xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโมเดลธุรกิจเครือข่ายคนจริง “World” ยืนยันตัวตนยุค AI สแกนม่านตา 1,000 จุดทั่วไทยปี 68

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เดินเครื่องเต็มร้อยสำหรับระบบเครือข่ายมนุษย์จริง "เวิลด์" (World) จุดประกายช่วยคนไทยแก้ปัญหาชาวเน็ตไม่รู้ว่าคุยกับมนุษย์จริงหรือบอต การันตี 27.4 ล้านคนทั่วโลกเกิน 20 ประเทศได้รับการยืนยันความเป็นมนุษย์แล้ว วางเป้าไทยติด "ออร์บ" (Orb) อุปกรณ์สแกนม่านตายืนยันความเป็นมนุษย์ 1,000 จุดภายในปี 2568 เพิ่มจากปัจจุบันที่มี 58 แห่งแล้วทั่วประเทศ

นายภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ทูลส์ฟอร์ฮิวแมนิตี้ (Tools for Humanity) กล่าวยืนยันในงาน World Day 2025 ที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ว่า World ไม่มีการเก็บข้อมูลชีวภาพเพื่อแอบขายในอนาคตอย่างที่มีความกังวล เนื่องจากระบบจะถ่ายภาพม่านตาแล้วแปลงเป็นรหัส “ไอริส โค้ด” (Iris Code) จากนั้นจะเข้ารหัสเก็บในมือถือผู้ใช้งาน โดยระบบจะลบภาพม่านตานั้นทิ้งไป ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เป็นส่วนตัว เนื่องจากไม่มีการเก็บข้อมูลใดของผู้ใช้งาน

“World ถูกสร้างขึ้นมาบนเป้าหมายเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่ช่วยให้มนุษย์อยู่ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้ปลอดภัยมากที่สุด”

ภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ทูลส์ฟอร์ฮิวแมนิตี้ (Tools for Humanity)
เหตุที่โลกต้องมีโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพราะข้อจำกัดของระบบการยืนยันความเป็นมนุษย์ในปัจจุบันอย่าง CAPTCHA ย่อมาจาก "Completely Automated Public Turing test to tell Computers and Humans Apart" ซึ่งมักเป็นภาพหรือการทดสอบอย่างง่ายสำหรับแยกแยะผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์ออกจากโปรแกรมอัตโนมัติ (บอต) เพื่อป้องกันสแปมและการโจมตีต่างๆ แต่ปัญหาคือผู้พัฒนาบอตสามารถใช้ AI ก้าวข้าม CAPTCHA ไปได้ และภัคพลมองว่า CAPTCHA อาจไม่ใช่คำตอบในการแยกแยะผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์อีกต่อไป

เครือข่ายของมนุษย์จริงอย่าง World จึงถูกวาดหวังว่าจะสามารถมาแทน CAPTCHA และแก้ปัญหาบนหลายแพลตฟอร์มที่มักเกิดจากบอต ที่ผ่านมา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานอัตโนมัติ เพื่อเลียนแบบการกระทำของมนุษย์อย่างบอตนั้นสามารถทำงานซ้ำๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์

"ฝั่งโซเชียลมีเดีย เราจะเห็นผู้ใช้ที่เป็นบอตสร้างคอนเทนต์ปลอมและเฟคนิวส์ ฝั่งเกม เราจะเห็นบอตมาเล่นเกมทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่ยุติธรรม ในโลกของการซื้อตั๋วคอนเสิร์ต เราจะเห็นบอตเข้ามากว้านซื้อจนทำให้คนธรรมดาไม่สามารถกดซื้อเองได้และต้องไปซื้อกับรีเซลเลอร์ มากไปกว่านั้น เรายังได้เห็นบอตเข้ามาหลอกลวงคน เป็นมิจฉาชีพที่เราเห็น"

CAPTCHA อาจไม่ใช่คำตอบในการแยกแยะผู้ใช้ที่เป็นมนุษย์อีกต่อไป
หลักคิดของ World คือการไม่ได้รู้ว่าผู้ใช้คือใคร แต่รู้เพียงว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไอเดียนี้พัฒนาโดย “อเล็กซ์ บลาเนีย” (Alex Blania) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tools For Humanity), "แซม อัลท์แมน" (Sam Altman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI และ “ฟาเบียน โบเดนสไตเนอร์” (Fabian Bodensteiner) กรรมการผู้จัดการ World Foundation โดยใช้เทคโนโลยี Zero-Knowledge Proof ที่เชื่อว่ามีความปลอดภัยสูง จนพันธมิตร 11 รายใหญ่ในไทยขานรับร่วมโปรเจ็กต์นี้แล้วหลังจากเริ่มชิมลางเปิดตัวในไทยครั้งแรกมีนาคม 2568

***คิดมาครบ สมเป็นโลก

ภัคพลระบุว่าภายในระบบนิเวศของเครือข่าย World จะมีโปรดักส์ 5 ส่วน คือ ออร์บ (Orb), เวิลด์ไอดี (World ID), เวิลด์แอป (World App) เวิลด์เชน (World Chain) และเวิลด์คอยน์ (Worldcoin) โดยตัว Orb จะถ่ายภาพม่านตาผู้ใช้ แล้วแปลงภาพม่านตาเป็นรหัส 12,800 หลัก จากนั้นนำมาเข้ารหัสแล้วเก็บในโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้เอง แล้ว Orb จะลบภาพม่านตานั้นทิ้งไป

5 ขั้นตอนการส่งข้อมูลภาพถ่ายม่านตามนุษย์ ที่ยังไม่มีการพูดถึงประเด็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
สิ่งที่ผู้ใช้จะได้รับคือ World ID ซึ่งเปรียบเทียบได้เหมือนพาสปอร์ตดิจิทัลที่ทำให้ผู้ใช้มีบัตรที่สามารถใช้บริการออนไลน์ต่างๆที่ต้องการการยืนยันความเป็นมนุษย์ได้

ถามว่าตัวตน World ID จะถูกเก็บไว้ที่ใดในโทรศัพท์มือถือ? คำตอบคือ World App ซูเปอร์แอปที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รู้ว่า Orb ใกล้ตัวอยู่ที่ไหน และมีบริการออนไลน์อะไรรออยู่ ส่วนนี้เองที่เป็นหน้าที่ของ World Chain ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ World สร้างขึ้นมาในฐานะบล็อกเชนที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ ทำให้นักพัฒนาแอปพลิเคชันสามารถเลือกใช้ World Chain แล้วพัฒนาบริการที่ให้สิทธิพิเศษกับมนุษย์ได้แบบมั่นใจว่าสิทธิพิเศษนั้นจะไม่ตกอยู่กับ AI หรือบอตแน่นอน

และสุดท้ายคือสิ่งที่เรียกว่า Worldcoin ที่เป็นสกุลเงินหรือคริปโตเคอร์เรนซี ที่ World เตรียมไว้ให้ทุกคนใช้งานอยู่ภายในระบบนิเวศ World นั่นเอง

World App พื้นที่เก็บ World ID ซึ่งอาจจะมีการเปิดให้ผู้ใช้อนุญาตเผยข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ด้วยตัวเองในอนาคต

บนเครือข่าย World ย่อมมีนานาแอปพลิเคชันที่พร้อมแจ้งเกิด

เหรียญ Worldcoin ถูกออกแบบมาให้ใช้จับจ่ายบน World Network
***จับตา World ใบมหึมา

ภัคพลเผยว่าปี 2025 เครือข่าย World มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วมาก ปัจจุบันนี้มีผู้ใช้งานอยู่ 28 ล้านคนทั่วโลก โดยมีผู้ยืนยันตัวตนกับ Orb แล้วกว่า 13 ล้านคน ทำให้ปริมาณทรานแซคชั่นทะลุ 1.5 ล้านครั้งต่อวัน

World มีผู้ใช้งาน 28 ล้านคนทั่วโลก มีผู้ยืนยันตัวตนกับ Orb แล้วกว่า 13 ล้านคน ทำให้ปริมาณทรานแซคชั่นทะลุ 1.5 ล้านครั้งต่อวัน
เฉพาะในส่วนของ Orb ภัคพลเผยว่ามีการพัฒนาใหม่ถึงรุ่นที่ 3 ทำให้มีขนาดเล็กลง ซึ่ง Tools For Humanity จะเดินหน้านำ Orb รุ่นใหม่เข้ามาติดตั้งในพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่คนไทยสัญจรผ่านไปมา

11 พันธมิตรในไทยรอบล่าสุดของ World จึงประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ซึ่งจะวางจุดติดตั้ง Orb อุปกรณ์ล้ำสมัยสำหรับสแกนดวงตาและใบหน้า ให้ผู้ใช้สร้างหลักฐานดิจิทัลยืนยันความเป็นมนุษย์ โดยล่าสุดเครื่อง Orb ได้ถูกติดตั้งที่หน้าร้าน BaNaNa ของบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, ร้าน JIB ของบริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด, สาขาของ NT ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และนานาพื้นที่ของศูนย์แสดงสินค้า IMPACT

2. กลุ่มผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ที่จะรองรับการใช้งาน World ID ซึ่งจะมีการมอบฟีเจอร์พิเศษบางอย่างให้กับผู้ใช้ที่เข้าใช้งานผ่าน World ID และยืนยันได้ว่าเป็นมนุษย์จริง เช่น Pantip เว็บบอร์ดสุดฮิตของคนไทยที่วางแผนนำความเห็นที่ล็อกอินผ่าน World ID ขึ้นมาแสดงในหน้าแรก เนื่องจากเป็นความเห็นที่ยืนยันได้ว่ามาจากมนุษย์จริง นอกจากนี้ยังมี Whoscall ของบริษัท Gogolook ที่จะใช้ World ID ในการป้องกันสแกมเมอร์ที่ดีขึ้น รวมถึงแพลตฟอร์มจองตั๋วการแสดง Eventpop และผู้พัฒนาเกมออนไลน์ Ragnarok Landverse อย่าง Zentry ที่จะนำ World ID มาใช้งานบนแพลตฟอร์ม

พันธมิตรไทยในระบบ World
3. กลุ่มนักพัฒนาผู้ใช้ World Chain ภัคพลย้ำว่าบล็อกเชนแรกของโลกสำหรับยืนยันความเป็นมนุษย์นั้นพร้อมใช้งานกับบริการคริปโตฯและการเงินดิจิทัลในไทย ทั้ง Bitazza Thailand, BINANCE TH และ Bitkub ซึ่งในระดับสากล World กำลังร่วมมือกับแอปหาคู่อย่าง Tinder และอื่นๆ เพื่อให้ฟีเจอร์พิเศษกับผู้ใช้ที่ยืนยันความเป็นมนุษย์แล้ว 

ในส่วนพันธมิตรกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มแนวร่วมจากหลายอุตสาหกรรม ที่จะจับมือกระจายความยิ่งใหญ่ของ World ต่อไป

***สร้างโลกใหม่ ใครได้ใครเสีย?


แม้ภัคพลจะไม่ได้บอกว่าเครือข่าย World จะสร้างรายได้อย่างไร แต่ระบบนิเวศของ World สะท้อนว่าทุกการชำระเงินจะมีการใช้เหรียญ Worldcoin โทเคนหลักของโครงการเป็นค่าธรรมเนียม ซึ่งสถิติล่าสุดที่ชี้ว่าเหรียญ Worldcoin มีจำนวนผู้ใช้พุ่งทะลุ 10 ล้านคนนั้นยังเพิ่งเริ่มต้น และ Worldcoin มองไกลถึง 100-300 ล้านรายในอนาคต แสดงถึงเม็ดเงินค่าธรรมเนียมที่จะถูกจัดสรรไปหล่อเลี้ยงเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง

ระบบนิเวศของ World ยังนำไปสู่การลดอำนาจบอตด้วย เช่น บางแพลตฟอร์มมีการกำหนดค่าธรรมเนียมใช้งานที่ถูกกว่าสำหรับมนุษย์ ส่วนบอตหรือผู้ใช้ทั่วไปอาจจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น เพื่อนำมาอุดหนุนค่าธรรมเนียมให้ผู้ใช้ปกติ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นพลังของ World Chain ในการดัดหลังบอต และสร้างระบบที่มนุษย์ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้แนวคิดทั้งหมดจะน่าสนใจ และถ้าประสบความสำเร็จ ก็อาจเปลี่ยนเกมการใช้งานคริปโตได้ทั่วโลก แต่วันนี้ Worldcoin กำลังเผชิญกับการตรวจสอบจากหลายประเทศ เช่น สเปน โปรตุเกส และเคนยา เกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลชีวภาพ

AI และบอต กำลังเพิ่มจำนวนแซงหน้ามนุษย์จริงบนอินเทอร์เน็ต
สำหรับอนาคต มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการถามผู้ใช้ไปที่ World App เพื่อให้ผู้ใช้อนุญาตให้ข้อมูลที่บอกว่าเป็นคนชาติใด เพศอะไร ซึ่งเชื่อว่าจะต่อยอดสู่ธุรกิจโฆษณาได้อีก

“ในส่วนประเทศไทย เป้าหมายใหญ่ของโปรเจ็กต์นี้มี 3 ส่วน คือการขยายเครือข่าย Orb ทั่วพื้นที่ โดยปัจจุบันยอดการยืนยันบุคคลในไทยอยู่ที่ 6,000 คนต่อวัน เชื่อว่าจะขยายเป็นหลักหมื่นต่อวันในอีกไม่นาน เป้าหมายต่อมาคือการใช้งานจริง เชื่อว่าจะช่วยยกระดับการใช้งานบริการได้หลากหลาย และเป้าหมายที่ 3 คือการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องของ World และระบบนิเวศน์”

ที่สุดแล้ว จุดบริการ Orb อาจถูกปูพรมไปทั่วทุกร้านสาขาในเครือ JIB และ Com7 รวมถึงศูนย์การค้า ร้านอาหารในมือ IMPACT เพื่อรองรับประชากรกว่า 3 แสนคนในพื้นที่และผู้ร่วมงานอีเวนต์ ซึ่งเป้าหมาย 1,000 จุดทั่วไทยในปี 2025 นั้นจะนำไปสู่ยอดผู้ใช้เครือข่าย World อีกหลายล้านคนแน่นอน.

“ฟาเบียน โบเดนสไตเนอร์” (Fabian Bodensteiner) กรรมการผู้จัดการ World Foundation


กำลังโหลดความคิดเห็น