หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 2
รถของปราบจอดอยู่ที่หน้าบ้านนับดาว... ปกป้องนั่งรออยู่ในรถ ต่อจากรถของตำรวจ ปราบเป็นคนกดกริ่งประตูเอง นับดาวเดินออกมา
“นายปราบ”
“สวัสดีครับคุณนับดาว”
“ว่าไงคะ”
ปราบรอนับดาวเปิดประตูให้ แต่นับดาวไม่ทีทีท่าว่าจะทำอย่างนั้น
“ว่าไงคะ”
“นี่คุณไม่คิดจะเปิดประตูบ้านให้ผมหน่อยเหรอไง”
นับดาวมองเข้าไปในบ้านแว่บหนึ่งแอบเป็นห่วงอลิสา
“คุณจะขอเข้าส้วมเหรอ”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”
“งั้นไม่ต้องเข้ามาหรอก มีอะไรก็ว่ามา”
ปราบชักเคืองๆ แต่ยังข่มใจให้เย็น ปราบหยิบสมุดโน้ตออกมากับปากกาออกมา
“คืออย่างนี้ครับ คือว่าลูกสาวผม...”
“มีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะค่ะ ฉันกำลังยุ่งมาก”
ปราบอึ้งไป
“เอ้า ว่าไงล่ะคะ”
“ถ้าไม่เต็มใจรับแขกก็ไม่ต้องก็ได้ครับ ทำแบบนี้เสียความรู้สึกกันเปล่าๆ”
“เอ๊ะ ฉันขอให้คุณมาหรือไง ฉันออกมาหาก็ดีแค่ไหนแล้ว มีธุระอะไรก็ไม่พูด มาอ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้ ฉันมีธุระไม่ได้เหรอไง คุณเป็นเจ้าชายเชื้อพระวงศ์จากไหนไม่ทราบ จะได้ต้องมากราบกรานต้อนรับคุณน่ะ หา”
ปราบเก็บสมุดโน้ตเข้ากระเป๋า
“ไม่มีอะไรแล้วครับ คิดเสียว่าผมไม่ได้มาแล้วกัน”
“อะไรของคุณ...ตกลงไม่มีธุระอะไรใช่ไหม...”
ปราบไม่พูดอะไร เดินกลับไปขึ้นรถ นับดาวบ่นดังๆจงใจให้เข้าหูปราบ
“ประสาท”
ปราบหยุดกึก หันขวับมา ขณะที่นับดาวรีบเดินกลับเข้าบ้าน ปราบพูดเสียงดัง
“ทำเป็นหยิ่ง ยัยดาวไถ”
นับดาวได้ยินก็หยุด หันขวับมาด่าคืน
“ไอ้ขนมปังขึ้นรา”
ปราบขึ้นรถ ขับออกไป นับดาวโมโหมาก
“คนอะไร ทุเรศจริงๆ”
นับดาวกลับเข้ามาในบ้าน แล้วถามตำรวจทันที
“เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะคะ”
“เมื่อกี้คุณคุยกับใคร”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
ตำรวจไม่พอใจ
“แอบส่งซิกกันเหรอไง นึกว่าผมไม่รู้เหรอ”
นับดาวโมโห
“โอ๊ย...อย่ามากวนประสาทอีกคนได้มั้ย แต่ละคน...เมื่อกี้ถึงไหนแล้วคะ”
“ผมถามคุณว่าสร้อยนั่นอยู่ที่ไหน”
นับดาวกับอลิสามองหน้ากัน อึกอัก ตำรวจหยิบมือถือขึ้นมา
“ได้ ไม่ตอบใช่มั้ย...เดี๋ยวผมจะให้เพื่อนไปขอหมายค้นจากศาลมาก็ได้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันเล่าความจริงให้ฟังก็ได้”
“ดาว...” อลิสาปราม
“ไหนๆเรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว”
นับดาวถอนใจเบาๆ
“ก็ดีครับ สารภาพมาซะ โทษจะได้ลดลง”
“ไม่ได้สารภาพย่ะ บอกว่าจะเล่าความจริงให้ฟัง”
นับดาวหยุดข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้กรี๊ด
ปกป้องกับปราบนั้งคุยกันที่ห้องรับแขก หลังจากที่ปราบคุยกับน้อยหน้าแล้ว
“นายบอกน้อยหน่าว่าไงอ่ะ เรื่องไม่ได้ลายเซ็นยัยหมามุ่ยน่ะ”
“ก็บอกว่านับดาวเขายุ่งมาก ติดต่อไม่ได้ น้อยหน่าเขาก็ไม่ว่าอะไร งอนๆนิดหน่อย”
ขณะเดียวกัน น้อยหน่าเดินออกมาจากห้องพอดี ได้ยินแว่วๆ เลยเข้ามาแอบฟังหลังผนังกั้น
“อาว่าเราน่าจะบอกความจริงนะ”
“ก็เห็นน้อยหน่าปลื้มยัยนับดาวมาก ไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึกน่ะครับ”
ปกป้องหงุดหงิด
“แต่ยัยนับดาวเขาด่าแกซะขนาดนั้น อาว่านายควรจะเล่าให้น้อยหน่าฟังนะ”
“ให้เขาโตกว่านี้อีกหน่อยดีกว่าครับ ค่อยสอนให้เขารู้ถึงความหน้าไหว้หลังหลอกของคน”
น้อยหน่าเดินออกมา ปราบกับปกป้องตกใจ
“น้อยหน่า”
“หนูขอโทษค่ะ ที่ทำให้พ่อต้องโดนคนอื่นเขาดูถูก”
“ไม่เกี่ยวกับลูกหรอก คนอื่นเขานิสัยไม่ดีเอง”
“ก็เพราะหนูอยากได้ลายเซ็นเขานี่คะ”
“น้อยหน่าไม่ต้องคิดมากหรอกจ๊ะ ตาสนิทกับน้าของเขา เดี๋ยวตาจะขอลายเซ็นเขาให้ทีหลังก็ได้”
น้อยหน่าส่ายหน้า
“อย่าเลยค่ะ หนูไม่อยากได้ลายเซ็นต์ยัยนับดาวแล้วล่ะ ตอนนี้หนูเกลียดยัยนั่นแล้ว เกลียดที่สุด”น้อยหน่ากอดปราบ
“หนูขอโทษนะคะพ่อ”
“เรื่องเล็ก ไม่เป็นไรหรอก”
ปราบกอดน้อยหน่าไว้ด้วยความรัก...
เช้าวันใหม่...ปราบนอนหลับอยู่ในห้องของเขา มีเสียงเคาะประตูดังรัว
“ครับ รู้แล้ว”
ปกป้องตะโกนบอก
“น้องนกโทรมา”
ปราบดูนาฬิกา ตีสี่กว่า ปราบลุกไปเปิดประตู เจอปกป้อง
“เมื่อกี้น้องนกโทรมาแล้ว บอกให้รีบไป เค้ากลัวอวัยวะเพศจะฉีก ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน มันใหญ่เอาเรื่อง คามาตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว ป่านนี้คงทรมานแย่แล้ว”
ปราบถอนใจ
“กะอยู่แล้ว ยังเด็กอยู่เลย เผลอๆอาจจะตายก็ได้”
ปราบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วรีบไปหยิบยาและอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะขับรถไปที่คอกวัวบ้านนก
รถจอดเอี๊ยด ปราบกับปกป้องรีบลงจากรถ นกหญิงร่างอ้วน รีบเดินมาหา น้องนกยกมือไหว้
“สวัส...”
ปราบแทรก
“ยัยอ้วน ฉันบอกว่าไง ถ้ามีอาการให้รีบโทรบอกเลย แค่นี้ไม่เข้าใจเหรอไง มีหัวไว้แค่กั้นหูใช่มั้ย”
ปราบเดินแซงนกลิ่วๆไปทางฟาร์มหลังบ้าน ปกป้องกับนกตามไปติดๆ
“คือว่า...”
ปราบแทรก...
“ออกมาตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วทำไมมาโทรตอนตีสี่ ใจดำจริงๆ ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันเจ็บแค่ไหน ยัยโอ่ง”
“ก็ฉันเห็นมันดึก เกรงใจหมอ...”
“หุบปากไปเลย เคยบอกแล้วใช่มั้ยดึกแค่ไหนก็ให้โทร ยัยตุ่ม ถ้ามันตายขึ้นมาฉันจะแช่งให้เธอตายแบบมัน”
นกสะดุ้ง รีบเงียบเดินตามปราบไป ปราบเดินไปที่วัวที่น้องร้องเจ็บปวด แล้วเข้าไปช่วยทำคลอดลูกวัว ดึงลูกวัวออกมาจากแม่วัว โดยมีปกป้องคอยเป็นลูกมือช่วย
ปราบกับปกป้องนั่งหมดแรง หลังจากแม่วัวกับลูกวัวปลอดภัยดี นกยกถาดใส่กาแฟน้ำดื่มปาท่องโก๋มาให้
“ขอบพระคุณคุณหมอมากเลยนะคะ เฮ้อ ทั้งอำเภอก็มีสัตวแพทย์อยู่คนเดียว ถ้าไม่ได้คุณหมอคงแย่แน่ๆ”
“วัวเธอก็เกือบแย่...เฮ้อ ไม่เจอเคสหินๆแบบนี้มานานนะเนี่ย”
“กว่าจะเสร็จเกือบตายทั้งวัวทั้งหมอ” ปกป้องบ่น
“อย่าเพิ่งตายนะจ๊ะ เดี๋ยววัวควายแถวนี้จะเดือดร้อนไปตามๆกันเพราะไม่มีหมอรักษามัน”
“จ้ะ” ปกป้องยิ้มให้นก
ปราบนึกขึ้นได้
“พูดแล้วนึกได้ เดี๋ยวต้องไปดูควายที่บ้านพี่แหยมนี่นา เห็นบอกท้องผูกมาเป็นอาทิตย์แล้ว ไม่รู้กินอะไรเข้าไป”
ปราบลุกขึ้น ปกป้องรีบถาม
“เฮ้ย ไปเลยเหรอ ไม่พักก่อน”
“นั่นสิคะ พักเหนื่อยสักครู่เถอะ เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ บ้านตาแหยมไม่ได้หนีไปไหนหรอกค่ะ กินกาแฟให้หมดแก้วก่อนก็ยังดี”
ปราบรับกาแฟมาซดอั้กๆๆ แล้ววางแก้วลง
“ขอบใจนะ กาแฟอร่อยมาก แต่จำไว้อย่างนึงนะยัยกาละมัง ถ้ามีกรณีฉุกเฉินแบบนี้อีก ดึกแค่ไหนยังไงก็ให้โทรตามฉันทันที ถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดเดียวคงตายทั้งแม่ทั้งลูก เข้าใจไหม”
“ก็บอกแล้วว่ามันเกรงใจ”
“พูดยังไงก็ไม่เข้าใจ สงสัยต้องรอให้วัวตายก่อน”
ปราบเดินออกไปแบบหงุดหงิด ปกป้องซดกาแฟเสร็จ จะเดินตามปราบออกไป แต่นึกได้ หันกลับมาบอก
“นก อย่าไปโกรธหมอเขาเลยนะ เขาก็งี้แหละ”
“โกรธเกิดอะไรล่ะจ๊ะ เอาอะไรมาพูดเนี่ย เขารู้กันทั้งอำเภอว่าหมอปราบน่ะปากร้าย แต่ใจดียังกะพ่อพระ คนแบบนี้มีแต่คนรัก ดีกว่าไอ้พวกปากหวานแต่ถึงเวลาเราเดือดร้อนไม่ยอมช่วยอะไรสักนิด พี่ป้องไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องโกรธเกลียดหมอปราบเนี่ย ลืมไปได้เลย ชาตินี้ฉันไม่มีวันเกลียดเขาหรอก เดี๋ยวรอมะยงชิดออกก่อน จะเอาไปให้”
“ไอ้ที่พูดเมื่อกี้น่ะไม่มีอะไรหรอก จะตะล่อมมาเรื่องมะยงชิดเนี่ยแหละ”
“น่าเกลียด เอาไปให้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
ปราบตะโกนเข้ามา
“เสร็จรึยัง จะจีบยัยอ้วนนั่นเหรอไง ผมว่าเอาเวลาไปช่วยควายยังจะดีซะกว่า”
“เออๆ รู้แล้ว”
ปกป้องเดินออกไป น้องนกเดินหัวเราะตามปกป้อง มองปราบกับปกป้องขับรถออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากนับดาวให้ข้อมูล ตำรวจจึงไปคุยกับอาเฮียโรงรับจำนำ อาเฮียตกใจมากเมื่อรู้ว่ารับซื้อของโจร แต่ก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี ให้ข้อมูลทุกอย่างที่ตำรวจอยากรู้ กระทั่งจับตัวขโมยที่เอาสร้อยมาขายได้
กิมฮวยเจ้าของสร้อยมาที่โรงพัก เมื่อเห็นสร้อยเพชรก็ยืนยันกับตำรวจว่าเป็นของเธอ พอตำรวจเผลอ กิมฮวยก็หันไปตบขโมยฉาดใหญ่จนล้มคว่ำ จะตามไปกระทืบอีก ตร.รีบเข้ามาห้าม กิมฮวยชี้หน้าด่าลั่นด้วยความโมโห
หลังจากปิดคดีแล้ว ตำรวจมานั่งคุยกับนับดาวและอลิสาที่บ้าน
“จากการสอบปากคำเจ้าของโรงรับจำนำแล้วก็ตัวคนร้ายอย่างละเอียด ผมเชื่อว่าคุณนับดาวไม่มีส่วนรู้เห็นและเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้ครับ”
นับดาวยิ้ม ขณะที่อลิสาทำท่าโล่งอกโล่งใจเต็มๆ
“ขอบคุณคุณตำรวจมากนะคะ”
“แต่ว่า...”
“อะไรคะ”
“ที่คุณนับดาวให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผมเกี่ยวกับคดี โดยมีข้อแม้ขอให้ผมปิดเรื่องการไปเช่าสร้อยเพชรจากโรงจำนำเป็นความลับ ซึ่งผมก็เข้าใจและรับปากคุณนับดาวไปแล้ว แต่ว่า...”
“มีอะไรเหรอคะ” อลิสารีบถาม
“มีสื่อมวลชนคนหนึ่ง เขาจมูกไวมาก พยายามขอสัมภาษณ์ผมเรื่องนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี...”
นับดาวกับอลิสามองหน้ากัน หน้าเครียดทันที
“คุณจะเอาค่าปิดปากเท่าไหร่ ว่ามา”
“พูดอย่างนี้เดี๋ยวก็โดนข้อหาพยายามติดสินบนเจ้าพนักงานหรอกครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นครับ”
“งั้นคุณต้องการอะไรกันแน่”
ตำรวจมองนับดาวด้วยดวงตาแวววาว นับดาวต้องขยับถอยห่าง รวบคอเสื้อให้มิดชิด ตำรวจยิ้มกระหยิ่ม
“คุณก็เป็นคนสวย มีชื่อเสียง หึๆ...อยากขออะไรบางอย่างจากคุณ”
“พูดมาให้ชัดนะ จะเอายังไง” อลิสาถาม
“คงต้องขอให้เปลืองเนื้อเปลืองตัวบ้าง ไม่นานหรอกครับ ไม่กี่ชั่วโมงเอง รับประกันว่าไม่เหนื่อย แถมอาจจะมีความสุขด้วย”
ตำรวจยิ้มกริ่ม นับดาวกับอลิสาหน้าซีด
ภายในห้องทึบๆ แห่งนั้น นับดาวนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กๆ มีอลิสาอยู่ข้างหลัง
“จะไหวเหรอดาว...น้าว่าอย่าทำอย่างนี้เลย”
“เราไม่มีทางเลือกแล้วค่ะ ช่างมันเถอะค่ะ เปลืองเนื้อเปลืองตัวนิดหน่อยเอง”
“แต่...”
