ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 3
เมื่อผีพนันอย่างคุณนายครองสุขไม่ได้เข้าบ่อน ก็เลยแก้อาการคันโดยกดแทงไพ่ผ่านโน้ตบุ๊คในห้องทำงานแทน ลุ้นตาเหลือก และดีใจที่แทงถูก ครองสุขจดยอดเงิน กดดูสถิติการแทงหน้าบาน
ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นอุ่นเรือนเปิดเดินเข้ามาสีหน้าซาบซึ้งและตื้นตัน ครองสุขจดจ้องจอโน้ตบุ๊คอยู่ นึกว่าเป็นปิ่นอนงค์จึงด่าออกไป
“หายหัวไปซะนาน ไปจ่ายกับข้าวถึงตลาด อ.ต.ก.ที่กรุงเทพฯ เหรอนังปิ่น”
อุ่นเรือนรี่เข้าไปคุกเข่า กราบที่พื้นแทบเท้าครองสุข ก่อนจะเงยหน้าน้ำตานองขึ้นตื้นตันหนัก
ครองสุขอึ้งกะพริบตามอง “อ้าว อุ่นเรือน หายดีแล้วเหรอ”
อุ่นเรือนยังพนมมือมองครองสุขด้วยความตื้นตัน
“อุ่นกราบขอบพระคุณ คุณนายจริงๆ อุตส่าห์ดูแลจ่ายค่าผ่าตัด ค่าโรงพยาบาลให้อุ่น ชาตินี้ อุ่นจะไม่ลืมพระคุณเลยค่ะ”
ครองสุขงงๆ “ว่าไงนะ ค่าโรงพยาบาลอะไร”
“ก็ค่าผ่าตัดไงคะ ถ้าอุ่นรู้ว่ามันจะแพงเป็นแสนๆ แบบนี้ อุ่นยอมตายเลยดีกว่า ที่จะให้คุณนายต้องมาเสียเงินเสียทองเพราะอุ่น
ครองสุขครางเบาๆ “หรือว่าเป็นธีระ....”
“นี่พออุ่นรู้ว่า คุณใหญ่กลับมา อุ่นก็รีบออกจากโรงพยาบาลเลย เรื่องมันเป็นยังไงกันคะ”
“เป็นยังไง มันก็คงอดอยากจนทนไม่ไหว หรือไม่ก็หนีคดีอะไรมาซักอย่าง ถ้าแกเห็นมันคงเป็นลม ไม่รู้ว่ามันจะฆ่าชั้นวันไหน”
อุ่นเรือนหน้าเครียด สองมือจับขาครองสุข
“ไม่ต้องกลัวค่ะ อุ่นไม่มีวันยอมให้คุณใหญ่มาทำอะไรคุณนายได้หรอก ข้ามศพอุ่นไปก่อนเถอะ”
“ได้ยินแบบนี้ฉันก็ใจชื้น อย่างน้อยก็มีแกที่อยู่ข้างฉัน นังอุ่น”
น้ำเสียงอุ่นเรือนมุ่งมั่นนัก ครองสุขยิ้มพอใจ
ถวิลใส่เสื้อติดกระดุมออกมาจากห้อง ชะงักมองไปเห็นจอมนั่งถอดเสื้อที่หน้าบ้าน เหม่อลอยคิดถึงปิ่นอนงค์อยู่
“อ้าวไอ้จอม ไปแต่งเนื้อแต่งตัวสิวะ จะได้ไปงานเลี้ยงรับคุณใหญ่พร้อมกัน”
“ไม่เห็นอยากจะไปเลย ไร่จะเจ๊งอยู่แล้ว ยังจะมีแก่ใจมาเลี้ยงฉลองกันอีก ไม่เข้าท่า” จอมไม่สน
“ขวางซะแล้ว ไอ้นี่ นี่มันงานสำคัญนะโว้ย คุณใหญ่กลับมาอย่างนี้ เราควรจะดีใจถึงจะถูก” ถวิลว่า
“ดีใจทำไม คุณใหญ่กลับมาก็ไม่เห็นทำอะไรให้ที่นี่ดีขึ้นตรงไหนซักอย่าง
“ก็ท่านเพิ่งกลับมา จะให้ทำอะไร” ถวิลแก้ต่าง ปรามลูกชายอยู่ในที
“ทำอะไรก็ได้ ที่มันดูน่าเคารพนับถือมากกว่านี้”
จอมเดินไปถวิลเรียก “ไอ้จอมๆ ไอ้นี่....”
จอมไม่ยอมเหลียวหลัง
เย็นนั้น ที่บริเวณศาลาใหญ่กลางไร่หรือรีสอร์ต คนงานชายหญิง รวมตัวกันแทบพร้อมหน้า 30 กว่าคน
กลางลานขาวัวชิ้นใหญ่ และขาหมูถูกย่างหมุนเหนือเตา ควันโขมงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คนงานนั่งจับกลุ่ม รอเวลา
ที่โต๊ะใหญ่กลางลานครองสุขนั่งเคียงทัศนีย์ อุ่นเรือนกับปิ่นอนงค์ เริ่มลำเลียงอาหารมาจัดวางบนโต๊ะ
อีกด้านเป็นธีระ ก้าน เจิด และถวิล อาหารพร้อมแล้ว คนงานหญิง 2 คน คอยดูแลที่โต๊ะ
ครองสุขพยักหน้า ทุกคนเริ่มกินกันไป ชะเง้อชะแง้มองหาใหญ่ไป ครองสุขดูนาฬิกาข้อมือหงุดหงิดชะมัด สบตากับธีระ
“มันหายไปไหนของมัน”
“เดี๋ยวคงมาหรอกครับ กินฟรี ดื่มฟรีเต็มที่แบบนี้คงไม่พลาด”
ทัศนีย์ยี้ใส่ “แต่หนูไม่อยากนั่งปะปนกับคนงานสกปรกพวกนี้”
ครองสุขตอก หลานและลูกสาว จนหน้าหงาย “แกนึกว่าฉันอยากหรือไง”
น้อยเข้ามารายงาน “หาทั่วแล้วค่ะ คุณใหญ่ไม่รู้ไปไหน ที่ห้องก็ไม่อยู่”
“คุณใหญ่ขับรถออกไปเมื่อตอนเย็นค่ะ” ปิ่นอนงค์บอกครองสุข
ถวิลมองเจิดกะก้าน เกลียดขี้หน้า
หวานเข้ามากระซิบถวิลผัวหาย “ไอ้เปี๊ยกกับไอ้แจ้ง ไอ้สินหายหัวไปไหนไม่รู้ ลุงหวิน”
เวลาเดียวกัน รถที่ใหญ่ยืมจากปิ่นอนงค์จอดอยู่หน้าโรงนาร้าง ส่วนด้านในเปี๊ยก แจ้ง และ สิน 2 คนงาน ที่เคยต่อยตีกับใหญ่วันก่อน กำลังต้มเหล้าเถื่อนอยู่หน้าเตา 2 เตา ควันโขมง
เปี๊ยกทยอยเรียงขวดเหล้าเถื่อน 40 ดีกรี ใส่ลัง ได้ประมาณ 14 ขวด แยกฝาขวดสีทอง 7 ขวด และฝาสีดำ 7 ขวด ตามที่ใหญ่สั่ง
เปี๊ยกส่งเสียงอ้อแอ้ๆ กลืนน้ำลายเอื๊อก
“เครื่องดื่มพร้อม ทีนี้มากับแกล้ม”
ใหญ่บอกแล้วเดินมาที่คนงานอีกกลุ่มที่กำลังทำลาบ ทอดหนอน ทอดแมลง กับเตาแก๊สปิคนิค
“นี่ก็ต้องปรุงด้วยสูตรพิเศษมันถึงจะแซ่บ”
ใหญ่หยิบมวนบุหรี่มาแกะ เป็นกัญชาซอยละเอียดพันลำตามมวนบุหรี่ ใหญ่โรยในกับข้าวเปิบพิสดารที่ว่า
บรรยากาศกินดื่มในงานเลี้ยงกำลังเฮฮาได้ที่ จู่ๆ คนงานที่ศาลา ก็โห่เหมือนเสียงโห่ขันหมากเข้ามา อีกฝ่ายก็ฮิ้ว...รับกันถ้วนหน้า จากนั้นก็ยินเสียงเพลง ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ ดังลั่นเข้ามา
ใหญ่เดินนำขบวนมา แกล้งเมาไปกับพวกเปี๊ยก
ครองสุขกับพรรคพวกวายร้ายมองงงๆ “อะไรกันนั่นน่ะ”
ใหญ่เดินแจกเหล้าฝาทองตามกลุ่มคนงาน ลีลาราวกะอบต.หาเสียง
“ขอโทษที่มาช้า ผมชาลิต หรือใหญ่ลูกคุณไพศาล ยินดีรู้จักพี่น้องคนงานทุกคน มีอะไรบอกผมได้ ใจถึง พึ่งได้ จริงใจ จริงจัง”
ธีระเดินเข้ามาหาใหญ่ กะเอาหน้าเต็มที่ “คุณใหญ่ ผมเตรียมเครื่องดื่มกับอาหารไว้แล้ว คุณใหญ่ไม่ต้องลำบากหรอกครับ”
“โอ๊ย เก็บๆ ของนอกไปเลย กินของไทย ของป่ากันดีกว่า ต้มเองกะมือ ลองแล้วจะติดใจ” ใหญ่ยิ้มร่า
“นี่เหล้าเถื่อนเหรอคะ ไม่ดีมั้งคะคุณใหญ่” ครองสุขท้วง
“ไม่ต้องกลัวหรอกคุณน้า นี่มันเขตไร่เราตำรวจคนไหนจะกล้ามาซ่า” ใหญ่คุยโว
เปี๊ยกเทเหล้าแก้วของธีระ ก้าน เจิด ทิ้ง เทเหล้าฝาดำน้ำใสแจ๋วใส่ให้
“นี่ไอ้เปี๊ยกไปช่วยคุณใหญ่ต้มเหล้าเหรอเนี่ย ไอ้นี่ชักก้าวหน้า” หวานด่าผัว
ถวิลมองสายตาเป็นกังวล ใหญ่ชวนทุกคนบนโต๊ะชนแก้วฉลองมิตรภาพ?
“ชนๆ ครับ คุณน้องสาว คุณผู้จัดการ ดื่มเพื่อลืมความร้าวฉาน ทุกคนดิ่มๆๆ วันนี้สนุกกันเต็มที่”
พวกธีระมองหน้ากัน เจิดได้กลิ่นเหล้าแล้วบอก “แรงน่าดูเลยนะนาย
“แกก็จิบพอเป็นพิธีซิ ให้ไอ้ใหญ่มันฟาดไปให้เต็มที่ แรงๆ นี่แหละดี จะได้จบไวๆ”
ธีระพยักหน้าบอกเจิดกะก้านให้ทำเป็นจิบๆ ไป
อุ่นเรือนสะกิดปิ่นอนงค์ ไม่อยากเชื่อสายตา “เนี่ยเหรอ คุณใหญ่ ใช่เหรอยายปิ่น”
“จ้ะ” ปิ่นอนงค์บอก
ใหญ่ได้ยินหันไป “อ้าว นั่นป้าอุ่นเรือนใช่มั้ย หายป่วยแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ” อุ่นเรือนยิ้มแหยๆ
“แบบนี้ยิ่งต้องฉลอง เปี๊ยกน้องรัก เอากับแกล้มมาเลย”
คนงานหญิง 2 คนเข้าเลื่อนจานกับข้าวไปท้ายโต๊ะ คนงานลูกน้องเปี๊ยกวางจาน 5 จาน
อีกคน ตัก เทลาบเลือด หนอนรถไฟ แมงอีนูน จิ้งหรีด ตั๊กแตน ใส่จาน
“เชิญครับคุณน้า” ใหญ่ผายมือ
ครองสุขเห็นแต่ละเมนูก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
ใหญ่ตักลาบเลือดใส่ช้อนครองสุข ช้อนทัศนีย์ แล้วตักจากชามซดลาบเลือดสีแดงเข้าปากอย่างอร่อยล้ำ
ทัศนีย์ยี้ทันที “อี๊...นั่นมันเลือดสดๆ นี่”
“ชิมซิจ๊ะนี ลาบเลือดสดๆ รับรองจะติดใจ ไม่ต้องกลัว ไม่ใช่ลาบหมาแน่นอน” ใหญ่เชื้อชวน
“ไม่...ไม่ไหวแล้ว”
ทัศนีย์จะลุกหนี ครองสุขฉุดไว้ ทำตาดุ “ยัยนี นั่ง กินเดี๋ยวนี้”
ทัศนีย์กล้ำกลืนกิน ในใจอยากจะร้องไห้ “แหม อร่อยจริงๆ ด้วยค่ะคุณใหญ่”
“อร่อยก็ต้องกินเยอะๆนะน้องนี”
ใหญ่ตักป้อนทัศนีย์ ทัศนีย์ทำท่าจะอ้วก “เลี่ยนใช่มั้ย เลี่ยนต้องตบซ้ำด้วยไอ้นี่”
ใหญ่ป้อนแมงทอดให้ ปิ่นอนงค์มองแล้วรู้สึกผะอืดผะอม อุ่นเรือนเองก็หน้าซีดจะอ้วก
“แม่ไม่ไหวแล้วปิ่น” อุ่นเรือนวิ่งไปทางครัว
“แม่”
ปิ่นอนงค์ตามแม่ไป ใหญ่ปรายตามองตามแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปเฮฮาต่อ
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปเวลา 17.00 น.
ที่โต๊ะใหญ่เวลานี้ ครองสุขแอบทำเป็นจิบเหล้าแต่สบตากับธีระแล้วเทเหล้าทิ้งทั้งคู่ ธีระพยักหน้าให้เจิดส่งสัญญาณ ใหญ่ทำเป็นมองไม่เห็น เปิดขวดฝาสีทองที่เหล้าเกือบหมดใส่แก้ว
เจิดยกแก้วไปหาใหญ่ “ชน คุณใหญ่”
พอชนแก้วกับใหญ่ เจิดยกดื่มหมดแก้ว หน้าตาบิดเบี้ยว
เจิดเมาจริงๆ แล้ว เริ่มท้าตามแผนทันที “ได้ข่าวว่าคุณใหญ่ ผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือราคาคุย”
“วันก่อนพวกเราแค่ออมมือให้ วันนี้อยากจะล้างตาซักหน่อย กล้ามั้ยเนี่ย” ก้านผสมโรง
ถวิลไม่ชอบใจ ตะโกนออกไป “เฮ้ยๆๆ ไอ้พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าท้าเจ้านายเชียวเหรอวะ ข้ามศพ ข้าไปก่อนเหอะ”
ถวิลลุกขึ้น ทำท่าจะต่อย แต่เจิดหลบนิดเดียวถวิลเสียหลักเซหน้าทิ่ม หวานที่ไม่เมาเข้าประคอง
“น้า ปั๊ทโธ่ ไม่ทันไรนอนให้เค้าข้ามซะแล้ว”
“ว่าไงครับ คุณใหญ่ จะเมตตาโชว์ฝีมือให้ผมเห็นเป็นบุญตาซักหน่อยได้มั้ย เฮ้ย ใครอยากเห็นบ้างวะ”
คนงานที่เมากันแล้ว ทั้งตบมือ เป่าปาก ตะโกนว่า “อยากเห็นๆ...เอาเลยๆ”
ครองสุขตะโกน “พอแล้ว นี่มันงานเลี้ยง งานมงคลนะ จะมาท้าทายอะไรกัน ถ้าเมาก็กลับไปนอนเลยไป”
ใหญ่ยิ้มกรึ่ม ตาเยิ้ม “ช้าก่อนครับ คุณน้า แหม เสียงเชียร์อุ่นหนาฝาคั่งขนาดนี้ ใหญ่เห็นจะต้องจัดใหญ่จัดเต็มซะแล้ว”
ธีระทำเป็นห้ามตามแผน “อย่าเลยครับคุณใหญ่ คุณใหญ่เมาแล้วนะครับ”
“ไม่ได้หรอกผู้จัดการ ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้”
ใหญ่ลุกขึ้นเดินเซนิดๆ พอท้วมๆ เดินออกไปจากโต๊ะ ธีระกระหยิ่ม พยักหน้าให้เจิด ก้าน
“ตามแผนนะ ไอ้เจิดล่อให้มันโมโห ไอ้ก้านเป็นลูกคู่ให้ได้แผลไปแจ้งความว่ามันพยายามฆ่าก็พอ”
เจิดกะก้านพยักหน้า เดินตาม คนงานเฮโลตามออกไป
ครองสุขสบตากับธีระ กังวลบอกไม่ถูก “ถ้าไอ้ใหญ่มันเล่นถึงตายเลยล่ะ”
“ก็ดีน่ะสิครับ ขอให้สมพรปากพี่เถอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ไอ้เจิดไอ้ก้านตายบวกกับประวัติที่เคยก่อคดี ไอ้ใหญ่แก่ตายในคุกแน่”
ธีระหัวเราะสะใจ ครองสุขหน้าเครียด
น้อยแอบชิมอาหาร “รสชาติใช้ได้นะเนี่ย”
ที่ครัวเรือนใหญ่เวลานั้นอุ่นเรือนนั่งกินยาหอมหมดแก้ว ปิ่นอนงค์นวดมือให้ “ค่อยยังชั่วมั้ยจ๊ะ”
อุ่นเรือนพยักหน้า “ไม่นึกเลยว่าลูกชายคุณไพศาลจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แล้วต่อไปนี้จะทำยังไงกัน ไร่ไพศาลมิลุกเป็นไฟเหรอ”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แม่ ความจริงคุณใหญ่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“ขนาดนี้ แกยังว่าไม่เลวร้ายอีกเหรอ หน้าตาท่าทางยิ่งกว่าโจรห้าร้อย แม่เป็นห่วงคุณนายกับคุณนีย์จริงๆ แล้วไหนคุณนะก็จะกลับมาอีก” อุ่นเรือนบ่น
“แม่อย่าคิดมากเลยจ้ะ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แม่เองก็ไม่สบายอยู่นะจ๊ะ”
มีเสียงเฮลั่น แว่วยินมาไกลๆ “เสียงอะไรน่ะ ตายแล้ว หรือว่าเกิดเรื่อง”
อุ่นลุกขึ่นจะไปแต่ก็เซหน้ามืด
“แม่ แม่อย่าไปเลยนะจ๊ะ พักก่อน เดี๋ยวปิ่นไปดูให้เอง”
ปิ่นอนงค์รีบไป อุ่นเรือนรำพึง “อย่าให้เกิดอะไรไม่ดีไม่งามขึ้นเลย
ที่ลานประลองใหญ่ถอดเสื้อ ขว้างไปคลุมหน้าเปี๊ยกพอดีเป๊ะ คนงานเฮขำก๊าก
เจิดชักมีดออกมาจากที่เสียบไว้ เขวี้ยงไปปักดินหน้าใหญ่
ใหญ่ตะลึง “นี่อะไรวะ”
“อาวุธของคุณใหญ่ ส่วนนี่ของผม”
เจิดถอดเสื้อโชว์มีดที่เอว แล้วชักมีดออกมาจดจ้องใส่ใหญ่ คนงานฮือฮา
หวานที่เวลานี้ยังไม่เมาตกใจ “นี่จะฆ่ากันให้ตายเลยเหรอ น้า น้า”
ถวิลเมาคอตกไม่รู้เรื่องแล้ว
“ไอ้เปี๊ยก” เปี๊ยกดึงเสื้อใหญ่ออกจากหัว หันไปอีกทาง ท่าทีอ้อแอ้ๆ
“ทางนี้” หวานดึงเปี๊ยกให้หันมาหาเปี๊ยก ทำทีเป็นสะดุ้งแล้วหัวเราะกั้กๆๆ เพราะกัญชาในอาหารเริ่มออกฤทธิ์
“โธ่ จะพึ่งใครเนี่ย” หวานเซ็งสุดขีด
ใหญ่ดึงมีดขึ้นมาถือ เช็ดกับแขนเสื้อเหมือนลับมีด หน้าตายิ้มเหี้ยม
ปิ่นอนงค์วิ่งมา ชนกับจอมที่เดินมา “จอม”
“ปิ่น ไม่ได้อยู่ที่งานเหรอ”
“แม่ไม่สบายน่ะ แต่นี่กำลังจะไปดู ไม่รู้เสียงดังอะไรกัน”
หวานวิ่งเซเข้ามาเรียกเสียงดังลั่น “จอม ปิ่น”
“พี่หวาน ที่งานเค้าส่งเสียงดังอะไรกัน”
“คุณใหญ่ กับคนงานใหม่จะฆ่ากันตายแล้ว” หวานบอก
ปิ่นอนงค์ตาค้าง “ฮะ”
ที่ลานตรงสนามหญ้าเวลานั้น หมู่มวลคนงานลุ้นระทึก
ใหญ่กะเจิดยืนจังก้า ก้านถอยมาดูท่าที ถูกเปี๊ยกดึงไป แล้วยื่นเหล้าให้ ก้านอยากกินแต่แกล้งเมินไปมา ในที่สุดก็รับมา
เจิดโผนเข้าแทง ใหญ่หลบ คนดูคนงานเฮ แต่พอเจิดจะแทงอีกที ใหญ่ยืนแอ่นยกมือห้าม
“เดี๋ยว” เจิดชะงักกึก “เล่นกันถึงเลือดถึงเนื้ออย่างนี้ ต้องย้อมใจหน่อย เปี๊ยก”
ใหญ่เรียก เปี๊ยกเดินถือขวดเข้ามา เจิดงง “เป่ายิ้งฉุบกัน ใครแพ้ อึกหนึ่ง แล้วค่อยดวลกัน”
เจิดเย้ยแกมหยัน “อย่าถ่วงเวลาดีกว่าน่าคุณใหญ่ เห็นมีดแล้วปอดเหรอ”
ใหญ่พูดขำๆ “ไม่ได้ปอดแต่มันเสียว ของคมๆ บาดเนื้อ เจ็บใช่ย่อย ได้ซักกรึ๊บสองกรึ๊บ พอทน เอ้า เร็ว ๆ อย่าชักช้า เป่า ยิ้ง ฉุบ”
ใหญ่ออกค้อนเลย เจิดออกกรรไกรเกือบไม่ทัน
“โดนๆๆๆ” คนงานโห่เจิดเสียหน้า เปี๊ยกวิ่งมายื่นขวดให้เจิด
ปิ่นอนงค์ จอม และหวานวิ่งมา “เร็ว จอม แกไปห้ามเร็ว”
ใหญ่ยิ้งฉุบออกกรรไกรชนะ เจิดโดนโห่อีก
จอมกับปิ่นอนงค์ชะงัก หวานถึงกับอึ้ง
เจิดเช็ดปาก ส่งขวดคืนให้เปี๊ยกหน้าแดง เจิดถกแขน “มา”
ปรากฎว่าเจิดออกอะไรก็แพ้ โดนโห่หนัก
“โห ไอ้เจิด ไม่ได้เรื่องเลยว่ะเอ็ง มานี่ต้องข้า” ก้านบอก
เจิดเมาตาลาย ก้านเซเข้ามาเล่นบ้าง
หวานงง “ไหงเป็นงี้ไปได้”
ครองสุขกับธีระชะเง้อชะแง้ดูอยู่ที่โต๊ะ มีเสียงเฮลั่น เป็นจังหวะ มาจากลานประลอง ครองสุขบอกกับธีระ “ป่านนี้มันคงแทงกันเลือดสาดแล้ว”
“เดี๋ยวค่อยไปเก็บกวาดตับไตไส้พุงมัน แต่ตอนนี้เราฉลองกันล่วงหน้ากันดีมั้ย” ธีระบอกเสียงหื่น
ธีระเข้ามาโอบครองสุขยั้งไว้ “ฮื้อ อย่ามาทำประเจิดประเจ้อ เมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
“ใครว่าเมา ผมไม่คออ่อนอย่างไอ้ใหญ่หรอก แค่มึนๆเท่านั้น” ธีระออกอาการหื่นเต็มกำลัง
น้อยหัวเราะฮะๆๆๆ ถือจานลาบเข้ามา “ว้าย ทำอะไรกันน่ะ หน้าไม่อาย”
ครองสุขผละออกจากธีระด้วยความตกใจ ตั้งสติได้ครองสุขก็ตวาดแว้ด
“นังน้อย แกพูดเหลวไหลอะไร”
น้อยชี้ไปที่ผนัง “จิ้งจกมันพลอดรักกัน ฮ่าๆๆ ดูซิ มันจูบกันด้วย”
ครองสุข “นังนี่ ท่าจะบ้า เอ๊ะ แล้วนี่ทัศนีย์ไปไหน นังน้อย เห็นทัศนีย์มั้ย”
“ทัศนีย์ ไม่อยู่ อยู่แต่พัชราภา ได้มั้ยคะ” ว่าแล้วน้อยโพสท่าที่คิดสวยสุด
“นังนี่มันเมากัญชาหรือไงเนี่ย”
เสียงเฮดังขึ้นอีก ครองสุขหันไป “สงสัย ได้เรื่องแล้ว ไปดูซิธีระ”
ธีระเดินออกไป ครองสุขกระหยิ่มยิ้มย่อง ยกแก้วชู “แด่ ชัยชนะของครองสุข”
ทว่าพริบตานั้น ครองสุขชักมึนๆ แต่เสียงยังลั่นมา
“หายหัวไปไหนตั้งนานสองนาน
ครองสุขลุกขึ้นเดินออกไป ผ่านน้อยที่ออกอาการหลุดโลก นั่งหัวเราะ เมาทั้งเหล้าทั้งกัญชา คุยกับจิ้งจกตุ๊กแกคนเดียวอย่างอารมณ์ดี
บรรยากาศที่บริเวณลานประลองครึกครื้นเต็มที่
ครองสุข เดินเซๆ มา เห็นคนงานไร่ยืนเชียร์ โห่ฮา เมาปลิ้น ทั้งกัญชาทั้งเหล้าพอแหวกเข้ามาด้านใน เห็นก้าน เป่ายิ้งฉุบอยู่กับเปี๊ยก สภาพเมาเละเทะ เลอะเทอะ บางจังหวะดันเถียงกันไป หัวเราะกันไป
ส่วนเจิดนั้นฟุบอยู่ในท่าขัดสมาธิ แต่มือยังทำเป็นรูปกรรไกร
ถวิลเองก็เมาปลิ้นกอดคอจอมถามหาความรักประสาพ่อลูก “เอ็งรักพ่อมั้ยไอ้จอม เอิ้ก”
“รักซิพ่อ ชีวิตไอ้จอม ให้พ่อได้ เอิ้ก”
ครองสุขงงเป็นไก่ตาแตก “นี่มันอะไรกัน ทำไมเป็นอย่างงี้ไปได้” แถเข้าไปหาเจิด จิกกบาลขึ้นมา “เจิด... ไอ้เจิด ธีระอยู่ไหน” ครองสุขเข้าไป เขย่าคอก้าน “ไอ้ก้าน ธีระนายแกอยู่ไหน”
เสียงธีระร้องเพลง เต้นร่อนอยู่กับพวกคนงาน ทัศนีย์กำลังดิ้นแด้นซ์อยู่กับกลุ่มฉิ่งฉับ ที่ร้องรำทำเพลง เสียงเพลงโจ๊ะ ของคาราบาวดังสนั่นไปทั่วบริเวณ สลับเสียงเป่าปากปี๊ดปิ้ว
หวาน กะเปี๊ยก รำป้อ ธีระร้องเพลงนำ เคาะจาน เคาะช้อนประกอบจังหวะ
“ธีระ ยัยนีย์” ครองสุขวี้ดจะบ้าตาย
ปิ่นอนงค์เดินเข้ามาในครัวสีหน้ากลุ้มใจ “แม่จ๊ะ อ้าวไปไหนแล้ว”
ปิ่นอนงค์เดินกลับมาหาอุ่นเรือนในบ้าน เสียงโทรศัพท์บ้านดัง ปิ่นรับสาย
“สวัสดีค่ะ บ้านไร่ไพศาลค่ะ” จำเสียงได้แม่น “นั่น นั่นคุณนะใช่มั้ยคะ” ปิ่นอนงค์เนื้อเต้น ดีใจสุดๆ
ทรรศนะโทรจากห้องพักโรงแรมเมืองนอก
“พี่โทร.มาหลายที แต่ไม่มีใครรับ”
ปิ่นอนงค์ระงับความตื่นเต้น “พอดีวันนี้มีงานเลี้ยงเลยอยู่ข้างนอกกันหมด”
“อ้อ คุณน้าคงเลี้ยงลูกค้าละซิ เห็นว่าตอนนี้ที่ไร่กิจการดีมาก”
“ค่ะ คุณนะสบายดีเหรอคะ แล้วคุณจะกลับวันไหนแน่ กี่โมง”
ทรรศนะไม่สนใจคำพูดปิ่นอนงค์ “ได้คุยกับปิ่นก็ดีแล้ว ตอนนี้พี่เดือดร้อนมาก โดนล้วงกระเป๋า ทั้งเงินสด ทั้งบัตรเครดิตไม่มีเหลือ” ทรรศนะโกหก
“แย่จริง แล้วจะทำยังไงคะ” ปิ่นอนงค์ตกใจ
“ตอนนี้พี่ต้องใช้เงินไปซื้อของขวัญให้อาจารย์ที่สอน พี่ก่อนกลับ ปิ่นบอกคุณน้าหน่อยนะว่าพอจะโอนเงินให้พี่ก่อนซักสามสี่หมื่นมั้ย ฮัลโหล ปิ่น”
“ฮัลโหลๆๆๆ คุณนะ”
ปิ่นอนงค์วางหู หันไปเจอใหญ่ที่ถือสายโทรศัพท์ที่เพิ่งกระชากออกหน้าตาดุดัน
ปิ่นอนงค์ตกใจ “คุณใหญ่”
ติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ที่เมืองนอกเวลานั้น ทรรศนะอยู่ในห้องพักที่โรงแรม ทรรศนะพยายามกดโทรศัพท์อีก แต่ติดต่อไม่ได้ ชายหนุ่มหน้ามุ่ยหงุดหงิด มองดูกระเป๋าสตางค์ บัตรเครดิต สลิปต่างๆ กองอยู่บนเตียง ทรรศนะเอาสลิปขึ้นมาดู แล้วมองไปที่กองถุงของฝากมากมายตรงมุมห้อง
อรสอางค์สวมชุดคลุมอาบน้ำออกมา เอามือเช็ดผมไปมา “ที่ไร่โทร.มาเหรอคะ”
“ครับ ตอนนี้กำลังปรับปรุงใหญ่ เตรียมต้อนรับอร”
“แน่ใจหรือเปล่าว่าอรจะชอบ บอกตรงๆ น่ะ อรไม่ค่อยอยากไปบ้านไร่ บ้านนาแบบนั้นหรอก” น้ำเสียงอรสอางค์เหยียดนิดๆ
“ไร่ไพศาลสวยมากนะอร อรไปแล้วอรจะติดใจ”
“เรื่องนั้นน่ะเอาไว้ก่อน เรื่องสำคัญก็คือเปิดตัวนะกับคุณพ่อคุณแม่ ไหนจะพวกญาติ พวกเพื่อนอรอีก”
ทรรศนะเข้าไปกอดอรสอางค์พูดทีเล่นทีจริง “ระดับทายาทไร่ไพศาล กับปริญญาโทเกียรตินิยม ยังไม่คู่ควรกับลูกสาวปลัดกระทรวงอีกเหรอครับ”
อรสอางค์ยิ้มเยาะ “นะ รู้มั้ยว่า หนุ่มๆ ที่ต่อแถวรออร มีตั้งแต่ทายาทนักธุรกิจร้อยล้าน ยันพันล้าน แค่ไร่กระแบะมือเดียว ไม่ต้องมาคุยเลย”
อรสอางค์เดินไปหวีผมหน้ากระจก ทรรศนะหน้าเจื่อนไป อรสอางค์สำทับ
“แล้วของที่อรลิสท์ให้ว่าต้องซื้อฝากพวกผู้ใหญ่ครบรึยัง”
“จวนแล้วครับ เหลืออีกสองสามชิ้น”
“ยังไงต้องให้ทันก่อนกลับนะคะ ขาดไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว”
อรสอางค์สั่งเฉียบขาด ทรรศนะได้แต่รับคำ แล้วแอบถอนใจ
ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์เข้าห้องมา “คุณใหญ่ คุณใหญ่ จะทำอะไรคะ”
“เมา ปวดหัวด้วย ไปเอาผ้ามาเช็ดตัว เช็ดหน้าให้ชั้นที” ล้มตัวลงนอนบนเตียงเฉย
“แต่ท่าทางคุณใหญ่ ไม่เมาเลย”
ใหญ่นึกได้ลืมแกล้งเมา “ใครว่าไม่เมา แต่คนอย่างฉัน เมาแล้วง่วง อยากนอน”
“คุณใหญ่จะนอนที่นี่ไม่ได้นะคะ”
“ทำไม ที่นี่มันไร่ชั้น บ้านทุกหลังในไร่นี้ก็ต้องเป็นของชั้น ชั้นมีสิทธิจะนอนห้องไหนก็ได้”
“แต่ ถ้าแม่มาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะคะ”
“ไม่ดียังไง” ใหญ่เถียงข้างๆ คูๆ
“ถ้าอย่างงั้น ก็เชิญคุณใหญ่เถอะค่ะ”
ปิ่นอนงค์ตัดรำคาญจะไปเสียเอง ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์จนร่างซวนเซมานั่งที่เตียง
“ถามจริง ถ้าเป็นนายทรรศนะ เข้ามาในห้องนี้ เธอจะหนีเหมือนหนีชั้นมั้ย”
“คุณนะ ไม่เคยเข้ามาในห้องนี้ และจะไม่เข้ามาด้วยค่ะ”
“งั้นเหรอ สุภาพบุรุษน่าดูนะ” ใหญ่เยาะ
ระหว่างนั้น มีเสียงเคาะประตูพร้อมเสียงอุ่นเรือนตะโกนเรียก “ปิ่นๆ อยู่ในห้องรึเปล่า”
ปิ่นอนงค์หน้าซีด ตกใจ “แม่มา ทำไงดี”
“ไม่เห็นต้องทำไง ไปเปิดซิ” ใหญ่ทำเฉย
“คุณใหญ่ ปิ่นขอร้อง”
ใหญ่มองซ้ายขวา แล้วเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำ
เสียงอุ่นเรือนเรียกอีก “ปิ่น ปิ่น”
ปิ่นอนงค์ตกใจ รีบไปเปิดประตู “จ๋า แม่”
อุ่นเรือนเข้ามา “มัวมาทำอะไรอยู่ในห้องปล่อยคุณนายให้ผจญกับไอ้พวกขี้เมาอยู่คนเดียว”
“ปิ่น เอ่อ ปิ่นลืมล็อกห้องนะจ้ะ เลยมาดู”
“งั้นเหรอ ดีแล้ว ตอนนี้แต่ละคนเมาไม่รู้สติ เกิดหน้ามืดเข้ามาลักขโมยอะไรก็แย่เลย เพราะ คุณใหญ่แท้ๆ”
ปิ่นอนงค์ยิ้มจืดๆ ชำเลืองไปทางห้องน้ำ
“ขนาดเพิ่งมาอยู่ ก็ต้มเหล้าเถื่อนซะแล้ว ต่อไปจะทำอะไรเลวๆ อีกก็ไม่รู้”
ใหญ่แกล้งแง้มดู มาทำหน้าโกรธ อุ่นเรื่อนได้ยินเสียงจะหันไป ปิ่นอนงค์ดึงมือแม่ไว้
“แม่ เดี๋ยวเรารีบออกไปดูคุณนายดีกว่านะจ๊ะ”
“เดี๋ยว แม่ว่า เราสองคนน่าจะเอาหมอนกับฟูกไปนอนเฝ้าหน้าห้องคุณนายกับคุณนีย์นะ เผื่อคุณใหญ่จะเข้าไปทำร้าย คนเราลองไม่มีสติซะแล้วทำชั่วได้ทุกอย่าง” อุ่นเรือนกังวลหนัก
“คุณใหญ่คงไม่ทำขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ว่าได้เหรอ ฆ่าคนก็ฆ่ามาแล้ว เราสองคนต้องปกป้องคุณนายให้ถึงที่สุดนะ ชีวิตแม่เป็นของท่าน ไม่ว่าจะยังไง คุณนายก็ไม่เคยทิ้งเรา เงินค่าผ่าตัดสามแสน คุณนายก็จะไม่เอาคืนนะ”
ใหญ่ฟังแล้วยิ้มเยาะอยู่ในห้องน้ำ
ปิ่นอนงค์อึ้ง “แม่บอกเรื่องค่าผ่าตัดคุณนายไปแล้วเหรอจ๊ะ”
“ก็ใช่น่ะซิ เดี๋ยวแม่ไปพาคุณนีย์ขึ้นนอนก่อน ปิ่นเตรียมหมอนกับผ้าห่มตามไปนะ”
อุ่นเรือนพยักหน้า แล้วออกไป ปิ่นอนงค์รีบไปล็อกประตู ใหญ่ออกมาจากห้องน้ำ
ปิ่นอนงค์ไม่สบายใจ รีบเข้าไปไหว้ขอโทษ “ปิ่นกราบขอโทษแทนแม่ที่พูดจาล่วงเกินคุณใหญ่ไป”
“ล่วงเกินอะไร ป้าอุ่นพูดถูกทุกอย่าง เมาบ้าบอ โจรห้าร้อย แต่คนเลวอย่างชั้นน่าจะทำอะไรอีกสักอย่างให้...” ใหญ่เดินเข้าหาปิ่นอนงค์ พูดต่อ “สาสมกับความเลว”
แล้วกระชากปิ่นอนงค์เข้ามากอด “จะให้ชั้นปล้ำหรือจะสมยอมชั้นดีๆ เสร็จแล้วเธอก็จะได้เป็นคุณนายของไร่นี้ไง”
ปิ่นอนงค์ตกใจนิ่งงัน
ใหญ่ยื่นหน้าเข้ามาปิ่นอนงค์ขืนตัวดันไว้สุดๆ “อย่าค่ะ อย่า ปิ่นขอร้อง”
ใหญ่หยุดนิ่ง ผลักร่างปิ่นอนงค์ออกจากตัวกระเด็นไปนั่งที่เตียง
“เออ...เมื่อกี๊ชั้นได้ยินว่าเธอจ่ายค่าผ่าตัดแม่ไปตั้งสามแสน ก็เลยนึกถึงเงินฉันขึ้นมาได้”
ใหญ่ทำเป็นไปค้นใต้เตียง ดูที่ซอกหัวเตียง “เงิน เงินอะไรคะ”
ใหญ่บอกหน้าเฉย “เงินที่ฉันไปปล้นมา แล้วก็เอามาซ่อนไว้ที่นี่คืนนั้น เอ๊ะ ฉันเอาไว้ตรงไหนนะ”
“เงินสามแสนที่ปิ่นเจอในกระเป๋า คือเงินคุณใหญ่!” ปิ่นอนงค์อุทานอย่างลืมตัว
“อะไรนะ” ใหญ่แกล้งตกใจ
“เปล่าค่ะ ปิ่นไม่เห็น ไม่เคยเห็นเงินนั่นเลย” ปิ่นอนงค์พูดปด
“ตายเลย ถ้าแก๊งที่ร่วมกันปล้นมันมาทวงชั้นจะทำไง มีหวังมันฆ่าล้างไร่แน่....แน่ใจนะว่าไม่เห็น”
“ค่ะ”
ใหญ่ทำเป็นกลุ้มหนัก เดินออกไป แล้วแอบยิ้ม ปิ่นอนงค์เข่าอ่อนหมดแรงลงไปนั่ง
วันต่อมาธีระนั่งจ๋อย เจอครองสุขชี้หน้าด่า
“ชั้นผิดหวังในตัวเธอจริงๆ หนอย ทำปากเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงเวลาปัญญาอ่อนกันทั้งลูกพี่ลูกน้อง เมาอย่างกับหมา”
“ผมขอโทษจริงๆ ครับพี่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ามันจะมาไม้นี้ผมขอโอกาสแก้ตัวใหม่นะครับ”
“แก้ตัวยังไง อีกไม่กี่วันทรรศนะก็จะกลับมาแล้ว ขืนยังปล่อยให้ไอ้ใหญ่อยู่อย่างนี้มันป่วนตานะแน่ แล้วหนูอรแฟนของตานะ เป็นถึงลูกสาวของท่านปลัดกระทรวงเจอความถ่อยสถุลของไอ้ใหญ่เข้า คงไม่ทนอยู่หรอกชั้นไม่มีวันยอมให้ความรักของลูกชายชั้น มีอุปสรรคเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
ครองสุขลุกมองค้อนธีระ เดินจะไป แล้วชะงัก
“แล้วใครใช้ให้เธอไปจ่ายเงินค่าผ่าตัดนังอุ่นเรือนให้นังปิ่นมัน จะบ้าหรือยังไง เงินตั้งสามแสน”
ธีระโบกมือวุ่นวาย “เรื่องนี้ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆนะครับ สาบานได้เลยพี่”
ธีระยกมือไหว้ สาบานท่วมหัว
ครองสุขงงๆ สงสัย บ่นเบาๆ “มันเอาเงินมาจากไหน”
ปิ่นอนงค์พูดโทรศัพท์บ้านกับเฮียร้านเฟอนิเจอร์สีหน้าเครียด
“ค่ะ ... ค่ะเฮีย ปิ่นขอเวลาอีกหน่อย ปิ่นจะรีบไปจ่ายค่ะ”
โดนกระแทกหูโทรศัพท์ใส่ ปิ่นอนงค์สะดุ้งเล็กๆ มองโทรศัพท์แล้ววางหู
ครองสุขเดินตรงรี่เข้ามาหาปิ่น “ร้านเฟอนิเจอร์เค้าขอเก็บเงิน....” พูดเท่านั้นครองสุขตบหน้าปิ่นอนงค์จนเซไป “แกยักยอกเงินชั้นไปใช่มั้ยนังปิ่น”
ครองสุขชี้หน้าปิ่นอนงค์ที่งงๆ อยู่ ธีระเข้ามา “ยักยอกเงินอะไรคะ ปิ่นไม่รู้เรื่อง”
“ก็เงินค่าผ่าตัดแม่แกไง อยู่ๆแกจะมีเงินมาจากไหนถ้าไม่ได้ยักยอกไม่ได้ขโมยชั้นไป ค่าเฟอนิเจอร์ก็
เหมือนกัน แกเบิกไปแล้วไม่ยอมจ่ายเค้าใช่มั้ย”
ปิ่นอนงค์พูดไม่เต็มเสียง “คุณนายไม่เคยให้ค่าเฟอนิเจอร์กับปิ่นเลยนะคะ”
ครองสุขตรงเข้าหาจะตบอีก ธีระคว้าแขนเอาไว้
“ใจเย็นๆครับ พี่ ผมว่าปิ่นไม่ได้พูดโกหกหรอกครับ ผมตรวจดูบัญชีทุกวัน ไม่มีอะไรผิดปกติเลยครับ”
ปิ่นอนงค์คุกเข่าไหว้ครองสุข
“เงินค่าผ่าตัดแม่ ปิ่นไปกู้เค้ามาค่ะ ปิ่นไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ เลยโกหกแม่ว่า คุณนายเป็นคนให้มา ปิ่นขอโทษที่ไม่ได้เรียนให้คุณนายทราบก่อน คุณนายอย่าบอกแม่นะคะ”
ปิ่นอนงค์พูดพลางเช็ดน้ำตา ครองสุขอ้ำอึ้งรู้สึกตัว “เออๆ แต่บอกซะก่อนนะ เงินที่แกไปกู้เค้ามา ก็หาทางใช้คืนเค้าเองก็แล้วกัน อย่าให้มาเดือดร้อนถึงชั้น”
“ค่ะ เมื่อวานคุณนะโทร.เข้าเครื่องที่บ้านด้วยค่ะ” ปิ่นอนงค์บอก
ครองสุขตาโต “จริงเหรอ แล้วตานะว่ายังไง”
ครองสุขกับธีระมากู้เงินเสี่ยตงเพิ่ม เวลานั้นอยู่ต่อหน้าเสี่ยตง
“หนี้เก่ายังไม่ใช้ จะกู้ใหม่อีกเหรอคุณนาย”
“ตอนนี้ชั้นหมุนเงินไม่ทันจริงๆ แต่รับรองเลยนะเสี่ย ว่าเร็วๆ นี้เสี่ยจะได้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ฉันเอาหัวเป็นประกัน”
เสี่ยตงมองหน้าลูกน้องที่ยืนข้างๆ รู้กัน
“พูดอะไรอย่างงั้น คนกันเอง คุณนายเดือดร้อนผมจะไม่ช่วยได้ยังไง คุณนายซะอีกมีของสวยๆ งามๆไม่เห็นบอกกล่าวกันบ้างเลย”
ธีระมองหน้าครองสุขงงกันทั้งคู่ “ของ ของอะไรคะ”
โปรดอ่านต่อเวลา 17.00 น.
