xs
xsm
sm
md
lg

Meta ลบเนื้อหาหลอกลวงคนไทย 7.3 ล้านชิ้น เร่งทลายเครือข่ายสแกมจากกัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมต้า (Meta) เผยรายงานการจัดการภัยคุกคามเชิงรุกประจำครึ่งปี ระบุสามารถลบทรัพย์สินดิจิทัลกว่า 6,400 รายการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายกลโกงจากกัมพูชา ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี หลังพบการหลอกลวงข้ามพรมแดนในเอเชียแปซิฟิกขยายตัวอย่างเป็นระบบ ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติในระดับ “โรงงาน”

สำหรับประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเป้าหมายหลัก จน Meta ต้องลบเนื้อหาหลอกลวงบน Facebook มากถึง 7.3 ล้านชิ้น ในครึ่งปีที่ผ่านมา ระบุกว่า 90% ของโฆษณาหลอกลวงในไทยถูกลบก่อนได้รับการแจ้งร้องเรียน

***โรงงานสแกม แหกกลโกงข้ามพรมแดน

รายงาน Adversarial Threat Report ของ Meta ซึ่งครอบคลุมช่วงเดือนมกราคม–ตุลาคม 2568 ชี้ว่า เครือข่ายกลโกงจากกัมพูชามีการจัดตั้งเป็นระบบอุตสาหกรรม ใช้โครงสร้างการทำงานแบบศูนย์ปฏิบัติการ (scam center) ที่มีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน ตั้งแต่การสร้างตัวตนปลอม การเขียนสคริปต์สนทนา ไปจนถึงการโอนย้ายเหยื่อไปยังแอปแชทแบบเข้ารหัสและช่องทางการชำระเงินทางเลือก

Meta ระบุว่า เครือข่ายดังกล่าวใช้เทมเพลตอัตโนมัติและระบบขยายผลแบบโรงงาน ทำให้สามารถหลอกเหยื่อพร้อมกันได้ในหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ส่งผลให้การจัดการไม่ใช่เพียงการลบเนื้อหารายชิ้น แต่ต้องรื้อทั้งเครือข่าย ตั้งแต่บัญชี โฆษณา ไปจนถึงโครงสร้างสนับสนุนเบื้องหลัง

หนึ่งในประเด็นที่รายงานให้ความสำคัญคือ บทบาทของ AI ในฝั่งอาชญากร โดยพบการใช้ "AI สร้างวิดีโอ deepfake คนดัง" เพื่อหลอกลงทุนและสมัครงาน รวมถึงการสร้างบทสนทนาอัตโนมัติหลายภาษา ทำให้เหยื่อแยกแทบไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม


Meta ระบุว่ากลโกงรูปแบบนี้พบมากในประเทศที่มีการลงทุนออนไลน์เติบโตเร็ว และมีการใช้โซเชียลมีเดียสูง ซึ่งสอดคล้องกับบริบทของประเทศไทยและหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิก ส่งผลให้ความเร็วในการแพร่กระจายของกลโกงสูงเกินกว่าการตรวจจับด้วยแรงงานมนุษย์เพียงอย่างเดียวจะรับมือได้ทัน

***ไทยเป้าหมายหลัก ต้องใช้ AI รับมือ


สำหรับประเทศไทย รายงานชี้ว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2568 Meta ต้องลบเนื้อหาหลอกลวงบน Facebook กว่า 7.3 ล้านชิ้น และบน Instagram กว่า 15,000 ชิ้น โดยกว่า 90% ของโฆษณาหลอกลวงถูกลบก่อนได้รับการรายงานจากผู้ใช้ สะท้อนว่าภัยคุกคามแพร่กระจายรวดเร็วและมีความเป็นมืออาชีพสูง

นอกจากนี้ Meta ยังลบบัญชีผู้ใช้ในไทยรวมกว่า 90,000 บัญชี แบนประกาศขายใน Marketplace กว่า 18,000 รายการ และแบนบัญชีโฆษณากว่า 3,000 บัญชีทั้งหมดก่อนได้รับการแจ้ง ซึ่งบริษัทระบุว่าเป็นผลจากการใช้ระบบ AI ตรวจจับพฤติกรรมเชิงลึก ไม่ใช่เพียงการพึ่งพาการร้องเรียนจากผู้ใช้งาน


ในภาพรวม รายงานของ Meta ชี้ชัดว่า การต่อต้านสแกมในปัจจุบันได้เข้าสู่ยุค "AI vs AI" อย่างเต็มรูปแบบ เมื่ออาชญากรใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพการหลอกลวง แพลตฟอร์มก็จำเป็นต้องใช้ AI ในระดับที่ซับซ้อนยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับพฤติกรรม การแจ้งเตือนปฏิสัมพันธ์ต้องสงสัย ไปจนถึงมาตรการด้านความปลอดภัยใหม่อย่าง Llama Firewall และ Rule of Two framework สำหรับ AI agents

ขณะเดียวกัน Meta ยังเดินหน้าความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาค เช่น การสนับสนุนการจับกุมเครือข่ายสแกมในสิงคโปร์ และการเข้าร่วมโครงการระดับโลกอย่าง DOJ’s Scam Center Strike Force ของสหรัฐฯ เพื่อสกัดการขยายตัวของอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน

หากมองในภาพใหญ่ รายงานฉบับนี้สะท้อนความท้าทายสำคัญของอุตสาหกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะตลาดที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากอย่างประเทศไทย ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การลงทุนโฆษณา และเศรษฐกิจดิจิทัล ล้วนผูกโยงกับความสามารถในการควบคุมกลโกง

ในอีกด้านหนึ่ง สงคราม AI ต่อ AI กำลังผลักดันให้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีต้องลงทุนด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมเปิดคำถามเชิงนโยบายว่า ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ใช้ จะร่วมมือกันอย่างไร เพื่อไม่ให้ “อุตสาหกรรมสแกม” เติบโตเร็วกว่า “อุตสาหกรรมดิจิทัลที่ถูกกฎหมาย” ให้ได้.


กำลังโหลดความคิดเห็น