อลิสาพูดไม่ออก ดึงนับดาวมากอดปลอบประโลม
“เฮ้อ...ถ้าทำแทนได้ น้าอยากทำแทนดาวจริงๆ”
“ขอบคุณน้าอะซ่ามากค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เรื่องขี้ประติ๋วค่ะ ศึกหนักกว่านี้ดาวก็เคยผ่านมาแล้ว อันนี้จิ๊บๆ บ่ยั่นค่ะ”
มีเสียงเคาะประตู ตำรวจเดินเข้ามา โดยเปลือยกายท่อนบน ใส่แต่กางเกงขาสั้น
“คุณนับดาวพร้อมแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ฉันพร้อมแล้ว”
ตำรวจยักคิ้วให้ อลิสาซบหน้ากับฝ่ามือร้องไห้สงสารหลานสาว
หน้าสถานีตำรวจ...มีการจัดงานวันเด็ก ตั้งเวทีสีสันสดใส เด็กๆมามุงรอเฮกันหน้าเวที ตำรวจคนเดิม เดินขึ้นเวที ที่พุงกลมเปลือยของเขามีเพ้นต์เป็นรูปหน้าแป๊ะยิ้ม แค่เดินขึ้นมาเด็กๆก็ฮาลั่นแล้ว...
“เอาล่ะครับ...เฮ้ย ขำพอแล้ว ขำอะไรกันนักกันหนา...เอาล่ะครับ ต่อไปนี้ ตามที่พ้มได้เคย สัญญากับพวกท่านว่าเวทีปีนี้จะมีแขกรับเชิญขวัญใจทุกๆคน...ใครนะ จำได้ป่าววว”
เด็กๆร้องบอก
“นับดาว ว้าวแซ่บ”
“อยากเจอพี่เค้ามั้ย...ไหน ใครอยากเจอขอเสียงหน่อย”
เด็กๆปรบมือ
“...อะไร แค่นี้เอง พี่เขาไม่มาหรอก เอ้า ขออีกที เอาดังๆเลยนะ พี่นับดาวเขารอฟังอยู่”
เด็กๆตบมือกันเต็มที่ ระหว่างนั้น นับดาวออกมารออยู่ข้างๆเวที เตรียมขึ้นเวที อลิสายังร้องไห้อยู่
“โธ่เอ๋ย ดาวเอ๊ย ... แทนที่จะได้ไปขึ้นเวทีห้างใหญ่ๆหรูๆได้ซองหนาๆ ต้องมาต๊อกต๋อยอยู่ที่นี่...เฮ้อ งานชาวบ้านแท้ๆเลย”
“บอกแล้วไงคะว่าช่างมันเถอะ...เลิกร้องได้แล้วค่ะน้าอ่ะซ่า ดาวจะขึ้นเวทีแล้ว”
“รีบขึ้นแล้วก็รีบๆลงมาเลย เดี๋ยวเกิดมีสื่อมวลชนมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี มันเสียลุคไฮโซมากเลยรู้มั้ย”
นับดาวพยักหน้ารับทราบ ระหว่างนั้นนายตำรวจผู้ใหญ่ระดับผู้กำกับคนหนึ่งเดินมาหานับดาว ตำรวจบนเวทีหันมาเจอ ก็หน้าเสีย
“คุณนับดาวใช่ไหมครับ” ผู้กำกับถามนับดาว
“เอ่อค่ะ”
“ผมเป็นผู้กำกับที่นี่ครับ ผมทราบเรื่องทั้งหมด ต้องขอโทษคุณนับดาวจริงๆ คุณนับดาวไม่จำเป็นต้องขึ้นเวทีหรอกนะครับ”
ตำรวจรีบลงมาจากเวที
“ผู้กำกับครับ คือว่า...”
“คุณทำอย่างงี้ได้ไง ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดแบบนี้ หา”
“ขอโทษครับ คือว่า...”
“เอาเป็นว่าคุณนับดาวไม่ต้องขึ้นเวทีหรอกนะครับ”
อลิสารีบบอก
“ขอบพระคุณท่านมากเลยค่ะ”
อลิสารีบรุนหลังนับดาว
“รีบไปเหอะ ยังไปรับงานที่ห้างทันนะ ไปตอนนี้น่าจะได้ซัก 2 - 3 งาน”
นับดาวกำลังจะไป เสียงเด็กๆก็พร้อมใจกันตะโกนชื่อนับดาว
“นับดาวว้าวแซ่บ...นับดาวว้าวแซ่บ...นับดาวว้าวแซ่บ...”
นับดาวชะงัก ผู้กำกับหันมาบอก
“คุณนับดาวไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวผมจัดการให้”
ผู้กำกับรีบผลักตำรวจให้ขึ้นเวที
“คุณขึ้นเวทีไป ปลอมตัวเป็นนับดาวก็ได้ ให้เด็กๆนึกว่าเป็นมุข”
ตำรวจถอนใจ ขึ้นไปบนเวที ทำเสียงแหลม
“หวัดดีค่ะ พี่นับดาวเองค่ะ...”
เด็กๆโห่ลั่น บางคนร้องไห้
“นับดาวๆๆ”
อลิสาเตือน
“รีบไปกันเถอะดาว”
เด็กๆพากันตะโกนสุดเสียง นับดาวมองเด็กๆก่อนที่จะถูกอลิสารุนหลัง ผู้กำกับก็ผายมือเชิญ นับดาวหันกลับมามอง เห็นเด็กๆโวยวายบ้างร้องไห้ นับดาวตัดสินใจ เดินขึ้นเวทีไปทันที อลิสากับผู้กำกับมองตามไปงงๆ พอเด็กๆเห็นนับดาวก็ร้องกรี๊ด นับดาวโบกมือให้เด็กๆ
“สวัสดีค่ะ” นับดาวทำท่าประจำตัว “นับดาว ว้าวแซ่บค่ะ”
เด็กๆเฮลั่น
“ขอโทษทีนะ ที่พี่ขึ้นมาช้า เมื่อกี้พี่นับดาวมัวแต่เตรียมท่องเนื้อเพลงอยู่ รู้ว่าจะมาร้องเพลงที่นี่ พี่นับดาวตื่นเต้นมากเลยรู้เปล่า...แต่เอ๊...ไม่รู้น้องๆที่นี่อยากฟังพี่ร้องเพลงมั้ยน้อ...”
“อยากๆๆๆๆ”
“ชื่นใจจัง...งั้นก็...”
นับดาวหันมาส่งซิกให้ ตำรวจรีบวิ่งไปกดเพลย์ แบ็คกิ้งแทร็กดัง
“ขอหางเครื่อง 10 คน...ใครขึ้นมาพี่นับดาวจะให้ของขวัญพิเศษด้วย”
เด็กๆรีบวิ่งขึ้นเวทีมาเป็นหางเครื่องเกินสิบคน จนกลายเป็นไม่มีคนดู เด็กๆอยู่บนเวทีกันหมด นับดาวหัวเราะ นับดาวร้องเพลง ท่ามกลางเด็กๆเป็นหางเครื่อง ตำรวจเดิมลงมายืนข้างเวทีกับผู้กำกับ และอลิสา
“โอ้โห สุดยอดเลยครับ”
ผู้กำกับหันมองลิสา
“คุณอลิสาเป็นอะไรครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย”
“เรียนตามตรงนะคะ กลัวสื่อมาเก็บภาพน่ะค่ะ ถ้ายังไงท่านช่วยให้ลูกน้องไปกันสื่อหน่อยได้มั้ยคะ”
“ไม่มีปัญหาครับ...เอ่อ...สงสัยจะไม่ทันแล้วครับ”
อลิสามองตามผู้กำกับไป ก็ตกใจ ที่หน้างาน ฟู่เดินนำสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่ตรงมาที่เวที อลิสาตกใจ หน้าถอดสี
“ไอ้ฟู่...ทำไมทำแบบนี้...คุณตำรวจ ช่วยไปสกัดเขาที”
“ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ผู้กำกับรีบบอก
นับดาวกำลังร้องเพลงกับเด็กๆบนเวที เห็นกองทัพสื่อก็หน้าเสีย หันไปหาอลิสาที่ส่งสัญญาณให้ลงจากเวทีทันที พยายามป้องปากบอก
“ลงมาเร็วๆเข้า ลงมาเดี๋ยวนี้เลย”
นับดาวดูเด็กๆที่กำลังสนุกกันเต็มที่ ทำท่าทางบอกอลิสาว่าลงไปไม่ได้ เพราะเกรงใจเด็กๆ ขณะเดียวกัน ฟู่ก็พาพวกสื่อมาถึงหน้าเวที
“โอ้โห เห็นมั้ยครับ นับดาว ว้าวแซ่บ ปีนี้ไม่มีงานที่ห้างยักษ์ ต้องมารับงานที่นี่ โฮ๊ะๆๆ ถ่ายรูปกันให้เต็มที่เลยครับพี่น้อง”
พวกสื่อยกกล้องขึ้นมา ผู้กำกับเดินมาบอก
“ห้ามถ่ายรูปครับ”
“คุณเป็นใคร” ฟู่หันมาถาม
“เป็นผู้กำกับ ส.น.ที่นี่ครับ งานนี้ห้ามสื่อถ่ายรูปครับ”
“อย่าว่าแต่ผู้กำกับเลย ผ.บ.ต.ร.มาเองก็ไม่มีสิทธิห้ามพวกเรา...ถ่ายโว้ย”
“ลื้อลองเดะ”
ฟู่ยกกล้องมือถือถ่ายหน้าผู้กำกับที่ยืนนิ่ง อลิสาวิ่งมา โมโหมาก
“ทำไมยอมให้เขาถ่ายคะ”
“ผมก็บลั๊ฟไปงั้นแหละ โธ่ ผมไม่มีอำนาจอะไรไปห้ามเขานี่ครับ เขาไม่ได้ทำผิดกฎอะไรซักข้อ”
พวกสื่อมวลชนถ่ายรูปนับดาวกันรัวยิบ อลิสาจ๋อย นับดาวยังฝืนยิ้มเล่นกับเด็กๆ จนจบเพลง
“เก่งมากค่ะทุกคน”
“ของรางวัลล่ะคะ” เด็กๆร้องบอก
“อ้ะ ของรางวัลเหรอ...พี่จะจุ๊บทุกคนที่ช่วยพี่เต้นเลย ดีมั้ย”
เด็กๆเฮลั่น นับดาวคุกเข่าลงจุ๊บแก้มเด็ก เด็กๆรุมล้อมนับดาวกันยั้วเยี้ย สื่อกระหน่ำถ่ายรูป
“โอ๊ย...แต่ละคน มีแต่เด็กมอซอมอมแมมทั้งนั้น...ยัยดาวเอ๊ย” อลิสาบ่น
ฟู่เดินเข้ามาหาอลิสา
“ทำไมทำหน้าอย่างงั้นล่ะครับ พี่อะซ่า”
อลิสาตาโต รีบลากฟู่ห่างออกมา
“ไอ้ฟู่ แกทำอะไรของแก แกเป็นเอเย่นต์ของนับดาวนะ แล้วแกพาสื่อมาทำลายเขาทำไม หรือว่าแกย้ายไปอยู่ฝั่งยัยเอมี่แล้ว หา”
“พี่อะซ่าพูดเรื่องอะไร ฟู่ไม่รู้เรื่อง”
“ฉันโทรหาแกให้แกหางานให้นับดาว อุตส่าห์บอกแกว่าเขาอยู่ที่นี่ แกก็ดันทรยศฉัน”
“วุ้ย เข้าใจผิดใหญ่แล้วพี่อะซ่า”
ฟู่รีบอธิบายทันที
บนเวทีมีกิจกรรมดำเนินต่อไป ขณะที่นับดาวเดินออกมาจากหลังเวที อลิสารออยู่แล้ว
“เป็นไงบ้างดาว”
“เฮ้อ เหนื่อย แต่ก็สนุกมากเลยค่ะ...แล้วพี่ฟู่ล่ะคะ”
“กลับไปแล้ว ต้องรีบไปคุมอีเว้นต์ที่อื่นต่อ วันเด็กแบบนี้ไม่มีใครอยู่สุขหรอก วิ่งรอกขาขวิดกันทุกคนนั่นแหละ”
“พี่ฟู่เป็นคนพานักข่าวมาเหรอคะ”
“ใช่”
นับดาวเงียบไป
“โดนถ่ายไปเต็มๆแบบนั้น ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะ อะไรจะเกิดก็เกิด”
“ก็บอกให้หนีลงมาก็ไม่หนี”
“ทำไม่ได้หรอกค่ะ เห็นเด็กๆเค้ากำลังสนุกกันอยู่นี่คะน้า”
“แต่ที่ฟู่เค้าทำ เค้าก็ไม่ได้หวังร้ายอะไรดาวหรอกนะ เค้าบอกให้เรามองมุมกลับ”
“หมายความว่าไงคะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ดาวก็รู้”
อสิสายิ้มอย่างมีเลศนัย
อ่านต่อหน้า 2
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอน 2 (ต่อ)
เอมี่อยู่ที่บ้านหลังใหญ่โตหรูหรา เพราะครอบครัวทีฐานะร่ำรวย เป็นไฮโซตัวจริง เธอเดินนวยนาดลงมา แม่บ้าน 2-3 คนช่วยทำความสะอาดกันอยู่ จึงถาม
“คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่เหรอ”
“ออกไปตีกอล์ฟกันตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” แม่บ้านรายงาน
เอมี่พยักหน้ารับทราบ เดินมานั่งที่โต๊ะ มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับวางเตรียมไว้แล้วพร้อมกรรไกร เอมี่หยิบกรรไกรขึ้นมา
“เมื่อวานวันเด็ก...น่าจะมีรูปเซเล็บเอมี่แสนหวานซัก 4-5 รูปละมั้ง...”
