มายาตวัน ตอนที่ 3
ยามสาย ภายในสำนักงานของหนังสือพิมพ์สยามสาร สาระวารีและมีคณากำลังนั่งดื่มกาแฟ ทานแซนด์วิช อยู่ที่ห้องพักผ่อนดื่มกาแฟของพนักงาน พร้อมเปิดสปีคเกอร์โฟนจากโทรศัพท์มือถือคุยกับมัทนาไปด้วย
“ถ้าข้อสันนิษฐานของมัทเป็นจริง รับรองว่าเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ”
มีคณาสงสัย ถามกลับไป
“เขตต์ตวันเนี่ยนะจะเป็นดีไซน์เนอร์”
“ก็ไม่แน่นะมี่ งานออกแบบเสื้อผ้าอาจจะเป็นความสามารถพิเศษ ของเค้าก็ได้” สาระวารีบอก
มัทนาแอบคุยโทรศัพท์อยู่ที่หลังพุ่มไม้
“อันนี้มัทก็ไม่แน่ใจ แต่คงมีทีมดีไซน์เนอร์หลายคนแหละที่ช่วยออกแบบให้เค้า แต่เค้านั่นล่ะเป็นเจ้าของแบรนด์ตวันตัวจริง แค่อุปโลกน์ชื่อจันทิราขึ้นมาบังหน้า”
“ไม่น่าล่ะ ถึงไม่มีใครเคยเห็นตัวจันทิราเลย” สาระวารีบอก
มัทนาเสริมทันที
“นอกจากรูปหญิงสาวผมยาวตอนปิดโชว์...”
มีคณาสงสัยและต้องการหลักฐานที่ชัดเจน
“อะไรทำให้มัทมั่นใจขนาดนี้ล่ะ”
“ก็งานออกแบบคอลเล็กชั่นใหม่ของดีไซน์เนอร์วันนี้ยังยืนยันไม่พออีกเหรอะมี่ จะเอางานมาพรีเซนต์ทำไมถ้าเขตต์ตวันไม่ใช่จันทิรา”
มัทนาสีหน้ามั่นใจบอก
“ ไม่ใช่แค่นี้หรอกพี่วารี มีอีกหลายอย่างที่ทำให้มัทสงสัยว่าห้องเสื้อตวัน คือกิจการของเขตต์ตวันหลังจากออกจากวงการ”
มัทนา...คิดย้อนหลังถึงลลิสา ในชุดสุดท้ายสวยหรูแต่แอบเซ็กซี่กว่าทุกชุด เดินตามรันเวย์ท่ามกลางเสียงปรบมือ...
ภาพที่มัทนาเสียหลัก หงายไปกระแทกกับลังที่แม่บ้านและคนขับรถช่วยกันขนลงมาพอดี จนลังหลุดมือตกมาตามบันไดระเบียงหน้าบ้าน ฝาเปิด เสื้อผ้าผู้หญิงแบบสวยงามหลุดออกมากองที่พื้นหลายชุด...หนึ่งในนั้นมีเสื้อผ้าชุดฟินาเล่ที่ลลิสาใส่คืนเดินแบบ มัทนาจับตามองเสื้อชุดนั้นอย่างจำได้ สีหน้าเริ่มติดใจสงสัยขึ้นมา
มัทนาหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมา เปิดหน้าที่ขั้นเอาไว้ หยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมาดู เป็นภาพวาดลายเส้นออกแบบเสื้อผ้าชุดที่ลลิสาใส่เดินแบบชุดปิดโชว์คืนวันนั้น
“ชุดฟินาเล่ของลิซ่านี่นา”
และครั้งที่มัทนาเงี่ยหูแอบฟังอย่างเก็บข้อมูล
“ครับ ผมเลขาส่วนตัวคุณจันทิราครับ”
มัทนาขยับปากพูดตามไม่ออกเสียง
“เลขาส่วนตัว”
สาระวารีดูตื่นเต้น
“งานชิ้นโบว์แดงของเธอเลยนะมัท พี่ว่ามัทได้ย้ายไปโต๊ะการเมืองแหงๆ เรื่องนี้รับรองต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ เลย”
“ข่าวใหญ่อะไรกันจ๊ะสาวๆ”
สาระวารีและมีคณาตกใจหันมองไชยวัฒน์ที่มายืนยิ้มกริ่มแอบฟังอยู่
มัทนาเห็นสองสาวเงียบไป
“พี่มี่ พี่วารี ฮัลโหล...ฮัลโหล”
“แค่นี้ก่อนนะมัท อย่าลืมทำลายหลักฐานล่ะ” มีคณาบอกแล้วตัดสายไป
มัทนาหยิบกระดาษออกแบบแผ่นนั้นขึ้นมามองดูอีกครั้ง ยิ้มมั่นใจว่า ข้อสันนิษฐานตน
ต้องเป็นจริงแน่ๆ ก่อนจะฉีกทิ้งทำลายหลักฐาน
ภายในห้องประชุม ดีไซน์เนอร์ค้นหาภาพที่ตนออกแบบอยู่ไปมา เขตต์ตวันและทุกคนในที่ประชุมมองมาที่ดีไซน์เนอร์ และรอดูผลงาน เมื่อหาไม่เจอก็ร้อนใจ
“หายไปไหนเนี่ย”
ดีไซเนอร์ค้นหาอีกรอบท เอกชัยบอก
“หาไม่เจอก็ไม่เป็นไร พรีเซนต์มาเลยดีกว่า”
ลลิสายกแบบในมือโชว์อย่างพอใจ และยิ้มปลาบปลื้ม
“แบบแรกก็ดีแล้วนี่แจ๊ส ลิซ่าชอบมาก เซ็กซี่แบบผู้ดีจะตาย”
ชลบุษย์แขวะใส่
“ผู้ดีจะตายมากกว่า โป๊ซะขนาดนั้น”
ลลิสาชายหางตามอง
“จุดขายของแบรนด์ตวันที่นักข่าวจับตามองก็คือชุดฟินาเล่เซ็กซี่มีระดับ ที่แสดงแบบโดยฉัน ไม่ใช่เหรอะ หรือว่าฉันเข้าใจผิดมาตลอด” ลลิสาเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
“ก็เพราะแบบนี้ไงคะคุณลิซ่า แจ๊สถึงได้ออกแบบที่สองมาเซอร์ไพรส์แฟนๆ ของเรา”
เขตต์ตวันท่าทางสนใจ
“เซอร์ไพรส์ยังไงเหรอะ”
ดีไซน์เนอร์ยิ้มภูมิใจเสนอ
“ก็ชุดฟินาเล่ของตวัน ไม่เซ็กซี่ไงคะ”
ลลิสาหน้าแหยถาม
“น่าสนใจตรงไหน”
ดีไซน์เนอร์หน้าจ๋อยไปทันที
“ว่าต่อสิ”
ลลิสาชายหางตามองเขตต์ตวัน ดีไซน์เนอร์ค่อยยิ้มออก พูดต่อทันที
“คือแจ๊สกลัวคนเดาทางเราได้ จะเบื่อน่ะค่ะ บางครั้งแบบเสื้อไม่ต้องเซ็กซี่ แต่ให้ดูลดวัยเป็นสาววัยรุ่นแรกแย้ม พอได้ไม้แขวนเสื้อเพอร์เฟ็กอย่างคุณลิซ่า มันก็จะเซ็กซี่บวกๆ ไปเองนะคะ”
“แต่ฉันก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี ให้ฉันแต่งตัวมิดชิด มันเสียจุดขาย แล้วใครจะมาแย่งกันถ่ายรูปฉันไปลงหนังสือ”
“แต่ผมชอบนะ คาดไม่ถึงดี” เอกชัยยิ้มชอบใจ
ลลิสาชะงักไป
ชลบุษย์ ได้ทีรีบเสริม
“ฉันก็ชอบค่ะ ยิ่งเปลี่ยนนางแบบ หาเด็กสาวเอ๊าะๆ มาเดินแทน ยิ่งเซอร์ไพรส์”
ชลบุษย์แกล้งสำเนียงเว่อร์อย่างขำๆ
“ไม่เห็นจะตลกตรงไหนเลย”
“ก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจดีนะ”
ลลิสาไม่พอใจ
“คุณปอน”
“ผมว่าถึงเวลาที่เราควรจะเปิดตลาดเสื้อผ้าสาววัยรุ่นซะทีแล้วล่ะ ลูกค้ากลุ่มนี้กำลังซื้อสูงนะ ดูถูกไม่ได้ แตกไลน์เป็นแบรนด์ใหม่ คุณภาพสูงแต่ราคาเอื้อมถึง”
“น่าสนใจ ได้ฤกษ์ทำซะที”
ชลบุษย์อมยิ้มอย่างสะใจ
ลลิสาโกรธลุกขึ้นยืนชูแบบในมือ
“ถ้าคอลเล็กชั่นใหม่ไม่ใช่แบบนี้ ลิซ่าก็ไม่เดิน รวมไปถึงงานการกุศลที่คุณเอกเพิ่งไปรับปากเค้ามาด้วย”
เขตต์ตวันกลัวเสียงาน
“ใจเย็นน่าลิซ่า เราแค่ประชุม ระดมความเห็นกันเท่านั้นเอง ถ้าคุณไม่แฮปปี้ก็คิดกันใหม่”
ลลิสาถึงยอมนั่งลง ยิ้มหน้าเชิดที่เขตต์ตวันยังถือหางอยู่ ชลบุษย์เหยียดปากหมั่นไส้ใส่
ผ่านเวลามาพักใหญ่ มัทนากำลังนั่งแปรงขนให้เจ้าจุดที่นอนนิ่งเพลินๆ อยู่ที่ระเบียงหลังบ้านเสียงชลบุษย์และเอกชัยเดินคุยกันดังนำมา
“แล้วค่าตัวนางแบบ จะเอายังไงคะ”
มัทนาหยุดกึก รีบผลุบไปหามุมแอบฟัง
ชลบุษย์พูดต่อ
“จะหักค่าใช้จ่ายก่อนบริจาคการกุศลรึเปล่า”
“เห็นปอนว่าเค้าจะรับผิดชอบเองนะ ส่วนนางแบบคนไหนจะร่วมทำบุญเดินฟรีให้ก็แล้วแต่ศรัทธา”
“คงไม่ใช่ยัยลิซ่าแน่” ชลบุษย์เหยียดปากอย่างหมั่นไส้
“ช่างเค้าเถอะ”
มัทนาแอบฟังอย่างเก็บข้อมูล
“แต่เรื่องเปิดตลาดเสื้อผ้าเด็กสาววัยรุ่น บุษย์เห็นด้วยนะคะคุณเอก”
“ผมก็เห็นด้วย เสียดายลิซ่าไม่เอาด้วย”
ชลบุษย์หมั่นไส้ น้ำเสียงแดกดัน
“เค้าเป็นจันทิราเจ้าของแบรนด์ตวัน รึไงคะ”
เจ้าจุดแหงนหน้าขึ้นมามองหาว่า มัทนาหายไปไหน เธอเอามือจุ๊ปากให้เงียบๆ
“เอาน่า เรายังต้องพึ่งเค้า ต้องยอมรับว่าลิซ่ายังเป็นจุดขาย สร้างกระแสให้แบรนด์ตวันอยู่ ปอนเลยยังไม่อยากหักหาญน้ำใจตอนนี้”
“แต่บุษย์มีไอเดียค่ะคุณเอก เราก็จัดเป็นชุดปิดโชว์คู่เลยสิคะ ให้ลิซ่าจูงมือนางแบบโนเนมมาก็ได้”
เอกชัยคิดตาม
“อืม ไอเดีย ไม่เลวนะ”
ไม่คาดคิดเสียงเจ้าจุดเห่าดังเรียกมัทนาขัดขึ้นมา เธอรีบออกจากที่ซ่อนแล้วทำเป็นวิ่งเล่นไล่กันมากับเจ้าจุด
“ตามมาเร็ว”
มัทนาปั้นท่าตกใจที่เจอสองคน รีบยกมือไหว้
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ มาจุด ตามมาเร็ว”
เจ้าจุดวิ่งตามมัทนาไปทางสนาม
ชลบุษย์สีหน้าเจ้าเล่ห์ หันมองตามมัทนาไปพร้อมกับยิ้มพอใจ
“นางแบบโนเนมหน้าใหม่ก็ไม่ต้องหาที่ไหนไกล”
“เด็กมัทเนี่ยเหรอะ”
“หน้าตาจิ้มลิ้มจับแต่งเข้าหน่อย โอเคเลยนะคะ...ใช้เด็กหน้าตาบ้านๆ รูปร่างเหมือนคนปกติเดินถนนทั่วไป น่าจะช่วยแบรนด์เราเปิดเสื้อผ้าตลาดกลางได้ง่ายขึ้นนะคะ”
เอกชัยมีสีหน้าใช้ความคิดตาม
“ดีกว่าใช้นางแบบเชิดๆเริดๆ เดินนมทะลักที่ได้แค่มอง แต่ไม่กล้าซื้อมาใส่ตั้งเยอะ”
เอกชัยมองตามมัทนาไป ด้วยสีหน้าพิจารณา ชลบุษย์อมยิ้มเจ้าเล่ห์ลุ้นแผนการกลั่นแกล้งลลิสาของตนจะสำเร็จ
ทางด้านไชยวัฒน์มีสีหน้าพอใจกำลังคุยกับสาระวารีและมีคณาในห้องทำงาน ขณะที่สองสาวดูไม่ค่อยสบายใจนัก
“วารีช่วยเขียนข่าวให้หน่อยแล้วกัน”
“ไม่รอให้มัทสืบให้ละเอียดกว่านี้ก่อนเหรอคะบอกอ”
“แค่นี้ยังละเอียดไม่พออีกเหรอะ วารีเค้ามีวิธีเขียนข่าวเพลย์เซฟ ให้กับเราหรอกน่ะ จริงมั้ย”
ไชยวัฒน์ยักคิ้วให้สาระวารี
“ไม่ต้องมายกหางหนูเลยบอกอ หนูน่ะเขียนให้อยู่แล้ว แต่มัทจะไม่เคืองเอาเหรอ งานของเค้านะคะ”
“มันเกี่ยวกันที่ไหนล่ะ คอลัมน์เจาะลึกก็ทำไปสิ เธอแค่หยิบประเด็นมาสร้างกระแสเท่านั้นเอง” ไชยวัฒน์ยิ้มพอใจ
มีคณารีบช่วยพูด
“ผลงานมัทโดดเด่นขนาดนี้ บอกอจะยอมให้น้องย้ายไปโต๊ะการเมืองรึยังคะ”
ไชยวัฒน์ลังเลบอก
“แต่งานที่ผมมอบหมายให้ไปหาข่าว ยังไม่สำเร็จเลยนะ”
“ได้ข่าวนี้มาก็เด่นไม่แพ้กันนี่คะ สงสารน้องด้วย”
สาระวารีรีบช่วยเสริม
“จริงด้วยค่ะบอกอ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ต้องไปอยู่ไกลบ้าน คนเดียวตั้งนานแล้ว ระวังเถอะ พ่อแม่เค้าจะให้น้องลาออก”
“แล้วจะมานั่งเสียดายทีหลังไม่ได้นะคะ เรื่องนั้นค่อยส่งคนอื่นไปหาข่าวต่อก็ได้นี่คะบอกอ” มีคณาว่า
ไชยวัฒน์ลังเล กลัวเสียลูกน้องเก่งๆ เหมือนกัน
“ทำงานเป็นทีมเวิร์คเชียวนะ โอเค งั้นก็ตามนั้น”
สาระวารีและมีคณาดีใจมาก
“ตกลงให้น้องมัทกลับมาได้แล้วใช่มั้ยคะ” สาระวารีถาม
ไชยวัฒน์ยังอยากได้ข่าวอีกหน่อย แต่จำใจบอก “อือ”
สาระวารีและมีคณาดีใจมากหันมาแปะมือไฮ-ไฟว์กัน ไชยวัฒน์เหล่มองสองลูกน้องจอมเจ้าเล่ห์ ยิ้มส่ายหน้าเอ็นดู
เชนปลอมตัวเป็นพ่อค้าหาบปลาหมึกปิ้งมาขายที่ชายหาด มัทนาทำทีเป็นนั่งรอซื้อปลาหมึกปิ้ง แอบคุยกันไป
“เจ้าหมาอีกตัวเป็นไงมั่ง” เชนทำทีเป็นปิ้งปลาหมึกไปมา
“ปลอดภัย รอดตายแล้วล่ะค่ะ”
“มัทเก่งนะที่เอาตัวรอดมาได้”
“น้ำขุ่นๆ”
เยาะสะกดรอยตามมาแอบดูมัทนา
“มัทว่าคุณลิซ่าเป็นคนวางยาเจ้าด่างแหงๆ”
“ทำไมคิดงั้นล่ะ”
“ก็เค้าขู่มัทเอาไว้ ว่าพรุ่งนี้จะเอามัทออกให้ได้ แล้วเจ้าด่างที่มัทดูแลก็โดนวางยาเบื่อทันทีเลย”
เชนคิดตามก่อนถาม
“มัทบอกคุณตวันรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ขี้เกียจมีเรื่องกับคุณลิซ่าอีก ได้อยู่สืบต่อก็ดีแล้ว”
มัทนาเหลือบตามองปลาหมึกที่เชนปิ๊งอยู่
“อุ๊ย ไหม้แล้วค่ะ”
มัทนาปาดมือไปจับปลาหมึก ปรากฏว่าร้อน
“โอ๊ย ร้อน” มัทนาสะบัดมือไปมา
เชนปาดมือมาจับมือมัทนาแล้วเอามาจับติ่งหูตน เธอเขินอายหน้าแดง ฝ่ายเยาะเห็นภาพนั้นก็ตาเบิกโพลงอุทาน
“อั๊ยย่ะ” เยาะยกมือปิดปากตกใจ
“เค้าว่าทำแบบนี้แล้วหายร้อน จริงรึป่าว”
มัทนาเขินพลางคิดในใจ
“ร้อนหน้าแทนน่ะสิคะ”
เชนส่งสายตาหวานเชื่อมมองมัทนา เธอดึงมืออกมา เยาะยกมือขึ้นพัดหน้าไปมา แอบอิจฉา
“จะเสียสาวมั้ยนิ”
ผ่านเวลาซักครู่ ลลิสากำลังนอนมาส์คหน้าอยู่ที่โซฟาในห้องนอน หลับตาพูดคุยไป เยาะคอยนั่งจีบปากจีบคอรายงานอยู่ข้างโซฟา
“ยัยนี่ใช่ย่อยนะคะคุณลิซ่า ปากว่ามือถึงไอ้คนขายปลาหมึกก็หน้าตาดีเลยนะคะ มาขายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไม่ยักเคยเห็น...น่าจับปิ้งกินนักเชียว”
ลลิสาหน้านิ่งถาม
“ดูสนิทสนมกันมากมั้ย”
เยาะฟ้องเอาใจ
“มากมั้ยไม่รู้ แต่คนของเราอ่อยสุดๆเลยค่ะ จับมือถือแขนแถมจับหูกันด้วยนะคะคุณลิซ่า”
เยาะค้อนประหลับประเหลือกหมั่นไส้ปนอิจฉา ลลิสาเสียงแข็งปนรำคาญ
“ไร้สาระ ไปไหนก็ไป๊”
ลลิสาหลับตา เยาะอึ้งปนงง
“ไปสิ”
“ค่ะ”
ลลิสาลืมตาขึ้นมา สีหน้าแววตานิ่งๆ มองอารมณ์ไม่ออกเพราะซ่อนอยู่ใต้มาส์คหน้า
มัทนาเดินจูงเจ้าจุดกลับเข้าบ้านมาทางสนามหน้าบ้าน หลังจากพาไปเดินเล่นชายหาด
ไม่คาดคิดเจ้าด่างวิ่งเข้ามาหา...ทั้งมัทนาและเจ้าจุดต่างดีอกดีใจเล่นกันกับเจ้าด่าง มัทนาเข้าไปกอดฟัดเจ้าด่างด้วยความคิดถึง
“เป็นไงมั่งด่าง คิดถึงจังเลย”
เขตต์ตวันและเอกชัยยืนมองยิ้มแย้มมาจากกลางสนาม
“ไอเดียของบุษย์ก็ไม่เลวนะปอน”
เขตต์ตวันนิ่งมองไปที่มัทนาอย่างพิจารณา
“ลุคส์ดูจับต้องได้ น่ารักสมวัย น่าจะโดนใจวัยรุ่น” เอกชัยว่า
เขตต์ตวันรู้สึกเห็นด้วยอยู่เหมือนกัน
“แบรนด์ลูกจะได้ดูติดดินขึ้นหน่อย เหมือนที่ปอนอยากได้”
“ไม่หาเด็กใหม่ซะเลยล่ะ ลิซ่าไม่ค่อยปลื้มเด็กนี่เท่าไหร่”
“แต่ฉันว่าเด็กคนนี้มีเสน่ห์ดีนะ หน้าตาเก๋ๆมีเอกลักษณ์ ฉันว่าลุคส์ เด็กเข้ากับคอนเซ็ปต์เสื้อผ้าที่แกวางเอาไว้นะปอน หรือแกจะเถียง”
เขตต์ตวันยิ้มกระเซ้า
“ผมไม่กล้าเถียงเฮียหรอกครับ ดันเปรี้ยงมาหลายคนแล้วนี่”
เอกชัยกอดคอเขตต์ตวัน
“เรื่องเล็งสาวๆ ขอให้บอก คนนี้ออร่าแรง เฮียหนับหนุนสุดตัว”
เขตต์ตวันยิ้มบอก
“รอให้ผ่านงานแฟชั่นการกุศลเสาร์นี้ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที”
เขตต์ตวันมองเลยไปทางมัทนาที่วิ่งเล่นสนุกสนานไปมากับเจ้าด่างและเจ้าจุด เขายิ้มบางๆ รู้สึกเห็นแววเด็กอยู่เหมือนกัน
หัวค่ำคืนวันเสาร์ บริเวณหน้าห้องจัดงานโรงแรมในกรุงเทพ นักข่าวต่อคิวกันยาวที่หน้าเคาน์เตอร์ลงทะเบียนสื่อมวลชน ได้รับความสนใจล้นหลาม เอกชัยกับชลบุษย์ที่ยืนหลบมุมมองดูอยู่
“นักข่าวเยอะจังเลยคุณเอก ตั้งแต่จัดงานมา ไม่เคยเยอะแบบนี้มาก่อนเลย”
“คงเพราะข่าวพาดหัวสยามสารเมื่อเช้านั่นแหละ”
เอกชัยมองดูกลุ่มนักข่าวแล้วแอบถอนใจยาวออกมาอย่างหนักใจ
“จะดีใจหรือหนักใจดีคะเนี่ยคุณเอก”
เขตต์ตวันคุยโทรศัพท์มือถือกับเอกชัยอยู่ในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
“เอกก็ให้สัมภาษณ์ไปตามนั้นล่ะ ฉันเห็นด้วย... เรื่องนี้ไม่เคยรั่ว ทีมงานทั้งหมดก็คนเดิม ที่เปลี่ยนแปลงอย่างเดียวก็คือลูกจ้างคนใหม่ในบ้านของเรา เอาเถอะ เรื่องนั้นค่อยกลับไปว่ากันที่บ้าน ตอนนี้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ได้ ได้...โอเค ขอบใจมาก” เขตต์ตวันถอนใจพร้อมกดตัดสายทิ้ง
เขตต์ตวันเหลือบตามองหนังสือพิมพ์ที่ปลายเตียง หนังสือพิมพ์สยามสารกางอยู่เห็นพาดหัว “ลือกระฉ่อน ซุปตาร์ เขตต์ตวัน กับ จันทิรา คือคนเดียวกัน”
เขตต์ตวันหน้านิ่งเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานในห้อง ที่มีคอมพิวเตอร์เปิดกางอยู่ เป็นแอ็พ skype รายงานสดมาจากหน้าเวทีเดินแบบ ให้เขตต์ตวันได้เช็คงานเรียลไทม์ได้
สาระวารีกำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับมัทนาที่ห้องพักพนักงาน มีคณายืนชงกาแฟอยู่ข้างๆ
“ข่าวทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์เลยล่ะย่ะแม่เด็กภูเก็ต”
มัทนาแอบคุยโทรศัพท์อยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้มืดๆ
“ข่าวดังขนาดนั้นเลยเหรอพี่วารี”
“ดังไม่ดังไม่รู้นะ แต่นักข่าวสายบันเทิงแทบยกมาทั้งวงการ สยามสารเกลี้ยงแผง ไม่เหลือสักเล่มเลย” สาระวารีว่า
มัทนาแอบตกใจ นึกไม่ถึง
“จริงเหรอพี่”
“เดี๋ยวนะ พี่มี่เค้ามีข่าวดีจะบอก”
สาระวารีส่งมือถือให้มีคณาส่วนตนรับกาแฟมาจิบไป
“บอกอยอมให้มัทย้ายไปทำข่าวโต๊ะการเมืองแล้วนะ”
มัทนาน้ำเสียงดีใจมาก
“จริงๆนะพี่มี่”
มีคณาเป็นห่วง
“จริงสิจ๊ะ แต่มัทต้องระวังตัวให้ดีนะ ข่าวรั่วยังงี้ มัทต้องโดนเพ่งเล็งแน่ๆ เดี๋ยวความแตกจะเดือดร้อนกันหมด”
มัทนาชักมีสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“เตรียมข้อแก้ตัวเอาไว้ให้ดีๆล่ะ แล้วค่อยหาทางลาออกจากบ้านนั้นให้เร็วที่สุด”
มัทนาสูดใจลึก สีหน้าเคร่งเครียดอย่างใช้ความคิด
ในที่สุดชุดฟินาเล่ที่ทุกคนรอคออยก็มาถึง...ลลิสาในชุดปิดโชว์ เธอเดินกรีดกรายอย่างมั่นใจมาพร้อมกับเสียงปรบมือ ช่างภาพเก็บภาพแบบเป็นพิธีแต่ไม่ได้สนใจมากนัก บางคนก็ไม่ได้ถ่าย ดักรอการเปิดตัวดีไซน์เนอร์ท้ายโชว์มากกว่า
บรรดานางแบบเดินตามลลิสาออกมาพอทุกคนโพสท์ท่ากันครบ เสียงระเบิดสายรุ้งดังเปรี้ยงปร้าง...สายรุ้งสีเงินสีทองพุ่งกระจายเต็มเวที ช่างภาพตั้งกล้องกันพรึบพรั่บ และแล้วทุกคนก็ต้องผิดหวัง ป้ายผ้าขนาดใหญ่ถูกทิ้งลงกลางเวที...กลางป้ายเป็นภาพวาดเงาดำผู้หญิงสวยผมยาวสยาย มีประกายสีส้มของแสงอาทิตย์อยู่ด้านหลัง และมีชื่อแบรนด์ “ตะวัน” เขียนประกบอย่างมีดีไซน์...เหมือนเดิม
เหล่านางแบบหันไปปรบมือให้ป้ายชื่อแบรนด์ที่ทิ้งลงมา ไม่มีวี่แววของเขตต์ตวันหรือดีไซน์เนอร์คนใดปรากฏตัวออกมาอีก นักข่าวและผู้ชมต่างพากันผิดหวัง หันวิพากษ์วิจารณ์กันไปมา
ที่มุมหนึ่ง นักข่าวมากมายรุมจ่อไมค์จ่อเทปสัมภาษณ์เอกชัยที่ถูฏต้อนจนจนมุม ชลบุษย์ฝืนยิ้มไปมาอยู่ข้างๆ
“คุณเขตต์ตวันกับคุณจันทิราเป็นคนละคนกันแน่นอนครับ”
นักข่าวคนหนึ่งถาม
“แล้วคุณเขตต์ตวันเกี่ยวข้องกับแบรนด์ตวันยังไงคะ ถึงได้มีข่าวลือออกมา”
เอกชัยยิ้มแย้ม
“ที่จริงคุณเขตต์ตวันไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้หรอกนะครับ เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว แต่เมื่อนักข่าวขุดคุ้ยมาได้ก็คงต้องพูดความจริง”
ชลบุษย์มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจแต่ก็ฝืนยิ้มไปมา ส่วนเอกชัยพูดยิ้มแย้ม ใจเย็น ดูสบายๆ ไม่เครียด “จริงๆแล้ว คุณเขตต์ตะวัน แค่มีหุ้นส่วนอยู่ในห้องเสื้อนี้เท่านั้นเองครับ เพราะสนิทสนมกับคุณจันทิรา ก็เลยมาทำธุรกิจด้วยกัน”
นักข่าวคนที่ 2 ถามต่อ
“สนิทสนมกันยังไง ขยายความได้มั้ยครับ”
เอกชัยยิ้มแย้ม ยกมือไหว้
“ขอบคุณมากครับ”
เอกชัยแหวกวงล้อมนักข่าวเดินออกไป ชลบุษย์ยิ้มแย้มเดินตามเอกชัยไปติดๆ นักข่าวก็ได้แต่เดินตามถ่ายรูปและพยายามสอบถามเพิ่มเติมแต่เอกชัยก็ไม่ปริปากพูดอะไรอีก
ภายในห้องพักในโรงแรม เขตต์ตวันหน้าเคร่งขรึมบอก
“ขอบใจมากเอก”
เขตต์ตวัน เอกชัย ลลิสา และชลบุษย์อยู่กันพร้อมหน้าในห้องพักของโรงแรม
“เดี๋ยวก็คงขุดคุ้ยกันต่อว่าปอนกับจันทิรา มีความสัมพันธ์กันยังไง”
เอกชัยมีสีหน้าเซ็งแทน ชลบุษย์กระเซ้า
“ทำไงได้ล่ะคะ คนดังก็งี้แหละ”
เขตต์ตวันยิ้มคิดบวกด้วยความพอใจ
“แต่จะว่าไปข่าวนี้ มีผลดีกับเรามากกว่าผลเสียนะ คนจำแบรนด์เราได้ทั้งประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา”
ลลิสาสีหน้าไม่พอใจ
“จะดีจะเสียยังไง เราก็ต้องจับตัวเกลือเป็นหนอนออกมาจัดการให้ได้เร็วที่สุด”
ทุกคนหันไปมองลลิสาที่มีสีหน้ามั่นใจ
“ผู้ต้องสงสัยก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ช่วงที่ผ่านมาทุกคนที่ทำงานให้กับเราก็เป็นคนเดิมทั้งหมด มีหน้าใหม่อยู่คนเดียว ก็ที่คุณเอกเป็นคนรับเข้ามาไงคะ”
เขตต์ตวันเหล่มองไปทางเอกชัยที่ยิ้มเจื่อนๆ พร้อมถอนใจออกมา
ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าที่ห้องประชุมบ้านเขตต์ตวันตอนกลางวันวันรุ่งขึ้น
“หนูไม่รู้เรื่องจริงๆ นะคะ”
“โกหก” ลลิสาโพล่งขึ้น
“หนูพูดจริงๆ นะคะคุณลิซ่า”
มัทนาหันหาเอกชัยด้วยแววตาขอความช่วยเหลือแล้วพูดต่อ
“แฟชั่นโชว์อะไร หนูไม่รู้จักหรอกค่ะ คุณเอกคะ...”
“แกไม่ต้องขอให้คุณเอกช่วยเลยนะ งานนี้ไม่มีใครช่วยแกได้หรอก แกเป็นสายให้นักข่าวใช่มั้ย สารภาพมาซะดีๆ”
มัทนากุมหัว
“ไปกันใหญ่แล้วคุณลิซ่า อย่างหนูเนี่ย จะไปรู้จักกับนักข่าวได้ยังไงคะ”
ลลิสาชายหางตามองเขตต์ตวัน
“หวังว่าคราวนี้คุณปอนคงไม่ใจอ่อนปกป้องคนผิดอีกนะคะ หรือว่าต้องรอให้มันขุดคุ้ยให้เสียชื่อยิ่งกว่านี้ซะก่อน”
มัทนาเหลือบตามองทุกคนไปมาก่อนจะฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการ
“ก็ได้ค่ะ เมื่อทุกคนระแวงหนู ทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีความสุข หนูขอลาออกก็ได้ค่ะ”
ลลิสายิ้มพอใจ พูดเสริมทันที
“ทุกคนได้ยินกันแล้วนะคะ บุษย์ เธอจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเลย”
ชลบุษย์ค้อนหมั่นไส้
ลลิสาจ้องหน้ามัทนา
“ส่วนเธอ ไปเก็บเสื้อผ้าแล้วออกไปจากบ้านนี้เดี๋ยวนี้เลย”
มัทนาก้มหน้าทำสลดแต่แอบอมยิ้มดีใจ จะได้กลับบ้านแล้วแถมได้ย้ายไปทำงานโต๊ะข่าวการเมืองอีกตะหาก
“คุณปอนว่ายังไงคะ”
“ไม่เห็นจะต้องถามเลย”
ลลิสามองเลยมาที่เอกชัยแล้วพูดดักคอ
“คุณเอกคงไม่ออกตัว ปกป้องแม่นี่อีกนะคะ”
“ปอนเค้าสบายใจยังไงก็ว่าตามนั้นล่ะ...ไงปอน”
ทุกคนหันมองเขตต์ตวันที่สีหน้านิ่ง
“ฉันยังไม่ให้เธอออก”
ทุกคนตกใจคาดคิดไม่ถึง รวมถึงมัทนาด้วย เธฮเบิกตาโพลงมองหน้าเขตต์ตวัน
“ทำไมคะคุณปอน ลิซ่าไม่เข้าใจ”
ชลบุษย์แม้จะไม่ชอบใจนักแต่ก็แอบยิ้มหยันลลิสา
เขตต์ตวันจ้องหน้ามัทนา
“ถ้าเธอเป็นสปายอย่างที่ลิซ่าระแวง ปล่อยเธอไปก็เข้าทางเธอน่ะสิ เพราะฉะนั้น ฉันต้องกักเธอไว้ทำงานที่บ้านฉันนี่ล่ะ”
มัทนาอึ้งๆ พยายามเก็บอาการให้อยู่ในสีหน้าเรียบนิ่ง ตั้งใจฟัง
“ถ้าฉันมั่นใจว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ ฉันถึงจะยอมปล่อยให้เธอลาออกไปได้”
มัทนารีบฉีกยิ้มดีใจมากกลบเกลื่อน
“ถ้าหนูพิสูจน์ตัวเองได้ หนูไม่ต้องลาออกก็ได้ใช่มั้ยคะ”
เอกชัยยิ้มๆบอก
“ได้คืบจะเอาศอกนะ”
ชลบุษย์ทำขำๆเอ็นดูเอาใจเขตต์ตวันไป มัทนายกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะคุณปอนที่ให้โอกาสหนู”
ลลิสาหัวเสียลุกพรวด เดินปึงปังออกไปจากห้องประชุมทันที
ชลบุษย์ยิ้มเอ็นดูให้
“ดีใจด้วยนะจ๊ะ”
มัทนายกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะคุณบุษย์”
ชลบุษย์ปั้นยิ้มรับพร้อมจับมือมัทนาที่ไหว้ตนอย่างเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับพลิกหน้าสายตาแข็งๆ แววชิงชังมัทนาก่อนเดินตามลลิสาออกไปจากห้อง
มัทนาทำยิ้มแย้มดีใจไปมาแต่ก็แอบมีสีหน้าแววตากังวลๆ
เอกชัยชำเลืองมองหน้าเขตต์ตวันที่จับตามองมัทนาอย่างจับสังเกต ลึกๆ ก็แอบระแวงอยู่เหมือนกัน
ลลิสาหัวเสียเดินมาระบายอารมณ์ใส่เยาะที่มุมห้องรับแขก
“ไม่รู้มันมีดีอะไรนักหนา คุณปอนถึงถือหางเข้าข้างมันนัก”
เยาะงงฟังความไม่ได้ศัพท์
“คุณปอนซื้อหมาใหม่มาเหรอคะ”
ลลิสาโกรธจัดปนรำคาญ
“นังบ้า ไปให้พ้นๆ เลย”
เยาะจ๋อย รีบเดินเลี่ยงออกออกไป ชลบุษย์เดินกรีดกรายมาป่วนประสาท
“กงเกวียนกำเกวียน”
ลลิสาชายหางตาขวับมองชลบุษย์
“เคยทำกับฉันไว้ยังไง เธอก็จะโดนยังงั้น”
“ไม่มีทางหรอกย่ะ”
ชลบุษย์ยังพูดกวนประสาท
“เหรอ ทั้งเด็กกว่า สดกว่า น่าร๊ากอ้ะ”
ลลิสาเหยียดปากดูถูก ประมาณพูดอะไรเชยๆ
“ระวังจะตกกระป๋องไม่รู้ตัว เห็นคุณเอกปลาบปลื้มมากจะดันเป็น นางแบบคนใหม่ของตวัน”
ลลิสาตกใจ จ้องชลบุษย์เขม็งอย่างอยากรู้ ชลบุษย์ทำจริตตกใจ
“อุ๊ย ความลับราชการ...”
