เปิดวิสัยทัศน์ "ดร.ธนพร ฐิติสวัสดิ์" ประธานบริษัท จีไอเอส จำกัด กับเป้าหมายปี 2568 ที่มุ่งเดินหน้าผลักดันให้ผู้คนเข้าใจว่าระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์หรือ geographic information system นั้นมีความสำคัญมากในระดับ "โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งชาติสำหรับประเทศ"
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (geographic information system) คือเทคโนโลยีที่เน้นวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยคอมพิวเตอร์ ที่ผ่านมา GIS ในฐานะบริษัทเครือซีดีจี (CDG) สามารถให้บริการเทคโนโลยีนี้จนช่วยเหลือแอปพลิเคชันได้มากมาย กลยุทธ์ในปีนี้ของ GIS จึงวางจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้กับตลาดไทย ว่าข้อมูลเชิงพื้นที่นั้นสามารถช่วยแอปพลิเคชันได้กว้างขึ้น ทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นอาวุธที่องค์กรในชาติจะขาดไม่ได้ เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์สำนักงานทั่วไปอย่าง Microsoft Word หรือ Excel ที่ต้องมีไว้ใช้งานขั้นพื้นฐาน
ในขณะที่ยังอุบเงียบเรื่องเป้าหมายยอดขาย แต่ GIS ยืนยันว่ายังคงมุ่งเน้นไปที่ตลาดเฉพาะ เช่น หน่วยงานภาครัฐ องค์กรท้องถิ่น รวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งคาดว่าตลาดจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้และปีถัดไป
***ไม่ใช่แค่แผนที่ แต่มีศักยภาพใช้งานเพียบ
ดร.ธนพร ฐิติสวัสดิ์ ประธานบริษัท จีไอเอส จำกัด กล่าวว่าเทคโนโลยี GIS มีบทบาทกับประเทศไทยหลายด้านโดยที่คนไทยอาจไม่เคยรู้มาก่อน จากการพยากรณ์น้ำท่วม ไปจนถึงการช่วยชีวิตผู้ประสบภัย และการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลเชิงลึก ทำให้ GIS ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ภาครัฐและเอกชนสามารถตัดสินใจและวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
"เป้าหมายของ GIS ปีนี้ คือพยายามผลักดันให้เกิดการรับรู้ในตลาด ว่า GIS มีความสำคัญในขนาดที่มันจะกลายเป็น National Digital Infrastructure คือโครงสร้างพื้นฐานด้าน ดิจิทัลให้ประเทศได้"
หนึ่งในหัวใจสำคัญของ GIS คือ Nostra Map ซึ่งดร.ธนพร ย้ำว่าเป็นแผนที่ประเทศไทยที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตอนนี้ แผนที่นี้มีความละเอียดสูงถึงมาตรส่วน 1:4,000 และ 1:2,000 พร้อมจุดสนใจ (POI) และเส้นทางทั่วประเทศ สิ่งที่ทำให้ Nostra Map แตกต่างคือการทำโดยคนไทย ทำให้มีความละเอียดและแม่นยำกว่า
"แผนที่เมืองไทยให้คนอื่นทำไม่ได้ เค้าไม่เข้าใจความพิเศษของบ้านเรา ตรงนี้เลี้ยวได้ ตรงนี้เลี้ยวไม่ได้ ตอนนี้ 4 เลน กลายเป็น 2 เลน และที่น่าทึ่งคือ แผนที่นี้มีการอัปเดตข้อมูลทุกวัน"
ที่ผ่านมา GIS ถูกนำไปใช้ในหลายกรณี ทั้งงานกู้ภัยระดับชาติ อย่างเหตุการณ์ทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง ซึ่ง GIS เข้าไปช่วยกรมทรัพยากรธรณี โดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝนและสภาพภูมิประเทศ เพื่อระบุจุดที่น้ำมุดเข้าถ้ำหลวงได้อย่างแม่นยำภายใน 60 เมตร ซึ่งช่วยให้ทีมกู้ภัยสามารถผันน้ำออกได้ นอกจากนี้ยังแปลหนังสือภาษาฝรั่งเศสเกี่ยวกับลักษณะถ้ำ เพื่อสร้างแผนที่ภายในถ้ำ ให้เห็นจุดที่แคบที่สุดเพียง 38 เซนติเมตร ทำให้ทีมกู้ภัยวางแผนการเข้าถึงได้อย่างปลอดภัย
ในส่วนภัยพิบัติสึนามิและตึกถล่ม GIS มีส่วนช่วยในการค้นหาผู้ประสบภัยในทั้ง 2 เหตุการณ์ โดยได้ทำงานร่วมกับหน่วยกู้ภัยในเคสตึกถล่ม ทั้งใช้ GIS วางแผนการกู้ภัย แบ่งโซน และประมวลผลภาพถ่ายจากโดรนเพื่อติดตามความคืบหน้า
***Smart City ยังอยู่
ในด้านการใช้ GIS บริหารจัดการประเทศ (Smart City) ดร.ธนพรย้ำว่า GIS ช่วยให้หลายจังหวัดเป็น Smart City เช่น หัวหินที่ใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ดูแลกลุ่มเปราะบางและสถานพยาบาล หรือแม้แต่นครศรีธรรมราชที่สนใจใช้ GIS จัดการข้อมูลสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการฉีดวัคซีนและงานสาธารณสุข
สำหรับภาคธุรกิจหน่วยงานเอกชน ดร.ธนพร ชี้ว่าดาวเด่นของตลาดปีนี้คือกลุ่มโลจิสติกส์ โดยบริษัทขนส่งมีการใช้ GIS วางแผนการให้บริการ ทำให้สามารถลดค่าน้ำมันได้ถึง 30% เพียงแค่ใช้ GIS ติดตามพฤติกรรมการขับขี่ และตอนนี้ GIS ยังขยายไปช่วยบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์ และแสดงผลกำไรขาดทุนของแต่ละทริปการขนส่งด้วย
นอกจากนี้คือส่วนอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งดร.ธนพร ยกตัวอย่างการใช้ GIS ในการวิเคราะห์การเปิด-ปิดสาขาใหม่ จนสามารถประหยัดเงินไปได้หลายล้านบาท และส่วนโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เช่นระบบ GIS สำหรับกิจการไฟฟ้า ซึ่ง GIS ไม่เพียงร่วมมือกับหน่วยงานด้านการไฟฟ้าในไทย แต่ยังขยายไปถึงหน่วยงานไฟฟ้าในฟิลิปปินส์ด้วย
สิ่งที่น่าตื่นเต้นในช่วงระยะหลังมานี้คือ การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ร่วมกับ GIS ดร.ธนพรชี้ว่าปัจจุบัน การประยุกต์ใช้ที่ง่ายที่สุดคือการใช้ AI ในเรื่องของการช่วยอัปเดตแผนที่ ทำให้ต้นทุนการอัปเดตลดต่ำลง โดย AI สามารถอ่านป้ายถนน ป้ายจราจร และข้อมูลอาคารจากภาพถ่ายได้รวดเร็วและประหยัดกว่าการใช้คน นอกจากนี้ AI ยังถูกนำไปใช้ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายจากดาวเทียมเพื่อประเมินความเสียหายหลังภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถทำนายการเสียของอุปกรณ์ไฟฟ้าล่วงหน้า โดยนำข้อมูลการติดตั้งและสภาพแวดล้อมมาเป็นปัจจัยร่วมด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบำรุงรักษาเชิงรุก
แน่นอนว่าการผลักดันเทคโนโลยีขนาดใหญ่นี้ย่อมมีความท้าทาย ดร.ธนพรเล่าว่าตลาด GIS ยังเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ทำให้คู่แข่งมักจะนำเสนอแค่การแสดงแผนที่ แต่สำหรับบริษัท GIS นั้นวางมาตรฐานว่าจะต้องมีบริการวิเคราะห์ เพื่อให้หน่วยงานนำเอาไปพยากรณ์ได้ และประมวลผลเพื่อหาคำตอบที่ต้องการ ดังนั้นความท้าทายหลักจึงอยู่ที่การสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้าถึงความแตกต่างนี้
ในภาพรวม แม้การขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางจะเป็นสิ่งท้าทายที่สำคัญ แต่ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องของข้อมูลเชิงพื้นที่คือการเปิดกว้างและแบ่งปันข้อมูลหรือ Open Data และ Data Sharing
"GIS จะเกิดไม่ได้เลยถ้าไม่มีการทำ open data และ data sharing อันนี้คิดว่าสำคัญ การที่ภาครัฐแต่ละหน่วยงานหรือแต่ละจังหวัดใช้ข้อมูลแผนที่คนละชุด ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องและการตัดสินใจที่อาจคลาดเคลื่อน GIS จึงอยากเห็นการผลักดันให้เกิดโครงการแผนที่กลางในลักษณะเดียวกับ One Map ของสิงคโปร์ เพื่อให้ทุกภาคส่วนใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนและยกระดับการตัดสินใจของประเทศได้มหาศาล"
ที่สุดแล้ว การผลักดันให้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ถูกมองเป็นสิ่งสำคัญนั้นไม่ใช่เป้าหมายของบริษัท GIS เท่านั้น แต่ยังเป็นเป้าหมายส่วนตัวของดร.ธนพรด้วย ซึ่งหากเป้าหมายนี้บรรลุผล GIS ย่อมจะถูกเอาไปใช้อย่างคุ้มค่า จนมีการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
"เป้าหมายส่วนตัวคือจะต้องมีวันที่ได้เอาข้อมูลทุกอย่างมาประสานกัน แล้วทำให้ทุกคนเห็นว่านี่แหละ มันคือต้องเป็นอย่างนี้ ทำให้เรารู้ว่า GIS จะช่วยเราได้อย่างไร"
ถือว่าเป็นเป้าหมายที่แสดงให้เห็นถึง Passion อันแรงกล้าในวิสัยทัศน์ของ "ดร.ธนพร ฐิติสวัสดิ์" ประธานบริษัท จีไอเอส จำกัด คนนี้.