xs
xsm
sm
md
lg

"แพลตฟอร์ม AIoT แห่งชาติ" โปรเจ็กต์ยักษ์ Infineon x สมาคมสมองกลฝังตัวไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อินฟิเนียน (Infineon Technologies) เจ้าพ่อโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติเยอรมัน ลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MoU กับสมาคมสมองกลฝังตัวไทยหรือ TESA จับมือปั้น "แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ในทุกสรรพสิ่งแห่งชาติที่ปลอดภัย" หรือ National Secure Artificial Intelligence of Things (AIoT) Platform ชูจุดเปลี่ยนประเทศไทยลุกขึ้นมาสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้ ไม่ใช่แค่การเป็นฐานการผลิตเหมือนที่ผ่านมา

รองศาสตราจารย์ วิรุฬห์ ศรีบริรักษ์ นายกสมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่าเป็นโอกาสสุดท้ายของวงการเทคโนโลยีไทย โดยไม่เพียงเป็นจุดเปลี่ยนที่ประเทศไทยจะสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้ แต่ยังเป็น Jump Start ก้าวกระโดดที่ไทยจะได้รับการรับรองในระดับนานาชาติ

"หากไทยออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ และต่างประเทศรับรอง (certify) เราก็จะสามารถนำไปขายในระดับนานาชาติได้ทันที ไม่ต้องกังวลว่าคนไทยจะไม่ซื้อ เพราะเราสามารถนำไปขายที่อื่นได้"

โปรเจ็กต์นี้ถือเป็นปรากฏการณ์น่าสนใจในวงการเทคโนโลยีไทย โดย TESA หรือ Thai Embedded Systems Association) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 ดำเนินงานมาเกือบ 18 ปี และในปีนี้จะเข้าสู่ปีที่ 19 ในฐานะองค์กรมีบทบาทด้านการพัฒนาบุคลากรด้าน IoT (Internet of Things) หรืออินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สามารถสื่อสาร เก็บข้อมูล และทำงานร่วมกันได้โดยอัตโนมัติ เช่น อุปกรณ์สมาร์ทโฮม (ไฟอัจฉริยะ, กล้องวงจรปิด), เซ็นเซอร์ในโรงงาน, หรือนาฬิกาอัจฉริยะ โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะเก็บข้อมูล ส่งต่อไปยังระบบคลาวด์ และสามารถควบคุมหรือวิเคราะห์ได้ผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบ ทำให้ชีวิตประจำวันหรือการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จากซ้าย  รองศาสตราจารย์ วิรุฬห์ ศรีบริรักษ์ นายกสมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) และ   ซีเอส ฉัว (CS Chua) ประธานและกรรมการผู้จัดการของ Infineon Technologies Asia Pacific
ขณะที่ Infineon Technologies เป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติเยอรมัน ก่อตั้งในปี 1999 โดยแยกตัวออกจาก Siemens AG มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองนอยบีแบร์ก (Neubiberg) ใกล้เมืองมิวนิก บริษัทนี้เป็นผู้ผลิตไมโครคอนโทรลเลอร์รายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นผู้นำในด้านเซมิคอนดักเตอร์สำหรับยานยนต์ รวมถึงเป็น 1 ใน 10 ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์แถวหน้าของโลก ในปี 2024 Infineon มีพนักงานประมาณ 58,000 คน และมีรายได้ราว 15,000 ล้านยูโร

***จับตา AIoT ไทยปลอดภัยขึ้น

รศ.ดร.วิรุฬห์ กล่าวว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้วิศวกรและนักพัฒนาชาวไทยสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมได้ตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์ เฟิร์มแวร์ ไปจนถึงแพลตฟอร์ม AIoT ที่สมบูรณ์ โดยทีมทำงานของ 2 องค์กรจะร่วมกันพัฒนาการออกแบบที่เน้นความปลอดภัยเป็นอันดับแรก (Security-First design) ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ

นอกจากนี้จะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ Edge AI มูลค่าสูงที่มาพร้อมความสามารถขั้นสูงและเฟิร์มแวร์ที่ปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์ม AIoT แห่งชาติ ที่จะทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับบริการแพลตฟอร์มต่างๆ และจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่ออุตสาหกรรมหลักที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประเทศไทย, อาเซียน และตลาดโลก

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดจากข้อตกลงที่ Infineon ได้ทำไว้กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หรือ TSRI ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทย และตอกย้ำบทบาทของประเทศในฐานะผู้นำในด้าน AI และ IoT

AIoT คืออุปกรณ์ IoT ที่มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้ทั่วไปที่ออนไลน์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สามารถเก็บรวบรวม วิเคราะห์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างอัจฉริยะ
TESA เชื่อว่าโครงการนี้เกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากความวุ่นวายของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ที่ทำให้ทุกประเทศต้องการทรัพยากร และประเทศไทยมีทรัพยากรที่ดี รวมถึงตำแหน่งที่ตั้ง (location) ที่ดี ทำให้จีนและอเมริกาเองก็ยังไม่กล้าบีบไทยมากนัก นอกจากนี้ ยังเป็นจังหวะที่คนไทยที่เชี่ยวชาญเริ่มกลับมารวมตัวกัน จากก่อนหน้านี้ไม่เคยรวมตัวกัน

ในส่วนของบทบาทของสมาคมสมองกลฝังตัวไทย TESA มองตัวเองเป็นเหมือน "ทีมชาติไทย" ที่ยอมออกมาจากความเป็นสโมสรส่วนตัว แล้วมาคัดคนเก่งจากแต่ละส่วนของประเทศให้มารวมตัวกัน เพื่อรวมพลังไปตกลงกับองค์กรระดับต่างประเทศอย่าง Infineon ซึ่งทำให้ต่างชาติรู้สึกประหลาดใจและให้ความสำคัญมากกว่าการไปในฐานะองค์กรเดียว

นายก TESA เล่าถึงประวัติของโปรเจกต์นี้ว่ามีการบ่มเพาะกับ Infineon มาเกือบ 10 ปีแล้ว เริ่มจากการนำชิป Security ของ Infineon มาลองใช้กับการทำนาฬิกาสวมใส่ได้ (Wearable) และอุปกรณ์ IoT อื่นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แม้จะพบว่ายังไม่มีปัจจัยแวดล้อมรองรับ แต่ Infineon ก็เริ่มรู้จักและเห็นว่าความร่วมมือกับไทยสามารถเห็นผลได้จริง และเมื่อ 2 ปีที่แล้วก็ได้มีการตั้งศูนย์ IT บูรพา Infineon Lap ขึ้น ซึ่งการลงนาม MoU ในครั้งนี้ เปรียบได้กับการขอ Infineon แต่งงาน หลังจากหมั้นหมายมานาน

ในปี 2024 Infineon มีพนักงานประมาณ 58,000 คน และมีรายได้ราว 15,000 ล้านยูโร
สำหรับ AIoT คืออุปกรณ์ IoT ที่มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้ทั่วไปที่ออนไลน์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างกล้องวงจรปิด หลอดไฟ หรือตู้เย็นที่สั่งการได้จากโทรศัพท์มือถือนั้นสามารถเก็บรวบรวม วิเคราะห์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างอัจฉริยะ ซึ่งแทนที่นักพัฒนาไทยจะแยกกันพัฒนาระบบซอฟต์แวร์แบบตามมีตามเกิด ก็จะสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ในการพัฒนาต่อยอดอย่างมีมาตรฐานได้

*** Infineon หนุนไทย

ซีเอส ฉัว (CS Chua) ประธานและกรรมการผู้จัดการของ Infineon Technologies Asia Pacific ย้ำว่า Infineon จะร่วมกับ TESA เพื่อเป็น One-Stop Shop ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงสตาร์ทอัป สามารถพัฒนาโซลูชันได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์ไอเดียและ Use Case แทนที่จะต้องใช้เวลามากในการพัฒนาฮาร์ดแวร์

"การพัฒนา AIoT ต้องคำนึงถึงสามปัจจัยสำคัญคือ ใช้พลังงานต่ำ ประสิทธิภาพสูง และมีความปลอดภัย ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Infineon ในการสนับสนุนเป้าหมายด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศไทย พร้อมส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยี"

Chua มั่นใจว่าโครงการนี้สอดคล้องกับแนวโน้มที่ทุกประเทศกำลังพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เนื่องจากกระแสการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเป็นคลื่นลูกใหญ่และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่างที่กำลังเผชิญอยู่ได้ ขณะเดียวกันความก้าวหน้าในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซอฟต์แวร์ การทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน และคลาวด์ ก็ทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้มีต้นทุนที่ลดลงจนผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

บรรยากาศชื่นมื่นของการเซ็น MOU เดินหน้าโปรเจ็กต์แพลตฟอร์ม AIoT แห่งชาติ
Chua อธิบายเพิ่มว่าปัจจุบัน เทคโนโลยีเซ็นเซอร์พัฒนาไปอย่างมากและยังฉลาดขึ้น เพราะสามารถวัดสิ่งต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น การตรวจจับจำนวนคนในห้องโดยไม่ระบุตัวตน หรือเซ็นเซอร์ก๊าซที่สามารถวัดก๊าซได้หลายชนิด ดังนั้น AI จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะสามารถตีความข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถทำได้

สิ่งที่ Infineon นำเสนอในโปรเจ็กต์แพลตฟอร์ม AIoT แห่งชาติ คือเซมิคอนดักเตอร์และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการพัฒนา AIoT นั้นปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ทั้งฮาร์ดแวร์และชิปที่สามารถรันเฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ได้ รวมถึงจัดหาเครื่องมือ (Tools) เช่น Deep Craft Studio เพื่อเร่งความเร็วในการพัฒนาซอฟต์แวร์

ยังมีโมเดล AI สำเร็จรูป (Ready-made Models) ที่หลากหลาย เช่น การตรวจจับการไอ การจดจำท่าทาง การกรน การร้องไห้ของเด็ก การตรวจจับการล้ม หรือสัญญาณเตือนภัยในโรงงาน โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะสร้างโมเดลเอง ใช้โมเดลสำเร็จรูป หรือผสมผสานกันก็ได้ ขณะเดียวกันก็มีโซลูชันแบบครบวงจร (End-to-End Solutions) ที่สามารถนำ AI ไปใช้ในระดับที่ใหญ่ขึ้น เช่น การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบในอาคารขนาดใหญ่ด้วย.


กำลังโหลดความคิดเห็น