เอมี่เจอข่าวแรก เป็นรูปเธอกำลังออกงานที่ห้างแห่งหนึ่ง เอมี่ยิ้มพอใจ
“เอมี่ไปร่วมงานวันเด็กที่ห้างเดอะคลับ เวลาสิบสามนาฬิกา...อะไรกัน เขียนบรรยายแค่เนี้ย ...บ้า”
เอมี่ใช้กรรไกรตัดรูปเธอออกมาวางไว้ข้างๆตัว แล้วเห็นว่าในหน้าเดียวกันมีรูปใหญ่กว่าเป็นรูปนับดาวที่งานวันเด็กที่สถานีตำรวจ
“ต๊าย ยัยนับดาว ไปร่วมงานเทกระจาดเหรอไงยะแก ดูโลว์ชะมัด ฮะๆๆ”
เอมี่กวาดสายตาอ่านคำบรรยาย
“ขณะที่ดาราและคนดังทั้งหลายไปร่วมงานวันเด็กที่ใหญ่โตหรูหรา แต่นับดาวกลับเลือกมาให้ความสุขกับเด็กๆชาวบ้านที่ขาดโอกาส งานนี้ต้องเรียกว่าคุณนับดาวเป็นนางฟ้าบินลงมาหาเด็กๆอย่างแท้จริง น่าชื่นชมจริงๆ”
เอมี่กระพริบตาปริบๆ
“เขียนบ้าอะไรเนี่ย น้ำเน่าชะมัด วุ้ย สงสัยนักข่าวฝึกหัดล่ะสิ”
เอมี่หยิบเล่มอื่นๆมาเปิดดู เล่มนี้มีแต่ข่าวนับดาว
“เด็กๆชุมชนแออัดที่มาร่วมงานที่สถานีตรวจเฮลั่นเมื่อเจอตัวนับดาวว้าวแซ่บ เซเล็บ สาวขวัญใจของพวกเขามาร่วมงานด้วย แถมแจกจุ๊บให้ครบทุกคน ทำเอาพี่ตำรวจที่จัดงานอิจฉาไปตามๆกัน...อะไรเนี่ย ข่าวฉันก็ไม่ลงให้”
เอมี่เขวี้ยงหนังสือพิมพ์ทิ้ง หยิบมาอีกเล่ม เปิดดู แล้วยิ่งหงุดหงิด
“กี่เล่มๆก็มีแต่ข่าวยัยนับดาว ยัยตัวแสบ”
นับดาวกับอลิสาดี๊ด๊า อ่านข่าวด้วยความชื่นมื่น
“นี่ๆๆ ดูฉบับนี้สิ...ไฮโซตัวจริงหรือไม่ ต้องดูที่น้ำใจ อย่างคุณนับดาวนี่ไง งานวันเด็กใหญ่ๆเธอไม่ไป กลับมาเซอร์ไพร้ซ์เด็กๆที่ชุมชนแออัด นี่สิเซเล็บของมหาชนตัวจริง คนอื่นๆเน้นหรูยิ่งพยายามไฮกลับยิ่งโลวนะจ๊ะขอบอก” อลิสาอ่านข่าวอย่างตื่นเต้น
นับดาวหัวเราะลั่นบ้าน
“อยากเห็นหน้ายัยเอมี่ตอนเช็กข่าวเช้านี้จัง ฮะๆๆ”
นับดาวกับอลิสาช่วยกันตัดข่าวเก็บเข้าอัลบั้มไป
“งานนี้ต้องขอบคุณพี่ฟู่นะเนี่ย อ่านเกมส์ขาดขนาดนี้”
มือถืออลิสาดัง อลิสาดัง
“สวัสดีค่ะ...ใช่ค่ะ...ค่ะ...เหรอคะ แล้วเมื่อไหร่คะ...ค่ะ”
อลิสาวางสายลง หน้าตาไม่สู้ดี
“มีอะไรเหรอคะ”
“บริษัทหนังโทรมา บอกพรุ่งนี้ที่นัดจ่ายเช็คน่ะ ขอเลื่อนไปอาทิตย์หน้า”
“อ้าว...” นับดาวอึ้ง
“เลื่อนออกไปอย่างนี้เราจะเอาเงินที่ไหนมาหมุนทันล่ะ เฮ้อ”
“อย่าเพิ่งตื่นเต้นไปเลยค่ะน้าอ่ะซ่า เดี๋ยวมันก็มีทางออกใจเย็นๆนะคะ”
นับดาวยังคงยิ้มปลื้มกับข่าวตัวเองใน นสพ.ต่างๆ ขณะที่อลิสามีสีหน้าไม่สบายใจ
ณ รีสอร์ตตะวันวาด ซึ่งอยู่ติดกับไร่ของปราบ...สาวสวยวัยรุ่นนางหนึ่ง ยืนยิ้มชูสองนิ้วโดยมีแบ๊คกราวด์เป็นรีสอร์ตสวยงาม ตะวันวาดถือกล้องเล็งอยู่
“ยิ้มนะครับ..1..2..ซั่ม”
ตะวันวาดกดชัตเตอร์ แล้วส่งกล้องให้ หญิงสาวดูรูปแล้วยิ้มแป้น
“ขอบคุณค่ะ ถ่ายรูปเก่งจังเลยค่ะ เรียนถ่ายรูปมารึเปล่าคะเนี่ย”
“เปล่าหรอกครับ”
“อย่างงี้แปลว่ามีพรสวรรค์สินะคะ”
ตะวันวาดยิ้มกว้าง แต่จู่ๆหญิงสาวกลับหน้าเจื่อน มองเลยไหล่ตะวันวาดไป หญิงสาวฝืนยิ้มแหยๆแล้วรีบเดินออกไป ตะวันวาดเอะใจ หันขวับมา แล้วก็สะดุ้งเฮือก เจอน้อยหน่า ซึ่งเป็นเพื่อนที่โรงเรียนเดียวกัน และคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างหลังเขา
“เฮ้ย ตกใจนะ...ทำอะไรเนี่ย”
“ใครอ่ะ????”
“ลูกค้าของรีสอร์ตน่ะสิ”
น้อยหน่ามองไม่พอใจ
“แล้วเขามาคนเดียวเหรอไง ทำไมต้องให้นายถ่ายรูปให้ด้วย”
“เขาก็มากับครอบครับเขาสิ แต่ออกมาเดินเล่นคนเดียวเลยมาเจอฉัน...ว่าแต่เธอเลิกโผล่มาแบบนี้ได้มั้ย ตกใจหมด”
“มีธุระจะให้ช่วยน่ะ ... แต่ถ้าไม่ว่าง อยากตามไปถ่ายรูปให้ยัยนั่นก็ไม่เป็นไรนะ”
“ได้ไง ยังไงต้องช่วยน้อยหน่าก่อนอยู่แล้ว...แต่ก็ดีใจนะ ที่น้อยหน่างอนเนี่ย”
น้อยหน่าชกท้องตะวันวาดตูม
“เดี๋ยวเถอะ ใครงอน พูดดีๆนะ...จะช่วยก็ตามมา”
น้อยหน่าเดินจากไป ตะวันวาดรีบตามไป น้อยหน่าเดินมาที่ริมกำแพงของรีสอร์ตซึ่งรกๆ มีไม้กระดานวางพิงกำแพงอยู่ เธอยกไม้กระดานออก เห็นรูที่ฐานกำแพง น้อยหน่ามุดลอดไป ตะวันวาดมุดตามไป ไปโผล่ที่ไร่ของปราบ
น้อยหน่าพาตะวันวาด มาใช้อินเตอร์เน็ตที่คอมพ์ที่ตั้งอยู่กลางบ้าน
“ฉันจะโพสต์ด่ายัยนับดาว แต่กลัวเขาตามรอยได้น่ะ นายทำยังไงก็ได้ให้เขาเช็คไอพีไม่ได้ให้หน่อยสิ”
ตะวันวาดอุ้ง
“อ้าวก็ไหนว่าชอบพี่นับดาวไม่ใช่เหรอ แล้วจะโพสต์ด่าเขาทำไม”
“ก็เขาดูถูกพ่อฉัน เป็นนายนายไม่โกรธเหรอ”
“โกรธดิ มาเดี๋ยวจัดให้”
ระหว่างที่ตะวันวาดจัดการเปลี่ยนค่าในคอมพิวเตอร์ น้อยหน่าก็คอยมองซ้ายมองขวาจนตะวันวาดรำคาญ
“นี่ นั่งเฉยๆได้มั้ย เวียนหัว”
“ต้องคอยดูพ่อไว้ด้วย เดี๋ยวเขามาเห็น ฉันโดนดุแน่ๆ”
“ก็ดันตั้งคอมพ์ไว้ซะกลางบ้านแบบนี้”
“พ่อบอกถ้าไม่ตั้งตรงนี้ก็ไม่ให้ใช้ พ่อกลัวฉันไปเข้าเว็บสกปรกๆน่ะ”
“อ้ะ เสร็จแล้ว เชิญโพสต์ด่าตามสบาย”
น้อยหน่าถลกแขนเสื้อ เข้ามานั่งแทนตะวันวาด พิมพ์ด่าอย่างเอาจริงเอาจัง
“เสร็จละ ส่งได้เลยป่ะ”
“เดี๋ยวก่อน ขออีกขั้นเพื่อความปลอดภัย...” ตะวันวาดลองอ่านดู “โอ้โฮ ด่าแรงไปแล้ว”
“ไม่หรอก ยัยนั่นมันสมควรโดนหนักๆแบบนี้แหละ”
“แรงไปหรือเปล่า..ด่าขนาดนี้เขาเอาไปแจ้งความได้เลยนะ แล้วถ้าเป็นตำรวจตามรอยได้ล่ะก็ซ่อนยังไงก็ไม่อยู่”
“อ้ะ แก้ให้ก็ได้ นิดเดียวนะ”
น้อยหน่ากำลังจะแก้ แต่ยังไม่ทันทำอะไร ปราบเดินเข้ามา
“อ้าว ตะวันวาด”
น้อยหน่ากับตะวันวาดสะดุ้งเฮือก
“สวัสดีครับ คุณอา”
“ไง มาทำอะไรล่ะ”
“เอ่อ...มาขอยืมใช้คอมพ์น่ะครับ พอดีที่บ้านเสีย”
“ขออาใช้แป๊บนึงนะ”
“เดี๋ยวค่ะ ยังไม่เสร็จเลยค่ะ”
ปราบไม่สนใจ เข้ามานั่ง
“แป๊ปเดียวพ่อต้องรีบสั่งยา ไม่ได้คุยเล่นกับเพื่อนเหมือนเธอ”
ปราบรีบคลิกนู่นคลิกนี่ไม่ได้ดูรายละเอียด แล้วรีบสั่งยาของเขา ตะวันวาดกับน้อยหน่าพยายามยื่นหน้าไปดู ปราบหันมามองแว่บหนึ่ง ตะวันวาดกับน้อยหน่ารีบไก๋ ทำเป็นมองอย่างอื่น ปราบสั่งซื้อยาเสร็จก็ลุกขึ้นมา ผลักน้อยหน่าไปที่คอมพ์
“เสร็จแล้ว เชิญ”
น้อยหน่าฝืนยิ้ม ปราบเดินออกไป ตะวันวาดรีบเข้ามาดู แล้วก็หน้าซีด...
“พ่อเธอคลิกส่งไปแหล่ววววว”
“เอากลับมาได้มั้ย”
“ไม่ได้”
น้อยหน่าหน้าซีด
“ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมาจริงๆ นับดาวก็คงไม่ว่าอะไรเธอหรอก เธอเป็นเด็ก ทะเลาะกับเด็กมันจะเสียภาพพจน์เค้า”
“ฉันกลัวยัยนั่นที่ไหนเล่า...ฉันกลัวพ่อฉันต่างหาก ถ้าเป็นเรื่องขึ้นมางานนี้ฉันตายแน่ๆ”
“งั้นยิ่งไม่ต้องกลัว เพราะความจริง คนที่คลิกส่งคือพ่อเธอ อันนี้ฉันเป็นพยานให้เธอได้”
“เออใช่ ...จริงด้วย...ฮิๆ”
น้อยหน่ายิ้มทะเล้นมองตามปราบไปนอกบ้าน
นับดาวกับอลิสากินข้าวเย็นกันที่บ้าน มีกับข้าวง่ายๆ กินไปเปิดทีวีดูไปด้วย เป็นรายการบันเทิง โจโจ้เป็นพิธีกร
“เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของรายการ เม้าท์เผาขน แล้วนะคะ ขออำลาด้วยสิ่งดีๆแล้วกันนะคะ สวัสดีค่าาาา”
รายการตัดเข้าภาพเอมี่ทำบุญเลี้ยงเด็กกำพร้า นับดาวกับอลิสากินข้าวอยู่ ถึงกับหยุดกิน ตั้งใจดู
“ทีมงานเราไปทำบุญบ้านเด็กกำพร้า โจโจ้ก็จ๊ะเอ๋กับเซเล็บชื่อดังที่มาทำบุญพอดี ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณเอมี่แสนหวานนั่นเองค่ะ”
ภาพตัดมาเป็นเอมี่ให้สัมภาษณ์
“อ๋อ ค่ะ...ปกติเอมี่ก็มาทำบุญกับเด็กๆผู้ยากไร้เป็นประจำอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่เคยบอกใครหรอกค่ะ เราทำบุญเราก็มีความสุข ไม่จำเป็นต้องตามสื่อมาทำข่าวหรอกค่ะ เหมือนทำบุญเอาหน้า เอมี่ไม่ชอบค่ะ...ไม่ได้กัดใครนะคะ พูดจากใจเอมี่เลยค่ะ”
รายการจบลง อลิสาโกรธจนตัวสั่น รีบกลืนข้าวลงคอแทบไม่ทัน
“ยัยสะตอเบอแหลเอ๊ย”
อลิสาคว้ากระปุกพริกไทยจะเขวี้ยงจอ นับดาวต้องรีบตะครุบไว้
“ใจเย็นค่ะน้า เดี๋ยวไม่มีทีวีดู เครื่องนี้ยังผ่อนไม่หมดเลยนะคะ”
“ดูมัน คงเสียฟอร์มจากข่าววันเด็กน่ะสิ เลยวางแผนหน้าด้านๆแบบนี้ โธ่เอ๊ย รู้ทันหรอกย่ะ แกล้งไปทำบุญแล้วจ้างอีโจโจ้ไปทำข่าว ไม่มีใครเขาหลงกลแกหรอก”
“แต่คนดูเขาไม่รู้หรอกค่ะ เขาก็คงเชื่อแหละ”
“ถ้ามันอยากสร้างภาพก็สร้างไปสิ เรื่องอะไรต้องมาแขวะเราด้วย”
“เขาอาจจะแค้นเราก็ได้นะคะน้าอ่ะซ่า ... งานนี้ต้องเคลียร์ แต่เก็บไว้ในใจก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งลงกับทีวีเลยนะน้า”
อลิสาร้องฮึ วางกระปุกพริกไทยลงตามเดิม
“มันน่านัก”
นับดาวกินข้าวต่อไป เหมือนไม่มีอะไร
ที่ร้านรองเท้าแบรนด์หรู นับดาวเดินดูรองเท้าไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเอมี่ก็เข้ามาดูรองเท้า แต่มีดิสเพลย์บังสายตาทั้งสองคนอยู่จนมองไม่เห็นกัน ทั้งคู่เดินมาจากคนละฟาก ใจตรงกัน เล็งไปที่รองเท้ารุ่นล่าสุดคู่หนึ่ง เดินมาหยิบพร้อมๆกัน
“ขอโทษนะคะ”
นับดาวชะงักเมื่อพบว่าเป็นเอมี่ที่กำลังจะดึงรองเท้าไปแต่นับดาวไม่ปล่อย สองสาวมองหน้ากัน
“อุ๊ย ดาวนี่นา นึกว่าใครที่ไหน”
“สวัสดีจ้ะเอมี่”
ทั้งสองเริ่มดึงแย่งรองเท้ากัน แต่ปากยังปราศรัยน้ำใจเชือดคอสุดฤทธิ์
“ดาวมางานเปิดตัวหนังใช่ไหมจ๊ะ”
“จ้ะ แต่ยังไม่อยากเข้างานน่ะ เลยเดินเล่นก่อน”
“ใช่ เข้างานเร็วไปก็น่าเบื่อเหมือนกันเนาะ”
สองสาวยิ้มให้กัน เริ่มดึงรองเท้าแรงขึ้น
“ดาวบอกเดินดูอะไรเล่นๆไม่ใช่มั้ยจ๊ะ”
“จ้ะ เดินดูไปงั้นแหละ แต่พอเห็นคู่นี้แล้วชอบ”
“บังเอิญใจตรงกันเลยนะ แต่ว่าดาวจ๊ะ รองเท้าคู่นี้เนี่ย ฉันหยิบก่อนนะ”
“เอมี่แสนหวานขา ต้องขอบอกตามตรงนะว่าดาวหยิบก่อนเธอจ้ะ”
เอมี่กับนับดาวจ้องตากัน ต่างคนต่างไม่ปล่อยมือจากรองเท้า
“นับดาวที่รัก เราสองคนคงไม่ทะเลาะกันเพราะเรื่องรองเท้าแค่นี้หรอกนะ”
“แน่นอนจ้ะเอมี่จ๋า เป็นแบบนั้นล่ะก็น่าเกลียดแย่เลย”
เอมี่กับนับดาวมองตากันแล้วดึงรองเท้าพร้อมๆกัน ไม่มีใครยอมกัน
“เอ๊ะ นับดาวขา เธอจะไม่ปล่อยมือจากรองเท้าคู่นี้ใช่ไหมจ๊ะ”
“ถ้าให้บอกตรงๆเลยนะ ฉันไม่มีวันปล่อยก่อนเธอแน่นอน”
“งั้นก็เอาไปเถอะ ฉันไม่อยากแก่งแย่งอะไรไร้สาระแบบนี้หรอก มันโลว์มาก”
เอมี่ปล่อยมือ นับดาวยิ้ม เอมี่ฉวยจังหวะนับดาวเผลอ กระชากกลับ แต่นับดาวยังจับแน่นอยู่
“ไม่ได้กินฉันหรอกย่ะ ลูกไม้ห่วยๆแบบนี้น่ะ”
“ลืมไปว่าเธอมันเจ้าเล่ห์ตัวแม่”
“เจ้าเล่ห์ยังไงฉันก็ไม่ทำอะไรน่าเกลียด แบบจ้างนักข่าวไปทำข่าวตัวเองทำบุญหรอก”
“เชอะ พูดออกมาได้ ใครทำก่อนล่ะยะ”
“จุ๊ๆ นักข่าวมา”
เอมี่หันขวับ นับดาวฉวยโอกาสกระชากรองเท้าไป นับดาวหัวเราะฮิๆ เอมี่รีบหยิบรองเท้าอีกข้างมา นับดาวอึ้ง เอมี่ยิ้มหวานให้ พนักงานขายที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นานพอสมควร ถือกล่องรองเท้าอีกกล่อง แทรกเข้ามา
“ไม่ทราบคุณผู้หญิงชอบคู่นี้ใช่ไหมคะ ดิฉันหยิบมาให้อีกคู่แล้วค่ะ”
“แต่ฉันต้องการคู่นี้ค่ะ”
“ฉันมาก่อนนะคะ คุณต้องขายคู่นี้ให้ฉัน”
สองคนยังคงแย่งชิงกัน
“ถ้างั้นเอางี้แล้วกันค่ะ”
พะนักงานเปิดกล่อง หยิบรองเท้าออกมาส่งให้นับดาวกับเอมี่คนละข้าง
“ทีนี้คุณผู้หญิงก็ได้คนละคู่แล้วค่ะ”
นับดาวกับเอมี่อึ้งไป มองรองเท้าของตนกับอีกคู่ในมืออีกฝ่าย
“คุณจะให้ฉันใส่รองเท้าซ้ำกับคุณนับดาวคนนี้น่ะเหรอ เสียใจ”
เอมี่หัวเราะแบบเหยียดหยามสมเพชเวทนา ก่อนจะหยิบรองเท้าวางลงราวกับเป็นสิ่งสกปรก
“งั้นฉันซื้อเอง สองคู่เลย แต่ข้างที่คุณเอมี่จับเมื่อครู่เนี่ย ช่วยเอาไปแช่แอลกอฮอล์แล้วทิ้งถังขยะด้วย อ้อ อย่าลืมทิ้งลงถังขยะมีพิษนะคะ”
เอมี่อึ้ง นึกหามุขโต้ไม่ทัน แค่หัวเราะ เดินเฉียดเกือบชนนับดาวจากไป นับดาวมองตามไปยิ้มสะใจ แต่พอหันกลับมา เจอพนักงานยิ้มแป้น
“ตกลงคุณผู้หญิงรับสองคู่นะคะ”
“เอ่อ...ค่ะ...”
นับดาวฝืนยิ้มหน้าแหยนิดๆ
ขณะที่นับดาวเดินตรงไปที่ร้านอาหารหรูในโรงแรม ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น
“จะไปไหนครับคนสวย”
นับดาวหันขวับมาเห็นชนะชัยกำลังเดินตรงเข้ามาหา ก็ทำเป็นเชิดใส่
“ขอโทษนะคะ ฉันมีนัดแล้วค่ะ”
“มากับผมดีกว่า”
“ฉันมีแฟนแล้ว ฉันกำลังจะไปหาแฟนฉัน”
“ถ้าแฟนคุณรู้ว่าผมเป็นใคร เขาคงยินดีให้คุณมากับผม”
“คุณเป็นใครคะ บอกมาสิ ฉันจะบอกแฟนฉัน ดูซิว่าเขาจะโอมั้ย”
“ผมชนะชัยครับ จบด๊อกเตอร์จากอเมริกา ทายาทเจ้าของบริษัทเงินทุน แต่ที่สำคัญที่สุดคือผมรักเดียวใจเดียว”
“ต๊าย บังเอิญจัง แฟนฉันก็ชื่อด๊อกเตอร์ชนะชัยเหมือนกัน หน้าตาเหมือนคุณเป๊ะเลย”
“รู้อะไรไหมครับ คุณก็หน้าเหมือนแฟนผมเป๊ะเลยเหมือนกัน”
สองคนหัวเราะให้กันชนะชัยพยักหน้าที่แขน นับดาวควงแขนชนะชัยเดินกันเข้าไป
ในร้านอาหาร...ชนะชัยกับนับดาวนั่งกินข้าวกัน หัวเราะกันอย่างมีความสุข...
“เพิ่งลงจากเครื่องมาไม่ใช่เหรอ เหนื่อยไหมคะ” นับดาวถามอย่างอ่อนหวาน
“เหนื่อยครับ แต่คิดถึงคุณมาก ได้เจอหน้าก็หายเหนื่อยแล้ว”
“ดาวก็คิดถึงคุณค่ะ แล้วทริปนี้เป็นไงบ้างคะ ประสบความสำเร็จหรือเปล่า”
“เยี่ยมเลยครับ ฝรั่งที่นั่นให้ความสนใจมาก เหลือแค่คุยกันอีกครั้งสองครั้งโปรเจ็คต์คงเดินหน้าได้เลย”
“คุณจ๊อบรู้มั้ย คุณจ๊อบเป็นผู้ชายที่เก่งมากที่สุด”
ชนะชัยหัวเราะ
“ผมต้องทำตัวให้เหมาะสมกับสาวว้าวแซ่บ อย่างคุณดาวไงครับ”
นับดาวหัวเราะเขินๆ ชนะชัยมองนับดาวยิ้มๆ
“นับดาวครับ”
“คะ”
“ผมรักคุณนะ”
“ค่ะ...ดาวก็รักคุณค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กันหวานซึ้ง
ชนะชัยเดินกลับเข้าบ้าน พอเข้ามาในบ้าน ก็แสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายทันที มีคนรับใช้ลากกระเป๋าเข้ามาให้ ชัชฎานักธุรกิจหญิงหญิงสูงวัย มารดาของเขานั่งอ่านนิตยสารธุรกิจภาษาอังกฤษอยู่
“สวัสดีครับแม่”
ชนะชัยยกมือไหว้ ชัชฎาถามทันที
“เป็นไง เจรจาเป็นไงบ้าง”
ชนะชัยอึกอักไปนิดหนึ่ง
“ก็...เขาบอกเขายังไม่พร้อมครับ...แต่เขาก็ยังสนใจจะร่วมมือกับเรานะครับ ถ้าเราเสนอโปรเจ็คที่เขาคิดว่าน่าสนใจ” ชัยชัยพูดความจริง ตรงข้ามกับสิ่งที่บอกกับนับดาวโดยสิ้นเชิง
“ไม่ได้เรื่องเลย...แกก็รู้ว่าถ้าการเจรจาครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ มันหมายถึงอะไร”
ชนะชัยเงียบ
“แกยังกล้าทำให้ฉันผิดหวังอีกนะ”
ชนะชัยเงียบ ชัชฎาถอนใจ เงียบไปนิดหนึ่ง ดูนาฬิกา
“แล้วหายไปไหนมา เครื่องลงตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ดินเนอร์กับนับดาวครับ”
“เป็นไงบ้าง”
“ดีครับ”
“ตระกูลนี้เขาเป็นตระกูลเก่า ร่ำรวยมาก ที่ทางเต็มไปหมด ฉันหวังว่าแกคงไม่พลาดอีกนะ”
“เอ่อ..ครับ...”
ชัชฎาไม่พูดอะไรอีก อ่านหนังสือต่อ ชนะชัยทอดถอนใจ เพราะเวลานี้ครอบครัวของเขา กำลังมีปัญหาอย่างหนัก และหวังว่าจะพึ่งนับดาวได้ เพราะเข้าใจว่านับดาวรวย!
ในร้านกาแฟ...อลิสานั่งอยู่คนเดียว เปิดแลปท้อปเช็คข่าวในอินเตอร์เน็ต นับดาวเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยเงียบๆ อลิสากำลังเกาะติดข่าวในอินเตอร์เน็ต ไม่ได้สังเกตสีหน้าหลานสาว
“นี่ ดาว ดูสิ วันก่อนที่เธอไปแย่งรองเท้ากับยัยเอมี่น่ะ มีคนแอบเอาภาพในวงจรปิดของห้างมาโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตด้วยล่ะ กำลังฮ็อตเลย ดีมีกระแสดี ดูดิ คนเข้ามาดูหลายหมื่นแล้ว”
อลิสาหันหน้าจอให้นับดาวดู
“อือ”
อลิสาเอะใจ เห็นสีหน้านับดาว
“มีอะไรเหรอ...ไปรับเช็คค่าตัวที่บริษัทหนังเป็นไง มีปัญหาเหรอ”
“เขาขอจ่ายแค่ครึ่งหนึ่งก่อน”
“อ้าว ยังงี้ก็สวยสิ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฟ้องสื่อแป๊บเดียวมันต้องรีบเอาเงินมาให้เราแน่ๆ”
นับดาวส่ายหน้า
“ไม่หรอกค่ะ นายทุนหนีหายไปแล้ว เรายังโชคดีได้เงินมาครึ่งนึง ทีมงานบางคนไม่ได้เลยซักกะบาท”
“เวรกรรม”
“ค่ะ ได้มาแค่ครึ่งนึง พอแค่ค่าหนี้บัตรเครดิต หลังจากนี้เราไม่มีเช็คให้รับอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“ไม่มีเลย เบิกมาหมดแล้ว”
“สงสัยนับดาวว้าวแซ่บ จะกลายเป็นนับดาวเศร้าซึมแทนซะแล้ว”
“ยังหรอกน่า ของในบ้านยังมีเหลือให้เอาไปเข้าโรงจำนำอีก ยังไงๆ ก่อนที่จะหมดตัว ถ้าดาวแต่งงานกับคุณชนะชัยได้ เราก็รอดตัว”
“แหม ต้องเผื่อเวลาหลังแต่งด้วยสิคะ แต่งปุ๊บไปขอให้เขาช่วยปั๊บเลยได้ยังไง”
“งั้นดาวก็ต้องรีบๆแต่งกับเขา...ช่วงนี้เดี๋ยวน้าจะบอกฟู่ว่าเราอยู่ว่างๆแล้วเซ็งเบื่อ ของานเยอะๆหน่อยละกัน ไม่ต้องไฮโซมากก็รับได้”
“ฟังดูแย่จัง เดี๋ยวก็ได้งานกะปิน้ำปลาหรอกค่ะ”
“เออ คงไม่แย่ขนาดนั้นหรอก แต่คงไม่หรูหรามากแล้วล่ะ แล้วดาวเองก็ต้องมีสติหน่อย ไอ้แบบซื้อรูปถ่ายรูปละแสนห้า หรือซื้อรองเท้าแบรนด์มาทีละสองคู่ไม่เอาแล้วนะเข้าใจไหม”
“ค่า”
นับดาวก้มหน้าสำนึกผิด อลิสาแอบยิ้มสะใจที่ได้ดุหลาน ก่อนจะหันมาเล่นเน็ตต่อ แล้วอลิสาก็ชะงัก
“อุ๊ย”
“มีอะไรเหรอคะ”
“มีคนโพสต์ด่าเธอในเน็ตน่ะ โหขึ้นกระทู้แนะนำด้วย ต๊าย แรงมาก”
“ดูหน่อยสิคะ” นับดาวรีบอ่านทันที
ที่คลินิกปราบสัตวแพทย์...ปราบกับน้อยหน่าในชุดนักเรียน ช่วยกันอาบน้ำหมาตัวใหญ่อยู่
แก้วนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ไม่มีลูกค้าอื่น
“น้อยหน่าหยิบแชมพูยาให้พ่อที”
ปราบสั่ง น้อยหน่าหยิบมาให้ ปราบเทแชมพูยา อาบน้ำให้หมาอย่างตั้งใจ หมาเห่าลั่น
“ไม่ต้องบ่นหรอก รู้ว่าแสบ แต่เดี๋ยวก็ดีเองอ่ะ”
หมาเงียบลง น้อยหน่ามองทึ่งๆ
“โห ไม่เห่าแล้ว พ่อนี่เก่งจริงๆ”
“ตอนเด็กๆ พ่อทายาให้เธอ เธอร้องลั่น พ่อปลอบแป๊บเดียวก็เงียบเหมือนกัน”
น้อยหน่าค้อน
“ขอบคุณค่ะ ที่เอาหนูเทียบกับหมา”
“อ่ะช่วยจัดการที่เหลือด้วยนะ”
น้อยหน่าอาบน้ำหมาต่อคนเดียว แก้วที่อยู่หน้าจอหัวเราะเบาๆ
“พี่ปราบคะ มีคนโพสต์ด่าคุณนับดาวที่เคยทะเลาะกับพี่ปราบด้วยค่ะ”
ปราบเดินมาดูแต่ไม่ตื่นเต้นอะไรนัก ขณะที่น้อยหน่าเริ่มร้อนตัว หูผึ่ง แอบฟัง แก้วอ่าน...
“วันนี้เราจะขอแฉยัยนับดาวขี้เต่าเหม็น เหม็นจริงๆเพราะติดเชื้อแบคทีเรียที่รักแร้ รักษาไม่หาย ยัยนี่เลยไม่ค่อยกล้าใส่แขนกุด ถ้าวันไหนต้องใส่ยัยนี่ก็จะราดน้ำหอมก่อน ที่ง่ามนิ้วเท้าก็เป็น เหม็นแรงกว่าชาวบ้าน ถุงเท้านี่ยัยนี่ใส่ก็ติดกลิ่นเหม็นมาด้วย ยัยนี่กลัวคนรู้ความจริงก็จะแอบทิ้งถุงเท้าในกล่องถังขยะมีพิษ กลบเกลื่อนหลักฐาน พุงก็เหม็นกลิ่นขี้สะดือ ไม่เคยแคะไม่เคยล้าง ใครๆเขาก็ถ่ายชุดว่ายน้ำแต่ยัยนี่ไม่เคย อ้างว่าเป็นกุลสตรีไทย แต่จริงๆกลัวตากล้องสลบเพราะกลิ่นขี้สะดือ...”
“อะไรเนี่ย ไร้สาระ” ปราบส่ายหน้า
“ในเน็ตก็อย่างงี้แหละค่ะ เขาเรียกเกรียนคีย์บอร์ด...ตอนแรกแก้วนึกว่าพี่ปราบจะชอบ”
“ถึงพี่จะไม่ชอบยัยนั่น แต่พี่ก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้ คนที่ด่าคนอื่นทางอินเตอร์เน็ต พี่ว่าเป็นพวกลอบกัด ทำอะไรไม่กล้าเปิดเผยตัวตน ถ้าเป็นพี่โดนแบบนี้ พี่จะล่าจนเจอตัวคนที่โพสต์ แล้วท้าต่อยกันตัวต่อตัวเลยดีกว่า”
น้อยหน่านั่งฟังอยู่ ทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาอาบน้ำหมา โดยไม่รู้ตัวว่าปราบเดินมาหาเธอ
ปราบตบบ่าน้อยหน่า น้อยหน่าสะดุ้งโหยง
“หนูเปล่านะคะ หนูเปล่าจริงๆ”
“เป็นอะไรของเธอ”
“ก็...เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ แบบว่า...ตกใจอ่ะ”
“พ่อแค่จะชมว่าวันนี้ขยันดี”
“ขอบคุณค่ะ แหะๆ”
ปราบมองน้อยหน่าที่แปลกๆ ว่าเป็นอะไรไป
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอน 2 (ต่อ)
นับดาวเดินมาถึงงานไฮโซแห่งหนึ่ง เธอถูกเชิญมาถ่ายรูปหน้าแบ็คดร็อปที่ตั้งบริเวณหน้างาน นับดาวโพสท่าให้ช่างภาพถ่ายรูป พอถ่ายรูปเสร็จ นักข่าวก็ยื่นไมค์มาสัมภาษณ์
“คุณนับดาวเห็นคนที่โพสต์ว่าคุณในเน็ตหรือยังครับ”
“เห็นแล้วค่ะ”
“คิดว่าไงครับ”
“แผ่เมตตาให้ค่ะ คนพวกนี้จิตใจไม่มีความสุขหรอกค่ะ แผ่เมตตาให้เขาดีกว่า”
“รู้มั้ยคะว่าใคร”
“พอเดาออกค่ะ”
“คิดว่าใครคะ”
“พี่ๆก็คงเดาออกแหละค่ะ ดาวไม่ค่อยมีเรื่องกับใครอยู่แล้ว...ดาวรู้เลยว่าฝีมือเขา เอ๊ย เธอคนนั้นแน่นอน”
“ใครคะ คุณนับดาวบอกหน่อยสิคะ”
นับดาวเอานิ้วชี้สองข้างมาจรดกันตรงปลาย โคนนิ้วแยกกันเป็นรูปสามเหลี่ยม นิ้วโป้งข้างหนึ่งดันเชื่อมระหว่างนิ้วชี้ทั้งสอง ดูเหมือนรูปตัว A นับดาวทำดูกึ่งจงใจกึ่งไม่ตั้งใจ แต่นักข่าวถ่ายรูปกันไฟแล่บ
“ขอบคุณนะคะ”
นับดาวลงจากที่สัมภาษณ์ นักข่าวหันไปสนใจคนอื่นต่อ ฟู่เดินเข้ามากระซิบถามนับดาว
“นี่ดาว ถามหน่อยสิ ใช่ยัยเอมี่จริงๆเหรอ”
“ใช่ค่ะ วันก่อนที่ดาวด่ากับเค้านะ ด่ามีด่าเรื่องถังขยะมีพิษด้วย ยัยนั่นคงเจ็บใจมาก เลยเอาคำนี้มาด่าดาวคืน” นับดาวบอกมั่นใจ
“ร้ายๆจริงนะยัยเอมี่เนี่ย” ฟู่ฟังแล้วไม่พอใจเอมี่มาก
ที่งานการกุศลแห่งหนึ่ง...เอมี่เดินเข้ามาในงาน นักข่าวเข้ามารุมทันที...
“คุณเอมี่ครับ คิดว่าไงครับที่มีคนบอกว่าคนที่โพสต์ด่าคุณนับดาวคือคุณเอมี่นั่นเอง”
เอมี่อึ้ง แล้วแสร้งร้องไห้
“เอมี่เสียใจมากค่ะ เอมี่กับนับดาวเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด เอมี่ไม่มีวันทำร้ายนับดาวแบบนั้นหรอกค่ะ เอมี่คิดว่าคนนิสัยดีๆอย่างนับดาวไม่น่าจะมีใครเกลียดเธอขนาดไปโพสต์ด่าเธอแบบนั้นได้หรอกค่ะ”
“อ้าว แล้วที่โพสต์ด่านั่นใครด่าเหรอครับ”
“ไม่รู้สิคะ อย่างที่เอมี่ว่า ไม่มีใครโพสต์ด่าเค้าหรอกค่ะ”
เอมี่ซับน้ำตา เดินออกมา โจโจ้เข้ามากระซิบ
“ถามจริงๆเหอะ เธอโพสต์รึเปล่า”
“ไม่เกี่ยวจริงๆ...ฉันว่ายัยนับดาวนั่นแหละโพสต์ด่าตัวเอง ยัยนี่น้ำเน่าจะตาย” เอมี่บอกอย่างมั่นใจมาก
ในงานสังคมแห่งหนึ่ง... เมื่อนับดาวเดินเข้าไป นักขาวยื่นไมค์ถามทันที...
“คุณนับดาวคะ มีคนพูดทำนองว่าคุณนับดาวโพสต์ข้อความด่าตัวเองเพื่อเรียกเรตติ้งน่ะค่ะ”
“ไร้สาระมากเลยค่ะ เท่าที่ดาวรู้ คนที่พูดเนี่ยเคยแกล้งทำเสื้อหลุดบนแคทวอล์กเพื่อเรียกเรตติ้งมาแล้ว ก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะมองว่าคนอื่นๆจะวิตถารเหมือนตัวเขาเอง”
นับดาวยังคงมั่นใจว่าเป็นเอมี่
อีกงานหนึ่ง...เอมี่ร้องไห้ ต่อหน้านักข่าว...
“ถ้าเขาหมายถึงเอมี่ล่ะก็ ใช่ค่ะ เอมี่เคยทำเสื้อหลุดบนแคตวอล์ก แต่มันเป็นอุบัติเหตุแล้วมันก็เป็นฝันร้ายของเอมี่...เอมี่ไม่อยากเชื่อว่านับดาวเขาจะตั้งใจขุดเรื่องนี้มาทำร้ายจิตใจ เอมี่หรอกนะคะ ปกติเขาไม่ใช่คนเลวทรามต่ำช้าขนาดนั้นนี่คะ” เอมี่แอบด่านับดาวเนียนๆ
ในห้างสรรพสินค้าที่นับดาวไปออกงาน...นับดาวยิ้ม ให้สัมภาษณ์นักข่าว
“ไม่รู้สินะคะ แอบเอายาหม่องป้ายตารึเปล่าก็ไม่รู้ ... ฝากเอาไปให้เขาหน่อยสิคะ”
นับดาวยื่นฝักสะตอให้นักข่าว
ในงานอีเว้นต์…เอมี่หน้าเศร้าๆ ให้สัมภาษณ์นักข่าวตอบโต้นับดาวบ้าง...
“ไม่เอาหรอกค่ะ ไม่ชอบกิน...แต่ไหนๆเค้าฝากมาแล้ว เอมี่ฝากของให้เขาบ้างละกัน”
เอมี่ยื่นกล่องกะหรี่ปั๊บให้นักข่าว
นับดาวทำหน้าเหยียดเอมี่ ขณะให้สัมภาษณ์ในวันต่อมา...
“ต่ำค่ะ”
อีกงาน...เอมี่ยิ้มหวานให้นักข่าว...
“เน่าค่ะ”
ในห้องประชุมบริษัทโฆษณา...ครีเอทีฟตบโต๊ะ ขณะทีมงานออแกไนเซอร์ประชุมกัน
“ต้องนี่เลยครับ นับดาวกับเอมี่ ตอนนี้กำลังฮ็อตสุดๆ ซัดกันเละ เกาเหลาต้มยำเลยครับ เผ็ดร้อนมาก
“จะดีเหรอครับ ถ้าเชิญคนแบบนี้มาเดินแบบในงานเปิดตัวสินค้าผม มันจะดูไม่ดีรึเปล่าครับ” ลูกค้าไม่แน่ใจ
ครีเอทีฟออกความเห็น...
“ตรงกันข้ามเลยครับ อย่างงี้แหละครับเหมาะมาก แค่รู้ว่าจะมาชนในงานเดียวกันคนก็สนใจแล้ว แทบไม่ต้องโปรโมตอะไรเลย รับรอง คืนนั้นสื่อทุกแขนงจะแห่กันมาที่งานเปิดตัวสินค้าของคุณ กำไรสองต่อได้ทั้งคนมีกระแสแล้วยังได้กองทัพสื่ออีก”
อีกคนเสริม
“แล้วอีกอย่าง เราไม่ได้เอาใครก็ได้ที่กัดกันมาในงานนะคะ สองคนนี้ก็ไม่ใช่ไฮโซตึกแถว แต่เป็นเซเล็บตัวจริง ภาพพจน์หรูหรามีระดับ มีสีสัน ต่อให้ไม่เกาเหลากันก็น่าเชิญมาอยู่แล้ว”
ลูกค้าพยักหน้า
“ก็มีเหตุผล เอาเป็นว่าผมเชื่อพวกคุณ เชิญสองคนนี้มาเป็นวีไอพีก็แล้วกัน”
“งั้นเอาตามนั้น แต่ว่า...มันก็มีปัญหาอยู่อีกข้อนึงครับ”
“อะไรเหรอครับ”
“ค่าตัวน่ะครับ”
“จ้างสองคน ก็ต้องมากขึ้นเป็นสองเท่า ผมเข้าใจ”
ครีเอทีฟยิ้มแหย
“ผมว่ามันไม่น่าจะแค่สองเท่าน่ะสิครับ”
ฟู่กับนับดาวมากินกาแฟกันอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ฟู่คุยโทรศัพท์เรื่องงานไปด้วย
“คุณนับดาวว่างครับ สามารถไปร่วมงานได้ครับ... แต่ทราบว่าคุณเอมี่ไปด้วยใช่ไหมครับ...ผมกลัวคุณนับดาวจะอึดอัดใจน่ะ”
นับดาวทำท่าอึดอัดใจแบบขำๆ ฟู่แอบยิ้ม
“จะให้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเหรอครับ เท่าไหร่ครับ”
นับดาวยื่นมือถือเธอให้ ฟู่กดตัวเลขให้ดู นับดาวส่ายหน้า ฟู่คุยต่อ
“ตัวเลขไม่สำคัญหรอกครับ เราก็อยากช่วยน่ะครับ แต่ว่า...ตอนนี้กระแสมันแรงจริงๆ นับดาวเธออยากเก็บตัวสักพักน่ะครับ...”
นับดาวทำท่าสงบเสงี่ยมเก็บตัว
“มีงบเพิ่มให้”
ฟู่กดตัวเลขอีก นับดาวเบ้ปาก ฟู่คุยต่อ...
“อืม ที่คุณบอกมา ฟู่ยอมรับว่ามากกว่าปกตินะครับ แต่สถานการณ์ช่วงนี้ก็ไม่ปกติจริงๆ...ถ้ายังไง...”
อีกฝ่ายบอกตัวเลขมาใหม่ ฟู่ตาโต รีบกดให้นับดาวดู นับดาวยิ้ม แต่ชะงัก ทำท่าว่าขออีกนิด ฟู่ทำท่าตอบประมาณว่าอีเขี้ยว
“ขออีกนิดน่านะ เดี๋ยวเวลาฟู่ไปคุยกับคุณนับดาว ฟู่อยากไปแบบมั่นใจหน่อยน่ะ ไม่อยากโดนเธอตำหนิว่าไม่ให้เกียรติเธอ ช่วงนี้เธอยิ่งเครียดๆอยู่...”
อีกฝ่ายบอกมาอีก ฟู่กดตัวเลขให้นับดาวดู นับดาวพยักหน้า
“น่าจะโอนะครับ เดี๋ยวฟู่จะรีบโทรติดต่อบอกคุณนับดาวให้เลย”
ฟู่วางสาย
“โห มากกว่าปกติตั้งสามเท่าเลยนะเนี่ย”
“ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างงี้ ดาวท้าตบกับยัยเอมี่มาตั้งนานแล้ว ตบกันแล้วค่าตัวขึ้นอย่างนี้เนี่ย”
ฟู่ค้อน
“มุขนี้เล่นบ่อยๆคนก็เบื่อนะจ๊ะ”
“ดาวพูดเล่นน่ะค่ะพี่ฟู่...ทางยัยเอมี่ก็คงโก่งค่าตัวสุดฤทธิ์เหมือนกัน”
“ก็คงประมาณนั้นแหละ”
นับดาวดูตัวเลขในมือถือ หน้าตายิ้มแย้ม
ในไร่ปรีดา...ปราบอาบน้ำแปรงขนให้เฉาก๊วย ปกป้องเดินมาหา...
“เป็นไงมั่งวะเฉาก๊วย”
เสียงเจิดดังขึ้นแทนม้า...
“สบายดี ฮี้ แกล่ะ ไอ้ป้อง...”
ปกป้องสะดุ้ง
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้เมาทุกวันเลยนี่หว่า”
ปกป้องย่องมา เห็นเจิดอยู่อีกด้านของเฉาก๊วย กำลังช่วยปราบอาบน้ำเฉาก๊วย ยืนก้มๆหลบๆอยู่ ไม่ให้ปกป้องเห็น
“ฮี้ แกนี่อะไรก็ดีนะไอ้ป้อง เสียอย่างเดียว ขี้เมาชะมัด ฮี้”
ปกป้องถีบเจิดถลา
“ไอ้เจิด กล้าขึ้นไอ้กับฉันเหรอ อยากตายมากใช่ไหม”
เจิดรีบนั่งคุกเข่าไหว้
“ขอโทษครับนาย แหะๆ ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ ที่พูดไปก็เพื่อให้มันสมจริงสมจังแค่นั้นเอง นายอย่าโกรธผมเลยครับ แหะๆ”
ปกป้องชี้น้าเจิดแบบคาดโทษ ปราบหันมาบอก...
“อาการเฉาก๊วยยังดีอยู่ครับ ไม่กำเริบ”
ปกป้องลูบหน้าเฉาก๊วย
“หายวันหายคืนนะลูกน้า”
“คงยากน่ะครับ อย่างมากก็ประคองตัวไป วันไหนกำเริบขึ้นมาอีกก็คงแย่”
สีหน้าปราบดูหมองลง ปกป้องตบบ่าปลอบ
“เอาน่ะ เรื่องโรคภัยไข้เจ็บน่ะ คนเรายังต้องลุ้นเลย นับประสาอะไรกับม้าวะ”
เจิดเสริม
“นั่นสิครับ ดูอย่างพ่อผม เป็นคนดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แต่จู่ๆก็เป็นมะเร็ง หมอบอกไม่เกินห้าปีมะเร็งกินตายแน่ๆ ที่ไหนได้...”
“พ่อแกอยู่เกินห้าปี” ปกป้องทาย
“โดนรถชนตายตั้งแต่ปีที่สองแล้วครับ”
ปราบฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้
ปราบกับปกป้องปล่อยให้เจิดดูแลเฉาก๊วยไป ทั้งสองเดินห่างออกมา คุยกันไปด้วย
“เฮ้ย ปราบ มะรืนนี้นายว่างใช่มั้ย”
“ไม่ว่างครับ ก็เรานัดช่างมาซ่อมระบบไฟใหม่ไม่ใช่เหรอครับ”
“อ๋อ อาโทรไปเลื่อนเขาไปแล้ว”
ปราบเอะใจ มองหน้าปกป้อง
“งั้นก็คงว่างครับ ว่าแต่อามีอะไรเหรอครับ”
“ถ้าว่างก็ดี ไปธุระเป็นเพื่อนอาหน่อยดิ”
“ธุระที่ไหนครับ”
“คืองี้...พีอาร์งานประมูลของของท่านหญิงน่ะ เขาจัดงานอีเว้นต์งานหนึ่ง เขาเลยโทรมาชวนแกไปงานเปิดตัวสินค้าตัวใหม่”
“ไม่ไปครับ ผมไม่ชอบ”
“เฮ้ย ไม่ได้ ฉันบอกไปแล้วว่าแกจะไป”
“ผมเป็นใคร ผมจะไปไม่ไปก็ไม่มีใครมาสนใจหรอกครับ อาก็รู้ว่าผมไม่ชอบงานคนเยอะ”
“ไปเถอะ ไปกันสองคนนี่แหละ เดี๋ยวอาขับรถให้เอง”
“ทำไมอาต้องคะยั้นคะยอผมด้วยเนี่ย มีอะไรว่ามาตรงๆดีกว่าครับ”
“มันเขินโว้ย...คือเขาบอกงานนี้คุณนับดาวไปด้วย แปลว่าน้าของเขาก็คงจะไปเหมือนกัน”
“คนที่ตบหน้าอาน่ะเหรอ”
“นั่นแหละ...อาอยากเจอเขาอีกน่ะ ไปนะเว้ยไอ้หลานชายช่วยอาหน่อย”
ปกป้องเข้ามากอดคอตีซี้ปราบ
ในงานเปิดตัวสินค้า เจ้าหน้าที่กำลังเซ็ตเครื่องไฟเครื่องเสียง เอมี่เข้ามาสู่บริเวณงาน โจโจ้หันมาเห็นรีบวิ่งเข้ามากอด
“สวัสดีจ้ะเอมี่ที่รัก”
“สวัสดีจ้ะที่รัก...ยัยนับดาวมารึยังอ่ะ”
“ยัง แต่คงใกล้มาแล้วล่ะ... อุ๊ย นี่อะไร”
โจโจ้กอดเอวเอมี่ เจออะไรแข็งๆ หยิบออกมาดูเป็นสนับมือ โจโจ้ร้องว้าย เอมี่รับดึงมาเก็บ
“สนับมือย่ะ”
“เอามาทำไมน่ะ”
“ก็กันไว้ก่อน เผื่อยัยนับดาวมันบ้าเลือดเข้ามาตบฉัน จะได้มีอะไรป้องกันตัวบ้าง”
“จะบ้าเหรอ ยัยนับดาวเค้าไม่ใช่กุ๊ยนะยะ พกของอย่างงี้มาคนอื่นเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ เอามาให้ฉันเก็บเอง”
“ไม่เอาอ่ะ กันไว้ก่อน”
มีเสียงฮือฮาดังมาจากอีกด้าน เอมี่มองไป เห็นนับดาวเดินเข้างานมากับอลิสา นักข่าววิ่งมารอเก็บช็อตเด็ด นับดาวกับเอมี่มองหน้ากัน เดินเข้าหากัน พอได้ระยะก็โผเข้ากอดกัน
“นับดาวจ๋า”
“เอมี่เพื่อนรัก”
เอมี่สะอื้น ร้องไห้
“เอมี่รักนับดาวนะจ๊ะ”
“เอมี่ สำหรับดาวแล้ว เธอเป็นยิ่งกว่าเพื่อนอีกนะจ๊ะ เธอเหมือนพี่น้อง เรามีกันแค่นี้ ดาวอยากให้เอมี่รู้ว่าดาวไม่มีวัน...ไม่มีวันเลย ที่ดาวจะคิดร้ายกับเอมี่”
“นับดาว...เธอ...เธอ...เพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของเอมี่ เอมี่ดีใจจริงๆที่ชีวิตนี้ได้เป็นเพื่อนกับเธอ”
เอมี่ร้องไห้ กอดน้ำตากลม สักครู่ทั้งสองก็กอดกันยิ้มแป้นทำมือรูปหัวใจให้นักข่าวถ่ายรูป แล้วกันมายืนชิดกัน ทำมือโค้งเหนือหัวมาจบกันเป็นรูปหัวใจ แล้วก็กอดกันอีกที
นับดาวเดินแยกออกมา อลิสารออยู่ประชด...
“ชื่นมื่นเนอะ”
“นับดาวค่ะ...ที่บ้านเรามีขวดน้ำมนต์เหลืออยู่ใช่ไหมคะ เดี๋ยวกลับบ้านต้องเอามาอาบซะหน่อยแล้ว กอดกับยัยนั่นอยู่ตั้งนาน อึ๋ย”
“เอาเถอะ น้ามีสบู่ลงยันตร์ด้วย ยังไงคืนนี้คงได้ใช้เพราะดาวต้องเจอกับเอมี่อีกตลอดคืนเลยนะ”
“นั่นสิคะ...ดาวไปแต่งหน้าก่อนนะคะ”
นับดาวเดินไปกับอลิสา นับดาวเดินแยกไปหลังเวที ส่วนอลิสาเดินดูอะไรเล่นๆไป อีกด้านหนึ่ง ปราบกับปกป้องเข้ามาในงาน ปกป้องอยู่ในชุดคาวบอยเหมือนเดิม ปราบใส่เชิร์ตสแล็คดูสุภาพแต่มีกล้องถ่ายรูปติดมือมาด้วย
“ไม่รู้อาจะรีบมาทำไมตั้งแต่ไกโห่ นี่งานเค้ายังไม่เริ่มเลย”
“ถึงตอนงานพวกเขาคงยุ่งๆ อาก็ไม่มีเวลาทำความรู้จักเขาน่ะสิ”
ปกป้องยิ้มกริ่ม
นับดาวเดินเข้ามาหลังเวที ทีมงานและนางแบบคนอื่นๆวิ่งไปวิ่งมา กา ซึ่งเป็นสไตลิสต์หันมาเจอนับดาว
“ทางนี้ค่ะคุณดาว”
นับดาวยิ้มไหว้ ทักทายกัน นับดาวสะดุดตากับชุดตัวหนึ่งที่แขวนอยู่ เป็นชุดกาะอก มีผ้าพันคอสีเขียวประกอบชุดด้วย
“ชุดนี้สวยจัง”
“ชุดฟินาเล่น่ะค่ะ”
“พี่ไก่ให้ใครใส่คะ”
“เอ่อ...”
เอมี่กำลังนั่งให้ช่างทำผมอยู่อีกด้านหนึ่ง ส่งเสียงหัวเราะเยาะเสียงแหลมสะใจ
“โฮะๆ เค้าก็ต้องให้คนที่สวย สง่า มีบุคลิกภาพที่ดีที่สุดในงานใส่น่ะสิคะ คุณนับดาวไม่น่าถามเลยนะ คนคนนั้นจะเป็นใครไปได้คะนอกจากคนที่ชื่อเอมี่ ... เอ๊ะ หรือว่าที่ถามเนี่ย เพราะคุณนับดาวเพื่อนรักอยากใส่เองคะ”
“ถามเพราะว่าเห็นแขวนอยู่แล้วว่าเป็นชุดที่สวยมากน่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้นะ ถ้าเอาไปให้คางคกใส่ มันจะสวยอย่างนี้หรือเปล่า”
“อุ๊ย ตลกจังนับดาวเนี่ย ชุดดีๆอย่างนี้เขามีแต่เอาไปให้คนสวยๆใส่ค่ะ คางคกน่ะ คงเป็นพวกที่ได้แต่ชะเง้อคอดูมั้งคะ”
ไก่หัวเราะกลบเกลื่อน
“อารมณ์ดีกันจังคู่นี้นี่...คุณนับดาวเชิญทำหน้าด้านนี้ค่ะ”
ไก่พานับดาวมาอีกด้าน นับดาวเดินตามไป เอมี่มองตามไป ร้องเชอะเบาๆ ไก่ตบมือให้ทุกคนฟัง แล้วพูดเสียงดัง
“อีก 10 นาทีขอซ้อมเซ็ตติ้งก่อนนะคะ”
หน้าเวที....มีเสียงฮือฮาดังขึ้น ไก่เดินนำพวกนางแบบซึ่งมีนับดาวกับเอมี่รวมอยู่ด้วย เป็นการซ้อมคิว พวกนางแบบจึงใส่ชุดตามสบาย นักข่าวจึงไม่ให้ความสนใจ มีเพียงปราบที่หยิบกล้องหามุมสวยๆถ่าย
“เฮ้ย นี่เขาแค่ซ้อม ยังไม่เอาจริง” ปกป้องบอก
“อย่างนี้สิครับน่าสนใจกว่า”
ปราบเล็งกล้องถ่าย แล้วก็เจอนับดาว เขารู้สึกว่าเธอสวยและสง่ามาก จนตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนกดชัตเตอร์ถ่ายรูป แต่นับดาวไม่ได้สนใจ ปราบถ่ายนางแบบคนอื่นๆด้วย มีรูปหนึ่งซึ่งถ่ายติดเอมี่ขณะเดินหันหลังให้ เห็นสนับมือด้วย...
