อีกเทคโนโลยีที่จะทำให้ชาวโลกต้องคิดใหม่เรื่องการรู้จักตัวเอง "e-tattoo" อีแทตทูหรือสติกเกอร์รูปรอยสักอิเล็กทรอนิกส์ที่จะแก้ปัญหาการไม่รู้สึกตัวของผู้ที่เหนื่อยจนปวดหัวหรือเบื่อจนอยากหลับ ซึ่งมักไม่ทราบขีดจำกัดของสมอง จนทำให้บางครั้งเริ่มรู้สึกตัวเมื่อล้มป่วยไปแล้ว
***แปะติดหน้าผาก แล้วเตือน "พักหน่อยเถอะ"
นี่ไม่ใช่เรื่องแฟนตาซี เพราะนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน สามารถพัฒนา "e-tattoo" ออกมาในฐานะรอยสักอิเล็กทรอนิกส์ที่อ่านคลื่นสมองได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล แล้วใส่หมวกวัดคลื่นสัญญาณสมอง EEG ที่ดูเหมือนนักบินอวกาศ
เพียงแค่แปะสติกเกอร์ที่หน้าผากและแก้ม ระบบจะคอยสแกนคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา แล้วบอกผู้ใช้ที่กำลังเหนื่อยมากให้หยุดพักสักนิด และที่เจ๋งกว่านั้นคือ สติกเกอร์นี้ไม่ต้องใช้สายไฟยุ่งยาก มีเพียงแบตเตอรี่น้ำหนักเบาที่แขวนไว้หลังใบหู ซึ่งดูกลมกลืนไม่เป็นที่สังเกต
รายงานระบุว่า กระบวนการทดสอบระบบนี้จะมีการเปิดให้ทำแบบทดสอบความจำ ซึ่งยิ่งระดับความยากมากขึ้นเท่าใด e-tattoo จะตรวจจับได้ว่าคลื่นสมองเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเท่านั้น โดยเมื่อมีคลื่น Theta และ Delta เกิดขึ้นระบบจะตีความว่าสมองกำลังทำงานหนัก และเมื่อมีคลื่น Alpha, Beta, Gamma ลดลง ก็จะแปลว่าสมองของผู้ใช้เริ่มเหนื่อยล้าแล้ว
นอกจากนี้ สติกเกอร์รอยสักไฮเทคยังมี AI ที่สามารถทำนายล่วงหน้าได้ว่า "อีก 5 นาทีสมองคุณอาจจะแฮงค์นะ" คาดว่านวัตกรรมนี้จะเป็นประโยชน์กับนักบิน หมอ หรือทหาร ที่ต้องทำภารกิจสำคัญ ซึ่งหากได้รู้ล่วงหน้าว่าสมองกำลังจะอ่อนล้า ย่อมจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้มาก เช่นเดียวกับผู้ขับรถบรรทุกที่ต้องขับรถต่อเนื่องเป็นเวลานาน
แม้แต่นักเรียนที่ต้องสอบปลายภาค หากติด e-tattoo ก็จะทราบว่าเมื่อไหร่ควรพัก เพื่อจะได้อ่านหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือพนักงานออฟฟิศที่ทำงานหนัก ก็จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะหมดไฟหรือ Burnout ได้
สำหรับเรื่องราคา จากปกติที่เครื่อง EEG นั้นมีราคาแพงหลัก 500,000 บาท แต่ e-tattoo นี้มีต้นทุนการผลิตต่ำ 6,500 บาท มีเซ็นเซอร์ใช้แล้วทิ้งชิ้นละ 650 บาท ถือว่าราคาประหยัดกว่า 100 เท่า คาดว่าในอนาคตอาจจะมี e-tattoo ที่ติดได้บนเส้นผม เพื่อขยายการใช้งานให้กว้างขึ้นอีก.
