อินเทล (Intel) ประกาศความคืบหน้าในการเตรียมส่งมอบชิปประมวลผลรุ่นใหม่ทั้ง Intel Core Ultra รุ่นที่ 3 (Panther Lake) และ Intel Xeon 6+ (Clearwater Forest) ที่ผลิตขึ้นบนสถาปัตยกรรม 18A เป็นครั้งแรก และเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนมูลค่ากว่า 1 แสนล้านเหรียญในการขยายฐานการผลิตในโรงงานสหรัฐฯ
ลิปบู ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทล กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการประมวลผลที่ขับเคลื่อนโดยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ แพลตฟอร์มของอินเทลผสานเข้ากับกระบวนการผลิตขั้นสูง ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดนวัตกรรมในทุกภาคส่วน
“สหรัฐฯ ยังคงเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญของเรา และเราภูมิใจที่ได้สานต่อความสำเร็จนี้ด้วยการขยายนวัตกรรมและการผลิตภายในประเทศ”
สำหรับ โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra รุ่นที่ 3 (Panther Lake) ถูกออกแบบมาใช้งานกับ AI PC รวมถึงอุปกรณ์เกมมิ่งและโซลูชัน Edge โดยเป็น System-on-Chip (SoC) รุ่นแรกที่สร้างบนเทคโนโลยี Intel 18A พร้อมสถาปัตยกรรมแบบมัลติชิปเล็ตที่ยืดหยุ่น
คุณสมบัติเด่นของ Panther Lake คือมาพร้อมหน่วยประมวลผล 2 แบบ (P-core และ E-core) สูงสุด 16 คอร์ มอบประสิทธิภาพ CPU เร็วขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมกราฟิก Intel Arc ที่ให้คอร์ประมวลผลสูงสุด 12 คอร์ ให้ประสิทธิภาพด้าน กราฟิกเร็วขึ้นกว่า 50%
ในส่วนของ AI ให้พลังประมวลผลสูงสุดถึง 180 Platform TOPS ซึ่งชิปรุ่นนี้ นอกจากนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว ในแอปพลิเคชัน Edge ที่ล้ำสมัย เช่น หุ่นยนต์ ผ่านชุดซอฟต์แวร์ Intel Robotics AI
ทั้งนี้ Panther Lake จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตในปริมาณมากภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบผลิตภัณฑ์ชุดแรกก่อนสิ้นปี และวางจำหน่ายในตลาดอย่างเป็นทางการร่วมกับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในเดือนมกราคม 2026
ขณะที่ ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ อินเทลได้เปิดตัว Clearwater Forest โปรเซสเซอร์ E-core เจเนอเรชันใหม่ภายใต้แบรนด์ Intel Xeon 6+ ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่บริษัทเคยพัฒนามา และสร้างบนเทคโนโลยี Intel 18A เช่นกัน
Intel Xeon 6+ มีจำนวนคอร์ประมลผล มี E-core สูงสุดถึง 288 คอร์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อรอบในการทำงานขึ้น 17% รวมถึงออกแบบมาเพื่อศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Hyperscale) โดยเฉพาะผู้ให้บริการคลาวด์ และโทรคมนาคม เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานและรองรับเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน
สำหรับ สถาปัตยกรรม Intel 18A จะใช้กระบวนการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรรุ่นแรกที่พัฒนาและผลิตในสหรัฐฯ โดยมอบประสิทธิภาพต่อวัตต์ที่ดีขึ้นสูงสุด 15% และเพิ่มความหนาแน่นของชิปได้มากขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี Intel 3 และจะกลายเป็นพื้นฐานของผลิตภัณฑ์ Intel ไปต่อเนื่องใน 3 รุ่นถัดไป