xs
xsm
sm
md
lg

NetApp เปลี่ยนเกม AI (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับสัญญาณองค์กรโลกกำลังเปลี่ยนแปลงการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพราะดาวรุ่งอย่างเน็ตแอป (NetApp) ได้เปิดตัวโซลูชันที่มุ่งแก้ปัญหาคอขวดด้านข้อมูลโดยตรง จนเรียกได้ว่าเป็น "ตัวเปลี่ยนเกม" ในตลาดโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลอัจฉริยะ

โซลูชันพระเอกของเรื่องนี้คือ NetApp AFX ซึ่งมีความพิเศษที่การใช้สถาปัตยกรรมแบบ Disaggregated Storage พลิกจากที่ปกติแล้ว การจัดเก็บข้อมูลทั่วไปอาจต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างความเร็ว (Performance) หรือขนาดความจุ (Capacity) เช่น หากต้องการความเร็วสูง ความจุอาจต้องน้อยลง แต่ AFX ได้แยกส่วนทั้งสองออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้ลูกค้าสามารถขยายทั้งความเร็วและความจุได้พร้อมกันโดยไม่ต้องแลกอะไร จึงสามารถทำความเร็วในการประมวลผลข้อมูล AI ได้น่าทึ่ง 100 GB ต่อวินาที

อรรณพ วาดิถี ผู้จัดการเน็ตแอพ ประจำประเทศไทย
นอกจากโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลที่ทั้งเร็วทั้งใหญ่ NetApp ยังได้เปิดตัว NetApp AI Data Engine ซึ่งเป็นบริการด้านข้อมูลที่เข้ามาจัดการกับปัญหาหลักที่พ่นพิษจนทำให้หลายโครงการ AI ล้มเหลว ที่ผ่านมา โครงการ AI ส่วนใหญ่มักไม่ล้มเพราะอัลกอริทึม แต่คว้าน้ำเหลวบนความยากลำบากในการเตรียมข้อมูลต้นทางที่กระจัดกระจายและสลับซับซ้อน

นายอรรณพ วาดิถี ผู้จัดการเน็ตแอพ ประจำประเทศไทย อธิบายว่าขั้นตอนการเตรียมข้อมูลนี้มักนำไปสู่การทำสำเนาข้อมูลซ้ำซ้อนมากถึง 7-10 ชุด AI Data Engine จึงเข้ามาตอบโจทย์ในการรวบรวมข้อมูลอย่างมีระบบ ไม่ว่าข้อมูลจะอยู่บนศูนย์ข้อมูลส่วนตัว (Private Cloud) หรืออยู่บนคลาวด์สาธารณะ (Multi-Cloud) เช่น AWS, Microsoft Azure, หรือ Google GCP เพื่อจัดเตรียมข้อมูลให้มีความพร้อมสำหรับกระบวนการเรียนรู้ของ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


“การผสานรวมกันระหว่างความเร็วระดับสูงของ AFX และการบริหารจัดการข้อมูลที่ชาญฉลาดของ AI Data Engine จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าอย่างมาก โซลูชันนี้มุ่งเป้าไปที่องค์กรระดับท็อปที่ต้องการความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูงจากการลงทุนด้าน AI โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องการสร้าง Data Pipeline ในการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล

***สยายปีกคลุมเอเชีย

NetApp เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาด 23,300 ล้านดอลลาร์ และมีรายรับต่อปีประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางพนักงานนับหมื่นคนทั่วโลก บริษัทเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับเจ้าพ่อชิปอย่างเอ็นวิเดีย (Nvidia) มีความสามารถพิเศษในการนำซอฟต์แวร์ไปฝัง (embed) อยู่บนแพลตฟอร์มคลาวด์ทุกค่าย ทำให้การโยกย้ายงาน (Workload) ระหว่างระบบ On-premise ที่มีในองค์กรและ Hyper-Scaler ของผู้ให้บริการคลาวด์เป็นไปอย่างง่ายดาย

NetApp มองว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รอบนี้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการต่อยอดธุรกิจในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ที่พบว่าจำนวนพาร์ทเนอร์ของ NetApp ที่เข้ามาทำโซลูชัน AI ได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


สำหรับตลาดประเทศไทย อรรณพระบุว่าแม้จะอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความตึงตัว แต่ NetApp Thailand ยังคงสามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายให้กับบริษัทได้ในระดับเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์ในปี 2568 จะเน้นการสร้างการรับรู้ และเสริมความเป็นผู้นำทางความคิด (Thought Leadership) ในการพัฒนานวัตกรรม AI และการทรานสฟอร์เมชันสู่คลาวด์

3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่คาดว่าจะมีการลงทุนในโซลูชัน AI ของ NetApp อย่างเข้มข้น ได้แก่ 1. สถาบันการเงินและการธนาคาร ถูกคาดการณ์ว่าจะยังคงเป็นกลุ่มที่นำหน้าในการลงทุนด้าน AI เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การจัดการความเสี่ยง และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ 2. ภาครัฐ เห็นได้จากนโยบายรัฐบาลที่มีการลงทุนด้าน AI มหาศาล และเป็นกลุ่มที่อยู่ในการบริหารข้อมูลขนาดใหญ่จากประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการใช้ AI

และ 3. เฮลท์แคร์ (Health Care) ซึ่งเป็นอีกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล (เช่น ข้อมูลผู้ป่วย, ไฟล์ภาพ X-ray) และมีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต

อรรณพระบุว่าเป็นครั้งแรกของวงการ Storage ระดับองค์กรที่มีการใช้ AI ตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้งาน
ในภาพรวม อรรณพชี้ว่าประเทศไทยมีแผนจะลงทุนด้าน AI อย่างมหาศาลในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ตื่นตัวกับการใช้ AI โดยเฉพาะ Generative AI (เช่น ChatGPT). อย่างไรก็ตาม รายงานจากสื่อต่างประเทศพบว่าโครงการ AI ส่วนใหญ่อาจไม่เกิดขึ้นจริง เพราะยังไม่สามารถหาผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ชัดเจนได้ โดยความท้าทายหลักของการทำ AI ในองค์กรไทยคือความซับซ้อนของการบริหารจัดการข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่หลายที่ นอกจากนี้ ความสำเร็จของ AI ยังขึ้นอยู่กับ "ประวัติศาสตร์ของบริษัท" หรือคุณภาพการจัดเก็บข้อมูลในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา

***เก่ง กันภัย กู้ได้

นอกจากนวัตกรรมด้าน AI แล้ว NetApp ยังเปิดตัวฟีเจอร์ต้านแรนซัมแวร์ ซึ่งรวมถึงการป้องกันข้อมูลรั่วไหล (Data Breach Detection) โดยเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ถูกฝังอยู่ในระบบเก็บข้อมูลหรือ Storage บนเป้าหมายให้ลูกค้าสามารถเพิ่มความปลอดภัยและกู้คืนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที หากถูกโจมตี


NetApp ระบุว่าเป็นครั้งแรกของวงการ Storage ระดับองค์กรที่มีการใช้ AI ตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติของผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการพยายามขโมยข้อมูล เปรียบเสมือนการมี รปภ. อัจฉริยะที่คอยสอดส่องและแจ้งเตือนทันทีเมื่อมีคนพยายามจะลักลอบขนของออกจากโกดังข้อมูล ก่อนที่ความเสียหายจะบานปลาย

ทั้งหมดนี้ NetApp วางสภาพแวดล้อมการกู้คืนแบบแยกส่วน (Isolated Recovery Environments) ซึ่งช่วยให้องค์กรกู้คืนข้อมูลและเวิร์กโหลดได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ ว่าข้อมูลที่นำกลับมาใช้งานนั้นปลอดจากมัลแวร์ 100 เปอร์เซ็นต์ ป้องกันการเป็นเหยื่อซ้ำซ้อนได้อย่างเด็ดขาด ช่วยให้องค์กรได้รับสัญญาณเตือนล่วงหน้า

แปลว่า NetApp จะเปลี่ยนเกมทั้งในด้านประสิทธิภาพ AI และความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย.


กำลังโหลดความคิดเห็น