ปิ่นอนงค์ถือหมวกปีกเดินออกมาจากเรือนใหญ่ ครองสุขกับธีระลงจากรถพอดี เห็นเสี่ยตงนั่งรออยู่ในรถพร้อมลูกน้องอีกสองคน
“นังปิ่น จะไปไหน”
“วันนี้ปศุสัตว์จะเข้ามาตรวจโรคค่ะ”
“ให้คนงานมันจัดการ ตอนนี้ฉันมีงานให้แกทำ”
ครองสุขหันไปทางรถเสี่ยตงที่จอดติดเครื่องรออยู่
“ฉันมีลูกค้าวีไอพี อยากจะไปดูบ้านพักหลังใหญ่ที่ติดกับเขา แกพาไปดูหน่อย นั่งรถเค้าไปนั่นแหละ”
“ค่ะ”
ปิ่นอนงค์เดินไปที่รถ ลูกน้องเสี่ยตงลงมาเปิดประตูด้านหลังให้ ปิ่นอนงค์ชะงักนิดหนึ่งเพราะจำหน้าลูกน้องเสี่ยได้
“ขึ้นมาซิ หนู”
ปิ่นอนงค์ไหว้แต่จำใจขึ้น ใจคอไม่ค่อยดี
รถแล่นไป ครองสุข กะธีระมองตาม
ธีระหงุดหงิด เสียดายปิ่นอนงค์นั่นเอง “พี่ครับ ผมว่าเราใจร้ายกับปิ่นไปรึเปล่า มันไม่คุ้มกันนะครับ”
ครองสุขชะงัก จ้องหน้าธีระรู้ทัน ธีระหลบตาไปมา
“ไม่คุ้มหรือว่าเสียดายกันแน่ คิดจะเก็บนังปิ่นเอาไว้...ซะเอง ใช่มั้ยธีระ”
“เฮ้ย ... เปล่านะพี่ ผมจะไปคิดอย่างนั้นได้ยังไง พี่ก็”
“ดี หน้าที่เธอคือ กำจัดไอ้ใหญ่ ไม่ต้องมาคิดยุ่งกับเด็กของชั้น”
ครองสุข เดินเข้าบ้านไป ธีระเซ็ง
ใหญ่ขี่รถกอล์ฟตรวจตราในส่วนรีสอร์ทที่พัก เห็นบ้านพักหลายหลังปิดไว้ คนสวนเดินผ่านมา
“ไม่ค่อยมีคนมาพักเหรอ บ้านว่างตั้งหลายหลัง”
“ตอนนี้เครื่องปั๊มมันเสียหลายเครื่องนายบอกยังไม่มีเงินซ่อม เลยไม่รับลูกค้า”
คนสวนเดินไป ใหญ่ฟังแล้วเหลี่ยวมองนึกสะท้อนใจ
ใหญ่ขี่รถมาแถวสำนักงาน เห็นปิ่นอนงค์เดินถือกุญแจบ้านลงมา ลูกน้องเสี่ยตงยืนรอเปิดประตูให้ ใหญ่จำได้
“ลูกน้องเสียตงนี่หว่า”
ปิ่นอนงค์ขึ้นรถไป ใหญ่รีบขี่ตาม
รถเสี่ยตงจอดที่บ้านพักหลังที่ห่างจากหลังอื่นมาก ปิ่นอนงค์ เสี่ยตง และสมุน ลงรถมา
ปิ่นอนงค์กลัว ข่มอารมณ์เต็มที่
“ดิฉันว่าบ้านแถบที่อยู่ด้านหน้า ทำเลดีกว่านะคะ ใกล้สระว่ายน้ำคลับเฮ้าส์ จะได้ใช้บริการสะดวกๆ”
เสี่ยตงบอก “ลูกค้าเป็นนักการเมือง เค้าไม่อยากเปิดเผยตัวต่อสาธารณชนเท่าไหร่ ดูหลังนี้แหละเหมาะแล้ว”
ว่าแล้วเสี่ยตงเดินนำปิ่นเข้าบ้านไป ปิ่นอนงค์ละล้าละลังตามไป ลูกน้องสบตากันยักคิ้ว
ประตูห้องในบ้านเปิดออก ปิ่นอนงค์รีบเบี่ยงตัวหลบ
“แอร์เย็น ห้องน้ำมีน้ำอุ่น เตียงนุ่มสบายค่ะ”
“นุ่มแล้วเด้งดีมั้ยจ๊ะ”
ไม่พูดเปล่าเสี่ยตงปากว่ามือถึง เข้ามาจับเอว ปิ่นอนงค์สะดุ้ง ถอยกรูด เสี่ยฉุน “จะหนีไปทำไม หนูปิ่น คุณนายเค้าอนุญาตแล้ว”
“อนุญาตอะไร”
“ก็เอาตัวเธอใช้หนี้พนันให้ชั้นน่ะซิ”
ปิ่นอนงค์ไม่เชื่อ “ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ ถอยไป ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
“อย่ามาขู่ฉันเลย เสียเวลาเปล่า เธอพาฉันมาเอง เจ้าของที่นี่ก็รู้เห็นเป็นใจ ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นเตียงเถอะ แล้วฉันจะสมนาคุณให้อย่างถึงใจ”
ปิ่นอนงค์สะอิดสะเอียนจะวิ่งหนี เสี่ยตงจับเหวี่ยงไปบนเตียง ปิ่นอนงค์ฮึดถีบเสี่ยตงกระเด็น
เสี่ยตงยิ้มเหี้ยม “อ๋อ ... ชอบเจ็บตัวก่อนเหรอ ได้ๆ”
เสี่ยตงดึงเข็มขัดออก เดินเข้าหาปิ่นอนงค์อย่างหื่นโหด
สมุนเตร่ ดูต้นทางอยู่หน้าบ้านพัก ใหญ่โผล่ข้างหลังสมุน เอามือสะกิด พอหันไปก็ต่อยร่วง เตะซ้ำสลบ
อีกคนเข้ามาร้องจำได้ “เฮ้ย แกขโมยเงินที่บ่อนไปนี่หว่า”
“เก่งนะพี่ จำกันได้ด้วย”
สมุนเข้าต่อย แต่ถูกใหญ่ จระเข้ฟาดหางน็อกร่วงลงไปกอง
ใหญ่ผลุนผลันเข้าบ้าน
ส่วนในห้อง เสี่ยตงตวัดเข็มขัดตีไปข้างตัวปิ่นอนงค์ ปิ่นอนงค์หยิบของขว้างใส่ เสี่ยตงเข้ามาเอาเข็มขัดคล้องตัวปิ่นอนงค์ไว้
“ยอมชั้นดีดีเถอะ อีกไม่นาน คุณนายก็ต้องหมดตัวขายไร่ให้ชั้น ชั้นจะเลี้ยงดูเธอเอง”
“ฝันไปเถอะ ไร่นี้เป็นของคุณใหญ่ คุณนายจะขายได้ยังไง แก โกหก ช่วยด้วยๆ”
เสี่ยตงโกรธ เหวี่ยงปิ่นอนงค์ลงไปบนเตียงอีกรอบแล้วขึ้นคร่อม
“จะร้องให้ใครช่วย ไอ้ใหญ่ มันหายไปตั้งนานแล้ว อีหนู”
ใหญ่ถีบประตูผางเข้ามา “ข้าอยู่นี่”
“คุณใหญ่” ปิ่นอนงค์ตื่นเต้นระคนตกใจ
ใหญ่กระโดดเตะเสี่ยตงจนกระเด็นตกเตียงไป
พอลุกได้เสี่ยตงชี้หน้าใหญ่ “เอ็งเป็นใคร ไอ้บ้า หน้าตาอย่างเอ็งน่ะเหรอ จะเป็นลูกคุณไพศาล”
ใหญ่ตรงเข้ากระชากเสี่ยตง ยืนตบซ้าย ตบขวา แล้วจับเหวี่ยงไปที่ประตู ชักปืนที่เหน็บไว้ที่เอวมาขู่
“งั้นแกก็จำหน้าชั้นไว้ แล้วไสหัวไปซะ ก่อนที่ฉันจะตามตำรวจมา”
“ไอ้ชิด ไอ้ชม” เสี่ยตงตะโกนเรียกตัวช่วย
“เรียกแค่นี้มันไม่ไม่ได้ยินหรอก แกต้องไปปลุกมันเอง” ใหญ่เยาะ
เสี่ยตงวิ่งออกไป ใหญ่มองปิ่นอนงค์ที่นั่งหอบๆ อยู่ด้วยความสงสาร
ปานเทพปลอมตัว ติดหนวด เหน็บปืนในซองที่เอว มีมีดพกในซองด้วย เข้ามาเมียงมอง คิดจะเข้าไร่ดีมั้ย เสียงรถแล่นทะยานมาเร็วรี่ ปานเทพรีบหลบหลังต้นไม้ เห็นรถเสี่ยตงแล่นฝุ่นฟุ้งออกไป
ปานเทพออกมามองตาม แล้วหันไป สำรวจหาทางเข้าไร่ ทำหน้าดุดัน ขยับปีกหมวกคาวบอย
ใหญ่เก็บปืนเดินออกมาที่หน้าบ้านพัก ปิ่นอนงค์ฉุดไว้
“คุณใหญ่อย่าแจ้งความ อย่าบอกคุณนายเรื่องนี้นะคะ ปิ่นไม่อยากให้คุณนายไม่สบายใจ”
ฟังปิ่นอนงค์แล้วใหญ่ยัวะ “นี่หมายความว่า ถ้าชั้นไม่มา เธอก็พร้อมจะพลีกายให้ไอ้เสี่ยบ้ากามนั่น เพื่อชดใช้หนี้สินแทนคุณน้า อย่างนั้นเหรอ”
“ไอ้เสี่ย มันโกหก คุณนายไม่คิดทำอะไรเลวร้ายกับปิ่นอย่างนี้หรอกค่ะ”
“คุณนายครองสุขนี่มีบุญคุณล้นหัวเธออะไรนักหนาเธอถึงได้ปกป้องยอมตายถวายชีวิตขนาดนี้”
“ปิ่นรู้แต่ว่า ตั้งแต่พ่อตาย แม่กับปิ่นมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะความรักความเมตตาจากคุณนายท่าน”
ใหญ่ประชด “ก็ได้ ชั้นจะพาเธอไปให้ไอ้เสี่ยนั่น มันล้างหนี้ให้สมใจเธอ”
ว่าแล้วใหญ่คว้าข้อมือปิ่นอนงค์ ฉุดกระชากลากถูไป “คุณใหญ่อย่าค่ะ ปิ่นเจ็บ ปิ่น...”
