xs
xsm
sm
md
lg

Accenture เผย "Data Debt" ทำธุรกิจโทรคมนาคมขยับยาก นอกจากนำ AI เข้ามาช่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Accenture เผยข้อมูลศึกษาธุรกิจโทรคมนาคม ในเอเชียแปซิฟิก เจอ “ภาระหนี้ข้อมูล" (Data Debt) ทำให้องค์กรขยับตัวได้ช้า มีเพียง 2% เท่านั้นที่มีกลยุทธ์จัดการข้อมูลแบบบูรณาการ แนะทางออกด้วยการมุ่งสู่ Agentic AI เพื่อสร้างเครือข่ายอัจฉริยะแบบ Zero-touch

รายงานวิจัยล่าสุดจาก Accenture (เอคเซนเชอร์) เรื่อง "Cracking the Code on Data Debt" และ "The Front Runner’s Guide to Scaling AI" ได้สะท้อนภาพความท้าทายครั้งสำคัญของผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่กำลังเผชิญกับสภาวะข้อมูลกระจัดกระจายและไม่สอดคล้องกัน หรือที่เรียกว่า "Data Debt" (ภาระหนี้ข้อมูล)

วิกฤต "หนี้ข้อมูล" ฉุดรั้งการตัดสินใจ

ผลสำรวจระบุว่า ผู้บริหารในธุรกิจโทรคมนาคมถึง 71% ยอมรับว่าการขาดภาพรวมที่ชัดเจนของเครือข่าย ผลิตภัณฑ์ และบริการ ทำให้กระบวนการตัดสินใจล่าช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ ปัญหาใหญ่คือบุคลากรต้องเสียเวลาไปกับการ "ทำความสะอาดข้อมูล" ถึง 66%

ในขณะที่มีเวลาสำหรับ "การวิเคราะห์ข้อมูล" เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเพียง 34% เท่านั้น และที่น่าตกใจคือ มีเพียง 2% ขององค์กรที่มีกลยุทธ์จัดการข้อมูลแบบบูรณาการที่ช่วยให้การแชร์ข้อมูลข้ามสายงานเป็นไปอย่างราบรื่น

ช่องว่างระหว่าง "ผู้นำ" และ "ผู้ตาม" ในสมรภูมิ AI

แม้กระแส AI จะมาแรง แต่มีผู้ให้บริการเพียง 21% ในภูมิภาคที่มองเห็นคุณค่าจากการลงทุนด้าน AI อย่างเป็นรูปธรรม ความแตกต่างของกลุ่มบริษัทชั้นนำ (Front-Runners) คือการกล้า "วางเดิมพันทางกลยุทธ์" โดยลงทุนระยะยาวในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล ปรับปรุง Technology Stack และพัฒนาทักษะคน เพื่อครอบคลุมกระบวนการทำงานหลักในห่วงโซ่คุณค่า

งานวิจัยยังแสดงให้เห็นถึง 5 การเดิมพันเชิงกลยุทธ์ (Strategic Bets) ที่ธุรกิจโทรคมนาคมต้องเร่งปรับใช้ ได้แก่ ไม่ว่าจะเป็น 1.Self-healing Automated Network ระบบเครือข่ายที่แก้ปัญหาได้เองโดยอัตโนมัติ 2.Field Engineer Technical Assistant ผู้ช่วย AI สำหรับวิศวกรภาคสนาม (ส่วนงาน Network & Service Assurance)

3.Customer Experience Agent Co-Pilot AI ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้า 4.Sales Co-Pilot AI สนับสนุนงานขาย และ 5.Marketing Content Generation การสร้างเนื้อหาการตลาดด้วย AI ซึ่งเริ่มเห็นการนำมาใช้งานกับผู้ให้บริการในไทยแล้ว

วิเว็ก ลูทรา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Data & AI ของเอคเซนเชอร์ ชี้ว่า การปรับตัวมาหลายปีทำให้เกิดโครงสร้างไอทีที่ซับซ้อน จนเกิดทั้ง 'หนี้ทางเทคนิค' (Technical Debt) และ 'หนี้ข้อมูล' (Data Debt) ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรม AI ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์เชิงรุก กล้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง และลงทุนสร้างทักษะใหม่ เช่น การปั้นวิศวกรเครือข่ายที่มีความรู้ด้าน Data Science เพื่อปลดล็อกศักยภาพระบบอัตโนมัติ

ขณะที่ เทจัส ราว กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการเครือข่ายระดับโลก เสริมว่า เทรนด์สำคัญถัดไปคือ Agentic AI ที่จะเข้ามาช่วยสร้างเครือข่ายแบบ Zero-touch หรือเครือข่ายที่ทำงานได้เองโดยแทบไม่ต้องพึ่งมนุษย์ ซึ่งปัจจุบัน 63% ของผู้ให้บริการทั่วโลกเริ่มลงทุนใน AI Agent แล้ว โดย 2 ใน 10 บริษัทเริ่มนำมาใช้จริงในห่วงโซ่ธุรกิจ

"ระบบอัจฉริยะนี้จะช่วยจัดการโครงสร้างพื้นฐานได้ในเชิงรุก ลดการหยุดชะงักของระบบ และมอบประสบการณ์แบบ Hyper-personalized ให้ลูกค้าได้ นอกจากนี้ การจัดการเครือข่ายแบบแบ่งส่วน (Network Slicing) แบบเรียลไทม์ จะเป็นบ่อเงินบ่อทองใหม่ในการสร้างรายได้"

ทอร์ เบิร์ก กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจสื่อสาร สื่อ และเทคโนโลยี ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวทิ้งท้ายว่า ธุรกิจโทรคมนาคมมีความได้เปรียบจากความไว้วางใจของลูกค้าและโครงข่ายที่มีอยู่ การเติบโตของ AI คือโอกาสครั้งใหญ่ในการขยายสู่ตลาด B2B และสร้างบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัล โดยกลุ่มผู้นำที่ลงทุนหนักในวันนี้ จะเป็นผู้กำหนดทิศทางการเติบโตและผลกำไรในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น