แกร็บ เปิดรายงานความยั่งยืนปี 2567 สร้างรายได้ให้แก่คนขับ และร้านค้าทั่วภูมิภาคกว่า 4.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า ไรเดอร์กว่า 99% มีรายได้ต่อชั่วโมงเท่ากับ หรือสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละประเทศ สะท้อนพันธกิจ GrabForGood หรือ “แกร็บ...เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”
เนื้อหาภายในรายงาน ระบุว่า Grab ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างงานและรายได้ให้กับผู้คนในภูมิภาค โดยในปีที่ผ่านมา คนขับและผู้ประกอบการร้านค้า-ร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม Grab สามารถสร้างรายได้รวมกว่า 12.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4.2 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 16% จากปีก่อนหน้า
ขณะเดียวกันความสามารถในการสร้างรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์ โดยคนขับกว่า 99% ทั่วทั้งภูมิภาคมีรายได้ต่อชั่วโมงจากการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มของ Grab เท่ากับหรือสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงการดูแลคุณภาพชีวิตและการสร้างรายได้ที่เป็นธรรม
Grab ยังได้เปิดโอกาสให้กับ ผู้ประกอบการรายย่อยหน้าใหม่กว่า 600,000 รายเข้าร่วมให้บริการบนแพลตฟอร์ม โดยผู้ประกอบการเหล่านี้มีส่วนสร้างมูลค่าคำสั่งซื้อรวมของบริการ GrabFood และ GrabMart คิดเป็นสัดส่วนถึง 67%
รวมไปถึง Grab ยังได้สนับสนุนด้านสินเชื่อแก่คนขับและผู้ประกอบการรายย่อยรวมกว่า 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ช่วยให้พาร์ทเนอร์เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เน้นย้ำว่า สำหรับในประเทศไทย Grab ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1.79 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 1% ของ GDP ประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงการเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอย่างแท้จริง
“แกร็บมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม"
ทั้งนี้ ความปลอดภัยของผู้ใช้งานและพาร์ทเนอร์เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับ Grab โดยข้อมูลจากรายงานชี้ให้เห็นว่า 99.9% ของการให้บริการผ่าน Grab เป็นไปอย่างปลอดภัย ไม่มีรายงานอุบัติเหตุเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเดินทาง Grab ได้จัดทำ ประกันอุบัติเหตุเพื่อให้ความคุ้มครองกับคนขับทุกคนในระหว่างการให้บริการ
นอกจากนี้ เทคโนโลยีก็มีบทบาทสำคัญในการยกระดับความปลอดภัย โดย ฟีเจอร์ AudioProtect ที่ช่วยบันทึกเสียงระหว่างการเดินทาง มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 2.4 เท่า ยังมีฟีเจอร์ที่เปิดทางให้คนขับที่เป็นผู้หญิงกว่าครึ่งเลือกใช้ฟีเจอร์ “รับผู้โดยสารหญิงเป็นหลัก” (Women Passenger Preferred) นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อช่วงต้นปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในความปลอดภัยและสบายใจของผู้ใช้งาน
ฟีเจอร์ “งดรับช้อนส้อมพลาสติก” ช่วยลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวไปแล้วกว่า 929 ล้านชุด หรือเทียบเท่าการลดขยะพลาสติกได้มากถึง 8,363 ตัน และ Grab ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมในการรวบรวมขยะรีไซเคิลจำนวน 384,519 ชิ้น เพื่อเข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกต้องและยั่งยืน
นางสาวจันต์สุดา กล่าวทิ้งท้ายว่า "เรายังคงเดินหน้าผลักดันโครงการต่างๆ เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และพร้อมร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรธุรกิจ เพื่อร่วมส่งเสริมเศรษฐกิจและพัฒนาสังคมไทยให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง"