xs
xsm
sm
md
lg

'ซิกเว่' รีเซ็ตทัพผู้บริหาร TRUE สู้ศึกเทคโนโลยี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทรูพลิกเกม! 'ซิกเว่' เร่งแปลงร่างองค์กร แต่งตั้งแม่ทัพ AI คนแรก ลุย 5G-ดิจิทัลเต็มสูบ ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สู้ศึกเทคโนโลยีผันผวน

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.68 นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า ทรูผ่านไตรมาส 2 ได้ตามแผน แม้ต้องเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ปัญหาชายแดนเมียนมา สถานการณ์เศรษฐกิจถดถอย รวมถึงเหตุขัดข้องของเครือข่ายในช่วงปลายเดือน พ.ค.68 ซึ่งทำให้บริษัทต้องชดเชยลูกค้าและส่งผลกระทบต่อรายได้ในไตรมาสดังกล่าว

"แต่ถึงจะเจอพายุก็ยังรักษารายได้และ EBITDA ได้คงที่ และมีรายได้สุทธิบวกครั้งแรกหลังควบรวม เราจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นภายในปีนี้แน่นอน" นายซิกเว่ กล่าว

นายซิกเว่ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ขององค์กร ที่เกิดจากการควบรวมของสองคู่แข่งในอดีต คือ ทรู กับ ดีแทค ซึ่งเปรียบเสมือนการเปลี่ยนเครื่องยนต์ระหว่างที่เครื่องบินยังบินอยู่ การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไปพร้อมกับการหลอมรวมสองวัฒนธรรมองค์กรและโครงสร้างระบบงาน

เพื่อเร่งสู่เป้าหมายใหม่ ทรูจึงปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ตามยุทธศาสตร์ 5 แกนหลัก ได้แก่ 1.ผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้า ต้องเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งและรวดเร็ว 2.การบริการดิจิทัลเพื่อความสุขในบ้าน โดยมีเป้าหมายเชื่อมต่อชีวิตผู้คนใน 23 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศด้วยบรอดแบนด์ สมาร์ทโฮม และความบันเทิงครบวงจร

3.การเร่งเปลี่ยนผ่านภาคธุรกิจและ SME ด้วยโซลูชันที่พิสูจน์ผลลัพธ์เชิงธุรกิจและการเงินได้จริง 4.การขับเคลื่อนองค์กรด้วย AI ทั้งในระดับปฏิบัติการและกลยุทธ์ โดยยึดแนวคิด AI-First และ Cloud-First เพื่อสร้างความคล่องตัวและขีดความสามารถใหม่ขององค์กร และ 5.การมุ่งสู่ Digitalization อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการสร้างระบบ Legacy Free ยกเลิกโครงสร้างระบบเดิมทั้งหมด พัฒนา Digital & Omni-channel Journey อย่างครบวงจร และขับเคลื่อนด้วยระบบ Automation

นายซิกเว่ กล่าวว่า ทรูตั้งเป้าให้ทุกสิ่งในองค์กรสามารถทำงานผ่านระบบอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาการทำงานด้วยคน จึงเป็นครั้งแรกที่มีการแต่งตั้ง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ โดยจะเป็นหัวหอกผลักดัน AI-first, Cloud-first ให้ทุกกระบวนการกลายเป็น Touchless Operation พร้อมแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างไอทีเดิมทั้งหมด ลดระบบเก่า ปรับสู่ Digital Omnichannel และใช้ AI กับทุกบริการ ทั้งนี้ ขึ้นตรงต่อซีอีโอ รวมถึงวางโครงสร้างใหม่ให้แบนราบ ลดลำดับชั้นการบริหาร ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการสรรหา จะประกาศชื่อภายหลัง

"ใช้เวลาวางแผนเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง เพราะรู้ว่าองค์กรยุคใหม่ต้องมีกล้ามเนื้อ ด้าน AI และดิจิทัล เพื่อสร้างความได้เปรียบอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งที่แท้จริงในวันนี้ไม่ใช่ AIS แต่เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Google, Netflix, Amazon และ Microsoft ที่ยกระดับความคาดหวังของลูกค้าไปอีกขั้น" นายซิกเว่ กล่าว


การปรับโครงสร้างใหม่จึงจัดวางผู้บริหารหลักให้ชัดเจน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.68 เป็นต้นไป ได้แก่

1.นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านประสบการณ์ลูกค้าและธุรกิจรีเทล รับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการทุกช่องทางการขาย การบริการทุกช่องทางเพื่อให้ทรูสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั่วประเทศ

2.นายชารัด เมห์โรทรา เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจลูกค้าบุคคล ดูแลผลิตภัณฑ์และการส่งมอบคุณค่าสูงสุดเพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ

3.นายคูรัม อัชฟาค รับหน้าที่หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเครือข่าย พัฒนาเครือข่ายอัตโนมัติด้วย AI เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานบนเครือข่ายที่เหนือชั้น (Unmatched Network Experience)

4.นายฐานพล มานะวุฒิเวช ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านโฮมคอนเนคทิวิตี้ นำเสนอดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบวงจรตั้งแต่บรอดแบนด์ ความบันเทิง ถึงสมาร์ทโฮม ตอบโจทย์ครัวเรือนนับล้าน

