xs
xsm
sm
md
lg

ไปรษณีย์ไทยงัดกฎหมาย รีเซ็ตสงครามส่งด่วน (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ท่ามกลางสงครามส่งด่วนที่ร้อนระอุทั่วประเทศ ตลาดโลจิสติกส์ไทยกำลังเปลี่ยนโฉมอย่างรุนแรง จากเวทีแข่งขันด้านปริมาณและราคาต่ำสุด สู่สนามใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยความเชี่ยวชาญลึก ประสบการณ์จริง และโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง ไปรษณีย์ไทยคือหนึ่งในผู้เล่นรายสำคัญที่ตัดสินใจ "ไม่เล่นเกมเดิมอีกต่อไป"

รัฐวิสาหกิจอายุ 142 ปี เลือกถอนตัวบางส่วนจากสงครามราคาที่ไร้ทิศทาง เลิกพึ่งพาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่สามารถสับเปลี่ยนวอลุ่มได้ทันที และหันมาเร่งสร้างโมเดลธุรกิจใหม่บนหลักมั่นคง ยั่งยืน และแตกต่าง ผ่านยุทธศาสตร์หลัก คือ การบุกตลาด "สเปเชียลไลซ์โลจิสติกส์" หรือขนส่งเฉพาะทางที่เน้นความแม่นยำและมาตรฐานสูง

แม้ผลประกอบการปี 2567 ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แต่ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เล่าว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภาพรวมเติบโตแบบชะลอตัว และแพลตฟอร์มกลายเป็นตัวกลางควบคุมระบบการขนส่ง ทำให้ไปรษณีย์ไทยประสบความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของปริมาณวอลลุ่มที่ผันผวนสูง เช่น บางแพลตฟอร์มมีระบบอัตโนมัติที่สามารถย้ายวอลลุ่ม ไปยังผู้ให้บริการรายอื่นได้อัตโนมัติเมื่อมีดีลราคาถูกกว่า ส่งผลให้ไปรษณีย์ต้องแบกรับต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ล่วงหน้า เมื่อวอลลุ่มหาย รายจ่ายยังอยู่ และกลายเป็นภาระ

แต่เมื่อผู้เล่นรายใหญ่บางรายถอนตัว ทำให้พัสดุบางส่วนไหลกลับสู่ไปรษณีย์ไทย แต่ไปรษณีย์ไทยจะไม่รอเก็บแค่ "เศษซากจากสงครามราคาที่คนอื่นทิ้งไว้" เพราะรู้ดีว่าการพึ่งพาแพลตฟอร์มเพียงอย่างเดียว คือ ความเสี่ยงที่อันตรายที่สุดในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยเฉพาะในยุคที่อัลกอริทึมและระบบ AI ของแพลตฟอร์ม สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในพริบตา ไม่ต่างจากการ "ถูกตัดเส้นเลือดใหญ่" โดยที่ไม่รู้ตัวล่วงหน้า

ขนส่งเฉพาะทาง = เกมใหม่ไปรษณีย์

ยุทธศาสตร์ใหม่ที่ถูกเร่งเดินเครื่องเต็มสูบ คือ การรุกตลาดขนส่งเฉพาะทาง โดยเฉพาะยาและเวชภัณฑ์สำหรับคนและสัตว์ ภายใต้มาตรฐาน GSP และ GDP พร้อมบริการ Televet ส่งยาถึงบ้าน ตอบโจทย์กลุ่มเลี้ยงสัตว์ที่ต้องการความปลอดภัยและสะดวก โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล

บริการนี้ต่อยอดจากประสบการณ์กว่าสิบปี ที่ร่วมงานกับโรงพยาบาลชั้นนำกว่า 400 แห่ง เช่น ศิริราช จุฬาภรณ์ กรุงเทพ และวชิรพยาบาล รวมยอดขนส่งยาแล้วกว่า 2.3 ล้านชิ้น ล่าสุดร่วมมือคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เสริมแกร่งการขนส่งเวชภัณฑ์สัตว์ ด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิ ตรวจสอบย้อนกลับ และ KYC ยืนยันตัวตนผู้รับ ป้องกันการใช้ผิดคนหรือผิดวิธี

ตลาดสัตว์เลี้ยงไทยคาดปี 2568 จะมีสัตว์เลี้ยงมีเจ้าของกว่า 5.38 ล้านตัว เพิ่มจากปีก่อนราว 6% โดยเฉพาะกลุ่มหมาแมวที่ถูกเลี้ยงเสมือนสมาชิกครอบครัว ทำให้บริการสุขภาพสัตว์และการส่งยาถึงบ้านเติบโตต่อเนื่อง

ไปรษณีย์ไทยชูจุดแข็ง EMS ส่งเร็วถึงหน้าบ้านภายใน 1-2 วัน พร้อมระบบติดตาม 24 ชั่วโมง ผ่านเครือข่ายกว่า 50,000 จุด และบุรุษไปรษณีย์ 25,000 คน ค่าบริการเริ่มต้น 120 บาท

มากกว่าความสะดวก คือการวางหมากรุกสู่ตลาดใหม่ที่ไร้คู่แข่งชัดเจน ขนส่งเฉพาะทางต้องแยกปฏิบัติการเฉพาะ ฝึกอบรมเฉพาะทาง คุมคุณภาพทุกขั้น ถือเป็นเกมรุกสู่ Blue Ocean ของโลจิสติกส์ไทย ด้วยยุทธศาสตร์ "ลึกและแม่น" เตรียมขยายสู่บริการสุขภาพสัตว์แบบครบวงจรในอนาคต


◉ ทุ่มพันล้าน บิ้วระบบอัตโนมัติทั่วประเทศ

เพื่อให้ยุทธศาสตร์นี้เดินหน้า ไปรษณีย์ไทยลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทในปีเดียว ยกเครื่องระบบอัตโนมัติศูนย์กระจายสินค้า โดยเริ่มที่ศูนย์ราชบุรี เป็นจุดนำร่องภาคตะวันตกและใต้ ลดภาระศูนย์กลางในกรุงเทพฯ กระจายวอลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ

ศูนย์กระจายสินค้าของไปรษณีย์ไทยมีทั้งหมด 19 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทำให้การคัดแยกพัสดุกว่า 240,000 ชิ้น/วัน มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จัดส่งเร็วขึ้น ลดต้นทุนเวลาและขนส่งระยะยาว

ระบบใหม่นี้ไม่ใช่แค่คัดแยกเร็วขึ้น แต่รองรับพัสดุเฉพาะทาง มีคลังควบคุมอุณหภูมิ ห้องจัดเก็บพิเศษ สายพานแยกกล่องเฉพาะ พร้อม AI วิเคราะห์เส้นทางเรียลไทม์ และระบบสำรองข้อมูลประเมินวอลุ่มล่วงหน้า ลดการพึ่งความรู้สึก และตัดสินใจบนดาต้าเชิงลึกจริงๆ

◉ โมดิฟายด์กฎหมาย เขย่าสงครามส่งด่วน

นอกจากเกมธุรกิจ ไปรษณีย์ไทยยังจับตากฎหมายใหม่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ (ร่าง) พระราชบัญญัติการประกอบกิจการไปรษณีย์ พ.ศ. … ที่เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือน มิ.ย.2568 ก่อนเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เข้าสู่ขั้นตอนพิจารณาของรัฐสภาและกฤษฎีกา เพื่อประกาศใช้ต่อไป ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมระบบการควบคุมผู้ให้บริการขนส่งทั่วประเทศ

ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่า กฎหมายฉบับใหม่นี้จะใช้ระบบจดแจ้ง แทนระบบใบอนุญาต เพื่อลดขั้นตอนและเปิดทางให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้คล่องตัว พร้อมกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำด้านความปลอดภัยของพัสดุ ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และคุณภาพบริการโดยรวม

ด้าน ดร.ดนันท์ เสริมว่า หากกฎหมายผ่านเร็ว จะพลิกโฉมการแข่งขันโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการกำกับผู้ให้บริการเอกชนที่อยู่นอกกฎหมายเดิม แม้ยังไม่ชัดว่าใครจะเป็นหน่วยงานกำกับ แต่มีแนวโน้มตั้งคณะกรรมการเฉพาะ แทนการตั้งองค์กรอิสระเหมือนกิจการโทรคมนาคม

"ไปรษณีย์ไทยไม่ต้องการแต้มต่อจากรัฐ แต่ต้องการการแข่งขันที่เป็นธรรม เพื่อยืนหยัดในตลาด ทำหน้าที่รัฐวิสาหกิจที่สามารถอยู่ได้โดยไม่เป็นภาระรัฐบาล กฎหมายใหม่จึงเป็นความหวังในการปรับสมดุลอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทย ด้วยกลไกควบคุมต้นทุน ป้องกันการตั้งราคาต่ำกว่าทุน หรือดัมพ์ราคา ซึ่งคือพฤติกรรมทำลายโครงสร้างตลาดในระยะยาว และอาจลากทั้งอุตสาหกรรมให้ล้มตามไปด้วย

ที่สำคัญ กฎหมายใหม่ต้องไม่ปล่อยให้แพลตฟอร์มควบคุมตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะในอีคอมเมิร์ซ ที่อัลกอริทึมเลือกบริการจากราคาถูกสุด ไม่เปิดทางให้ผู้บริโภคเลือกตามคุณภาพจริง พร้อมเสนอจัดตั้งกองทุนสนับสนุนบริการพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ทุกรายแข่งขันอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่ปล่อยทุนหนาบดรายย่อยจนตายเกลี้ยง" ดร.ดนันท์ ระบุ

"สมรภูมิใหม่ของสงครามส่งด่วน" ไปรษณีย์ไทยเลือกเส้นทางที่ยากแต่มั่นคง วางจุดแข็งบนคุณภาพและความเชื่อถือ ไม่เล่นเกมราคาถูก แต่ชนตรงกับเกมทุน เทคโนโลยี และเป้าหมายระยะยาว เดินหน้าสร้างระบบหลังบ้านแกร่ง รับมือการแข่งขันที่วัดกันด้วยความไว้วางใจ ไม่ใช่ราคาต่ำสุด










กำลังโหลดความคิดเห็น