ข่าวละคร "สาปพระเพ็ง"
"อเล็กซ์" คู่ปรับอดีตชาติ
หันมาหลงรัก "เบนซ์"
อดีตผมเล่นเป็น สุเลวิน เป็นโหรตาบอด เป็นคนที่เหมือนเวลามีการรบ มีอะไรที่จะต้องเตือนให้องค์นรสิงห์รู้ เราก็จะเห็นก่อน เหมือนเป็นคนที่เห็นทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ตาบอด เป็นเหมือนมือขวา และเวลาที่องค์นรสิงห์จะออกรบ ก็จะรอให้สุเลวินบอกว่าโอเคไหม วันนี้จะรบได้ไหม แต่ว่าก็จะเกิดความขัดแย้งกับแม่ทัพสีหสาก็คือพี่เบนซ์ เพราะว่าพี่เบนซ์ เขาจะเป็นนักรบใจร้อน จะเกิดConflict ระหว่างสองตัวละครนี้
ส่วนเรื่องอดีต มันไม่มีอะไรง่ายเลยครับ แต่ว่ามันก็จะมีความน่าสนใจ ความสนุกในการแสดงตรงนี้ เพราะว่ามันเป็นการแสดงที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตเลยครับ การย้อนยุคไปขนาดนี้ พันปีที่แล้ว โดยชุด โดยภาษา โดยโลเกชัน มันค่อนข้างที่จะเป็นเอกลักษณ์มากๆ สำหรับละครเรื่องนี้ มันก็เลยเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ มันก็เลยต้องใช้การจูน การทำการบ้านค่อนข้างหนัก เป็นอะไรที่ยากมากๆ ปกติเล่นละคร เท่าที่เคยเล่นมา มันจะใช้สายตาในการส่งอารมณ์กับตัวละครตัวอื่นๆ คือโดยมากเราจะใช้สายตาในการเล่นละคร แต่พอตาบอดแล้ว วันแรกที่เข้ามา คือ งงมาก งงกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจอ เป็นอะไรที่ผมจะจดจำไว้อีกนานมาก เพราะว่าเรางงกับทุกสิ่งทุกอย่าง มันเหมือนเราพยายามจูน แต่จูนไม่ได้สักที มีบทพูดแบบเยอะมากในวันแรก เป็นการใส่ bald cap ทั้งวันเป็นครั้งแรก ตัวละครก็เยอะด้วยวันนั้น มีรับเชิญมาหลายคน ก็เลยค่อนข้างที่จะกดดัน แล้วเป็นการเหมือนทำให้เราฮึดว่าครั้งหน้า เราจะต้องมาให้แม่นกว่านี้ เราจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ นั้นคือความยากของพาร์ทอดีต
ในปัจจุบันเล่นเป็นวิว เราจะต้องคู่กับพี่เบนซ์ เพราะบาปกรรมของชาติที่แล้ว คงทำให้เราต้องมาหลงรักกันโดยที่ไม่รู้ตัว มันเป็นความรักที่เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มันชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องเราก็เรียกเค้าว่าเจ๊ เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานเรา เป็นหัวหน้าเราจะช่วยเหลือกัน ทำงานเป็นทีมกัน พอความใกล้ชิด กลายเป็นความห่วงใย พอความห่วงใยมันก็กลายเป็นความรัก ทั้งสองฝั่งไม่รู้ตัว ทางนั้นก็มองว่าเราเป็นเด็กไม่มีทาง ก็จะไปชอบผู้กอง แต่สุดท้ายแล้วคนที่อยู่ใกล้ชิดคอยเป็นห่วงเขากลับมาหลงรักกลับมาห่วงใยทั้งที่วัยแตกต่างกัน แต่ทั้งนี้เพราะในอดีตเราทำอะไรมาด้วยกันมันถึงหนีกันไม่พ้น
ในเรื่องของความอลังการ เรื่องของการใช้เวลา เรื่องของความละเอียด ผมว่าอาตู่เขาไม่ปล่อยเลยครับ คือ บางคนอาจจะบอกว่าเราถ่ายนาน แต่ว่าถ้าใครที่มาที่กองถ่ายเรา แล้วมาเห็นว่าเพราะอะไรเราถึงเก็บได้ไม่เยอะในบางวัน ก็เพราะความละเอียด สิ่งเล็กๆน้อยๆที่มันจะเป็นการช่วยในการเล่าเรื่องของอาตู่ ก็ต้องเป๊ะ เพราะถ้าเกิดเราลงทุนใส่ชุดใส่อะไร แต่ไม่ใส่รายละเอียด มันก็จะไม่เต็มที่ เราก็พยายามทำให้เต็มที่ อย่างเช่น พวกเสื้อผ้า หน้า ผม ทุกคนก็จะมีความหนักอยู่ในตัว ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ อย่างพี่เบนซ์ก็ในเรื่องของการรบ ในเรื่องของชุด ทุกคนก็จะมีความยาก-ง่ายของตัวเอง
สถานที่ถ่ายทำเป็นต่างจังหวัด ทุกที่มันสวย โดยฝ่ายอาร์ตของเราก็ทำได้สวยมาก แล้วฝ่ายกล้องก็ถ่ายออกมาได้สวย มันเหมือนเวลาเราตากแดดแต่พอไปดูในมอนิเตอร์ มันก็ทำให้เราภูมิใจได้ ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในเฟรมเท่ๆแบบนี้เหมือนกันนะ
ผมว่าเรื่องนี้เสน่ห์ในช่วงอดีตถ้าถามผม ผมว่าอยู่ที่ธีมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คือของเราก็จะเป็นสีนี่เลย อย่างที่เห็น สีแดงๆ ส้มๆ ของเขาก็จะเป็นสีฟ้า ใสๆ รักๆกัน พวกฉากไม่ได้เป็นแค่เสื้อผ้า ไม่ได้เป็นแค่ฉากมันเป็นโลเกชันตรงนั้นด้วย ทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ผมว่าตรงนี้ทำให้ผมสนใจมากที่สุดและความรักที่เขามีให้กัน ความสามัคคี มีแต่เราที่พยายามที่จะบุกเขาแบบนี้ มันเลยเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เราจะเชื่อในเรื่องของบาปกรรม ชอบที่จะรู้ตัวเองในเรื่องหมอดูที่เราดูกันว่าในอดีตเราไปเจออะไรมา อนาคตเราจะเจออะไรแบบนี้ แต่พอเรื่องนี้เขาตัดสลับเล่าทั้งสองฝั่ง ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันในอดีตเราทำอะไรมาถึงมาเป็นแบบนี้ในปัจจุบัน ซึ่งมันเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าใครนั่งตั้งใจดูจริงๆ จะเห็นได้ว่าดีเทลเล็กๆ น้อยๆ วิธีการพูด คาแรคเตอร์ของตัวละครนั้นๆ มาจากเพราะอดีตเขาเป็นยังไงผมคิดว่าจะเป็นอะไรที่ทำให้คนดูติดตาม ให้ความสนใจกับตรงนี้ ผมก็เชื่อเรื่องพวกนี้ในระดับนึง ยิ่งตอนหลังๆ มันจะตัดสลับ องค์นรสิงห์พูด ก็จะตัดกลับไปปัจจุบัน ผมว่าตอนหลังที่อ่านจากบทเป็นช่วงที่สนุกที่สุด เพราะเริ่มมีรบกัน แล้วตัดกลับมาอีกทีแล้วนี่ก็ทะเลาะกัน แล้วก็ตัดอีกทีมันก็จะเป็นแบบนี้ครับ ต้องติดตามดูถึงจะเข้าใจครับ