บราเดอร์ (Brother) ทุ่มงบประมาณเกิน 10 ล้านบาทเปิดตัวแคมเปญ Trade-in ระดับประเทศครั้งใหญ่ในรอบ 7 ปี ตั้งชื่อ "ทิ้งไว้ทำซาก" สื่อเป้าหมายหลักหวังแก้ไขวิกฤตขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ในประเทศไทย มั่นใจกระตุ้นให้เกิดการอัปเกรดเครื่องพิมพ์ใหม่ในตลาดปลายปี 2568
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าโครงการ "ทิ้งไว้ทำซาก" ถูกนำกลับมาดำเนินการในช่วงเวลาสำคัญ เนื่องจาก Brother มองว่าตลาดเครื่องพิมพ์ยังคงมีโอกาสเติบโต แม้จะมีการแข่งขันสูงรวมถึงมีการพูดถึงยุคไร้กระดาษ (paperless) แต่ในความเป็นจริง ความต้องการด้านเอกสารยังคงมีอยู่ทั้งในหน่วยงานราชการ ธนาคาร และตลาดผู้บริโภค โดยผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความตระหนักในการจัดการขยะมากขึ้น
"เครื่องพิมพ์ถือเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ (electronic waste) ในระยะยาว การทิ้งที่ไม่ถูกวิธีอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพลาสติก โทนเนอร์ ซึ่งเป็นผงเล็ก ๆ และชิ้นส่วนอื่น ๆ หากถูกทิ้งไม่ถูกที่จะเป็นปัญหาอย่างยิ่ง สำหรับประเทศไทยมีขยะอิเล็กทรอนิกส์จากการบริโภคภายในประเทศสูงถึง 400,000 กว่าตัน ต่อปี มีการกำจัดอย่างถูกวิธีเพียง 500 ตัน เท่านั้น หรือไม่ถึง 1%"
นี่คือจุดเริ่มต้นของโครงการล่าสุด โดย Brother ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมเครื่องพิมพ์เก่า เพื่อนำไปทำลายอย่างถูกวิธี โดยคาดว่าในประเทศไทยมีครัวเรือนกว่า 21 ล้านครัวเรือน และมีเครื่องพิมพ์ที่พร้อมเปลี่ยนหรืออัปเกรดกว่า 21 ล้านเครื่อง บริษัทตั้งเป้าจะรวบรวมเครื่องพิมพ์เก่ากลับมาให้ได้ประมาณ 3,000 ราย ภายในระยะเวลา 2 เดือน
***ลงทุน 10 ล้านบาท คลุมโลจิสติกส์-ทำลายอย่างมืออาชีพ
กิตติพงศ์เผยว่างบประมาณที่ใช้ในแคมเปญนี้เกินหลัก 10 ล้านบาท โดยงบดังกล่าวไม่เพียงครอบคลุมส่วนลดที่ให้กับลูกค้าและกระเป๋า "รักษ์โลก" เท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี
"โลจิสติกส์ในการขนส่งเครื่องเก่ากลับมานั้นมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ Brother ยืนยันว่าจะไปรับเครื่อง ณ จุดรับที่ร้านดีลเลอร์ และนำไปทำลายโดยบริษัทที่เป็นมืออาชีพ จะมีการแยกชิ้นส่วน และจัดการตามระบบ ไม่ใช่การขายขยะเป็นกิโล"
กิตติพงศ์ชี้ว่าแคมเปญนี้แตกต่างจากการจัด Trade-in ครั้งก่อนหน้าที่เน้นเพียงเครื่องพิมพ์เลเซอร์ โดยครั้งนี้มุ่งเน้นเครื่องพิมพ์ทุกประเภททุกขนาด ทั้งเครื่องอิงค์แทงค์และเลเซอร์ที่เป็นขนาด A4 ลูกค้าสามารถนำเครื่องพิมพ์ A4 ยี่ห้อใดก็ได้มาร่วมโครงการ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดติดหรือใช้งานได้
ลูกค้าที่เข้าร่วมแคมเปญจะได้รับส่วนลด 500-2,000 บาท สำหรับการซื้อเครื่องพิมพ์ 8 รุ่นใหม่ที่ร่วมรายการ (ตั้งแต่รุ่นราคาประมาณ 3,790 บาท ไปจนถึง Color Laser ตัวท็อปราคา 19,990 บาท) นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้รับกระเป๋ารักษ์โลก และสำหรับรุ่น Yes Tank ใหม่ จะได้รับการขยายเวลารับประกันเป็น 3 ปี เมื่อลงทะเบียน โดยแคมเปญ "ทิ้งไว้ทำซาก" มีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 68
การกลับมาของแคมเปญ Trade-in นี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ซึ่งกิตติพงศ์ชี้ว่าสอดคล้องกับโครงการระดับโลกของบริษัทคือ "Brother Earth" และยังตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของ UN ครบ 3 ข้อ คือด้านความยั่งยืนต่อสังคม (Sustainability with Community), ด้านการบริโภคและการผลิต (Consumption and Production) และการลดโลกร้อน (Climate Action)
***ตลาดโปรเจ็กต์ชะลอตัว
ในภาพรวม กิตติพงศ์ยอมรับว่าตลาดคอนซูเมอร์ในช่วงปลายปีนี้ยัง "โอเคอยู่" แต่ตลาดงานโครงการหรือ Project Market อาจชะลอตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การผลักดันแคมเปญนี้จึงมุ่งเน้นการอัปเกรดสำหรับผู้ใช้งานตามบ้าน (Home use) และธุรกิจขนาดเล็ก (SOHO/Small Business) ในช่วงเวลานี้จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีในการขับเคลื่อนยอดขายเครื่องพิมพ์ใหม่
ที่สุดแล้ว Brother ย้ำว่าวัตถุประสงค์ของการลงทุน 10 กว่าล้านบาทนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่อง Carbon Credit หรือรายได้จากการขายเครื่องใหม่ แต่เน้นที่การเกิดขึ้นจริงของการได้ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเครื่องพิมพ์ไทยในการจัดการขยะอย่างถูกต้อง เชื่อว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมของตลาดในระยะยาว.