“ใหม่-ภวัต” ปลื้ม “น้ำตาล” สวยเจิด
ปิ๊ง “สายป่าน” พลิกร้ายแรกก็น่าตบ!
“ใหม่-ภวัต พนังคศิริ” เป็นอีกหนึ่งผู้กำกับจอเงินที่หันทำละครจนเปรี้ยงปร้าง โดยเฉพาะ “บ่วง” เมื่อปีก่อน ที่ทำเอา “นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา” เดินสายรับรางวัลยอมเยี่ยมแทบทุกสถาบัน ล่าสุดมีผลงานละครเรื่อง “มัจจุราชสีน้ำผึ้ง” ที่ลงจอไปหมาดๆ ทางช่อง 3 สารภาพว่าคิดแย้งตั้งแต่แรกว่า แนวละครน้ำเน่าจัดจ้านแบบนี้ จะไหวหรือ?
แถมกว่าจะควานหาตัวนางเอกมาได้ ก็เลือดตาแทบกระเด็น แต่พอได้นางเอกป้ายแดง “น้ำตาล-พิจักขณา วงศารัตนศิลป์” มา ผู้กำกับมือทอง ก็เป็นปลื้มไม่น้อย แถมยังออกกปากชมเปาะว่าสวยเจิดตั้งแต่เห็นครั้งแรก และต้องมีการปรับบทในเรื่องช่วงอายุ เพราะมีการเปลี่ยนตัวนางเอกใหม่จากตอนแรก วางนางเอกหน้าหวาน “แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” ไว้
“กว่าคิวทุกคนจะลงตัวก็วุ่นๆ อยู่เหมือนกัน พอดีคิวของเคน (ธีรเดช วงศ์พัวพัน) ได้ตรงกันกับคนอื่นๆ ก็ถือว่าโชคดี อยากร่วมงานกับเคนมานานแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เคยร่วมงานกันสักที พอมาจูนกันเรื่องการแสดงฝีไม้ลายมือไม่ต้องพูดถึง ส่วนนางเอกแคสติ้งมาใหม่สวยเลย เห็นครั้งแรกรู้สึกว่าคิดไม่ผิดเลยที่เลือกน้อง”
เจอ “น้ำตาล” ครั้งแรกเป็นไงบ้าง?
“พี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธ์) นัดมา นำเสนอมา หลังจากที่เราพลาดเรื่องตัวนางเอกไป และกำลังเฟ้นหากันอยู่ พอดีมีน้องน้ำตาลเข้ามาให้ผมดูเห็นครั้งแรกก็ชอบเลย แล้วให้ลองแคสติ้งบทดูพอแคสต์แล้วก็มาคิดกันอยู่พักหนึ่งว่าเป็นไงบ้าง พอทุกคนลงมติว่าผ่าน แล้วเหมาะดีกับบทนี้ คือ สวย หวาน บอบบาง พร้อมถูกตัวละครอื่นๆ ทำร้าย (หัวเราะ) คือ นางเอกน้ำเน่าที่ตามหากัน”
ให้น้องเตรียมตัวกับละครเรื่องแรกอย่างไงบ้าง --ยิ่งเป็นแนวดราม่า?
“น้องน้ำต้องมีไปเข้าคอร์สเรียนการแสดงครับ เพราะน้องไม่เคยผ่านงานแสดงมาก่อนเลย ก่อนจะมาเล่นละครก็มีแค่โฆษณา แล้วเล่นโฆษณาก็ไม่เคยไปเรียนการแสดง ซึ่งทางบรอดคาซท์ก็เลยส่งให้ไปเรียนการแสดง ให้พอมีวิชาจากอาจารย์หลายท่านติดตัวมาบ้าง ซึ่งอยู่ในกองถ่ายก็มีหลายคนที่คอยช่วยเหลือ ช่วยแนะนำอักที”
เห็นว่ามีปรับบท “รจนาไฉน” จากเดิมที่วางไว้เป็น “แอฟ” เพื่อให้มาเป็น “น้ำตาล” อีกด้วย จูนกันนานมั้ย ?
“ยอมรับว่ามีปรับนิดหน่อยครับ แต่ปรับไม่เยอะ จุดหนึ่งที่ต้องปรับคือเรื่องของอายุ ซึ่งก็ต้องปรับตามไปหมดรวมถึงตัวละครอื่นๆ ที่ตามมาด้วย”
รวมทั้ง “สายป่าน” ที่ดึงมาพลิกร้ายครั้งแรก
“ใช่ครับ พอเราเลือกน้ำตาลแล้ว ตัวน้องสาวก็เลยต้องเลือกที่คนดู ดูแล้วเชื่อว่าเป็นเด็กกว่า ก็หาอยู่นานเหมือนกัน จนวันหนึ่งปิ๊งขึ้นมา เลยถามไปทางน้องสายป่าน (อภิญญา) ว่าอยากลองเปลี่ยนแนวเล่นมั้ย อยากลองพลิกหรือเปล่า เพราะบทมันค่อนข้างที่จะร้ายอยู่ พอทราบว่าน้องเขาเองก็สนใจ แต่ติดตรงที่คุณพ่อคุณแม่น้องยังไม่อยากให้น้องรับร้ายเล่นมากนัก เราก็ต้องอธิบายถึงตัวละคร พบ หรือ โลมฤทัย ว่ามันน่าสนใจอย่างไง และก็จะพยายามจะทำใหม่ให้สายป่านมีมิติมากขึ้นมากกว่าทั่วๆ ไป กว่าน้องจะยอม และทุกอย่างลงตัวก็นานอยู่”
ถึงวันทำงานจริง วันแรกที่ “น้ำตาล” เข้าฉากเป็นยังไงบ้าง?
“ฉากแรกที่น้ำตาลได้เข้า พอไปถึงกองถ่ายปุ๊บเป็นฉากที่นางเอกรู้แล้วว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า ฉากนี้ทุกๆ คนลุ้นและเอาใจช่วยน้ำตาลกันยกใหญ่ เรียกว่าทุกๆ คนในกองถ่ายช่วยเป็นอาจารย์ให้หลายคนมาก..... นักแสดงทุกคนที่เล่นด้วยก็ช่วยกันไกด์ให้น้องเขาเยอะอยู่ ช่วยส่งอารมณ์ให้กัน เรียกว่าวันแรกก็เจอซีนดราม่าเลย เพราะต้องเล่นเป็นลูกกำพร้าไง ซีนอารมณ์ด้วย ก็เลยยาก เพราะต้องทำอย่างให้รู้สึกว่าขัดแย้งกับตัวเอง เพราะทำไมต้องมาร้องไห้ให้คนทั้งกองดูผมก็เชื่อว่าหลายๆ ฉากน่าจะกดดันน้องอยู่พอสมควร แต่พอเวลาเล่นจริงๆ น้ำตาเขาอยู่ๆ ก็จะไม่ไหลเลย ซึ่งก็บิ้วท์กันเยอะมาก แต่พอทุกคนที่เข้าฉากด้วยกัน ก็พยายามสร้างความผ่อนคลายให้ว่า อย่าเครียดนะ ทีนี้พอเข้าทางกัน ส่งอารมณ์มาอีก แล้วทีนี้น้องก็ร้องได้ไม่หยุด”
พอใจมากน้อยแค่ไหนสำหรับเรื่องนี้ แล้วคนดูจะได้อะไรจากละครเรื่องนี้?
“ความสนุกมีให้แน่นอน ตอนแรกที่ผมอ่านบททั้งหมดจบหมดแล้ว มันสนุกมากเป็นละครที่ทุกคนน่าจะชอบ เป็นละครเมโลดรามาที่หลายคนคงไม่เชื่อว่า ในยุคนี้ยังมีอยู่อีกเหรอ คำถามแรกที่ผมถามพี่หน่องว่าละครแบบนี้ยังมีอยู่อีกเหรอ แต่ว่าทางผู้ใหญ่ก็ให้คำแนะนำต่างๆ นานา จนผมเองก็เชื่อ มั่นใจการกำกับและน่าจะเป็นละครอีกเรื่องที่ถูกใจคนดูครับ”
ถึงวันนี้คนดูอย่างเราๆ ท่านๆ ก็คงบอกตัวเองได้เต็มปากแล้วว่า ละครเรื่องนี้ โดน อีกแล้ว โดนผุดๆ เลยจร้า ผกก.ใหม่