ผ่า Fact Sheet เอกสารข้อเท็จจริงกรณีสหรัฐอเมริกาลงนามในข้อตกลงการค้ากับ 4 ชาติพันธมิตรอาเซียน รวมไทย เมื่อวันอาทิตย์ (26 ต.ค.) ในความพยายามจัดการภาวะไม่สมดุลทางการค้าและซัปพลายเชน ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของจีนที่คุมเข้มการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ
เว็บไซต์ ustr.gov เผยแพร่ข้อมูลในข้อตกลงโดยเรียกว่าการบรรลุกรอบข้อตกลงการค้าแบบต่างตอบแทน โดยประเด็นใหญ่น่าจับตาในวงการอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลไทยคือการผ่อนคลายข้อจำกัดการเป็นเจ้าของโดยชาวต่างชาติในภาคโทรคมนาคมของไทย
ไทยให้คำมั่นที่จะผ่อนปรนข้อจำกัดการเป็นเจ้าของโดยชาวต่างชาติสำหรับการลงทุนของสหรัฐฯ ในภาคโทรคมนาคม นอกจากนี้ รัฐบาลตกลงจะยอมยกเลิกข้อกำหนดการประมวลผลการชำระเงินในประเทศทั้งหมด หรือ in-country processing requirements สำหรับธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับการค้าปลีกภายในประเทศ ด้วยบัตรเดบิตที่ออกในประเทศไทย
***ปูทาง FinTech โต
การที่ไทยจะยกเลิกข้อกำหนดการประมวลผลภายในประเทศ สำหรับธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการค้าปลีกภายในประเทศ ด้วยบัตรเดบิตที่ออกในประเทศไทย นั้นถือเป็นการทลายข้อกำหนดเดิมที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญต่อบริษัทฟินเทค (FinTech) และผู้ให้บริการบัตรเครดิตระดับโลก
การเลิกบังคับให้การทำธุรกรรมต้องประมวลผลและเก็บข้อมูลภายในประเทศ อาจเป็นการเปิดประตูสู่ประสิทธิภาพและความเร็วที่สูงขึ้นในระบบชำระเงินของไทย เพราะจะช่วยให้สามารถใช้ศูนย์ประมวลผลข้อมูลระดับภูมิภาคหรือระดับโลกได้โดยตรง
ผลกระทบเบื้องต้นคือจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานให้กับผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ของสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่การพัฒนาระบบชำระเงินที่ทันสมัยยิ่งขึ้นในตลาดค้าปลีกของไทย
ในด้านการผ่อนปรนข้อจำกัดการถือครองโดยชาวต่างชาติในภาคโทรคมนาคม (Thailand Eases Foreign Ownership in Telecom) ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะผ่อนปรนข้อจำกัดนี้ ทั้งที่ภาคโทรคมนาคมมักถูกจัดเป็นภาคส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลส่วนใหญ่มีการควบคุมการถือครองโดยชาวต่างชาติอย่างเข้มงวด
การที่ไทยผ่อนปรนข้อจำกัดเหล่านี้สำหรับการลงทุนของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการเปิดเสรีที่สำคัญ ผลกระทบเบื้องต้นคือจะเพิ่มโอกาสให้บริษัทโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนหรือขยายกิจการในไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจนำมาซึ่งเทคโนโลยีเครือข่ายใหม่ และการแข่งขันที่สูงขึ้นในภาคบริการโทรคมนาคม
ในข้อตกลงนี้ ไทยแสดงจุดยืนมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการหลีกเลี่ยงมาตรการป้องกันทางเทคโนโลยี หรือ technological protection measures (TPM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ผู้ผลิตสื่อดิจิทัลใช้เพื่อควบคุมการเข้าถึงและการคัดลอกลิขสิทธิ์ การที่ไทยให้คำมั่นว่าจะจัดการกับการหลีกเลี่ยง TPM แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ดิจิทัลในระดับเทคนิคขั้นสูง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้สร้างสรรค์และผู้เผยแพร่เนื้อหาดิจิทัลของสหรัฐฯ
ผลที่ตามมาจากข้อตกลงนี้ คือการช่วยเพิ่มการคุ้มครองสำหรับภาพยนตร์ เพลง และซอฟต์แวร์ดิจิทัลของสหรัฐฯที่ขายในไทย และอาจนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายลิขสิทธิ์ดิจิทัลที่เข้มงวดขึ้น
***อาเซียนยอม เว้นเก็บภาษีบริการดิจิทัล
นอกจากไทย รัฐบาลมาเลเซียจะให้การคุ้มครองแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสหรัฐฯ โดยจะงดเว้นการเรียกเก็บภาษีบริการดิจิทัล และจะไม่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและผู้ให้บริการออนไลน์ของสหรัฐฯ ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนภายในประเทศของมาเลเซีย
ที่ผ่านมา หลายประเทศอาจพยายามบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์ (Big Tech) มีส่วนร่วมทางการเงินในโครงการท้องถิ่น เช่น กองทุนพัฒนาสื่อ หรือกองทุนด้านโทรคมนาคม การที่มาเลเซียให้คำมั่นว่าจะไม่บังคับให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและผู้ให้บริการออนไลน์ของสหรัฐฯ ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนภายในประเทศนั้น เป็นการรับประกันด้านกฎระเบียบที่สำคัญสำหรับบริษัทเหล่านี้ ผลเบื้องต้นคือช่วยปกป้องผลกำไรของบริษัทดิจิทัลสหรัฐฯ และรับรองว่า Big Tech จะไม่ต้องเผชิญกับภาระทางการเงินเพิ่มเติมที่ไม่คาดคิด
ในส่วนของเวียดนาม รัฐบาลยืนยันว่าการถ่ายโอนข้อมูลข้ามพรมแดน จะไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลข้ามพรมแดนออกจากประเทศอีกต่อไป เป็นการยืนยันความเสรีในการถ่ายโอนข้อมูลข้ามพรมแดน (Vietnam Affirms Free Cross-Border Data Transfer) ซึ่งน่าสนใจมากในยุคที่ทั่วโลกมีแนวโน้มในการกำหนดข้อจำกัดด้านการแปลข้อมูล (data localization)
ในภาพรวม การยืนยันอย่างชัดเจนของเวียดนามว่าไม่ต้องการใบอนุญาตสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลข้ามพรมแดน ย่อมจะเป็นการรับประกันว่าธุรกิจสหรัฐฯ ที่ดำเนินงานในเวียดนาม สามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลทางธุรกิจได้อย่างเสรีมากขึ้น
ส่วนนี้เป็นสิ่งเดียวกับที่กัมพูชารับปากด้วย โดยกัมพูชาได้ให้คำมั่นที่จะรับประกันให้มีการถ่ายโอนข้อมูลข้ามพรมแดนอย่างเสรี แต่ต้องเป็นพรมแดนที่เชื่อถือได้สำหรับการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ เวียดนามยังได้ขยายระยะเวลาใบอนุญาตสำหรับสินค้าที่มีการเข้ารหัส หรือ cryptography ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์และซอฟต์แวร์เทคโนโลยีสมัยใหม่ การขยายระยะเวลาใบอนุญาตนำเข้าสำหรับสินค้าเหล่านี้เป็นการผ่อนคลายมาตรการ ที่ช่วยลดความยุ่งยากทางกฎหมายและธุรการในการนำเข้าอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงจากสหรัฐฯ เข้าสู่เวียดนาม ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัย (security) สูง
เบ็ดเสร็จแล้ว ข้อตกลงนี้จะเพิ่มศักยภาพการส่งออกบริการดิจิทัลของสหรัฐฯ สู่อาเซียนอย่างชัดเจนแน่นอน.


