LINE MAN Wongnai เดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะเมืองรองด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล พบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ‘นครพนม’ เป็นจังหวัดที่มีการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ย จากจุดแข็งทั้งภูมิศาสตร์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และพลังของคนในพื้นที่ ร่วมขับเคลื่อนเมืองรองสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ
ข้อมูลล่าสุดจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬาชี้ว่า จังหวัดนครพนมมีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างก้าวกระโดด ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและยอดการใช้จ่ายสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภาคอีสาน โดยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 49 ของประเทศ คิดเป็นมูลค่าราว 2,500 ล้านบาท
ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จุดแข็งที่สำคัญที่สุดของนครพนมคือ “คน” ที่มีความสามัคคีและพร้อมที่จะร่วมมือกันพัฒนาจังหวัด นอกจากนี้ จังหวัดยังมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่ครบทุกมิติ ดังคำขวัญ "พระธาตุพนมค่าล้ำ วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูภูไท เรือไฟโสภา งามตาฝั่งโขง”
ในอนาคตอันใกล้ จังหวัดนครพนมจะได้รับการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ เช่น โครงการรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2571 รวมถึงแลนด์มาร์คใหม่อย่างชิงช้าสวรรค์ “แม่โขงริเวอร์อาย” ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ชนนท์ กุลตั้งวัฒนา ประธาน YEC นครพนม ให้ข้อมูลเสริมว่า จังหวัดนครพนม สามารถพัฒนาศักยภาพได้ทั้งในเรื่องของภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ เพราะเป็นประตูการค้าชายแดนที่สำคัญในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 อยู่ห่างจากเวียดนามเพียง 330 กิโลเมตร ทำให้เป็นเส้นทางหลักในการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีน สร้างมูลค่าการค้าชายแดนได้ถึง 120,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
ขณะที่ในส่วนของการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม นครพนมมีทิวทัศน์ริมฝั่งโขงที่สวยงามยาวกว่า 100 กิโลเมตร และมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและความเชื่อที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น องค์พระธาตุพนม, พญาศรีสัตตนาคราช และถ้ำนาคี สิ่งเหล่านี้ทำให้ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังจากการสร้างองค์พญาศรีสัตตนาคราชในปี 2559 ที่เปลี่ยนให้นครพนมกลายเป็นเมืองพักที่ไม่ใช่แค่เมืองผ่านอีกต่อไป
แพลตฟอร์มดิจิทัล เครื่องมือพลิกเกมร้านอาหารท้องถิ่น
อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai กล่าวเสริมว่า ยอดสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มในจังหวัดนครพนมมีอัตราการเติบโต 16% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภาคอีสานซึ่งอยู่ที่ 14% สอดคล้องกับเทรนด์ “เมืองรองกำลังโต”
ขณะที่จำนวนออเดอร์เติบโต 12% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยภาคอีสานอยู่ที่ 10% และจำนวนผู้ใช้เติบโต 11% จากค่าเฉลี่ย 5% โดยเมนูยอดนิยมคือ ส้มตำป่า ส้มตำปูปลาร้า และเครื่องดื่มคือกาแฟดำ ซึ่งสะท้อนถึงการขยายตัวของฐานลูกค้าและความนิยมในบริการเดลิเวอรีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม LINE MAN Wongnai ยังช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับไรเดอร์ โดยไรเดอร์ในภาคอีสานมีรายได้เฉลี่ย 480 บาทต่อวัน ซึ่งสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และมีไรเดอร์ที่สามารถสร้างรายได้สูงสุดถึง 3,500 บาทต่อวัน
ซอฟต์พาวเวอร์ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พาผลผลิตท้องถิ่นสู่ระดับประเทศ
วิศรุต สร้อยคำ เจ้าของร้าน ชีวาคาเฟ่ By SK Sroikham หนึ่งในผู้ประกอบการ ให้ข้อมูลเพิ่มว่า ที่ผ่านมาในร้านได้นำของดีนครพนมอย่าง "กาละแม" ซึ่งเป็นสินค้า OTOP มาสร้างสรรค์เป็นเมนูเครื่องดื่มและไอศกรีมที่เป็นเอกลักษณ์ และนำ "ลิ้นจี่ นพ.1" ผลไม้ GI มาต่อยอดเป็นเมนูพิเศษ จนได้รับความสนใจจากห้างสรรพสินค้าชั้นนำในกรุงเทพฯ
โดยปัจจุบัน จำนวนคาเฟ่ในนครพนมได้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 15-20 ร้านเมื่อ 5 ปีก่อน มาเป็นกว่า 100 ร้านในปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงความนิยม และการเติบโตของเมืองที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่
ขณะที่ในส่วนของโครงการอย่าง "คนละครึ่ง" ในเฟสที่ผ่านมา ชีวาคาเฟ่ สามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 100-150% และสำหรับเฟสล่าสุดที่เพิ่งเริ่มต้น เพียง 6 วันก็ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว 150% ซึ่งการเข้าร่วมกับ LINE MAN Wongnai ในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ถึง 300%
ในอนาคตกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่นครพนม ให้ความเห็นว่า จะมุ่งเน้นการกระจายอีเวนต์การท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นตลอดทั้งปี เพื่อลดความแออัดในช่วงเทศกาล พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness) และศูนย์กลางการจัดประชุมและนิทรรศการ (MICE) เพื่อสร้างความครบเครื่องและดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาในพื้นที่