ชลบุษย์รีบยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนจะขำๆ กวนประสาทเดินจากไป ลลิสามีสีหน้าชิงชัง อิจฉาปนหมั่นไส้มัทนาอย่างที่สุด
เสียงวาสิฏฐีนำร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังนำขึ้นมา
“แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ทู ยู...”
โถงบ้านมัทนา วาสิฏฐีเป็นคนถือหูโทรศัพท์ให้สาวิตรีและศกุนตลา สองพี่สาวช่วยกันร้องเพลงอวยพรปรบมือกันยิ้มแย้มแจ่มใส พ่อกับแม่วางถาดใส่ของเตรียมออกไปใส่บาตรนั่งยิ้มมองอยู่ที่โซฟา
เพลงจบทุกคนปรบมือเฮฮา มัทนายืนฟังเพลงอวยพรจากโทรศัพท์มือถือ ยิ้มตื้นตันใจ น้ำตาคลอๆ อยู่ที่ชายหาด
“ขอบคุณค่ะ”
“ฟังแม่โปรดสัตว์ เอ๊ย อวยพรต่อนะพี่มัท” วาสิฏฐีว่า
มัทนาเจ็บใจปนเอ็นดู
“กลับไปแกจะโดนสิฏฐี”
แม่มารับโทรศัพท์ไปคุยและอวยพรอย่างอ่อนโยน
“รักษาเนื้อรักษาตัว ทำงานลุล่วงอย่างที่ตั้งใจไว้นะลูก”
“ขอบคุณค่ะแม่”
มายาตวัน ตอนที่ 3 (ต่อ)
แม่คุยโทรศัพท์ อวยพรเสร็จก็เสียงแข็งใส่ทันที
“แล้วเมื่อไหร่จะกลับบ้าน ซะที เจ้านายเราจะมากเกินไปแล้วนะ”
มัทนาหน้าจ๋อยๆ
“กำลังจะกลับแล้วล่ะค่ะแม่ อีกอึดใจเดียว ขอคุยกับคุณพ่อหน่อยสิคะ ยังไม่ได้ฟังคำอวยพรจากป๊ะป๋าเลย”
มัทนาเป่าปากอย่างโล่งอก
เวลาสาย เชนกำลังเซ็นสลิปบัตรเครดิตชำระค่าใช้จ่ายอยู่ที่เคาน์เตอร์ ไปรษณีย์เดินเข้ามาพอดี
“พัสดุของคุณมัทนาห้อง 811 ครับ”
ไปรษณีย์วางกล่องพัสดุลงข้างๆ เชน ก่อนที่จะเอาเอกสารให้พนักงานเซ็นรับแทน เชนเหล่มองกล่องพัสดุเห็นข้อความเขียนอว่า “เบิร์ธเดย์จ้ะน้องรัก” ก่อนจะมีชื่อ คุณ มัทนา ศรีอรุณ ห้อง 811 โรงแรมอโณมา ตามด้วยที่อยู่... เชนมีสีหน้าใช้ความคิด ก่อนจะอมยิ้มบางๆ ออกมา
เวลากลางวัน ที่หลังสนาม มัทนาและเยาะช่วยกันอาบน้ำให้เจ้าด่างกับเจ้าจุด แต่เจ้าหมาสองตัวก็วิ่งหนีน้ำ สองสาวก็วิ่งไล่จับน้องหมากันวุ่นวาย เขตต์ตวันเดินถือแมกกาซีนแนวเศรษฐกิจและการตลาดออกมาอ่านเล่นเห็นความโกลาหลก็หยุดมองดู สีหน้านิ่งๆ
“ไอ้จุดจะไปไหน อาบน้ำทีไรเป็นงี้ทุกที”
มัทนาไล่จับบอก
“ ด่าง อย่าดื้อสิ”
ทั้งคู่ต่างไล่จับ หมาหนีได้แต่คนชนกันเอง จนล้ม
“ซุ่มซ่ามจริงเลยๆ คนทั้งคน ชนเข้ามาได้”
ด่างและจุดวิ่งไปหาเขตต์ตวันพร้อมสะบัดขนที่เปียกน้ำจนกระเด็นใส่เขตต์ตวันไปทั่ว เยาะและมัทนาตกใจกลัว ยกมือไหว้ขอโทษ ทำหน้าแหยๆ เขตต์ตวันได้แต่ถอนใจส่ายหน้า
ที่หน้าบ้าน เชนสวมหมวกแก็ปปิดบังหน้าแต่งเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ขาดๆ เก่าๆ ถือถุงใส่ของยืนกดกริ่งหน้ารั้วบ้านเขตต์ตวัน เปี๊ยกเดินมาชะโงกหน้ามองแล้วถาม
“มาหาใครครับ”
เชนปั้นยิ้มทำหน้าจ๋องๆแหยๆ
“ผมมาหามัทครับ”
เปี๊ยกเหล่มองถาม
“มัทไหน”
“ก็มัทที่มาทำงานใหม่ดูแลหมาไงครับ”
“มาหาทำไม”
“มาเยี่ยมครับมีของมาฝาก”
เปี๊ยกทำเป็นหมาหวงก้างไม่ค่อยชอบใจนัก
“รอนี่แหละ เดี๋ยวไปตามมาให้ แต่รู้เอาไว้ด้วยนะ ไม่จำเป็นจริงๆ อย่ามาอีก เจ้านายฉันไม่ชอบ”
เชนยิ้มแย้มตอบ
“ขอบคุณพี่มากครับ”
เปี๊ยกเดินตาขวางมาตามทัทนา เชนมองสำรวจเข้าไปในบ้านเขตต์ตวัน ก่อนจะรีบเบี่ยงหน้าหลบทันควันเหมือนเห็นอะไรเข้า
สนามหลังบ้าน เขตต์ตวันกำลังจับเจ้าด่างอาบน้ำฟอกสบู่เอง มัทนาและเยาะยืนจูงหมาอีกตัว
“แค่เนี้ย ไม่เห็นจะยากตรงไหน...เอ้า พาไปเช็ดขนให้แห้ง”
มัทนาไปรับเจ้าด่างมาเช็ดขนต่อ เปี๊ยกวิ่งเข้ามารายงาน
“มัท...มีคนมาหาเธอ”
เขตต์ตวันเหล่มอง มัทนาถามอย่างแปลกใจปนกังวล
“ใครเหรอ”
“ไม่รู้ ผู้ชายหน้าตาประหลาดๆ” เปี๊ยกบอก
“กล้ามากนะ นัดผู้ชายมาเจอถึงบ้าน รู้มั้ยว่าคุณปอนไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาวุ่นวาย” เยาะว่า
มัทนามองเขตต์ตวัน
“หนูเปล่านะคะคุณปอน เค้ามาเอง”
“หนูเปล่านา เค้ามาเอง...แก้ตัวน้ำขุ่นๆ” เยาะแขวะ
เขตต์ตวันเสียงแข็ง
“ทีหลังอย่าทำอีกแล้วกัน”
มัทนาหน้าจ๋อยๆ
“ค่ะ”
เขตต์ตวันเดินมาเช็ดตัวให้เจ้าด่างแทน มัทนามีสีหน้าสงสัยว่าใคร จึงรีบเดินไปทางหน้าบ้าน
เปี๊ยกตามไปติดๆ ด้วยสีหน้าหวงๆ เยาะมีสีหน้าใช้ความคิด
“คุณปอนคะ หนูขอไปห้องน้ำประเดี๋ยวเดียวนะคะ”
“จะไปไหนก็ไป”
“ขอบคุณค่ะ”
เยาะสีหน้าเจ้าเล่ห์ เขตต์ตวันเช็ดขนและเล่นกับเจ้าด่างไป
เปี๊ยกแอบดูอยู่มุมรั้วมองออกไปที่มุมถนนด้วยสีหน้าหวงๆ เห็นเชนส่งกล่องของขวัญให้มัทนา
“สุขสันต์วันเกิดครับ”
มัทนายิ้มเขินๆ
“ขอบคุณค่ะ คุณเชนรู้ได้ยังไงคะว่าวันนี้วันเกิดมัท”
“ผมเห็นกล่องพัสดุมาส่งให้มัทที่โรงแรม จ่าหน้าอวยพรวันเกิดมัทก็เลยเสี่ยงๆ มาหาโชคดีที่ตรงวันพอดี”
มัทนาฃพูดแก้เขินหลบสายตา
“ต้องเป็นของขวัญจากพี่มี่กะพี่วารีแหงๆ”
“เย็นนี้ขอเจ้านายจอมเฮี๊ยบออกไปทานข้าวเย็นกับผมได้มั้ยครับ”
เชนส่งสายตาหวานอ้อนวอน เปี๊ยกมีสีหน้าไม่พอใจมาก เขม่นหมั่นไส้สุดๆ ที่หลังเปี๊ยก...เยาะแอบใช้โทรศัพท์มือถือของตนถ่ายรูปเชนเอาไว้ ภาพที่ถ่ายชัดเจนพอควร เยาะยิ้มพอใจในผลงาน
ลลิสากำลังออกกำลังกายในห้องออกกำลัง... เยาะรีบเข้ามารายงานข่าวพร้อมถือโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งถ่ายรูปเชนมาเป็นหลักฐานด้วย
“เยาะแอบถ่ายรูปแฟนนังมัทมาได้แล้วค่ะคุณลิซ่า”
ลลิสาหยุดออกกำลังกาย หันมองด้วยสีหน้านิ่ง
“ไหนเอามาดูสิ”
เยาะรีบส่งให้ดูอย่างภูมิใจนำเสนอ
“นี่ค่ะ ถึงจะสวมหมวกแต่เยาะก็เลือกถ่ายมุมเห็นหน้าชัดๆ มาได้ค่ะ”
“เอาไปให้ใครดูรึยัง”
“ยังค่ะ เยาะเอามาให้คุณลิซ่าดูคนแรก”
ลลิสาหยิบมือถือเยาะแล้วลุกเดินไปดูที่มุมหน้าต่าง
“ผลงานชิ้นโบว์แดง วันนี้ได้ทริปแหงๆ นังเยาะ”
“ไหน รูปอะไร มีแต่รูปโพสท์ท่าอุบาทว์ๆ ของแกทั้งนั้นเลย”
เยาะแปลกใจรีบลุกไปดู
“เยาะถ่ายมากับมือจริงๆนะคะ”
เยาะรับโทรศัพท์มากดดูรูปที่ถ่ายเอาไว้ มีแต่รูปถ่ายตัวเองเก็กสวยในมุมสวน ชายหาด กับน้องหมา
“ ไม่มีจริงๆด้วย หายไปไหนล่ะ มีแต่รูปสาวสวย” เยาะยิ้มปลื้ม หลงตัวเอง
“ไปไหนก็ไปเลยไป”
เยาะหน้าแหยๆ รีบวิ่งจู๊ดออกไปทันที
ลลิสาถอนใจยาวออกมาก่อนจะมาออกกำลังกายต่อ
มัทนาเดินหน้าแหยๆ หยิบผ้าขนหนูอีกผืนเข้ามาช่วยเขตต์ตวันเช็ดตัวเจ้าด่าง
“เพื่อนกลับไปแล้วเหรอะ”
“ค่ะ”
“ทีหลังอย่าทำอีก ฉันชอบความเป็นส่วนตัว”
“ค่ะคุณปอน”
เขตต์ตวันเช็ดหน้าให้เจ้าด่าง
มัทนาเหล่มอง ก่อนถามเสียงอ่อย
“คุณปอนคะ”
เขตต์ตวันเหลือบตามอง
“เย็นนี้หนูขอออกไปทานข้าวเย็นกับเพื่อนได้มั้ยคะ”
“ยังคุยธุระกันไม่จบอีกรึไง”
มัทนาหน้าแหยๆ
“คือวันนี้ วันเกิดหนูน่ะค่ะ”
เขตต์ตวันสีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย
“ไปขอคุณเอกแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
มัทนาก็แข็งขันช่วยกับเขตต์ตวันเช็ดตัวเจ้าด่างไป ชลบุษย์แอบมองอยู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก ก่อนจะหันเดินกลับไปชนกับเอกชัยอย่างจัง ชลบุษย์ตกใจ
“อุ๊ย...คุณเอก มาเงียบๆ”
“มาแอบดูอะไรเค้าครับ”
“คุณปอนดูแปลกๆ ไปนะคะ”
“แปลกตรงไหน”
“ปกติบุษย์ไม่เคยเห็นคุณปอนให้ความสนิทชิดเชื้อกับเด็กลูกจ้าง คนไหนในบ้านมากเท่านี้เลยนะคะ”
“ผมก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ บุษย์ระแวงเด็กคนนี้เกินไปมากกว่า”
ชลบุษย์ค้อนใส่เอกชัย
“บุษย์เป็นคนแนะนำให้ผมปั้นมัทเป็นนางแบบเองไม่ใช่เหรอะ ปอน เค้าต้องเช็คคุณภาพสินค้าก่อนก็ถูกต้องแล้วนี่”
ชลบุษย์หมั่นไส้
“ผู้ชายก็เหมือนกันหมด เห็นเด็กสาวๆ เป็นไม่ได้”
ชลบุษย์สะบัดหน้าพรืดเดินไป เอกชัยยิ้มส่ายหน้า ก่อนมีสีหน้าขรึมลงและเดินเลี่ยงไปทางหน้าบ้าน
ภายในห้องทำงาน เขตต์ตวันกำลังดูภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน ว่าใครมาหามัทนา ภาพเห็นชัดแต่มัทนา ส่วนเชนนั้นปีกหมวกบังหน้ามิด และยืนอยู่ในมุมที่หันหลัง หันข้างเบี่ยงตัวให้กล้องตลอดๆ
เขตต์ตวันและเอกชัยกำลังเช็คภาพย้อนหลังจากกล้องวงจรปิดด้วยกัน
“ไอ้หนุ่มนี่ยืนเหมือนรู้มุมกล้องวงจรปิดเลยนะ ไม่เห็นหน้าเลย”
“ฉันเช็คกับเยาะแล้ว รู้สึกจะเป็นพ่อค้าขายของตามชายหาด ไม่น่ามีอะไรหรอก แกอย่าบ้าจี้ตามลิซ่าไปหน่อยเลยปอน รู้ก็รู้ว่าเค้าหึงหวงแกกับเด็กนั่น”
“ไม่เข้าท่า จะมาหึงฉันกับเด็กนี่ทำไม”
เอกชัยยิ้มๆ
“ก็เด็กมันสวยนี่หว่า ทำไงได้”
เขตต์ตวันถอนใจ กดรีไวนด์ย้อนไปเช็คใหม่
“แต่จะว่าไป เด็กนี่ปั้นดีๆ จะดังเอานะ”
“แกเห็นดียังไงก็จัดการไปเลยแล้วกัน อย่าดึงฉันเข้าไปยุ่งด้วยเลย ขี้เกียจรำคาญ”
เขตต์ตวันเพ่งมองไปที่หน้าจอคอมฯ อย่างติดใจ สงสัย
“แกว่าไอ้หนุ่มนี่ ท่าเดินคุ้นๆมั้ย”
“คนเราจะเดินได้ซักกี่ท่ากันวะ คิดมากฉี่เหลืองหมด ทำใจให้สบายดีกว่าปอน”
เอกชัยตบบ่าเขตต์ตวันแล้วเดินออกไปจากห้อง
เขตต์ตวันยังจับตามองผู้ชายในภาพแอบถ่ายจากกล้องวงจรปิด เขามีสีหน้าติดใจสงสัยอย่างบอกไม่ถูก
มัทนาทิ้งตัวหงายลงบนเตียงนอนในห้องพักโรงแรมอย่างสบายสุดตัว เธอยืดตัวให้ผ่อนคลาย ยิ้มพริ้มสบายใจสุดๆ พลางบิดตัวไปมา
“โอ๊ย อยากจะนอนให้ถึงเช้าเลย”
มัทนาสูดหายใจฮึด ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์โทรออกพร้อมลุกเดินไปที่กล่องของขวัญที่วางอยู่บนโต๊ะ
มีคณาเดินคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในสถานที่ซึ่งไปทำงานหาข่าว
“คุยได้สิจ๊ะ ไม่ได้ปลอมตัวหรอกจ้ะ รอสัมภาษณ์อยู่...สุขสันต์วันเกิดจ้ะน้องรัก”
“ขอบคุณค่ะ”
“ได้รับของขวัญรึยัง”
มัทนา...ยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่หน้ากล่องของขวัญ
“ได้รับแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่มี่”
“ถูกใจรึเปล่า ไอเดียวารีเค้าทั้งหมดแหละ”
“มัทยังไม่ได้แกะเลยค่ะ พี่วารีอยู่กะพี่มี่รึเปล่าคะ”
“ไม่อยู่จ้ะ ออกไปทำข่าว”
มัทนาบ่นๆบอก
“นี่คุณเชนนัดดินเนอร์ มัทยังไม่รู้จะแต่งตัวยังไงเลย มีแต่ชุดลุยๆ ทั้งนั้น คราวก่อนก็อายเค้าทีแล้ว”
“งั้นก็รีบแกะเลย ได้ใช้ทันที”
มัทนาดีใจ
“จริงเหรอคะ”
มัทนารีบแกะของขวัญทันที
ผ่านเวลาสักครู่ เชนแต่งตัวหล่อเดินคุยโทรศัพท์มือถือไปมาอยู่หน้าลิฟท์ที่เปิดออกพอดี มัทนาในชุดออกงานสวยผิดตา รวบผมดูเรียบหรู ก้าวออกมาจากลิฟท์ เชนอึ้งๆไปเล็กน้อย ก่อนจะคุยตัดสายโทรศัพท์
“จัดการไปตามนั้นเลยแล้วกัน โอเค”
มัทนาเดินยิ้มแย้มเข้ามาหาเชน เขาไม่ยิ้มตอบทำเป็นจำไม่ได้ ทำทีเป็นเดินเลยไปเพื่อมองหามัทนา
“คุณเชน”
เชนหันมองทำหน้าตาย
“เรารู้จักกันด้วยเหรอครับ”
มัทนาขำๆ
“คุณเชนอ้ะ”
แม้ไม่มีคำชมจากปากเชนแต่สายตาปลาบปลื้มที่มองมาก็ทำให้มัทนาขวยเขินจนแทบก้าวขา
ไม่ออก
ผ่านเวลามาพักใหญ่ เชนกำลังดึงเก้าอี้ให้มัทนานั่งที่โต๊ะอาหารในร้านบนเขา บรรยากาศหรูหรา
“ขอบคุณค่ะ”
เชนเดินไปนั่ง บริกรเอาเมนูมาวางให้แล้วเดินเลี่ยงออกไปอย่างมีมารยาทให้ลูกค้าได้เลือกตัดสินใจก่อน มัทนากวาดตามองไปทั่วร้าน
“ทำไมต้องพามัทมาร้านหรูหราขนาดนี้ด้วยคะ”
“จะได้เหมาะสมกับการแต่งตัวของมัทไง”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ลองพี่วารีเลือกให้รับรองเซล 50 เปอร์เซ็นต์อัพ”
“มันสำคัญที่คนใส่มากกว่าครับ” เชนยิ้มส่งตาหวาน
มัทนาได้แต่ฝืนยิ้มเขินๆ หลบสายตามองไปทางอื่น แต่เธอก็ต้องยิ้มค้าง สีหน้าตกใจรีบยกเมนูขึ้นกางปิดหน้า
“มีอะไรครับ”
“คุณลิซ่า”
เชนชำเลืองไปมองลลิสาเดินกรีดกรายเข้าร้านมา มีบริกรเข้าไปต้อนรับ ลลิสามองมาทางโต๊ะเชน เห็นเชนนั่งหันหลังให้เปิดอ่านเมนูไป ไม่มีมัทนาที่โต๊ะอาหารแล้ว
เชนทำฟอร์มหันไปมองทางหน้าร้านปะกับสายตาของลลิสาพอดี
ลลิสาเห็นหนุ่มหล่อมาดดีมองมาทางตน ก็ยิ่งวางมาดนางแบบดัง เดินกรีดกรายมาหาที่นั่งแต่ทิ้งสายตามองเชนแบบอ่อยอยู่ในที
เขตต์ตวัน เอกชัย และชลบุษย์ นั่งทานอาหารเย็นและคุยกันอยู่บนโต๊ะอาหารที่บ้าน
“แกก็ไม่บอกฉันก่อนว่าวันนี้วันเกิดมัทเค้า”
“ทำไมคุณปอนต้องบอกด้วยคะ เด็กนั่นไม่ได้สำคัญอะไรนักหนา ก็แค่ลูกจ้างทำงานบ้าน” ชลบุษย์เหยียดปากหมั่นไส้
“แต่เด็กกำลังจะกลายเป็นนางแบบให้ห้องเสื้อเราแล้วนะ”
ชลบุษย์เบะปากเซ็ง
“บุษย์ไม่น่าหาเรื่องเลย”
“ถ้าฉันบอกก่อนแล้วแกมีอะไรจะให้เด็กงั้นเหรอะ”
“มีสิ ฉันก็จะบอกข่าวดีว่าเราจะให้โอกาสเค้าเป็นนางแบบของตวัน.. สุดยอดของขวัญวันเกิดเลยล่ะ ชีวิตเปลี่ยนเลยนะ”
“เราก็แค่เห็นแวว แต่อาจจะเดินไม่ดีไม่มีเสน่ห์บนเวทีก็ได้นะคะ”
เอกชัยชักงง
“เห็นตอนแรกบุษย์เชียร์สุดตัว ตอนนี้ทำไมเกิดไม่มั่นใจเด็ก ขึ้นมาซะล่ะ”
ชลบุษย์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
“บุษย์กลัวทุกคนจะฝากความหวังกับเด็กคนนี้จนเกินไป เดี๋ยวจะผิดหวังน่ะค่ะ”
เอกชัยอมยิ้มแบบรู้ทันว่า แอบอิจฉาเด็กอยู่เหมือนกันแม้จะอยากแกล้งลลิสาก็เถอะ
โทรศัพท์มือถือเขตต์ตวันดังขัดขึ้นพอดี เขตต์ตวันเหลือบตามองก่อนกดรับสาย
“ว่าไงลิซ่า เจอตัวมั้ย”
“ไม่เห็นมีนี่คะลิซ่าว่าแล้วว่าต้องตาฝาด อย่างมันจะมีปัญญามาร้านหรูหราขนาดนี้ได้ไง”
เอกชัยสงสัย
“อย่าบอกนะว่าแกให้ลิซ่าแอบตามไปดูมัทไปเดทกับแฟนเค้า”
เขตต์ตวันหน้านิ่งตอบกลับไป
“ไม่เจอตัวก็ไม่เป็นไร เธอกลับมาเถอะ”
ลลิสาแกล้งยั่ว
“เจอหนุ่มหล่อมาส่งสายตาให้ ชักไม่อยากกลับแล้วสิ”
ลลิสากดตัดสายไป
เขตต์ตวันกดตัดสายพร้อมบ่นเบาๆ อย่างไม่แคร์
“อยากไปก็ไป”
ชลบุษย์จับตามองเขตต์ตวันอย่างอยากรู้ว่า พูดแบบนี้หมายความถึงใครยังไง
“เลิกระแวงเด็กนี่ซะทีเถอะปอน ฉันก็เช็คประวัติให้แต่แรกแล้วไง เด็กซื่อขนาดนั้นไม่ได้เป็นสายให้ใครหรอก” เอกชัยว่าเขตต์ตวันถอนใจยาวออกมาแล้วทานข้าวต่อไป ยังไม่เชื่อใจเต็มร้อยอยู่ดี
ที่ร้านอาหารบนเขา ลลิสาจงใจเดินกรีดกรายมาเฉียดๆ โต๊ะที่เชนนั่ง ส่งสายตาอ่อยเล็กน้อย เชนยิ้มที่มุมปากให้ ลลิสาทำเชิดเดินกรีดกรายออกไปจากร้าน เชนยกแก้วน้ำขึ้นจิบด้วยสีหน้านิ่งๆ
มัทนาแอบมองจากบริเวณหน้าห้องน้ำ ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก บ่นพึมพำ
“เกือบไปแล้ว”
มัทนาเป่าปากโล่งอก จับตามองจนมั่นใจก่อนจะค่อยเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร
ในเวลาต่อเนื่องกัน มัทนาและเชนนั่งทานอาหารกันไปท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกของร้านอาหารบนเขา … มัทนาอิ่ม รวบช้อน
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอครับ”
“อยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
“จริงด้วย ผมลืมไป”
“ขอโทษนะคะ มัททำให้คุณเชนหมดอร่อยเลย”
“เรามาทานกันอีกเมื่อไหร่ก็ได้”
“ไม่ใช่เราหรอกค่ะ คุณเชนคนเดียวตะหาก อย่างมัทคงไม่มีปัญญามาทานร้านแบบนี้หรอกค่ะ แค่ราคาสเต็กจานเดียวก็ปาดเหงื่อแล้ว”
“อยากทานเมื่อไหร่ก็มากับผมก็ได้นี่นา”
“ไม่ได้หรอกค่ะ แค่นี้มัทก็เกรงใจจะแย่แล้ว เอาไว้เสร็จงานคราวนี้ เราเจอกันที่กรุงเทพ มัทขอเป็นเจ้ามือบ้างก็แล้วกัน”
“โอเคครับ”
“แต่ร้านไม่หรูขนาดนี้นะคะ แต่รับรองรสชาติอาหารไม่เป็นรองใคร สามทหารเสือสาวชวนชิม การันตีมาแล้ว”
เชนงงๆ
“รายการโชว์ชิมอาหารใหม่เหรอครับ”
มัทนายิ้มบอก
“เปล่าค่ะ มัทหมายถึง พี่ๆ ที่ทำงานกับ มัท สาวสามคนเคยชิมมาแล้วอร่อยน่ะค่ะ”
“งั้นก็แสดงว่าอร่อยจริง”
มัทนายิ้มมั่นใจพร้อมยกสองนิ้วโป้ง
“ได้แกะของขวัญที่ผมให้รึยังครับ”
“ยังเลยค่ะ” มัทนาตอบแล้วจิบน้ำ
“ของขวัญหลอกๆ ให้สมกับคู่รักปลอมตัวของเรา”
มัทนาไอสำลักเบาๆ
“เกือบสำลักเลยค่ะ”
มัทนายิ้ม หยิบทิชชูมาซับปาก เชนจับตามองมาที่เธอ
“ถ้าในการ์ดอวยพรผมเขียนสารภาพว่าผมชอบคุณล่ะ”
มัทนาชะงักไป หน้าร้อนผ่าว เหลือบตามองหลงเข้าไปในตาหวานเชื่อมเป็นประกายของเชน
“ผมไม่ได้ทำหรอก”
มัทนาถอนใจยาวออกมาอย่างโล่งอก
“คุณเชนนี่ชอบพูดเล่นซะเรื่อยเลย”
มัทนาขำกลบเกลื่อน
“คิดไปคิดมาแล้ว บอกด้วยตัวเองดีกว่า”
มัทนาถึงกับขำค้าง เขาจ้องตาเธอ สีหน้าจริงจัง
“ผมชอบคุณนะ”
มัทนาหน้าร้อนแดงไปหมด เขินจนทำอะไรไม่ถูก จนต้องอาศัยมุกตลกกลบ
“เซอร์ไพรส์”
มัทนาผายมือ2 ข้าง ฉีกยิ้ม พูดเสียงแหลม แกล้งขำนำ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู้ยู”
เชนยังจริงจัง
“ผมพูดจริงนะ ผมไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน”
มัทนาขำค้างๆ กรอกตาไปมา คิดอะไรไม่ออกว่าจะเอายังไงดี เป็นลมดีกว่า ว่าแล้วมัทนาก็แกล้งหลับกลางอากาศฟุบหน้าไปกับโต๊ะอาหารเชนตกใจมากร้องเรียกแล้วลุกไปประคอง
“มัท”
เวลาหัวค่ำ มัทนาเดินดมยาดมหน้าตาล่อกแล่กนำมาตามทางเดินของโรงแรมอโณมา ก่อนมาหยุดที่หน้าห้องแล้วไขกุญแจ เชนเดินตามมาส่ง หยุดอยู่ด้านหลัง
“ดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ”
มัทนาหันมา ฝืนยิ้มแหยๆแก้ตัว
“ค่ะ สงสัยมัทจะกังวลเรื่องต้องรีบกลับมั้งคะเลยเป็นลมไป”
เชนรู้ทัน
“ผมว่าไม่น่าใช่นะ”
มัทนารีบแก้ตัวต่อ
“บางทีอาจจะเป็นเพราะมัททานมากไปก็ได้ค่ะ”
เชนยิ้มแบบรู้ทัน ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ เธอหน้าเจื่อนลง รู้ว่าเชนรู้เหตุผล เธอสูดหายใจลึก รวมความกล้ามองหน้าเขา
“ขอบคุณมากนะคะกับความรู้สึกดีๆ”
เชนยิ้มรับ ดีใจ
“แต่มัทยังไม่พร้อม ยังไม่คิดเรื่องพวกนี้”
เชนยิ้มแห้งลงเล็กน้อย
“มัทยังสนุกกับงานอยู่ มันเร็วเกินไปหน่อยน่ะค่ะ”
เชนยิ้มอย่างเข้าใจ
“ผมเข้าใจครับ สัญญาได้มั้ยว่าจะให้โอกาสผมเป็นคนแรก”
เชนพูดพลางจ้องตา รอคำตอบ มัทนาเขินเล็กน้อยและรีบตัดบท
“หมดเวลาแล้วค่ะ ซินเดอเรลล่าต้องกลายเป็นสาวใช้แล้ว ขอบคุณมากนะคะ”
มัทนายิ้มให้แล้วรีบกลับเข้าห้องนอนไปอย่างเร็ว ภายในห้องพัก เธอยิ้มเขินสุดๆ
“บ้าจริงๆ เลย”
เสียงแซวกระเซ้ากิ๊วก๊าวของสาระวารีดังขึ้นเมื่อได้ยินเรื่องราวของเชนที่มัทนาโทรมาเล่าให้ฟัง เธออินกับเพื่อนรุ่นน้องถึงกับเขินแทน
“แล้วมัทตอบเค้าไปว่ายังไง จะให้โอกาสเค้าเป็นคนแรกรึเปล่า”
“ไม่ได้ตอบ”
“ใจร้าย...คุณเชนไม่ดีตรงไหน คิดว่าตัวสวยเลือกได้รึไงยะ”
มัทนา...เปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกลับบ้านเขตต์ตวันแล้ว เธอกำลังพับเสื้อผ้าที่ใส่ไปอยู่พร้อมคุยไป
“ไม่ใช่ยังงั้นหรอกค่ะพี่วารี มัทยังสนุกกับงานอยู่ ไม่มีเวลาให้ใครหรอกค่ะ...เหมือนกับพี่วารีแหละ”
“ไม่เหมือนหรอกย่ะ ขอเจอคนที่ใช่ พี่พร้อมลาออกไปเป็นแม่บ้านทันที”
มัทนาหัวเราะหลุดแบบขำก๊ากออกมา
“ไม่ต้องหัวเราะดังขนาดนั้นก็ได้จ้ะ ดูถูกกันเกินไปแล้ว” สาระวารีแอบทิ้งค้อนเบาๆ
“อยากจะเห็นจริงๆ จะมีหนุ่มคนไหนกล้ามากระตุกหนวดเสือสาวอย่างพี่วารี บายค่ะ” มัทนาขำก่อนกดตัดสายไป
สาระวารีมองตัวเองในกระจกในห้องน้ำ แอบมีสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย ก่อนจะเชิดมั่นใจขึ้นมา เธอพูดกับตัวเองในกระจก
“ไม่เห็นจะแคร์เลย” สาระวารีสะบัดหน้าพรืดเดินกร่างออกไปจากห้องน้ำ
กลางดึกที่ห้องพักในเรือนลูกจ้าง มัทนาอยู่ในชุดนอนเรียบร้อย เดินมานั่งบนเตียงพร้อมกล่องของขวัญจากเชน...หยิบการ์ดมาเปิดอ่านลุ้นๆ
“สุขสันต์วันเกิดครับ....พี่เชน”
มัทนาแกะของขวัญออกดูพบว่า เป็นวิทยุเทปตั้งอัดได้แบบรุ่นราคาไม่แพง...
“ขอบคุณค่ะ เป็นประโยชน์มั่กๆ”
มัทนาทดลองใช้เครื่องไป
เช้าวันรุ่งขึ้น บริเวณสนาม เสียงวิทยุเทปอัดเสียงเครื่องนั้นเปิดเพลงลูกทุ่งดังนำมา มัทนากำลัง
ให้อาหารเจ้าด่างเจ้าจุดอยู่ เอกชัยเดินเข้ามาแซว
“เปิดเพลงเพราะแต่เช้าเลยนะ”
มัทนายิ้มๆบอก
“เพื่อนซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อวานน่ะค่ะคุณเอก”
“เพื่อนหรือแฟน”
“เพื่อนค่ะ”
“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันมีข่าวดีจะบอก ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดให้เธอก็ได้”
มัทนาสีหน้าเจ้าเล่ห์ทำฉุกคิด
“เอ๊ะคุณเอก ปุ่มนี้คืออะไรเหรอคะ”
มัทนาส่งเครื่องให้ดู
“อ๋อ ปุ่มอัดเสียง มีเทปรึยัง”
เอกชัยส่องดูแล้วบอก
“มีแล้วนี่”
มัทนาทำเนียนๆ ตื่นเต้น
“มัทร้องเพลงอัดลงไปได้มั้ยคะ”
“ได้สิ ลองอัดเสียงฉันดูก็ได้”
เอกชัยกดอัด ก่อนพูด
“ฟังให้ดีนะ คุณปอนกับฉันมีของขวัญวันเกิดอย่างนึงจะให้เธอ...เราจะให้เธอฝึกเป็น
นางแบบ”
มัทนาตาเบิกโพลง
“ถ้าเดินใช้ได้ เธออาจจะได้ขึ้นโชว์เป็นแบบให้คอลเล็กชั่นใหม่ของเรา”
มัทนาแกล้งยิ้มแหยๆ
“อะไรคะ ไม่เข้าใจค่ะ”
“เคยได้ยินเสื้อผ้าแบรนด์ตวันมั้ยล่ะ”
มัทนาแอบมีแววตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อยแว่บมาให้ได้เห็น เหล่มองเทปที่อัดอยู่ จะล่อ
ให้เอกชัยพูดออกมา
“แล้วมัทจะไปเดินให้เค้าได้ยังไงคะ”
เอกชัยขำๆ เอามือวางบนหัวเธอ เขย่าอย่างเอ็นดู
“ก็เสื้อผ้าแบรนด์ตวัน เป็นของคุณปอนน่ะสิ เด็กซื่อเอ๊ย...”
มัทนายิ้มแหย
“มัทคงเดินไม่ได้หรอกค่ะ ไม่กล้า”
“ไม่ลองไม่รู้ โอกาสดีๆ มีถึงแล้ว ถ้าทำได้ ชีวิตเธอจะพลิกเลยนะ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวบุษย์กับลิซ่าจะช่วยเทรนให้เธอเอง” มัทนาพูดพลางตบไหล่
มัทนายิ้มแหย แต่สายตาแอบเหล่มองไปที่เทปที่อัดเสียงเอกชัยอยู่โดยตลอด
ด้านหลังเขตต์ตวันแอบฟังการสนทนาอยู่ห่างๆ ถึงวินาทีนี้ก็ยังไม่ไว้วางใจในตัวมัทนาเต็มร้อยนัก
เวลาต่อเนื่องมา ลลิสาหน้าหงิกอารมณ์เสียขณะทานสลัดอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าเมื่อชลบุษย์พูดเรื่องมัทนา
“ฉันไม่ฝึกให้มันหรอก เธอจะใจดีสร้างภาพก็ทำไป”
ชลบุษย์ยิ้มกวนบอก
“คุณปอนได้ยินแบบนี้ คงเสียใจน่าดูเลย”
ลลิสาลุกขึ้น จ้องหน้าพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน สีหน้าดูถูก
“ไม่หรอกมั้ง มีนางแบบอันดับ1 อย่างเธอช่วยเทรนอยู่แล้วนี่... นางแบบรุ่นเก่า ปลดระวาง
แล้ว เดินสไตล์เก่าๆ เชยๆ ก็เหมาะกับเด็กบ้านนอกนั่น”
ชลบุษย์เจ็บใจย้อนกลับ
“ทำไงได้ล่ะ ฉันมันใจไม่ถึง ไม่กล้าผ่าตัดยัดโน่นเสริมนี่ ของปลอมก็งี้แหละ เดินสไตล์แปลกๆไม่เหมือนใคร” ชลบุษย์ขำๆแล้วจะเดินไป
ลลิสาสีหน้าเจ็บใจมาก
“ฉันของแท้ย่ะ ไม่งั้นคุณปอนจะติดใจขนาดนี้เหรอะ”
ชลบุษย์หันมาจ้องหน้าหน้าลลิสาแล้วสะบัดหน้าเดินฉับๆ กลับออกไป ลลิสามีสีหน้าหงุดหงิด ไม่เห็นด้วยอย่างแรงที่จะดันมัทนาเป็นนางแบบแบรนด์ใหม่ของตวัน
ผ่านเวลาต่อมา ชลบุษย์กำลังหัดให้มัทนาเดินแบบอยู่ที่ห้องประชุม โดยมีเอกชัยนั่งดูว่า เด็กพอจะมีแววมั้ย มัทนาฝึกเดินแบบได้ดีแต่ยังไม่สง่าพอ ต้องให้ชลบุษย์จัดระเบียบท่าทางอยู่เนืองๆ ลลิสาที่แอบดูจากหน้าห้อง แอบเหยียดปากพึมพำดูถูกอยู่ตลอดเวลา
“หุ่นไม่ให้ รูปร่างแปลกๆ คิดอะไรกันอยู่”
มายาตวัน ตอนที่ 3 (ต่อ)
เวลาต่อมา เยาะสีหน้าไม่พอใจมากวิ่งประกบมัทนาอยู่ที่ชายหาด
“เร็วขึ้นอีก วิ่งหรือคลานกันแน่เนี่ย”
“วิ่งมาตั้งไกลแล้วนะ” มัทนาบอก
เยาะหยุดวิ่งเท้าสะเอวจ้องหน้าอย่างดูถูก
“อยากเป็นนางแบบนักนี่ อ้วนกว่าฉันตั้งเยอะ สวยก็สู้ไม่ได้ ไม่รู้คุณเอกเห็นแววหล่อน
ตรงไหน”
“เห็นฉันแปลกมั้ง”
“ไม่มีทาง เรื่องแปลกฉันเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว ใครจะแปลกกว่าฉันได้อีก” เยาะค้อนใส่
“กลับกันเถอะเน๊อะ”
“ฉันไม่เน๊อะนะกับเธอด้วยหรอกย่ะ วิ่งต่อไปสุดหาดเลยไป ฉันจะนั่งรอร่มๆ แถวนี้ล่ะ”
“โห”
“ไปซิ เดี๋ยวฉันจะฟ้องคุณบุษย์”
มัทนาถอนใจอย่างเหนื่อย
“ไปก็ได้”
มัทนาวิ่งต่อ เยาะมองตาม ก่อนจะโพสต์ท่านางแบบยืนรับลมทะเลรอ
“สวยตรงไหน”
มัทนาวิ่งต่อไปเพียงนิดก็เห็น กบและกลุ่มเพื่อนนักข่าวสายบันเทิงของนสพ.อื่นเดินลงมาที่ชายหาด มัทนาหยุดกึก จำได้ กบเงยหน้าเห็นเข้าพอดี ก็จำได้ร้องเรียก
“มัท”
มัทนาตาเบิกโพลง วิ่งกลับไปแบบไม่คิดชีวิต จนวิ่งเลยเยาะไป
“จะหนีไปไหนยะ”
เยาะวิ่งตามกวดกลับไป กบเพื่อนนักข่าวเพ่งมองตามอย่างสงสัย
นักข่าวคนหนึ่งถามกบ
“ใครเหรอ”
“ก็น้องมัท นักข่าวสยามสารไง”
“ใช่เหรอ ทำไมต้องวิ่งหนีด้วยล่ะ”
“นั่นน่ะสิ มาทำไม” กบมีสีหน้าติดใจสงสัย
เวลาบ่าย คนขับรถเปิดประตูให้เขตต์ตวันและเอกชัยเดินไปขึ้นรถทางด้านหลัง มัทนาเดินมาขึ้นประตูหน้า นั่งข้างคนขับ เยาะยืนส่งคู่กับเปี๊ยก แต่ค้อนใส่ด้วยความหมั่นไส้มัทนา ส่วนเปี๊ยกยิ้มปลื้มยกมือขึ้นบ๊าย บาย
“จะไปบ๊าย บายมันทำไม ไปลองเสื้อแป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็กลับ”
ภายในรถ...เอกชัยคุยโทรศัพท์มือถืออยู่
“กำลังออกจากบ้านแล้ว... ก็เตรียมชุดที่เคยออกแบบไว้สำหรับแบรนด์ใหม่ไว้ให้หมดนั่นล่ะ คุณปอนจะพานางแบบไปลอง...นางแบบไม่ได้ไซส์ คงต้องแก้กันเยอะ”
มัทนาแอบชำเลืองหันมามองเขตต์ตวันที่นั่งหน้านิ่งจ้องมาทางเธออยู่ก่อนแล้ว มัทนารีบหันกลับไปนั่งตัวตรงทันที
ผ่านเวลามา รถจอดที่หน้าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งย่านตลาด เอกชัยเดินนำลงจากรถ คนขับรถเดินมาเปิดประตูรถให้เขตต์ตวัน เขาก้าวลงมาจากรถ เป็นจังหวะเดียวกับกบและเพื่อนนักข่าวเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว กบเพ่งมองจำเขตต์ตวันได้ แล้วตะโกนลั่น
“เขตต์ตวัน”
เขตต์ตวันและเอกชัยหันมองกบพร้อมๆกับมัทนาที่กำลังจะก้าวออกมาจากรถก็ตกใจมาก
“กบ”
มัทนารีบผลุบกลับเข้าไปนั่ง ปิดประตูรถ หน้าซีดเผือด หายใจไม่ทั่วท้อง กบและนักข่าวกรูเข้าหาเขตต์ตวันพร้อมถ่ายรูป เขตต์ตวันสีหน้าเซ็งปนรำคาญ เอกชัยรีบเข้ากันเพื่อนแล้วพาเข้าตึกไปอย่างเร็ว
นักข่าวจะกรูตาม แต่รปภ.ตึกรีบออกมาอ้าแขนขวางทาง
“เข้าไม่ได้นะครับ”
กบหันไปมองทางรถแล้วแอบถ่ายภาพรถเขตต์ตวันเอาไว้ มัทนารีบก้มมุดหลบไปทันที แต่ไม่พ้นสายตาเหยี่ยวของกบ มัทนาหลบไม่พ้นได้แต่ยิ้มแหยๆ
“มัท”
คนขับรถเดินเข้ามาหากบ
“จะทำอะไรครับ”
มัทนาตัดสินใจเปิดประตูกระแทกกบจนเซถอยไป มัทขยิบตาให้กบเดินตามมาเร็วๆ
เอกชัยรีบพาเขตต์ตวันไปขึ้นลิฟท์
“นักข่าวแห่มาทำอะไรกัน”
“สงสัยจะตามดาราฮอลลีวูด อ่านข่าวเจอแว๊บๆว่าแอบมาฮันนีมูนที่นี่”
เขตต์ตวันฉุกคิดได้ ตบกระเป๋ากางเกงหา
“เฮ้ย ฉันลืมมือถือไว้ในรถ”
“งั้นแกขึ้นไปก่อน เดี๋ยวฉันโทรให้สมศักดิ์เอาเข้ามาให้”
เขตต์ตวันฉุกคิด มองหา
“มัทล่ะ”
เอกชัยตกใจรีบกดโทรมือถือออกพร้อมเดินเร่งรีบออกไป เขตต์ตวันมองตามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
นักข่าว 2-3 คนเดินกลับออกมาแล้วมองหา
“กบหายไปไหน”
“ไปสัมภาษณ์ต่อแล้วมั้ง...ใครถ่ายรูปได้มั่ง เอามาดูสิ”
นักข่าวเดินคุยดูรูปข้ามถนนกันไป เอกชัยมาดักรอสมศักดิ์อยู่มุมด้านในอาคาร เขามองตามกลุ่มนักข่าวไป สมศักดิ์รีบเดินเอาโทรศัพท์มือถือเข้ามาให้
“มัทล่ะ”
“เห็นคุยกับนักข่าวอยู่นะครับ”
“ซวยแล้ว” เอกชัยตกใจมาก รีบเดินออกไปจากตัวตึกทันที
มัทนาคุยกับนักข่าวกบที่ซอกตึก
“แล้วมัทไปนั่งรถมาคันเดียวกับเขตต์ตวันได้ยังไง”
มัทนาทำสีหน้าลำบากใจ
“เรื่องมันยาวอ้ะพี่กบ”
“ก็เล่ามาสั้นๆ สิ มัทเป็นอะไรกับเขตต์ตวัน บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
มัทนาตาเบิกกว้าง อึกอัก คิดคำแก้ตัวไม่ทัน เอกชัยเดินปราดเข้ามากันตัวมัทนาออกไป ช่วยได้ทันเวลา
“ขอโทษด้วยนะครับ เรายังไม่ให้สัมภาษณ์อะไรตอนนี้ ขอตัวนะครับ”
เอกชัยรีบลากมัทนากลับออกไป
นักข่าวกบมองตามมัทไป สีหน้าติดใจสงสัยมาก เอกชัยถามมัทนาขณะพาตัวกลับเข้าอาคาร
“ให้สัมภาษณ์อะไรไปมั่ง”
“ยังไม่ได้ตอบอะไรเลยค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไรดีที่สุด”
เอกชัยถอนใจโล่งอกออกมา
มัทนามีสีหน้าเครียดๆ กังวลขึ้นมาเพราะกลัวความแตก
ลิฟท์ชั้นบนเปิดออก มัทนาและเอกชัยก้าวออกมาจากลิฟท์
“คุณเอกคะ เดี๋ยวลองเสื้อเสร็จแล้ว มัทขอกลับไปเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้าที่บ้านหน่อยนะคะ ไหนๆ ก็ออกมาถึงตลาดแล้ว”
เอกชัยกระเซ้า
“อย่ากลับให้ค่ำนักล่ะ เราจะเป็นคนดังแล้ว ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวหน่อย”
“ไม่ต้องแซวเลยคุณเอก มัทจะทำได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
“มั่นใจเถอะ ชุดสวย คนเค้าดูชุดอยู่แล้ว”
“คุณเอกอ้ะ”
“เร็วเข้า คุณปอนรอนานเดี๋ยวอารมณ์เสีย...”
เอกชัยโอบบ่ามัทนาพาเดินเข้าไปด้านใน
เวลาเย็น เขตต์ตวันนั่งรถกลับบ้าน เขามองถนนหนทางไปเรื่อยๆ เอกชัยนั่งเปิดตารางคุยนัดต่างๆ เช็คคิวนางแบบไป
เขตต์ตวันเหลือบตามองกระจกส่องหลัง เห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งตามมาห่างๆ เมื่อรถเลี้ยวเข้าซอยไปทางบ้านพัก...มอเตอร์ไซค์ที่มีผู้หญิงสวมหมวกกันน็อคซ้อนอยู่ก็เลี้ยวตาม เขามีสีหน้าติดใจสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ตามมานานแล้ว
เปี๊ยกวิ่งตามรถเขตต์ตวันที่ขับเข้ามาจอดที่หน้าตัวบ้าน เปี๊ยกช่วยเปิดประตูให้ ที่หน้ารั้วบ้าน มอเตอร์ไซค์ขับมาจอดก่อนถึงรั้วบ้าน...หญิงสาวลงจากหลังมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน็อค พบว่าเป็นนักข่าวกบนั่นเอง
กบแอบมาที่หน้ารั้วบ้านที่ยังไม่ทันได้ปิด ตั้งกล้องเล็งถ่ายรูปเขตต์ตวันที่ก้าวลงมาจากรถทันที
เขาเหลือบเห็นพอดี จึงสั่งเปี๊ยกด้วยน้ำเสียงดุ สีหน้าโกรธจัด
“จับตัวเอาไว้”
เปี๊ยกและคนขับรถรีบวิ่งออกไปจับตัวนักข่าวกบ ทั้งกบและคนขับมอเตอร์ไซค์ต่างตกใจด้วยกันทั้งคู่ คนขับมอเตอร์ไซค์ซิ่งหนีเอาตัวรอดไปก่อน ทิ้งนักข่าวกบไว้เผชิญหน้าเพียงคนเดียว
“รอก่อนสิ”
เปี๊ยกและคนขับรถวิ่งไปล้อมหน้านักข่าวกบที่ยิ้มแหยๆ ยกมือยอมแพ้
เปี๊ยกพาตัวนักข่าวกบที่หน้าจ๋อยๆ กลัวๆ เดินเข้ามาทางสนามในบ้าน เอกชัยยืนดักรออยู่ เขตต์ตวันยืนหันหลังอยู่ไม่ห่างนัก เปี๊ยกส่งกล้องถ่ายรูปที่ยึดมาได้ให้เอกชัย เอกชัยเปิดกล้องดูและไล่ลบรูปไป
เขตต์ตวันหันมามองกบด้วยสีหน้าดุ เอาเรื่อง
“เธอรู้มั้ยว่าทำแบบนี้มันละเมิดความเป็นส่วนตัวเกินไป”
กบหน้าจ๋อยบอก
“แต่คุณเป็นคนของประชาชน”
เขาสวนกลับทันที
“ฉันไม่ใช่ ถึงจะใช่ มันก็ต้องมีขอบเขต”
“แล้วคุณจะเอายังไง ฉันถ่ายรูปคุณแค่ใบสองใบ จะฟ้องสำนักพิมพ์ฉันเลยเหรอะ”
เอกชัยเดินเอากล้องมาคืนกบพร้อมบอกเขขต์ตวัน
“ฉันลบรูปหมดแล้ว กล้องอื่นถ่ายได้ที่ตลาด ไม่เห็นบ้านก็ช่างมันเถอะ”
กบนึกทบทวน
“อ๋อ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ คุณรับเงินสยามสารมาล่ะสิ ถึงมีข่าวความเคลื่อนไหวของคุณได้อยู่เล่มเดียว นักข่าวประจำตัวคุณถึงได้อึกๆอักๆ”
เขตต์ตวันสีหน้างงปนสงสัย จ้องหน้ากบ
“พูดเรื่องอะไรของเธอ”
มัทนานั่งร้อนใจอยู่ที่โต๊ะอาหาร กวาดสายตามองหาไปหน้าร้าน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้นมา มัทนาดูเบอร์โชว์
“ฮัลโหล...อยู่ไหนคะพี่กบ”
มือถือโทรศัพท์ของกบอยู่ในมือของเขตต์ตวัน และถูกเปิดสปีคเกอร์โฟนเอาไว้
“มัทมีเวลาไม่มากนะคะ”
เอกชัยยืนฟังอยู่ข้างๆ หน้าเสียไป เมื่อได้ยินเสียงมัทนาจากปลายสาย เขตต์ตวันขบกรามจนขึ้นสันด้วยความโกรธ ก่อนจะพยักหน้าให้กบตอบไป
กบพูดใกล้โทรศัพท์
“พี่ไม่ว่างแล้วล่ะมัท โทษที ไว้ค่อยนัดเจอกันอีกทีนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยนัดเจอกันที่กรุงเทพเลยแล้วกัน”
เขตต์ตวันกดตัดสายไปทันทีด้วยสีหน้าโกรธจัด เอกชัยรีบเตือนสติเพื่อน
“ใจเย็นๆ ก่อนนะปอน”
เขตต์ตวันระเบิดอารมณ์ใส่กบทันที
“เธอรู้จักกับเค้ามานานรึยัง”
กบดูกลัวๆเขตต์ตวัน
“หลายเดือนแล้วค่ะ เป็นนักข่าวสายบันเทิงเหมือนกัน”
เขตต์ตวันขบฟันแน่น
เขตต์ตวันตบพนักโซฟาโครมใหญ่ ด้วยความโกรธเกรี้ยว เอกชัยและชลบุษย์หน้าแหย ลลิสายิ้มสะใจกว่าใครเพื่อน
“ลิซ่าเตือนแต่แรกแล้ว ไม่มีใครฟัง เซนส์มันบอกว่าแม่นี่ไว้ใจไม่ได้... ไงคะคุณเอก แม่เด็กดีแสนกตัญญู น่าสงสารของคุณ”
ลลิสายิ้มเยาะใส่เอกชัยที่ถอนใจออกมา ลลิสาเดินมาเย้ยชลบุษย์
“นางแบบหน้าใหม่ ตาถึงมากเลยนะเธอ”
ชลบุษย์ถลึงตาใส่ลลิสา
“พอทีเถอะลิซ่า” เขตต์ตวันบอก
ลลิสาเหยียดปากสะใจก่อนเดินไปนั่งไขว่ห้างอย่างอารมณ์ดี ชลบุษย์หางตามองตามอย่างหมั่นไส้สุดๆ
“แล้วแกจะเอายังไง”
เขตต์ตวันสีหน้าโกรธจัด จ้องหน้าเอกชัยบอก
ไล่ออกไปจากบ้าน อย่าจ่ายค่าแรงซักบาทเดียว...อย่าให้กลับมาเหยียบที่นี่อีก”
เขตต์ตวันหัวเสียเดินกลับเข้าไปทางห้องหนังสือ ลลิสาหัวเราะชอบใจ ลุกขึ้น
“วันนี้อารมณ์ดีจังเลย”
ลลิสาเดินกรีดกรายไปขึ้นชั้นบน ชลบุษย์เหลือบตามองเอกชัยที่ถอนใจออกมาอย่างหนักใจ
ผ่านเวลามา มัทนาเดินกลับถึงหน้าบ้าน เปี๊ยกเห็นรีบวิ่งมาบอก ทำท่าบุ้ยใบ้ให้กลับไปก่อน
มัทนาสีหน้างงๆ เยาะเสียงนำมาก่อน
“เงียบไปเลยไอ้เปี๊ยก”
เยาะถือสัมภาระของมัทนาทั้งหมดมาโยนโครมลงหน้า มัทนาตกใจ
“ทำอะไรของเธอ”
“ออกไปจากบ้านนี้ได้แล้ว”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน”
ชลบุษย์เดินกรีดกรายตามออกมา พร้อมเครื่องอัดวิทยุของขวัญเชนใส่มัทนา
“ผู้ร้ายปากแข็ง”
มัทนารับไว้ได้ทัน
“เค้ารู้ความจริงกันหมดแล้วว่าหล่อนเป็นไส้ศึก”
มัทนาผงะไป หน้าซีดเผือด
“แอบอัดเสียงใครไว้มั่งอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ฉันดึงเทปกระจายหมดแล้ว”
ชลบุษย์มีสีหน้าสะใจ
“จะไปไหนก็ไปให้พ้นๆ เลย”
เปี๊ยกสงสารเข้าไปช่วยขนของ
“ฉันช่วยขนของไปส่งนะ”
“แกอยากถูกไล่ออกอีกคนเหรอะไอ้เปี๊ยก” เยาะบอก
“รีบไปให้พ้นๆ หน้าบ้านเลยนะ คุณปอนไม่ต้องการให้เธอมาเหยียบบ้านนี้อีก”
มัทนาหน้าจ๋อยๆ ก้มลงเก็บสมบัติตัวเองไป เอกชัยเดินหน้าเครียดออกมา
“มัท”
มัทนาเงยหน้ามองเอกชัยที่มีสีหน้าแววตาผิดหวัง มัทนารู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน
“ตามฉันเข้าไปข้างในก่อน คุณปอนต้องการพบ”
เอกชัยเดินนำมัทนากลับเข้าไปในบ้าน ยุแยงชลบุษย์
“คุณปอนคงไม่ใจอ่อนอีกนะคะ”
ชลบุษย์มองตามอยากรู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรกัน
ลลิสาก็แอบจับตามองเหตุการณ์อยู่ก่อนจะรีบกดโทรศัพท์โทรออกเหมือนรีบโทรไปรายงานใคร
“คุณปอนเรียกมันกลับเข้าไปคุยค่ะ จะเปลี่ยนใจไม่ไล่ออกรึเปล่าก็ไม่รู้นะ”
เอกชัยเคาะประตูห้องหนังสือก่อนพามัทนาเดินเข้ามา เขตต์ตวันนั่งหน้านิ่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ จ้องเขม็งด้วยความโกรธจัด ดุดันมาที่มัทนาจนเธอต้องรีบหลบสายตา
“เธอกล้ามากนะที่ทำแบบนี้”
มัทนากัมหน้า เขาลุกขึ้นเดินไปหามัทนา
“รู้มั้ยว่าฉันฟ้องสำนักพิมพ์เธอ เรียกซักสิบล้านก็ได้ แล้วก็อย่าหวังว่าฉันจะยอมความ เพราะฉันไม่ต้องพึ่งพาพวกเธอ กิจการฉันก็อยู่ฉันได้”
มัทนาแหย ยกมือไหว้
“อย่าฟ้องเลยนะคะ ทางสำนักพิมพ์ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย มัทแอบปลอมตัวเข้ามาเอง ถ้าบ.ก.รู้ มัทถูกไล่ออกแน่ๆเลย”
เอกชัยและเขตต์ตวันสบตากันเล็กน้อย
“คือมัทอยากได้ข่าวคุณไปเขียนมากเพราะบ.ก.จะให้มัทย้ายไปทำงานโต๊ะการเมือง”
“ฟังดูก็น่าเห็นใจ แต่ทำไมไม่มาขอสัมภาษณ์ดีๆ”
“ทำยังงั้นคุณปอนจะให้เหรอคะ”
“เห็นแก่ได้”
“มัทยอมรับผิดค่ะ แต่มัทไม่มีเจตนาเขียนข่าวให้คุณเสียหายเลยซักนิดเดียว สยามสารตามข่าวคุณเพราะแฟนคลับคิดถึง อยากรู้ว่าดาราขวัญใจเค้าเป็นยังไง ทำอะไรอยู่ เราก็แค่เขียนสกู๊ปให้เค้าอ่านให้หายคิดถึงก็แค่นั้นเอง”
เอกชัยสบตาเขตต์ตวัน เอกชัยเหมือนจะใจอ่อน...แต่เขตต์ตวันหน้านิ่งเดินกลับไปหันหลังเงียบที่โต๊ะอ่านหนังสือ
“ลองมัทเขียนถึงคุณในแง่ไม่ดีสิคะ แฟนคลับได้แห่กันมาถล่มบริษัทแหงๆ”
เอกชัยมองมัทนา สีหน้ารับฟังและเข้าใจ
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอสัมภาษณ์ต่อเลยได้มั้ยคะ”
เขตต์ตวันหันขวับมาตวาด
“หน้าด้าน”
มัทนาสะดุ้งโหยง
“ทำความผิดขนาดนี้แล้วไม่ได้สลดเลยนะ”
“ตกลงไม่ให้สัมภาษณ์ใช่มั้ยคะ”
เขตต์ตวันเสียงแข็ง
“เอ๊ะ เธอนี่ ฉันไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น”
มัทนาจ๋อยสนิท เขาจ้องหน้ามัทนา
“ข่าวเรื่องฉันคือจันทิรา เจ้าของแบรนด์ตะวันหลุดรอดออกไปเพราะเธอใช่มั้ย”
มัทนาหน้าแหย อึกอักๆ
“เอ่อ... คือ... มันบังเอิญ”
เขตต์ตวันตวาดเสียงแข็ง
“ฉันถามว่าใช่มั้ย”
“ค่ะ”
เอกชัยรีบช่วย
“แต่โชว์วันนั้นประสบความสำเร็จล้นหลามนะปอน ยอดขาย ยอดสั่งจองเสื้อ สูงสุดเป็นประวัติการณ์เลย”
เขตต์ตวันเหล่มองเอกชัยตาขวางๆ มัทนายิ้มภูมิใจ
“ขอบคุณค่ะพี่นกแก้ว”
มัทนารีบยกมือขึ้นปิดปาก เอกชัยหันมามอง
“เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ”
มัทนาแหยๆ
“ก็สมญานามน่ารักๆ น่ะค่ะ ฉันจะใช้อธิบายความเป็นคุณในบทความ”
“เอาบทความมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
มัทนาชะงัก กรอกตาไปมาเล็กน้อย
“ยังไม่เสร็จเลยค่ะ”
มัทนายกนิ้วจิ้มหัวฝืนยิ้มสู้
“ยังอยู่ในนี้อยู่เลย”
“กวนประสาท เธอออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”
มัทนายิ้มแห้ง เขตต์ตวันชี้หน้า
“อย่าให้เห็นข่าวหรือบทความใดๆ เกี่ยวกับฉันตีพิมพ์ในสยามสารเป็นอันขาด ฉันจะฟ้องสำนักพิมพ์เธอจริงๆ”
“มัทไม่กล้าหรอกค่ะ”
“แล้วก็อย่ามาทำลูกเล่น บ้านนี้มีกล้องวงจรปิดซ่อนไว้หลายจุด ฉันมีหลักฐานเล่นงานเธอชนิดดิ้นไม่หลุดแน่”
มัทนากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ
“พาออกไปได้แล้ว แล้วอย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีก”
เขตต์ตวันเดินหน้าบึ้งตึงนำออกไปจากห้อง หางตาก็ไม่แลมัทนา เอกชัยถอนใจพร้อมยักไหล่ให้
เอกชัยยิ้มๆ ยกมือยื่นไปเช็คแฮนด์
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ สาวน้อยใจเด็ด”
มัทนายกมือขึ้นเช็คแฮนด์
“ค่ะ พี่นกแก้วเจ้าระเบียบ”
“สมญาเต็มฉันเป็นแบบนั้นเหรอะ” เอกชัยพูดพลางก้มมองตัวเอง
“แต่ฉันไม่ได้แต่งตัวสีจัดขนาดนกแก้วหรอกมั้ง”
“เอก”
มัทนาและเอกชัยชะงัก หันมองไปทางหน้าประตู เขตต์ตวันยืนหน้าหยิกบึ้งตึงมองกลับมา
ทั้งคู่รีบปล่อยมือที่เช็คแฮนด์กัน เอกชัยทำเสียงขึงขัง ดุใส่
“รีบออกไปได้แล้ว”
เขตต์ตวันเดินหน้าหงิกถอนใจส่ายหน้าไปมา
“โชคดีแล้วกัน ฉันถูกชะตาเธอนะ”
เอกชัยยกมือทำท่าโทรศัพท์ ประมาณโทรหามั่ง
“มีเบอร์ฉันแล้วนี่”
มัทนายิ้มปลื้มใจยกมือไหว้
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะคุณเอก”
เอกชัยวางมือบนหัวมัทนา ขยี้หัวไปมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนมือมาบีบต้นคอดันตัวพาออกไปจากห้อง...มัทนาจั๊กจี๋ย่นคอไปมาเล็กน้อย
ผ่านเวลามา มีคณากำลังพิมพ์ต้นฉบับส่งงานบนโน้ตบุ๊กอยู่ที่โต๊ะทำงาน มีคณาหันมาอ่านสมุดโน้ตจดข้อมูลที่ไปสัมภาษณ์มาอีกรอบ ก่อนจะหันมาพิมพ์ข่าวต่อ สาระวารีเดินหน้าตาร้อนใจเข้ามาหา
“มี่ มี่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วแก”
มีคณาพิมพ์งานไป ปากถาม
“มีอะไรล่ะ”
สาระวารีปิดฝาผับโน้ตบุ๊กงับมือมีคณาจนต้องรีบดึงมือออก
“โอ๊ย...มีอะไรก็พูดมาสิ”
“ก็สนใจฟังหน่อยสิ เจ้ามัทแย่แล้วล่ะ เค้าจับได้ว่าเป็นนักข่าว”
มีคณาตกใจมากถาม
“ตายแล้ว เค้าจะฟ้องเรามั้ย”
“มัทว่าไม่ฟ้องนะ แต่ไล่ออกจากบ้านแล้ว แต่คนอย่างเขตต์ตวันไว้ใจไม่ได้หรอก เธอก็รู้ว่าเกลียดนักข่าวยังกะอะไรดี”
มีคณามีสีหน้าไม่สบายใจ
“แล้วมัทจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นว่าอยากได้ข้อมูลอะไรอีกหน่อย”
“ฉันว่ากลับมาก่อนเถอะ ไปวุ่นวายมากๆ เดี๋ยวเค้าเปลี่ยนใจฟ้องขึ้นมาจะยุ่ง”
“แต่มัทเล่าว่าซื้อใจเพื่อนซี้นายนั่นได้อยู่นะ”
“ถึงงั้นก็เถอะ ตอนนี้ถอยมาตั้งหลักก่อนดีกว่า”
“น้องบอกค่ำๆ จะโทรมาหาอีกที เธอก็เตือนน้องไปแล้วกัน”
มีคณาถอนใจ เปิดฝาโน้ตบุ๊กขึ้นจะทำงานต่อ พอเปิดเครื่องดูพบว่าที่พิมพ์ไว้หายเกลี้ยง เธอตกใจมาก
“อุ๊ย หายหมดเลย”
สาระวารีตาเบิกโพลง ค่อยๆ ถอยหนี เพราะรู้แล้วว่าเป็นต้นเหตุ มีคณาเงยหน้าจ้อง
“วารี”
สาระวารียิ้มแหยๆ
“มาพิมพ์ให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“ฉันก็ต้องรีบส่งต้นฉบับเหมือนกัน”
สาระวารีวิ่งหนี มีคณาไล่กวด
“วารี”
สาระวารีร้องโหวกเหวกโวยวายขณะโดนมีคณาตามไปจับอัดดังตามมา
เยาะมารื้อห้องพักมัทนาอีกรอบโดยมีเอกชัยช่วยตรวจทาน เขตต์ตวันยืนกอดอกหน้าบึ้งตึงคุมอยู่หน้าประตูห้อง
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะคุณเอก สายลับมืออาชีพจริงๆนะคะ ไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย”
เอกชัยหันมองเขตต์ตวัน
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะปอน เครื่องอัดเทปที่ได้ของขวัญมาก็ดึงเทปออกแล้ว ฉันเลยให้บุษย์คืนเค้าไป”
เขตต์ตวันเจ็บใจบอก
“แสดงว่ามันทำงานกันเป็นทีม ไอ้ผู้ชายคนที่ทำเป็นแฟนก็คงเป็นนักข่าวเหมือนกัน...ไม่น่า มันถึงรู้มุมกล้องวงจรปิด กล้องหน้าบ้านจับภาพหน้ามันไม่ได้เลย”
“ฉันถูกต้มซะเปื่อยเลย” เอกชัยบอก
“จุดอ่อนแกคือใจอ่อน ขี้สงสารเกินเหตุ”
เอกชัยหน้าจ๋อยบอก
“ขอโทษว่ะปอน”
“งั้นเด็กลูกจ้างใหม่ให้เยาะตามเพื่อนมาให้มั้ยคะ มันตกงานพอดี ไม่สวยแถมโง่ด้วยค่ะ เกิดมาทำไมไม่รู้ ไม่มีอะไรดีเลย” เยาะหัวเราะชอบใจ
“พามาคุยแล้วกัน”
“ค่ะคุณเอก” เยาะพูดยิ้มแย้ม
เขตต์ตวันจะเดินออกไปจากห้องฉุกคิด หยุดเดินหันกลับมา
“ยกฟูกขึ้นดูซิ”
เอกชัยและเยาะหันมองหน้ากันเล็กน้อย
“มาช่วยฉันหน่อยไ
เอกชัยและเยาะมาช่วยกันยกฟูกขึ้น ทำให้เห็นมีสมุดโน้ตที่มัทนาเขียนต้นฉบับซ่อนเอาไว้
“มีจดหมายรักด้วยค่ะ”
“เอามาซิไ
เอกชัยหยิบสมุดโน้ตมาส่งให้เพื่อน
เขตต์ตวันรับแล้วเดินหน้าเครียดๆ ออกไป เอกชัยปล่อยฟูกแล้วเดินตามเพื่อนไปทันที ปล่อยให้เยาะหนักฟูกหัวทิ่มหัวตำไป
มัทนาขนสัมภาระกลับมาถึงโรงแรมที่พัก ทิ้งตัวนั่งหมดแรงที่เก้าอี้ล็อบบี้ ก่อนจะปั้นสีหน้าใช้ความคิด เชนเดินออกมาจากทางห้องน้ำโรงแรม เห็นมัทนาเข้าพอดี
“อ้าวมัท หอบของไปไหนเนี่ย”
“ความแตกแล้วล่ะค่ะ”
เชนเดินมานั่งด้วยด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“เค้าจับได้เหรอะ”
“ค่ะ มัทเจอเพื่อนนักข่าว เรื่องเลยแดงขึ้นมา”
“แย่จังเลย เค้าเอาเรื่องอะไรมั้ย”
“ไม่หรอกค่ะ แต่ห้ามมัทกลับไปเหยียบบ้านเค้าอีก แล้วก็ห้ามเขียนข่าวเกี่ยวกับเค้า ไม่งั้นเค้าจะฟ้องสยามสาร”
เชนจ้องหน้ามัทนาถาม
“มัทกลัวคำขู่เค้ามั้ยล่ะ”
มัทนาส่ายหน้า
“ไม่กลัวหรอกค่ะ แต่กลัวตกงาน”
“แล้วมัทจะทำยังไงต่อ”
มัทนาสีหน้ามุ่งมั่น ฮึดสู้
“มัทจะกลับไปบ้านเค้าอีก มัทจะต้องขอสัมภาษณ์เค้าให้ได้ มัทจะหาทางอ้อนวอนจนเค้าใจอ่อน มัทไม่ยอมกลับไปมือเปล่าอย่างคนแพ้หรอกค่ะ”
“ต้องยังงี้สิ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ผมเอาใจช่วย”
มัทนายิ้มสูดหายใจเต็มปอดรวมแรงฮึด
“ขอบคุณค่ะ”
เชนยิ้มเอ็นดูพร้อมยกนิ้วโป้งให้ทั้ง 2 นิ้วเลียนแบบที่มัทนาชอบทำ เธอได้แต่ขำๆ ออกมา
เอกชัยยืนอ่านต้นฉบับของมัทนาอยู่ในห้องทำงาน เขตต์ตวันนั่งหน้านิ่งมองเพื่อน รอให้อ่านจบ
เอกชัยอ่านจบเงยหน้าจากสมุดโน้ต
“เด็กคนนี้เขียนดีเลยนะ เป็นมุมสบายๆ ของแกที่คนไม่เคยเห็น ก็เป็นบทความที่บวกกับแกดีออก”
“แกไม่ต้องเข้าข้างเด็กนั่นหน่อยเลย ถามจริงเถอะ แอบชอบเด็กนั่นเหรอะ เชียร์กันออกนอกหน้า”
“แกถามเหมือนไม่รู้จักกัน ฉันยังเข็ดขยาดผู้หญิงไม่หาย ไม่มีทางหายง่ายๆ หรอก”
เอกชัยสีหน้าซึมไป
“ขอโทษโว้ยเอก”
เอกชัยตัดบทเปลี่ยนเรื่อง
“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้เข้าข้างเด็กนั่น แกฉลาดกว่าฉันตั้งเยอะ อ่านจบไม่รู้เหรอะว่าเด็กมัทเขียนด้วยความรู้สึกดีๆ กับแก กับบ้านของเรา บทความนี้ตีพิมพ์ เจ้าด่างเจ้าจุดเกิดแน่ๆ...ไม่รู้แอบถ่ายรูปเจ้าสองตัวนี่ไปได้รึยัง”
เขตต์ตวันลุกขึ้นยืนพร้อมปราม
“หยุดพล่ามซะทีเถอะไอ้นกแก้ว”
“โอ้โฮ หยุดกึกเลยเรา”
เขตต์ตวันเดินพูดไปประจันหน้ากับเอกชัย
“ยังไงฉันก็ไม่อนุญาตให้ตีพิมพ์ต่อให้เขียนดีกว่านี้อีกร้อยเท่า ฉันก็ไม่อนุญาต เพราะอะไรรู้มั้ย
เพราะบทความนี้เริ่มต้นจากความหลอกลวงปลิ้นปล้อน ฉวยโอกาส จากความไว้ใจ ฉันไม่ชอบ”
“ฉันเข้าใจ แต่...”
เขตต์ตวันกระชากสมุดโน้ตมาแล้วฉีกบทความนั้น
“ไอ้ปอน...”
เขตต์ตวันฉีกกระจายแล้วโยนทิ้งพื้น
“อย่าให้ฉันเจอตัวอีกแล้วกัน”
เขตต์ตวันเดินออกไปจากห้อง ปิดประตูกระแทกโครม เอกชัยก้มมองบทความที่ถูกฉีกขนาดหลายส่วน ย่อตัวลงเก็บ แล้วพูดพึมพำ
“หวังว่าเธอคงมีก็อปปี้นะมัท นี่คือบทความที่ดีที่สุดที่นักข่าวเคยเขียนให้ไอ้ปอนมัน”
เอกชัยถอนใจออกมาแล้วเก็บรวบรวมเอาไว้
มายาตวัน ตอนที่ 3 (ต่อ)
ภายในห้องพักในโรงแรมอโณทัยตอนหัวค่ำ มัทนาคุยโทรศัพท์มือถือ
“มัทจะสู้อีกซักตั้งพี่มี่”
มัทนาเดินคุยโทรศัพท์มือถือไปเปิดตู้เสื้อผ้า
“ไม่ต้องห่วงพี่ เค้าขู่ไปงั้นแหละ ไม่ฟ้องเราจริงหรอก เค้ากลัวเป็นข่าวจะตายไป”
มัทนาฟังมีคณาพร้อมค้นหาของในตู้ที่ซุกซ่อนเอาไว้
มัทนายิ้มๆก่อนตอบ
“คุณพี่สุดสวยสองคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ มัทมีไม้เด็ดสำรองเอาไว้แล้ว... ขอบคุณค่ะ มัทจะโทรรายงานตัวทุกระยะ เห็นท่าไม่ดีจะหนีกลับกรุงเทพทันทีเลยค่ะ...ค่ะ สวัสดีค่ะ”
มัทนากดตัดสาย แล้วหยิบกระเป๋าผ้าขนาดเล็กที่ซ่อนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า ออกมาเปิดดู เธออมยิ้มมั่นใจ
เช้าวันต่อมา มัทนากอดกระเป๋าผ้าใบเล็กไว้แนบตัวจะวิ่งเข้าบ้านเขตต์วันให้ได้เปี๊ยกและเยาะคอยกางมือกั้นไม่ให้เข้า ยักแย่ยักยันอยู่ตรงนั้น
“อย่าให้หลุดเข้าไปได้นะไอ้เปี๊ยก ตกงานเชียวเอ็ง”
“รู้แล้วน่ะ”
“เปี๊ยกจ๋า ขอมัทเข้าไปพบคุณเอกหน่อยนะจ๊ะ”
เปี๊ยกดูใจอ่อน ลังเล
“อย่าใจอ่อนนะไอ้เปี๊ยก”
มัทนาจะพุ่งเข้าบ้านไป
“หยุดนะ”
เยาะพุ่งเข้ากอดเอวมัทนาเอาไว้แล้วจะโกนลั่น
“คุณเอกช่วยด้วย คุณเอก”
“มาช่วยกันจับสิวะไอ้เปี๊ยกไ เยาะบอก
เอกชัยเดินมาจากทางสนามข้างบ้าน
“มีเรื่องอะไรกัน”
ทุกคนชะงัก มัทนาฉวยโอกาสผลักเยาะล้มไปและวิ่งไปหาเอกชัย เยาะจะลุกตามแต่เปี๊ยกมาจับตัวล็อคเอาไว้ เพราะอยากช่วยมัทนา เยาะโวยวาย
“มาจับฉันทำไมไอ้เปี๊ยก ฉันให้จับนังมัท ไม่ใช่ฉัน ปล่อย ไอ้บื้อ”
เอกชัยถามทัทนาสีหน้าเครียด
“เธอกลับมาทำไมอีก”
“มัทมีบางอย่างอยากให้คุณปอนดู เผื่อคุณปอนจะใจอ่อน ยอมให้มัทสัมภาษณ์”
เอกชัยหัวเราะออกมา
“นี่เธอยังหวังว่าจะได้สัมภาษณ์เจ้าปอนอยู่อีกเหรอะ”
“คนตายเท่านั้นล่ะค่ะที่ไม่มีความหวัง”
เอกชัยยิ้มส่ายหน้า มัทนาชูกระเป๋าขึ้น
“ถ้าคุณปอนได้เห็นของในกระเป๋านี้จะต้องใจอ่อน”
“ขนาดนั้นเลย”
มัทนาฃพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“สาวน้อยเอ๊ย เธอยังไม่รู้จักปอนดีพอ”
มัทนาอ้อนบอก
“นะคะคุณเอก ขอเจอแค่ 5 นาทีก็ได้”
“เอาของมาให้ฉันดูก่อน”
มัทนากอดกระเป๋าแน่น
“ไม่ได้ค่ะ ให้คุณปอนดูได้คนเดียวเท่านั้น”
“หวังว่าคงไม่ใช่มีดหรือปืนเอามาจ่อคอไอ้ปอนขอสัมภาษณ์หรอกนะ”
“มัทเป็นนักข่าวนะคะ ไม่ใช่มิจฉาชีพ”
ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเอกชัยก็ดังขัดขึ้น ด้วยเสียงเรียกเข้าพิเศษที่ตั้งเอาไว้ เอกชัยก็พูดขึ้นมาเลย เอกชัยบอกมัทนา
“ปอนโทรมา”
มัทนาจับตามอง เงี่ยหูฟังเอกชัยคุยโทรศัพท์
เอกชัยกดรับ
“ว่าไง...เออ เออ ได้” เอกชัยกดตัดสาย
มัทนาถอยหนี
“คุณปอนสั่งให้ลากตัวมัทไปโยนทิ้งหน้าบ้านใช่มั้ยคะ...มัทเข้ามาได้แล้ว มัทไม่ยอมออกไปหรอกค่ะ” มัทนาตั้งท่าจะวิ่งไปทางสนาม เอกชัยเสียงดัง มีอำนาจ
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ”
มัทนาหันมองเอกชัย
“ปอนให้เธอเข้าไปพบในบ้าน”
มัทนาอึ้งหน้าเหวอๆ ไป เพราะผิดคาด
เขตต์ตวันยืนอยู่หน้าระเบียงกำลังกดตัดสายโทรศัพท์ที่เพิ่งโทร.หาเอกชัย เขามองเลยไปทางสนามที่เอกชัยและมัทนายืนคุยกันอยู่เล็กน้อย
ก่อนจะเดินหน้าเคร่งขรึมนำกลับเข้าบ้านไป
มัทนาเดินตามเอกชัยเข้ามาที่โถงบ้านพร้อมกอดกระเป๋าแนบอก เขตต์ตวันนั่งหน้าบึ้งตึงรออยู่ที่กลางโซฟา มองเธอตาขวาง มัทนาฉีกยิ้มแหย ยกมือไหว้
“กล้ามากนะที่กลับมาอีก”
“มัทกลับกรุงเทพไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ายังค้างคาใจอยู่ยังงี้”
เอกชัยช่วยเสริม
“มัทเค้ามีอะไรอยากให้แกดู”
มัทนาเดินถือกระเป๋าขนาดย่อมมานั่งข้างๆ เขตต์ตวันขยับตัวห่างเล็กน้อย สีหน้าไม่ค่อยไว้วางใจนัก
“มัทเคยบอกคุณปอนแต่แรกว่ามัทเป็นแฟนคลับคุณ มันเป็นความจริงนะคะ มัทมีหลักฐานมายืนยัน”
เอกชัยและเขตต์ตวันสบตากันเล็กน้อย ขณะที่มัทนาเปิดกระเป๋าใบย่อม เธอหยิบของออกจากกระเป๋าทีละชิ้น เริ่มด้วยแฟ้มรวมภาพเขตต์ตวันที่ตัดมาจากแมกกาซีน
“นี่มัทเอามาแค่บางส่วนนะคะ แฟ้มนี้เป็นรูปคุณปอนที่เคยถ่ายแบบเอาไว้”
มัทนายื่นให้เขตต์ตวัน เขาพยักหน้าให้เพื่อน เอกชัยรับมาเปิดดู
“โอ้โห นี่รูปแรกที่แกเคยถ่ายเลยนะปอน”
เอกชัยโชว์รูปให้เพื่อนดู เขาเหลือบตามอง พยักหน้ารับทราบไปงั้นๆ เอกชัยเปิดดูรูปไปเรื่อย
มัทนาหยิบออกมาอีกแฟ้ม
“อันนี้เป็นแฟ้มข่าวเกี่ยวกับคุณตามหน้าหนังสือบันเทิง มัทตัดเก็บเอาไว้หมด”
มัทนาส่งให้ เอกชัยขยับมานั่งเปิดดูเป็นเรื่องเป็นราว เขตต์ตวันแขวะ
“ทีมงานเตรียมข้อมูลให้เธอแน่นดีนะ”
มัทนาชักเคือง
“ไม่มีใครเตรียมอะไรให้มัททั้งนั้นล่ะค่ะ”
มัทนารีบหยิบมาอีกแฟ้ม
“นี่เป็นเอกสารที่มัทรวบรวมปรินท์มาจากเว็บไซด์ต่างๆ รวมทั้งเว็บแฟนคลับอย่างเป็นทางการของคุณด้วย”
มัทนาเปิดแฟ้มยืนให้เอกชัยดู เขตต์ตวันหน้านิ่งทำเป็นไม่สนใจ
“ถ้าคุณเคยเข้าเว็บแฟนคลับของคุณบ้าง คุณจะจำชื่อฉันได้ ฉันคือคนที่ใช้ชื่อว่า ตะวันฉายกลางใจฉัน ไงคะ”
เอกชัยประหลาดใจปนดีใจมาก
“อ๋อ นี่เธอเองเหรอะ ฉันจำได้เธอคอยตามแก้ข่าวให้ปอนตลอดเลย น่ารักมาก”
เอกชัยรีบหยิบแฟ้มไปอ่าน มัทนายิ้มปลื้มใจ
“ขอบคุณค่ะ”
เขตต์ตวันเสียงดัง ดุ
“เอก”
เอกชัยเกรงเพื่อนเล็กน้อย
“ก็ฉันรู้สึกยังงั้นจริงๆนี่นา อยากเจอตัวมานานแล้ว”
มัทนายิ้มรับหน้าบาน
“ขายของเธอเสร็จรึยัง” เขตต์ตวันถาม
“ยังค่ะ”
มัทนาหยิบอัลบั้มรูปออกมาอีกแล้วบอก
“ถ้าคุณยังไม่เชื่อ นี่คือรูปถ่ายวันที่คุณแถลงข่าวเปิดตัวหนัง ฤามีฉันคนเดียวในโลก...”
มัทนาเอารูปมาวางกลางโต๊ะ
“จำได้มั้ยคะ ที่ลานจอดรถคุณเปิดกระจกรถตู้ออกมาทักทายพวกเรา”
เขตต์ตวันและเอกชัยดูรูปแอ็กชั่นต่อเนื่องของเขตต์ตวันที่โผล่หน้าจากรถมาทักทายแฟนคลับ
“รูปแบบนี้ไม่มีใครถ่ายได้หรอกค่ะ นอกจากพวกเราคุณก็รู้ถ้าคุณยังไม่เชื่ออีก”
มัทนาหยิบรูปใบเด็ดมาวางกระแทกกลางโต๊ะโซฟา เอกชัยและเขขต์ตวันเพ่งมอง เป็นรูปเขตต์ตวันยื่นตัวออกมาจากรถตู้ ใช้กล้องดิจิตอลถ่ายกลับมาที่แฟนคลับ
“คุณลองไปเช็คที่กล้องคุณ ภาพที่คุณถ่ายมันมีรูปมัทอยู่ด้วย”
มัทนาพูดแบบอายๆ แบบไม่เต็มใจเล็กน้อย
“ถึงมัทจะอวบอัดกว่านี้หน่อย ก็จำได้ว่าคือมัท”
“พิสูจน์ได้ไม่ยากหรอก ฉันเก็บเมมโมรี่การ์ดไว้หมด”
มัทนายิ้มดีใจ
“เอก แกเลิกบ้าจี้ตามเด็กนี่ซะทีเถอะ เป็นแฟนคลับฉันจริงแล้วไงฉันต้องยอมให้สัมภาษณ์งั้นเหรอะเก็บสมบัติบ้าเธอแล้วออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”
เขตต์ตวันไม่ยี่หระ ลุกขึ้นยืน มัทนาเจ็บใจ ลุกขึ้นเผชิญหน้า พูดเสียงดัง น้ำตารื้น
“มันไม่ใช่สมบัติบ้านะคะ มันคือความทรงจำดีๆ ช่วงหนึ่งในชีวิตของมัท มันคือสมบัติมีค่าที่จะอยู่กับมัทไปจนวันตาย”
มัทนาน้ำตาไหลซึมออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง เธอรีบปาดออก เขตต์ตวันรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน เลยเบือนหน้ามองไปทางอื่นเล็กน้อย เอกชัยเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกเด็กสาว
เขตต์ตวันมองไปทางอื่น สั่งเอกชัยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เอกช่วยเก็บของให้เค้าด้วย”
มัทนาน้อยใจสุดๆ น้ำตาพาลจะไหลออกมาอีก รีบปาดมือขึ้นซับออก เธอเดินกลับไปเก็บของเข้ากระเป๋า เอกชัยสีหน้าเห็นใจคอยช่วย
“เธอก็ไม่ต่างจากนักข่าวคนอื่นที่คอยแต่จะฉวยประโยชน์จากตัวฉัน”
มัทนาเหลือบตามองเขตต์ตวัน เขาจ้องหน้า
“เธอเริ่มต้นด้วยความหลอกลวงแต่ฉันจริงใจ”
มัทนาน้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมาด้วยความ รู้สึกผิด
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ จำเอาไว้ว่าเธอ รู้จักฉันฝ่ายเดียว เธอก็แค่แฟนคลับที่คลั่งไคล้ดารา ฉันไม่เคยรู้จักเธอและมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป...”
มัทนาจ้องหน้าเขตต์ตวัน ใจสลายที่ไอดอลพูดตัดเยื่อใยกันขนาดนี้ น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ สีหน้าเขตต์ตวันนิ่ง สายตาเย็นชา
“ลาก่อน”
เขตต์ตวันเดินขึ้นชั้นบนไปทันที เอกชัยมองมัทนาและสงสารจับใจ เธอพยายามกลั้นน้ำตาก้มหน้าเก็บของไป แต่ก็ยิ่งร้องไห้ ช้ำใจเจ็บแปลบที่สุด บางขณะสะอื้นจนตัวโยน เอกชัยทนไม่ไหวต้องเดินเข้าไปกอดมัทนาเอาไว้
มัทนาปล่อยโฮออกมาร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดเอกชัยเอาไว้แน่น เอกชัยได้แต่ลูบหลังปลอบประโลม
เขตต์ตวันที่แอบมองมาจากบันได สีหน้าเรียบเฉย แววตาดูคลายความแข็งกร้าวลงบ้าง
เขตต์ตวันกำลังไขกุญแจตู้เก็บของที่ชิดผนังในห้องทำงานอยู่ ภายในตู้เก็บความทรงจำสมัยแสดงหนังเอาไว้พอสมควร แต่ถูกปิดตายทิ้งร้างมานาน
เขตต์ตวันมองหาของอยู่ไปมาก่อนจะย่อตัวลงหยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา เปิดออกเห็นมีเมมโมรี่การ์ดอยู่หลายอัน ที่เขียนปีพ.ศ.ระบุไว้ เขาหยิบอันหนึ่ง
เขตต์ตวันเดินไปที่โต๊ะทำงาน เอาเมมโมรี่การ์ดเสียบใส่โน๊ตบุ๊คแล้วเปิดไล่หารูปดูภาพเหตุการณ์ครั้งนั้น ...
เหตุการณ์วันนั้น รถตู้เขตต์ตวันที่แล่นไปตามทางออก กลุ่มแฟนคลับก็วิ่งกรูมารอส่งพระเอกขวัญใจ มัทนา เพื่อน และน้องสาวก็มาด้วย เหล่าแฟนคลับก็กรี๊ดๆ บ๊ายๆ ส่วนมัทนาก็พยายามเพ่งมองหาเขตต์ตวันเข้าไปในรถตู้ ไม่ได้กรี๊ดกร๊าดอะไร
ไม่คาดคิดรถตู้จอดข้างกลุ่มแฟนคลับ เขตต์ตวันเปิดกระจกหน้าต่างรถมายิ้มให้..แฟนคลับส่งเสียงกรี๊ดแตก
เขตต์ตวันยกกล้องดิจิตอลถ่ายรูปแฟนคลับไว้ แฟนคลับยิ้มแย้มโพสท์ท่าน่ารักให้ถ่ายรูป บางคนทนไม่ไหวพยายามจะยื่นมือเข้าไปจับพระเอกในรถ
รถตู้รีบแล่นออกไป แฟนคลับวิ่งตามรถ เขตต์ตวันยื่นตัวออกมาจากรถถ่ายรูปย้อนหลังล้อเล่นกับแฟนคลับไป มัทนาถูกทิ้งให้ยืนถือป้ายไฟไว้ด้านหลังคนเดียว มัทนายิ้มปลื้มมองตามอารมณ์ในใจคิดว่าน่ารักเป็นกันเองจังเลย
มัทนาถือป้ายไฟพร้อมยกมือบ๊าย บายให้ เขตต์ตวัน บ๊าย บายตอบมาให้...มัทนาอดกรี๊ดปลาบปลื้มออกมาเล็กๆ ไม่ได้
ที่จอโน๊ตบุ้ก...เป็นภาพถ่ายในมุมที่ตวันถ่ายย้อนกลับมาจากหน้าต่างรถตู้ แฟนคลับวิ่งกรูตามรถตู้ทิ้งให้มัทนายืนยิ้มถือป้ายไฟอยู่ด้านหลังคนเดียว เขาซูมภาพให้ใหญ่ขึ้น เห็นชัดเจนว่าเป็นมัทนา
เขตต์ตวันมีสีหน้านิ่งๆ คล้ายใช้ความคิดบางอย่าง แต่ไม่แสดงอารมณ์อะไรมากกว่านั้น
ผ่านเวลาเล็กน้อย … เอกชัยกำลังดู You Tube ดูผ่านไอแพด เป็นภาพจากเหตุการณ์มัทนาให้สัมภาษณ์หน้าคอนโดฯ
“พวกเรามารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจพี่ตวัน พวกเรามั่นใจว่าพี่ตวันไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ตอนนี้พี่ตวันยังเป็นผู้บริสุทธิ์”
เอกชัยกำลังเปิดภาพข่าวจากยูทูบที่แฟนคลับอัพเอาไว้ให้เขตต์ตวันดูที่สนามหลังบ้าน เจ้าด่างเจ้าจุด นั่งๆ มองมาที่ไอแพด เอียงหน้าเอียงหูไปมาเหมือนคุ้นเสียงมัทนา
“ไม่ผิดตัวแน่นอน ตัวจริงเสียงจริง...แฟนพันธุ์แท้แกเลยนะปอน”
เขตต์ตวันหน้านิ่งๆ ก้มดูคลิปต่อ
มัทนายือมือไหว้ขณะให้สัมภาษณ์
“พวกเราขอร้องพี่ ๆ สื่อมวลชนอย่าเขียนข่าวที่ไม่มีมูล ทำให้พี่ตวันต้องเสียชื่อเสียงอีกเลยนะคะ”
เจ้าด่าง เจ้าจุดเห่ากันต่อเนื่อง ทำให้ตวันและเอกชัยต้องละสายตาออกมาจากไอแพด
“เห่ากันใหญ่เลย จำเสียงลูกพี่เราได้รึไง” เอกชัยลูบหัวด่างกับจุดก่อนหันมองเขตต์ตวันแล้วพูดต่อ
“เด็กคนนี้ไม่เหมือนนักข่าวคนอื่นๆ ที่ผ่านมาในชีวิตแกหรอกปอน ฉันสัมผัสได้”
เขตต์ตวันได้แต่ปั้นหน้านิ่ง
“ถึงแกไม่อยากให้สัมภาษณ์ก็พูดกับน้องเค้าดีๆ ไม่ใช่ต้องใช้คำพูดรุนแรง หักหาญน้ำใจกันขนาดนั้น เด็กไม่ได้ร้ายกาจอะไรเลย จิตใจเค้าบอบบางมากนะ น่าสงสาร แกทำกับคนที่รักและชื่นชมแกจากใจจริงลงได้ไงวะปอน”
เขตต์ตวันแอบจ๋อยคล้อยตาม รีบแก้เก้อด้วยการเล่นกับน้องหมาซะงั้น เขตต์ตวันวิ่งตบมือเล่นกับด่างจุดไปที่สนาม
“ด่าง จุด มานี่”
เจ้าด่างเจ้าจุดก็วิ่งเล่นไปหาเขตต์ตวัน เอกชัยได้แต่มองตามเพื่อนไปพร้อมถอนใจส่ายหน้า
มัทนากำลังถ่ายรูปล็อบบี้โรงแรมอโณมาเมื่อตอนหัวค่ำ เธอเก็บภาพอยู่ไปมา ก่อนจะเดินไปขอถ่ายรูปพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มเต็มใจให้ถ่ายรูปเอาไว้
“ขอบคุณมากค่ะ”
มัทนามากดเช็กรูปที่ถ่ายออกมา แล้วยิ้มพอใจ เชนเดินกลับเข้าล็อบบี้มาพอดี
มัทนาเหลือบตาเห็น รีบตั้งกล้องถ่ายรูปเชนต่อเนื่อง แฟลชประกายวูบวาบ เชนโกรธจัดเดินปรี่เข้ากระชากกล้องไปจากมัทนา เธอตกใจและประหลาดใจที่เชนดูโกรธเกรี้ยวขนาดนี้
“ผมไม่ชอบถ่ายรูป”
“ขอโทษค่ะ มัทแค่อยากมีรูปคุณเชนเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ เราต้องเจอกันอีกอยู่แล้ว ขอลบนะครับ”
มัทนายิ้มแหยๆ
“ตามสบายเลยค่ะ”
เชนกดรูปดูแล้วกดลบภาพทิ้งทั้งหมด ก่อนคืนกล่องให้มัทนา
“ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ผมไม่ชอบถ่ายรูปจริงๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มัทไม่รู้จักกาลเทศะเอง”
“ต่อไปอย่าทำอีก ผมเหนื่อย ขอขึ้นไปพักก่อน”
“ค่ะ”
เชนเดินหน้านิ่งไปขึ้นลิฟท์
มัทนามองตาม แล้วพึมพำ
“มีพาร์ทโหดด้วยเหรอะ น่ากลัวจังเลย”
เวลาสาย ไชยวัฒน์กำลังพิมพ์อีเมลตอบรับคำเชิญไป มีเสียงเคาะประตูห้องดังขัดขึ้นมา
“เข้ามา”
มีคณายิ้มแย้มเดินเข้าห้องมา
“ปุ๊บอกว่าบ.ก.มีข่าวดีจะบอกมี่เหรอคะ”
“ใช่ๆ นั่งก่อน เอาข่าวไหนก่อน”
มีคณาเดินมานั่ง
“มีหลายข่าวเหรอคะ” มีคณาพูดพลางขยับแว่นเข้าที่เล็กน้อย
“เอาข่าวดีน้อยกว่าหน่อยแล้วกัน แฟชั่นการกุศลเลื่อนออกไปก่อน”
มีคณายิ้มดีใจมาก
“แต่คงเลื่อนไปไม่นานหรอก” ไชยวัฒน์บอก
มีคณาหน้าแหยลงเล็กน้อย
“มีเหตุขลุกขลักนิดหน่อย”
“ขอให้มัทกลับมาทันทีเถ๊อะ...แล้วข่าวดีกว่าล่ะคะ”
“พี่คุยกับทางตำรวจให้แล้วนะ มี่จะได้เข้าทำงานกับทีมล่อซื้อ”
มีคณาดีใจมาก
“ขอบคุณค่ะบอกอ”
“สมใจล่ะสิ ขอสกู๊ปเด็ดๆ แล้วกัน”
“ค่ะบอกอ”
สาระวารีบ่นมีคณาที่มุมหนึ่งของออฟฟิศ
“เสี่ยงอะไรไม่เข้าท่า”
“ก็ฉันชอบนี่แก”
“เป็นนกต่อเนี่ยนะ เธอเป็นนักข่าวนะยะ ไม่ใช่สายลับ”
“เอาน่า ได้ช่วยคนอื่นมันก็คุ้มจะเสี่ยง”
“บุคลิกของเธอกับความคิดนี่มันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงเลยนะมี่ เหมือนคนละคน”
มีคณายิ้มกระเซ้า
“เหมือนเธอไง เห็นห้าวๆเหมือนสาวหล่อ แต่แอบตามหาเจ้าชายในฝัน”
“ยัยมี่” สาระวารีเดินเข้าไปล็อกคอเพื่อน
มีคณาเจ็บปนจั๊กจี้
“ยอมแล้วๆ”
สาระวารียอมปล่อย แต่ค้อนใส่เพื่อนเคืองๆ มีคณาเปลี่ยนเรื่อง
“เธอว่าฉันจะปลอมตัวยังไงดีจะได้แนบเนียน”
สาระวารีเหล่มองเพื่อน พูดทีเล่นทีจริงบอก
“อันดับแรกถอดแว่นออกเลย”
สาระวารียื่นมือไปถอดแว่นออกจากหน้าเพื่อน ใช้มือยีผมเพื่อนอีกต่างหาก
“ทำผมฟูๆ แต่งหน้าจัดๆ ให้มันดูแก่ๆหน่อย เดี๋ยวพวกมันจะเปลี่ยนใจจับแกไปขายด้วยอีกคน”
มีคณาผลักเพื่อนออกไป แย่งแว่นคืนมาสวม เธอดูขาดความมั่นใจทันทีถ้าไม่ได้ใส่แว่น
“บ้า ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกมั้ง”
เสียงโทรศัพท์มือถือของสาระวารีดังขัดจังหวะขึ้นมา....เสียงเพลงเรียกเข้าเป็นเพลงมาร์ชปลุกใจ ประมาณนั้น
“แก๊งค์เสือสาวโทรมาแล้ว ว่าไงจ๊ะน้องรัก”
มัทนายืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ริมหน้าต่างยามเช้า ฝนตกสาดเข้าหน้าต่างอยู่
“อยากว่ามัทแสบๆดีนัก มัทจะเอาคืน”
“ พี่เห็นด้วย ไหนๆก็อยู่ที่นั่นแล้ว เก็บภาพไว้ได้ก็ดี” สาระวารีบอก
“อย่าบอกพี่มี่นะพี่วารี เดี๋ยวโดนดุอีก เดี๋ยวรอฝนหยุดก่อน มัทจะไปแอบถ่ายภาพบ้านเค้ามาให้ได้เลย เสียดายอยู่บ้านนั้นตั้งนานไม่มีจังหวะได้เก็บภาพเลย แม่เยาะเยอะนั่นตามประกบมัทตลอด… ขอบคุณค่ะพี่วารี” มัทนาวางสายด้วยสีหน้าอยากเอาชนะ
มัทนาเตรียมของใส่เป้ทั้งกล้อง ทั้งแพ็คถุงก็อบแก๊บสีชมพูแป๋น กระดาษโน้ต ปากกาที่เตียงก่อนจะลุกไปมองที่หน้าต่าง รอเวลาให้ฝนหยุดตก
ผ่านเวลามาซักพัก มัทนาเดินสะพายเป้มาตามทางไปบ้านเขตต์ตวัน มัวแต่คิดแต่มองไปทาง
รั้วบ้าน เลยเกือบชนเข้ากลับผู้ชายที่เดินสวนมา แต่เบรกไว้ได้ทัน
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
มัทนาเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่ตนจะชน แล้วตกใจเล็กน้อย ชายคนนั้นผอมสูง ใบหน้าอมโรค หนวดเคราขึ้นหร็อมแหร็ม ตาโปนๆ ท่าทางหวาดระแวง...ชายคนนั้นชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะเดินหัวเสียเลี้ยวเข้าบ้านเช่าในละแวกนั้น
“ขอโทษแล้วยังทำหน้างออีก ประสาท”
มัทนาย่นจมูกใส่ก่อนหันมองไปทางรั้วบ้านเขตต์ตะวัน สูดหายใจลึกพร้อมสู้ตาย
มัทนาย่องๆ มาแอบดูทางหน้าประตูรั้ว เห็นเปี๊ยกนั่งหาวหวอดๆ สัปหงกไปมา แต่พยายามจะ
เบิกตา ฝืนไว้ไม่ให้หลับ
“หลับเลยเปี๊ยก เอ่ เอ๊” มัทนาพูดพึมพำ
เปี๊ยกตาหนักจนเหลือบไม่ขึ้น สัปหงกจะหลับ มัทนายิ้มพอใจ ปลดเป้ เตรียมหยิบกล้องถ่ายรูป
เยาะแต่งตัวสวยเดินกรีดกรายมาหาซะก่อน
“ไอ้เปี๊ยก”
มัทนาได้ยินเสียง ชักสีหน้าเซ็งทันที เปี๊ยกสะดุ้งตื่น เยาะโพสท์ท่าโชว์
“สวยมั้ย คุณลิซ่ายกเสื้อให้ฉัน”
มัทนารอจังหวะแล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านรั้วบ้านไป
มัทนาถอดรองเท้าผ้าใบคู่เก่งวางไว้ที่โคนต้นไม้ใหญ่ข้างรั้วบ้านเขตต์ตะวันด้านริมหาด เธอมองซ้ายขวาจนมั่นใจว่าไม่มีใครเห็น เธอล็อคเป้เข้ากระชับตัวแล้วปีนขึ้นต้นไม้ ปีนไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็พลาดตกลงมากระแทกที่พื้นทราย...กว่ามัทนาจะเหนี่ยวกิ่งไม้หนึ่งขึ้นไปนั่งได้อย่างทุลักทุเล มัทนาปาดเหงื่อเล็กน้อย
มัทนาก้มมองลงไป พูดพึมพำ
“พลาดแค่ 3 ครั้งถือว่าใช้ได้”
มัทนาขยับตัวไปตามกิ่งที่พาดเลยเข้าไปในเขตรั้วบ้านของเขตต์ตะวัน เธอล็อกขากับกิ่งไม้ให้มั่น ปลดเป้ หยิบกล้องออกมาพร้อมแอบเก็บภาพบ้านเขตต์ตะวัน แต่เธอต้องชะงักลดกล้องลงเมื่อเห็นชลบุษย์เดินหนีลลิสาที่เดินตามโวยวายมาติดๆ มัทนาแอบถอนใจเซ็งๆ ไม่อยากได้ภาพสองคนนี่ติดไปด้วย เธอเพ่งมองดูเหตุการณ์ไป
ลลิสาโวยวายชลบุษย์อย่างต่อเนื่อง
“ฉันก็ไม่อยากมีปัญหากับเธอนักหรอก แต่บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องปากสว่าง”
ชลบุษย์หันมาจ้องหน้า
“แต่ฉันจำเป็นต้องพูดเพราะคุณปอนกับคุณเอกไม่ได้ไปกับเรา ฉันไม่อยากให้แฟชั่นโชว์ผิดพลาดในความดูแลของฉัน”
ลลิสาขำหยัน
“ใครแต่งตั้งเธอเป็นผู้ดูแลแฟชั่นทัวร์ทริปนี้ไม่ทราบ แต่งตั้งตัวเองก็ได้ หน้าไม่อาย”
“ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะใคร เธอเหรอะ...ตื่นมากินข้าวเที่ยงให้ทันก่อนเถอะ” ชลบุษย์สะบัดหน้าเดินกลับเข้าบ้านไป ลลิสาเจ็บใจ อยากเอาชนะ
“จะหนีไปไหน ไปถามคุณปอนด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย”
ลลิสาเดินตามชลบุษย์เข้าบ้านไปติดๆ
มัทนาบ่นๆบอก
“ไปซะได้ก็ดี”
มัทนาตั้งกล้องเตรียมจะเก็บภาพตัวบ้าน แต่พลาดหล่นต้นไม้เล็กน้อย จนต้องรีบล็อกตัวใหม่ ก่อนจะกดชัตเตอร์ยิงภาพบ้านมุมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
จบตอนที่ 3
อ่านต่อตอนที่ 4