Nothing บุกไทยเต็มตัว หลังตั้งทีมงานดูแลประเทศไทยโดยเฉพาะ หวังพาไทยขึ้นเป็น ‘Regional Creativity Hub’ ในปี 2026 พร้อมกับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นคุ้ม Phone (3a) lite ในราคาเริ่มต้น 7,999 บาท เตรียมขายไทย 28 พ.ย. นี้
พลภัทร สายบัวทอง ผู้จัดการประจำประเทศไทย Nothing ให้ข้อมูลว่า ในปีหน้า Nothing จะเริ่มทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง หลังจากที่ในปีนี้มีการตั้งทีมงานไทยมาดูแลตลาดนี้โดยเฉพาะ เนื่องจาก Nothing มองว่าไทยจะเป็นหนึ่งในตลาดหลักของภูมิภาคนี้
โดยในปัจจุบัน Nothing เริ่มมีสินค้าในกลุ่มทั้งสมาร์ทโฟน และสมาร์ทดีไวซ์ ครอบคลุมมากขึ้น ตั้งแต่ Phone (3) ที่เป็นรุ่นแฟลกชิป ตามมาด้วยสินค้าในตระกูลอย่าง Phone (3a) Pro (3a) และ (3a) lite ที่กำลังจะวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ รวมถึงกลุ่มหูฟังอย่าง Headphone (1) Ear (3)
รวมถึงในซับแบรนด์อย่าง CMF ที่เน้นเรื่องความคุ้มค่ามากขึ้น จากไลน์อัปอย่างสมาร์ทโฟน CMF Phone 2 Pro ตามด้วยสมาร์ทวอทช์ Watch 3 Pro หูฟัง Headphone Pro และ Buds Pro 2 นับได้ว่ามีความหลากหลายให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้
“ความน่าสนใจของแบรนด์ Nothing คือการที่ผู้ใช้งานกว่า 51% อายุต่ำกว่า 31 เมื่อเทียบกับสัดส่วนของ Android อยู่ที่ 14% ทำให้เห็นแล้วว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกับแบรนด์นี้มากขึ้น และกลายเป็นอีกตัวเลือกนอกจากแบรนด์อย่าง Apple”
ขณะเดียวกัน ในกลุ่มสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์หูฟังทั้งหลาย กว่า 53% ของผู้ใช้ มีการใช้งานบนอุปกรณ์ iOS ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด โดยเฉพาะผู้ที่ให้ความสนใจในด้านดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
นอกจากนี้ Nothing ยังได้ขยายช่องทางบริการหลังการขายเพิ่มเติม อย่างการเปิดสายคอลเซ็นเตอร์ 24 ชั่วโมง มีเซอร์วิสเซ็นเตอร์ 10 แห่ง พร้อมใช้ร้านสะดวกซื้อ 7-11 เป็นจุดส่งเครื่องในกรณีที่มีปัญหาได้ และจะมีการขยายเพิ่มเติมต่อไปในอนาคตด้วย
สำหรับ Nothing Phone (3a) lite ที่จะวางจำหน่ายใน 28 พฤศจิกายนนี้ นับเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นของ Nothing ที่นำดีไซน์ฝาหลังโปร่งใส มาให้ในราคาที่จับต้องได้เริ่มต้น 7,999 บาท พร้อมโปรโมชันอัปความจุเพิ่มจาก 8/128 GB เป็น 8/256 GB เมื่อสั่งซื้อระหว่าง 28 พ.ย. - 14 ธ.ค. นี้
ทั้งนี้ Phone (3a) lite ยังมาพร้อมกับ Glyph Light แบบใหม่ ตัวเครื่องมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 มากับหน้าจอแสดงผล Flexible AMOLED ขนาด 6.77 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ Refresh Rate 120Hz ภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300 Pro
ขณะที่กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล พร้อม TrueLens Engine 4.0 ตามด้วยเลนส์มุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล และเลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซล ให้กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล มาใช้งาน บนแบตเตอรีขนาด 5,000 mAh มีให้เลือก 2 สีคือ ขาว และ ดำ


