xs
xsm
sm
md
lg

เดิมพันครั้งใหม่ AIS คาดหวัง Non-Mobile พาธุรกิจโต (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ความท้าทายจากดิจิทัล และ AI ได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรใหญ่ที่มีมาร์เก็ตแคป หรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมอย่าง AIS ต้องมีการเตรียมความพร้อม เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ AIS ต้องปรับตัว แต่จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ทำให้องค์กรที่มีอายุกว่า 35 ปี ปรับตัวและกลายเป็น Cognitive Tech-Co ที่อยู่เคียงข้างคนไทย

ปัจจัยหนึ่งที่ทุกคนเห็นได้ชัดเจนคือเรื่องของการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จากการที่เหลือเจ้าใหญ่ในตลาดเพียง 2 ราย ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตของการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และการให้บริการโมบายอินเทอร์เน็ต ไม่ได้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกต่อไป และยังเผชิญกับการลงทุนอย่างต่อเนื่องจากเครือข่าย 5G และการเพิ่มคุณภาพสัญญาณเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น

ที่ผ่านมาการให้บริการลูกค้าในฝั่งของธุรกิจโมบายจากโอเปอเรเตอร์เริ่มถึงจุดอิ่มตัว จนทำให้ต้องปรับตัวครั้งใหญ่อย่างการควบรวม 3BB ในปี 2023 ให้กลายมาเป็น AIS 3BB Fibre3 เพื่อให้บริการฟิกซ์บรอดแบนด์ จนทำให้ปัจจุบัน AIS มีฐานลูกค้าทั้งโมบาย และบรอดแบนด์รวมกันกว่า 51 ล้านราย

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ว่า มีด้วยกัน 2 มิติหลักๆ คือการขยายธุรกิจไปในส่วนของเอนเตอร์ไพรส์มากยิ่งขึ้น ทั้งการให้บริการคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ AIS มีการลงทุนร่วมกับออราเคิล เพื่อรองรับการใช้งานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

รวมถึงโอกาสอื่นๆ จะเข้ามาอย่างมหาศาลในยุคของ AI ทำให้ธุรกิจที่นอกเหนือจากการให้บริการมือถือ (Non-Mobile) มีโอกาสเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก ซึ่งปัจจุบันรายได้หลักของ AIS 80% - 90% ยังมาจากธุรกิจ Mobile อยู่ แต่เชื่อว่าในอนาคตภายใน 3 ปีข้างหน้าธุรกิจ Non-Mobile มีโอกาสเพิ่มสัดส่วนขึ้นมาเกิน 20%

“การเพิ่มสัดส่วนของ Non-Mobile ไม่ได้จะเข้าไปแทนที่ธุรกิจ Mobile เพราะในฝั่งของธุรกิจมือถือ ยังมีความหวังของอุตสาหกรรมที่จะได้เห็น New S-Curve จากบริการ หรือซูเปอร์แอปฯ ที่จะเข้ามากระตุ้นให้เกิดการใช้งาน เพราะกับการใช้งานเทคโนโลยีปัจจุบันเครือข่าย 5G ที่มีความเร็วสูงเพียงพอกับการใช้งานอยู่แล้ว”


ส่วนหนึ่งที่หวังคือการมาของ AI และ AR/VR ที่มีโอกาสเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้น เมื่อโครงสร้างพื้นฐานในการใช้งานมีความพร้อมมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดการพัฒนา เพราะแน่นอนว่า ในความเป็นจริง เทคโนโลยีจะไม่มีประโยชน์ถ้าไม่มีการพัฒนาแอปฯ ที่มารองรับกับการใช้งาน

จะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน AIS มีการแยกธุรกิจออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็น ธุรกิจหลัก (Core Business) หรือธุรกิจเดิมที่มีอยู่ทั้ง โมบาย บรอดแบนด์ และธุรกิจองค์กร อีกส่วนคือธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต (Growth Engine) ที่มีการขยาย และลงทุนเพิ่มเติมทั้งธุรกิจรีเทล ธุรกิจความบันเทิง และดิจิทัลไฟแนนซ์ ที่จะมีโอกาสเพิ่มสัดส่วนรายได้มากขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังได้มีการแต่งตั้งผู้ช่วยที่เข้าไปในแต่ละสายงาน ไม่ว่าจะเป็น ปรัธนา ลีลพนัง ที่รับหน้าที่ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านปฏิบัติการ ที่จะดูแลธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้ AIS ในวันนี้ ตามด้วย ธีร์ สีอัมพรโรจน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการเงิน ที่จะรับหน้าที่ดูแลธุรกิจใหม่ๆ ทั้ง Digital Bank, Virtual Bank รวมถึงอะไรต่างๆ ที่ต้องลงทุน

สุดท้ายคือ กานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจองค์กร ที่ปัจจุบันนอกจากดูแลในเรื่องของ HR ยังครอบคลุมไปถึงหลังบ้านทั้งการจัดซื้อ และเป็นส่วนสำคัญที่จะเข้าไปซัพพอร์ตให้ 2 ผู้บริหารสามารถออกไปรบได้อย่างไม่ต้องกังวลใดๆ รวมถึงยังมีผู้บริหารระดับ C-Level อีก 4 ราย ที่เข้ามาช่วยกัน

“สิ่งที่ AIS จะทำต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ ก็คือเรื่องของการใช้ AI เพื่อจะทำให้ประเทศชาติเติบโตได้อย่างยั่งยืน เรากำลังใช้เครื่องมือทาง AI ทุกอย่างเข้ามาทำให้มันเกิดผลให้มาก และสิ่งที่เกิดผลนี้ ไม่ใช่เฉพาะ AIS แต่คิดถึงประเทศชาติ ที่จะต้องแข่งขัน อยู่รอด และเติบโตต่อไปในอนาคต”

ย้อนดู 3 ยุค โทรคมฯ ไทย

สมชัย ยังพาย้อนดูถึงการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจโทรคมนาคมประเทศไทย รวมถึง AIS ที่มีอายุ 35 ปี ก้าวสู่ปีที่ 36 ว่า ปัจจุบันกำลังอยู่ในยุคที่ 3 ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว และเริ่มแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น เริ่มออกดอกออกผลมาให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว

จุดเริ่มต้นของการให้บริการ AIS คือ 1 ตุลาคม 1990 ที่ได้รับสัญญาณสัมปทานจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ให้นำคลื่นความถี่ 900 MHz มาให้บริการ ก่อนเสริมด้วย GSM 2 วัตต์ ที่หลายคนรู้จักกันดี และนับเป็นยุคแรกของการเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (Mobile - Telecom Operator) ที่ยาวนานต่อเนื่องมาถึงปี 2014

โดยในปี 2014 นับเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญในตอนที่ ‘สมชัย’ ก้าวขึ้นมาเป็น CEO ของ AIS และประกาศว่าจะเปลี่ยนจาก Mobile Operator ไปสู่ Digital Service Provider ซึ่งเป็นยุคที่ 2 ด้วยการขยายธุรกิจไปยังบรอดแบนด์ผ่าน AIS Fibre พร้อมกับการเปลี่ยนผ่านจากสัญญาสัมปทานในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไปสู่รูปแบบของใบอนุญาต เกิดการประมูลคลื่นความถี่ 3G 4G และ 5G ต่อเนื่องกันมา

ก่อนที่ในปี 2022 ที่เริ่มการเปลี่ยนแปลงจาก Digital Service Provider ไปเป็น Cognitive Tech-Co ซึ่งก็คือ การเป็น Digital Service Provider ที่ฉลาดขึ้น มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการให้บริการที่รวดเร็ว และมีคุณภาพมากขึ้น จนทำให้ AIS กลายเป็นผู้นำในธุรกิจนี้อย่างยั่งยืน และอยู่คู่กับทุกวิกฤตของคนไทย

“ส่วนสำคัญที่เห็นได้ชัดเจนคือ ในทุกวิกฤตของเรื่องต่างๆ AIS จะวิ่งเข้าไปอยู่เสมอ ไม่ใช่เรื่องของการบริจาคเงิน หรือเรื่องของการช่วยเหลือสังคมในด้าน CSR แต่เป็นการนำสินค้าอย่าง Digital Infrastructure เข้าไปช่วยเหลือในหลายวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์อย่าง ตึกสตง. ถล่ม หรือแม้แต่ในวันที่พื้นทรุดหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ทีมวิศวกรก็พร้อมเข้าไปสนับสนุนในพื้นที่”



กำลังโหลดความคิดเห็น