ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องเล่น "ชไนเดอร์ อิเล็คทริค" (Schneider Electric) เผยแนวทางตรวจสอบ ซ่อมแซม และเปิดใช้งานระบบไฟฟ้าภายในอาคารและชุมชนหลังน้ำท่วม แนะใช้อุปกรณ์ตรวจให้รอบคอบเพื่อป้องกันไฟดูด-ไฟช็อต ชี้ "เบรกเกอร์" โดนน้ำต้องเปลี่ยนสถานเดียว เลี่ยงซ้ำรอยบทเรียนที่เคยปรากฏในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 54
นายกุศล กุศลส่ง รองประธานธุรกิจคลัสเตอร์ บ้าน และการจัดจำหน่าย บริษัท ซไนเดอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวในงาน IEEE PES GTD Asia 2025 ว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องแรกที่ต้องพิจารณาก่อนเปิดใช้งานระบบไฟฟ้าภายในอาคาร และชุมชนหลังน้ำท่วม โดยประสบการณ์จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ปี 2554 พบว่าผลกระทบต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าสามารถแบ่งได้ตามระดับความสูงของน้ำท่วม
กลุ่มแรกคืออุปกรณ์ที่ติดตั้งระดับต่ำใกล้พื้น ทั้งเต้ารับและจุดต่อสายไฟ ซึ่งมักจะอยู่สูงกว่าพื้นประมาณ 30 เซนติเมตร พบว่าปัญหาหลักที่จุดต่อสายไฟกับเต้ารับที่โดนน้ำขังคือการกร่อน (Corrosion) หรือคอร์รัชชั่นซึ่งหมายถึงคราบสนิมหรือคราบเกลือ และคอร์รัชชั่นนี้เป็นอุปสรรคที่ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลได้ไม่ดี แม้ว่าผู้ใช้จะลองเสียบปลั๊กแล้วยังใช้งานได้ก็ตาม
"ในระยะยาว การที่หน้าสัมผัสระหว่างจุดต่อไม่เรียบและมีคราบ จะทำให้พื้นที่หน้าสัมผัสเล็กลง ซึ่งส่งผลให้เกิดความร้อนขึ้นได้ ภัยที่ตามมาอาจเป็นเหตุไฟลุกไหม้ ข้อแนะนำคือผู้ใช้ไม่ควรตัดสินว่าปลอดภัยแค่เพียงเสียบปลั๊กแล้วใช้งานได้ แต่ต้องตรวจสอบเรื่องคอร์รัชชั่น หรือการเกิดสนิมที่จุดต่อสายไฟกับเต้ารับทุกครั้งที่น้ำท่วม"
อย่างไรก็ตาม แม้เต้ารับหรือจุดต่อสายไฟ อาจจะยังพอใช้งานได้หากตรวจสอบแล้วไม่พบปัญหาหนัก แต่สำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้งในระดับสูงจากพื้น เช่นตู้ควบคุมไฟฟ้าที่มีเบรกเกอร์อยู่ นั้นห้ามใช้งานโดดเด็ดขาด หากน้ำท่วมสูงขึ้นมาถึงระดับที่ติดตั้ง
"ตู้ไฟฟ้าที่มีเบรกเกอร์ซึ่งทำหน้าที่ตัดวงจร นั้นห้ามใช้โดยเด็ดขาดเพราะมันจะพัง อุปกรณ์เหล่านี้จัดเป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย 100% มีหน้าที่ต้องตัดวงจรอย่างถูกต้องเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit), โอเวอร์โหลด หรือเมื่อมีคนถูกไฟดูด เช่น เด็กเล็กไปจับปลั๊กไฟ และเนื่องจากมีรอยต่อ (จอย) อยู่ข้างใน จึงแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทันทีหากโดนน้ำแล้ว"
หากเทียบกับน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 กุศลชี้ว่าบทเรียนสำคัญที่สุดที่เรียนรู้จากวิกฤตเมื่อ 14 ปีที่แล้ว คือการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด โดยก่อนปี 54 อุปกรณ์ป้องกันไฟดูดยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร ซึ่งจากพื้นฐานแล้ว การป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าในอดีตมักจะเน้นแค่การป้องกันกระแสเกิน (ไฟช็อต) ซึ่งหมายถึงกรณีที่สายไฟสองเส้นมาชนกันโดยบังเอิญ แต่ไม่ได้เน้นการป้องกันไฟดูด
เมื่อผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนั้นคือการโดนไฟดูดในบ้านของตัวเอง ในระยะหลังจึงมีกระแสให้ความสำคัญกับเรื่องการป้องกันไฟดูดภายในบ้านมากขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด ซึ่งส่งผลให้อุปกรณ์กลุ่มนี้แพร่หลายมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
การให้ความรู้เรื่องไฟฟ้าในบ้านหลังน้ำลดครั้งนี้ เกิดขึ้นพร้อมกับที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เปิดตัวโซลูชันด้านพลังงานชุดใหญ่ในงาน IEEE PES GTD Asia 2025 ภายใต้แนวคิด From Vision to Impact ซึ่งเน้นการพัฒนาระบบไฟฟ้าให้ปลอดภัยขึ้น ยั่งยืนขึ้น และรองรับอนาคตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ จุดเด่นคือการผสานพลังงานเข้ากับระบบดิจิทัล เพื่อให้การตรวจสอบและควบคุมไฟฟ้าทำได้แม่นยำกว่าเดิมแบบเรียลไทม์
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงมากคือโซลูชันสำหรับโครงข่ายไฟฟ้าที่ปราศจากก๊าซเรือนกระจก รวมถึงสวิตช์เกียร์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมการวิเคราะห์และแจ้งเตือนความผิดปกติอัตโนมัติ ช่วยให้ระบบไฟฟ้าปลอดภัยขึ้น เหมาะกับยุคที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและเสี่ยงต่อเหตุการณ์ผิดปกติมากขึ้น โดยโซลูชันเด่นคือ EcoStruxure ที่ออกแบบมาเพื่ออาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ และโรงงาน ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นการใช้ไฟฟ้าในแต่ละจุดแบบเรียลไทม์ ปรับแต่งและควบคุมจากระยะไกลได้ เหมือนมี “ผู้ช่วยด้านพลังงาน” คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง.


