กสทช.-Meta ผนึกพลังเปิดหลักสูตรปลุก SME ไทยชาติแรกอาเซียน ใช้ AI-ดิจิทัลบุกตลาดโลก ผ่าน 2,184 ศูนย์ USO Net พลิกเกมธุรกิจรากหญ้า
เมื่อวันที่ 14 ส.ค.68 นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) สายงานกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า กสทช. จับมือบริษัท เฟซบุ๊ก (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวโครงการ Meta Live Skilling : Unlocking Growth with AI for SMBs หลักสูตร Meta AI & Ads Solutions for SME Growth ผ่านศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตชุมชน (USO Net) และห้อง USO WRAP รวม 2,184 แห่งทั่วประเทศ มุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการตลาดดิจิทัลและการใช้ AI ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจในยุคดิจิทัล และสร้างชุมชนออนไลน์ที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและชายขอบ
ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับภารกิจของ กสทช. ในการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานอย่างทั่วถึงและเพื่อสังคม ปัจจุบัน ศูนย์ USO Net มีผู้ใช้งานเฉลี่ย 295 คนต่อศูนย์ต่อเดือน คิดเป็นจำนวนผู้ใช้งานรวมกว่า 644,280 คนต่อเดือน และกว่า 7.7 ล้านคนต่อปี สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของศูนย์เหล่านี้ในการเป็นแหล่งเรียนรู้และเข้าถึงเทคโนโลยีของประชาชน
ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) กล่าวว่า คาดว่าความรู้จากโครงการนี้จะช่วยสร้างศักยภาพใหม่ในการประกอบธุรกิจ และสามารถนำไปต่อยอดในระดับครัวเรือนได้จริง หลักสูตรการเรียนรู้เน้นการจัดการโฆษณา การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค การสร้างแบรนด์ และการกำหนดกลุ่มเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์ม Reels บน Facebook โดยใช้ต้นทุนน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจสูงขึ้น ผ่านการสนับสนุนจากงานครีเอเตอร์ในท้องถิ่น
ขณะเดียวกัน สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วน 9 ข้อ หนึ่งในนั้นคือการส่งเสริมศูนย์ USO Net ทั่วประเทศ ให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และพัฒนาอาชีพ โดยการติดตั้งอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ครอบคลุมระดับหมู่บ้าน โรงเรียน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และบริการดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลในระดับรากหญ้า
"การดำเนินงานดังกล่าวเป็นการขยายบทบาทของศูนย์ USO Net จากเดิมที่เน้นการเรียนรู้ระดับเยาวชน สู่การเป็นจุดเชื่อมต่อโอกาสด้านเศรษฐกิจสำหรับคนทุกวัย โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีผลิตภัณฑ์สามารถใช้ศูนย์ฯ เป็นช่องทางเชื่อมโยงกับตลาดโลก และพัฒนาธุรกิจของตนในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง" ศ.คลินิก นพ.สรณ กล่าว
น.ส.ทาเบียร์ เอเธอร์ ผู้จัดการฝ่ายดำเนินงานโครงการนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกของ Meta กล่าวว่า โครงการนี้มุ่งเสริมพลังธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเครื่องมือดิจิทัล ยกระดับศักยภาพการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยประเทศไทยถือเป็นชาติแรกที่ได้เริ่มต้นโครงการนี้ ก่อนขยายผลไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ
น.ส.ทาเบียร์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้กับประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่นำหลักสูตรนี้มาขับเคลื่อนให้กับ SME ก่อนจะขยายไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานด้านทักษะดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นคง
ทั้งนี้ ผลวิจัยร่วมกับ Deloitte ที่สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SME ทั่วเอเชียแปซิฟิก พบว่า 86% เห็นว่า AI มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ขณะที่ 73% เชื่อว่า AI ช่วยลดช่องว่างในการแข่งขันระหว่างธุรกิจขนาดเล็กกับรายใหญ่ สำหรับประเทศไทย มีถึง 77% ของผู้ประกอบการที่ใช้งาน AI อยู่แล้ว โดยเน้นด้านการสื่อสารกับลูกค้าเป็นหลัก คิดเป็น 69% และการเข้าถึงลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศอีก 51%
Meta ยังเปิดตัวสองเครื่องมือหลักที่ใช้ผลักดันโครงการ ได้แก่ Meta AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่พัฒนาโดยเทคโนโลยี Llama มีผู้ใช้งานกว่า 700 ล้านคนต่อเดือน ผ่านแพลตฟอร์มของ Meta เช่น WhatsApp, Instagram, Messenger Facebook และ Advantage+ ระบบอัตโนมัติที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ ทั้งในด้านการตั้งเป้าหมาย การสร้างเนื้อหาแบบไดนามิก และการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า โดย Meta เปิดเผยว่าทุก 1 ดอลลาร์ที่ผู้ประกอบการใช้จ่ายผ่านโฆษณาในแพลตฟอร์มของบริษัท จะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 3.47 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 15%
สำหรับโครงการ Meta Life Skilling เน้นการสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและเครื่องมือ AI ให้แก่ผู้ประกอบการ ผ่านรูปแบบการเรียนรู้ทั้ง E-book และการฝึกอบรมแบบพบหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไทยให้รวดเร็วและฉลาดขึ้นในโลกดิจิทัล พร้อมยกระดับแบรนด์และขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างยั่งยืน กลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งผู้ประกอบการรายย่อย นักการตลาด นักศึกษาธุรกิจ และเจ้าหน้าที่ภาครัฐ โดยสามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่นได้อย่างยืดหยุ่น ภายในศูนย์อบรมกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ค้าปลีก ความงาม สุขภาพ การศึกษา การตลาด และอีคอมเมิร์ซ
นอกจากนี้ Meta ยังแสดงแผนการพัฒนา AI สำหรับภาคธุรกิจในอนาคต โดยเน้นไปที่การสร้าง Creative Features ที่ทำให้โฆษณาและการสื่อสารกลายเป็นการเชื่อมโยงส่วนตัวกับลูกค้า และ Business AIs ที่ช่วยให้ธุรกิจประหยัดเวลาในการให้บริการลูกค้า พร้อมสร้างประสบการณ์ที่มีคุณภาพตลอด 24 ชั่วโมง
"ความรู้ด้าน AI ควรเป็นทักษะพื้นฐานของประชาชนในยุคปัจจุบัน ไม่จำกัดเฉพาะภาคธุรกิจ โครงการ Meta Life Skilling จึงถูกออกแบบมาเพื่อปูพื้นฐานความเข้าใจเทคโนโลยี ปรับตัวให้ทันยุค และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล" น.ส.ทาเบียร์ กล่าว