xs
xsm
sm
md
lg

ใช้ AI เป็น ‘สมองที่สอง’ พร้อมสร้าง Mindset แห่งการเรียนรู้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



AIS Infinite SMEs ชวนเปิดมุมมองการปรับมายเซ็ทของผู้นำธุรกิจในยุค AI ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเครื่องมือที่ซับซ้อนและเข้าถึงยาก การนำ AI มาเป็น ‘สมองที่สอง’ ช่วยเพิ่มศักยภาพให้มนุษย์ และยังช่วย SMEs ด้วยการปลดล็อกพลังของ AI ผ่านการไม่หยุดพัฒนาตนเอง

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการโครงการ AIS Infinite SMEs บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นถึงมุมมองของการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจภายใต้หัวข้อ ‘AI for Business: Marketing Made Efficient ที่เชื่อว่า AI จะส่งผลกับชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะการเป็นสมองที่มาช่วยมนุษย์ทำงาน


พร้อมชี้ให้เห็นว่า AI ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเทคโนโลยีที่มีมานานหลายสิบปีแล้ว และหัวใจของมันคือการทำงานเสมือนสมอง แต่เป็นสมองที่อยู่นอกร่างกายของเรา (Exocortex) ที่จะเข้ามาทำงานร่วมกับสมองในร่างกาย (Endocortex)

"AI ไม่เคยแทนที่งานใครทั้งนั้น แต่คนที่ไม่สามารถใช้ AI ให้กลายเป็นสมองที่สอง เพื่อทำให้สมองของเราดีขึ้นไม่เป็นนั่นแหละ ที่กำลังจะถูกแทนที่"

โดยยกตัวอย่างให้เห็นว่าระหว่างสมองมนุษย์ และสมองของ AI มีพื้นที่ 3 อย่างที่เหมือนกัน คือ 1.สามารถเรียนรู้ และจดจำข้อมูลเพื่อให้เกิดความทรงจำใหม่ๆ 2.ต้องใช้พลังงานในการทำงาน และ 3.กระบวนการในการแปลงข้อมูล เมื่อรับข้อมูลเข้ามา ก็จะทำการประมวลผล และสื่อสารข้อมูลออกมา

สิ่งสำคัญก่อนที่จะเลือกใช้งานเครื่องมือ AI ดร.ศรีหทัย ได้เน้นย้ำถึงการนำแนวคิดอย่าง ‘Mindset First’ มาใช้งาน ด้วยการเปรียบกับหลักการ 4H ของ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ซึ่งประกอบด้วย

1.Heart: มีความรักและหลงใหลในสิ่งที่ทำ
2.Head: ใช้สมองคิดและวางแผน (How come) ว่าจะทำไปเพื่ออะไร และจะทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3.Hand: ลงมือทำจริงตามขั้นตอน (How to)
4.Home: สร้างชุมชนหรือการตลาด

“คนส่วนใหญ่มักจะข้ามจาก Heart ไปสู่ Hand ทันที คือมี Passion แล้วลงมือทำเลย โดยลืมขั้นตอนของ Head ซึ่งเป็นการคิดวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ ทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ”

AI ทำงานได้ เมื่อมีการสั่งงาน


เมื่อเปรียบเทียบการทำงานของสมองคอมพิวเตอร์ ที่ปัจจุบันยังไม่ซับซ้อนเท่าสมองมนุษย์ ที่ประกอบด้วยการตัดสินใจ 3 ระดับชั้น คือ 1.สมองชั้นสัญชาตญาณ (Instinct): การเอาตัวรอด 2.สมองชั้นจิตใต้สำนึก (Subconscious): การตอบสนองตามอารมณ์ความรู้สึก และ 3.สมองชั้นเหตุผล (Logic): การคิดวิเคราะห์อย่างมีตรรกะ

“มนุษย์เราตัดสินใจโดยใช้สัญชาตญาณ และจิตใต้สำนึกก่อน แล้วจึงใช้เหตุผลมาสนับสนุนการตัดสินใจนั้น (Confirmation Bias) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดเรียกว่า Psychological-based Decision Making หากนักการตลาดเข้าใจกระบวนการนี้ ก็จะสามารถออกแบบสารที่ทรงพลังเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าได้”

ขณะที่ปัจจุบัน สมอง AI ทำงานได้ดีเยี่ยมในชั้นของ Logic แต่ยังไม่สามารถก้าวไปถึงระดับจิตใต้สำนึกหรือสัญชาตญาณได้เทียบเท่ามนุษย์

"อย่ากลัวสมองคอมฯ เพราะตอนนี้จริงๆ แล้วการทำงานของสมองคนมันซับซ้อนกว่าสมองคอมเยอะ"

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสูงสุดของการนำ AI มาใช้งานในภาคธุรกิจ จริงๆ แล้วคือการสร้าง Business Performance ที่วัดผลได้จริง ผ่านการมี Productivity ที่เพิ่มขึ้น ภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด และลดความผิดพลาดลง ทำให้ธุรกิจเติบโต

ดังนั้น เมื่อนำ AI มาใช้งานควบคู่กับ Marketing Automation จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาล เพื่อตัดสินใจและดำเนินการตลาดได้อย่างอัตโนมัติและแม่นยำ โดยมีผลวิจัยชี้ว่าสามารถสร้างผลกำไรให้ธุรกิจเพิ่มขึ้นได้ถึง 50%

สร้าง AI ที่ย่อมาจาก Always Improving

สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับทุกคนในตอนนี้คือการพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดก็ตาม AI ไม่ได้ย่อมาจาก Artificial Intelligence แต่ย่อมาจาก "Always Improving" แล้ววันหนึ่งก็จะสามารถทำในสิ่งที่คุณอยากที่จะเห็นได้

ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการหรือธุรกิจที่สนใจนำเทคโนโลยีและ AI มาปรับใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ สามารถติดตามข้อมูลและโครงการต่างๆ ได้จาก AIS Infinite SMEs https://www.ais.th/infinite-smes


กำลังโหลดความคิดเห็น