หลังเวที...พวกนางแบบเดินกลับเข้ามา นับดาวเดินมาบอกทีมงานเวทีคนหนึ่ง
“พี่คะ เวทีไม่ดีเลยนะคะ”
เอมี่บอกด้วย
“เห็นด้วยค่ะ พื้นไม่ค่อยเรียบเลยนะคะ”
“ขอโทษนะครับ เราจ้างช่างทีมใหม่น่ะครับคงไม่ถนัดทำเวที” ทีมงานบอก
“อ้าว แล้วทำไมไม่ใช้ช่างเก่งๆล่ะ” เอมี่สงสัย
“ก็มันโดนหั่นงบนี่ครับ เพราะมีนางแบบบางคนอัพค่าตัวซะเว่อร์ ไม่รู้ใครเหมือนกัน”
เอมี่กับนับดาวทำเป็นไม่ได้ยิน เดินห่างออกไปทันที
ใกล้ได้เวลางานเริ่ม...แขกเหรื่อเริ่มมากันมากขึ้น บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้น ด้านหลังเวที ทีมงานเร่งมือทำงานกัน ขณะที่ด้านหน้างาน อลิสาจิ้มค็อกเทลกินอะไรไปเรื่อยๆ แล้วก็พอดีติดคอ ไอแค่กๆ มีมือยื่นเครื่องดื่มมาให้ อลิสานึกว่าบริกร
“ขอบใจจ้ะ”
อลิสารับแก้วเครื่องดื่มมาดื่ม แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าแก้วนี้เหมือนมีคนกินมาก่อนแล้ว
“เอ๊ะ แก้วนี้มีคนกินมารึยังเนี่ย”
อลิสามองไป พบว่าคนที่เอาแก้วน้ำมาให้เธอคือปกป้อง
“สวัสดีครับคุณอลิสา...ผม ปกป้อง จำผมได้ใช่ไหมครับ”
“คุณ...อ้อ...คนที่โดนฉันตบหน้าครั้งก่อนนี่นา”
“ครับ ครั้งที่แล้วคุณเข้าใจผิดเลยตบหน้าผม แต่ครั้งนี้คุณคงเข้าใจผมดีแล้ว เลยจูบผมแทน”
“ฉันไปจูบคุณตอนไหนไม่ทราบ ไม่เคยและไม่มีวันค่ะ”
ปกป้องชูรอยลิปสติกของอลิสาที่ขอบแก้วของเขา
“คุณกินน้ำที่เดียวกับผมเลย ก็เหมือนคุณจูบผมนั่นแหละ”
อลิสาแค่นหัวเราะ
“คิดได้เนาะ ทุเรศ”
“อ้าว ว่าผมทุเรศ ที่ไร่ของผม ถ้าผู้หญิงคนไหนว่าผู้ชายว่าทุเรศ แปลว่ากำลังขอให้ผู้ชายจูบเธอ”
“แต่ที่นี่เมืองหลวงค่ะ ไม่ใช่ไร่บ้านนอกคอกนาของคุณ ทุเรศแปลว่าทุเรศค่ะ”
“ปากแข็งจริงๆ ผมดูออกนะว่าคุณอยากให้ผมจูบ...อย่างนี้ผมต้องจูบคุณให้ได้”
อลิสาตกใจ
“อย่าเข้ามานะ”
ปกป้องยกแก้วขึ้น แล้วประกบริมฝีปากตรงที่มีลิปสติกอลิสา จูบอย่างดูดดื่มและกระหาย พลางมองหน้าอลิสาไปด้วย อลิสาหน้าแดง ปกป้องจูบจนแก้วสะอาด ไม่มีรอยลิปสติกเลย
“อา...เป็นรสจูบที่ทำให้ผม...รัญจวนใจจริงๆครับ”
ปกป้องทำหน้ากระหยิ่ม อลิสาทนไม่ได้ ตบหน้าเพี๊ยะ
“ไอ้บ้า ไอ้ทะลึ่ง ไอ้แพะย่าง”
อลิสาเดินหนีไป ปกป้องกุมแก้มตัวเอง ปราบเดินเข้ามาหา
“เป็นไงบ้างอา โดนเขาตบอีกแล้ว งั้นกลับเถอะครับ”
“เฮ้ย รอแป๊บนึงดิ อย่างงี้แหละเวิร์ก เผื่อเขาอาจจะเสียใจ แล้วมาขอเลี้ยงข้าวเย็นเพื่อขอโทษ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คืนนี้แกขับกลับไร่คนเดียวละกันนะ”
ปกป้องยิ้มกระหยิ่ม ขณะที่ปราบอึดอัด
“นี่ดึกแล้วนะเนี่ย เมื่อไหร่งานจะเริ่มสักที”
ยังไม่ทันขาดคำ ไฟในงานหรี่ลง พิธีกรประกาศ
“ขอต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่านสู่งานเปิดตัวร้านเสื้อ อีฟแอนด์อาดัม ครับ พร้อมแฟชั่นโชว์จากเซเลบริตี้ชื่อดัง ณ.บัดนี้ครับ”
สโม้กพุ่งออกมาเปิดตัว ดนตรีกระหึ่ม เหล่านางแบบเดินสู่แคทวอล์ก คนดูปรบมือ ช่างภาพรุมล้อมแคทวอล์กถ่ายรูปกันไฟแลบ ในบรรดานางแบบมีเอมี่กับนับดาวด้วย ปกป้องกับปราบอยู่ห่างจากแคทวอล์กไม่มากนัก
“โอ้โห สวยเหมือนกันนะเนี่ย พอเป็นนางแบบแบบนี้ สวยกว่าครั้งที่แล้วจมเลย” ปกป้องชม
“หมายถึงใครเหรอครับ” ปราบสงสัย
“นับดาวไง”
“แต่ผมว่าตอนนี้น่ะดูธรรมดา ผมชอบตอนเขาซ้อมมากกว่า ผมว่าเมื่อกี้เขาสวยจริงๆ”
ปราบมองตามนับดาวไป
หลังเวที...พวกนางแบบเข้ามา รีบเปลี่ยนเสื้อสำหรับชุดต่อไป ทุกตำแหน่งรีบทำหน้าที่ของตัวเอง เอมี่เปลี่ยนเป็นชุดฟินาเล่เรียบร้อยแล้ว ตั้งใจเดินมาชนไหล่นับดาว ที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ
“อุ๊ย ขอโทษจ้ะดาว...” เอมี่ก้มลงจับชุด “แหม ดีนะเนี่ยที่ชุดไม่ยับ”
นับดาวหันขวับมาหาเอมี่ ไก่เห็นท่าไม่ดี รีบปรบมือ
“ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม ลุยเลยฮ่า รอบสุดท้ายแล้ว”
พวกนางแบบเดินออกไป เอมี่หันมายักคิ้วยิ้มเยาะนับดาว นับดาวพยายามข่มใจ
หน้าเวที...พวกนางแบบเดินออกมา เอมี่เดินออกมาเป็นคนสุดท้าย พร้อมชุดฟินาเล่มีผ้าพันคอสีเขียว เอมี่เดินไปถึงสุดแคทวอล์ก หยุดโพสต์ คนปรบมือ เอมี่ถอดผ้าพันคอสีเขียวโยนลงไปที่คนดู ไปคล้องคอปราบพอดี สปอร์ตไล้ท์ฉายไปที่ปราบ พวกนางแบบที่ไม่ใช่ฟินาเล่ พาเดินออกไปข้างหน้าไปอยู่ข้างหลังเอมี่ ยกเว้นนับดาว
เอมี่ย่อตัวลงมองปราบ ให้ปราบคล้องผ้าพันคอคืน ปราบคล้องผ้าพันคอให้เอมี่ นับดาวมองปราบจับผ้าพันคอสีเขียวคล้องคอ รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก…เธอนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ที่ปราบในวัยเด็ก จับงูเขียวมาขู่ เพื่อนนางแบบคนหนึ่งเห็นนับดาวไม่ขึ้นมา ก็เรียก
“นับดาว”
นับดาวขยับเท้า มัวแต่มองปราบ ขาสะดุดรอยต่อไม้ ผวาไปข้างหน้า มือเกาะชุดเกาะอกของเอมี่ได้ นับดาวเสียหลักลงไปคุกเข่ากับพื้น ชุดเกาะอกของเอมี่ถูกรูดลงไปด้วยอกเปลือยของเอมี่ปรากฏอยู่ตรงหน้าปราบพอดี ปราบตะลึง คนดูฮือฮา เอมี่ตกใจ ปราบรีบเอาผ้าพันคอคลุมร่างเอมี่ เอมี่สบตาปราบแว่บหนึ่งก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปหลังเวที นับดาวรีบวิ่งตามเข้าไป ขณะที่นางแบบคนอื่นๆตกใจ แต่ยังคงอยู่บนแคทวอล์ก
หลังเวที...ทีมงานรีบเอาผ้าคลุมตัวเอมี่ ดึงไปนั่งที่ นับดาวตามเข้ามาอย่างตกใจ
“เอมี่ ฉันขอโทษ ฉันไม่ตั้งใจจริงๆ”
เอมี่หันขวับมามีสนับมืออยู่ในมือ
“ใครจะไปเชื่อแก แกทำเกินไปแล้วนะ”
“อย่านะ”
เอมี่หลับหูหลับตาชกมา นับดาวยกกล่องเครื่องสำอางของช่างแต่งหน้าบัง เอมี่ต่อยโดนกล่องก็ร้องโอ๊ย สนับมือหล่นลงพื้นดังแกร๊ง เอมี่กับนับดาวก้มมองสนับมือ สบตากันแล้วรีบก้มลงจะไปเก็บพร้อมกัน
นับดาวกับเอมี่หัวโขกกันดังโป๊ก ต่างเสียหลักทรุดจ้ำเบ้า ไก่รีบวิ่งเข้ามาดู มองมา เห็นเอมี่เลือดไหลออกจากหน้าผาก มองมาที่นับดาว หน้าตาปกติ แต่สนับมือตกอยู่ข้างๆตัวเธอ ไก่ร้องลั่น หน้าซีด นับดาวเอะใจ ก้มมองเห็นสนับมืออยู่ใกล้มือเธอ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่ไก่ พี่เข้าใจผิดแล้ว”
สไตลิสต์ยังไม่ทันพูดอะไร เอมี่ก็เอะใจ เอามือจับหน้าผากตัวเอง เห็นเลือดก็ร้องกรี๊ด นักข่าวที่ก็กรูกันเข้ามา ถ่ายรูปกันไฟแล่บ นับดาวตกใจ เอมี่ตั้งสติได้ก่อน
“นับดาว...เธอถึงกับเอาสนับมือมาชกฉันเลยเหรอ”
“ยัยเอมี่...เธอ...”
เอมี่ร้องไห้ กลัวจนตัวสั่น นับดาวหันมาหานักข่าว
“อย่าไปเชื่อเขานะ สนับมือของเขา”
โจโจ้โผล่หน้าเข้ามา เอมี่วิ่งเข้ากอดทันที
“โจโจ้ช่วยด้วย นับดาวเอาสนับมือมาชกเอมี่ๆ กลัววววววว ฮือๆๆ”
นับดาวด่าทันที
“ยัยตอแหล”
“ยัยฆาตกร”
เอมี่แอบยักคิ้วเยาะเย้ย นับดาวปรี๊ด ถลาเข้าไปตบหน้าเอมี่เพี๊ยะ เอมี่ถลาฟุบกับพื้นอย่างรุนแรง อลิสาพรวดเข้ามา ดึงนับดาวออกไป
“นับดาว...หยุด!!!!”
นับดาวได้สติ เงยหน้าขึ้น กองทัพนักข่าวระดมถ่ายรูปถี่ยิบ
เอมี่แอบเงยหน้าขึ้นมา ยิ้มให้ นับดาวอึ้ง แสงแฟลชระดมยิงใส่ตัวเธอจนตาพร่าไปหมด
อ่านต่อหน้า 4 เวลา 17.00 น.
หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอน 2 (ต่อ)
น้อยหน่า อ่านข่าวนับดาวในหนังสือพิมพ์ แล้วหันมาถามปราบ
“แล้วนับดาวเอาสนับมือไปชกเอมี่จริงรึเปล่าคะ”
ปราบส่ายหน้า
“ไม่รู้เหมือนกัน พ่อกับอาป้องไม่ได้เข้าไปดู พวกนักข่าวก็เข้าไปทีหลัง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากสองคนนั้น”
น้อยหน่าดูหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวที่เกิดขึ้น มีรูปตอนนับดาวตบเอมี่พอดี เธออ่านพาดหัวย่อย
“ไฮโซซัดกันเละ ถึงเลือดสาดหลังเวที...อุ๊ยๆ ข่าวทีวีมาแล้วค่ะ...”
น้อยหน่ารีบวางหนังสือพิมพ์ ไปหยิบรีโมต กดเร่งเสียงข่าวทีวี เป็นตอนนักข่าวไปสัมภาษณ์นับดาว
“คุณนับดาวจงใจดึงชุดคุณเอมี่รึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ เป็นอุบัติเหตุ พื้นเวทีมัน...”
นักข่าวแทรก
“แล้วที่คุณเอาสนับมือชกคุณเอมี่ล่ะครับ”
“เปล่าค่ะ สนับมือไม่ใช่ของนับดาว ของเอมี่ค่ะ เค้าจะเอามาชกดาว แต่ทำหล่นซะก่อน เราก้มลงพร้อมกัน ชนกันหัวแตกค่ะ”
“แต่หัวคุณนับดาวไม่เห็นแตกนี่ครับ”
“อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
รายการตัดไปที่นักข่าวไปสัมภาษณ์เอมี่...
“จะแจ้งความดำเนินคดีกับคุณนับดาวไหมครับ”
เอมี่ตีหน้าเศร้า
“ไม่หรอกค่ะ เราอยู่วงการเดียวกัน เอมี่ไม่อยากทำร้ายอนาคตใคร”
“แต่คุณเอมี่เป็นผู้เสียหายนะครับ”
“เอมี่ทนได้ค่ะ ถึงเสื้อจะหลุดลุ่ยอับอายจนอยากฆ่าตัวตาย ถึงเป็นแผลจนเสียโฉม แต่เอมี่ก็ทนได้...ถ้าเอมี่แจ้งความ...ดาวเขาคงเดือดร้อนมาก เอมี่ทำไม่ลงจริงๆค่ะ”
“แต่นี่เป็นคดีอาญานะครับ”
“เอมี่ให้การกับตำรวจไปแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุค่ะ...แค่นี้ก่อนนะคะ เอมี่ปวดหัวมาก หมอ บอกสมองอาจได้รับความกระทบกระเทือน ถ้าโชคร้ายอาจเป็นอัมพาตได้ ต้องพักผ่อนมากๆค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ”
รายการข่าวตัดเข้าภาพกราฟฟิก ขึ้นตัวหนังสือว่า ผลสำรวจเอสิตโพล ประชาชนคิดว่าใครเป็นคนก่อเรื่อง มีชื่อนับดาวกับเอมี่ มีกราฟแท่งประกอบ นับดาวสูงปรี๊ด เอมี่เป็นขีดบางจ๋อย...
“เอสิตโพลทำผลสำรวจต่อเหตุการณ์นี้นะครับว่า ประชาชนคิดว่าใครเป็นคนก่อเรื่อง เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์บอกว่านับดาว หนึ่งเปอร์เซ็นต์บอกว่าเอมี่ ... อันนี้เราคงวิจารณ์อะไรไม่ได้นะครับ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่านผู้ชมนะครับ...”
รายการข่าวเปลี่ยนเป็นรูปเอมี่กับนับดาว มีคำว่า VS คั่นกลาง
”สำหรับคุณเอมี่กับคุณนับดาวเริ่มมีข่าวความขัดแข้งกัน หลังจากมีผู้ไม่หวังดีโพสต์ข้อความด่าทอนับดาวในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง”
ปราบกดรีโมตปิดทีวี
“นี่ ดูเธอจะสนใจข่าวนี้เป็นพิเศษนะ มีอะไรรึเปล่า”
น้อยหน่าหลบตาวูบ
“หรือว่า...เธอเป็นคนโพสต์ด่านับดาว”
น้อยหน่ามองหน้าปราบ
“หนูเปล่าค่ะ พ่อต่างหากที่เป็นคนโพสต์”
ปราบหัวเราะนึกว่าพูดเล่น ปราบหันไปดูภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์
“เฮ้อ ทำไมต้องทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้ก็ไม่รู้ สงสารเขาเหมือนกันนะเนี่ย”
“ไม่เห็นสงสารเลย ทำอะไรก็ได้แบบนี้นั้น สมน้ำหน้า”
น้อยหน่าย่นหน้าใส่รูปนับดาว
ที่บ้านนับดาว...ฟู่นั่งลงบนโซฟา ตรงข้ามนับดาว อสิษาเอาน้ำมาวางให้
“โทรมาก็ไม่รับสายนะ อุตส่าห์เสี่ยงมานี่ดู ไม่รู้จะอยู่บ้านหรือเปล่า”
นับดาวส่ายหน้า
“เปิดมือถือได้ซะที่ไหนล่ะคะ ทั้งโทรทั้งเอสเอ็มเอสกระหน่ำด่ากันทั้งวัน”
อลิสาเสริม
“เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อะไรก็ต้องปิดหมดแล้ว เยินมาก”
ฟู่ถอนใจ
“ตอนนี้กระแสแรงสุดๆ...หมายถึงกระแสที่อยากฆ่าเธอน่ะนับดาว”
นับดาวถอนหายใจ
“ทำไงดีคะพี่ฟู่”
“ความจริงถ้าไม่มีช็อตตบยัยเอมี่ ยังพอแก้เกมส์ไหวนะ”
“ตอนนั้นมันปรี๊ดจริงๆ มันโกหกใส่ร้ายดาวแบบหน้าด้านๆ”
“จะอะไรก็เหอะ พอเธอตบหน้าเขา เธอเลยกลายเป็นคนผิดเต็มประตู พอผิดแล้วก็ผิดไปหมด เธอกลายเป็นคนที่แกล้งไปงานวันเด็กเพื่อเอาหน้า เป็นคนที่เข้าไปแย่งรองเท้าจากเอมี่ เป็นคนที่แกล้งโพสต์ด่าตัวเอง เป็นคนที่ตั้งใจดึงชุดเอมี่หลุดเพราะอิจฉาที่เขาได้ใส่ชุดฟินาเล่ แล้วก็เป็นคนที่พกสนับมือมาต่อยหน้าเอมี่ด้วย”
“ยัยเอมี่นี่ก็เจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทำเป็นคนดีบอกไม่เอาผิดอะไร เพราะรู้ว่าถ้าตำรวจสอบสวนขึ้นมา ก็คงรู้ว่ายัยนั่นเป็นเจ้าของสนับมือ”อลิสาออกความเห็น
นับดาวเศร้า
“ตอนนี้ดาวนึกไม่ออกจริงๆค่ะว่าต้องทำยังไง”
“ทำอะไรไม่ได้หรอก นั่งสมาธิทำใจร่มๆ แล้วก็รอให้เวลาผ่านไปสักปีสองปี ถึงตอนนั้นประชาชนเขาคงจะลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้ว เธอค่อยกลับเข้าวงการใหม่ละกัน” ฟู่แนะนำ
นับดาวตะลึง
“กลับเข้าวงการใหม่? แปลว่าตอนนี้ดาวถูกถีบออกมานอกวงการแล้วใช่ไหมคะ”
“ถูกต้อง ถูกถีบแรงด้วยที่พี่มานี่ ส่วนหนึ่งก็จะมาบอกเธอว่าลูกค้าโทรมายกเลิกงานของเธอ หมดเกลี้ยงเลย นี่ไม่นับโฆษณาที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ ทางเอเจนซี่เขาโทรมาเล่าให้ฟังด้วยว่าต้องเกลี้ยกล่อมเจ้าของสินค้าอยู่นานไม่ให้ฟ้องร้องเธอข้อหาทำงานเขาเสียหายน่ะ งานนี้เธอตายสนิทจริงๆ”
นับดาวนั่งกลุ้มใจ
“มีแต่พวกหนังสือผู้ชายน่ะ ติดต่อให้เธอไปถ่ายชุดว่ายน้ำ...”
