xs
xsm
sm
md
lg

'ประเสริฐ' ปั้นรัฐดิจิทัล 2 ปี ส่งไม้ต่อก่อนอำลาดีอี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



2 ปีในกระทรวงดีอี 'ประเสริฐ' ส่งไม้ต่อรัฐดิจิทัล ปั้น AOC 1441-บอร์ด AI แห่งชาติ-คลังดาต้า สร้างโครงเศรษฐกิจใหม่ ทิ้งโจทย์หิน NT ขาดทุนหนัก กฎหมายค้าง 3 ฉบับ บุคลากรไอทียังขาดแคลน

"ถ้าวันที่ 5 ก.ย.68 เลือกนายกรัฐมนตรีได้ ผมก็ต้องเก็บกระเป๋าออกจากกระทรวงดีอีแล้วล่ะ" 
คำกล่าวด้วยรอยยิ้มเจืออารมณ์ขันของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) หยอกล้อสถานการณ์การเมือง เมื่อวันที่ 3 ก.ย.68 สะท้อนชัดว่าการเปลี่ยนถ่ายอำนาจของ ครม.อิ๊งค์ 2 กำลังเริ่มขึ้น

2 ปี ในเก้าอี้เจ้ากระทรวงดีอี ผลงานที่เจ้าตัวยกขึ้นหิ้งว่าภูมิใจที่สุด คือ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (ศูนย์ AOC 1441) คว้ารางวัลด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติ จากสายด่วนเล็กๆ รับแจ้งภัยไซเบอร์ ถูกอัปเกรดเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลเรียลไทม์ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปจนถึงค่ายมือถือ กลายเป็นฐานข้อมูลล่ามือมืด บัญชีม้า และเบอร์ปลอมที่สร้างความเสียหายให้คนไทย

"ระบบเริ่มบูรณาการแล้ว แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือการสร้าง คลังข้อมูลกลาง (Data Lake) ให้ทุกหน่วยงานเข้าถึงบัญชี เบอร์โทร และธุรกรรมต้องสงสัยได้แบบเรียลไทม์"

◉ บอร์ด AI หยุดไม่ได้ แม้รัฐบาลเปลี่ยน

แม้วันหน้าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาล แต่งานที่ นายประเสริฐ บอกว่า "ใครมาเป็นก็เลี่ยงไม่ได้" คือ บอร์ด AI แห่งชาติ ที่ตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์ระดับประเทศ ประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง และกำลังจะมีครั้งที่ 3 ในเดือน ก.ย.68

"AI ไม่ใช่เทคโนโลยีเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แต่มันคือโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ รัฐบาลใหม่จะตั้งบอร์ดต่อหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าเพิกเฉย ก็เท่ากับพาประเทศถอยหลังในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยบิ๊กดาต้าและอัลกอริธึม"

◉ กฎหมายหลายฉบับ ขยับแต่ยังไม่จบ

อีกสนามรบสำคัญ คือ ร่างกฎหมายที่ค้างคา ทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ไปรษณีย์ฉบับใหม่ ที่เตรียมประชาพิจารณ์, พ.ร.บ.อุตุนิยมวิทยา ที่พร้อมเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงร่าง พ.ร.บ.เศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA

"กฎหมายเหล่านี้ คือ กลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ประเทศจะก้าวทันโลกได้ ก็ต่อเมื่อมีกรอบกติกาที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ไม่ว่ารัฐจะเปลี่ยนมือกี่ครั้ง สิ่งเหล่านี้ต้องเดินต่อ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของใครริเริ่ม แต่คือโจทย์ใหญ่ของการพาประเทศไปข้างหน้า"

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
◉ e-Office ตัวเลขต้องพูดแทน

ด้าน e-Office นายประเสริฐ ยอมรับว่า "ยังไม่สุด" แม้จะเป็นนโยบายที่ประกาศมานาน แต่ในความเป็นจริง ระบบ e-Document ภายใต้คลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) กำลังเดินหน้าอย่างจริงจัง

"มี 18 กระทรวงเข้าร่วม กว่า 6,400 หน่วยงานใช้งาน มีผู้ใช้เกือบ 1.9 ล้านคน เกินเป้าที่ตั้งไว้ 1 ล้านในปี 68 แล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เลิกใช้กระดาษ แต่คือการปฏิรูประบบราชการ ลดเวลา ลดความซ้ำซ้อน และเปิดหน้าต่างโปร่งใสให้ระบบรัฐในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"

◉ NT แบกหนี้ เจ็บหนักแต่ไร้ทางออก

ปัญหาหนักอีกด้าน คือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ที่ยังขาดทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งมีต้นทุนสูง ขณะที่รายได้กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง การปรับลดจำนวนพนักงานก็ทำไม่ได้ เพราะติดข้อจำกัดจากสหภาพแรงงาน ส่วนโทรศัพท์บ้านก็ยังเจ็บเรื้อรัง รัฐไม่กล้าปรับค่าบริการ แม้ต้นทุนต่อเบอร์จะพุ่งเกินหลักร้อยแล้วก็ตาม

แนวทางแก้ปัญหาในเบื้องต้น คือ สั่งให้ NT รายงานผลประกอบการแยกแบบละเอียดทุกเดือน ทั้งรายได้หลัก ทรัพย์สินที่สูญหาย และรายได้ใหม่ เพื่อนำมาใช้ประเมินผลงานของกรรมการผู้จัดการใหญ่ได้อย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน ความหวังเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ คือ ธุรกิจคลาวด์ความมั่นคงระดับสูง ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลลับของรัฐ และดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้เก็บข้อมูลอ่อนไหว เช่น เลขประจำตัวประชาชน ซึ่งรัฐเตรียมให้สิทธิ์ NT เป็นผู้ให้บริการหลักโดยไม่ต้องเปิดประมูล

"ดาต้าแบบนี้ต้องอยู่กับรัฐ ไม่ใช่เอกชน และดาต้าเซ็นเตอร์ต้องตั้งอยู่ในประเทศเท่านั้น"

◉ บุคลากรดิจิทัลต่ำ กดดันปฏิรูปการศึกษา

ท้ายสุดคือ ปัญหาบุคลากรดิจิทัล ที่ไทยยังมีสัดส่วนต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วมาก นายประเสริฐ เตือนว่า หากไม่เร่งปฏิรูปการศึกษา จะกลายเป็นจุดอ่อนเชิงโครงสร้างในระยะยาว พร้อมเสนอให้ บรรจุวิชา AI และดิจิทัลตั้งแต่ระดับประถมถึงอาชีวะ เพื่อสร้างพื้นฐานให้คนรุ่นใหม่เข้าใจเทคโนโลยี ไม่ใช่แค่ใช้เป็น แต่ต้องคิดเป็น วิเคราะห์เป็น และต่อยอดได้

หนึ่งในความพยายามที่ภูมิใจ คือ โครงการทุนการศึกษา ODOS (One District One Scholarship) ซึ่งกระทรวงดีอีผลักดันร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยนำรายได้จากการจำหน่ายสลากมาใช้ส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและขาดแคลน เพื่อให้เด็กไทยที่มีศักยภาพสามารถเข้าถึงการศึกษาระดับสูง ทั้งในและต่างประเทศอย่างเท่าเทียม

"ครั้งหนึ่ง ได้เห็นภาพตัวเองถูกพิมพ์ลงบนสลากการกุศล งวดวันที่ 1 ก.ย.68 ในฐานะผู้ผลักดันโครงการ ก็รู้สึกประทับใจมาก ไม่ใช่เพราะมีภาพตัวเองอยู่บนสลาก แต่เพราะมันคือภาพแทนของความตั้งใจ ที่กลายเป็นรูปธรรมจริงๆ"

สลากการกุศล งวดวันที่ 1 กันยายน 2568


กำลังโหลดความคิดเห็น