xs
xsm
sm
md
lg

'กสทช.' แจงยึดโดรนเถื่อน 2,500 ลำ ไม่ใช่โดรนโจมตี ไม่เกี่ยวเหตุใกล้สุวรรณภูมิ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



'กสทช.' แจงยึดโดรนเถื่อน 2,500 ลำ ไม่ใช่โดรนโจมตี ไม่เกี่ยวเหตุใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ย้ำมาตรการเข้ม นำเข้า-ซื้อ-บินต้องขออนุญาตครบ หวังปิดช่องโหว่ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคง พร้อมขยายผลถึงผู้นำเข้า

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.68 พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช. ด้านกฎหมาย เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงาน กสทช. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมโดรน หรืออากาศยานไร้คนขับที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวนกว่า 2,500 ลำ ภายในโกดังแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนและขยายผลไปยังผู้นำเข้า อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า โดรนดังกล่าวเป็นโดรนขนาดเล็กติดกล้อง ซึ่งไม่สามารถดัดแปลงเพื่อนำไปใช้เป็นโดรนโจมตีได้ โดยจะใช้ได้เพียงในลักษณะโดรนสอดแนมเท่านั้น อีกทั้ง ยังยืนยันอย่างชัดเจนว่าโดรนชุดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีโดรนที่บินเข้าใกล้สนามบินสุวรรณภูมิและเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเจ้าของได้เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.68 ที่ผ่านมาแต่อย่างใด

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า โดรนทุกรุ่นที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจำเป็นต้องขออนุญาตจากสำนักงาน กสทช. เพื่อให้มีการตรวจสอบสเปกและการใช้คลื่นความถี่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ผู้ที่ต้องการซื้อโดรนไปใช้งาน ไม่ว่าจะเพื่อการพาณิชย์หรือกิจกรรมอื่นใด จะต้องนำเอกสาร เช่น ใบเสร็จรับเงินหรือใบสั่งซื้อ ไปขอจดทะเบียนกับ สำนักงาน กสทช. ให้เรียบร้อยก่อน โดยผู้ขายจะไม่สามารถส่งมอบโดรนให้ผู้ซื้อได้ทันที จนกว่าผู้ซื้อจะนำใบรับรองการขึ้นทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วมารับสินค้าในภายหลัง ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นไปตามประกาศ กสทช. ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ภายหลังสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนกัมพูชา ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากพบโดรนที่ไม่ได้รับอนุญาตก็สามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที เนื่องจากโดรนมีความเสี่ยงที่จะถูกพัฒนาไปใช้เป็นอาวุธทางการทหารได้ และเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกวดขันจับกุมมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า บทบาทของสำนักงาน กสทช. จะรับผิดชอบในส่วนของการอนุญาตนำเข้า การตรวจสอบสเปก และการจดทะเบียนโดรน ขณะที่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. จะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลเรื่องการบิน ซึ่งผู้ใดจะนำโดรนขึ้นบินจำเป็นต้องขออนุญาตจาก กพท. ก่อนทุกครั้ง โดยจากเหตุการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนกัมพูชาและการนำโดรนมาใช้ในยุทธวิธีทางทหาร เช่น โดรนพลีชีพนั้น ฝ่ายปราบปรามของสำนักงาน กสทช. ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและสามารถจับกุมโดรนผิดกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โดรนจำนวน 2,500 ลำที่ตรวจยึดได้ล่าสุดนั้น ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการขยายผลต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. เคยตรวจพบกรณีโดรนการเกษตรที่ถูกดัดแปลงให้สามารถทิ้งระเบิดได้มาแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับโดรนพลีชีพที่ถูกใช้ในพื้นที่ชายแดนกัมพูชานั้น เป็นโดรนที่ควบคุมด้วยสายไฟเบอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดสัญญาณคลื่นความถี่ ทำให้ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ตัดคลื่นหรือคลื่นวิทยุเข้าขัดขวางได้ จำเป็นต้องใช้วิธีการยิงให้ตกเท่านั้น

ในส่วนของความเป็นไปได้ที่จะมีการนำโดรนบินจากพื้นที่ชายแดนเข้าสู่เขตเมืองหลวง เช่น กรุงเทพมหานคร นายไตรรัตน์มองว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โดยส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีลักลอบนำอุปกรณ์เข้ามาในพื้นที่เป้าหมายก่อน แล้วจึงนำโดรนขึ้นบินในภายหลัง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรูปแบบที่เกิดขึ้นในสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ด้วยเหตุนี้ การป้องกันด้านความมั่นคงจึงจำเป็นต้องอาศัยการสืบสวนและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และสำนักงาน กสทช. จะเดินหน้าประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง

"ปัจจุบันการกำกับดูแลโดรนมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ สำนักงาน กสทช. ที่ดูแลการอนุญาตนำเข้า ตรวจสเปก และการจดทะเบียนครอบครอง ขณะที่ กพท. รับผิดชอบการอนุญาตขึ้นบิน ส่วนการจับกุมและบังคับใช้กฎหมายเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้น แนวคิดของรัฐบาลในการจัดตั้งหน่วยงานเดียวเพื่อรับผิดชอบเรื่องโดรนโดยตรงจึงเป็นแนวทางที่เห็นด้วยและมีความจำเป็น เพราะจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีเอกภาพ และสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง" นายไตรรัตน์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น