงจะให้ไป จุนจีเซ็ง จำใจต้องยอมให้ถ่าย พอถ่ายเสร็จ ตำรวจยิ้มแป้นมา แล้วโบกมือให้จุนจีไปได้ แบบว่าช่วยเหลือจุนจีหลบหนีแฟนคลับเต็มที่
ปาริฉัตรมองมาที่รถตู้ว่า ทำไมตำรวจโบกนานแล้ว แต่รถไม่ขยับสักที
"ทำไมรถไม่ขยับสักที"
แล้วรถตู้ก็เปิดประตูออก ลีจองกุ๊กที่สวมเสื้อตัวนอกและแว่นตาของจุนจี ก้าวลงมาแอ๊บท่าว่าเป็นจุนจี พวกแฟนคลับแห่กันเข้าไปรุมล้อม
"จุนจี"
แต่ปาริฉัตรกลับตะหงิดๆ มองผ่านรถตู้ไปที่อีกด้าน เห็นหลังของจุนจีกำลังวิ่งมุดๆ ก้มๆ หลบไปตามรถที่ติดอยู่อย่างรวดเร็ว เป้ยจำสไตล์ทรงผมของจุนจีได้
"นั่น..นั่น จุนจีตัวจริงอยู่ทางนั้น"
พวกแฟนคลับผงะ จับลีจองกุ๊กถอดแว่นตา
"อันยองฮันเซโย"
"อย่าปล่อยให้จุนจีหนีไปได้ ตามไปเร็ว"
ปาริฉัตรนำทีมวิ่งไล่ตาม พวกแฟนคลับวิ่งตามกันเป็นพรวน
"จุนจี!"

ลีจองกุ๊กได้แต่ยืนมองภาวนา ขอให้รอดตายนะ จุนจี!

จุนจีวิ่งหนีมาแล้วชะงัก เพราะไม่ชินกับเส้นทาง ไม่รู้ควรหนีไปทางไหน

"ไปทางไหนต่อ"
จุนจีหันกลับจะไปถาม แต่กรรัมภาตามหลังมาห่างๆ เธอวิ่งช้าเพราะสวมรองเท้าส้นสูง
"วิ่งให้มันเร็วๆหน่อยได้มั้ย"
"แหกตาดูหน่อย รองเท้าชั้นมันยี่ห้อปราด้านะยะไม่ใช่ไก่กา"
"แล้วจะไปทางไหนต่อ"
"อืม ทาง...ทางนี้"
"ไปเร็ว"
"รอชั้นด้วย"
ปาริฉัตรวิ่งตามมาแต่ไกล
"จุนจี หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
จุนจีตกใจกลัวหนีไม่ทัน ตัดสินใจแบกกรรัมภาขึ้นบ่ามาเลย
"ว้าย แข็งแรงมาก"
ปาริฉัตรชะงัก เพราะเห็นว่า จุนจีอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหนีไป ทั้งรูปที่ถ่ายมา และขณะวิ่งหนีนั้น ล้วนแต่ไม่เห็นหน้ากรรัมภาทั้งสิ้น
ปาริฉัตรช็อก
"จุนจี จุนจีอุ้มผู้หญิง"
แฟนคลับที่วิ่งตามมา ทุกคนหน้าตาช็อกสุดๆหมด
"จุนจี ใจร้าย"
"ชั้นต้องรู้ให้ได้ว่ามันคือใคร..ตาม"
ปาริฉัตรและแฟนคลับไล่ตามต่อ
จุนจีอุ้มกรรัมภาวิ่งหนีมาทางด้านหนึ่ง
"ไปทางไหน"
กรรัมภาเพลิดเพลินกับการแบกของจุนจีอยู่ เขาโยนตัวเธอให้ลงมายืน
"ยัยเพี้ยน จะไปทางไหนต่อ"
"อืมๆๆ ทางนั้น"
กรรัมภาบอกทางเสร็จก็ชูมือ รอให้เขาอุ้มอีก เขาส่งมะเหงกให้
"วิ่งเองเป็นมั้ย"
"ชิ งั้นชั้นจะหยุดอยู่ตรงนี้ล่ะ ขี้เกียจวิ่งหนีแล้ว"
"เฮ้ย...ไม่ได้ พวกคุณเป้ยตามมาทัน ผมได้ลงหน้าหนึ่งแน่"
"ก็เรื่องของคุณสิ"
จุนจีหมดทางเลือก แบกเธอขึ้นบ่าอีกครั้ง
"จำเอาไว้...หนีพ้นพวกนั้นเมื่อไหร่ผมเอาคืนแน่"
"อึ๋ย...เถียงคำไม่ตกฟาก"
จุนจีเริ่มออกวิ่งหนีต่อ เธอเริ่มสำนึกได้ ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพไหน
"อ๊าย...แต่นี่ ชั้นฝันไปรีป่าว กิส ฟินแทนตัวเอง"

จุนจีวิ่งมามุมหนึ่ง เธอเห็นว่าอีกด้านนึงมีรถกระบะขนของ ที่มีผ้าใบ เธอเลยเปลี่ยนไอเดีย
"เดี๋ยวๆๆมาทางนี้ๆๆ"
จุนจีวิ่งไปที่รถกระบะ แล้ววางกรรัมภาลง
"ขึ้นไปๆๆ"
"อะไร"
"เชื่อชั้นเถอะน่ะ นอนลงด้วย...นอน"
กรรัมภาจัดให้จุนจีนอนราบไป แล้วตัวเองก็ลงนอนตาม แต่อยู่ๆก็ผุดขึ้นมานั่งอีกที เพราะกลัวไม่แนบเนียน เลยถือวิสาสะจับถอดรองเท้าจุนจีออกมาเอง
"จะทำอะไรกับไนกี้ลิมิเต็ดอิดิชั่นของผม!"
ไม่ทันขาดคำ กรรัมภาก็เขวี้ยงรองเท้าออกไปในบริเวณนั้น
"เฮ้ย รู้มั้ยว่านั่น..."
"นายได้ฟรีมาจากสปอนเซอร์จะเสียดายอะไร..นอนW
ทันใด ปาริฉัตรและ พวกแฟนคลับวื่งตามมา
"จุนจี"
ปาริฉัตรมองหาจุนจีไปรอบๆ แต่ไม่เห็น จนมาหยุดหงุดหงิดแถวรถกระบะ
"ไปทางไหนแล้ว"
แฟนคลับบอก
"นั่น รองเท้าจุนจี"
พวกแฟนคลับเข้าไปรุมรองเท้า ทุกคนจำได้ว่าของจริง
ปาริฉัตรพอเห็นรองเท้า ก็อนุมานเอาว่าต้องปีนข้ามรั้วไปแล้วรองเท้าหล่นแน่ๆ
"จุนจีปีนรั้วข้ามไปแล้วแน่ๆ พวกเราตาม"
ปาริฉัตรและพวกแฟนคลับปีนรั้วข้ามไป แต่ละคนทั้งถกกระโปรงปีนอย่างทุลักทุเล แต่ไม่มีใครย่อท้อหรือยอมใคร ทั้งคู่นอนตัวเกร็ง รอจนเสียงเริ่มเงียบ จุนจีจะโงหัวขึ้นมาแอบดู แต่กรรัมภารั้งไว้
"ชู่ว์"
แล้วอยู่ๆ เสียงรถก็สตาร์ทเครื่องดังมา รถเริ่มออกตัวออกไปและได้ยินทั้งสองคุยกันอยู่
"เราจะต้องนอนยังงี้ไปถึงเมื่อไหร่"
"เขาคงไปไม่ไกลหรอก เดี๋ยวรถติดไฟแดง เราค่อยแอบลงก็ได้"
"แล้วเมื่อไหร่รถจะติดสักที"

ภาพในจอทีวี เป็นภาพกลุ่มแฟนคลับ นำทีมโดยปาริฉัตร ยืนหงุดหงิดอยู่ที่บริเวณรถตู้จุนจี นักข่าวกำลังวิเคราะห์เมาท์ข่าวนี้กันอย่างคิกคัก
ภายในบริษัทซิกส์เซนส์ สุคนธรส กรรณา ก้องฟ้ายืนดูข่าว... นักข่าวสัมภาษณ์ปาริฉัตรที่สร้างภาพเป็นคนดีของสังคม
"คือเป้ยผ่านมาพอดี แล้วพบแฟนคลับของจุนจีรวมตัวกันข้างถนน แล้วพวกแฟนคลับจุนจีอยากให้เป้ยช่วยเคลียร์ปัญหาของเขากับจุนจีน่ะคะ"
"เคลียร์ปัญหาอะไรครับคุณเป้ย"
"พวกเขาฝากบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่มีสิทธิ์มาสวมปลอกคอให้จุนจี จุนจีเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นซุปเปอร์สตาร์ไอดอลเกาหลีของพวกเราทุกคน"
เสียงแฟนคลับโห่ร้อง
"จุนจีเป็นของเราๆ"
"เป้ยพยายามช่วยพวกเขาแต่ไม่สำเร็จ จุนจีหนีไปกับผู้หญิงนิรนามได้ค่ะ"
พวกสุคนธรสกังวลขึ้นมาทันที ตาก้องฟ้าชื่นชม
"จากข่าวนี้ ผมมั่นใจ หญิงไทยเกินหนึ่งล้านคน อยากกระโดดตบพี่แก้ม...ฮ่าๆๆ พี่แก้มสุดยอดไปเลย"
เจ้าที่บอก
"หญิงนิรนาม! ฮ่าๆๆ คุณแก้มได้ฉายาใหม่แล้ว"
"ยัยแก้มนะยัยแก้ม เพื่อนเตือนอะไรไม่เคยฟัง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะสมน้ำหน้าให้ ยัยเป้ยอีกคน ตอแหลสุดอ่ะ แหม...ทำเป็นช่วยเหลือแฟนคลับ แต่ที่แท้เป็นหัวหน้าแฟนคลับจุนจีซะเอง" สุคนธรสว่ากรรณากดโทรศัพท์
"ยัยแก้มไม่ยอมรับสาย เอาไงดี ตามไปช่วยยัยแก้มกันมั้ย"
"เดี๋ยว...ยังไม่ต้องไปช่วยใครที่ไหนไกล นู้น ช่วยคู่นั้นก่อนเถอะ"
สิ้นคำเจ้าที่ หมอวรวรรธ เนตรสิตางศุ์เดินขรึมๆเข้ามา
"คุณเนตร ผม ผมว่า ถ้าไม่จำเป็น เราอย่าไปเจอพี่ณัฐกับคุณพีชอีกเลย"

"นั่นน่ะสิคะ เนตรว่าแล้ว ขืนเจอบ่อยๆ คุณหมออาจจะลังเล"

"อะไรนะ คุณเนตรพูดอะไร"

"เนตรพูดในสิ่งที่อาจเป็นไปได้"
"มันไม่มีอะไรเป็นไปได้หรอก"
"ยัยตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ไปทำอะไรให้คุณหมอหนักใจอีกล่ะ"
"ไม่ใช่ความผิดของเราสองคนครับ ผมกะเนตรน่ะ คือพลเมืองดีที่ตกเป็นเหยื่อเต็มๆ"
"เราหนีไปด้วยกัน ไปให้ไกลแสนไกลเลย ดีไหมคะ"
เนตรสิตางศุ์ทิ้งตัวนั่งกอดอก ทำหน้างอน
"พี่ณัฐได้ฆ่าผมสิครับ"
"คุณหมอกลัวเหรอ"
แต่แล้วอยู่ๆเสียงรถของรัฐเดชก็แล่นเข้ามาจอด
"ไม่กล้วก็กลัวสิครับ"
"น่าน...สิ่งที่ท่านปรารถนาสมหวังได้ทันใจ...ฮ่าๆ" เจ้าที่บอก
ทุกคนมองไป ณัฐเดชลงจากรถ
"เนตรไม่กลับ"
คนอื่นๆ ตามออกมา
"เนตรจะไม่กลับบ้าน เนตรเรียนจบ ทำงานแล้ว เนตรอยากเป็นตัวของตัวเอง และจะอยู่ค้างคืนที่บริษัทกับหมอวรรธสองต่อสอง"
"เฮ้ย คือ ผม ผมไม่ได้ชวนนะครับ"
หมอวรวรรธหน้าจ๋อย ณัฐเดชไม่อยากตอบคำถามตอนนี้ เดินเข้าไปจะคว้ามือน้องสาว แต่เธอผวาถอยไปหลบหลังวรวรรธ ที่ต้องกลายเป็นคนกลางโดยไม่รู้ตัว
"เนตรบอกแล้วไงว่าไม่กลับ"
"ไอ้หมอ หลบไป"
"ครับ"
วรวรรธจะหลบ แต่เธอหลบตามหลังมาตลอด
"ชั้นบอกให้แกหลบ"
"ผมหลบแล้วค้าบ แต่หลบไม่พ้นอ่า"
เนตรไม่ใช่เด็กเล็กๆ อีกต่อไปแล้ว พี่ณัฐไปมีชีวิตของพี่เถอะค่ะ เนตรก็จะมีชีวิตของเนตร เราต้องเคารพการตัดสินใจของกันและกัน"
"นี่เหรอ ไม่ใช่เด็ก นี่คือการประท้วงของเด็กอมมือชัดๆ เด็กหวงพี่ชาย ที่ไม่อยากให้พี่มีแฟน"
รถอีกคันแล่นเข้ามาจอด เจ้าที่บอก
"มาอีกแล้ว คราวนี้งานเข้าของจริง"
"ผมว่ารถคุ้นๆนะลุงยาม"
คนที่ลงมาคือสุพิชชา ทุกคนงง
"พีช"
"พี่ณัฐคะ ใจเย็นๆนะคะ พีชจะปรับความเข้าใจกับเด็กๆสองคนนี้เอง"
"โอว..ป้าคนนี้กลับมาตั้งแต่มะไหร่ แล้วคุณหมอวรวรรธกลายเป็นเด็กไปอีกคนตั้งแต่มะไหร่" กรรณาว่า
"เนตรขา หมอตาหนูจ๊ะ เธอสองคนจะเห็นแก่ตัวกันเกินไปแล้วนะ"
กรรณาถาม
"หืม...ยังไงนะ หมายความว่าไงเนตร"
ณัฐเดชเข้าไปโอบสุพิชชา เนตรสิตางศุ์บอก
"พี่ณัฐกับพี่พีช เขาเป็นคนที่เข้าใจกันมาซักพักแล้ว"
ทุกคนอึ้ง เจ้าที่อ้าปากค้าง กรามยืดยาว

ที่เรือนกระจก ก้องฟ้ากับเจ้าที่กำลังเดินสวนกันไปกันมา
"ไม่จริง..เป็นไปไม่ได้..ไม่จริง"
ทั้งสองเดินวนไปรอบๆ สุพิชชาที่นั่งทำตัวน่ารักๆ ใสๆ อยู่ตรงกลาง แต่เธอได้ยินและเห็นแต่ก้องฟ้าคนเดียว
"ณัฐเดชคิดยังไง กลับไปคบกับผู้หญิงร้ายกาจคนนี้ได้" เจ้าที่ว่า
"พี่ณัฐเสียสติแน่ๆ" ก้องฟ้าบอก
สุพิชชาบอก
"พี่รู้ว่าพี่เคยทำไม่ดี พี่ก็แค่อยากให้ทุกคนใจกว้างกันมากกว่านี้"
ก้องฟ้าทวนคำ
"ใจกว้าง"
สุพิชชาจับมือก้องฟ้า ส่งยิ้มบอบบางให้
"พี่..เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว พี่ไม่มีใครเลยนะคะน้องก๊อง จะให้พี่เข้ากลุ่มด้วยคนไม่ได้เหรอ"
ก้องฟ้าเคลิ้มเขิน เสียงระทวย
"ได้สิครับผม"
พลันเมื่อได้สติก็เสียงห้าว
"เอ๊ย!...ไม่ๆๆผมให้พี่เข้ากลุ่มด้วยไม่ได้ ถ้าพี่เนตรไม่ให้ ถ้าข้างในประชุมแล้วสรุปว่า ไม่เอาพี่ ผมก็ไม่เอาด้วย ถ้าสรุปว่าเอา ผมก็เอา...เข้าใจมั้ยครับ"
สุพิชชา ซื่อๆใส น่ารัก รอลุ้นมองเข้าไปด้านใน

ภายในบริษัทซิกส์เซนส์ เนตรสิตางศุ์อึ้ง
"คุณพีชป่วย"
ณัฐเดชพยายามอธิบายเหตุผล
"ชีวิตพีชไม่เหลือใครแล้ว พ่อก็เสีย โรงพยาบาลก็ถูกหุ้นส่วนยึดอำนาจ เขาเครียดจนเป็นโรคซึมเศร้า คิดว่าตัวเองไม่มีค่า ตอนที่พี่เจอพีช เขาพยายามจะฆ่าตัวตาย แล้วจะให้พี่ทิ้งเขาได้ยังไง"
"คนอย่างยัยอสรพิษน่ะเหรอจะกล้าฆ่าตัวตาย" สุคนธรสถาม
กรรณาบอก
"ถ้าบอกว่าถือมีดไปไล่แทงเด็กนักเรียน ยังจะน่าเชื่อถือมากกว่า"
"พีชไม่ใช่คนเดิมที่ชอบคิดอะไรร้ายๆ อีกแล้ว...พี่พูดจริงๆ ตอนนี้พีชไม่เหลือใครแล้ว เขาน่าสงสารมาก" ณัฐเดชบอก
"เนตร...ผมว่า บางที ผมเป็นฝ่ายไปดีกว่า" วรวรรธบอก
"เนตรไปด้วย เราไปกันสองคน ตามประสาคนไม่ดี ให้คนดีเขามีความสุขกัน"
ณัฐเดชบอก
"แกสองคนเห็นแก่ตัวมาก แกอยากมีความสุขกันสองคน โดยทนดูชั้นมีความทุกข์ได้ ตอนนั้นแกบอกชั้นเองไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าชั้นรักพีช เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ น้องหนู น้องช่วยผีที่ตกทุกข์ได้ยากได้ แต่กับคนกันเอง น้องกลับใจดำแบบนี้เอง พี่หวังว่าทุกๆคนจะเมตตาพีช ช่วยให้พีชหายจากอาการโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่ แล้วพูดกับเนตรแทนพี่ที"
ณัฐเดชคาดหวังจากทุกคน
"เพื่อนๆเห็นไหมว่า ปัญหาของเนตร มันยากแค่ไหน"
"ไม่ยากๆ ก็แค่รับพีชมาเป็นเพื่อนในกลุ่มอีกคน"
สุคนธรสกับกรรณาโพล่งพร้อมกัน
"เป็นเพื่อน"

ทุกคนมองหน้ากันไปมา ช่างเป็นเรื่องยากและหนักใจมาก

สุพิชชานั่งอยู่ที่เดิม ทุกๆคนเดินออกมา สุพิชชาสีหน้าลุ้น ลุกขึ้นยืน
 
"พี่ณัฐ"
ณัฐเดชหันไปทางเนตรสิงตางศุ์กับวรวรรธที่จับมือกัน ตามออกมาสุดท้าย
"เนตร..."
เพื่อนหันมามอง หมอวรวรรธ สุคนธรส กรรณาหน้าตาอึกอัก
"เพื่อนๆคะ เพื่อนๆไม่เข้าใจ"
กรรณาบอก
"หมอวรรธ ในที่สุด หมอก็กลายเป็นเด็กเหมือนเนตร แทนที่จะทำให้เนตรโตเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุมีผล แต่หมอกลับกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์เท่ายัยน้องหนูเป๊ะ"
เนตรสิตางศุ์บอก
"ยัยกรรณ รส วิญญาณหรือผี พวกเค้าอาจจะชอบหลอก แต่เค้าไม่เคยโกหก แต่คนด้วยกันนี่สิ ที่น่ากลัวกว่าผีอีก"
"พีช...ผมขอร้องล่ะ ปล่อยเราสองคนไป" วรวรรธบอก
"พี่ณัฐ ทุกๆ คนคะ ดูสิ ว่าหมอวรวรรธกับยัยเนตร กลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องไปแล้ว ความรักทำให้เค้ากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ใจแคบ ไม่มีน้ำใจ ทุกคนช่วยอธิบายให้เค้าฟังหน่อยสิคะ ว่าสงสารพี่บ้าง พี่เป็นคนมีปัญหานะคะ พี่ต้องการให้สองคนนี้ให้โอกาสอีกสักครั้ง ได้ไหมคะ"
สุพิชชากอดกรรณาและสุคนธรส ขณะที่เพื่อนสองคนมองเนตรสิตางศุ์กับวรวรรธอย่างตำหนิ ส่ายหัวเล็กน้อย ณัฐเดชยิ้มแบบน่าสงสาร ก้องฟ้ากับเจ้าที่ยืนมองห่างๆ วิเคราะห์วิจารณ์ แต่ยังรู้สึกตะหงิดๆ
"ลุงว่ามันแปลกๆมั้ย แรกเริ่ม คุณพีชเป็นแฟนพี่ณัฐ แล้วทิ้งพี่ณัฐไปหาหมอวรรธ แล้วทิ้งหมอวรรธไปหาคนอื่น แล้วทิ้งคนอื่นกลับมาหาหมอวรรธ แล้วถูกหมอวรรธทิ้งไปหาเนตร แล้วคุณพีชก็กลับไปหาพี่ณัฐ"
"แล้วสุดท้าย สุพิชชาก็กลับมาหาเราทุกคน" เจ้าที่สรุป
ก้องฟ้ากับเจ้าที่เริ่มสยอง
โทรศัพท์ณัฐเดชดังขึ้น เป็นสายจากสำนักงานตำรวจแผนกพิสูจน์ลายนิ้วมือ
"ขอตัวเดี๋ยวนะ"
ณัฐเดชลุกแยกออกไปรับสาย
"ผลการตรวจลายนิ้วมือได้แล้วเหรอครับ"
เสียงตำรวจหญิงบอก
"ค่ะ แต่สารวัตรดูเองดีกว่านะคะ"
"ได้ครับ...ส่งรูปมาทางมือถือผมเลยนะครับ"
ณัฐเดชวางโทรศัพท์แล้วกดดูรูปทางมือถือ เขาตะลึงกับสิ่งที่เห็น เพราะมันเป็นรูปภาพของอาชญากร 5 รูป รูปละคน แต่ละคนหน้าตาเหี้ยมมหาโจรทั้งสิ้น

ที่รีสอร์ต ติณห์กับญาณินกำลังเปิดรูปที่ณัฐเดชส่งมาทาง Ipad และคุยโทรศัพท์ผ่านเฟซไทม์กับณัฐเดช ทั้งคู่ต่างงงกับภาพที่ได้รับ
"ไอ้ณัฐ ชั้นไม่เข้าใจ แกส่งรูปนักโทษมาให้ชั้นทำไม เกี่ยวอะไรกับรอยนิ้วมือเบญจา"
"ก็นี่แหละ ผลการตรวจรอยนิ้วมือที่แกส่งมา แต่ละนิ้ว เป็นของคนพวกนี้ แต่ละคน"
"ว้อท! โนๆๆ"
หลวงพิชัยภักดีบอก
"รอยนิ้วมือจากคนๆเดียว มันจะกลายเป็นคน 5คนได้ยังไง"
"พี่ณัฐ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่าคะ"
"พี่ให้เขารีเช็กแล้ว หลายรอบ ผลที่อยู่ในมือณิน ไม่ผิดแน่"
"แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง"
"ยังไม่ชินกับเรื่องเหลือเชื่ออีกเหรอ ณิน อาชญากรทั้ง 5คนนั้นเป็นฆาตกรโรคจิตเหมือนกันและถูกตัดสินประหารชีวิตเหมือนกัน และทั้ง5คนนั้นชิงฆ่าตัวตายในคุก เหมือนกันด้วย"
"รอยนิ้วมือเบญจาเป็นรอยนิ้วมือของนักโทษประหารงั้นเหรอ" หลวงพิชัยภักดีว่า
"หนูว่า เบญจาต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างที่หนูสงสัยแน่นอน"
"ญาณิน ไอ้ติณห์ สิ่งที่ชั้นแนะนำได้ตอนนี้ก็คือ อยู่ห่างๆผู้หญิงคนที่ชื่อเบญจาเอาไว้"
แล้วทันใด อยู่ๆมีนกกาบินเข้ามาร้อง "ก๊า!" บินโฉบป่วน จนเฉี่ยว Ipad ล้ม ภาพดับไป
อีกาไปเกาะอยู่มุมหนึ่ง ส่งเสียงร้อง แลดูน่ากลัว ติณห์กับญาณินอึ้งๆ
"อีกา เข้ามาได้ยังไง"
"ไป..ไป"
นกบินหนีออกไป
"แล้วตอนนี้..เบญจาอยู่ไหน"
ญาณินและติณห์วิ่งออกไปจากเรือนรับรอง
"คุณตา...นกแบบเมื่อกี้มันคุ้นๆนะคะ"
"ชั้นไม่คุ้นหรอก แต่ชั้นรู้สึกว่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นอีกแล้ว น่าเป็นห่วงกว่าที่ผ่านมาด้วย"
หลวงพิชัยภักดีมองโกลเดนเบบี๋แบบมึนๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทั้งคู่เดินตามหาเบญจาไปทั่วบริเวณรีสอร์ต พอดีกับอรวรรณเดินสวนมา
"คุณหนู จะได้เวลาทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะ"
"ป้าออคะ...ป้าออเห็นเบญจามั้ยคะ"
"เบญจาเหรอ...อ๋อ เมื่อกี้นี้เขาเพิ่งสวนกะป้าไปค่ะ เห็นเดินไปทางแม่น้ำค่ะ"
"แม่น้ำ...มอมมี่"
ติณห์นึกเป็นห่วง รีบไป
"คุณหนู มีอะไรหรือเปล่าคะ"
ญาณินกับติณห์รีบวิ่งตามเบญจาไปทางแม่น้ำ อรวรรณงง

มิรันตีกำลังเดินตรวจดูสถานที่อยู่บริเวณรีสอร์ตโดยรอบ มีคนงานคนหนึ่งเดินตามรับคำสั่ง
"ชั้นว่ารีสอร์ตมุมนี้สวย สวยมาก ถ้าวันแกรนด์โอเพนนิ่ง เราตั้งเวทีจัดงานตรงนี้ ต้องเก๋มากแน่ๆ ไหน เธอไปเอารถกอล์ฟมาสิ ชั้นจะลองนั่งสำรวจเส้นทาง จะได้รู้ว่าเริ่ดแค่ไหน..ไปๆๆ"
คนงานรีบวิ่งไป มิรันตีกำลังยืนชื่นชมบรรยากาศอยู่ที่เดิม ด้านหนึ่ง เบญจาเดินเข้ามายืนมอง
แล้วยิ้มมุมปาก
ชั่วแว่บหนึ่ง ดวงตาของเบญจากลายเป็นแข็งกร้าว พอดีกับติณห์และญาณินวิ่งตามเข้ามาถึง
"มัม"
เบญจาหลุดจากภวังค์อารมณ์นั้น มิรันตีจะหันมามอง แต่เสียหลัก จะล้ม
"ว้ายๆๆ"
"คุณผู้หญิงระวังค่ะ"
เบญจาประคองมิรันตีเอาไว้ อรวรรณวิ่งตามเข้ามาพอดี ติณห์รีบวิ่งเข้าไปดูแลแม่
"ปล่อยแม่ผม!"
ติณห์ดึงแม่ออกมา กันให้ห่างจากเบญจาที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นเด็กไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก
"เบญจาไม่ได้ทำนะคะ"
"ออกไปให้ห่างแม่ของผม"
"ติณห์...ทำไมพูดอย่างนั้น เบญจาเขาช่วยมอมมี้นะ"
ติณห์ยังคงจ้องเบญจาอย่างไม่ไว้ใจ มิรันตีปราม เตือนสติ
"ติณห์"
"มัม...มัมกลับไปบ้านก่อน ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเบญจา"
ติณห์คว้ามือเบญจาลากแยกออกไปเลย
"นี่มันอะไร ติณห์ มีเรื่องอะไร"
"เชื่อคุณติณห์เถอะค่ะ ป้าออคะ ฝากดูแลคุณมิรันตีด้วย"

ญาณินรีบตามติณห์ไป อรวรรณยังงง แต่มิรันตีไม่ยอม
 
อ่านต่อหน้า 3

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 8 (ต่อ)

ติณห์ลากเบญจาแยกมาอีกมุมหนึ่ง เธอหน้าตาตื่นตระหนก

"เธอเป็นใคร มาจากไหน และต้องการอะไร"
"คะ"
ญาณินถามซ้ำ
"เธอเป็นใคร มาจากไหน และต้องการอะไร"
"หนูจำไม่ได้ค่ะพี่ติณห์"
"จำไม่ได้จริงๆ หรือแกล้งจำไม่ได้ ชั้นคิดทบทวนดูแล้ว เธอดูจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนที่ตัวเองความจำเสื่อมเลย เธอไม่เห็นอยากรู้ที่มาที่ไปของตัวเองเลย เพราะอะไร หรือเพราะจริงๆแล้ว เธอไม่เคยลืมอะไรแต่แรก"
เบญจาตีหน้าใสซื่อ
"พวกพี่ไปรู้อะไรมาแน่ๆเลย ถ้ารู้ ก็บอกหนูเถอะค่ะ นะคะ หนูจะได้ทราบว่าควรจะเป็นตัวของตัวเองแค่ไหน"
ทั้งคู่จ้องตาเบญจา อย่างคาดคั้น จับผิด เบญจาสู้สายตาด้วยท่าทีไร้เดียงสา
"เธอรู้...เธอรู้ทุกอย่าง ว่าพวกชั้นทำอะไรไปบ้าง ใช่มั้ย"
"พวกพี่จะไม่บอกเหรอคะว่าไปได้ข้อมูลอะไรมา เอ๊ะ หรือว่า ยิ่งสืบประวัติหนู ก็ยิ่งสับสนมากใช่มั้ยคะ"
"ช่วงแรกเธอทำคุณไสยโดยสั่งตะปูเข้าท้องคุณมิรันตี เพื่อพยายามจะแยกชั้นกับคุณติณห์ แต่ไม่สำเร็จ เธอจึงใช้วิธีของเธอทำให้คุณมิรันตีเชื่อถือเธอ แล้วหลังจากเธอโดนถ่ายรูป เธอก็สั่งผีดิบซอมบี้มาทำร้ายพวกชั้น แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผน"
"ถ้าเธอยังไม่พูดความจริง ชั้นกับญาณินก็จะ..."
เบญจาสวนทันที
"จะอะไรคะ เอารอยนิ้วมือหนูไปตรวจก็ทำแล้ว แต่ไม่ได้ผลหรอก คราวนี้จะเอาอะไรอีกล่ะ ดีเอ็นเอเหรอ"
"นี่เธอรู้" ติณห์ว่า
"รู้อะไรคะ พี่ติณห์คิดว่าหนูรู้อะไรคะ"
ติณห์ ญาณิน ไม่กล้าพูดในสิ่งที่ตนแอบทำกับเบญจา
"พอ..เธอออกไปจากรีสอร์ตของชั้นเดี๋ยวนี้...ไป"
เบญจานิ่ง ยิ้ม ท้าทาย
"ชั้นบอกให้ออกไป!"
ติณห์คว้าแขนเบญจาจะลากไป แต่เบญจายืนนิ่ง ยื้อแขนไว้ ติณห์ชะงักเมื่อรู้สึกว่า เบญจาดูมีแรงต้าน เธอยิ้มใสซื่อแต่มีแววร้ายกาจแฝงอยู่ หลวงพิชัยภักดีกับโกลเดนเบบี๋ โผล่มาดูอยู่ห่างๆ
"สายตานังเด็กเบญจา ทำไม... มันดูเยือกเย็นแต่แข็งกร้าว ไม่เหมือนคนเดิมเลย"
"ตา...หนูกลัว"
มิรันตีเดินเข้ามาพอดี
"ติณห์ ลูกทำอะไรเบญจา"
เบญจายิ้มมุมปาก ติณห์ลากกระชากตัว
"มานี่"
"โอ๊ย พี่ติณห์ ให้โอกาสหนูอธิบายหน่อยสิคะ โอ๊ย หนูเจ็บ...ฮือๆๆ"
"ติณห์...เบาๆ ทำไมต้องกระชากกันขนาดนี้ด้วย เบญจาทำอะไรผิด"
"ติณห์คะ ใจเย็นค่ะ อย่าวู่วาม"
"มัม หลบไปก่อน"
ติณห์กระชากลากถูเบญจาให้ออกไป
ญาณินพยายามจะยับยั้งติณห์ แต่อารมณ์เขาพลุ่งพล่านเกินจะให้เย็นลง
"ตอบแม่มาก่อน"
"คุณมิรันตีคะ ตั้งแต่นี้ต่อไป คุณต้องอยู่ห่างเบญจาให้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง" ญาณินบอก
"ปลอดภัยอะไร ชั้นไม่เข้าใจ"
หลวงพิชัยภักดีโผล่มายืนประกบญาณินเป็นกำแพง
"เธอโดนยัยเบญจามันปิดหูปิดตาหมดแล้ว"
โกลเดนเบบี๋กอดหลวงพิชัยภักดี
"หนูกลัว"
ติณห์กระชากเบญจาไป เบญจาร้องครวญ

ทนายสมชาติเพิ่งจอดรถเสร็จ ติณห์ลากเบญจามายังบริเวณที่จอดรถ มิรันตีตามมาพร้อมกับญาณิน
"พี่ณิน หนูขอโทษ หนูไม่ได้มีเจตนาจะทำให้พี่ไม่พอใจ"
"หือ" ญาณินงง
"หมายความว่าไง" มิรันตีถาม
"หนูจะอยู่ห่างๆพี่ติณห์ จะไม่เข้าใกล้อีกเลยก็ได้ ให้หนูอยู่ที่นี่ต่อไปเถอะนะคะ"
โกลเดนเบบี๋กอดหลวงพิชัยภักดีแน่
"อ้าว พูดจาอย่างนี้ ก็กลายเป็นว่าเจ๊จีจ้าหึงหวงไร้เหตุผลน่ะสิคะคุณตา"
มิรันตีถาม
"อ๋อ นี่คือเหตุผลที่เธอจะขับไล่เบญจาออกไปเหรอ"
"อ้าว นังมิรันตี เชื่อไปได้ยังไง"
"ไม่ใช่ครับแม่" ติณห์บอก
"ยกโทษให้หนูนะคะพี่ณิน"
"คุณณินไม่ได้หึงหวงอะไรผมเลย ไม่เกี่ยวกัน...เบญจา แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ใช่คนใสซื่ออย่างที่แสดงออกมา ไป ชั้นจะพาเธอไปส่งสถานีตำรวจ"
"ชั้นไม่ให้ไป"
"มัม!"
สมชาติเห็นท่าไม่ดี เข้ามาไกล่เกลี่ย
"คุณติณห์ครับ การใช้กำลังกับสุภาพสตรีอย่างที่คุณทำอยู่ มันไม่ถูกต้องนะครับ"
"คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่เรากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่" ญาณินบอก
"ไปขึ้นรถ"
ติณห์พยายามจะลากเบญจาไปขึ้นรถ แต่เธอแสร้งล้ม อ่อนแรง ไม่ยอมลุกเดินตาม ร้องไห้ ร้องขอความช่วยเหลือ อรวรรณเข้ามาสมทบ
"สำออยเหลือเกินนะแม่คู้ณ"
ทนายสมชาติมองอรวรรณแบบไม่เชื่อสายตาว่าจะกลายเป็นแบบนี้
"ลุกขึ้นมา!"
ติณห์กระชากดึงตัวเบญจาให้ลุก
"หนู...ขอร้อง สงสารหนูเถอะค่ะ หนูไม่มีที่ไปแล้ว ฮือๆๆ"
มิรันตีกับทนายสมชาติกลับรู้สึกสงสารเบญจาที่เป็นฝ่ายโดนกระทำ
"คุณทำรุนแรงไปแล้วนะครับคุณติณห์"
"หยุดได้แล้วติณห์"
อรวรรณดึงสมชาติออกมา
"อยู่เฉยๆ เถอะคุณทนาย คูณมิรันตี ดิฉันเชื่อมั่นว่า คุณหนูณินจะต้องมีเหตุผลสมควรแน่ๆ พวกคุณน่ะควรจะตาสว่างได้แล้ว"
วิญญาณ 2 ดวงมองทุกอย่างที่ดูรุนแรงมากว่าที่คิด
สมชาติผิดหวัง
"คุณอรวรรณ คุณสนับสนุนให้คนใช้ความรุนแรงเหรอ"
ติณห์เอาเบญจาขึ้นรถไปได้ ญาณินตามไปขึ้นรถด้วย อรวรรณขวางมิรันตีกับทนายสมชาติเอาไว้ ไม่ให้ตามไป รถแล่นออกไป
หลวงพิชัยภักดีรำพึง

"มันจะลงเอยยังไง ชั้นดูไม่ออกเลยจริงๆ"

บ้าน ณ เวียงทับ ก้องฟ้าลากกรรณาที่สวมหูฟัง มาตามทางบนชั้นสองของตัวบ้าน ท่าทางลับๆล่อๆกลัวคนเห็นสุดฤทธิ์ หันมากวักมือส่งสัญญาณมือเรียกกรรณาให้ตามมา เป้าหมายคือจะพาไปที่ห้องนอนของพิมอร

"ด็อกเตอร์ไปทำงาน แม่บ้านจารุณีกับมูมู่ออกไปจ่ายตลาด ไม่มีใครอยู่บ้าน เวลานี้แหละสะดวกสุดแล้ว"
"ถ้างั้นแกจะทำท่าลับๆล่อๆทำไม"
"ให้เข้ากับบรรยากาศ"
"เฮ้อ แล้วแกจะพาชั้นไปไหน"
"ชู่ว์...เอาน่า ตามมา"
ก้องฟ้าหยิบกุญแจที่ปั๊มเอาไว้ออกมา ไขห้องอย่างเบาสุดๆ จนประตูเปิดออก เขากวักมือไล่ให้พี่สาวเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองดูลาดเลาระวังหลังให้
กรรณาเข้าไป ก้องฟ้าจะเข้าตาม แต่ไม่คิดว่าพี่สาวจะปิดประตู ก้องฟ้าชนประตูโครม! ร้องลั่น ล้มลงไป เสียงดังโครมคราม แล้วรีบคลานงุดๆๆเข้าไปในห้องพิมอรทันที

ก้องฟ้ารีบปิดประตู แล้วทำท่าชู่ว์บอกกรรณาให้เบาเสียง ... ทั้งๆที่มึงนั่นแหละเสียงดัง
"แกพาชั้นเข้ามาห้องคุณพิมอรทำไม"
สภาพภายในห้อง ทีวีที่ล้มถูกจัดกลับคืนที่เดิมเป็นระเบียบแล้ว ก้องฟ้าเอื้อมมือไปควานหาของหลังทีวี แล้วก็ตาโต เพราะสัมผัสของนั้นได้
"ผมมีทีเด็ดให้พี่..สาธุ ขอให้ยังอยู่ด้วยเถอะ... ยังอยู่"
"อะไร"
ก้องฟ้าพยายามเอื้อมเพื่อดึงออกมา
"ฮึ่บ...ฮึ่บ นี่ไง"
สมุดไดอารี่ของพิมอร
"วันก่อน ผมเห็นมันหล่นมาจากหลังทีวี มันต้องเป็นของสำคัญแน่ๆ เจ้าของถึงต้องซ่อนเอาไว้..แล้วพี่ว่ามันเป็นของใครเอ่ย"
กรรณาเอาสมุดไดอารี่มาดู
"สมุดไดอารี่คุณพิมอร!"
"ปิ๊งป่อง"
"แล้วทำไมแกเพิ่งจะมาบอกชั้น!"
"เอ้า ก็วันนั้นแม่บ้านจารุณีอยู่ด้วย ขืนผมกระโตกกระตาก เขาก็ยึดหลักฐานไปน่ะสิ"
กรรณากอดน้องชาย
"สุดยอดน้องชายของพี่ สมุดเล่มนี้จะต้องมีอะไรที่เป็นเบาะแสเกี่ยวกับฆาตกรแน่ๆ ไปๆๆ ก่อนที่จะมีคนมา"
กรรณาคิดจะออกจากห้อง รีบไปเปิดประตู แต่แล้วต้องผงะ ผ่าง! เพราะพงอินทร์ยืนขวางประตูอยู่
กรรณากับก้องฟ้าร้องอุทาน
"ว๊าย - อ๊าก"
"ทำไมเจอพี่โจ้ทุกที่เลย"
"เข้ามาทำอะไรห้องพี่สาวผม"
"เอ่อ คือ ชั้น ไม่ได้"
พงอินทร์เห็นไดอารี่
"แล้วนั่นอะไร"
พงอินทร์ดึงมาทันที
"เฮ้ย เอาคืนชั้นมานะ"
กรรณากระโดดแย่งจะเอาคืนมาให้ได้ พงอินทร์เอี้ยวหลบ ไม่คืนให้ แล้วเปิดดู
"นี่มัน ไดอารี่ของพี่พิม"
"เอาคืนมา เอามา..."

พงอินทร์เดินลงมาจากชั้นบน กรรณาวิ่งไล่ตามมาดักหน้า ก้องฟ้าวิ่งตามมา
"เธอมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ จะมาเอาของส่วนตัวพี่สาวผม"
"ถ้านายอยากจะช่วยพี่สาวนาย ก็เอาไดอารี่มาให้ชั้น"
"ให้เธอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร"
"ชั้นช่วยพี่สาวนายได้ก็แล้วกัน"
"คิดว่าชั้นจะไว้ใจ ปล่อยให้หลักฐานชิ้นสำคัญนี้ ไปอยู่ในมือคนที่รับจ้างไอ้แผนยุทธเหรอ"
พงอินทร์ชี้ที่หัวตัวเอง
"มีสมองครับๆ"
"พี่โจ้ครับ เห็นแก่ความเป็นแฟนลิเวอร์พูลเหมือนกันนะพี่นะ"
"ก๊อง...ไม่เกี่ยวกันเลย"
"เอามาให้ชั้น"
กรรณาถลาเข้าจะแย่ง พงอินทร์ชูสองแขนสูง กรรณาพยายามเขย่งแย่ง เอาตัวไปชิด
"นี่เธออายุเท่าไหร่อ่ะ"
"อะไร"
"ก็มาเบียดชิดติดตัวชั้นขนาดนี้ อาจจะทำให้ชั้นมีอารมณ์ได้นะ"
กรรณาผละออก
"เฮ้ย ไอ้...ไอ้ทุเรศ"
พงอินทร์อยู่ๆก็จริงจังขึ้นมา
"หยุดเซ้าซี้ได้แล้ว ยังไงเธอก็ไม่มีวันได้อ่านไดอารี่ของพี่พิม เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะเธอทำผิด 2ข้อหา หนึ่ง แอบเข้าห้องพี่พิมโดยไม่ได้รับอนุญาต และสอง เธอล่วงละเมิดทางเพศชั้น"
"หา..."
"ข้อแรก ชั้นต้องคิดบัญชีเธอย้อนหลังแน่ ส่วนข้อสอง ชั้นจะถือว่าทำบุญ"
"เฮ้ย!"
"พี่แผน สวัสดีครับ"
กรรณา ก้องฟ้า ตกใจรีบหันหลังไปมองหาแผนยุทธ แต่ไม่พบอะไร ทั้งคู่หันกลับก็ไม่พบพงอินทร์แล้ว กรรณาแค้น

"ไอ้โจ้"

ภายในรถ ติณห์เป็นคนขับ ญาณินนั่งข้างคนขับ เบญจานั่งอยู่ที่เบาะหลังตรงกลาง

"พวกพี่จะพาหนูไปปล่อยทิ้งที่ไหนคะ หนูเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีญาติ ไม่มีคนรู้จักที่ไหนอีกแล้ว พวกพี่ไม่สงสารหนูเหรอ พวกพี่จะทอดทิ้งหนูได้ลงคอเหรอ พวกคนใจร้าย ฮือๆ ฮะๆๆ"
เบญจาเหมือนจะร้องไห้ แต่คล้ายกับหัวเราะ สีหน้าไม่สกทกสะท้านอะไร
ติณห์รีบขับรถไปอย่างเคร่งเครียด

ติณห์จอดรถที่หน้าสถานีตำรวจ ทั้งติณห์และญาณินรีบลงจากรถลากตัวเบญจาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะร้อยเวร
"เด็กผู้หญิงคนนี้ประสบอุบัติเหตุหัวได้รับการกระทบกระเทือน จำอะไรไม่ได้ หลงทางมาอยู่ใน
รีสอร์ตของผมนานแล้ว ป่านนี้ญาติของเขาคงกำลังเป็นห่วงมาก ช่วยติดตามหาที่อยู่ หรือญาติของเขา ให้มารับตัวกลับไปด้วยนะครับ"
"หรือถ้าติดต่อญาติไม่ได้ ไม่พบ หรือไม่มี...ก็รบกวนคุณตำรวจช่วยดำเนินการส่งตัวให้มูลนิธิหรือองค์กรอะไรก็ได้ที่รับผิดชอบไปดูแลด้วยนะคะ"
ตำรวจ 1ยังไม่ทันพูด "เอ่อ...คุณ..."
"แต่...คนที่หนูรู้จักก็มีแค่พี่สองคนเท่านั้นนะคะ"
"ฝากด้วยนะครับ"
เบญจาพยายามจะลุกจากเก้าอี้ แต่ติณห์กดไหล่ลงให้นั่ง เธอไม่ได้ประหวั่นใดๆ กลับยิ้มมุมปาก ทั้งคู่เดินออกไป
"เฮ้อ เดี๋ยวนี้มีคดีคนหายได้ทุกวันจริงๆ มา หนู ขอสอบประวัติหน่อยนะ จะได้ช่วยตามหาญาติ"
ตำรวจยังพูดไม่ทันขาดคำ พอสบตาเบญจาเท่านั้น ตำรวจนายนั้นก็สายตาว่างเปล่าทันที ตำรวจอีกคนเดินเข้ามาจะสอบถามงานของตัวเองจากตำรวจ 1
"คดีของนายบ้านคุณแพนเค้กเป็นไงบ้าง"
ตำรวจ1 นิ่ง ตำรวจ 2 สังเกตเห็นตำรวจ 1 สายตาว่างเปล่าก็เอามือโบกผ่านหน้าตำรวจ1
"เฮ้...เป็นไรถามไม่ตอบ"
ตำรวจ 1ตาไม่กระพริบ ตำรวจ 2 เลยจะถามเบญจา
"คุณครับ"
พอตำรวจ 2 สบตาเบญจาสายตาก็ว่างเปล่าไปอีกนาย ยืนนิ่งไม่ขยับ

บนถนน ภายในรถ ญาณินนั่งนิ่งในรถแล้วถามติณห์
"เราทำถูกต้องแล้วใช่มั้ยคะติณห์"
"คุณยังลังเลอยู่อีกเหรอ"
"ชั้นแค่คิดว่า ถ้าสมมติเบญจาไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เราคิด ถ้าเราเข้าใจผิดไปเอง เบญจาจะเป็นยังไง"
"แล้วถ้าเราเข้าใจไม่ผิดล่ะ"
"ก็..."
"อย่าคิดมาก ที่ผ่านมาเราก็ดูแลเขาดีที่สุดแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับไปหาญาติๆ ของเขาแล้ว ก็แค่นั้น"
ญาณินฝืนยิ้มอ่อนๆ

ในเวลาต่อมา รถของติณห์จอดที่รีสอร์ต ทั้งคู่ลงจากรถ
"คุณไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบายอะไรนะ คุณอยู่เฉยๆ ผมจะเป็นคนตอบคำถามทุกอย่างให้มัมฟังเอง...โอเค๊"
"ค่ะ"
ทนายสมชาติหน้าตึงรออยู่ด้านนอก
"คุณมิรันตีรอพบคุณอยู่"
สมชาติเดินนำทั้งคู่ไปที่บริเวณริมสระว่ายน้ำ แล้วก็ต้องผงะ แปลกใจ ที่เห็นเบญจากำลังยืนนวดบ่าและศีรษะให้กับมิรันตีอยู่
หลวงพิชัยภักดีกับโกลเดนเบบี๋อยู่ที่นี่ก่อนแล้ว ยืนมองหน้าบอกบุญไม่รับ
เบญจายิ้มแย้มทักทาย
"พี่ติณห์กลับมาแล้วค่ะ"
"เธอ"
มิรันตีที่หลับตาผ่อนคลายอยู่ จึงลืมตาขึ้นมา
"หยุดอยู่ตรงนั้นเลย ฟังให้ดีนะ ตั้งแต่นี้ต่อไป ชั้นจะให้เบญจามาดูแลรับใช้ชั้นส่วนตัว ห้ามใครแตะต้องเบญจาอีก โดยเฉพาะเธอ ยัยยิปซีจอมวางแผน"
"คุณมิ..."
"ออกไปได้แล้ว ชั้นจะพักผ่อน"
สมชาติเข้ามากันท่า
"คุณติณห์ครับ หนูเบญจาน่ารัก ไร้เดียงสาอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจว่าคุณไปใจร้ายกับเขาได้ยังไง... บางทีคุณต้องเลือกฟังคำพูดของคนอื่นบ้างนะครับ"
คนอื่นของทนายสมชาติ หมายถึง นอกจากญาณิน
เบญจาแอบยิ้มร้ายกาจ ติณห์กับญาณินเริ่มรู้สึกสยอง
"นี่มันจะเป็นสัญญาณของหายนะในที่ดินอาณาเขตของชั้นอีกหรือเปล่าเนี่ย"
"ถ้าเป็นอย่างที่คุณตาว่ามา...โกลเดนเบบี๋บอกได้คำเดียวว่า...งานนี้เราเจอของจริง"

เวลาเย็น รถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาหน้าบริษัทซิกส์เซนส์ด้วยความเร็ว เจ้าที่หายตัวมายืนเท้าเอวมอง
"ใครมาในยามวิกาล"
รถจอดเอี๊ยดชนวิญญาณโปร่งใสของเจ้าที่
"เย้ย!โชคดีนะที่ฉันตายไปแล้ว ไม่งั้นแกติดคุกแน่ ขับรถท้าเฮียปอเต็กตึ้งแบบนี้"
ลีจองกุ๊กเปิดประตูลงจากรถตู้อย่างรีบร้อน ตรงไปที่บริษัท เจ้าที่หายตัวมายืนทำหน้าที่เป็นพนักงานบริษัททันที
"ขณะนี้เป็นเวลาปิดทำการของบริษัท กรุณาติดต่อใหม่ในเวลาทำการวันพรุ่งนี้ ตั้งแต่เวลา 9นาฬิกา"
"ขืนรอจนถึงพรุ่งนี้ แล้วจุนจีไม่กลับมา โพ้มกลับเกาหลีไม่ได้แน่ อึ๋ย!"
ลีจองกุ๊กนึกได้ หันมองไปรอบๆ ตัวให้ควั่ก แต่ไม่เห็นใคร
"คะ...ใครพูด"
"เค้าเอง"
เจ้าที่กระซิบที่หูลีจองกุ๊ก ทำเอาหูเย็บว๊าบ เขาสะดุ้งโหยง
"เย้ย!"
ลีจองกุ๊กรีบวิ่งเผ่นเข้าบ้าน วิ่งถลามองหาจุนจีในบ้าน
"จุนจี...จุนจี"
หมอวรวรรธที่มาอยู่เป็นเพื่อนเนตรสิตางศุ์ตกใจ
"คุณปาร์คจุนจีไม่อยู่ที่นี่หรอกครับ คุณจองกุ๊ก!"
"ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า อย่ามาล้อเล่งอย่างงี้นะครับ คนเกาหลีม่ายขำ"
"ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ เราก็เห็นข่าวยัยแก้มพาคุณจุนจีหนีแฟนคลับในทีวีถึงได้เป็นห่วงกันอยู่เนี่ยะ แต่โทร.เข้ามือถือยัยแก้ม ก็ไม่ยอมรับสาย"
ลีจองกุ๊กควักมือถือจากกระเป๋าทั้ง 2 เครื่องออกมาโชว์
"จะรับได้ไงครับ 2คนนั่นลืมไว้ในรถตู้ทั้งคู่เลย!"
สุคนธรส เนตรสิตางศุ์ หมอวรวรรธ ต่างร้อง "อ้าว!" พร้อมกัน
เนตรสิตางศุ์คว้ามือถือของกรรัมภามาเก็บ
"เพื่อนคุณไม่พาจุนจีหนีมาที่นี่ แล้วจะพาไปที่ไหนล่ะครับ"
"นั่นน่ะซิ หายจ้อยไปเลย ทั้งๆ ที่น่าจะติดต่อมาหาใครบ้าง"
"หรือว่า...จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างที่หนี" วรวรรธบอก
"หา! กุ๊กขอตายดีกว่า"
ลีจองกุ๊กถึงกับหน้ามืดเซจะล้ม หมอวรวรรธรับไว้แทบไม่ทัน
"เฮ้ย คุณกุ๊ก!"
"ถ้าจุนจีเป็นอะไรไป ทางค่ายต้องไม่เอาโพ้มไว้แน่ๆ เกาหลีต้องประณามผม"
สุคนธรสบอก
"คงไม่มีอะไรหรอกคุณกุ๊ก เชื่อมือยัยแก้มซิ ยัยแก้มเป็นแฟนคลับเบอร์หนึ่งของคุณจุนจีนะคะ" "แก้มต้องดูแล ปกป้องคุณจุจีได้แน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ แฟนคลับยอมตายเพื่อศิลปินที่ตัวรักได้" เนตรสิตางศุ์ว่า
"แต่จุนจีไปแต่ตัวกะหัวใจนะคร๊าบ ไม่มีเงินติดตัวไปเลยสักวอนนึง"
"โอ๊ย...สบายครับ คุณแก้มนะมีบัตรเครดิตติดตัวเป็นฟ่อนเลย คุณจุนจีอยู่กับคุณแก้มไม่มีวันอดตายครับ" วรวรรธบอก
เจ้าที่โผล่มายืนเท้าแขนกับเก้าอี้
"สันนิษฐานว่า ป่านนี้แม่นางแก้มคงจะพาองค์ชายเกาหลี เข้าสู่เรือนหอที่โรงแรมหรูๆที่แห่งสักแห่ง แล้วก็เป็นได้ บร่ะ!"

เจ้าที่จุ๊บมือที่ปาก

ที่อัมพวา กรรัมภากับปาร์คจุนจีลุกขึ้นนั่งเกาะท้ายกระบะมองไปรอบๆ...ขณะที่รถกระบะขับเข้ามา
 
ยังบริเวณคนพลุ่กพล่าน ทั้งคนทั้งรถรา เหมือนตลาดสดจ้อกแจ้กจอแจ
"หื๊อ...ที่ไหนเนี่ยะ"
ท่าทางหันให้ควั่กของกรรัมภา ทำเอาปาร์คจุนจีใจเสียไปด้วย และแล้วรถก็เลี้ยวเอี๊ยดที่มุมถนนอย่างรวดเร็ว ทำให้ท้ายกระบะเหวี่ยงเทกระจาดทั้งคู่จนล้มกลิ้งอยู่ท้ายกระบะ
"ว้าย - เฮ้ย"
และแล้วรถก็เบรกจอดเอี๊ยดที่มุมหนึ่ง ปรากฏปาร์คจุนจีไปนอนกองทับอยู่บนตัวกรรัมภา เขาตกใจ แต่เธออึ้งเคลิ้มราวกับฝัน
"เอ่อ...มีอันแฮโย ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ รถมันเหวี่ยง"
ปาร์คจุนจีจะลุกผละจากกรรัมภา แต่แขนเสื้อดันไปเกี่ยวกับเข่งไม้ไผ่ดึงเอาไว้ ทำให้ลุกไม่ได้
"เอ่อ...ผมลุกไม่ได้ แขนเสื้อมันติด คุณช่วยดึงออกให้ผมที"
แต่กรรัมภายังนิ่ง...หน้ายังมองไปที่ปาร์คจุนจีราวกับถูกสะกดจิต
"คุณ!"
กรรัมภาตกใจ ได้สติ
"ห่ะ...หา!"
"แขนเสื้อโพ้มติด ดึงออกให้ที นอนทับคุณแบบนี้ โพ้มเอ่อ..อึดอัด"
กรรัมภาทำฉุน
"ฉันดิ อึดอัดยิ่งกว่านายอีก เหม็นกลิ่นตัว สาปดารา จะแย่อยู่แล้ว"
"งั้นก็รีบๆ ดึงเร็วๆ ซี โพ้มก็เหม็นสาปแฟนคลับโรคจิตเหมือนกัน"
"บ้าๆๆ ฉันฉีดน้ำหอมชาแนล NO.5นะยะ"
ขณะกรรัมภากำลังดึงเสื้อที่ติดออก...ชายร่างใหญ่คนขับรถกระบะลงจากรถจะมาตรวจนับของ
เห็นสภาพทั้งคู่เข้าก็ตกใจ
"เฮ้ย...แก2คน มานอนทำอะไรกันท้ายกระบะฉันวะ"
ทั้งคู่ต่างรีบปฏิเสธพัลวัน
"ปละปล่าวนะ!"
"ปล่าวอะไร นอนจู๋จี๋กันเห็นๆ นี่ท่าจะแอบหนีตามกันมาใช่มั้ย"
จุนจีไม่เข้าใจความหมาย
"หนีตาม...อ๋อ...ใช่หนีตามๆ"
"เฮ้ย..ไม่ใช่ ไปบอกเค้าอย่างงั้นทำไม ฉันไม่ได้หนีตามนายมานะ"
"เอ็งไม่ได้เต็มใจหนีตามมันมา แต่มันฉุดเอ็งมาใช่มั้ยนังหนู"
คนขับรถชี้หน้าจุนจี
"ไอ้หน้าวอก มึง ไอ้บ้ากาม กูจะกระทืบมึงให้ม้ามแตกเลย"
คนขับปรี่เข้าจะคว้าตัวปาร์คจุนจี แต่จุนจีไวมาก กระโดดหนีลงจากท้ายกระบะ
"อานยา...อานยา(ไม่ใช่ๆ)"
"อานย่า อานยายอะไรของมึง เดี๋ยวกูกระทืบให้อานเลย ไอ้พวกหื่นแบบนี้"
"หื่นอะไร ผมไม่ได้หื่น เฮ้ย...ผมเปล่า ฟังก่อน"
คนขับทำท่าตีเข่า
"แบบนี้มันต้องตีเข่า ย๊ากๆ"
ปาร์คจุนจีเหว๋อ วิ่งหนีวนรอบรถ ขณะที่เท้าใส่รองเท้าอยู่ข้างเดียว แล้วก็วิ่งหนีไปไกลจากรถ
"เฮ้ย จะหนีไปไหน จับได้นะมึง กูจะช่วยทำหมันเปียกให้ฟรี"
คนขับรถจะตาม แต่กรรัมภารีบมาดึงแขนห้ามเอาไว้
"หยุดคะน้า อย่าไปทำอะไรเค้านะ นั่นน่ะซุปเปอร์สตาร์เลยนะ"
"อ้าว ก็ไหนว่ามันฉุดเอ็งมา ฉันก็จะช่วยจับมันส่งตำรวจให้ มาห้ามทำไม"
"ฉุดอะไรกันคะ น้าฟังผิดแล้ว เค้าไม่ได้ฉุดฉันมาหรอก ฉันต่างหากที่เป็นคนฉุดเค้าหนีขึ้นท้ายรถน้ามาอ่ะ"
"อะอ้าว ยังไงกันวะเนี่ยะ ตกลงเอ็งเป็นคนฉุดผู้ชายเค้ามาเองเหรอเนี่ยะ เด็กผู้หญิงสมัยนี้มันน่านัก!"
คนขับโกรธจะเอาเรื่องกรรัมภา เธอกรี๊ดลั่น
"ว้าย! รอฉันด้วยจุนจี"
กรรัมภารีบวิ่งตามปาร์คจุนจีไป คนขับยืนมองอย่างหัวเสีย

จุนจีวิ่งหนีมาอย่างทุลักทุเลเพราะ เท้าข้างที่ไม่มีรองเท้าถูกเศษหินแหลมๆตำเจ็บ
"อุ้ย...โอ้ย...ซี๊ด"
เธอวิ่งตามหลังมาทัน เห็นสภาพวิ่งเขยกหมดสภาพซุปเปอร์สตาร์เกาหลีดังก็หัวเราะขำ
"ฮ่ะๆๆ...ฮิๆๆ"
เขาหยุดหันมามอง เห็นเธอยืนหัวเราะท้องคับท้องแข็งตัวงอก็ยืนฉุน ตวาดลั่น
"เว! (ทำไม!)หัวเราะอะไร"
"เนี่ยะนะปาร์คจุนจี ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่เหลือสภาพซุปเปอร์สตาร์เกาหลีเทพบุตรสุดหล่อ ดูดิ ต้องมาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนตีนเปล่า เท้าติดดิน ฮิๆๆ น่าสงสารจริงๆเลย"
"น่าสงสารมากมั้ย ฮึ่ม"
เขายัวะ เดินตรงเข้ามาหา เธอหัวใจเต้นโครมครามเมื่อเห็นซุปเปอร์สตาร์ปรี่เข้าหา
"โอ๊ะ! คะๆๆคุณจะทำอะไรฉันอ่ะ"
เขาเข้ามาก้มจับขาเธอ
"อ๊ายๆ มาจับขาฉันทำไม ตาบ้า จะแตะอั๋งฉันเหรอ"
"โพ้มไม่พิศวาสคุณหรอกยัยโรคจิต แต่เห็นรองเท้าคุณสวยดี"
เขาแย่งถอดรองเท้าปราด้าของเธอไปได้ข้างนึง
"จะถอดรองเท้าฉันไปไหน นั่นปราด้าเชียวนะ เอาคืนมานะ"
เธอเข้าไปแย่ง แต่เขาเอารองเท้าหลบไปหลบมา
"ฮ่ะๆๆ ท่าทางจะแพงมั่กๆ"
"แน่นอนย่ะ ไม่ใช่ของแถมหรือสปอนเซอร์ให้มาใส่ฟรีๆแบบของนาย ฉันควักกระเป๋าบินไปซื้อถึงที่อิตาลีด้วยตัวเองย่ะ เอาของฉันคืนมานะ"
"ไม่ให้! คุณปารองเท้าผมทิ้ง ทีนี้ ถึงทีผมมั้งแล้ว ฮ่ะๆๆ"
"ห่ะ! อย่าทำอะไรบ้าๆนะจุนจี ฉันไหว้ล่ะ ซุปสตาร์ของฉัน ยะ...อย่า"
กรรัมภาตกใจแทบช็อก แต่ก็ไม่ทันแล้ว ปาร์คจุนจีเขวี้ยงรองเท้าทิ้งไป ฟิ้ว...รองเท้าปราด้าลอยละลิ่วไปไกล เธออ้าปากค้างมองตาม ตาเหลือก และแล้วรองเท้าก็ตกบนหลังรถ10 ล้อขนของคันหนึ่งที่แล่นผ่านมาพอดี
"เยส!"
"แอร๊ย...รองเท้าฉัน หยุดก่อน หยุด เอารองเท้าฉันคืนมานะ"
กรรัมภาวิ่งเขยกตาม แต่ไม่ทัน รถ10ล้อแล่นจากไปอย่างรวดเร็ว
"อันยองฮี คาเซโย...อันยองฮี คาเซโย(ลาก่อนนะ)"
ปาร์คจุนจีโบกมือลารองเท้าแล้วหัวเราะลั่น กรรัมภาโกรธจัด ชี้หน้าไปที่ปาร์คจุนจี
"นาย!"
"เว? โพ้มใส่รองเท้าข้างเดียว คู้ณก็ใส่รองเท้าข้างเดียวเหมือนกัน เรา 2 คนใส่รองเท้าข้างเดียว ตอนนี้เราเท่ากันแล้ว ฮ่ะๆๆ"
เขาทำหน้ายั่ว
"ฉันจะฆ่านาย! นายเอารองเท้าถูกๆ ของนายมาเทียบกับรองเท้าราคาเป็นหมื่นของฉันได้ไง นี่แน่ะๆ ปารองเท้าฉันทิ้งทำไม คู่นี้ฉันรักมากนะ"
กรรัมภาเอากระเป๋าตีปาร์คจุนจี เขายกมือปัดป้อง
"โอ้ยๆๆ คุณรักรองเท้ามากกว่าปาร์คจุนจีอีกเหรอ ไหนว่าเป็นแฟนคลับโพ้ม โอ้ย"
ทั้งคู่ยืนตุ๊บตั๊บกันริมถนนครู่หนึ่ง มีแก๊งค์เด็กแว้น สาวสก๊อยเจ้าถิ่นอัมพวา ซิ่งมอเตอร์ไซค์ผ่านมา 2 คัน กดแตรไล่
"มาตีอะไรกันตรงนี้วะ เกะกะขวางทางเว้ย"
"เฮ้ย!"
ทั้ง 2 หยุด แก๊งค์เด็กแว้นวนรอบทั้งคู่แล้วก็จอดรถหยุด...กรรัมภาตกใจรีบเกาะหลบอยู่หลังปาร์คจุนจี เขานิ่งก้มๆ หลบๆ สายตารอดูท่าที สาวสก๊อยคนหนึ่งทักขึ้นบอกเพื่อน
"เอ๊ะแก...หน้าไอ้หล่อนี่คุ้นๆว่ะ เหมือนไอ้นักร้องเกาหลีที่มาเมืองไทยเลยว่ะ"
สาวสก๊อย 2 บอก
"อ๋อ...ไอ้ปาร์คจุนจีนั่นใช่ป่ะ ไหนดูดิ เออว่ะ คล้ายๆมากเลย"
ปาร์คจุนจีได้ยินอย่างนั้นก็หันมาทำปากเบี้ยวๆ ฟันเหยินใส่
"ปาร์คจุนจีที่ไหนครับ ผมไม่รู้จัก"

เขารีบคว้ามือเธอจูงหลบไปทันที
 
อ่านต่อหน้า 4

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 8 (ต่อ)

เขาจูงมือเธอให้ห่างพวกแก๊งค์เด็กแว้นมาที่ถนนที่เป็นถนนข้ามคลอง

"พวกนั้นไม่ตามมาแล้ว คุณนี่ดังระเบิดจริงๆนะ เป็นขวัญใจแม้กระทั่งพวกสาวสก๊อย"
ปาร์คจุนจีงง
"หา! สก๊อย"
"ก็สาวๆ ที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ซิ่งเด็กแว้นพวกนั้นไง"
ปาร์คจุนจีงงอีก
"เด็กแว่น"
"เด็กแว้น...ไม่ใช่เด็กแว่น โฮ่ย ช่างเถอะ ขี้เกียจอธิบาย"
กรรัมภายกมือข้างที่จับกันอยู่กับปาร์คจุนจีขึ้นมาเหวี่ยงปัด แล้วทั้งคู่ต้องชะงัก เมื่อพบว่าจับมือกันไว้แน่น ทั้งคู่มองหน้ากัน แล้วต่างคนต่างก็รีบปล่อยมือออกจากกัน พลางหันหน้ามองไปคนละทางอย่างเขิน
ทั้งคู่หันไปมองคลองเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยเรือพายขายของ
"เรือ!"
"ตลาดน้ำ!"
ทั้งคู่อุทานออกมาพร้อมกัน เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"ผมเคยเห็นแบบนี้ในรูปท่องเที่ยวอเมซิ่งไทยแลนด์ ที่นี่ชื่อว่าอะไรนะ"
กรรัมภามองไปที่ป้ายชื่อ
"ตลาดน้ำอัมพวา! บร๊ะเจ้า...รถนั่นพาเรามาถึงนี่เลยเหรอ"
ปาร์คจุนจีเดินมาเกาะราวสะพานมองอย่างชอบใจ
"มีขายของเต็มไปหมดเลย ไปดูกันคู้ณ"
"เดี๋ยวๆๆ"
กรรัมภารีบวิ่งมาดึงแขนปาร์คจุนจีเอาไว้
"เว! อะไรของคุณอีก"
"จะทะเล่อทะล่าไปเดินตลาดหน้าโล่งๆ แบบนี้น่ะเหรอ เกิดมีใครสักคนจำคุณได้ มีหวังตลาดน้ำแตก"
"เย! (เออ..ใช่)แล้วรองเท้าก็..."
ปาร์คจุนจีก้มลงมองเท้าที่ใส่รองเท้ากันอยู่ คนละข้าง

กรรัมภากำลังลองรองเท้าคีบ ราคา 99 บาทอย่างไม่มั่นใจ
"เกิดมาไม่เคยใส่อะไรอย่างงี้เลย"
"ผมก็เหมือนกัน แต่ผมชอบ"
"หือ"
ปาร์คจุนจียิ้มแป้น
"ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาอีก เดี๋ยวคนก็จำได้หรอก ว่านายเป็นใคร อ่ะนี่...ใส่ไว้"
กรรัมภาคว้าหมวกแก๊ปหัวสัตว์ใส่หัวปาร์คจุนจี แล้วคว้าแว่นเห่ยใส่ตาม
"ใส่นี่ด้วย"
"หมดนี่เลยเหรอ"
"ฮื้อ...จัดเต็มอย่างงี้แหละ เข้ากันเข้ากั๊นกับรองเท้าที่คุณชอบฮ่ะๆ"
เธอมองเขาหัวจรดเท้าแล้วขำก๊าก เขาเลยคว้าหมวกเห่ย รูปหัวลิงใส่ให้เธอมั่ง แล้วชี้หัวเราะเยาะเอาคืน
"ฮ่ะๆๆเข้ากันเข้ากั๊น"
กรรัมภาได้แต่ยืนหน้าเม้ง
"ทั้งหมดนี่เท่าไหร่ครับ"
เขาล้วงกระเป๋าจะจ่ายเงิน แล้วต้องตกใจนึกขึ้นได้ เขาตบๆไปที่กระเป๋าทั่วตัว
"กระเป๋าเงินผม!"
"ลืมเอามาใช่มั้ย หึๆ แต่ของฉันอยู่นี่" กรรัมภาหัวเราะในคออย่างเหนือกว่า
เธอยกกระเป๋าสะพายเล็กของตัวเองขึ้นมาแกว่ง
"เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้ อย่ามาหือกับฉัน ทำตามที่ฉันบอก ไม่งั้นจะปล่อยทิ้งให้อดอยู่ที่นี่"
ปาร์คจุนจีได้แต่ยืนเซ็ง ขณะที่กรรัมภายิ้มเริงร่า

เสียงโทรศัพท์ในบริษัทซิกส์เซนส์ดังขึ้น ทุกคนที่รอข่าวอยู่อย่างร้อนใจหันมามองเป็นตาเดียว
สุคนธรสรีบถลามารับ
"ฮัลโหล...บริษัทซิกส์เซนส์ค่ะ นั่นใครพูดคะ เสียงไม่ค่อยได้ยินเลย ห่ะ...แกเหรอยัยแก้ม!... ยัยแก้มโทรมาแล้วค่ะ" เนตรสิตางศุ์พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ
ทุกคนพลอยดีใจ รีบเข้ามาฟังใกล้ๆ
วรวรรธถาม
"ปลอดภัยดีใช่มั้ยครับคุณแก้ม"
"จุนจีล่ะ จุนจีของกุ๊กเป็นยังไงบ้าง"
เนตรสิตางศุ์ถาม

"ได้ยินเสียงมั้ย ทุกคนเป็นห่วงแกกับคุณจุนจีมาก คุณจองกุ๊กก็มารอคุณจุนจีอยู่ที่นี่"

กรรัมภากำลังยืนหยอดเหรียญคุยอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนนที่มีคนพลุกพล่าน

เสียงรถราบีบแตรดังไปหมด ขนเธอต้องตะโกนๆ คุย ปาร์คจุนจียืนรอยู่ข้างๆ
"โทษทีนะที่โทร.มาช้า คุณจุนจีอยู่กับฉัน ทุกอย่างโอเค บอกคุณจองกุ๊ก ไม่ต้องเป็นห่วง จะดูแลให้อย่างดี แบบจงอางหวงไข่ แม่ไก่กกไข่ มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม"
ทำเอาเนตรศิตางศุ์หัวเราะคิก
สุคนธรสถาม
"แล้วแกโทร.จากที่ไหนเนี่ยะ เสียงดังมากเลย"
"ฉันโทร.ตู้สาธารณะริมถนน เหรียญใกล้จะหมดแล้วด้วย"
"รีบถามซิคุณรส อยู่ที่ไหนกัน เดี๋ยวไปรับ" วรวรรธบอก
เนตรสิตางศุ์ถาม
"เอ่อแก้ม แกอยู่ที่ไหน ให้ไปรับมั้ย"
"แกต้องไม่เชื่อว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน อยู่ๆรถคันนั้นก็พาฉันมาโผล่ที่เอ่อ..."
เธอกำลังจะบอกว่าอยู่ที่ไหน แต่พอหันมองไป ปาร์คจุนจีหายไปจากจุดที่ยืนอยู่แล้ว
"อ้าว...หายไปไหนแล้ว"
สุคนธรสถาม
"ฮัลโหลแก้ม ทำไมเงียบไปล่ะ มีอะไรรึปล่าว ตกลงแกอยู่ที่ไหน"
"เอ่อ...แค่นี้ก่อนนะเนตร เดี๋ยวฉันจะโทร.ไปใหม่"
"เดี๋ยวแก้ม ฮัลโหลๆ"
กรรัมภาก็วางสายไปแล้ว เธอรีบมองหาปาร์คจุนจีให้ควั่ก
"เมื่อตะกี้ก็ยืนอยู่ตรงนี้ดีๆ หายไปไหนซะแล้ว"
กรรัมภาหันมองรอบตัว ไม่เห็นแม้แต่เงาของปาร์คจุนจี ชักใจคอไม่ดี นึกเป็นห่วงเขา
"อย่าแกล้งกันนะ เล่นอะไรบ้าๆแบบนี้ ฉันไม่ชอบนะ นายจุนจี แอบอยู่ที่ไหนออกมาเดี๋ยวนี้นะ"
กรรัมภาตะโกนเรียกหาไปทั่วบริเวณแถวนั้นแต่ไม่พบ เธอเลยออกเดินหา
เธอเดินตามมาหาเขาจนถึงตลาดริมน้ำ ท่ามกลางผู้คนราวกับมด ท่ามกลางบรรยากาศ 2 ริมฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยผู้คน ในแม่น้ำมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายของ และเรือนักท่องเที่ยว เธอมองหาเขาจนทั่ว ยิ่งหาก็ยิ่งหมดหวัง สีหน้าใกล้ร้องไห้เต็มที
ริมน้ำมุมหนึ่ง เธอเดินน้ำตาคลอ
"จุนจีคุณหายไปไหนเนี่ยะ ถนนหนทางก็ไม่รู้ เงินติดตัวก็ไม่มี โธ่...จุนจี กลับบ้านไม่ถูก ไม่มีข้าวกิน คุณต้องแย่แน่ๆเลย"
แล้วเธอต้องชะงัก เมื่อรู้สึกว่าเดินผ่านใครบางคนที่คุ้นๆ เธอถอยหลังกลับไป เห็นเขานั่งยองๆอยู่ริมท่า มองคนสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือนั่งกินกันที่ริมน้ำ เขากลืนน้ำลายเฮือก แต่ไม่มีตังค์ซื้อ เธอยืนมองอย่างโมโหสุดๆ แล้วยื่นมือไปดึงหู
"อยู่ที่นี่เอง"
"โอ้วๆๆ เจ็บๆๆมาดึงหูผมทำไม ผมเป็นใครรู้มั้ย ติ่งหูผมได้ค่าโฆษณาปีหนึ่งกี่ล้านวอนรู้มั้ย ปล่อย"
"ฉันรู้คุณเป็นใคร ค่าตัวคุณแพงแค่ไหน ฉันเป็นคนพาคุณมา ฉันถึงต้องรับผิดชอบตัวคุณไง แต่ถ้าคุณเล่นหายตัวแบบนี้อีก ฉันสาบาน ฉันจะเลิกเป็นแฟนคลับคุณไปตลอดชีวิต จะเผารูป เผาซีดีข้าวของเกี่ยวกับคุณที่ฉันสะสมไว้เป็นห้องให้หมดเลย ฮือๆๆ"
กรรัมภาร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ทำเอาปาร์คจุนจียืนอึ้ง รู้สึกดี
"คุณเลิกเป็นแฟนคลับผมไม่ได้หรอก ผมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณไปแล้ว"
"ฉันจะทำให้ได้ ฉันจะเกลียดคุณ ฉันจะทำเว็บเพจชมรมคนเหม็นขี้หน้าจุนจี"
"โหๆๆ อย่าเวอร์น่าคุณ ก็ผมหิว ข้าวเที่ยงยังไม่ได้กินเลย นี่มันก็เย็นแล้ว ผมก็เลยเดินมองหาของกิน เห็นโซบะนี่คนกินเยอะ ก็เลยแวะดู"
กรรัมภาปาดน้ำตา จริงอย่างปาร์คจุนจีว่า เธอก็หิว
"โซบะที่ไหน นี่เค้าเรียกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือ ลุงคะ! เอาเส้นใหญ่ทุกอย่าง 2"
"หมดแล้ว! เหลือเส้นเล็กอยู่ชามเดียว จะเอามั้ยหนู"
กรรัมภาเลยหันมาถามปาร์คจุนจี
"เค้าขายหมดแล้ว เหลืออยู่ชามเดียว จะกินมั้ย"
ปาร์คจุนจีส่ายหน้า
"ผมก็ดูไปงั้นแหละ ไม่กินหรอกอาหารไทย กินไม่เป็น"
"ไม่เอาแน่นะ งั้นฉันกินก่อนล่ะ ลุงคะ...เอาชามนั้นมาเลย ฉันกินปิดร้านให้เอง"
ลุงคนขายลวกก๋วยเตี๋ยวร้อนส่งให้ กรรัมภาจ่ายเงิน
"โห...น่ากินจังเลย"
เธอตักน้ำ เป่า ซด
"ฮื้อ...อร่อยแบบไม่ต้องปรุง"
ปาร์คจุนจียืนกลืนน้ำลาย มอง ท้องร้อง
"เอ่อคุณ...ผมอยากกินเนื้อย่างแบบเกาหลีน่ะ"
"นี่มันตลาดน้ำนะคุณ มีแต่อาหารไทยๆ ใครจะมาพายเรือขายอาหารเกาหลี ไม่กินแน่นะ งั้นรอ
ฉันอิ่ม เดี๋ยวพาไปหากินอย่างอื่น"
กรรัมภาพูดพลางคีบเส้นขึ้นมาเป่าแล้วซูดเข้าปาก
"อื้อหือ...แซ่บเวอร์...เอาอาหารเกาหลีมาแลกก็ไม่ยอม"
ปาร์คจุนจีมองกรรัมภากินแล้วน้ำลายไหล เธอมองจ้องขวับ
"ไม่กินแล้วมองอะไร"
"คุณก็กินเร็วๆ เข้าซี ผมหิวไส้จะขาดอยู่แล้ว"
"หึ ไม่กินอาหารไทย ตัวเองก็เป็นลูกครึ่งไทยแท้ๆ ทำเป็นไฮโซอ่ะ ลองชิมลูกชิ้นนี่ดู"
กรรัมภาคีบลูกชิ้นยัดใส่ปากปาร์คจุนจี เขาอมลูกชิ้นพูดอู้อี้
"คุณมายัดใส่ปากผมทำไม"
"นี่ เดี๋ยวตบปาก! อมข้าวเดี๋ยวก็ฟันผุหรอก เคี้ยวๆกลืนๆ เข้าไปเถอะ อร่อยแล้วอย่ามาขอเพิ่มแล้วกัน"
ปาร์จุนจีเคี้ยวลูกชิ้นด้วยสีหน้าอร่อยมาก คราวนี้ปาร์คจุนจีหันไปแย่งตะเกียบกับชามก๋วยเตี๋ยวมาจากมือกรรัมภาเลย
"อะไรอ่ะ!"
"เอามานี่ ผมจะกิน"
ปาร์คจุนจีแย่งไปจัดการโซ๊ยเส้นใหญ่
"ก็ไหนว่ากินไม่เป็น ดูดิ โซ๊ยใหญ่เลย เหลือให้ฉันบ้างดิ ฉันก็หิวนะ"

ทั้งคู่แย่งกินก๋วยเตี๋ยวกินชามเดียวกันอย่างน่ารักๆ

ภายในห้องนอนกรรณา เวลากลางคืน เธอนอนลืมตาโพลง นอนไม่หลับ แล้วก็กระเด้งขึ้นมานั่ง ด้วยความหงุดหงิดอารมณ์เสีย

"ชั้นต้องเอาไดอารี่คุณพิมอรมาให้ได้! ชั้นต้องปิดเคสนี้ให้สำเร็จ ไม่ให้น้อยหน้ายัยเจ๊ ยัยรส ยัยเนตรเด็ดขาด..ตายเป็นตาย"
กรรณามาถึงหน้าบ้านพงอินทร์ กรรณาบิดลูกบิดประตูอย่างเบามือที่สุด ปรากฏว่าไม่ได้ล็อก
"หึๆๆ ฮะๆๆ"
ภายในบ้าน มีเพียงแสงไฟสลัวๆ เธอปีนเข้ามาด้านในอย่างเงียบเชียบ ย่องเดินด้วยปลายเท้า พยายามจะไม่ส่งเสียง แล้วต้องชะงักเพราะเห็นปลายเท้าคน โผล้พ้นโซฟาออกมา กรรณารีบย่องเข้าไปดู
พงอินทร์นอนหลับอยู่บนโซฟา มีไดอารี่ปกแดงวางกางอยู่บนหน้าอก มือข้างนึงจับไดอารี่ไว้ กรรณายิ้มดีใจที่เห็นไดอารี่สีแดง พงอินทร์ท่าทางหลับสนิท
เธอยกมือโบกตรงหน้าเขาให้แน่ใจว่าหลับสนิทจริงๆ ยิ้มกระหยิ่มหมายจะเอาไดอารี่มาให้ได้ เธอย่องเข้าไปใกล้ใช้สองนิ้วคีบมือของเขายกขึ้นมาช้าๆ เพื่อจะได้หยิบไดอารี่ได้สะดวก แต่อยู่ๆ เขาก็ยกมือข้างที่จับไดอารี่ขึ้น
กรรณาผงะ รีบชักมือกลับ ยืนแข็งทื่อ ไม่หายใจ
ไดอารี่ที่วางบนอก ตอนนี้หล่นไปหว่างขา เขายังหลับสนิท
กรรณาค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบไดอารี่ ขณะกำลังยกขึ้นมา ช้าๆ เขาพลิกตัวหันหน้าเข้าหาเบาะหลังของโซฟา ยกขาก่ายพนักพิงหลัง ทำให้มือของเธอถูกหนีบเอาไว้ระหว่างขาทั้งสองข้างของโจ้
เธอนิ่ง กลัวเขาตื่น เธอค่อยๆดึงมือแต่ดึงไม่ออก พงอินทร์ยิ้ม กรุ่มกริ้ม ครวญเบาๆตามจังหวะการดึงมือออกของเธอ ขณะที่เธอดึงสมุดไดอารี่ กำลังจะพ้นอยู่แล้ว พงอินทร์เอื้อมมือมาคว้าหมับ
เธอผงะ เขาลืมตา ยิ้มตรงหน้า
"เข้าบ้านชายหนุ่มกลางดึกแบบนี้อันตรายนะน้องกรรณา"
กรรณาพยายามกระชากมือให้หลุด แต่พงอินทร์จับแน่น เธอดึงสุดแรงจนเป็นเหตุให้โซฟาพลิกหงายหลัง ร่างของเขาพลิกตามไปด้วย เขาทับเธอสนิท พงอินทร์จับมือทั้งสองข้างขึงพรืด มือข้างหนึ่งของเธอจับไดอารี่ไว้แน่น
"ปล่อยไดอารี่ซะ" พงอินทร์บอก
"ไม่"
"แน่ใจนะว่าจะไม่ปล่อย"
เธอก้มหน้าลงมาใกล้ๆ
"จะทำอะไร"
"เคยเจอเคราผู้ชายจิ้มหน้าป่ะ"
"อี๋"
เขาเชิดคางเธอไว้
"จะคืนไดอารี่ หรือจะโดนจิ้ม เลือกมา"
"ไอ้ทุเรศ"
พงอินทร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จะเอาเคราจิ้มหน้า
"ปล่อยแล้วๆๆ"
กรรณาปล่อยมือ พงอินทร์ผละออก หยิบไดอารี่คืนมา ระหว่างนั้นเธอไม่ยอมแพ้ จะเตะผ่าหมาก แต่เขาจับขากรรณาไว้
"อ้ะๆ น้องกรรณาแว่วเสียงผี มายืนแหกแข้งแหกขาให้ผู้ชายดู หน้าไม่อายจริงๆ"
เธอพยายามดึงเท้าคืน
"นายมันโรคจิต ความคิดสกปรก"
เขาดันเธอจนหลังไปชิดผนัง แต่ยังจับยกเท้าเธออยู่
"นายมีไดอารี่ไปก็เปล่าประโยชน์ แต่ชั้นต่างหากที่จะช่วยได้"
"เธอจะช่วยอะไรชั้น เธอทำงานให้ไอ้แผนยุทธไม่ใช่เหรอ"
"ก็ใช่ แต่การจะสืบให้รู้ว่าวิญญาณปากเสียที่ตามพี่เขยคุณอยู่คือใคร มันก็ต้องควบคู่ไปกับการสืบเรื่องการตายของพี่สาวนายนั่นแหละ"
"งั้นคุณจะไปทำงานให้ไอ้ด็อกทำไม มาทำให้ผมดีกว่า มันจ่ายเท่าไหร่ ผมให้สองเท่า"
"ชั้นไม่มีนโยบายรับงานซ้ำซ้อน"
"งั้นผมคงต้องแจ้งตำรวจ แล้วเธอก็ต้องไปนอนในคุกจริงๆ แล้ว"
" ยังไงชั้นก็ไม่เป็นนกสองหัว"
"แล้วเธอก็อดอ่านไดอารี่เล่มนี้"
กรรณากลับคำทันที
"ตกลง! ทำก็ทำ ชั้นรับงานคุณ"
"เป็นอันตกลงตามนั้น"
"จะปล่อยเท้าชั้นได้ยัง"
เขาปล่อยเท้า ปัง!! ลงพื้น เธอไม่ทันยั้ง
"โอ๊ย"
"นั่งลง เดี๋ยวชั้นอ่านให้ฟัง"
จังหวะที่เขาเผลอ เธอเตะผ่าหมากเขา ...เปรี้ยง! เขาถึงกับทรุด เธอกระชากไดอารี่มา
"ใครสั่งใครสอนให้จับขาชั้นคุย นั่งลง!! ชั้นจะอ่านให้นายฟังเอง"

กรรณานั่งโซฟา ส่วนพงอินทร์ทรุดกับพื้น จุก

แสงสี 2 ฝั่งคลองของตลาดน้ำยามค่ำคืน ทั้งคู่เดินทอดน่องกินขนมมาตามริมคลองที่บัดนี้เริ่มไร้ผู้คน ร้านรวงเก็บข้าวของปิดกันหมดแล้ว ทั้งสองเพลิดเพลินจนลืมเวลา ปาร์คจุนจีล้วงขนมเบื้องจากถุงที่กรรัมภาถือ
 
"อร่อยจัง...ขนมเปลือง"
เธฮหลุดขำก๊าก
"ใช่...ขนมเปลือง เพราะคุณกินจุ๊จุ เปลืองจริงๆ เค้าเรียกขนมเบื้องย่ะ"
เธอล้วงๆ เทถุง
"ห่ะ! หมดแล้วด้วย อ๊าย...คุณเอาชิ้นสุดท้ายของฉันไปเอาคืนมานะ"
"เรื่องอะไร! ก็ผมจะกิน"
เขาแกล้งยกแขนที่ถือขนมขึ้นสูงหลบ ให้เธอกระโดดแย่ง
"แต่ฉันถือเคล็ดนะ กินอะไรก็แล้วแต่ ชิ้นสุดท้ายต้องเป็นของฉันคนเดียว"
"ทำไม...ทำไมชิ้นสุดท้ายต้องเป็นของคุณด้วย…ฮู้ว"
"ก็ชิ้นสุดท้ายแฟนหล่อไง ไม่รู้เหรอ"
"อ๋อเหรอ! คุณอยากจะได้แฟนหล่อๆเหมือนผม…เหรอๆ"
เขายื่นหน้ายื่นตาเข้าไปยั่ว กรรัมภากัดปาก 2 มือจิกแน่น หล่อโคตร จนต้องเดินหนีอย่างขัดใจ
"ทุเรศที่สุด ทำไมต้องมายั่วกันอย่างงี้ด้วยนะ"
แต่เขาคว้าแขนดึงไว้
"เดี๋ยวจะไปไหน! ผมยอมให้คุณกินก็ได้อ่ะ"
กรรัมภาตกใจ เพราะใจคิดอยากได้จุนจีอยู่
"ห่ะ! ค คะ คุณว่าไงนะ!"
"ก็นี่ไง มาแบ่งกินขนมเปลืองกันคนละครึ่ง ผมหม่ำครึ่งนึง คุณหม่ำอีกครึ่ง คุณก็จะได้แฟนหล่อ ผมก็จะได้แฟนสวยเหมือนกัน อ่ะ...คุณก่อน"
ปาร์คจุนจียื่นขนมเบื้องไปป้อนให้กรรัมภากัดกินก่อน เธอยื่นหน้าไปกัดกินพลางจินตนาการไปว่า... ปาร์คจุนจียื่นหน้ามาจุ๊บปาก
กรรัมภาหลับตาพริ้มสวาปามขนมเบื้องเข้าไปทั้งอัน ปากเลอะครีมไปหมด เขายืนทำหน้าแหย
"เฮ้ย... นี่คุณ"
เธอยังพริ้มถาม
"ว่าไงคะ"
"คุณกินขนมเปลืองของผมหมดเลย"
เธอได้สติ ลืมตาขึ้นมอง
"หา! ฉันกินหมดทั้งอันเลยเหรอ"
"ยังจะถาม หลักฐานยังเลอะคาปากอยู่เลยเนี่ยะ"
ปาร์คจุนจียื่นมือไปเช็ดครีมที่ปากออกให้ ทำเอากรรัมภาอึ้งๆ
"ดูซิ ผมอดกิน ก็เลยอดได้แฟนสวยๆเลย"
เขาหยอดตลอดแล้วก็แกล้งเดินงอนๆไป เธอยืนมอง เขกหัวตัวเอง
"ยัยบ้าเอ้ย...ดันฟาดหมดทั้งอัน เลยอดทำซึ้งเลยอ่ะ"
กรรัมภามองไกลเห็นปาร์คจุนจีกำลังหยุดคุยกับลุงที่ขับเรือมาเทียบลำหนึ่ง แล้วอยู่ๆ เขาก็ก้าวลงเรือไป
"จุนจี! นั่นคุณจะลงเรือไปไหน"
เขาหันมาโบกมือตะโกนเรียก
"จะไปด้วยกันหรือเปล่า ผมจะกลับเกาหลีแล้วนะ"

กรรัมภาวิ่งจู๊ดโวยวายมาที่เรือ
"จะบ้าหรือไง คุณจะนั่งเรือหางยาวเนี่ยะนะกลับเกาหลี หลุดจากคลองนี่ก็ไปเจอแม่น้ำแม่กลองนะ ไม่ใช่ไปโผล่แม่น้ำฮันที่กรุงโซล"
ปาร์คจุนจีหัวเราะร่วน สนุกที่ได้แกล้ง
"ฮ่ะๆงั้นสะพานน้ำพุที่ยาวที่สุดในโลกเหนือแม่น้ำฮันที่กรุงโซลชื่ออะไรล่ะ ถ้าคุณตอบถูก ผมจะให้คุณไปด้วย เราจะลงเรือลำเดียวกันไปดูสายรุ้งกันที่กรุงโซล"
ปาร์คจุนจีพูดพลางลุกขึ้นยืนรอ
"โอ้วแม่เจ้า...นี่มันซีนน้ำเน่าในละครเกาหลีชัดๆ" กรรัมภาพึมพำ
ปาร์คจุนจีตบอกเบาๆ โคตรเท่
"รึว่าคุณไม่อยากไปกับปาร์คจุนจี"
กรรัมภารีบตอบ
"ไปซิ...ฉันไป! สะพานน้ำพุที่ยาวสุดในโลกชื่อ...ชื่อ...อะไรนะ คิดซิยัยแก้ม แกเคยไปมาแล้ว อ๋อ...ชื่อสะพานสายรุ้งBanpo Bridge"
"ถูกต้องคับ เย้!"
ปาร์คจุนจีดีใจพลางยื่นมือไปให้กรรัมภาจับก้าวลงเรือ แต่เธอเซ เลยนั่งแผละลงบนตักปาร์คจุนจี
"อุ้ย!"
เขารวบกอดเอวเธอเอาไว้ด้วยความตกใจ ทั้งคู่อึ้งมองหน้ากัน ลุงคนขับเรือแอบยิ้มฟันหลอ
"แหะๆๆ ข่อยไปล่ะเด้อ"
ลุงสตาร์ทเรือหางยาวขับไป โดยมีเธอนั่งอยู่บนตักเขา ทั้งคู่มองหน้ากัน ปิ๊งๆๆ

ภายในห้องรับแขก บ้านพงอินทร์ กรรณานั่งไขว้ห้างรออย่างสบายใจ แอบขำสะใจ หลังจากที่เตะผ่าหมากพงอินทร์จนจุกแล้ว เขาเดินถือขวดยาหมอเส็งซดออกมาจากทางห้องครัว นั่งลงข้างๆเธอ
พงอินทร์ถามกวนๆ
"รอนานรึปล่าวจ๊ะที่รัก"
"ทำเป็นปากดีไป เจอผ่าหมากเข้าไป หายจุกแล้วเหรอ" กรรณากวน เยาะเย้ย
"ยิ่งกว่าหายจุกอีกจ้ะ แถมยังกลับมาฟิตปั๋งด้วยยาน้ำว่านชักมดลูกขวดนี้"
"เฮ้ย!ไอ้บ้า...นั่นมันของผู้หญิงกินนะ"
"อะๆ เคยกินล่ะดิ มิน่าผิวพรรณถึงได้เปล่งปลั่ง ไม่ขี้เหร่เหมือนตอนเด็ก"
พงอินทร์พูดพลางยื่นนิ้วไปเกาคางกรรณา เธอเลยคว้าไม้เกาหลังหลังใกล้มือมาฟาด
แต่พงอินทร์คว้าหมอนอิงมารับไว้
"ฟ้าบๆๆ ไม่ได้แอ้มผมอีกแล้ว"
กรรณาวางไม้เกาหลัง ลุกขึ้นมาตั้งการ์ด
"จะเอาอีกไหม นายโจ้ผีเจาะปาก"
"ไม่แล้วค่า...กลัวมากๆ"
กรรณานั่งลง
"กวนประสาท! พร้อมหรือยังล่ะ ฉันจะอ่านบันทึกให้ฟังซะที"
"โฮ่คุณกรรณแว่วเสียงผี บันทึกเป็นร้อยๆหน้า กว่าจะรอให้คุณอ่านให้ฟังจนจบ ก็เช้าพอดี
มา....ให้ผมเล่าให้คุณฟังเองดีกว่า"
"เล่า"
"หูคุณไม่ฝาดหรอก ตอนที่นอนรอคุณ ผมอ่านบันทึกเล่มนี้จบแล้ว"
พงอินทร์ยักคิ้ว กรรณาโคตรเซ็งเลย ถอนหายใจแรงๆ กอดอกทิ้งหลังพิงผนักเก้าอี้รอฟัง
"เล่าแต่เนื้อๆนะ ไม่เอาน้ำ แล้วก็อย่าลีลา ฉันมีความอดทนต่ำ"
พงอินทร์เคาะนิ้วชี้ลงไปบนสมุดบันทึก
"ในนี้! พี่พิมบันทึกเอาไว้ ถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อช่อเพชร"
กรรณาชะงักฟังอย่างสนใจทันที
"ช่อเพชร! ผู้หญิงคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับด็อกเตอร์แผนยุทธรึปล่าว"
พงอินทร์ยักคิ้ว ทำหน้าลามก

"เลขาสาว คิดดูเอาเองละกาน"
 
อ่านต่อตอนที่ 9 / 17.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น