5.ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร เร่งการเปลี่ยนผ่านองค์กรธุรกิจสู่ดิจิทัลเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์เทคโนโลยีอันดับหนึ่งที่องค์กรและ SME วางใจ

นอกจากโครงสร้างแล้ว ทรูยังเปิดแผนลงทุนเครือข่ายครั้งใหญ่หลังคว้าคลื่นความถี่ 2300 MHz เพิ่มอีก 10 MHz จากการประมูลของ กสทช. ส่งผลให้ทรูมีความจุของเครือข่าย 4G เพิ่มขึ้น 17% และจะนำคลื่น 2600 MHz มาปรับใช้เป็น 5G เต็มรูปแบบภายในสิ้นปี 2568 โดยคาดว่าจะช่วยให้ความเร็ว 5G เพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่า

นอกจากนี้ ทรูยังเป็นรายเดียวที่ได้คลื่น 1500 MHz ซึ่งรองรับมือถือรุ่นใหม่จาก Apple และ Samsung เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่ออนาคต พร้อมผลักดัน 3 แอปพลิเคชันสำคัญทั้งฝั่งลูกค้า, พาร์ทเนอร์ร้านค้า และ TrueMoney ให้เชื่อมต่อบริการทั้งหมด ลดการพึ่งพาคอลเซ็นเตอร์ และตั้งเป้าให้ลูกค้าใช้งานผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มเป็น 30% ภายในสิ้นปีนี้

ในด้านแบรนด์ ทรูกำลังปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ทั้งหมด ทั้งภายในและภายนอก เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สอดรับกับแบรนด์ที่คนไว้ใจได้ โดยการรีเฟรชแบรนด์จะเปิดตัวภายในสิ้นปีนี้

ด้านทรัพยากรบุคคล ทรูประกาศเป้าหมายอัพสกิลพนักงาน 100% ให้มีความรู้ด้าน AI ภายในสิ้นปีนี้ โดย 60% จะมีความรู้ระดับพื้นฐาน 30% จะผ่านการฝึกขั้นสูง และ 10% จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับแผน AI-first ที่จะใช้ AI กับทุกภาคส่วนในองค์กร

"แผนลดจำนวนพนักงานไม่ใช่เป้าหมายโดยตรง แต่จะเป็นผลพวงจากการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ระบบทำงานได้โดยไม่ต้องใช้คนมากเหมือนเดิม โดยจะเน้นพัฒนาทักษะใหม่ให้กับพนักงานเดิม มากกว่าการจ้างคนใหม่" นายซิกเว่ กล่าว


ทั้งนี้ นายซิกเว่ ยังตอบคำถามเรื่องการลดจำนวนลูกค้าแบบรายเดือนและเติมเงินว่า เป็นผลจากการลดลูกค้าหมุนเวียน ซึ่งเป็นลูกค้าชั่วคราวที่ซื้อซิมหลายใบโดยไม่ได้ใช้งานจริง รวมถึงลูกค้าที่มีทั้งซิมของทรูและดีแทคก่อนควบรวม และทยอยเลือกเหลือใช้เพียงรายเดียว

ส่วนการลงทุนหลังประมูลคลื่น นายซิกเว่ ยืนยันว่า ผลจากการได้คลื่นความถี่ใหม่ ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมจะปรับลดในระยะยาว เนื่องจากทรูสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านโรมมิ่งกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) ได้ทันที และคลื่นที่ได้จะกลายเป็นสินทรัพย์ของบริษัทในระยะ 15 ปีข้างหน้า

นายซิกเว่ กล่าวว่า ทรูมีแผนจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยจะใช้เกณฑ์จ่ายไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ

ในด้าน B2B มองว่ามีโอกาสเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาด SME กว่า 2 ล้านราย ซึ่งยังมีอัตราการใช้บริการต่ำกว่ามาตรฐานในเอเชีย ทรูจึงเตรียมพัฒนาโซลูชันแพลตฟอร์มใหม่ เช่น ระบบไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ระบบจัดการต้นทุน และบริการใกล้เคียงเครือข่ายอย่าง 5G เฉพาะภาคอุตสาหกรรม

"เราจะไม่ไปลงทุนสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เอง เพราะกลุ่ม CP มีบริษัทลูกที่ทำอยู่แล้ว คือ True IDC แต่เราจะลงทุนในบริการใกล้เคียงการเชื่อมต่อ เช่น เครือข่าย 5G เฉพาะโรงงาน ระบบความปลอดภัย รวมถึงจับมือพันธมิตรด้านแอปพลิเคชันในกลุ่ม IT เพื่อให้บริการครบวงจร" นายซิกเว่ กล่าวและว่า

"ยอมรับว่าปัจจัยภายนอกยังเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตา ทั้งนักท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ แรงงานข้ามชาติที่หายไป และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว เราเหมือนกำลังซ่อมเครื่องบินระหว่างที่ยังบินอยู่ และเราก็ยังบินไปข้างหน้าได้ ไม่มีเหตุผลให้ตกใจ แม้ทุกวันจะมีความท้าทาย แต่เรารู้ว่าจะไปทางไหนและจะทำอย่างไรให้ถึง"



กำลังโหลดความคิดเห็น