“ไม่ค่ะ ดาวคงไม่ไปแจ้งเกิดทางนั้นหรอกค่ะ”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ เลยปฏิเสธไปหมดแล้ว”
นับดาวพูดอะไรไม่ออก อลิสากลุ้มใจแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
ตะวันวาดกับกลุ่มเพื่อนๆ กำลังนั่งคุยกันอยู่ในโรงอาหารโรงเรียน น้อยหน่ากับกลุ่มเพื่อนของเธอเดินมาจากอีกทางหนึ่ง เพื่อนตะวันวาดหันมาถาม
“ได้ข่าวว่าช่วงนี้สนิทกับน้อยหน่าเหรอ”
“ไปไหนมาไหนกันตลอดตัวแทบจะติดกัน แค่นี้สนิทพอหรือเปล่า”
เพื่อนตะวันวาดตะโกน
“น้อยหน่า ไอ้ตะวันมันบอกเธอเป็นแฟนมัน จริงรึเปล่าอ่ะ”
น้อยหน่าชะงัก หันขวับมา ตะวันวาดร้อนตัวขึ้นมาทันที
“นายพูดจริงเหรอ” น้อยหน้าถาม
ตะวันวาดทำอะไรไม่ถูก จะปฏิเสธก็กลัวเสียเหลี่ยม เพื่อนๆจ้องอยู่
“เออดิ”
น้อยหน่ายิ้มหวานเดินมาหาตะวันวาด เพื่อนอึ้งๆ ตะวันวาดยิ้มดีใจ แต่น้อยหน่ากลับหยิบแก้วน้ำเทราดหัวตะวันวาด เพื่อนๆตะวันวาดฮาลั่น ส่วนเพื่อนน้อยหน่าก็ขำก๊าก
“ฉันเนี่ยนะจะเป็นแฟนนาย ฝันไปเหอะ”
ตะวันวาดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ยัยน้อยหน่า...”
น้อยหน่าในชุดนักเรียนเข้ามาในบ้าน แต่แล้วก็ยืนตัวแข็ง เมื่อพบว่าปราบกำลังคุยกับตะวันวาด
ปราบหันมาเจอน้อยหน่า ปราบหน้าเครียด
“น้อยหน่า มานี่ซิ”
น้อยหน่าเดินมา
“พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหม เรื่องการใช้อินเตอร์เน็ตน่ะ”
น้อยหน่าชี้หน้าตะวันวาด
“ไอ้คนทรยศ ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้ นึกว่านายจะเป็นลูกผู้ชาย ที่ไหนได้ แค่ล้อเล่นนิดหน่อย นายต้องแก้แค้นฉันแบบนี้ด้วยเหรอ”
น้อยหน่าจะตรงเข้าเล่นงาน ตะวันวาดร้องลั่น
“น้อยหน่า อย่า...”
ปราบดุ
“หยุดนะ ทำผิดก็ยอมรับผิดสิ ทำไมต้องไปโทษคนอื่น”
“ถ้าหนูผิด พ่อก็ผิดเหมือนกัน หนูโพสต์ด่านับดาวก็จริงแต่พ่อเป็นคนคลิกส่งนะคะ”
ปราบงง น้อยหน่าฟ้องต่อ
“ตะวันเขาไม่ได้เล่าให้ฟังล่ะสิ หนูแค่โพสต์ด่านับดาวเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไร แต่พ่อมาถึงก็คลิกเอ็นเทอร์ จำไม่ได้เหรอคะ ที่พ่อบอกจะสั่งยาอะไรของพ่ออ่ะ”
ปราบงงน้อยหน่าพูดเรื่องอะไร น้อยหน่าเอะใจ หันมามองตะวันวาดที่กุมหัวกลุ้มๆ
“เอ่อ...”
“ยัยน้อยหน่า เธอนั่นแหละทำเรื่อง วันนี้อินเตอร์เน็ตมันใช้ไม่ได้ พ่อเธอเลยให้ฉันมาช่วยดูก็แค่สายแลนมันเจ๊ง ฉันก็เลยเปลี่ยนสายแลนให้”
ปราบเสริม
“ตะวันเขาบอกบางทีกระชากแรงๆมันก็เจ๊งได้ พ่อก็เลยว่าจะเตือนน้อยหน่าว่าจะถอดอะไรก็ให้มันเบาๆหน่อย”
“ค่ะ หนูขอโทษค่ะ ต่อไปหนูจะระวังค่ะ แหะๆ”
น้อยหน่าทำหน้าสำนึกผิด แล้วรีบเดิน จะออกไป
“เดี๋ยว”
น้อยหน่าสะดุ้งโหยง หันกลับมา ยิ้มหวาน
“อะไรคะพ่อ”
“เรื่องโพสต์ด่านับดาวน่ะ เล่ามาให้หมด”
น้อยหน่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่จำต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ปราบฟัง ปราบถอนใจเฮือก
“พวกเธอนี่เอาใหญ่แล้วนะ แล้วเห็นมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณนับดาวน่ะ”
น้อยหน่ากับตะวันวาดนั่งเงียบ
“ตะวันกลับบ้านไปก่อน...ขอบใจนะที่มาช่วยซ่อมคอมพ์ให้”
ตะวันวาดยกมือไหว้ปราบ รีบกลับออกไป ปราบชี้หน้าน้อยหน่า
“ส่วนเธอ พรุ่งนี้ไปกับพ่อ”
“ไปไหนคะ”
“ไปหาคุณนับดาว เล่าเรื่องให้เขาฟังแล้วขอโทษเขาซะ”
น้อยหน่าอึ้ง
“ไม่เอา พ่อตัดค่าขนมหนูก็ได้ แต่หนูไม่ไป”
“ไม่ไปไม่ได้ ทำผิดก็ต้องไปขอโทษ”
น้อยหน่าฮึดฮัดไม่พอใจ...
นับดาวกำลังดูทีวีช่องแฟชั่นอยู่ อลิสาเดินเข้ามาหน้าเศร้าๆ นับดาวเอะใจ หรี่เสียงทีวี
“น้าอะซ่ามีอะไรรึเปล่าคะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“ทำใจดีๆไว้ก่อนนะดาว เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องหนีไม่พ้น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เรื่องไตรลักษณ์ เธอเป็นชาวพุทธ น่าจะเข้าใจดีนะ”
“น้าอะซ่า...น้าพูดเหมือนมีใครเป็นอะไร เราไม่มีญาติสนิทเหลือแล้วนี่คะ”
“ถ้าเป็นญาติสนิทเธออาจจะไม่เสียใจขนาดนี้”
อลิสาหยิบสมาร์ทโฟน กับโน้ตบุ๊คออกมาวาง นับดาวหน้าถอดสี
“อย่าบอกนะคะว่า...”
“จ้ะ เราไม่มีทางเลือกแล้ว...น้าให้เธอเลือก จะเก็บอะไรไว้”
“ไม่นะ...”
นับดาวหยิบมากอดไว้ทั้งสองอัน อลิสาเข้ามากระชากคืนไป
“น้าอะซ่า”
“บอกมา จะเลือกอันไหนไว้”
“ดาวเลือกไม่ได้ ไม่มีโน้ตบุ๊คเหมือนใจขาด ไม่มีสมาร์ทโฟนเหมือนขาดใจ”
“อย่าเว่อน่ะ เลือกมา ไม่งั้นน้าเลือกให้นะ”
นับดาวนิ่งอยู่อึดใจ หยิบโน้ตบุ๊คมา แล้วเปลี่ยนใจหยิบสมาร์ทโฟน แล้วเปลี่ยนใจอีกครั้งหยิบโน้ตบุ๊คแทน อลิสายิ้ม นับดาวถอนใจ อลิสาเห็นนับดาวเผลอ ก็ฉกโน้ตบุ๊คกลับไป
“น้าอะซ่าทำอะไรอ่ะ”
“เสียใจนะดาว น้าไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอถึงให้เธอเลือกก่อน แต่ความจริงคือเราต้องเอาไอ้นี่ไปตึ๊ง มันได้เงินมากกว่าตั้งเยอะ”
“น้าอะซ่าใจร้าย”
“โทษโชคชะตาที่ทำให้เราต้องตกงานแล้วกัน”
อลิสาเดินกอดโน้ตบุ๊คออกไป นับดาวถอนใจ มองสมาร์ทโฟนในมือ
ริมถนนหน้าโรงรับจำนำ...ปราบขับรถมา ปกป้องนั่งข้างๆ น้อยหน่านั่งหน้านิ่วอยู่ข้างหลัง พลางโวยวาย
“แล้วถ้าเขาแจ้งตำรวจจับล่ะ พ่อไม่ห่วงหนูเลยใช่มั้ย”
“กลัวหรือไง ทำไมตอนทำไม่กลัว” ปราบย้อน
“พ่อเป็นพ่อภาษาอะไร ไม่เห็นปกป้องลูก”
“หน้าที่ของพ่อน่ะนอกจากเลี้ยงลูกให้ดีแล้ว ยังมีหน้าที่อบรมสั่งสอนลูก ไม่ให้ออกไปก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น เข้าใจมั้ย”
น้อยหน่าเงียบไป น้อยใจปราบ
“เฮ้ย จอดๆๆๆ” ปกป้องร้องเสียงดัง
ปราบรีบเปิดไฟขอทาง แล้วเข้าซ้ายจอดข้างทาง
“อะไรเหรอครับ”
“โน่นๆๆ”
ปราบมองตามปกป้อง เห็นด้านหลังของอลิสาแต่งตัวปอนๆ เลี้ยวลับตรงหัวมุม
“ใครเหรอครับ”
“ยัยคนนั้นไง ที่อาชอบน่ะ”
“มั่วแล้วอา คนนั้นเขาออกจะไฮโซ แต่คนเมื่อกี้น่ะไฮโทรมมากเลยนะ”
“ไม่ผิดหรอก บั้นท้ายแบบนี้ ไม่ผิดแน่ๆ เดี๋ยวอามาเว้ย”
ปกป้องเปิดประตูลงจากรถตามอลิสาไป แต่พอเลี้ยวหัวมุมก็ไม่เห็นอลิสา ปกป้องมองไปรอบๆ เล็งที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านกาแฟ แต่มองข้ามโรงรับจำนำไป
ในโรงรับจำนำ...มีลูกค้าอยู่ 2-3 คน อลิสาเข้ามายื่นโน้ตบุ๊คให้ อาเฮียมองแว่บหนึ่ง
“ถามตรงๆนะครับคุณสา ไอ้นี่คุณสาจะมาไถ่คืนเมื่อไหร่”
“ทำไมเหรอ นี่รุ่นล่าสุดเลยนะ”
“รู้ว่ารุ่นล่าสุด แต่ของพวกนี้ราคามันตกเร็วยังกะรถไฟเหาะ ปีเดียวก็เหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว ถ้าอยากให้ได้ราคาดี พอผมออกตั๋วให้คุณสาก็ฉีกมันทิ้งเลย ตกลงไหม”
“ได้เท่าไหร่ละ”
“ให้สอง”
“ตายๆๆ ฉันซื้อมาตั้งหกหมื่น”
“บอกแล้วไงราคามันตกเร็ว รุ่นนี้มันออกมาสองเดือนแล้ว เดือนหน้ารุ่นใหม่ก็มาแล้ว ผมต้องรีบปล่อย ปล่อยแพงก็ไม่มีใครซื้อ ... ผมเคยบอกแล้วนะ ของอีเล็กโทรนิกส์มันไม่ได้ราคาหรอก”
“ซักสามเถอะนะ”
“สองแปด”
“อ้ะ ตามนั้น”
ปกป้องเข้ามาในโรงจำนำ อลิสาหันมามองแว่บหนึ่ง ตกใจ รีบก้มหน้า ปกป้องเข้ามา อลิสาหันหลังให้ เขายืนมองบั้นท้ายอลิสาอยู่ครู่หนึ่ง
“หวัดดีครับคุณอลิสา แหม หาอยู่ตั้งนาน ที่แท้อยู่ที่นี่เอง”
อลิสาก้มหน้าก้มตาพูด
“คุณจำคนผิดแล้วค่ะ”
“ไม่ผิดหรอกครับ ซินญอริต้าอลิสา น้าสาวของคุณนับดาว ถ้าผมจำผิดผมยอมให้คุณตบหน้าอีกครั้งก็ได้”
ลูกค้าที่อยู่แถวนั้นหูผึ่ง ซุบซิบกันเองทันที
“น้าของนับดาว นับดาวไหนวะ”
“นับดาวไฮโซไง” อีกคนบอก
อลิสายิ่งก้มหน้า
“ก็บอกว่าคุณจำคนผิดแล้ว”
“ผมไม่ได้ฟั้นเฟือนนะครับ เสียงก็ใช่ หน้าก็ใช่ บั้นทายยิ่งใช่ จะไปผิดได้ไงครับ”
อลิสาไม่สนใจปกป้อง
“เฮีย เสร็จรึยัง”
อาเฮียมองปกป้องแว่บหนึ่ง ดูหึงๆอยู่เหมือนกัน ก่อนส่งซองใส่เงินให้พร้อมตั๋วรับจำนำ อลิสาฉีกตั๋วต่อหน้าเฮีย จะเดินออกไป ปกป้องรีบถาม
“ซินญอริต้า ข้างนอกมีร้านกาแฟอยู่ เราไปจิบชาและสนทนากันแบบไฮโซๆดีไหมครับ”
อลิสาโมโห
“เอ๊ะ ยังไงฉันบอกว่าไม่ใช่สิ เซ้าซี้จริง”
“อย่าบอกนะว่าอายที่เข้าโรงรับจำนำ เข้าโรงรับจำนำเป็นเรื่องสุจริต ไม่ได้ลักขโมยใคร ไม่เห็นต้องอายใครทั้งนั้นครับ ยืดอกพกนิ้วโป้ง”
ปกป้องจับนิ้วโป้งอลิสาชู อลิสาตบหน้าปกป้องฉาด
“ไปไกลๆ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ”
อลิสาเดินแทรกปกป้องออกไปทันที ปกป้องจับแก้มตัวเองอย่างเสียใจ
“เดี๋ยวสิ ผมทำอะไรผิดเหรอครับ”
ปกป้องถอนใจ เดินออกไปนอกร้าน ลูกค้ามองตามไป แล้วถามเพื่อน
“ถ่ายได้รึเปล่าอ่ะ”
“ได้สิ”
เพื่อนเปิดคลิปที่ถ่ายให้ดู เป็นคลิปตอนอลิสาจำนำของกับอาเฮีย
อ่านต่อตอนที่ 3 พรุ่งนี้