นูทานิคซ์ (Nutanix) เจ้าพ่อไฮบริดคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน IT มั่นใจประเทศไทยคือตลาดสำคัญที่พร้อมเดินหน้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบคลาวด์ ล่าสุดวางไฮไลท์ 3 แกนธุรกิจหลักหวังขับเคลื่อนตลาดไทยในอนาคต
นายนพดล ปัญญาธิปัตย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ กล่าวว่าประเทศไทยมีความสามารถที่จะเติบโตแซงหน้าการเติบโตในภาพรวมที่นูทานิคซ์เห็นในภูมิภาคและในโลก โดยปัจจุบันนูทานิคซ์ลงทุนกับทีมงานในประเทศอย่างเข้มข้น และเพิ่มขีดความสามารถให้กับเครือข่ายพันธมิตรช่องทางการขาย (channel partners) เพื่อสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่เข้มแข็งที่สามารถสนับสนุนความมุ่งมั่นด้านดิจิทัลของประเทศ
"นูทานิคซ์ให้บริการลูกค้าไทยในหลายอุตสาหกรรม เช่น บริการทางการเงิน ภาครัฐ ภาคการผลิต ภาคการดูแลสุขภาพ และ ภาคการศึกษา ลูกค้าของบริษัทฯ มีตั้งแต่ธนาคารขนาดใหญ่ไปจนถึงธุรกิจด้านโทรคมนาคม และองค์กรขนาดเล็ก เรามีลูกค้าในประเทศจำนวนมากและมองเห็นโอกาสเติบโตอีกมากในประเทศไทย"
Nutanix เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ (Hyper-Converged Infrastructure - HCI) และคลาวด์เพื่อช่วยองค์กรลดความซับซ้อนในการจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ รายได้ของ Nutanix ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2025 (สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2024) อยู่ที่ 591 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สำหรับประเทศไทย ไฮไลท์ที่นูทานิคซ์เตรียมต่อยอดตลาดนั้นเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกประกาศและการเปิดตัวในงาน .NEXT โดย 1 ใน 3 โซลูชันหลักของปีนี้คือ Nutanix Cloud Infrastructure for External Storage ซึ่งเป็นสิ่งที่นูทานิคซ์สนับสนุนบริษัทต่าง ๆ ให้ได้ใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ทันสมัย
นูทานิคซ์อธิบายว่าโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ทันสมัยในทุกวันนี้ ไม่ใช่เพียงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นูทานิคซ์ใช้สร้างนวัตกรรมมานานหลายปีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก (external storage) อีกด้วย
นพดลชี้ว่าก่อนการจัดงาน .NEXT 2025 ไม่นาน เดลล์ได้เปิดตัว Dell PowerFlex with Nutanix Cloud Platform (NCP) ซึ่งเป็นโซลูชัน external storage ที่บูรณาการเข้ากับ NCP อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถปรับการประมวลผลและพื้นที่เก็บข้อมูลบนสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ได้อย่างยืดหยุ่น คล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูง จนกระทั่งงาน .NEXT 2025 นูทานิคซ์ได้ประกาศความร่วมมือใหม่กับเพียว สตอเรจ (Pure Storage) ด้วยการรวมคุณประโยชน์ของ Nutanix Cloud Platform เข้ากับ Pure Storage FlashArray เพื่อนำเสนอความยืดหยุ่นและทางเลือกในการเรียกใช้งานเวิร์กโหลดที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจให้ลูกค้าได้มากขึ้น
นอกจากนี้ นูทานิคซ์ยังประกาศความร่วมมือกับผู้ให้บริการพับลิคคลาวด์หลายราย ซึ่งช่วยให้การย้ายเวิร์กโหลดทำได้อย่างรวดเร็ว แอปพลิเคชันได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย และสามารถกู้คืนระบบได้อย่างรวดเร็ว โดย ภายในสิ้นปี 2568 นี้ Nutanix Cloud Platform จะรองรับการใช้งานบน Google Cloud เพิ่มมาจากที่พร้อมใช้บน AWS และ Azure ความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของนูทานิคซ์ในการช่วยองค์กรสร้างแอปพลิเคชันและเรียกใช้ได้ทุกที่
ไฮไลท์ที่ 2 คือ Cloud Native AOS ล่าสุดนูทานิคซ์ประกาศเปิดตัว Cloud Native AOS ซึ่งเป็นการเปิดให้แอปพลิเคชันที่ทันสมัยต่าง ๆ สามารถใช้ชุดบริการด้านการจัดเก็บข้อมูลที่มีความแข็งแกร่ง และยืดหยุ่นสูง ไม่ว่าจะเรียกใช้แอปฯ บนพับลิคคลาวด์ ในคอนเทนเนอร์ (รวมถึงซับสเตรต Kubernetes แบบเดิม) บนระบบในองค์กร (bare metal) หรือตามโลเคชันอื่น
"นูทานิคซ์มุ่งมั่นมอบประสบการณ์หนึ่งเดียวให้กับลูกค้าบน Nutanix Cloud Platform ไม่ว่าแอปฯ หรือเวิร์กโหลดจะทำงานอยู่บนสภาพแวดล้อมใดก็ตาม"
ไฮไลท์ที่ 3 คือ Nutanix Enterprise AI (NAI) เวอร์ชันล่าสุด โดยนูทานิคซ์ได้แชร์วิธีการที่บริษัทฯ สร้างนวัตกรรมด้วย Agentic AI โดยคำนึงถึงความสำคัญของ Agentic AI ที่จะทำให้องค์กรมีโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนด้าน AI ที่จะเกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรสามารถจัดการข้อมูลได้อย่างปลอดภัยและส่งต่อข้อมูลออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นูทานิคซ์เปิดตัว Nutanix Enterprise AI (NAI) เวอร์ชันใหม่ ซึ่งสร้างอยู่บนโซลูชัน GPT-in-a-box ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2567 เวอร์ชันใหม่นี้มีการเพิ่มการบูรณาการกับ NVIDIA Enterprise AI โดยใช้เฟรมเวิร์กล่าสุด เพื่อเร่งให้องค์กรปรับใช้แอปพลิเคชัน Agentic AI ได้เร็วขึ้น
"นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เครื่องมือต่าง ๆ เช่น generative AI และ agentic AI กำลังเปลี่ยนโฉมกลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐาน และความปลอดภัยด้านไอทีขององค์กร นูทานิคซ์กำลังทุ่มลงทุนด้านนวัตกรรมและระบบนิเวศพันธมิตร เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกในการใช้แอปพลิเคชัน พื้นที่จัดเก็บภายนอก คลาวด์ คอนเทนเนอร์ หรือแม้แต่ agentic AI และอื่น ๆ มากขึ้น อันจะเป็นการปลดล็อกศักยภาพและใช้ประสิทธิภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ในยุคนี้" นพดลระบุ
เมื่อถามถึงภาพรวมตลาดไทยในช่วงครึ่งปีหลัง นูทานิคซ์ย้ำว่าแม้จะไม่ได้แยกผลประกอบการเป็นรายประเทศ แต่รายได้ทั่วโลกล่าสุด-ไตรมาส 3 ของนูทานิคซ์ (ไตรมาส 3 ของนูทานิคซ์ คือเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน) แสดงให้เห็นว่าเป็นอีกไตรมาสหนึ่งที่บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายราจีฟ รามาสวามี ซีอีโอของนูทานิคซ์ ได้กล่าวระหว่างการนำเสนอผลประกอบการไตรมาส 3 ว่า ผลประกอบการนี้ได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของ Nutanix Cloud Platform และความต้องการจากธุรกิจต่าง ๆ ที่กำลังมองหาพันธมิตรในระยะยาว ดังนั้นนูทานิคซ์ซึ่งมีลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 28,000 ราย และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงเชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่นำเทคโนโลยีของนูทานิคซ์มาใช้ในระดับแถวหน้าของภูมิภาค
สำหรับงาน .NEXT 2025 Asia-Pacific มีกำหนดทยอยจัดในบางประเทศในภูมิภาค ต่อจากงาน .NEXT ระดับโลกที่จัดที่สหรัฐอเมริกา และปีนี้นูทานิคซ์เลือกจัดที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรก โดยมีลูกค้า 600 รายเข้าร่วมงานเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยและอาเซียนเป็นประเทศและภูมิภาคที่นูทานิคซ์ให้ความสำคัญอย่างมาก.