สามารถ เทลคอม ตั้งเป้าปี 2568 เซ็นสัญญาทะลุ 1 หมื่นล้านบาท คาดรับรู้รายได้รวมกว่า 6,500 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี พร้อมได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเป็น BBB+
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 มีการเติบโตที่น่าพอใจ โดยได้เซ็นสัญญาและชนะงานโครงการใหม่ไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท จากลูกค้ารายใหญ่ อาทิ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.), บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท
ด้วยแนวโน้มการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ ICT ของภาครัฐที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับงานใหม่เพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้มีโอกาสเซ็นสัญญารวมตลอดปี 2568 ทะลุ 10,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้รวมทั้งปีมากกว่า 6,500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) แตะระดับสูงสุดที่ 44%
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและแนวโน้มธุรกิจที่เติบโตอย่างมั่นคง ล่าสุด ทริสเรทติ้ง (Tris Rating) สถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำของไทย ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ SAMTEL จากเดิม BBB เป็น BBB+ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
นายวัฒน์ชัย กล่าวเสริมว่า เพื่อตอบรับนโยบายภาครัฐและเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัล ที่ผลักดันให้องค์กรทุกภาคส่วนต้องเร่งปรับตัว บริษัทฯ ได้เล็งเห็นโอกาสในการนำเสนอ บริการ Outsourcing Services แบบครบวงจร (One Stop Service) เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนสูงและมีความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน
"เราพร้อมส่งมอบบริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ (Design) การติดตั้งและพัฒนา (Implement) ไปจนถึงการดำเนินงาน (Operate) และบำรุงรักษา (Maintenance) โดยร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก"
สำหรับ บริการของ SAMTEL ครอบคลุมโซลูชันหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น: โซลูชันการพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง (Anti-Counterfeit Printing), โซลูชันด้านความปลอดภัย (Physical & Cyber Security), โซลูชันสำหรับภาคการเงินและการธนาคาร, โซลูชันอำนวยความสะดวกในภาคขนส่ง และโซลูชันช่วยภาครัฐจัดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษี
นอกจากนี้ SAMTEL ยังมีแผนขยายตลาดระบบ ERP ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญไปยังกลุ่มลูกค้านอกเหนือจากกลุ่มสาธารณูปโภคเดิม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของรายได้ประจำ ควบคู่ไปกับการพัฒนาโซลูชันด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด เพื่อรองรับเทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability)
โดยมีแผนดำเนินโครงการจัดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Power Purchasing Agreement (PPA) และต่อยอดโครงการระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล (Remote Pollution Monitoring & Early Warning System) ที่ได้ดำเนินการให้กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยไปแล้วก่อนหน้านี้