xs
xsm
sm
md
lg

'ไปรษณีย์ไทย' เปิดตัวแสตมป์เบญจภาคีเครื่องราง เสริมสิริมงคล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



'ไปรษณีย์ไทย' ปลุกพลังศรัทธา เปิดตัวแสตมป์เบญจภาคีเครื่องราง ถ่ายทอดสิริมงคลบนดวงตราแห่งศิลป์ ให้คนไทยเข้าถึงความเชื่อได้ในราคาแค่หลักร้อย พร้อมเผยรายได้ ไตรมาส 3/68 ยังท้าทาย แต่กำไรหลักร้อยล้าน

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.68 ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า แสตมป์เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ ซึ่งปี 67 ทั้งกลุ่มมีมูลค่าราว 7,000 ล้านบาท โดยแสตมป์มีรายได้ราว 40 ล้านบาท ล่าสุด ไปรษณีย์ไทยเปิดตัวตราไปรษณียากรรุ่นพิเศษ ชุดปีใหม่ 2569 ภาพเบญจภาคีเครื่องราง โดยมีเป้าหมายเพื่อมอบความเป็นสิริมงคลให้แก่ประชาชนชาวไทยในวาระขึ้นปีใหม่ ผ่านการนำเสนอความศรัทธาในรูปแบบของแสตมป์ที่เข้าถึงได้ง่ายและร่วมสมัย โดยแรงบันดาลใจหลักมาจากเครื่องรางไทยระดับตำนานทั้งห้าชิ้น ซึ่งได้รับการยกย่องในวงการพระเครื่องว่าเป็นเบญจภาคีเครื่องรางที่ทรงคุณค่าทางจิตใจและหายากอย่างยิ่ง

สำหรับเครื่องรางทั้งห้าที่นำมาถ่ายทอดลงบนแสตมป์ ได้แก่ 1.เสือ หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส ความสง่างาม อำนาจและบารมี 2.หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุล ความกล้าและเมตตา 3.เบี้ยเเก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง พลังแห่งการพลิกเคราะห์ร้ายเป็นโชคดี 4.ราหูกะลาแกะ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ป้องกันภัยพิบัติและสิ่งอัปมงคล สร้างความสงบ มั่นคงและสมดุล และ 5.ตะกรุดมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสพานสูง เครื่องหมายของสติและปัญญา

ดร.ดนันท์ กล่าวว่า แนวคิดของแสตมป์ชุดนี้เกิดจากความตั้งใจที่จะสร้างสื่อรูปแบบใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงศิลปะ ความเชื่อ และวัฒนธรรมไทยเข้าด้วยกัน โดยไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้สะสมหรือผู้ศรัทธาเครื่องรางเพียงเท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและมีไว้ครอบครองได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะนำไปใส่กรอบตั้งในห้องพระ พกติดตัว หรือมอบเป็นของขวัญปีใหม่ก็ตาม


โดยได้รับความร่วมมือจาก ศ.นพ.พรพรหม เมืองแมน หรือ หมอต้น หมอศัลยศาสตร์ระดับแนวหน้าของเมืองไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านพระเครื่อง, นายอัควินท์ จตุจินดา หรือ ฉายา อ๊อด เสือสำเพ็ง ให้คำปรึกษาในการคัดเลือกเครื่องรางทั้งห้า ด้วยหลักเกณฑ์ด้านความศักดิ์สิทธิ์ ความนิยม และพลังแห่งความเชื่อที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ทั้งนี้ เครื่องรางแต่ละชิ้นมีราคาตลาดสูงระดับ 7-8 หลัก และหาชมได้ยากในปัจจุบัน

และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลและความเข้มขลัง แสตมป์ชุดพิเศษนี้มีพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พ.ย.68 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12) ณ วัดมงคลโคธาวาส จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นวัดต้นกำเนิดของเครื่องรางเสือหลวงพ่อปาน โดยแสตมป์ที่เข้าพิธีจะเป็นชุดพิเศษผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 ชุด มีทั้งแบบปรุและไม่ปรุ ในราคาชุดละ 1,300 บาท (1 ชุดมี 2 แผ่น) เปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.เป็นต้นไป หรือจนกว่าของจะหมด

สำหรับการจัดจำหน่ายทั่วไปจะเริ่มในวันที่ 5 ธ.ค.68 แสตมป์จำหน่ายในราคาดวงละ 5 บาท เต็มแผ่น 20 ดวง ราคา 100 บาท โดยประชาชนสามารถหาซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์แสตมป์ไทย (BTS สะพานควาย) ไปรษณีย์ทั่วประเทศ รวมถึงเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ThailandPostMart หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง LINE @stampinlove

"แสตมป์ไม่ใช่แค่ดวงติดจดหมาย แต่คือสื่อศรัทธาที่หลอมรวมศิลปะ วัฒนธรรม และความเชื่อไว้ในหนึ่งเดียว เราออกแบบแสตมป์เบญจภาคีเครื่องรางให้บูชาได้จริง ไม่ได้ทำเพื่อค้ากำไร แต่เพื่อให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะมีฐานะแบบไหน เข้าถึงพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ได้ในราคาหลักร้อย เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ 2569 อย่างเป็นสิริมงคล และในวันที่ความเชื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แสตมป์จึงกลับมาในฐานะสื่อร่วมสมัยที่ส่งต่อศรัทธาได้อย่างทรงพลัง" ดร.ดนันท์ กล่าว


ดร.ดนันท์ กล่าวว่า รายได้ของไปรษณีย์ไทยในไตรมาส 3 ปี 2568 ยังคงเผชิญความท้าทายต่อเนื่อง โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญ คือ ผลกระทบจากต้นทุนด้านบุคลากรที่ค่าแรงปรับขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีผลย้อนหลังถึงปีงบประมาณก่อนหน้า แต่แนวโน้มมีกำไรหลักร้อยล้านบาท

อย่างไรก็ดี แม้เศรษฐกิจจะผันผวน แต่ไปรษณีย์ไทยยังคงเดินหน้าปรับตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านบริการดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 15% ของทั้งองค์กร และตั้งเป้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เน้นความสะดวกและความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ส่วนความคืบหน้า (ร่าง) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการไปรษณีย์ พ.ศ. … ดร.ดนันท์ กล่าวว่า ขณะนี้ ผ่านความเห็นชอบและอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยได้เสนอข้อคิดเห็นเพิ่มเติมทั้งหมดแล้วเพื่อให้กฎหมายฉบับใหม่นี้สามารถตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ลดอุปสรรคต่อการแข่งขัน และสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ดร.ดนันท์ ยังเปิดเผยถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ซึ่งเน้นย้ำถึงการเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยใน 7 จังหวัดชายแดนกัมพูชา ผ่านโครงการสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งไปรษณีย์ไทยได้เข้าร่วมจัดส่งพัสดุฟรีให้แก่ผู้ค้าในโครงการถึง 1,000 รายแรก โดยร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายร่วมกับภาครัฐในลักษณะ ฟรีพันบาทแรก และลดราคาค่าขนส่งสำหรับกิโลแรก

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยยังต้องเผชิญกับอุปสรรคจากนโยบายกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะเส้นทางไปสหรัฐฯถูกระงับบริการชั่วคราว จนกระทบต่อรายได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ในปัจจุบันจะสามารถฟื้นฟูเส้นทางและคุณภาพบริการกลับมาได้บางส่วน แต่ก็ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ 100% ซึ่งส่งผลต่อความล่าช้าในการฟื้นตัวของรายได้ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้แน่นอน








กำลังโหลดความคิดเห็น