'ไปรษณีย์ไทย' ลุยส่งยา หมา-แมว ถึงบ้านทั่วประเทศ

'ไปรษณีย์ไทย' ลุยตลาดสัตว์เลี้ยง! ผนึกจุฬาฯ ส่งยา-เวชภัณฑ์ถึงบ้านผ่าน EMS ตีตลาดคนรักหมาแมว ลดแออัด รวดเร็วทันใจ รับเทรนด์สัตว์เลี้ยงปี 68 โต 6%

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.68 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จับมือคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ เปิดตัวแคมเปญ "พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก" ยกระดับบทบาทของไปรษณีย์ไทยจากผู้ให้บริการขนส่งสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพสัตว์เลี้ยง ด้วยระบบจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยงผ่านบริการ EMS ครอบคลุมทั่วประเทศ ตอบโจทย์กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ในเมืองและพื้นที่ห่างไกล

บริการภายใต้โครงการนี้แบ่งเป็น 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ บริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้รับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ และบริการส่งยาแบบออนไลน์ผ่านระบบ Televet ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ไม่สะดวกเดินทางไปรับยาเอง โดยมุ่งหวังลดระยะเวลารอคอย ลดความแออัดในโรงพยาบาลสัตว์ และอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงยาและการรักษาให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า โครงการนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายบทบาทของไปรษณีย์ไทยจากภาคการขนส่งทั่วไป มาสู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานในระบบสุขภาพของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มบริการสุขภาพสัตว์ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมของประชาชนที่หันมาเลี้ยงสัตว์มากขึ้น และให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงไม่ต่างจากสมาชิกในครอบครัว

ไปรษณีย์ไทยชูแนวคิด "Parcel Defined Logistics" ซึ่งเป็นการออกแบบระบบขนส่งให้เหมาะสมกับสินค้าทุกประเภท โดยเฉพาะยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ที่ต้องอาศัยความรวดเร็ว ความแม่นยำ และมาตรฐานสูงในการจัดส่ง ปัจจุบัน ไปรษณีย์ไทยให้บริการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ มากกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ อาทิ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมีปริมาณการจัดส่งรวมกว่า 2.32 ล้านชิ้น

บริการจัดส่งยาสำหรับสัตว์เลี้ยงจะใช้ระบบ EMS ที่สามารถจัดส่งภายใน 1-2 วัน พร้อมบรรจุภัณฑ์เฉพาะสำหรับยาและเวชภัณฑ์ เพื่อคงคุณภาพและประสิทธิภาพของยา นอกจากนี้ยังรองรับการตรวจสอบสถานะการจัดส่งแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านระบบของไปรษณีย์ไทย โดยมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 120 บาทต่อครั้ง พร้อมเครือข่ายจัดส่งครอบคลุมกว่า 50,000 จุดทั่วประเทศ และบุรุษไปรษณีย์ที่มีความชำนาญมากกว่า 25,000 คนทั่วไทย

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับจุฬาฯ ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่โครงการบริการจัดส่งยาเท่านั้น แต่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไปรษณีย์ไทยในการเป็นพันธมิตรด้านสุขภาพของประชาชนและสัตว์เลี้ยง โดยสามารถเชื่อมโยงระบบบริการ การรักษา และเวชภัณฑ์จากแหล่งต้นทางไปสู่ปลายทางอย่างปลอดภัย รวดเร็ว และเชื่อถือได้ โดยเฉพาะการเข้าถึงในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลซึ่งขาดแคลนบริการสุขภาพสัตว์แบบดั้งเดิม

ไปรษณีย์ไทยยังมองเห็นโอกาสในการต่อยอดความร่วมมือนี้ไปยังโรงพยาบาลสัตว์ในภูมิภาคหรือเครือข่ายอื่นๆ ทั่วประเทศ และใช้ระบบขนส่งที่มีอยู่เดิมในการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดสัตว์เลี้ยงในอนาคต โดยจากการคาดการณ์ในปี 2568 ประเทศไทยจะมีสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของราว 5.38 ล้านตัว เพิ่มขึ้นประมาณ 6% จากปีที่ผ่านมา โดยสัตว์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ สุนัขและแมว ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริการนี้

โครงการ "พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก" จึงไม่ใช่แค่การส่งยา แต่เป็นการวางรากฐานของระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงไทยในยุคใหม่ ที่เชื่อมโยงภาควิชาการ ภาครัฐ และภาคบริการเข้าด้วยกันผ่านเทคโนโลยีโลจิสติกส์อย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยง และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมไทยในระยะยาว