ศึกคลื่นเดือด! 'กสทช.' ดันประมูล 29 มิ.ย.68 'True-AIS' ร่วมวงซ้อมเคาะราคา ฟาก 'สหภาพ NT' ฮือค้าน ชี้เอื้อทุนใหญ่ ผูกขาดตลาด กีดกันรัฐวิสาหกิจ
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (สำนักงาน กสทช.) ได้จัดงานการประชุมชี้แจงขั้นตอนการประมูล (Bidder Information Session) และการประมูลรอบสาธิต (Mock auction) โดยมี บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ True บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เป็นผู้เข้าร่วมงานการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่าน 850 MHz 1500 MHz 2100 MHz และ 2300 MHz
นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รองเลขาธิการ กสทช.) สายงานโทรคมนาคม เปิดเผยว่า กสทช. จัดซักซ้อมประมูลคลื่นความถี่วันนี้ ก่อนเปิดประมูลจริง 29 มิ.ย.68 โดยให้ผู้เข้าร่วมเรียนรู้ขั้นตอน ปฏิบัติตน และทดลองใช้งานระบบซอฟต์แวร์ Auction Software ผ่านกิจกรรม Bidder Information Session และ Mock Auction เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับระบบแจ้งเตือนและเมนูต่างๆ ภายในโปรแกรม
การประมูลครั้งนี้ใช้วิธีใหม่ที่เรียกว่า Simultaneous Clock Auction ซึ่งเปิดให้ประมูลคลื่นทุกกลุ่มพร้อมกัน แตกต่างจากการประมูลแบบเดิมที่ดำเนินการทีละย่าน ผู้เข้าร่วมสามารถเลือกสลับคลื่นในกลุ่มเดียวกันได้ เพิ่มความแม่นยำในการแสดงมูลค่าที่แท้จริงของคลื่นและเปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นในทุกย่าน ส่งผลให้มีแนวโน้มจะสร้างรายได้มากขึ้นจากการประมูลครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ระบบการเคาะราคายังคงใช้รูปแบบเดิม โดยในรอบแรกจะเริ่มจากราคาขั้นต่ำรวมกับขั้นราคาแรก
การประมูลครั้งนี้ครอบคลุมคลื่น 4 ย่านความถี่ ได้แก่ 850 MHz 1500 MHz 2100 MHz และ 2300 MHz แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือคลื่นย่านต่ำ (Low Band) 850 MHz ซึ่งมี 2 ชุด ชุดละ 2x5 MHz ราคาขั้นต่ำ 7,738.23 ล้านบาทต่อชุด, คลื่นย่านกลาง (Mid Band) ที่มีการใช้งานในปัจจุบันอย่าง 2100 MHz จำนวน 3 ชุด ชุดละ 2x5 MHz ราคาขั้นต่ำ 4,500 ล้านบาทต่อชุด และ 2300 MHz จำนวน 7 ชุด ชุดละ 10 MHz ราคาขั้นต่ำ 2,596.15 ล้านบาทต่อชุด และคลื่นย่านกลางที่ยังไม่มีการใช้งานอย่าง 1500 MHz ซึ่งมี 11 ชุด ชุดละ 5 MHz ราคาขั้นต่ำ 1,057.49 ล้านบาทต่อชุด
"การออกแบบการจัดสรรคลื่นในครั้งนี้ เน้นให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและการกระจายทรัพยากรคลื่นความถี่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทยมีคลื่นเพียงพอต่อการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ" นายสุทธิศักดิ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT (สร.ทช.) ออกแถลงการณ์คัดค้านการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ โดยระบุว่า การประมูลครั้งนี้เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนรายใหญ่ ก่อให้เกิดตลาดผูกขาด และขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรของชาติ การนำออกประมูลในช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการไม่ได้ขาดแคลนคลื่น และกำหนดราคาขั้นต่ำที่ต่ำกว่าการประมูลในอดีต โดยไม่มีเงื่อนไขลดค่าบริการชัดเจน จะเป็นการเปิดทางให้นายทุนกักตุนคลื่น ไม่ก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง และจะปิดโอกาสรัฐวิสาหกิจในการใช้คลื่นเพื่อให้บริการประชาชน
ทั้งนี้ สร.ทช. กังวลว่า ผลจากการประมูลจะทำให้เกิดตลาดกึ่งผูกขาดในธุรกิจสื่อสารไร้สายเคลื่อนที่ ซึ่งปัจจุบันเหลือผู้ให้บริการรายใหญ่เพียง 2 ราย และอาจต้องใช้เวลาถึง 15 ปีจึงจะแก้ปัญหาตลาดผูกขาดได้ตามระยะเวลาการอนุญาตให้ใช้คลื่น จึงตั้งคำถามว่า ใครจะรับประกันได้ว่าโครงสร้างราคาค่าบริการที่เป็นธรรมและคุณภาพการให้บริการจะเกิดขึ้นได้จากกลไกตลาดที่ไร้การแข่งขันจริง
แม้ธุรกิจโทรคมนาคมจะไม่ใช่สาธารณูปโภคแบบน้ำหรือไฟฟ้า แต่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศในการก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การผลักคลื่นความถี่ให้กับเอกชนไม่กี่รายจึงขัดกับแนวนโยบายพัฒนาประเทศ และอาจยิ่งถ่างช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล จึงเสนอให้ใช้รัฐวิสาหกิจอย่าง NT เป็นกลไกหลักขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล
ข้อเสนอหลักของ สร.ทช. คือ ขอให้ กสทช. พิจารณาทางเลือกอื่น แทนการประมูลคลื่นครั้งนี้ เช่น การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.63 ที่ให้การสนับสนุนรัฐวิสาหกิจใช้คลื่นความถี่ในการปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะคลื่น 850 MHz 2100 MHz และ 2300 MHz ที่ NT กำลังใช้งานอยู่ และจะหมดอายุสิทธิใช้งานในเร็ววัน
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ กสทช. ขยายระยะเวลาการใช้คลื่นเดิมให้กับ NT โดยไม่ต้องนำไปประมูลใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์โครงข่ายที่ลงทุนไว้หมดมูลค่าการใช้งาน พร้อมเสนอให้มีการพิจารณาแก้ไขกฎหมาย เพื่อเปิดทางให้มีการจัดสรรคลื่นด้วยวิธีอื่นที่เป็นธรรมและเหมาะสม เช่น การแข่งขันด้วยรูปแบบธุรกิจ หรือการจัดสรรให้รัฐวิสาหกิจใช้งานคลื่นได้เช่นเดียวกับหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานรัฐอื่นๆ โดยไม่ต้องผ่านการประมูล
"หากไม่มีการแข่งขันเสรีอย่างแท้จริง คลื่นความถี่ควรอยู่ในมือรัฐเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ลดความเหลื่อมล้ำ และรักษาผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว" สร.ทช. ระบุ