แกร็บ ผลักดันพาร์ทเนอร์คนขับรถยนต์และจักรยานยนต์ให้ขึ้นทะเบียนเป็นรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันอย่างถูกกฎหมายตามระเบียบกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เผยมีคนสมัครแล้วหลายหมื่นราย แต่ยังติดขั้นตอนจดทะเบียนรถ (รย.18) โดยเฉพาะเงื่อนไข "ต้องเป็นเจ้าของรถ" ที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของคนขับจำนวนมาก วอนรัฐบาลใหม่ทบทวนกฎระเบียบและนำระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อปลดล็อกโอกาสในการสร้างรายได้ให้คนไทย
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ทางแกร็บ ได้เริ่มโครงการส่งเสริมให้คนขับ Grab จดทะเบียนรถรับจ้างสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2565 โดยได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นให้คนขับเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“แกร็บ มีทีมงานของเราคอยให้ความช่วยเหลือที่สำนักงานขนส่งใน 5 จังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และขอนแก่น นอกจากนี้ยังมอบอินเซนทีฟและสิทธิประโยชน์อื่นๆ มูลค่าสูงสุดถึง 7,000 บาท เพื่อจูงใจคนขับ ซึ่งปัจจุบันมีคนขับทั่วประเทศที่มีใบขับขี่สาธารณะพร้อมให้บริการแล้วหลายหมื่นคน"
แม้ว่าคนขับจำนวนมากจะผ่านด่านแรกในการทำใบขับขี่สาธารณะได้แล้ว แต่ความท้าทายสำคัญยังคงอยู่ที่การนำรถไปจดทะเบียนเป็นรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (รย.18) โดยอุปสรรคสำคัญที่สุดที่สะท้อนจากเสียงของคนขับคือ เงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้จดทะเบียนต้องเป็นเจ้าของรถเท่านั้น
ประเด็นดังกล่าวไม่เอื้อต่อคนขับจำนวนมากในระบบที่ยังติดสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทไฟแนนซ์ หรือกลุ่มที่เช่ารถยนต์และจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาให้บริการ ซึ่งกรรมสิทธิ์ในสมุดทะเบียนรถยังคงเป็นชื่อของบริษัทไฟแนนซ์หรือบริษัทผู้ให้เช่า ข้อจำกัดนี้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนขับจำนวนมากไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้อย่างถูกต้อง
นายวรวุฒิ วันสูงเนิน ตัวแทนคนขับผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอป กล่าวว่า คนขับส่วนใหญ่อยากทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจะได้บริการผู้โดยสารอย่างสบายใจ แต่กระบวนการที่ซับซ้อนและเงื่อนไขเรื่องเจ้าของรถทำให้หลายคนไปต่อไม่ได้ อยากให้หน่วยงานรัฐทบทวนเงื่อนไขและขยายเวลาจดทะเบียน เพื่อเปิดทางให้พวกเราสามารถหารายได้เลี้ยงชีพได้ โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจซบเซาแต่ค่าครองชีพสูงขึ้น
เบื้องต้น ทางแกร็บ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหา ผ่านกรณีศึกษาของประเทศมาเลเซีย ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการจดทะเบียน ผ่านออนไลน์ที่ยืดหยุ่น เช่น ไม่บังคับให้ระบุรหัสประเภทรถบริการสาธารณะในสมุดคู่มือทะเบียนรถ แต่จะบันทึกในระบบออนไลน์ของภาครัฐแทน ทำให้คนขับไม่กังวลว่ามูลค่ารถมือสองจะตกเมื่อต้องการซื้อขายในอนาคต ซึ่งเป็นโมเดลที่น่าสนใจและช่วยให้คนขับกล้านำรถมาจดทะเบียนมากขึ้น
ทั้งนี้ แกร็บ พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในการพัฒนากระบวนการจดทะเบียนให้มีความทันสมัยและสะดวกมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยปลดล็อกศักยภาพของคนขับจำนวนมากให้สามารถเข้าถึงการประกอบอาชีพและสร้างรายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งอุตสาหกรรมและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป