ดีลอยท์ (Deloitte) เซอร์ไพรส์ผลสำรวจล่าสุดพบ "องค์กรรัฐ" เป็น 1 ใน 3 กลุ่มหน่วยงานไทยที่มีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ฮอตที่สุดในนาทีนี้อย่าง Generative AI หรือ Gen AI อย่างจริงจัง โดยตำแหน่งแชมป์ตกเป็นของกลุ่มหน่วยงานโทรคมนาคม และหน่วยงานด้านการเงินที่มีการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลหรือดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันเต็มรูปแบบแล้ว
ดร.นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร แผนก Growth ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวถึงผลสำรวจ Deloitte Thailand Digital Transformation Survey 2025 ว่า 2 สัญญาณน่าสนใจที่สุดของงานวิจัยนี้คือการที่องค์กรไทยนำดาต้ามาใช้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ซึ่งเป็นทิศทางที่ชัดเจนมากในช่วง 5-10 ปีหลังว่าองค์กรมีการแทรกกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลเข้าไปในทุกส่วนของขั้นตอนดำเนินงานธุรกิจ ขณะที่อีกสัญญาณที่ดีคือ 44% ขององค์กรไทยมีการใช้ AI สะท้อนว่า AI เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้จริงและใช้ต้นทุนต่ำ เชื่อว่าจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมการแข่งขันในอุตสาหกรรม
"องค์กรใหญ่จะไม่ใช่ผู้ได้เปรียบอีกต่อไป แต่ AI กำลังจะช่วยองค์กรเล็กให้เข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้" ดร.นเรนทร์ กล่าว "กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและการเงิน เป็น 2 กลุ่มองค์กรในไทยที่การสำรวจพบว่ามีการใช้ AI มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่านั้นคือกลุ่มที่เป็นภาครัฐ พบว่ามีการใช้ Gen AI สูงมาก"
Gen AI นั้นเป็นเทคโนโลยีที่หลายคนรู้จักจากชื่อของบริการฮิตอย่าง ChatGPT, Gemini หรือ Perplexity แต่ในระดับองค์กร โมเดล Gen AI สามารถถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ คาดการณ์อนาคต สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ และวิเคราะห์ความเสี่ยงได้
เพื่อสะท้อนว่าองค์กรไทยพร้อมแค่ไหนสำหรับคลื่นเทคโนโลยีลูกนี้ ผลสำรวจของ Deloitte จึงโยง Gen AI กับความก้าวหน้าเรื่องการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน ซึ่งผลสำรวจชี้ว่าร้อยละ 44 ขององค์กรไทยอยู่ในช่วงลงมือทำหรือ Doing Digital เพื่อเพิ่มผลผลิต ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และลดต้นทุน ขณะที่มีเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นที่เทคโนโยลีได้ซึมเข้าสู่แกนหลักของธุรกิจหรือ Being Digital อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่องค์กรไทยเดินหน้าดิจิทัลเต็มที่ และกว่าร้อยละ 70 ได้ลงทุนด้านการวิเคราะห์ข้อมูล แต่เมื่อพูดถึง Gen AI พบว่ามีเพียงร้อยละ 5 ของผู้นำองค์กรไทยเท่านั้นที่มองตัวเองมีความเชี่ยวชาญด้าน GenAI ในระดับสูง ขณะที่ค่าเฉลี่ยของผู้นำองค์กรทั่วโลกอยู่ที่ร้อยละ 44 เรียกว่าตามหลังค่าเฉลี่ยโลกอย่างชัดเจน
ถามว่าองค์กรไทยใช้ GenAI ทำอะไรบ้าง การสำรวจพบ 5 อันดับการใช้งาน GenAI ที่ฮิตที่สุดในองค์กรไทยคือการสืบค้นข้อมูล (ร้อยละ 68) การสรุปเอกสารและการประชุม (ร้อยละ 54) การผลิตคอนเทนต์ข้อความ/ภาพ/เสียง/วิดีโอ (ร้อยละ 50) การแปลภาษา (ร้อยละ 48) และการใช้เป็นแชตบอต/ผู้ช่วยเสมือน (ร้อยละ 45)
การสำรวจพบว่าแผนกที่ “ลุยก่อนใคร” คือฝ่ายไอทีและฝ่ายรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ยังมีฝ่ายการตลาด การขาย และบริการลูกค้า ซึ่งแม้ GenAI จะต้นทุนต่ำและเข้าถึงง่าย แต่ 3 ความท้าทายหลักก็ยังชัดเจนคือการขาดบุคลากรที่มีความพร้อม (ร้อยละ 63) ไม่มีแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน (ร้อยละ 32) ยังเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมไม่ได้ (ร้อยละ 24)
สำหรับความท้าทายที่องค์กรไทยต้องเผชิญเมื่อทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันและประยุกต์ใช้ Gen AI นั้นมีทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกัน โดยในส่วนที่เหมือนกันคือการขาดทักษะพนักงานที่เชี่ยวชาญ และการขาดงบประมาณรวมถึงทรัพยากร ส่วนที่ต่างคือ ดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันมีความยากที่การยึดติดกับระบบไอทีเดิม ขณะที่ GenAI ยังมีปัญหาเรื่ององค์กรขาดกลยุทธ์ที่ชัดเจน และการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
แม้ Gen AI จะใช้ต้นทุนต่ำและไม่ต้องการบุคลากรจำนวนมากเหมือนระบบไอทีในอดีต แต่ดีลอยท์เชื่อว่าปัญหาบุคลากรและการขาดแคนงบประมาณจะยังเป็นความท้าทายของการรับใช้เทคโนโลยี AI ขององค์กรต่อไป เนื่องจากเทคโนโลยีทำงานด้วยตัวเองไม่ได้
"ปัญหาขาดแคลนบุคลากรจึงยังเป็นปัญหาคลาสสิกที่ต้องใช้เวลาและยังมีความท้าทายต่อไปอีก ทั้งที่มีความกังวลว่า AI จะมาแทนมนุษย์หรือไม่? และพนักงานหลายคนก็มีความกังวล รวมถึงบริษัทจำนวนมากก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเดินกลยุทธ์ AI ไปทางไหน ดังนั้นปัญหาเรื่องการขาดความพร้อมขององค์รวม ทั้งคน กระบวนการ และเทคโนโลยี เชื่อว่าจะยังทำให้ความท้าทายที่มีมาในกระบวนการปรับใช้เทคโนโลยีขององค์กร จะยังคงอยู่ที่ขาดบุคลากรและงบประมาณต่อไปเช่นเดิม" ดร.นเรนทร์ ทิ้งท้าย.