Amadeus (อมาเดอุส) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจองตั๋วเครื่องบิน - ที่พักในโรงแรม เผยข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ยังเติบโต และมีการใช้จ่ายที่สูงขึ้น พร้อมแพลนในการเดินทางล่วงหน้าที่ตามปกติแล้วนักท่องเที่ยวจะกลับมาเข้าพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงไฮซีซั่น
นายเอ็ดเวิร์ด ไรต์ รองประธานภูมิภาคเอเชียของ Amadeus ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน Amadeus เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจุดเริ่มต้นจากการพัฒนาระบบ GDS (Global Distribution System) และขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันมีทีมงานกว่า 20,000 คน ให้บริการในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก
“Amadeus ทำหน้าที่เชื่อมต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ให้บริการด้านการเดินทาง (Travel Providers) เช่น สายการบิน โรงแรม สนามบิน ไปจนถึงผู้ขาย (Travel Sellers) อย่างตัวแทนท่องเที่ยวและนักเดินทาง แพลตฟอร์มของ Amadeus รองรับผู้โดยสารขึ้นเครื่องกว่า 2.2 พันล้านคนต่อปี และทำงานร่วมกับพันธมิตรโรงแรมกว่า 1,300 แห่ง รวมถึงแบรนด์ชั้นนำอย่าง Hilton, Marriott, IHG และ Accor”
จากข้อมูลที่มี ทำให้ Amadeus ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศการเดินทาง แต่ยังเป็นขุมทรัพย์ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว สามารถนำข้อมูลไปใช้เพื่อคว้าโอกาส ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างชัดเจ
สิ่งที่ทำให้ Amadeus มีข้อมูลจำนวนมหาศาล มาจากการที่ลงทุนพัฒนาทั้ง เทคโนโลยีโรงแรม (Hotel Technology) ครอบคลุมระบบสำรองห้องพัก (Reservations & Booking Engine), การบริหารจัดการช่องทางขาย (Channel Distribution), การขายและการจัดเลี้ยง (Sales & Catering) ไปจนถึงการปฏิบัติการในโรงแรม (Operations) ต่อเนื่องไปจนถึง บริการจัดจำหน่าย (Distribution Services) นำเสนอผลิตภัณฑ์การเดินทางอื่นๆ เช่น รถเช่า, บริการรับส่ง และประกันการเดินทาง
"เราให้ความสำคัญอย่างมากกับการเติบโตในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย ด้วยการมีทีมงานที่สื่อสารภาษาไทยเข้าไปสนับสนุนพันธมิตรท้องถิ่น เช่น Hoppin และ B2 ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ปรัชญาของเราคือการเป็นพันธมิตรเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จ"
นางสาวเคธี่ โมโร รองประธานฝ่ายพันธมิตรด้านข้อมูลของ Amadeus ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับหน่วยธุรกิจ Travel Intelligence ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล โดยรวบรวมข้อมูลจากหลากหลายแหล่งเพื่อสร้างภาพรวมตลาดที่สมบูรณ์
"เราวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลการจอง 450 ล้านรายการ, การค้นหาตั๋วเครื่องบินกว่า 200 ล้านครั้งต่อวัน, ข้อมูลการจอง 100% จากระบบ GDSs, และข้อมูลจากโรงแรมกว่า 65,000 แห่งทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเข้าใจแนวโน้มตลาดได้อย่างลึกซึ้ง"
ข้อมูลเหล่านี้สามารถเจาะลึกได้ถึงข้อมูลประชากรของนักเดินทาง เช่น อายุ, เพศ, สัญชาติ ไปจนถึงข้อมูลพฤติกรรมการจองล่วงหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถมองไปข้างหน้าได้ถึง 12 เดือน อย่างเช่นข้อมูลจาก Amadeus ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2025 พบว่า มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เติบโตอย่างน่าสนใจ
โดยปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางมายังกรุงเทพฯ เติบโตขึ้น 13% และปริมาณการเดินทางในปี 2025 ยังคงสูงกว่าปี 2024 และ 2023 อย่างต่อเนื่องในเกือบทุกเดือน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจีนกลายเป็นตลาดที่ค้นหาเที่ยวบินมากรุงเทพฯ เป็นอันดับ 1 (จากเดิมอันดับ 4) และยอดผู้โดยสารขาเข้าจริงก็พุ่งสูงขึ้นถึง 97% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ขยับจากอันดับ 10 มาอยู่ที่อันดับ 5
นอกจากนี้ ยังพบว่า อัตราการเข้าพักของโรงแรมในกรุงเทพฯ จะต่ำกว่าปีก่อนหน้าเล็กน้อย แต่อัตราค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) กลับสูงกว่าปีก่อนหน้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบ่งชี้ว่าโรงแรมยังสามารถรักษาระดับราคาไว้ได้ ทำให้นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายที่มากขึ้น ส่วนพฤติกรรมและช่องทางในการจองกว่า 50% ของนักเดินทางจองตั๋วมายังกรุงเทพฯ ล่วงหน้ามากกว่า 61 วัน ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับโรงแรมในการทำโปรโมชัน ขณะที่ช่องทางการจองตรงผ่านเว็บไซต์โรงแรม (Direct Bookings) มีสัดส่วนลดลงเล็กน้อย ชี้ให้เห็นโอกาสที่โรงแรมควรหันมาลงทุนเพื่อดึงดูดลูกค้ากลับมาจองตรงมากขึ้น
ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในแง่การค้นหาและการจอง และยังได้รับประโยชน์จากการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ แน่นอนว่าแม้ภาพรวมจะเติบโต แต่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อพฤติกรรมของนักเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อสร้างความได้เปรียบและเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ผู้บริหาร Amadeus ก็เห็นแนวโน้มการเติบโตของการท่องเที่ยวในเวียดนามเช่นเดียวกัน ซึ่งนับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้ประเทศไทย ต้องมีการปรับตัวและชูความแข็งแรงในเรื่องของ Hospitality เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับมาในไทย