'ดีอี' คลอดระบบตรวจสอบสถานภาพพระภิกษุสงฆ์ โยง ThaID สแกนคิวอาร์โค้ดยืนยันตัวจริง สกัดเก๊-กันสวมรอย เดินหน้าขยายตรวจการเงินวัด หนุนโปร่งใสด้วยดิจิทัล
เมื่อวันที่ 3 ก.ย.68 ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาแพลตฟอร์มตรวจสอบสถานภาพพระภิกษุสงฆ์ ว่า เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่กระทรวงได้รับการผลักดันจาก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี หลังมีข้อเสนอว่าควรมีระบบดิจิทัลเพื่อยืนยันตัวตนของพระภิกษุได้อย่างเป็นทางการและตรวจสอบได้จากภายนอก
ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มีข้อมูลทะเบียนพระภิกษุอยู่แล้วในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ แม้บางส่วนยังไม่สมบูรณ์ แต่ถือเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่สามารถต่อยอดได้ กระทรวงจึงประสานความร่วมมือกับ พศ. เพื่อพัฒนาระบบตรวจสอบสถานภาพพระภิกษุสงฆ์ (Credential Verification) โดยใช้ฐานข้อมูลพระภิกษุ (Datacenter) ที่เก็บข้อมูลพระภิกษุสัญชาติไทยเป็นหลัก
การพัฒนาระบบครั้งนี้ กระทรวงดีอีโดยสำนักงานปลัดกระทรวง (สป.ดศ.) รับผิดชอบด้านการพัฒนาระบบตรวจสอบ ขณะที่ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สดช.) ดูแลการจัดสรรทรัพยากรระบบผ่านคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) โดยระบบดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับดิจิทัลไอดี (ThaID) เพื่อยืนยันตัวตน และใช้การตรวจสอบใบหน้าด้วยภาพถ่ายประจำตัวมาประกอบ ทำให้สามารถระบุสถานะของพระภิกษุได้แม่นยำ ถูกต้อง และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการใช้งาน เช่น หากประชาชนพบพระรูปหนึ่งและต้องการตรวจสอบ ก็สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจากระบบ ThaID เพื่อยืนยันว่าเป็นพระภิกษุจริง และตรวจสอบข้อมูลเลขบัตรประชาชนที่เชื่อมโยงกับทะเบียนพระภิกษุ รวมถึงยืนยันตัวบุคคลด้วยรูปถ่ายในระบบ เพื่อลดความเสี่ยงจากการสวมรอยหรือการปลอมตัว
ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ กล่าวว่า ระบบนี้ยังช่วยป้องกันปัญหาบุคคลที่มีคดีความแล้วหลบหนีไปบวช หรือกรณีที่พระภิกษุไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน โดยในอนาคตยังมีแผนขยายผลไปสู่การตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัด ผ่านระบบ ERP เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสด้านการเงินของวัด โดยจะร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
"ต้องการสร้างฐานข้อมูลพระภิกษุที่ครบถ้วน เชื่อมโยงกับดิจิทัลไอดี เพื่อให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้อย่างมั่นใจ ลดปัญหาการสวมรอย และยกระดับมาตรฐานการจัดการพระภิกษุสงฆ์ด้วยเทคโนโลยี" ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ กล่าว