กสทช. อนุมัติงบปี 69 วงเงิน 1,500 ล้านบาท ขับเคลื่อนทุนวิจัย-สื่อสร้างสรรค์ คุมเข้ม SIM BOX ผ่าน VPN ต้องมีใบอนุญาต พร้อมไฟเขียว ททบ. ทดสอบระบบเตือนภัยผ่านทีวี 13 พ.ย.68
เมื่อวันที่ 24 ก.ย.68 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการประชุม กสทช. ครั้งที่ 28/2568 โดยเป็นการประชุมต่อเนื่องวันที่ 23-24 ก.ย.68 รวมเป็นเวลา 2 วัน
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กสทช.มีระเบียบวาระเข้าสู่การพิจารณารวม 60 วาระ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบแล้ว 31 วาระ ซึ่งครอบคลุมทั้งการออกประกาศ การอนุญาตกิจการ การพิจารณาอุทธรณ์ การทดลองทดสอบคลื่นความถี่ ตลอดจนการกำกับดูแลผู้รับใบอนุญาตและการพิจารณาข้อร้องเรียน
โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การอนุมัติให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.) ทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน (Emergency Warning System: EWS) ผ่านระบบทีวีดิจิทัล ซึ่งระบบดังกล่าวจะส่งข้อความเตือนภัยขึ้นหน้าจอโทรทัศน์ผ่านเครือข่าย MUX ของ ททบ. จำนวน 11 ช่อง อาทิ TNN, เวิร์คพอยท์, True4U, Nation TV, Mono 29, ONE, PPTV และช่อง 5 เป็นต้น ทั้งนี้ การทดสอบจะดำเนินการในวันที่ 13 พ.ย.68 เวลา 00.00-01.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ส่งผลกระทบน้อย โดยเลือกพื้นที่นำร่อง 2 แห่ง ได้แก่ สถานีบ้านนาไร่เดียว จ.พะเยา ครอบคลุม 4 อำเภอ และบางส่วนของ จ.ลำปาง และสถานีหลังสวน จ.ชุมพร ครอบคลุม 3 อำเภอ รวมถึงบางพื้นที่ของ จ.สุราษฎร์ธานี
ภายหลังการทดสอบ ผู้ประกอบการจะต้องรายงานผลต่อ กสทช. ภายใน 60 วัน โดยครอบคลุมทั้งข้อมูลด้านเทคนิค ปัญหาที่พบ และข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนาระบบ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพกลไกการแจ้งเตือนภัยในอนาคต
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศ กสทช. ว่าด้วยการควบคุมการใช้อุปกรณ์ SIM BOX และ Gateway ที่เชื่อมต่อผ่าน VPN โดยกำหนดให้ต้องขออนุญาตจาก กสทช. ก่อนนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือให้บริการโทรคมนาคม ทั้งนี้เพื่อป้องกันการนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การปลอมแปลงเลขหมายโทรศัพท์ (Caller ID Spoofing) ซึ่งมักถูกใช้หลอกลวงประชาชนและกระทำความผิดทางไซเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่อาชญากรรมดิจิทัลขยายตัวรวดเร็วและส่งผลกระทบวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความเชื่อมั่นต่อผู้ให้บริการโทรคมนาคม
พร้อมกันนี้ สำนักงาน กสทช. ยังได้เปิดช่องทางออนไลน์สำหรับการขอใบอนุญาตใช้อุปกรณ์ดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงสูง
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์การอนุญาตหน่วยตรวจสอบเครื่องโทรคมนาคม โดยได้กำหนดให้บุคลากรภายในหน่วยตรวจสอบต้องผ่านการอบรมตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 Lead Assessor และต้องมีประสบการณ์ตรงในสาขาที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อให้การตรวจสอบสอดคล้องกับเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่พัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้ง ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการกำกับติดตาม (Surveillance) หน่วยตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าหน่วยงานดังกล่าวยังคงดำเนินงานภายใต้กรอบมาตรฐานที่กำหนด และหากตรวจพบการละเมิดเงื่อนไข ก็สามารถดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตได้ในทันที
ในการบริหารจัดการกองทุนประจำปี 2569 ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดสรรวงเงินรวม 1,500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนาทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ 1) ทุนประเภท Open Grant จำนวน 300 ล้านบาท สำหรับสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมใหม่ 2) ทุนประเภท Strategic Grant วงเงิน 200 ล้านบาท สำหรับโครงการตามนโยบายและโครงการต่อเนื่อง 3) ทุนประเภท Flow Chart ซึ่งคิดจากร้อยละ 10 ของรายได้สำนักงาน กสทช. เพื่อใช้ตามนโยบายของ กสทช. และ 4) ทุนกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ วงเงิน 500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนภารกิจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ในส่วนของบริการโทรศัพท์แบบเติมเงิน ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างประกาศว่าด้วยการรักษาเลขหมายของผู้ใช้บริการ โดยกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตสามารถหักค่ารักษาเลขหมายจากยอดเงินคงเหลือในระบบได้ไม่เกินรอบละ 3 บาท ต่อระยะเวลา 30 วัน และสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง 6 รอบ หรือเท่ากับ 180 วัน ก่อนจะพิจารณายกเลิกบริการ ยกเว้นในกรณีที่ยอดเงินคงเหลือต่ำกว่าค่ารักษาในรอบถัดไป เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรเลขหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะเดียวกันยังเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในการรักษาเลขหมายเดิมให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