ผู้จัดงานคอมมาร์ต (COMMART) มั่นใจตลาดไทยคึกคักตามตัวเลขจัดส่ง PC ทั่วโลกในไตรมาส 1 ปีนี้ที่กำลังดีดตัวขึ้นแรง ชี้ตัวเร่งสำคัญไม่ใช่เพียงเอไอพีซี (AI PC) แต่ยังมีประเด็นที่ไมโครซอฟท์ (Microsoft) วางกำหนดหยุดซัปพอร์ตวินโดวส์ 10 (Windows 10) ในเดือนตุลาคม 69 ซึ่งจะทำให้ PC กว่า 240 ล้านเครื่องทั่วโลก ที่อัปเกรดเป็น Windows 11 ไม่ได้ จะต้องหาตัวใหม่ ด้านเจ.ไอ.บี. (J.I.B.) เจ้าพ่อค้าปลีกรับต้นปี 68 เหนื่อยนิดหน่อยแต่ยอดขายโตตามเป้าหลังหาสินค้าใหม่ป้อนตลาดตลอดเวลา เชื่อปี 68 ปิดปีได้ที่ 9 พันล้านบาท
นายบุญเลิศ นราไท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่าข่าวการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และวิกฤตแผ่นดินไหวในไทยล้วนมีผลเปลี่ยนแปลงการซื้อขายสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยที่ผ่านมา การที่ งบประมาณของประเทศไม่ล่าช้า และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาช่วย ล้วนทำให้ตลาดทรงตัวและไม่ผันผวนมากนัก แต่เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว พบว่าตลาดคึกคักมากขึ้นจากภาวะที่ผู้บริโภคให้ความสนใจซื้อบ้าน และกังวลกับการอาศัยในคอนโดมีเนียม โดยมีกระแสซื้ออุปกรณ์ใหม่เข้าใช้ในบ้านตั้งแต่ช่วงงาน คอมมาร์ตต้นปี 2568
"ครั้งที่แล้วเรากังวลเพราะงานจัดไม่ทันโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีปี 2568 แต่กลับมีคนเดินงานเพิ่มขึ้น 40% พบว่า 1 คนใช้จ่ายเฉลี่ย 36,000 บาท และส่วนใหญ่ที่มาออกบูธ สามารถขายดีขึ้น ตอนนี้ตัวเลขทั้งโลก ไตรมาส 1 ส่งพีซีเพิ่มขึ้น 9.4% และรายใหญ่อย่าง JIB ก็มียอดขายเติบโตขึ้นในไทยมากกว่าปีที่แล้ว"
บุญเลิศเชื่อว่าแม้ผู้ประกอบการในไทยจะรู้สึกถึงภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง แต่สินค้าไอทียังมีภูมิต้านทาน เนื่องจากเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต นอกจากนี้ยังมีแรงเสริมเรื่องไมโครซอฟท์ไม่สนับสนุนวินโดวส์ 10 ทำให้ผู้ใช้อัปเดทซีเคียวริตี้ไม่ได้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเรื่องปัญหาความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ 240 ล้านเครื่องที่อัปเกรดเป็นวินโดวส์ 11 ไม่ได้ย่อมมีโอกาสซื้อเครื่องใหม่
" ถ้าดูของไทย ปี 2025 ตั้งแต่มกราคม พบว่าเครื่องที่ใช้วินโดวส์ 10 เป็นสัดส่วนเกือบ 26.8 ล้านเครื่อง ที่กระจายในองค์กรและบ้าน เชื่อว่าราว 15 ล้านเครื่องจะมีโอกาสไปต่อไม่ได้ ดังนั้นยอดขายคอมพิวเตอร์ 1.5-2 ล้านเครื่อง จึงมีโอกาสเกิดการซื้อขายในประเทศ อาจจะเป็นโอกาสซื้อเครื่องใหม่เพื่อให้องค์กรปลอดภัย เพราะคอมพิวเตอร์กลุ่มนี้ซื้อซีเคียวริตี้ไม่ได้"
สำหรับเทรนด์ไอทีในครึ่งปีหลังของ 2568 บุญเลิศยกให้โน้ตบุ๊กที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพรองรับการใช้งาน AI เต็มรูปแบบ ทั้งชิปและการ์ดจอใหม่ ซึ่งในส่วนด้านคอมพ์ประกอบ ก็มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่ออัปเกรดสู่ประสิทธิภาพการใช้งาน AI ที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะ GPU
ด้านอุปกรณ์ DIY บุญเลิศชี้ว่าเทรนด์การตกแต่งหน้าจอแสดงผลขนาดเล็กลงบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มีความชัดเจนมากขึ้น โดยกระแสคอนเซ็ปต์ Everything has a screen หรือ "ทุกอย่างมีจอแสดงผล" ทำให้นักประกอบคอมพ์แห่ซื้อจอจิ๋วไปติดอุปกรณ์ต่างๆแม้กระทั่งพัดลม ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบประสิทธิภาพระหว่างทำงานและเพิ่มความสวยงาม ขณะที่ด้านจอมอนิเตอร์ แบบ OLED เชื่อกำลังมาแทนที่หน้าจอ LED ด้วยความละเอียดและภาพที่ดีขึ้น แถมประหยัดพลังงาน และมีตัวเลือกเพิ่มขึ้น ในราคาที่ถูกลง
ที่สำคัญ ตลาดไอทียังมีทิศทางการเติบโตที่ดีในกลุ่ม Gaming และ Gadget ที่เพิ่มความสามารถของ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม PC รวมถึงเครื่องเล่นเกมคอนโซลรุ่นใหม่ อย่าง Nintendo Switch2 ที่เริ่มวางขายในช่วงนี้ด้วย ขณะที่อุปกรณ์เกมมิ่ง Gaming Handheld กำลังได้รับความนิยม และมีให้เลือกมากขึ้น ในคอมมาร์ตถือจะเป็นโอกาสดีที่เปิดให้ทดลองใช้งานจริง
ด้วยเทรนด์และกระแสเหล่านี้ บุญเลิศเชื่อว่าจะเป็นผลดีกับงาน COMMART UNLIMIT ครั้งใหม่ที่จะจัดขึ้น 3-6 กรกฎาคม 2568 ณ EH 98 - 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ท่ามกลางพันธมิตร ACE, ASUS, AMD, AppleSheep, Ascenti, Banana, Bewell, Ergotrend, E-Quip, Epson, iStudio by SPVI, Studio7, IT City, J.I.B, Lenovo, MSI, Secretlab, SPEED Computer , Honeywell และ เครดิตบูโร
นายสมยศ เชาวลิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ร้านค้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ เผยว่า J.I.B. ปี 2568 มีรายได้เติบโตขึ้นตามเป้าหมาย และเชื่อว่าเทรนด์ความนิยมในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะกระตุ้นให้สินค้าไอทีไทยมียอดขายเพิ่มขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังของปี
"ถ้าเทียบ 5 เดือนแรกของปีนี้และปีที่แล้ว J.I.B. เติบโต 11% เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดี ตรงตามเป้าหมาย เทรนด์ปีนี้มีสินค้าใหม่จำนวนมาก การ์ดจอใหม่ ชิปใหม่ที่ราคาแพงขึ้น ทำให้ยอดขายเติบโต บางกลุ่มประเภทสินค้าแม้จะมียอดขายจำนวนเท่าเดิม แต่ด้วยราคาเฉลี่ยต่อชิ้นที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นด้วย คาดว่าปีนี้จะปิดได้ตามเป้าหมาย 9 พันล้านบาท"
สำหรับ J.I.B. บริษัทมีแผนเพิ่มเติมสินค้าใหม่ตลอดเวลา และมีการปรับเว็บไซต์ขายปลีก โดยนำ AI มาให้เพื่อช่วยผู้ใช้สามารถค้นหาและเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น คาดว่าจะเอื้อให้ตลาดไอทีขยายตัวอีกในอนาคต.