จู่ๆ ปิ่นอนงค์ก็เป็นลมล้มพับลง ใหญ่รีบประคองร่างไว้ ตกใจมากๆ
จินตนาจอดรถ ลงมาที่รั้วคอกสัตว์ มองหาคนงานไม่เจอ ดูนาฬิกาข้อมือแล้วส่ายหน้า
“หายไปไหนหมดเนี่ย”
ปานเทพเดินลับๆ ล่อๆ มา เห็นจินตนา สะดุ้งโหยง “ยัยนี่อีกแล้ว”
จินตนาหันมาเจอ ปานเทพรีบดึงปีกหมวกบังหน้า หันกลับจะเดินหนีจินตนาเรียกก่อน
“พี่ ... เดี๋ยวก่อน พี่คนงาน”
ปานเทพหันกลับมา ก้มหน้าก้มตา
“ช่วยจับแพะหน่อยค่ะ สุ่มเอาตัวนึงก่อน จะตรวจโรคให้”
ปานเทพกระโดดเข้าไปในคอก ไล่จับแพะ แพะแตกกระเจิง
“ค่อยๆ สิ อ้อมๆ ตะล่อมตัวที่เชื่องๆ ก่อน”
ปานเทพพูดออกทองแดง “มั่นไว่ๆ หนี้เม็ดเลย - มันไว หนีหมดเลย”
จินตนาเล็งแล คลับคล้ายคลับคลา ก้มๆ เงยๆ จะดูหน้าปานเทพชัดๆ
จอมเดินเมาค้างเข้ามา หาวหวอดๆ ทุบต้นคอตัวเองไปมา
“คุณจิน ขอโทษครับ เมื่อคืนเมากันเละ เลยตื่นสาย”
ปานเทพสะดุ้ง สบตากับจอม
ไวเท่าความคิดปานเทพกระโดดออกจากคอกวิ่งเข้าป่าไป
“นั่นใครเหรอครับ ผู้ช่วยคุณจินหรือเปล่า”
จินตนาส่ายหน้า “อ้าว ไม่ใช่คนงานที่นี่หรอกเหรอ”
“คนงานที่นี่ ไม่แต่งตัวบ้าๆ อย่างนั้นหรอกครับ”
จอมวิ่งตามปานเทพไป จินตนาลุ้น
ปิ่นอนงค์หลับอยู่บนโซฟาในบ้านแล้ว มีผ้าขนหนูวางที่หน้าผาก ใหญ่นั่งชันเข่าที่พื้นข้างๆ มองอย่างรักใคร่ และห่วงใยเหลือเกิน
ใหญ่ค่อยๆ หยิบผ้าจากหน้าผาก เอามาชุบน้ำเย็นในขันข้างตัว บิดผ้า ใหญ่ซับหน้าปิ่นเบาๆ ไปมา เรียก “ปิ่น ปิ่น”
ปิ่นอนงค์ลืมตาเพ้อหาทรรศนะ “คุณนะ”
ใหญ่หน้าตึง ปิ่นอนงค์ค่อยๆ ลุกนั่ง จับผ้าเย็นที่หน้ามาดู งงๆ
“คุณใหญ่ ปิ่นเป็นอะไรไปเหรอคะ”
“จะไปรู้ได้ยังไง ชั้นไม่ใช่หมอ รู้สึกตัวแล้วก็ดี เธออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก คงกลับไร่ถูกนะ”
ใหญ่เดินออกไป ปิ่นอนงค์มองตามงงๆ
อีกมุมหนึ่งของไร่ ปานเทพวิ่งหอบแฮกๆ มาหยุด เหนื่อยจัด มองกลับไปไม่มีใคร
ปานเทพก้มเอามือเท้าเข่า หอบแฮกๆ จนลิ้นห้อย อีก
จอมวิ่งโผล่เข้ามา ปานเทพรีบยืนจังก้า จับด้ามปืน อีกมือจับด้ามมีด
ปานเทพนั้นพยายามจะสู้ แต่ไม่ชำนาญ ท่าทีเงอะงะออกแนว ตลกๆ หลอกล่อ แต่ที่สุดก็ไปไม่รอด
จังหวะหนึ่งจอมโดดเข้ารวบปานเทพล้มหงายกับพื้น เอาเข่าทับมือทั้งสองข้าง ปลดอาวุธ
ถวิลยืนคู่กับจินตนา ชะเง้อชะแง้รออยู่ ทุกคนรายรอบ จอมเอาเสื้อปานเทพ มัดมือไพล่หลังเดินเข้ามากลางวง
จอมเตะขาพับปานเทพทรุดนั่งคุกเข่ากับพื้นลานดิน จอมถอดหมวกออกอีก
จินตนาชะงัก จ้องปานคลับคล้ายคลับคลา ถวิลถามเข้ม “เอ็งคือใคร แอบเข้ามาในไร่ทำไม”
เจิดกะก้านมองดูอยู่อีกมุม
ปานพูดเสียงออกทองแดงทันที “ผมมาหาคุณใหญ่ คุณชาลิต”
“แล้วพกปืนมาทำไม ทำไมต้องวิ่งหนี ไอ้โกหก” จอมตะคอก
จอมเอาปืนปานเทพที่ยึดมาเงื้อจะตบ ใหญ่ห้ามเสียงดัง “หยุดเดี๋ยวนี้”
หันไปถามถวิล “เกิดอะไรขึ้น นายหวิน”
ใหญ่สบตาปานเทพชะงัก ตกใจ ถวิลรีบบอก “ไอ้นี่ มันอ้างว่า...”
ใหญ่ตบมือ หัวเราะขำก๊าก “ไอ้ปาน ไอ้บ้า นัดกันเอาไว้เมื่อวาน ทำไมเพิ่งโผล่มาวะ”
ทุกคนสบตากัน งงๆ
ใหญ่แก้มัดปานเทพ กอดซ้ายกอดขวา “นี่เพื่อนผม ไอ้ปาน ลูกอาปลอดไงนายหวิน”
ปานเทพยิ้มจืดๆ ไปมา ใหญ่กอดคอปานเทพ ถามย้ำถวิล “จำไม่ได้เหรอ”
ถวิลหรี่ตามอง ทบทวนความจำ สบตากับจินตนาที่ยังงงๆ
โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ครองสุขนั่งอยู่ในห้องโถงเรือนใหญ่ ทัศนีย์เพิ่งมานั่งแหมะที่โต๊ะยังแฮ้งก์ๆ อยู่ อุ่นเรือนน้อยเสิร์ฟขนมปัง ไข่ดาว
“จะมาโทษนีได้ยังไงก็คุณน้า นั่นแหละบังคับให้นีกิน”
“ฉันให้แกกินพอเป็นพิธี ไม่ใช่กินจนเป็นบ้า ไม่เสียท่าไอ้พวกคนงานก็ดีเท่าไหร่” ครองสุขตวาด
“คุณน้าไม่ต้องกลัวหรอก ถึงจะเมายังไงนีก็ไม่มั่วขนาดเอาคนคนละระดับมาเป็นผัวหรอก ถึงจะมีตัวอย่างให้เห็นก็เถอะ
ครองสุขแว้ด “นังนี”
“เอ่อ คุณนายจะรับอะไรคะ อุ่นจะไปทำให้” อุ่นเรือนตัดบท ไม่อยากให้แม่ลูกทะเลาะกัน
“ไม่ต้องมาขัดนังอุ่น แกออกไปก่อน แกด้วยนังน้อย”
อุ่นเรือนกับน้อยออกไปครองสุขเฉ่งลูกสาวหลานอุปโลกน์ต่อ “ยัยนี ถ้าแกเก่งจริงละก็ เกี่ยวไอ้ใหญ่ให้ติดเบ็ดซิ”
ทัศนีย์ตาค้างไม่เชื่อหู “อะไรนะ คุณน้า ตลกรึเปล่า ไม่ขำนะ”
“ฉันพูดจริง ถ้าแกทำได้ แกจะเอาอะไรฉันจะให้”
ระหว่างนั้นใหญ่กอดคอปานเทพโผล่เข้ามา “อยู่กันทั้งคู่พอดี มาเลยไอ้ปาน”
“สวัสดีน้าครองสุขซะสิ ไอ้ปาน นั่นทัศนีย์เป็นสาวแล้ว โว้ย”
ปานเทพไหว้ครองสุข ขณะที่ครองสุขรับไหว้อาการงงๆ ใหญ่รีบแนะนำ
“น้าครองสุขครับ นี่ไอ้ปาน ลูกนายปลอดคนงานเก่าแก่ของคุณพ่อ คุณน้าคงจะจำได้บ้าง”
ครองสุขกะทัศนีย์มองหวาดๆ “ลูกนายปลอด” ครองสุขอุทาน
ใหญ่ชี้หน้าปานเทพ “ถูกต้องแล้วครับ พอนายปลอดถูกคุณพ่อไล่ออกก็ไปตั้งแก๊งปล้นชาวบ้าน พอผมหนีไปจากที่นี่ก็เลยไปร่วมกัน แต่ผมกับไอ้ปานทนความโหดร้ายทารุณไม่ไหว ก็เลยไปทำหมาชำแหละที่ชายแดนด้วยกัน”
น้อยถอยหลังกรูด หลบไป
ปานเทพเสริม “แต่ตอนนี้ ล้างมือจากเรื่องชั่วๆ หมดแล้วครับ เบื่อกลิ่นดินปืนกับคาวเลือด”
“พูดอะไรของเอ็ง เค้ากำลังกินอาหารกันอยู่ ไป ... ไป ไปคุยกันต่อในห้อง”
ใหญ่ กับปานเทพขยับจะไป ใหญ่ชะงักหันไปหาครองสุข
“เกือบลืมเรียนให้คุณน้าทราบ ไอ้ปานจะมาอยู่เป็นผู้ช่วยของผมที่นี่ครับ”
สองหนุ่มเดินออกไป
“อย่างนี้มันซ่องโจรชัดๆเลยคุณน้า นีย์ไม่ไหวแล้วนะ
ทัศนีย์โวยลั่น ครองสุขเครียด
ปานเทพโกรธที่ใหญ่บอกว่าพ่อตนเป็นมหาโจร เท่ากับตัวเองเป็นลูกโจรด้วย พอเข้าห้องมาก็ไล่ตี ต่อยใหญ่พัลวัน แต่ใหญ่ปัดป้องไปมา เอามือจุ๊ปากปานเทพชี้หน้าใหญ่ หอบแฮกๆ
“ไอ้คุณใหญ่ แกด่าว่าพ่อชั้นเป็นโจร ไอ้เพื่อนชั่ว”
ใหญ่ตบไหล่ปานเทพแล้วบอก “ความผิดแกนั่นแหละ จะมาก็ไม่บอก ชั้นอุตส่าห์สร้างเรื่องแก้ปัญหาให้แก ยังจะมาว่าชั้นอีก”
ปานเทพนั่งแหมะบนเตียงสงบอารมณ์ “ก็แกหายมาไม่ยอมบอกกล่าวว่าอะไรไปถึงไหนชั้นก็ต้องเสี่ยงเข้ามา ตกลงแกเข้ามานี่ได้เรื่องอะไรบ้าง”
“ยัง” ใหญ่บอก
ปานเทพประหลาดใจมาก “ฮ้า หมายความว่า แกเข้ามานั่งนอนเล่นรึไง ไอ้คุณใหญ่”
“มันไม่ใช่อย่างงั้น ฉันแค่อยากให้พวกแม่เลี้ยงชั้นตายใจจะได้เผยเรื่องชั่วๆ ที่ซ่อนไว้ออกมา”
“ทำอย่างงี้มันเสี่ยงมากนะโว้ย” ปานเทพกังวล
“ตอนนี้ชั้นมีแกมาช่วยแล้ว ไม่เห็นต้องกลัว”
“แกพูดง่าย คนงานที่นี่แต่ละคน มือหนักตีนหนัก ทั้งนั้น”
ใหญ่จับปานเทพให้หันไปทางกระจก “ใครจะกล้าทำอะไรแกจำไว้ ตอนนี้แกคือ ปาน ป่าหวาย เสือร้ายแห่งชายแดน
“ปาน ป่าหวาย” ปานเทพอยากร้องไห้ จะบ้าตาย
เรื่องรู้ถึงหูปลอดตอนเช้าวันต่อมา ปลอดกดวางสายโทรศัพท์หน้าเครียด เพ็ญถือกาน้ำชามารินให้แล้วนั่งลงพลางถาม “ใครโทรมาคะ”
“ไอ้ปานมันเข้าไปอยู่กับคุณใหญ่ในไร่ไพศาลแล้ว” ปลอดบอกเสียงเป็นกังวล
“ถ้าอย่างนั้น เราก็สบายใจได้แล้วสิคะ คุณใหญ่มีคุณปานระวังหลังให้ทั้งคน ทำไมพี่ยังกังวลอยู่อีก” เพ็ญว่า
“ไอ้ปานถึงมันจะเรียนกฎหมายมา แต่...แต่เราจะประมาทเล่ห์เหลี่ยมคนชั่วคนโกงไม่ได้”
“ก็เราอยู่ไกลขนาดนี้ จะทำอะไรได้ล่ะคะ” เพ็ญบอก
สองคนสบตากันเครียด
เช้าวันเดียวกัน ใหญ่นั่งเก้าอี้พับสามส่วน ดูหนังสือพิมพ์เล่นใส่กางเกงยีนส์สวมเสื้อกล้าม ครู่ต่อมาทัศนีย์ยกถาดใส่น้ำมะนาว สาคูไส้หมู ผ้าเย็น มาวางให้ใหญ่ที่โต๊ะเล็กข้างๆ เตียง
ลับตาใหญ่ทัศนีย์แอบเบ้ปาก แหวะใส่ ขณะวางของบนโต๊ะ เก็บถาดไปถือ ใหญ่เอี้ยวมาดูข้าวของ
“คุณน้าให้นีดูแลคุณใหญ่ คุณใหญ่ต้องการอะไรเพิ่มเติมมั้ยคะ” ทัศนีย์ปั้นหน้ายิ้ม
“โอ๊ย นี่ก็เยอะแยะกินไม่ไหวแล้ว”
ใหญ่คว้าสาคูไส้หมูใส่ปากเคี้ยว แล้วหยิบแก้วน้ำมะนาวดูดเสียงดังโครกคราก แล้วกลืนพร้อมกับ
ระบายลมออกจากปากเสียงดัง “อ้า ...” ทัศนีย์ขยะแขยง
ใหญ่คว้าผ้าเย็น เช็ดรักแร้สองข้าง แล้วทำท่าหาที่ทิ้ง
ใหญ่แกล้งยื่นผ้าเย็นให้ทัศนีย์ ทัศนีย์ฝืนยิ้ม รีบเอาถาดรองรับ จากนั้นใหญ่เอนตัวพิงเก้าอี้หลับตาพริ้ม เรียกเสียงนุ่ม
“มา มา นวดให้พี่หน่อย ตึงบ่ากับหัวไหล่จริงๆ” ทัศนีย์จิ้มนิ้วแบบแขยง ใหญ่สำทับ “หนักๆ หน่อย บีบเลย” ใหญ่จับมือทัศนีย์ให้บีบ “แหม นี นี่มือนุ้มนุ่มนะ ไม่สากเหมือนมือพี่”
ใหญ่ทำทีเป็นเคลิ้ม แล้วกรนเสียงดังฟังทุเรศมากๆ แถมยังเสียงต่างๆ นานา ทัศนีย์ยี้สุดๆ
ทัศนีย์หันไปเจอน้อยถือตะกร้าผ้าจะตรงเข้าเรือนใหญ่ ทัศนีย์กวักมือ ชี้ๆ ให้มานวดใหญ่ น้อยส่ายหน้า ทัศนีย์หน้าดุ กระชากน้อยมา แล้วเอามือน้อยนวดแทน ก่อนจะวิ่งหนีไป
ใหญ่หลับตาพริ้ม มือน้อยสั่นๆ ยื่นเข้ามา บีบไปสั่นไป ใหญ่ส่ายหน้า ไม่สบอารมณ์ เอื้อมมือไปจับมือน้อยแน่น น้อยเข่าอ่อนลงกับพื้น จะร้องไห้น้อยพูดรัวเป็นชุด
“ยับยั้งใจเถอะคุณใหญ่ น้อยขี้เหร่ ไม่สวยเซ็กซี่ ไม่เร้าใจ ไม่ใช่สเป็คคุณใหญ่หรอกค่ะ”
“ทัศนีย์หนีไปแล้วล่ะซิ”
“จะเหลือเหรอคะ” น้อยว่า
“ถ้าอย่างนั้น ไปตามปิ่นอนงค์มาหาชั้นหน่อย”
น้อยนิ่งตาโต พูดเสียงจริงจัง “พี่ปิ่นป่วยค่ะ”
ใหญ่หน้าเครียดทันที
ครองสุขเลิกคิ้วถาม “นังปิ่นไม่สบาย”
อุ่นเรือนนั่งนอบน้อมที่เก้าอี้ตรงข้ามในห้องทำงานครองสุข
“ใช่ค่ะ มันมีอาการตั้งแต่กลับมาจากรีสอร์ต มาถึง...” ครองสุขตาตื่น ซ่อนยิ้ม คิดว่าปิ่นเสร็จเสี่ยตงไปแล้ว อุ่นเรือนพูดต่อ “ก็ล้มหมอนนอนเสื่อซมไปเลย อุ่นเลยให้นอนพัก เดี๋ยวก็หาย มารับใช้คุณนายได้เหมือนเดิม”
ครองสุขยิ้ม ลุกไปบีบไหล่อุ่นเรือน “แกจำเอาไว้นะนังอุ่น ถ้าไร่ไพศาลตกเป็นของชั้นเมื่อไหร่ ชั้นจะไม่ลืมแกกับนังปิ่นเด็ดขาด”
อุ่นเรือนยิ้ม ซาบซึ้งใจ
ปิ่นอนงค์นอนซมเพราะพิษไข้รุม จอมมายืนใกล้ๆ
“เป็นเพราะของที่คุณใหญ่ทำมาให้งานเลี้ยงหรือเปล่า” จอมบ่น
“ไม่ใช่หรอก ปิ่นไม่ได้กินเลย”
“ให้เราพาไปหาหมอมั้ย ให้หมอดูว่าเป็นอะไร”
ปิ่นอนงค์ยิ้มเซื่องๆ “แค่หวัดแดด ไม่เป็นไรหรอกจอม จอมไปช่วยลุงหวินดูไร่เถอะ เห็นจินบอกว่าสัตว์ในไร่อาการไม่ค่อยดีฝากด้วยนะจอม
ที่ด้านนอกบ้านประตูเปิดอยู่ ก่อนที่จอมจะเดินออกมาแล้วเหลียวกลับไปมองกลับอย่างเป็นห่วง
ใหญ่ชะงัก หลบ แอบมองจอมเดินไปหน้าเครียด
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปิ่นอนงค์หลับตาพริ้มอยู่ ใหญ่เดินเข้ามาขยับเก้าอี้นั่ง ปิ่นอนงค์หลับตาพูดเนือยๆ
“โธ่ จอม ปิ่นบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร อย่าห่วงเราให้มากไปเลย”
“ไม่เป็นอะไร แล้วมานอนอู้อยู่ทำไม เธอมีหน้าที่ทำกับข้าวให้ชั้นกิน จำไม่ได้เหรอ”
ปิ่นอนงค์จำเสียงห้าวห้วนนี้ได้ สะดุ้งจะลุก แต่ไม่มีแรง ขยับหมอนอิงหัว
“ปิ่นขอโทษค่ะ ปิ่นให้แม่จัดสำรับให้คุณใหญ่แล้วนะคะ”
“ชั้นไม่กิน แม่เธอเกลียดชั้นอย่างกับอะไร จะแอบใส่อะไรลงไปในกับข้าวก็ไม่รู้”
ปิ่นอนงค์เม้มปาก ยันตัวจะลุก จนทรุดลงไปอีก ใหญ่ตกใจเอามือรับหัว อีกมือจับแขน ใหญ่ตกใจ ตาโต
“นี่เธอจะบ้าเหรอ ปิ่นอนงค์ ตัวร้อนอย่างนี้ทำไมไม่ไปหาหมอ”
“เป็นแค่นี้เอง ไม่ต้องไปหาหมอหรอกค่ะ มันสิ้นเปลือง
ใหญ่อุ้มปิ่นอนงค์ทีเผลอเดินออกประตูมา“ปล่อยปิ่นเถอะค่ะ คุณใหญ่” แต่หมดแรงแล้ว
ปานเทพเดินหน้าเหลอหลาเข้ามาใหญ่บอก “ปาน ไปเอากุญแจรถที่นายหวิน ชั้นจะพาปิ่นไปโรงพยาบาล เร็ว”
น้ำเสียงใหญ่ร้อนรน ปานเทพวิ่งจี๋ไป
บนโต๊ะอาหารเรือนใหญ่เวลานี้ อาหารพร้อม ข้าวเต็มทุกจาน คอยใหญ่คนเดียว หมู่มวลหน้าเครียด
น้อยมองอุ่นเรือนเลิ่กลั่ก“ยัยนี ไปตามไอ้ เอ่อ คุณใหญ่มากินข้าว”
“คุณน้าก็ ใช้นังน้อยก็ได้นี่คะ
“แกนั่นแหละ ไปเดี๋ยวนี้”
“อุ่นไปตามเองค่ะ”
ปานเทพเดินหน้าดุเข้ามา “คุณใหญ่พาปิ่นไปโรงพยาบาลครับ ฝากมาบอกทุกคนไม่ต้องรอกินข้าว”
อุ่นเรือนชะงัก หยุด ตกใจ
“แล้วทำไมคุณใหญ่ต้องพานังปิ่นไปเอง นังอุ่นแกบอกว่ามันไม่เป็นอะไรมากนี่”
“อุ่นก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
ปานเทพตรงเข้านั่งเคียงข้างทัศนีย์ ทัศนีย์สะดุ้ง เขยิบหนีสุดเก้าอี้
“เฮ้ย มากไปรึเปล่า ที่ของแกอยู่ที่โรงครัวกินรวมกับพวกคนงานโน่น” ธีระตวาด
“ทำไมล่ะ คุณผู้จัดการ ก็เมื่อคุณใหญ่ไม่กิน มันก็เสียที่ไปฟรีๆ ซิ อาหารก็ตั้งเยอะแยะ จะให้เหลือทำไม” ปานเทพ
“ถ้าอยากจะกินละก็ เดี๋ยวฉันตักแบ่งไปให้ นี่มันที่ของเจ้านาย” อุ่นเรือนชักสีหน้าบอกแทน
“เอาเถอะอุ่น ในเมื่อปานเค้าเป็นเพื่อนคุณใหญ่ เคยช่วยเหลือกันมา เราก็ควรจะให้เกียรติเค้า ตักข้าวอุ่น ฉันหิวแล้ว”
อุ่นเรือนขัดเคืองใจเป็นที่สุด ปานเทพหันไปยิ้มให้แต่ถูกทัศนีย์เชิดใส่ ปานเทพหุบยิ้มแทบไม่ทัน
ใหญ่นั่งดูนาฬิกาข้อมือ พลางชะเง้อชะแง้ดูประตูห้องตรวจ ปิ่นอนงค์เดินออกจากห้องตรวจมา ใหญ่ประคองให้นั่ง
“หมอว่ายังไงบ้าง”
“พักผ่อนน้อย แต่ฉีดยาให้แล้ว เดี๋ยวไปรับยาก็กลับบ้านได้ค่ะ”
ระหว่างนั้นพยาบาลสูงอายุ เดินมาหยุดเยื้องๆ ปิ่นอนงค์ จำได้จึงร้องทัก “หนูปิ่นอนงค์ใช่มั้ยลูก”
ปิ่นอนงค์กะใหญ่ยืนสวัสดี พยาบาลรับไหว้ “คุณป้า”
“ได้ข่าวแม่อุ่นเรือนไม่สบาย หายดีหรือยังล่ะ”
“หายแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“ขอโทษจริงๆ ไม่ได้มาดูแลเลย พยาบาลก็ป่วยเป็นเหมือนกันเนาะ ที่ไร่เป็นยังไงบ้างล่ะ พูดแล้วคิดถึงคุณไพศาลจริงๆ ป้านี่ดูแลแกมาตลอดเลยนะ”
ปิ่นอนงค์ผายมือมาทางใหญ่จะแนะนำ “คุณ...”
ใหญ่จับมือปิ่นอนงค์กดลง “ผมเป็นคนงานในไร่ครับ พาคุณปิ่นมาตรวจร่างกาย”
ปิ่นอนงค์งงๆ มองใหญ่
พยาบาลแตะแขนปิ่นอนงค์พลางบอก “เออ...หนูปิ่นเค้าลือกันว่าคุณใหญ่ลูกคุณไพศาลกลับมาที่ไร่แล้ว จริงมั้ย น่าสงสารทั้งพ่อทั้งลูก คุณ…” ใหญ่ชะงัก ตาโต พยาบาลเล่าต่อ “ไพศาลก่อนจะเสีย เพ้อถึงแต่คุณใหญ่ตลอดเลย อุ๊ย...”
ปิ่นอนงค์กับใหญ่ ไหว้พยาบาล “ป้าต้องรีบไปเซ็นชื่อเข้าเวรแล้ว ไปล่ะนะ สวัสดีๆ”
ปิ่นอนงค์ลอบมองใหญ่ เห็นชัดว่าใหญ่เครียด
ใหญ่ขับรถมาตามทางด้วยสีหน้าครุ่นคิด ปิ่นอนงค์ลอบมองไปมา ใหญ่ขับค่อยๆ ไปไม่เร็วนัก
“ทำไมคุณใหญ่ไม่บอกป้าพยาบาลล่ะคะ ว่าคุณใหญ่คือลูกชายคุณไพศาล”
“สารรูปอย่างชั้น บอกไปใครเค้าจะเชื่อ” ใหญ่เยาะหยันตัวเอง
ปิ่นนั่งคิด
“แต่ปิ่นก็จำได้เหมือนกันนะคะ ก่อนคุณท่านจะเสียท่านชอบบ่นถึงคุณใหญ่บ่อยๆ ถึงไม่ได้พูดตรงๆ ปิ่นก็พอจับได้ว่าท่านคิดถึงคุณใหญ่มาก”
ใหญ่กัดฟัน ตากร้าว กระชากเกียร์ เหยียบคันเร่ง ปิ่นอนงค์ตกใจ เลิ่กลั่ก ใหญ่ขับรถแรงและเร็วปานจะบิน ทะยานไปอย่างรวดเร็วมาก
ปิ่นอนงค์เดินถือถุงยาของโรงพยาบาลเข้ามาที่ระเบียงเรือนที่พัก อุ่นเรือนรออยู่ลุกพรวด
“แกไปกับคุณใหญ่ทำไม แม่บอกแล้วใช่มั้ย ให้อยู่ห่างๆ เอาไว้ มันอันตราย”
ปิ่นนั่งลงสีหน้าครุ่นคิดมองหน้าแม่ “คุณใหญ่แค่พาปิ่นไปหาหมอ ไม่มีท่าทีจะคิดร้ายอะไรกับปิ่นเลยนะแม่”
ครองสุขเข้ามาทันได้ยิน “ยังไม่ทันไร แกก็เปลี่ยนข้างแล้วเหรอนังปิ่น”
ปิ่นอนงค์ตกใจ “คุณนาย”
“แกคงเห็นว่า ชั้นไม่มีปัญญาคุ้มกะลาหัวแกได้ ก็เลยเร่ไปหาไอ้ใหญ่ใช่มั้ย มันประเคนอะไรมาให้แกมั่งล่ะ”
“ไม่นะคะ คุณนาย อุ่นเอาหัวเป็นประกันปิ่นมันไม่ทำอย่างนั้นแน่” อุ่นเรือนปฏิเสธ
“ใช่ค่ะ คุณใหญ่ไม่ได้ให้อะไรปิ่นเลย แค่ออกค่าหมอค่ายาให้เท่านั้น” ปิ่นอนงค์รีบบอก
“นั่นไง ทำไมจู่ๆ มันก็เกิดพิศวาสแกขึ้นมา ถ้าไม่เพราะมันต้องการเอาแกไปเป็นพวก บอกมาว่าแกคายความลับอะไรให้มันรู้”
ครองสุขโมโหเข้าไปจิกแขน ปิ่นอนงค์น้ำตาร่วง “ไม่ค่ะ ปิ่นไม่ได้พูดอะไรเลย”
“ฉันไม่เชื่อ บอกมาเดี๋ยวนี้”
“คุณนายขา อุ่นขอเถอะค่ะ” อุ่นเรือนอ้อนวอน
ครองสุขเหวี่ยงอุ่นเรือนไปกระแทกกับโต๊ะร่างอุ่นเรือนรูดลงไปกอง
“แม่....”
ปิ่นอนงค์ตกใจมากเป็นห่วงแม่เพราะพึ่งหายป่วย รีบเข้าไปประคอง อุ่นเรือนไหว้ครองสุข
“อุ่นกราบละค่ะคุณนาย ขอให้เชื่ออุ่น ถ้าปิ่นมันอกกตัญญูคุณนาย อุ่นจะลงโทษมัน ตัดแม่ตัดลูกกับมันแน่”
นั่นละครองสุขจึงอ่อนลง แต่ไม่วายทวงบุญคุณ “แกจำคำพูดของแกไว้นะนังอุ่น”
ครองสุขเดินออก ปิ่นอนงค์รีบถาม “แม่ แม่เป็นไงบ้าง”
“สาบานกับแม่ ว่าแกไม่มีทางทรยศคุณนาย สาบานซิ” อุ่นเรือนคาดคั้น
“จ้ะ แม่ ปิ่นสาบาน” ปิ่นอนงค์สะอื้นรับคำ
ใหญ่ขี่ม้าไปตามท้องทุ่ง พร้อมกันนั้น ภาพจำตอนที่ใหญ่ทะเลาะกับพ่อ และถูกพ่อด่าบังคับให้กราบขอโทษครองสุข แว่บเข้ามาอีก เสียงปิ่นดังก้องในหูเข้ามาปิ่น
“ก่อนคุณท่านจะเสียท่านชอบบ่นถึงคุณใหญ่บ่อยๆ ถึงไม่ได้พูดตรงๆ ปิ่นก็พอจับได้ว่าท่านคิดถึงคุณใหญ่มาก”
สีหน้าของใหญ่เจ็บปวด เพราะยังน้อยใจพ่อ และไม่เชื่อว่าพ่อรักตน
ใหญ่ดึงตัวเองกลับมาขี่ม้าเร็วขึ้น แต่ยังใจลอยไม่ทันเห็นกิ่งไม้ พอจวนตัวก็รีบเอียงตัวหลบ ทว่าเสียหลักตกหลังม้ากลิ้งไปบนทุ่งหญ้า
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ในขณะเดียวกันเจิดกับก้านซ้อนมอเตอร์ไซค์ แอบซุ่มดูใหญ่อยู่มุมหนึ่งตรงหลังต้นไม้ไม่ไกลนัก สองวายร้ายเห็นเหตุการณ์แล้วมองหน้ากัน
ใหญ่ลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัว เดินไปหาม้าที่หยุดอยู่ใกล้ๆ เจิดกะก้าน ลงจากรถ เจิดชักปืนจากเอวออกมา
ก้านแตะแขนเจิด ”ดีเหรอพี่ นายไม่ได้สั่งนะ”
เจิดหงุดหงิด “ไม่ได้สั่งก็ช่าง โอกาสดีๆอย่างนี้หาได้ที่ไหนวะ ยังไงนายก็อยากให้มันตายอยู่แล้ว ยิงเสร็จก็เอามันไปเผานั่งยางซะก็สิ้นเรื่อง”
เจิดยกปืนเล็งไปทางใหญ่ที่กำลังตบไหล่ม้าปลอบใจ เจิดเล็งแลผ่านปลายกระบอกปืนไปที่ใหญ่เขม็ง
ระหว่างนั้นเปี๊ยกถือพร้าสะพาย และตะกร้าใส่เครือกล้วยเข้ามา ชะงักกึกเมื่อเห็นมือที่ถือปืนยื่นโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้
เปี๊ยกหันไปทางทิศที่ปืนเล็ง เห็นใหญ่เดินจูงม้ามา เปี๊ยกเขวี้ยงพร้าใส่ลำกล้องปืน พร้าลอยละลิ่วกระแทกปืนอย่างจัง ปืนลั่นเบนกระสุนไปอีกทาง
ใหญ่ยินเสียงก็ตกใจ ย่อตัวระวังภัย กระชับปืนที่เหน็บพกติดตัวมา ม้าตกใจวิ่งไป
เจิดกับก้าน ตกใจ เหลียวหาที่มาของพร้า พลางขึ้นรถขับหนีไป เปี๊ยกนอนราบกับพื้นแอบมองเจิดกับก้าน แล้ววิ่งไปหาใหญ่
ใหญ่ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งตามไปดู เห็นหลังเจิดไวๆ เลี้ยวลับตัวไป เปี๊ยกวิ่งมาหาใหญ่ ใหญ่หันไปเล็งปืน เปี๊ยกยกมือห้ามร้องเสียงหลง
“นายเองเหรอเปี๊ยก”
เปี๊ยกส่งสัญญาณมือวุ่นวาย ทำมือเป็นปืน แล้ววิ่งไปที่หลังต้นไม้ ทำท่าเล็ง
“มีคนแอบอยู่ตรงนี้จะยิงฉันเหรอ”
สองคนอยู่ที่คอกม้า สีหน้าปานเทพตกใจมากหลังรู้จากปากใหญ่ว่ามีคนแอบซุ่มยิง ปานเทพโวยลั่น
“ไอ้บ้าเอ๊ย นี่มันเฉียดตายเลยนะ โว้ย นี่ถ้าเจ้าเปี๊ยกมันตาไม่ไว แกไปเฝ้ายมบาลแน่ แล้วมันบอกมั้ยว่าใคร”
“ฉันเห็นหลังไวไว คงเป็นลูกน้องไอ้ธีระ” ใหญ่บอกอย่างมั่นใจ
“แล้วแกยังใจเย็นอยู่ได้ไง ฉันว่าแกออกไปตั้งหลักข้างนอกดีกว่า ถ้าแกตายตอนนี้ ไร่ไพศาลเสร็จพวกมันแน่”
“ฉันไม่อยากได้สมบัติของพ่ออยู่แล้ว”
“แกพูดอะไรของแกวะ นี่คิดถอดใจยกสมบัติให้คุณนายครองสุขแล้วเหรอ”
“ฉันหมายถึงสมบัติไม่ใช่ จุดมุ่งหมายใหญ่ของฉันต่างหากที่มานี่ ก็เพราะอยากมาทวงความยุติธรรมให้ตัวเองกับอาปลอดแล้วก็หาความจริงเรื่องการตายของพ่อ”
ปานเทพไม่เชื่อ ทำหน้าจับ ชี้หน้าใหญ่ “หึ นึกว่าแกจะบอกว่ามาเพราะอยากเห็นหน้ายัยปิ่นอนงค์ซะอีก เออ นี่ตั้งแต่มาฉันยังไม่เจอหน้าเลย อยากรู้ว่าสวยแค่ไหน แกถึงติดใจนัก”
ใหญ่ทำหน้าดุใส่ปานเทพ “อย่าพูดเหลวไหล ปิ่นเป็นแค่ตัวช่วยคนนึง ที่จะช่วยไขความลับได้เท่านั้นโว้ย” แล้วโดดลงจากรั้วคอกม้า เดินไป
“อ้าวเฮ้ย จะไปไหนเล่า ยังคุยกันไม่จบ แล้วตกลง แผนแกเป็นไงต่อวะ”
ปานเทพมองตาม แล้วระแวง เหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะวิ่งตามใหญ่ไป
วันต่อมาปิ่นอนงค์เหม่อลอย ยื่นหญ้าให้วัวกิน สีหน้าครุ่นคิด คอยหลบหน้าใหญ่ เพราะกลัวครองสุขกับแม่ด่า นึกไปถึงเหตุการณ์ที่แม่ถูกครองสุขอาละอาด และอุ่นเรือนกำชับก็ยิ่งไม่สบายใจ
จังหวะนั้นจอมเข็นรถใส่ฟางกับหญ้าสดเข้ามา มองปิ่นอนงค์อย่างเป็นห่วง
จอมเดินเข้าไปมา ปิ่นอนงค์ชะงักมอง
“ทำไมไม่พักผ่อน ปิ่นดูอาการยังไม่ดีเลยนะ
“ปิ่นหายแล้ว คนฟื้นไข้ ก็ต้องออกมาอยู่กับธรรมชาติบ้างจะได้แข็งแรงเร็วๆ มาปิ่นช่วย”
จอมรีบบอก “ไม่ต้องหรอก”
ปิ่นอนงค์ไม่ฟัง เอาที่โกยฟางตะกุยฟางโยนใส่จอม
“นี่แน่ะ อยากโดนอีกมั้ย”
จอมเอาฟางออกจากหัว ชี้หน้า ปิ่นอนงค์หัวเราะชอบใจตะกุยฟางใส่จอมใหญ่
ที่โต๊ะอาหารเรือนใหญ่เวลาเดียวกัน อุ่นเรือนวางจานชุดขนมปังไข่ดาว จัดขวด ซอส พริกไทย เกลือ น้ำตาล นม
ใหญ่เข้ามานั่ง มองอาหารตรงหน้า น้อยรีบรินกาแฟ ใหญ่เหลียวมองถามหาปิ่นอนงค์
“ปิ่นอนงค์อยู่ไหน ทำไมไม่มาดูแลอาหารให้ฉัน”
อุ่นเรือนทำหน้าตึงไม่รู้ ไม่ชี้ “ปิ่นอนงค์ไม่สบาย อุ่นเลยให้นอนพักค่ะ”
น้อยไม่รู้เรื่องด้วย รับเอ่ยท้วงขึ้น “อะไรป้า หนูเห็นพี่ปิ่นออกไปที่ไร่ตั้งแต่เช้าแล้ว”
อุ่นเรือนหยิกน้อยจนร้อง “โอ้ย”
ใหญ่ฟังเฉยๆ แล้วจิ้มไข่ใส่ปาก ก่อนจะถุยออกมาอย่างไร้มารยาท อุ่นเรือนตกใจยกมือทาบอก
“ถุย ไข่บ้าอะไร โคตรเลี่ยน” ใหญ่ผลักจานไป
“ถ้าไม่ชอบอาหารฝรั่ง คุณใหญ่จะรับข้าวต้มมั้ยคะ อุ่นจะรีบไปทำให้”
“กินข้าวต้มตอนเช้าเนี่ยนะ มันจะอยู่ท้องได้ไง มันต้องต้มเลือดหมู ร้อนๆ ใส่หมูสับกับข้าวสวย ตามด้วยปาท่องโก๋ จิ้มนมข้น”
“นั่นน่ะต้องไปซื้อในเมืองแล้วค่ะคุณใหญ่” น้อยว่า
“อ้าว ก็ไปซิ หรือถ้ามีปัญหาก็เรียกปิ่นอนงค์มา ยัยนั่นน่ะทำได้ทุกอย่างที่ฉันสั่ง”
อุ่นเรือนอาสาทำให้ “ได้ค่ะ อุ่นจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”
อุ่นเรือนรีบออกไป ใหญ่ยิ้มเจ้าเล่ห์ น้อยถอนใจหันมาเจอใหญ่ ใหญ่ทำหน้าดุใส่
“ยังมีปัญหาอะไรอีกมั้ย”
“ไม่ค่ะ ไม่มี”
น้อยลนลานหนีออกไป ใหญ่ลุกขึ้นเดินออกไปบ้าง
ปิ่นอนงค์ช่วยคนงานรีดนมวัว พูดคุยกับวัวอย่างสนิทสนม
“ไม่เจ็บใช่มั้ยจ๊ะ แม่มะลิ ขอบใจมากนะ ที่ให้นมพวกเรา นมแม่มะลิหอมหวาน ใครๆ ก็ชอบ เดี๋ยวปิ่นให้รางวัลแม่มะลินะจ๊ะ”
จอมอมยิ้ม แอบมองปิ่นอนงค์อยู่ ปิ่นอนงค์หันมาหาจอม
“จอม เอารางวัลมาให้แม่มะลิหน่อยเร้ว”
จอมยิ้มให้ เอามือหอบหญ้ากับฟางในกระบะรถแล้วสะดุ้ง
“โอ้ย...”
ปิ่นอนงค์ตกใจ จอมยกแขนขึ้นมาดู เห็นรอยเลือดซึม เป็นขีดเล็ก ๆ ตรงท้องแขน
จอมมองในกระบะ เห็นพร้าผลุบโผล่อยู่ในกองหญ้ากองฟาง
ปิ่นอนงค์รีบเข้ามาจับแขนจอมดู “อุ๊ย เลือดออกด้วย”
ระหว่างนั้นใหญ่เดินเข้ามาจากอีกมุมหนึ่งมองสังเกตุการณ์
“โธ่เอ๊ย ปิ่น เล็กกว่ารอยแมวข่วนซะอีก”
ปิ่นอนงค์จับแขนจอมซับกับแขนเสื้อตัวเองไปมาเบา ๆ มองจอมอย่างเป็นห่วง
“ไม่ได้นะ ทำความสะอาดก่อน แล้วอย่าลืมล้างแผลใส่ยาล่ะ”
ใหญ่ได้ยินตาขวาง
“เดี๋ยวอักเสบ เป็นบาดทะยักไม่รู้ด้วย” ปิ่นอนงค์บอก
ใหญ่เดินเข้ามา สีหน้าดุ สองคนผละจากกัน
“ปิ่นอนงค์ ทำไมไม่ทำกับข้าวให้ฉันกิน มาเกะกะอะไรแถวนี้”
“แม่ทำให้คุณใหญ่แล้วนี่คะ ฝีมือแม่ อร่อยกว่าปิ่นทำอีก”
จอมเอียงหน้ามองใหญ่ ไม่พอใจ
“ก็ฉันบอกแล้วไง คนอื่นทำ ฉันไม่กิน ฉันจะกินก็ต่อเมื่อเธอเป็นคนทำเท่านั้น นี่จะขัดคำสั่งชั้นเหรอ”
จอมไม่พอใจ พูดใส่หน้า “ไม่เกินไปเหรอครับคุณใหญ่ ผมรู้ว่าคุณใหญ่เป็นเจ้านายแต่สั่งอะไร เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้มันไม่ถูก ไม่มีเหตุผลรู้จักเห็นใจคนอื่นบ้างสิครับ เอะอะอะไร ก็ใช้แต่ปิ่น”
ใหญ่ยิ้มเยาะจอม “ดี .. ถ้าอย่างนั้นฉันใช้นายแทนก็ได้ ไปเชือดวัวตัวนั้นให้ฉันทีอยากกินสเต๊ก”
จอมชะงัก ของขึ้น และโกรธกรุ่นๆ “แต่นั่นมันแม่พันธุ์วัวนมของไร่”
“มันจะวัวอะไรก็เหอะ ฉันอยากกิน วันงานยังกินลาบเลือดไม่สะใจเลย” ใหญ่บอก
จอมจ้องใหญ่อย่างเกลียดชัง
“เมื่อกี้ทำบ่น อะไรก็ใช้แต่ปิ่น พอใช้ตัวเองเข้า ทำบ่ายเบี่ยง”
ใหญ่ทำหน้าดุ “ถ้าอย่างนั้น ใครก็ได้เอาวัวไปเชือดเดี๋ยวนี้”
คนงานที่อยู่ด้วย มองกันเลิ่กลั่ก “ฉันสั่งไม่ได้ยินเหรอ คนงานต้องทำ”
จอมกำมือแน่น ปิ่นอนงค์วิ่งไปจับวัวขวางไว้ “อย่านะคะ”
ใหญ่ร้องโวยวาย “น่ารำคาญจริงวะ”
ใหญ่เหลียวไปมา คว้าพร้าในกระบะ “เชือดเองก็ได้วะ หิวจะตายอยู่แล้ว”
ปิ่นอนงค์รีบเข้าไป จับมือใหญ่ แล้วจับด้ามพร้าดึงออกจากมือใหญ่ โยนทิ้ง
“อย่าค่ะ คุณใหญ่ อย่าฆ่าแม่มะลิเลย ปิ่นจะรีบไปทำกับข้าวให้คุณใหญ่เดี๋ยวนี้”
ใหญ่ทำครุ่นคิด แล้วเดินไปช้าๆ ปิ่นรีบตามประกบ
จอมกำหมัด กัดฟัน เตะของกระจุย “โธ่เว้ย ไอ้คนบ้าอำนาจ”
ปิ่นอนงค์จัดหมู จัดผักหลากหลายชนิดบนโต๊ะ ใหญ่นั่งแอบมองที่โต๊ะ
“จะให้ปิ่นทำกับข้าวอะไรดีคะ”
ใหญ่จ้องตาปิ่นนิ่งๆ พูดช้าๆ “ฉันอยากกิน ต้มบ๊วยหมูสับ”
ปิ่นอนงค์งง มองใหญ่สีหน้าครุ่นคิด “ทำไม.. ทำไมคุณใหญ่อยากกินต้มบ๊วยหมูสับล่ะคะ”
“มีคนคนคนนึงเคยทำให้ฉันกิน ฉันติดใจเลยอยากกินอีกสงสัยอะไร”
“ค่ะ ๆ คุณใหญ่ไปรอที่โต๊ะอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวปิ่นทำไปให้”
“ไม่เอา ฉันจะนั่งดูเธอทำทุกขั้นตอน เดี๋ยวเธอแอบใส่สลอดฉันก็แย่ล่ะสิ” ใหญ่หาข้ออ้าง
ปิ่นอนงค์เอาต้นหอมผักชีมาซอย แยกรากผักชี เอามีดตบๆ กับเขียง แยกใส่ถ้วย
ใหญ่ยิ้มน้อยๆ แอบมองอยู่ พร้อมๆ กับนึกถึงภาพจำแห่งความสุขเมื่อหลายปีก่อน
เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นใหญ่ไว้ผมสั้นใส่หมวกพรางหน้า สวมแจ็กเก็ตดำตัวใหญ่ ยืนอยู่ที่หน้าหลุมศพไพศาล ควันธูปที่จุดไหว้ลอยวน ใหญ่มองรูปพ่อที่หน้าซองเก็บศพอย่างคับแค้นใจ
“สำหรับพ่อ ผมคงเป็นลูกที่อกตัญญูมาก ผมอยากให้พ่อรู้ว่า ผมไม่เคยเกลียดพ่อ เพียงแต่ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมพ่อถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่ง มาทำลายทุกอย่างระหว่างเราจนหมดสิ้น ทำไมพ่อถึงรักเค้ามากกว่าแม่ มากกว่าผม ทำไม”
ยินเสียงของในตะกร้าปิ่นอนงค์ดังแว่วเข้ามา
ใหญ่สะดุ้ง รีบดับธูป มาแอบหลบอยู่หลังซองเก็บศพ
ปิ่นอนงค์สมัยวัยรุ่น ใส่ชุดนักศึกษาเสื้อขาว กระโปรงดำ เข้ามานั่ง ใหญ่ตะลึงไปเพราะเพิ่งเคยเห็นปิ่นอนงค์ที่โตเป็นสาวสวย...เป็นครั้งแรก
ปิ่นวางตะกร้า หยิบธูปมาจุดไหว้ เก็บถ้วยเซ่นไหว้ของเก่าเคาะออก
จากนั้นจึงวางซ้อนกันข้างตะกร้า หยิบถ้วยใหม่มาวาง 3 ใบ ปิ่นตักข้าวจากกล่องใส่ถ้วย ตักข้าวต้มบ๊วยหมูสับใส่อีกถ้วย ปิ่นอนงค์ยิ้มกับรูปไพศาล
“นี่เมนูใหม่ค่ะ แบ่งจากถวายพระมา ต้มบ๊วยหมูสับ ปิ่นเพิ่ง...” ใหญ่แอบมองปิ๊งรัก ยิ้มเคลิ้ม “หัดทำกับแม่ อร่อยมากเลยค่ะ ปิ่นอยากให้คุณท่านได้ชิมปิ่นตักไข่เจียวใส่อีกถ้วยเพราะคุณท่านมีบุญคุณ อุตส่าห์ให้ความเมตตาเลี้ยงดูแม่กับปิ่นมา..”
ใหญ่เอามือปัดกระถางแถวนั้นล้มโดยไม่ตั้งใจ
ปิ่นอนงค์สะดุ้ง พนมมือสั่น “คุ คุณท่าน ปิ่นขอโทษนะคะถ้าทำอะไรล่วงเกิน”
“ยัยปิ่น ปอดแหกเอ๊ย” ใหญ่ขำนั่งหัวเราะปิดปาก ปิ่นอนงค์ยิ่งกลัว ใหญ่แกล้งเอาหินเคาะสังกะสีให้มีเสียง
สัปเหร่อโผล่มา อีกมุม เห็นใหญ่ตะโกนมา
“เฮ้ย นั่นใคร มานั่งแอบอยู่ทำไมแถวนี้วะ”
ปิ่นลืมตาขึ้นมามอง สัปเหร่อถือไม้มาชี้ไล่ “ออกมาเลย”
ใหญ่จำต้องลุกมา แต่ก็ขยับหมวกให้ปิดๆหน้า ทำเป็นไอๆ
“ติดยาหรือเปล่า เอ็ง”
“ผม มาจากจังหวัดอื่น แต่ยังหางานทำไม่ได้ ไม่มีที่นอนเลยมาอาศัยนอนแถวนี้”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่นอน ไปเลย ไปที่อื่นไป”
“ครับๆ”
ใหญ่ทำเป็นเดินงอตัว ไอแคกๆ ไป ปิ่นอนงค์ตามเรียก
“คุณ ๆ”
ใหญ่ชะงัก นึกว่าปิ่นอนงค์จะจำตัวเองได้ ปิ่นเดินมาหยิบกล่องข้าวเป็นข้าวต้มบ๊วย กล้วย ส้ม และน้ำขวด จากตะกร้าส่งให้ใหญ่
“เก็บไว้กินนะ”
ใหญ่อึ้งๆ
“ถึงจะตกงานก็อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ไปลักขโมยใครนะคะ ชั้นเชื่อว่าถ้าคุณอดทน พยายาม ซักวันคุณต้องได้งาน”
ปิ่นอนงค์บอกแล้วรีบเดินไป ใหญ่มองของในมือ ประทับใจสุดๆ
ชามแกงควันฉุยบนโต๊ะ ปิ่นอนงค์ตักข้าวจากหม้อใส่จาน เหลียวหาใหญ่ที่ครัว ใหญ่ยิ้มร่าเริง ถือจานใส่ไข่เจียวเข้ามา กับจานช้อนส้อม วางจานบนโต๊ะ ตักข้าวใส่จานที่ถือมาวางหน้าปิ่น
ใหญ่ยิ้มร่านั่งถือช้อนส้อมรอ “นี่ๆ ต้มบ๊วยหมูสับ ต้องกินกับไข่เจียวถึงจะเข้ากัน มาๆ”
ปิ่นอนงค์ยืนงงๆ ใหญ่บอกแกมสั่ง “กินด้วยกัน”
“ปิ่นกินทีหลังดีกว่าค่ะ”
ใหญ่ดุ “ทีหน้าทีหลังอะไร นั่งเดี๋ยวนี้”
ปิ่นอนงค์นั่ง ใหญ่ตักไข่เจียวใส่จานให้ ตักแกงใส่ช้อนให้
“กินเดี๋ยวนี้เลย กินเยอะๆ ดูสิ ผอมจนเป็นไม้เสียบผีแล้วเธอยัยปิ่น หรือจะให้ป้อน”
ปิ่นอนงค์รีบยกช้อนกิน ท่าทีขัดเขิน ใหญ่กินอย่างเอร็ดอร่อย พยักพเยิดให้ปิ่นอนงค์กิน
ถวิลนั่งที่โต๊ะทำงานเล็กๆ แจกแจงงานให้ลูกน้องในไร่ ลูกไร่ 5-6 เข้าแถวฟังสงบ จังหวะต่อมาถวิลดูหน้าจดชื่อในสมุด เปี๊ยก หวาน ตรวจเตรียมเครื่องตัดหญ้าอยู่ใกล้ๆ
เปี๊ยกเหลือบดูถวิลตลอดเวลา พอคนงานแยกออกไป เปี๊ยกรีบเข้าไปหาถวิล ทำมือทำไม้ฟ้องถวิล ว่าเจิด-ก้านจะฆ่าใหญ่
หวานมองเปี๊ยก ส่ายหน้า ถวิลงง “อะไรของเอ็งไอ้เปี๊ยก ใครจะยิงนกในไร่เหรอ”
หวานเดินหงุดหงิดเข้ามาแปลให้ “มันบอกว่ามีคนจะยิงคุณใหญ่เมื่อวานนี้ ฉันยังงงๆ อยู่เลยใครจะกล้าทำ บ้าบอ”
เปี๊ยกยกมือไหว้ท่วมหัวสาบาน พลางเอานิ้วเชือดคอ พยักหน้ายืนยันว่าเรื่องจริง
จอมเดินเข้ามา หน้าตาบูดบึ้ง จอมนั่งบนโต๊ะอีกตัว มองถวิล
“พ่อ วันนี้ฉันไม่ทำงานนะ ขอลาวันนึง”
“เฮ้ย.. คนยิ่งไม่พออยู่ เอ็งจะลาไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ เบื่อ เบื่อหน้าคน ถ้าไม่ใช่เจ้านายนะ จะตะบันให้คว่ำเลย”
“ใคร เอ็งหมายถึงใคร”
คนงานมอง จอมโวยวายต่อ “ก็คุณใหญ่ของพ่อน่ะสิ โคตรเลวเลย แกล้งปิ่นอยู่ได้ ลูกผู้ชายอะไรวะ รังควานผู้หญิงทุกวี่ทุกวัน ไม่รู้ว่าปิ่นไปทำอะไรหนักหัวหนักกบาลมันนัก”
ถวิลโกรธจอม ชี้หน้าด่า “ระวังปาก ไอ้จอม”
ปานเทพเดินระรื่นเข้ามา ยิ้มเก้อให้ทุกคน“หวัดดีทุกคน นายหวินอยู่พอดี ผมขอตรวจสอบบัญชีค่าใช้จ่ายพวกยาสัตว์ พวกปุ๋ย แล้วก็รายชื่อ เวลาทำงานของพวกคนงานหน่อย”
จอมอารมณ์กรุ่นๆ พูดสวนออกไปเสียงขุ่น “จะตรวจไปทำไม”
เจิดกะก้าน โผล่มาชะงัก แอบดูท่าที
“อ้าว ก็ชั้นเป็นผู้ช่วยคุณใหญ่ก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบไม่ให้มีการรั่วไหล ไม่ให้มีการหลบงานอู้งาน”
ถวิลเปิดลิ้นชักง่วน “ได้ครับ ได้ เดี๋ยวผมเอาให้ดู”
จอมเข้าขวางระหว่างถวิลกับปานเทพ “พ่อผมตรวจสอบแล้วทุกอย่าง ถ้าไม่เชื่อใจกันก็ให้คุณใหญ่มาเอง”
“อ้าว.. พูดอย่างนี้ไม่ให้เกียรติกันนี่หว่า” ปานเทพชักฉุน
จอมใช้สองมือผลักอกปานเทพกระเด็น “แล้วมึงจะเอายังไง”
ปานเทพตั้งการ์ดฟุตเวิร์คไป ถอยไป ที่สุดสะดุด หงายเงิบ แล้วรีบลุก คว้าเก้าอี้
“อย่านะเว้ย เดี๋ยวจะหาว่า ปาน ป่าหวาย ไม่เตือน”
จอมโมโหใหญ่อยู่แล้ว เลยกะระบายกับปานเทพ ทะยานเข้าไปหา ปานเทพตกใจฟาดจอมก่อน แต่ถูกจอมจับกระชาก จนปานเทพหัวคะมำ จอมตามมาปานเทพต่อยมั่ว จอมหลบ แล้วต่อยปานเทพคว่ำไป จอมจะเข้าซ้ำ ถวิลเข้าจับ
“ไอ้จอม หยุดได้แล้ว หวาน เปี๊ยกช่วยหน่อยโว้ย”
สองคนช่วยกันดึงจอม ปานเทพชี้หน้า “ระวังจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกายนะโว้ย”
จอมฮึดฮัด “ข้าไม่กลัว”
เจิด กะก้าน ลุ้นเต็มที่ให้มีเรื่องกัน
“คุณปาน ขอโทษ คุณไปก่อนเถอะ ผมขอร้องล่ะ” ถวิลขอร้อง
ปานเทพหยุดขยับเสื้อไปมา “ดี จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวกัน”
ปานเทพเดินกุมหน้าออกไป จอมสลัดคนที่จับ
“ไอ้จอม ถ้าเอ็งยังไม่ฟังข้าก็ไม่ต้องมานับถือกันอีก”
ถูกพ่อด่า จอมฮึดฮัดเดินไป เจิดกะก้านแอบมอง
เวลานั้นธีระนั่งในรถ เหลือบมองไปยังครองสุขที่ตู้เอทีเอ็มเป็นระยะ
เสียงโทรศัพท์มือถือ ธีระรับสาย “ว่าไง ไอ้เจิด”
ธีระฟังแล้วค่อยๆ คลี่ยิ้ม “ดี ๆ เอ็งถือหางไอ้ปาน หาโอกาสยุแยงตะแคงรั่วให้พวกมันฆ่ากันตายไปเลยยิ่งดี”
ธีระยิ้มร้ายกดวางสาย ครองสุขเปิดประตูรถเข้ามานั่งหน้าบึ้ง
“มีปัญหาอะไรเหรอครับพี่”
“ไอ้เสี่ยตงมันไม่ได้โอนเงินเข้าบัญชี”
“อ้าว ก็ตกลงกันแล้วนี่ครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ ไอ้เสี่ยบ้าเอ๊ย ได้งาบของซิง ๆ เอ๊าะๆ แล้วยังไม่หน้ามาเบี้ยวกันอีก ทำอย่างนี้ฉันไม่ยอมหรอก”
ครองสุขเครียด ธีระมองนิ่ง
รถครองสุขเข้ามาจอดที่ตึกเสี่ยตง ครองสุข ธีระลงรถจะเดินเข้าบ้าน สมุนเข้าล็อกแขนครองสุข กับธีระไว้
ครองสุขโวยลั่น “ปล่อย ปล่อยนะไอ้พวกบ้า พวกแกจะทำอะไรฉัน”
“เฮ้ย.. พูดกันดีๆ สิ อะไรวะ ปล่อย ๆ”
สมุนไม่สนลากทั้งคู่ไป
ครองสุขกับธีระ นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว สมุน 4 คนยืนคุมเป็นแผง เสี่ยตงเข้ามาครองสุขลุกชี้หน้า
“เสี่ยจะทำเกินไปแล้ว ให้ลูกน้องมาฉุดกระชากลากถูฉันแบบนี้”
ธีระลุกบ้าง “สัจจะก็ไม่มี ได้ปิ่นแล้วทำไมไม่โอนเงินให้คุณนาย เบี้ยวกันนี่หว่า”
สมุนเข้ากดครองสุขกะธีระลงกับเก้าอี้
เสี่ยเข้ามานั่งยิ้มเยาะ
“ใครกันแน่ที่เบี้ยว ให้คนมาจี้ชิงเงินในบ่อนของฉันไป เอาปิ่นมาหลอกขายให้ฉัน พอจะได้เสียกันก็ส่งคนมาช่วยปิ่นแผนสูงนะ คุณนาย”
ครองสุขงง “เสี่ยพูดอะไร ใครมาขโมยเงิน ใครมาช่วยนั่งปิ่น”
“ก็ไอ้ใหญ่ ลูกเลี้ยงคุณนายไง”
ครองสุขตกใจ “อะไรนะ”
เสี่ยชักปืนออกมา “ไม่ต้องพูดมาก ถ้าฉันไม่ได้เงินคืน ไม่ได้ตัวปิ่นมาใช้หนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่”
ครองสุขตกใจ สบตาธีระ เครียดพอกัน
อ่านต่อตอนที่ 4