xs
xsm
sm
md
lg

โจรไซเบอร์ชุก กสทช. งัด 7 มาตรการเชือดค่ายมือถือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คดีไซเบอร์พุ่งไม่หยุด! กสทช.งัด 7 มาตรการเชือดค่ายมือถือ-แพลตฟอร์มดัง หลังโจรออนไลน์ระบาดหนัก ไทยกลายเป็นสวรรค์มิจฉาชีพข้ามชาติ

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.68 พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า อาชญากรรมออนไลน์กลับมาน่ากลัวอีกครั้งในประเทศไทย หลังจำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีพุ่งทะยานขึ้นอีกระลอก จนเกือบแตะระดับสูงสุดเมื่อเดือน ธ.ค.67 แม้ช่วงเดือน ก.พ.68 จะเคยชะลอลงชั่วคราวจากผลของมาตรการปราบปรามอย่างเข้มข้นในช่วงต้นปี แต่ล่าสุด ตัวเลขกลับดีดตัวสวนทางชัดเจน ทำให้สำนักงาน กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบระดมสมองงัดมาตรการใหม่มาสกัดกระแสโจรไซเบอร์ที่กลับมาระบาดอีกครั้ง

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า ความหวังล่าสุดอยู่ที่ 7 มาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามพระราชกำหนดว่าด้วยมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่ 13 เม.ย.68 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการบังคับให้ค่ายมือถือต้องร่วมรับผิดชอบจริงจัง ไม่ใช่แค่ขอความร่วมมือแบบในอดีต

"แม้ขณะนี้มาตรการดังกล่าวจะยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เพราะอยู่ระหว่างการเสนอเข้าที่ประชุม กสทช. แต่เนื้อหาทั้งหมดผ่านการรับรองจากคณะอนุกรรมการฯ ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.68 ที่ผ่านมา เมื่อประกาศฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะไม่ต้องรับผิดชอบกรณีประชาชนถูกหลอกลวง หากดำเนินการตามมาตรการครบถ้วน" พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าว

สำหรับ 7 มาตรการที่ว่าประกอบด้วย 1.ตรวจสอบและระงับการใช้งานของเบอร์โทรต้องสงสัยทันที เช่น โทรออกอย่างเดียว, โทรหาหลายเบอร์ไม่ซ้ำ, โทรจำนวนมากจากพิกัดเดิม หรือโทรจากแนวชายแดน 2.ระงับเบอร์ทันทีเมื่อได้รับแจ้งจาก กสทช. ว่าเป็นเบอร์ต้องสงสัย 3.ตรวจสอบข้อมูลเบอร์ใหม่ภายใน 7 วันแรก ว่าตรงกับข้อมูลที่ลงทะเบียนหรือไม่ 4.ตรวจสอบ SMS และลิงก์ก่อนส่ง 5.ห้ามเชื่อมต่อซิมบ็อกซ์เถื่อนหรือซิมบ็อกซ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าระบบเครือข่าย 6.จำกัดซิมต่างชาติ ไม่เกิน 3 ซิม/คน/เครือข่าย และต้องใช้พาสปอร์ตเท่านั้นในการยืนยันตัวตน และ 7.ซิมนักท่องเที่ยวใช้ได้ไม่เกิน 60 วัน และห้ามเติมเงินขยายอายุ หากต้องการใช้งานต่อ ต้องยืนยันตัวตนใหม่

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงกดดันผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น แต่ยังโยงไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ระดับโลกอย่าง Facebook และ YouTube ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและมีอำนาจควบคุมพฤติกรรมผู้ใช้ ในทางปฏิบัติ ความร่วมมือมักถูกจำกัดด้วยต้นทุน และความรับผิดชอบ ที่ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย เมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลใช้จริง ผู้ให้บริการเหล่านี้จะไม่สามารถอ้างว่า ไม่รู้ ไม่เกี่ยว ได้อีก หากไม่ดำเนินการตามข้อบังคับก็อาจต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตรง

ทั้งนี้ ปัจจุบันอาชญากรรมไซเบอร์มีความซับซ้อนและกระจายตัวสูงขึ้น ตัวการใหญ่ปรับกลยุทธ์หลบเลี่ยงการตรวจจับ ทำให้หน่วยงานไทยมักจับได้เพียงปลายเหตุ เช่น ซิมผี หรือ บัญชีม้า โดยไม่สามารถตัดวงจรทั้งระบบได้สำเร็จ ขณะเดียวกันประเทศไทยเองก็กลายเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่เปิดช่องให้แก๊งมิจฉาชีพทั่วโลกเข้ามาหลอกเหยื่อได้อย่างง่ายดาย

แม้มีกฎหมายเฉพาะที่ให้อำนาจ กสทช. ดำเนินคดีอาญาได้ แต่ในทางปฏิบัติกลับยังไม่ครอบคลุมพอ เพราะอาชญากรรมออนไลน์พัวพันกับระบบสื่อสารทั้งระบบ ทั้งกฎหมายโทรคมนาคมและข้อกำหนดสำหรับผู้ให้บริการ ทำให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยยังขาดความเข้าใจและความเชี่ยวชาญเชิงลึก ก่อให้เกิดช่องว่างในการบังคับใช้

อีกหนึ่งจุดอ่อนคือ อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจาก กสทช. หากถูกนำเข้าและใช้งาน จะถือว่าผิดกฎหมายตั้งแต่ต้นทางทันที และมีโทษทางอาญาตามมา

ประเด็นที่กำลังถูกจับตาในแวดวงโทรคมนาคมไทย คือ กรณี Starlink ของอีลอน มัสก์ ที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการในไทยได้ เพราะติดข้อกฎหมายที่จำกัดสัดส่วนการถือหุ้นต่างชาติไว้ไม่เกิน 49% ขณะที่ มัสก์ต้องการถือหุ้น 100% เต็ม เขาจึงเบนเข็มไปเปิดให้บริการในประเทศเพื่อนบ้าน โดยไม่ต้องตั้งสถานีภาคพื้นในไทย ส่งผลให้มิจฉาชีพสามารถใช้สัญญาณข้ามพรมแดนเข้ามาหลอกเหยื่อคนไทยได้โดยไม่ต้องผ่านการควบคุมของรัฐไทยแม้แต่น้อย


กำลังโหลดความคิดเห็น